คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ▴[AU Fic Spideypool] DANGEROUSLY (Wade x Peter)-Part3 🚨NC🚨
คำแนะนำก่อนอ่าน
*คำเตือน มีคำบรรยายถึงกิจกรรมทางเพศ ไม่เหมาะสมสำหรับผู้อ่านที่อายุน้อยกว่า 18 ปีค่ะ*
เพื่ออรรถรสในการอ่าน แนะนำให้เปิดเพลงคลอไปด้วยนะคะ :)
DANGEROUSLY
ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุของเรื่องนี้เกิดจากอะไร แม้คนทั้งคู่จะรู้ตัวว่าการเผลอถลำลึกอาจทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก แต่ก็ไม่อาจหยุดแรงดึงดูดบางอย่างที่แสนจะรุนแรงนี้ลงได้
มันเป็นค่ำคืนที่พวกเขาพบกันโดยบังเอิญเช่นทุกครั้ง
ไม่มีการจ้างวานฆ่าหรือโจรกรรมใดๆเข้ามาขัดขวางการสนทนา
ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งดลใจให้ปีเตอร์ตอบรับคำเชิญชวนของเดดพูล
แต่ในตอนนี้เขากลับกำลังนั่งอยู่ในบ้านของผู้ชายคนนั้นเสียแล้ว
หากนี่เป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อน
อาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาร่วมดื่มในคืนที่ท้องฟ้าโปร่งและอากาศพอเหมาะ
มือเรียวกระดกเครื่องดื่มรสชาติชมฝาดลงสู่ลำคอ
สติที่ถดถอยลงเป็นตัวบ่งบอกว่าเขาคงเริ่มจะพ่ายแพ้ให้กับปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายเสียแล้ว
ภาพเบื้องหน้าคือจอทีวีขนาดใหญ่กำลังฉายภาพหนังแอ็คชันเรื่องโปรดของเจ้าของบ้าน
เวด วิลสันที่นั่งถัดออกไปหยิบรีโมทขึ้นมาเพิ่มเสียงก่อนวางเครื่องดื่มของตนลงกับโต๊ะตรงหน้า
มันดังเสียจนสติที่เริ่มเลือนลางของปีเตอร์ถูกกระชากกลับมาอีกครั้ง
“ หูนายมีปัญหาหรือเปล่าถึงไม่รู้ว่านี่มันดังพอจะฆ่าฉันให้ตายได้เลยนะ!
” คนตัวเล็กกว่าตะโกนสู้เสียงนั้น
เจ้าของบ้านที่ในเวลานี้แต่งกายในชุดลำลองไม่ได้แสดงท่าทีรับผิดชอบใดๆ กลับยื่นใบหน้าที่มีแต่รอยแผลเป็นนั้นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
ดวงตาสีน้ำตาลราวกับมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่
“ ขอโทษที เอาไว้ลดเสียงทีหลังแล้วกันนะ ”
ช่วงเวลาที่ไม่ได้ทันตั้งตัว แม้ปีเตอร์จะสวมหน้ากากไว้ครึ่งใบหน้า แต่ริมฝีปากของอีกฝ่ายก็ประกบปิดลงมาจนเสียงในลำคอหายไป น่าแปลกที่ไม่มีการขัดขืน เขากลับตอบรับรสจูบนั้นแม้ยังรู้สึกเกร็งกับสัมผัสอันไม่คุ้นเคย
กระป๋องเครื่องดื่มที่เคยอยู่ในมือหกกลิ้งไปตามพื้นพรมสีทึบ
แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ เวดช้อนร่างของสไปเดอร์แมนขึ้นยืนก่อนค่อยๆ
พาร่างนั้นถอยหลังออกไป
สัมผัสนั้นทวีความร้อนแรงขึ้นเสียจนมือที่ยังคงสวมถุงมืออยู่ต้องเกาะเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นหวังเป็นที่ยึดเหนี่ยว
แผ่นหลังของเขาชนเข้ากับผนังด้านหลังอย่างไม่เบานัก
มือหนาโอบรอบเอวคนตัวเล็กกว่าราวกับไม่ต้องการให้ห่างกาย
ปีเตอร์อดไม่ได้ที่จะยื่นมือของตนไปโอบรอบแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายบ้าง
