ตอนที่ 5 : ▴[AU Fic Spideypool] DANGEROUSLY (Wade x Peter)-Part3
คำแนะนำก่อนอ่าน
เพื่ออรรถรสในการอ่าน แนะนำให้เปิดเพลงคลอไปด้วยนะคะ :)
Dangerously และ I won't tell the soul ของ Charlie Puth ค่ะ
DANGEROUSLY
ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุของเรื่องนี้เกิดจากอะไร แม้คนทั้งคู่จะรู้ตัวว่าการเผลอถลำลึกอาจทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก แต่ก็ไม่อาจหยุดแรงดึงดูดบางอย่างที่แสนจะรุนแรงนี้ลงได้
มันเป็นค่ำคืนที่พวกเขาพบกันโดยบังเอิญเช่นทุกครั้ง ไม่มีการจ้างวานฆ่าหรือโจรกรรมใดๆเข้ามาขัดขวางการสนทนา ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งดลใจให้ปีเตอร์ตอบรับคำเชิญชวนของเดดพูล แต่ในตอนนี้เขากลับกำลังนั่งอยู่ในบ้านของผู้ชายคนนั้นเสียแล้ว
หากนี่เป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อน อาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาร่วมดื่มในคืนที่ท้องฟ้าโปร่งและอากาศพอเหมาะ มือเรียวกระดกเครื่องดื่มรสชาติชมฝาดลงสู่ลำคอ สติที่ถดถอยลงเป็นตัวบ่งบอกว่าเขาคงเริ่มจะพ่ายแพ้ให้กับปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายเสียแล้ว
ภาพเบื้องหน้าคือจอทีวีขนาดใหญ่กำลังฉายภาพหนังแอ็คชันเรื่องโปรดของเจ้าของบ้าน เวด วิลสันที่นั่งถัดออกไปหยิบรีโมทขึ้นมาเพิ่มเสียงก่อนวางเครื่องดื่มของตนลงกับโต๊ะตรงหน้า มันดังเสียจนสติที่เริ่มเลือนลางของปีเตอร์ถูกกระชากกลับมาอีกครั้ง
“ หูนายมีปัญหาหรือเปล่าถึงไม่รู้ว่านี่มันดังพอจะฆ่าฉันให้ตายได้เลยนะ! ” คนตัวเล็กกว่าตะโกนสู้เสียงนั้น เจ้าของบ้านที่ในเวลานี้แต่งกายในชุดลำลองไม่ได้แสดงท่าทีรับผิดชอบใดๆ กลับยื่นใบหน้าที่มีแต่รอยแผลเป็นนั้นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ดวงตาสีน้ำตาลราวกับมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่
“ ขอโทษที เอาไว้ลดเสียงทีหลังแล้วกันนะ ”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
CUT
ติดตามต่อได้ในแฟนเพจนะคะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เขาจำไม่ได้ว่าทำเรื่องแบบนั้นกับเดดพูลไปกี่ครั้ง แต่ความจำสุดท้ายก่อนสติจะหมดไปคือแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะขยับตัวหรือแม้แต่เสียงที่เปล่งออกมายังกลายเป็นเพียงเสียงหอบหายใจ ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้หน้ากากเปิดขึ้นอย่างอ่อนล้าเมื่อความเย็นเข้าปะทะผิวกายอันเปลือยเปล่า มันคือเวลาเช้ามืดที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้ากว้าง
ปีเตอร์สวมใส่ชุดสเปนเด็กซ์ของตนอย่างทุลักทุเล ลำตัวของเขาระบมไปหมดจนไม่อาจขยับตัวเร็วๆได้ ใช้เวลาไปพักหนึ่งกว่าเครื่องแต่งกายทั้งหมดจะกลับมาอยู่บนร่างของเขาครบทุกชิ้น แต่ก่อนปลายเท้าคู่นั้นจะก้าวออกไป ทั้งร่างก็ถูกสวมกอดจากด้านหลังเสียก่อน
“ อยู่ต่อนานกว่านี้หน่อยไม่ได้หรอ ” จมูกโด่งฝังลงไปบนลำคอของคนตัวเล็กกว่าด้วยความปรารถนา กลิ่นกายนี้ราวกับมีเวทมนตร์ดึงดูดเขาเอาไว้ตลอดเวลา แม้ร่างของสไปดี้จะมีกล้ามเนื้ออยู่บ้างตามประสาคนผ่านการต่อสู้มานาน แต่ก็นับว่าเพรียวบางกว่าเดดพูลมากนัก