เพื่อบรรเทาความต้องการบางอย่างที่กำลังค่อยๆ ถูกจุดชนวน
“ถึงนายจะห้ามก็หยุดไม่ได้แล้วล่ะที่รัก”
ฝ่ามือของเวดไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวเพียงเท่านั้น
มันไล้ไปตามลำตัว สีข้างและต้นขา
ก่อนที่นิ้วมือทั้งสิบจะคว้าเข้ากับแก้มก้นด้านหลังเข้าอย่างจังเสียจนเจ้าของของมันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหวานน่าฟังออกมาให้ได้ยิน
“ในที่สุดก็ปลุกนายให้ตื่นได้ซักที”
คนตัวโตผละออกมาเล็กน้อยก่อนระบายยิ้มพอใจ
ส่งให้คนที่โดนจู่โจมอยู่ฝ่ายเดียวเอ็ดกลับมาทั้งเสียงหอบ
“หุบปากน่า”
ราวกับสติที่มีกำลังค่อยๆ ถูกครอบงำด้วยความต้องการ
ปีเตอร์ไม่รู้ว่าปลายเท้าของเขากำลังเดินไปทางใด
แต่รู้สึกตัวอีกทีทั้งร่างก็ถูกผลักลงไปบนเตียงนุ่มเสียแล้ว
ริมฝีปากได้รูปเจ่อแดงเพราะรสจูบอันหนักหน่วง
เขาหอบเหนื่อยเล็กน้อยหลังถูกช่วงชิงอากาศหายใจไปพักหนึ่ง
“นายอาจจะไม่รู้ตัว แต่ท่าทางแบบนี้มันโคตรเซ็กซี่เลยรู้ไหม”
เดดพูลไม่รอช้าที่จะทิ้งน้ำหนักทั้งร่างลงไปบนเตียงด้วยอีกคน
จมูกโด่งไล้ไปตามลำคอราวกับต้องการสูดดมความหอมหวาน
โดยที่มือทั้งสองข้างไม่ได้หยุดการปลดเปลื้องเครื่องแต่งกายของคนตรงหน้า
ฟันเรียงตัวสวยวางลงไปบนกระดูกไหปลาร้าที่อยู่บนแผ่นอก
ก่อนออกแรงไม่เบานักฝังเขี้ยวลงไป
“อัก!! ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!” ผิวขาวของปีเตอร์ขึ้นสีแดงเป็นปื้น ปีศาจร้ายตรงหน้าฝังเขี้ยวลงไปลึกพอที่จะทำให้เกิดความรู้สึกแสบร้อนและมีโลหิตสีแดงฉานไหลซึมออกมาเล็กน้อย
“อือ…”
นิ้วมือทั้งสิบของปีเตอร์บีบเข้ากับต้นแขนของเวดพร้อมเสียงครางที่เผลอหลุดออกมา
ลิ้นสากไล้ไปตามบาดแผลที่ตนสร้างอย่างอ้อยอิ่ง สร้างความรู้สึกเจ็บปวดไปพร้อมกับความวาบหวามไปทั่วทั้งร่าง
ร่องรอยสีกุหลาบกระจายอยู่ทั่วทั้งผิวเนียนเมื่อริมฝีปากหยาบนั้นขบเม้มด้วยความเพลิดเพลิน
คนอยู่ใต้ร่างยิ่งส่งเสียหอบหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสัมผัสนั้นกำลังค่อยๆ
ไล่ต่ำลงไปถึงบริเวณท้องน้อย
“อา!” ดวงตาภายใต้หน้ากากเบิกกว้าง ทั้งร่างราวกับถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อตเมื่อมือที่ซุกซนตะปบเข้ากับแกนกลางร่างกายแบบไม่ให้ทันตั้งตัว
ลำตัวสมส่วนบิดเร้าไปมาเมื่อเวดเพิ่มจังหวะการสัมผัสราวกับต้องการกลั่นแกล้งให้เขาขาดใจเสียตรงนี้
เดดพูลมองภาพตรงหน้าก่อนเผยยิ้มแสดงความพอใจ
ทั้งร่างของสไปดี้ขึ้นสีชมพูระเรื่อเพราะเลือดที่สูบฉีดตามจังหวะการเต้นของหัวใจ
เขาไม่รีรอที่จะดึงอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออก
สิ่งที่อยู่ในนั้นตั้งฉากขึ้นราวกำลังเย้ยหยันแรงโน้มถ่วงของโลก
ช่องทางด้านล่างซุกซ่อนไปด้วยสีชมพูกลีบกุหลาบที่กำลังบานแย้มราวกับกำลังเชื้อเชิญผู้พบเห็นให้เข้าไปค้นหา
“เรารู้กันดีว่าคราวนี้สติอยู่ครบ”
ไม่รีรอที่จะสอดนิ้วของตนเข้าไป
ปีเตอร์กำแขนของคนตรงหน้าแน่นเสียจนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
เสียงหายใจที่ขาดห้วงกำลังปลุกให้สัญชาตญาณบางอย่างของเดดพูลตื่นขึ้นและไม่มีทางดึงกลับมาที่เดิมได้อีก
“เรื่องที่กำลังจะเกิด นายจะมาว่าฉันอีกไม่ได้แล้วนะ”
มือนั้นเร่งจังหวะขึ้นจนอีกฝ่ายครางออกมาอย่างไม่อาจกลั้น
จากหนึ่งเพิ่มเป็นสองนิ้ว เวดสัมผัสย้ำบริเวณจุดกระสันของคนตรงหน้าอย่างพอใจ
ปีเตอร์หอบหายใจถี่จนเสียงที่มีเริ่มหายไป เขาเผลอกัดริมฝีปากล่างของตนแน่นจนแดงก่ำ
ก่อนทั้งร่างจะกระตุกอีกหลายครั้งเพื่อปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นมานานออกมาจนหมด
คนมองเลียริมฝีปากของตนด้วยความกระหาย
ของเหลวข้นหนืดสีขาวที่กำลังเปรอะเปื้อนนั่นดูเหมาะสมกับลอนกล้ามเนื้อสวยของคนใต้ร่าง
มันทำให้ความอดทนของเวดพลันขาดผึงลงไปตรงนั้น
“บาซูก้าของฉันพร้อมแล้ว” ร่างของปีเตอร์ถูกจับพลิกไปด้านข้าง
ขาข้างหนึ่งของเขาถูกยกพับขึ้นด้านบนพร้อมกับร่างโตของเวดที่เข้าประชิด
มือหนายกต้นขาขาวนั้นแนบไว้กับสีข้างของตน
ก่อนทุ่มแรงทั้งหมดเพื่อฝังบางสิ่งที่กำลังตื่นตัวเข้าไปในช่องทางสีสวยคราวเดียวทั้งหมด
“อ๊ะ…!!”
มือของสไปเดอร์แมนที่ปัจจุบันสวมเพียงหน้ากากพยายามดันร่างของอีกฝ่ายออกแต่ไม่เป็นผล
คนใจร้ายเริ่มคุมเกมด้วยการขยับสะโพกเป็นจังหวะ
มันเป็นเพียงความเนิบนาบแต่ทำให้คนตัวเล็กกว่าสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ความจุกบวกกับความรู้สึกที่ดึงให้สติเริ่มขาวโพลนทำให้ปีเตอร์ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะไปทำให้ร่างของคนที่อยู่ด้านบนขยับออกไปได้
“อา…สไปดี้ นายนี่มัน—” อดไม่ได้ที่จะครางออกมาด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน
เวดเร่งจังหวะมากขึ้นจนคนตรงหน้าบิดเร้าไปมา
ร่างกายของสไปดี้ยืดหยุ่นได้มากกว่าคนปกติจนน่าตกใจ ช่องทางนั้นมันกำลังบีบรัดลูกรักของเขาแน่นเหมือนกับต้องการกลืนเข้าไป
เสียงเนื้อกระทบกันดังเคล้าไปกับเสียงครางที่ไม่กระดากอายจะเก็บไว้อีกต่อไป
ร่างของคนทั้งสองหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
อุณหภูมิภายในนั้นมันร้อนราวกับจะหลอมละลายลงไปเสียให้ได้
ปีเตอร์จิกเล็บของตนเข้าไปในแผ่นหลังกำยำของอีกฝ่ายจนเลือดซึมแต่เวดก็ไม่ได้สนใจ
มือหนาออกแรงกดไหล่ราบลงไปกับพื้นเตียง
เผยให้เห็นยอดปทุมถันสีสวยที่กำลังเต่งตึงตอบรับความต้องการ
มันน่าขบกัดเสียจนเขาอดไม่ได้ที่จะฝังเขี้ยวลงไปเบาๆ
อยากจะมองหน้าของคนๆ
นี้ อยากเห็นสายตาที่หวานฉ่ำไปด้วยกิเลสของมนุษย์แมงมุมที่ไม่เคยพบเจอที่ไหน…
“สไปดี้ …เรียกชื่อฉัน” เสียงทุ้มกระซิบลงข้างใบหู
ในขณะที่จังหวะการเดินเกมไม่ได้ลดความเร็วลง
ปีเตอร์ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นไปคล้องรอบลำคอของคนตรงหน้า
เสียงครางอันหวานฉ่ำตอบรับคำพูดนั้นอย่างว่าง่าย
“อา..เวด …เวด”