“ ฉันมีงานประจำที่ต้องทำอยู่ นายปล่อยได้แล้วน่า ” ปีเตอร์พยายามแกะแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นออก แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด คนด้านหลังกลับกอดรัดแน่นกว่าเดิมจนขยับไปไหนไม่ได้
“ แล้วฉันจะได้เจอกับนายอีกเมื่อไร ไม่เอาอะ! ไม่อยากปล่อย ”
เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ท่าทางเอาแต่ใจนี่มันไม่ได้เข้ากับกล้ามโตๆหรือแม้แต่ใบหน้าที่ดูน่ากลัวของเวดเลยซักนิด จนนึกแปลกใจว่าเจ้าตัวใช่คนเดียวกันกับก่อนหน้านี้จริงหรือเปล่า มือที่สวมถุงมือสีแดงดันใบหน้าของเจ้าของบ้านที่เริ่มขบกัดไปตามลำคอของเขาออก แม้จะมีชุดของสไปเดอร์แมนกั้นอยู่ก็ตาม
ความพิศวาสระหว่างคนทั้งคู่เป็นเรื่องที่น่ากลัว ...เขาคิดเช่นนั้น เสียงที่ดังลั่นอยู่ในความคิดราวกับกำลังเน้นย้ำว่ามันยังไม่จบเพียงเท่านี้ มันกำลังจะเกิดขึ้นต่อไปและต่อๆไป ตราบเท่าที่ยังมีโอกาสได้พบกันอีก
“ ฉันมีข้อตกลงระหว่างฉันกับนาย ” ปีเตอร์พูดขึ้นขัดจังหวะ ส่งให้เวดที่เปลี่ยนไปฝังเขี้ยวตามลำตัวของเขาค่อยๆผละออก หมอนี่ทำตัวเหมือนกับสัตว์ร้ายไม่มีผิด ร่างของเขามีแต่รอยขบกัดอยู่เต็มไปหมด
มือเรียวยกขึ้นมาเกาหลังคอด้วยความขวยเขิน เขาอึกอักแบบนั้นอยู่พักหนึ่งแต่ก็ตัดสินใจพูดออกไป
“ ฉันกับนาย... เราจะเจอกันอีกเมื่อไรก็ได้ ”
คำว่า ‘เจอกันอีกเมื่อไรก็ได้’ ส่งให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเดดพูล แม้ไม่ต้องต่อความอะไรให้ยืดยาวก็สามารถเข้าใจความหมายแฝงของมันได้ในทันที
“ คนลามก! พูดอะไรฉันไม่เห็นเข้าใจ ”
“ แต่ว่า— ห้ามก้าวก่ายกับชีวิตส่วนตัวของอีกฝ่าย เข้าใจหรือเปล่า ”
ประเด็นสำคัญของข้อตกลงอยู่ที่คำพูดนี้ คนตัวเล็กกว่าพูดขัดท่าทีสะดีดสะดิ้งชวนหมั่นไส้ของอีกฝ่าย มันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะเขา... เพื่อตัวตนที่แท้จริงของสไปเดอร์แมนจะได้ถูกเก็บเป็นความลับต่อไป
เวดพลิกร่างของคนในอ้อมแขนให้หันมาประจันหน้า ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลหรี่ลงเล็กน้อย
“ ขี้โกงนี่สไปดี้ นายรู้ว่าฉันเป็นใครแล้ว ” แม้แต่ที่อยู่ก็เคยมาเยี่ยมเยือนถึงสองครั้ง
“ ฉันไม่ใช่คนที่นายอยากจะรู้จักด้วยนักหรอกเวด ” ปีเตอร์ก้มหน้าหลบสายตา เขาเม้มปากเข้าหากันก่อนพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
หมอนี่ดูจะไม่ค่อยชอบปีเตอร์ ปาร์คเกอร์เท่าไรนัก
“ เอาเป็นว่าข้อตกลงเป็นแบบนี้ ถึงฉันจะรู้ว่านายเป็นใคร นายก็ยังเป็นแค่ไอบ้าคนหนึ่งอยู่ดี ”
“ ถึงฉันจะบ้า แต่ไม่มีใครเด็ดไปกว่านี้อีกแล้วนะ ” แม้สีหน้านั้นจะเคร่งเครียด แต่เวดก็ยังเล่นมุกชมตัวเองได้
พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่าความสัมพันธ์ที่มีมันคลุมเครือเกินกว่าจะอธิบายได้
“ ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับชีวิตแและเบื้องหลังของนาย ” ใช้มือทั้งสองข้างผลักแผ่นอกกว้างออกไปเบาๆ ก่อนเปิดประตูบ้านออกไปทั้งแบบนั้น เจ้าของบ้านเพียงมองตามภาพนั้นต่อไปโดยไม่ได้ห้าม ก่อนรอยยิ้มบางๆจะปรากฏขึ้นบนริมฝีปากได้รูป
เขาไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ว่าความสัมพันธ์กับสไปดี้เป็นแบบไหนกันแน่
เพื่อนกันงั้นหรอ... ยังสามารถพูดคำนั้นได้เต็มปากอยู่หรือเปล่า
ทั้งสัมผัสที่มอบให้กันและกัน อุณหภูมิร่างกายอันร้อนระอุ กลิ่นกายของอีกฝ่ายที่ราวกับสูบสติสัมปชัญญะไปจนหมด และไรผมสีน้ำตาลอันอ่อนละมุนนั่น ทุกอย่างยังติดแน่นอยู่ในความทรงจำไม่หายไปไหน
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในแมนฮัตตันยังคงวุ่นวายเหมือนดังปกติ ปีเตอร์เพิ่งกลับจากการจัดการกับแก๊งค้ายาเสพติดในเมือง ร่างเพรียวโรยตัวจากยอดตึกสูงเข้าสู่หน้าต่างห้องประธานบริษัทปาร์คเกอร์ อินดัสทรีย์ เขาทิ้งน้ำหนักลงกับโซฟารับแขกหน้าโต๊ะทำงาน ทอดตัวยาวให้ศีรษะวางลงไปบนพนักพิงทั้งยังไม่ได้ถอดชุดรัดรูปออก ก่อนมือข้างหนึ่งจะปลดเอาหน้ากากผ้ายืดออกด้วยความเหนื่อยล้า
ลำพังแค่งานในบริษัทก็ถาโถมเข้ามาเสียจนไม่มีเวลาส่วนตัวให้ตัวเองอยู่แล้ว หลายเรื่องประกอบเข้าด้วยกันทำให้ร่างกายแทบจะรับไม่ไหว เขาไม่ได้มีพลังฟื้นฟูมากมายเหมือนกับเดดพูล แค่เมื่อวานก็เล่นเอาน่วมเสียจนออกไปไหนไม่ได้ทั้งวัน ...ไม่รู้คนทำจะรู้สึกตัวบ้างหรือเปล่า
เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่สัมผัสกับพื้นเป็นจังหวะ แม้ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ว่าใคร มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ปีเตอร์อนุญาตให้เข้ามาในห้องทำงานของเขาได้
“ งานวันนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ ฉันว่าคุณกลับไปพักก่อนน่าจะดีกว่า ”
“ ขอบคุณนะแอนนา ” กายสูงโปร่งยันตัวขึ้นจากโซฟาอย่างนวยนาด ยกมือขึ้นมาบีบนวดกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ที่แข็งเกร็งของตนเพื่อคลายความเมื่อยล้า
“ แต่ก่อนเคยเป็นเด็กเนิร์ดบ้าเรียน ตอนนี้เลื่อนขั้นมาเป็นเจ้าเนิร์ดบ้างานแล้วนะ ”
เขาหัวเราะกับความคิดนั้น ก่อนสีหน้าจะแสดงความเจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อสัมผัสโดนกระดูกไหปลาร้าของตน แผลเป็นจากสัตว์ร้ายที่มีฟันเรียงตัวเหมือนมนุษย์มันยังไม่ทันหายดี เมื่อฝ่ายนั้นเล่นฝังเขี้ยวลงไปเสียจนเลือดพุ่งซะขนาดนั้น
แต่แล้วก็มีเสียงโครมครามปริศนาดังไล่มาตามผนังห้อง ปีเตอร์ดีดตัวขึ้นยืนตามสัญชาตญาณ ดูเหมือนว่าผู้ไม่ได้รับเชิญคนนั้นจะมีเป้าหมายเพื่อมาเจอเขา ประตูไม้อย่างดีของห้องถูกคมดาบฟาดฟันเป็นรูปกากบาท เขาคว้าเอาหน้ากากคู่ใจกลับมาสวมอีกครั้ง มันทันเวลาพอดีก่อนที่ประตูจะถูกพังเข้ามาอย่างไม่ใยดี
เจ้าของรองเท้าหนังทุ่มแรงทั้งหมดใส่จนสิ่งกีดขวางตรงหน้ากลายเป็นเพียงเศษไม้ที่กลิ้งหมุนไปกับพื้น ร่างกายสูงใหญ่ของผู้มาใหม่ปรากฏแก่สายตาคนในห้อง ผ้าสเปนเด็กซ์ที่ตัดเย็บร่วมกับหนังสีดำเข้ารูปไปตามรูปร่างกำยำ มือข้างหนึ่งชี้ปลายกระบอกปืนตรงมายังร่างของสไปเดอร์แมนที่มีส่วนสูงใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กำลังตามหา
ตอนนี้สัตว์ร้ายที่ว่าก็ดันมาปรากฏตัวต่อหน้าปีเตอร์เสียแล้ว...