ริมฝีปากที่ดูน่ารักนั่นเผยอออกให้เห็นฟันขาวที่อยู่ภายใน
มันช่างเป็นภาพที่ยั่วอารมณ์ได้ดีสำหรับคนมอง
เวดโน้มตัวลงไปมอบจูบอันร้อนแรงจนเสียงนั้นหายไปในลำคอ
ลิ้นของคนทั้งคู่ตวัดเกี่ยวกันเช่นเดียวกับร่างกายที่ยังคงจังหวะอันรุนแรงเอาไว้แบบนั้น
เสียงครางกระเส่านั้นช่างฟังดูลื่นหู
เวดไม่เคยรู้สึกว่าเสียงของชายคนนี้น่าฟังขนาดนี้มาก่อน
มือหนาล้วงเข้าไปภายใต้หน้ากากของคนใต้ร่าง
สัมผัสเข้ากับเส้นผมนุ่มที่เผยให้เห็นไรผมสีน้ำตาลด้านหลัง
“…อย่าเวด” มือที่เล็กกว่ายกขึ้นปราม
เสียงเรียกที่ยานคางราวกับยิ่งกระตุ้นให้สติที่มีแตกกระเจิงมากขึ้นกว่าเดิม
เขาชักมือออก เปลี่ยนเป้าหมายมายึดสะโพกกลมกลึงเอาไว้แน่น
เร่งจังหวะที่เร็วอยู่แล้วให้มากกว่าเดิมจนปีเตอร์แทบขาดใจ
ร่างของคนสองคนชักกระตุกเป็นจังหวะเดียวกัน
ของเหลวสีขุ่นถูกปล่อยออกมาเต็มช่องทางด้านหลัง
ความร้อนของมันทำให้ปีเตอร์เผลอร้องออกมาเสียงดัง
เสียงหอบของคนทั้งคู่สอดประสานกันอย่างไม่เป็นจังหวะ
เวดระบายยิ้มพอใจแต่ก็ยังไม่ได้ผละร่างของตนออกไป
ก่อนหมอนใบที่เคยวางอยู่เหนือศีรษะของคนข้างล่างจะถูกปาใส่หน้าเขาอย่างจัง
“ใครให้นายปล่อยมันใส่ฉันจนหมดแบบนั้น”
น้ำเสียงนั้นดูเจือไปด้วยความขุ่นเคือง
เวดทำเพียงยกมือของตนขึ้นมาป้องปากอย่างลืมตัว
“อุ๊ย อารมณ์มันพาไป”
ปีเตอร์ยกแขนมาปิดใบหน้าที่ยังคงสวมหน้ากากเอาไว้อยู่ของตน
ผู้ชายคนนี้ทำให้เขาเผลอตัวทำอะไรน่าอายได้อยู่ตลอดเวลา
ยอมรับก็ได้ว่าตัวเขาเองก็ไหลไปตามน้ำจนอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่เช่นกัน
วินาทีนั้นคงไม่ยอมให้จังหวะอันหฤหรรษ์โดนขัดขวางด้วยเหตุผลแค่นี้แน่ๆ
“เขินอะไรของนาย คนเคยๆ กันแล้วทั้งนั้น”
อดไม่ได้ที่จะฝังเขี้ยวลงไปบนต้นแขนของอีกฝ่ายเบาๆ
ส่งให้คนตัวเล็กกว่าพลิกแขนอีกข้างกลับมาล็อคคอคู่กรณีไว้แน่น
“หุบปากน่า!”
“ใครบอกว่าฉันพอใจกับเรื่องแค่นี้”
แต่แล้วร่างที่ใหญ่โตกว่าก็คลายพันธะนั้นออกอย่างง่ายดาย
ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นระบายยิ้มละไม
ดวงตาสีน้ำตาลแฝงความหมายบางอย่างที่ทำให้คนมองรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
“นายหมายความว่าไง? ”
ไม่มีคำตอบจากคนตรงหน้า
เวดอาศัยจังหวะนั้นพลิกร่างของตนลงไปอยู่ด้านล่าง
โดยสิ่งที่เชื่อมระหว่างคนทั้งคู่ยังไม่ได้ถูกถอดออก
แรงกระทบส่งให้เสียงครางเผลอหลุดออกมาจากปีเตอร์อย่างไม่ทันตั้งตัว
มันกลายเป็นว่าเขากำลังนอนแนบลงไปกับแผ่นอกกว้างของเวด วิลสันแทน
“คราวนี้นายทำเองบ้างสิ”
ปีเตอร์เกลียดรอยยิ้มที่ราวกับรู้ว่าตนเป็นคนคุมเกมของคนตรงหน้า ใบหน้าของเขาเห่อร้อนไปหมด แต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นนั่งบนลำตัวอีกฝ่าย ใช้แขนทั้งสองข้างค้ำยันกับแผ่นอกกว้างนั้นไว้ให้มั่นคง ก่อนบทเพลงรักอันแสนสกปรกจะบรรเลงขึ้นอีกครั้งราวกับมันไม่มีวันจบสิ้น
เขาจำไม่ได้ว่าทำเรื่องแบบนั้นกับเดดพูลไปกี่ครั้ง
แต่ความจำสุดท้ายก่อนสติจะหมดไปคือแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะขยับตัวหรือแม้แต่เสียงที่เปล่งออกมายังกลายเป็นเพียงเสียงหอบหายใจ
ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้หน้ากากเปิดขึ้นอย่างอ่อนล้าเมื่อความเย็นเข้าปะทะผิวกายอันเปลือยเปล่า
มันคือเวลาเช้ามืดที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้ากว้าง
ปีเตอร์สวมใส่ชุดสเปนเด็กซ์ของตนอย่างทุลักทุเล
ลำตัวของเขาระบมไปหมดจนไม่อาจขยับตัวเร็วๆได้
ใช้เวลาไปพักหนึ่งกว่าเครื่องแต่งกายทั้งหมดจะกลับมาอยู่บนร่างของเขาครบทุกชิ้น
แต่ก่อนปลายเท้าคู่นั้นจะก้าวออกไป ทั้งร่างก็ถูกสวมกอดจากด้านหลังเสียก่อน
“ อยู่ต่อนานกว่านี้หน่อยไม่ได้หรอ ”
จมูกโด่งฝังลงไปบนลำคอของคนตัวเล็กกว่าด้วยความปรารถนา
กลิ่นกายนี้ราวกับมีเวทมนตร์ดึงดูดเขาเอาไว้ตลอดเวลา
แม้ร่างของสไปดี้จะมีกล้ามเนื้ออยู่บ้างตามประสาคนผ่านการต่อสู้มานาน
แต่ก็นับว่าเพรียวบางกว่าเดดพูลมากนัก
“ ฉันมีงานประจำที่ต้องทำอยู่ นายปล่อยได้แล้วน่า ”
ปีเตอร์พยายามแกะแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นออก
แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
คนด้านหลังกลับกอดรัดแน่นกว่าเดิมจนขยับไปไหนไม่ได้
“ แล้วฉันจะได้เจอกับนายอีกเมื่อไร ไม่เอาอะ!
ไม่อยากปล่อย ”
เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
ท่าทางเอาแต่ใจนี่มันไม่ได้เข้ากับกล้ามโตๆหรือแม้แต่ใบหน้าที่ดูน่ากลัวของเวดเลยซักนิด
จนนึกแปลกใจว่าเจ้าตัวใช่คนเดียวกันกับก่อนหน้านี้จริงหรือเปล่า
มือที่สวมถุงมือสีแดงดันใบหน้าของเจ้าของบ้านที่เริ่มขบกัดไปตามลำคอของเขาออก
แม้จะมีชุดของสไปเดอร์แมนกั้นอยู่ก็ตาม
ความพิศวาสระหว่างคนทั้งคู่เป็นเรื่องที่น่ากลัว
...เขาคิดเช่นนั้น
เสียงที่ดังลั่นอยู่ในความคิดราวกับกำลังเน้นย้ำว่ามันยังไม่จบเพียงเท่านี้
มันกำลังจะเกิดขึ้นต่อไปและต่อๆไป ตราบเท่าที่ยังมีโอกาสได้พบกันอีก
“ ฉันมีข้อตกลงระหว่างฉันกับนาย ”
ปีเตอร์พูดขึ้นขัดจังหวะ ส่งให้เวดที่เปลี่ยนไปฝังเขี้ยวตามลำตัวของเขาค่อยๆผละออก
หมอนี่ทำตัวเหมือนกับสัตว์ร้ายไม่มีผิด ร่างของเขามีแต่รอยขบกัดอยู่เต็มไปหมด
มือเรียวยกขึ้นมาเกาหลังคอด้วยความขวยเขิน
เขาอึกอักแบบนั้นอยู่พักหนึ่งแต่ก็ตัดสินใจพูดออกไป
“ ฉันกับนาย... เราจะเจอกันอีกเมื่อไรก็ได้
”
คำว่า ‘เจอกันอีกเมื่อไรก็ได้’ ส่งให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเดดพูล
แม้ไม่ต้องต่อความอะไรให้ยืดยาวก็สามารถเข้าใจความหมายแฝงของมันได้ในทันที
“ คนลามก! พูดอะไรฉันไม่เห็นเข้าใจ ”
“ แต่ว่า— ห้ามก้าวก่ายกับชีวิตส่วนตัวของอีกฝ่าย
เข้าใจหรือเปล่า ”
ประเด็นสำคัญของข้อตกลงอยู่ที่คำพูดนี้
คนตัวเล็กกว่าพูดขัดท่าทีสะดีดสะดิ้งชวนหมั่นไส้ของอีกฝ่าย
มันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะเขา...