“ คราวหลังถ้าจะมาอย่าลืมถือค่าเสียหายมาด้วยล่ะ นั่นประตูบานที่สิบแล้ว ” แม้จะยกมือยอมแพ้แต่ปากก็ยังทำหน้าที่ได้ดี เดดพูลหรี่ตาลง มองรอบห้องแต่ก็ไม่พบสิ่งที่กำลังค้นหา
“ ปีเตอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ ”
แอนนาเป็นคนตอบข้อสงสัยนั้น แม้ไม่ต้องเอ่ยปากถามทุกคนก็รู้ดีว่าทุกครั้งที่เดดพูลเหยียบย่างเข้ามาในบริษัท นั่นหมายถึงความตายของใครบางคน
“ หมอนั่นบินไปต่างประเทศ แถมยังเฉดหัวไล่ฉันให้อยู่ที่นิวยอร์คอีก ” คนในชุดแมงมุมต่อมุกได้อย่างแนบเนียน
และปีเตอร์ที่ว่านั่นก็คือคนเดียวกันกับผู้ชายที่ยืนทำท่ายอมแพ้อยู่ตรงนี้ไง...
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ดันมีค่าหัวสูงลิบสำหรับคนที่โดนขัดผลประโยชน์ ไม่ใช่แค่เดดพูล แต่ยังมีใครอีกหลายคนถูกจ้างวานมาให้สังหาร นับรวมเฉพาะเดดพูลครั้งนี้ก็เป็นหนที่สิบตามจำนวนประตูห้องที่ถูกพังไป ทั้งที่รู้ว่าสไปเดอร์แมนเป็นบอดี้การ์ดให้กับประธานบริษัทคนนั้น แต่เวดก็ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจจะมาตามฆาตกรรมเลยซักครั้ง
ตามข้อตกลงที่เคยให้ไว้ต่อกัน... ต่อหน้าคนอื่นพวกเขาเป็นเพียงคนรู้จักกันเท่านั้น
สายตาของเวดสะดุดเข้ากับกองงานบนโต๊ะ แม้คนตรงหน้าจะบอกว่าผู้ชายคนนั้นไปต่างประเทศ แต่คนที่ตัวไม่อยู่ที่นี่กลับเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ทั้งปากการาคาแพงที่วางนอนอย่างไม่มีระเบียบกับแก้วกาแฟที่เพิ่งพร่องไปได้ไม่ถึงครึ่งแก้วนั่น ราวกับเป็นสิ่งบ่งบอกว่าเจ้าของของมันยังไม่ได้ไปไหนไกล
ไหนจะเลขาตัวน้อยที่ยังอยู่ในห้อง แม้นี่จะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้วก็ตามที
“ เหมือนฉันจะพลาดอะไรที่สำคัญมากๆไปแฮะ ” ปืนที่เคยเล็งไปยังคนในชุดรัดรูปถูกย้ายมาค้ำไว้ใต้คางของคนพูด ประโยคนั้นสร้างความงุนงงให้คนฟังไม่น้อย
“ หรือจริงๆแล้วจะเป็นนายตั้งแต่แรก ”
ดวงตาภายใต้หน้ากากจ้องเขม็งมาที่สไปเดอร์แมนอย่างไม่วางสายตา แม้ปีเตอร์จะยังปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่แม่นยำนัก แต่ก็พอเดาได้ว่าฝ่ายนั้นกำลังหมายถึงอะไร
“ พูดอะไรของนาย ฉันไม่เข้าใจ ” แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไปทั้งแบบนั้น
ผู้ชายคนนี้กำลังสงสัยเขาอยู่...