เพื่อตัวตนที่แท้จริงของสไปเดอร์แมนจะได้ถูกเก็บเป็นความลับต่อไป
เวดพลิกร่างของคนในอ้อมแขนให้หันมาประจันหน้า
ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลหรี่ลงเล็กน้อย
“ ขี้โกงนี่สไปดี้ นายรู้ว่าฉันเป็นใครแล้ว ”
แม้แต่ที่อยู่ก็เคยมาเยี่ยมเยือนถึงสองครั้ง
“ ฉันไม่ใช่คนที่นายอยากจะรู้จักด้วยนักหรอกเวด ”
ปีเตอร์ก้มหน้าหลบสายตา เขาเม้มปากเข้าหากันก่อนพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
หมอนี่ดูจะไม่ค่อยชอบปีเตอร์ ปาร์คเกอร์เท่าไรนัก
“ เอาเป็นว่าข้อตกลงเป็นแบบนี้
ถึงฉันจะรู้ว่านายเป็นใคร นายก็ยังเป็นแค่ไอบ้าคนหนึ่งอยู่ดี ”
“ ถึงฉันจะบ้า แต่ไม่มีใครเด็ดไปกว่านี้อีกแล้วนะ ”
แม้สีหน้านั้นจะเคร่งเครียด แต่เวดก็ยังเล่นมุกชมตัวเองได้
พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่าความสัมพันธ์ที่มีมันคลุมเครือเกินกว่าจะอธิบายได้
“ ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับชีวิตแและเบื้องหลังของนาย ”
ใช้มือทั้งสองข้างผลักแผ่นอกกว้างออกไปเบาๆ ก่อนเปิดประตูบ้านออกไปทั้งแบบนั้น
เจ้าของบ้านเพียงมองตามภาพนั้นต่อไปโดยไม่ได้ห้าม
ก่อนรอยยิ้มบางๆจะปรากฏขึ้นบนริมฝีปากได้รูป
เขาไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ว่าความสัมพันธ์กับสไปดี้เป็นแบบไหนกันแน่
เพื่อนกันงั้นหรอ... ยังสามารถพูดคำนั้นได้เต็มปากอยู่หรือเปล่า
ทั้งสัมผัสที่มอบให้กันและกัน
อุณหภูมิร่างกายอันร้อนระอุ กลิ่นกายของอีกฝ่ายที่ราวกับสูบสติสัมปชัญญะไปจนหมด
และไรผมสีน้ำตาลอันอ่อนละมุนนั่น ทุกอย่างยังติดแน่นอยู่ในความทรงจำไม่หายไปไหน
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในแมนฮัตตันยังคงวุ่นวายเหมือนดังปกติ
ปีเตอร์เพิ่งกลับจากการจัดการกับแก๊งค้ายาเสพติดในเมือง
ร่างเพรียวโรยตัวจากยอดตึกสูงเข้าสู่หน้าต่างห้องประธานบริษัทปาร์คเกอร์
อินดัสทรีย์ เขาทิ้งน้ำหนักลงกับโซฟารับแขกหน้าโต๊ะทำงาน ทอดตัวยาวให้ศีรษะวางลงไปบนพนักพิงทั้งยังไม่ได้ถอดชุดรัดรูปออก
ก่อนมือข้างหนึ่งจะปลดเอาหน้ากากผ้ายืดออกด้วยความเหนื่อยล้า
ลำพังแค่งานในบริษัทก็ถาโถมเข้ามาเสียจนไม่มีเวลาส่วนตัวให้ตัวเองอยู่แล้ว
หลายเรื่องประกอบเข้าด้วยกันทำให้ร่างกายแทบจะรับไม่ไหว เขาไม่ได้มีพลังฟื้นฟูมากมายเหมือนกับเดดพูล
แค่เมื่อวานก็เล่นเอาน่วมเสียจนออกไปไหนไม่ได้ทั้งวัน
...ไม่รู้คนทำจะรู้สึกตัวบ้างหรือเปล่า
เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่สัมผัสกับพื้นเป็นจังหวะ
แม้ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ว่าใคร มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ปีเตอร์อนุญาตให้เข้ามาในห้องทำงานของเขาได้
“ งานวันนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ
ฉันว่าคุณกลับไปพักก่อนน่าจะดีกว่า ”
“ ขอบคุณนะแอนนา ”
กายสูงโปร่งยันตัวขึ้นจากโซฟาอย่างนวยนาด
ยกมือขึ้นมาบีบนวดกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ที่แข็งเกร็งของตนเพื่อคลายความเมื่อยล้า
“ แต่ก่อนเคยเป็นเด็กเนิร์ดบ้าเรียน
ตอนนี้เลื่อนขั้นมาเป็นเจ้าเนิร์ดบ้างานแล้วนะ ”
เขาหัวเราะกับความคิดนั้น
ก่อนสีหน้าจะแสดงความเจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อสัมผัสโดนกระดูกไหปลาร้าของตน
แผลเป็นจากสัตว์ร้ายที่มีฟันเรียงตัวเหมือนมนุษย์มันยังไม่ทันหายดี
เมื่อฝ่ายนั้นเล่นฝังเขี้ยวลงไปเสียจนเลือดพุ่งซะขนาดนั้น
แต่แล้วก็มีเสียงโครมครามปริศนาดังไล่มาตามผนังห้อง ปีเตอร์ดีดตัวขึ้นยืนตามสัญชาตญาณ
ดูเหมือนว่าผู้ไม่ได้รับเชิญคนนั้นจะมีเป้าหมายเพื่อมาเจอเขา
ประตูไม้อย่างดีของห้องถูกคมดาบฟาดฟันเป็นรูปกากบาท
เขาคว้าเอาหน้ากากคู่ใจกลับมาสวมอีกครั้ง
มันทันเวลาพอดีก่อนที่ประตูจะถูกพังเข้ามาอย่างไม่ใยดี
เจ้าของรองเท้าหนังทุ่มแรงทั้งหมดใส่จนสิ่งกีดขวางตรงหน้ากลายเป็นเพียงเศษไม้ที่กลิ้งหมุนไปกับพื้น
ร่างกายสูงใหญ่ของผู้มาใหม่ปรากฏแก่สายตาคนในห้อง
ผ้าสเปนเด็กซ์ที่ตัดเย็บร่วมกับหนังสีดำเข้ารูปไปตามรูปร่างกำยำ
มือข้างหนึ่งชี้ปลายกระบอกปืนตรงมายังร่างของสไปเดอร์แมนที่มีส่วนสูงใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กำลังตามหา
ตอนนี้สัตว์ร้ายที่ว่าก็ดันมาปรากฏตัวต่อหน้าปีเตอร์เสียแล้ว...
“ คราวหลังถ้าจะมาอย่าลืมถือค่าเสียหายมาด้วยล่ะ
นั่นประตูบานที่สิบแล้ว ” แม้จะยกมือยอมแพ้แต่ปากก็ยังทำหน้าที่ได้ดี
เดดพูลหรี่ตาลง มองรอบห้องแต่ก็ไม่พบสิ่งที่กำลังค้นหา
“ ปีเตอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ ”
แอนนาเป็นคนตอบข้อสงสัยนั้น แม้ไม่ต้องเอ่ยปากถามทุกคนก็รู้ดีว่าทุกครั้งที่เดดพูลเหยียบย่างเข้ามาในบริษัท
นั่นหมายถึงความตายของใครบางคน
“ หมอนั่นบินไปต่างประเทศ
แถมยังเฉดหัวไล่ฉันให้อยู่ที่นิวยอร์คอีก ” คนในชุดแมงมุมต่อมุกได้อย่างแนบเนียน
และปีเตอร์ที่ว่านั่นก็คือคนเดียวกันกับผู้ชายที่ยืนทำท่ายอมแพ้อยู่ตรงนี้ไง...
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ปีเตอร์
ปาร์คเกอร์ดันมีค่าหัวสูงลิบสำหรับคนที่โดนขัดผลประโยชน์ ไม่ใช่แค่เดดพูล
แต่ยังมีใครอีกหลายคนถูกจ้างวานมาให้สังหาร
นับรวมเฉพาะเดดพูลครั้งนี้ก็เป็นหนที่สิบตามจำนวนประตูห้องที่ถูกพังไป
ทั้งที่รู้ว่าสไปเดอร์แมนเป็นบอดี้การ์ดให้กับประธานบริษัทคนนั้น
แต่เวดก็ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจจะมาตามฆาตกรรมเลยซักครั้ง
ตามข้อตกลงที่เคยให้ไว้ต่อกัน...
ต่อหน้าคนอื่นพวกเขาเป็นเพียงคนรู้จักกันเท่านั้น
สายตาของเวดสะดุดเข้ากับกองงานบนโต๊ะ
แม้คนตรงหน้าจะบอกว่าผู้ชายคนนั้นไปต่างประเทศ
แต่คนที่ตัวไม่อยู่ที่นี่กลับเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
ทั้งปากการาคาแพงที่วางนอนอย่างไม่มีระเบียบกับแก้วกาแฟที่เพิ่งพร่องไปได้ไม่ถึงครึ่งแก้วนั่น
ราวกับเป็นสิ่งบ่งบอกว่าเจ้าของของมันยังไม่ได้ไปไหนไกล
ไหนจะเลขาตัวน้อยที่ยังอยู่ในห้อง
แม้นี่จะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้วก็ตามที
“ เหมือนฉันจะพลาดอะไรที่สำคัญมากๆไปแฮะ ”
ปืนที่เคยเล็งไปยังคนในชุดรัดรูปถูกย้ายมาค้ำไว้ใต้คางของคนพูด
ประโยคนั้นสร้างความงุนงงให้คนฟังไม่น้อย
“ หรือจริงๆแล้วจะเป็นนายตั้งแต่แรก ”
ดวงตาภายใต้หน้ากากจ้องเขม็งมาที่สไปเดอร์แมนอย่างไม่วางสายตา
แม้ปีเตอร์จะยังปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่แม่นยำนัก
แต่ก็พอเดาได้ว่าฝ่ายนั้นกำลังหมายถึงอะไร
“ พูดอะไรของนาย ฉันไม่เข้าใจ ”
แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไปทั้งแบบนั้น
ผู้ชายคนนี้กำลังสงสัยเขาอยู่...
มันไม่ใช่แค่ครั้งแรก
และไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่ปีเตอร์จะรับมือได้
“ สไปเดอร์แมน
ปีเตอร์ติดต่อมาให้คุณไปคุ้มครองเขาระหว่างทางกลับบ้านค่ะ ”
เป็นเสียงของแอนนาที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ทันเวลา
ดวงตาสีดำของหญิงสาวมองตรงมาที่เขาเป็นการส่งสัญญาณ เธอยกเครื่องมือสื่อสารที่แสดงข้อความจากปีเตอร์
ปาร์คเกอร์ เพียงแต่ในระยะนั้นมันไกลเกินกว่าที่เดดพูลจะมองเห็นรายละเอียดได้
“ โอ๊ะ จริงด้วยแฮะ
นายอยากยืนยันด้วยตัวเองไหมล่ะเพื่อน ”
ปีเตอร์ตอบรับคำพูดนั้นโดยการแกล้งหยิบมือถือของตนขึ้นมาเปิดดู
‘ข้อความที่ไม่มีอยู่จริง’ ความลับของเขาจะเปิดเผยต่อหน้าใครไม่ได้เด็ดขาด
แม้แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็ตาม
ได้แต่หวังว่าการแสดงที่ดูไม่ค่อยสมจริงเท่าไรนี้จะพอต่อเวลาให้เขาได้อีกซักวัน
เดดพูลเก็บปืนพกของตนเข้าสู่กระเป๋าที่เหน็บเอาไว้ข้างเอว
ใบหน้านั้นยังคงไว้ซึ่งความสงสัยแต่ก็ทำเพียงยักไหล่ทั้งสองข้างเบาๆ
“ ถ้างั้นวันนี้ฉันก็หมดธุระแล้ว
ไว้เจอกันอีกทีแล้วกัน ” ก่อนจะหันหลังกลับและโบกมือลาไปทั้งอย่างนั้น
โดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าบุคคลภายใต้ชุดสีแดงสลับดำนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
ปีเตอร์เห็นคนร่างโตกระโดดออกไปจากหน้าต่างห้องทำงานของเขา
ก่อนค่อยๆดิ่งลงไปสู่พสุธาที่ห่างโขจากชั้นที่ยืนอยู่
เมื่อแน่ใจว่าร่างนั้นไม่ได้ย้อนกลับมาแล้ว
เขาและแอนนาจึงพยักหน้าให้กันโดยอัตโนมัติ
แม้ไม่ต้องมีคำพูดใดๆมาบรรยายก็สามารถเข้าใจความหมายที่สายตาคู่นั้นสื่อออกมาได้ทันที
เขาถอดถุงมือข้างหนึ่งของตัวเองออกโดยใช้ปากคาบมันเอาไว้
ปลายนิ้วเรียวละเลงลงไปบนหน้าจอทัชสกรีน ก่อนรายชื่อติดต่อ ‘Hobie
Brown’ จะเป็นตัวเลือกแรกที่ปีเตอร์ต่อสายถึง
“ โฮบี้...ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนคุณอีกซักครั้ง
”
มีตัวละครใหม่โผล่มาอีกแล้ววว
เนื่องจากเขายังไม่มีบท เลยจะเอาไว้แนะนำในตอนหน้านะคะ
สนุกไม่สนุกยังไงคอมเม้นท์บอกไรเตอร์หน่อยน้า <3
ความคิดเห็น