มันไม่ใช่แค่ครั้งแรก และไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่ปีเตอร์จะรับมือได้
“ สไปเดอร์แมน ปีเตอร์ติดต่อมาให้คุณไปคุ้มครองเขาระหว่างทางกลับบ้านค่ะ ” เป็นเสียงของแอนนาที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ทันเวลา ดวงตาสีดำของหญิงสาวมองตรงมาที่เขาเป็นการส่งสัญญาณ เธอยกเครื่องมือสื่อสารที่แสดงข้อความจากปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เพียงแต่ในระยะนั้นมันไกลเกินกว่าที่เดดพูลจะมองเห็นรายละเอียดได้
“ โอ๊ะ จริงด้วยแฮะ นายอยากยืนยันด้วยตัวเองไหมล่ะเพื่อน ”
ปีเตอร์ตอบรับคำพูดนั้นโดยการแกล้งหยิบมือถือของตนขึ้นมาเปิดดู ‘ข้อความที่ไม่มีอยู่จริง’ ความลับของเขาจะเปิดเผยต่อหน้าใครไม่ได้เด็ดขาด แม้แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็ตาม ได้แต่หวังว่าการแสดงที่ดูไม่ค่อยสมจริงเท่าไรนี้จะพอต่อเวลาให้เขาได้อีกซักวัน
เดดพูลเก็บปืนพกของตนเข้าสู่กระเป๋าที่เหน็บเอาไว้ข้างเอว ใบหน้านั้นยังคงไว้ซึ่งความสงสัยแต่ก็ทำเพียงยักไหล่ทั้งสองข้างเบาๆ
“ ถ้างั้นวันนี้ฉันก็หมดธุระแล้ว ไว้เจอกันอีกทีแล้วกัน ” ก่อนจะหันหลังกลับและโบกมือลาไปทั้งอย่างนั้น โดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าบุคคลภายใต้ชุดสีแดงสลับดำนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
ปีเตอร์เห็นคนร่างโตกระโดดออกไปจากหน้าต่างห้องทำงานของเขา ก่อนค่อยๆดิ่งลงไปสู่พสุธาที่ห่างโขจากชั้นที่ยืนอยู่ เมื่อแน่ใจว่าร่างนั้นไม่ได้ย้อนกลับมาแล้ว เขาและแอนนาจึงพยักหน้าให้กันโดยอัตโนมัติ แม้ไม่ต้องมีคำพูดใดๆมาบรรยายก็สามารถเข้าใจความหมายที่สายตาคู่นั้นสื่อออกมาได้ทันที
เขาถอดถุงมือข้างหนึ่งของตัวเองออกโดยใช้ปากคาบมันเอาไว้ ปลายนิ้วเรียวละเลงลงไปบนหน้าจอทัชสกรีน ก่อนรายชื่อติดต่อ ‘Hobie Brown’ จะเป็นตัวเลือกแรกที่ปีเตอร์ต่อสายถึง
“ โฮบี้...ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนคุณอีกซักครั้ง ”
มีตัวละครใหม่โผล่มาอีกแล้ววว
เนื่องจากเขายังไม่มีบท เลยจะเอาไว้แนะนำในตอนหน้านะคะ
สนุกไม่สนุกยังไงคอมเม้นท์บอกไรเตอร์หน่อยน้า <3
สำหรับตอนหน้าจะมี 'เนื้อหาที่ลงไม่ได้' อยู่นะคะ
ไรเตอร์จะไม่แปะลิงค์หรือทื้งเมลล์ใดๆทั้งสิ้น
ติดตามข่าวสารได้ทางแฟนเพจเลยค่ะ
(ตามหาลิงค์แฟนเพจได้ที่หน้าบทความนะคะ ไรเตอร์แนบลิงค์ไม่ได้เลยค่ะ;-;)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เวดรู้แล้วใช่ไหมมม ว่าพีตี้เป็นใครอะ
สนุกมากๆค่ะ เป็นเรื่องราวที่ดูอิงกับคอมมิคและสมเหตุสมผลมากเลยทีเดียว ส่วนเรื่องความหวานไม่ต้องพูดถึงงงงงงงชอบมากกกก ติดตามนะคะ
ส่วนตัวชอบอ่านคอมมิคของคู่นี้มากๆและยังรอคอยโมเม้นท์ในหนังอยู่เสมอค่ะ5555