ตอนที่ 5 : ท้องฟ้ากับทะเล : 02 [2/2]
“อยู่คนเดียวได้ไหม?”
“กูโตแล้วไหม?” ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนหน้านี้เมธมันก็ถามผมแบบนี้ประมาณเกือบร้อยรอบได้แล้ว ปกติเวลาไปซ้อมดาวเดือนผมก็ไปคนเดียวตลอดนั่นแหละ เมธมันก็แค่ไปรับไปส่งเฉยๆ
“กูรู้ กูก็แค่เป็นห่วง” มันพูดเหมือนเป็นห่วงผมมากมายนะ แต่ถ้ามันห่วงขนาดนั้นก็คงไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวหรอก!
“มึงชอบห่วงอะไรที่ไม่เข้าเรื่อง” ผมส่ายหน้าไปมาเบาๆ แล้วมองออกไปนอกรถ ไม่รู้ว่าตอนนี้เพื่อนเดือนคนอื่นมากันครบหรือยัง จริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากซ้อมเท่าไหร่ อยากกลับไปนอนมากกว่า แต่คำว่าหน่าที่และความรับผิดชอบมันค้ำคออยู่น่ะสิ
“เออ ไปได้ละ เดี๋ยวคนอื่นเขารอ” เหมือนเมธมันอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
“อืม เจอกันที่ห้องนะ” ผมพยักหน้ารับเบาๆ ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปที่หอประชุมกลาง รีบๆ ซ้อมเถอะ จะได้รีบกลับไปนอน
“ไงมึง” พอเดินเข้ามาในหอประชุมผมก็เจอกับเพื่อนที่เป็นเดือนคณะนิเทศศาสตร์ เขาชื่อซินครับ เป็นผู้ชายตัวสูงผิวขาวหน้าออกตี๋ๆ หน่อย คนนี้ก็นิสัยดีนะ ถึงจะกวนๆ ไปบ้างแต่ก็ทำให้ชีวิตผมบันเทิงดี
“คนมากันครบยัง?” ผมกวาดสายตามองดาวเดือนคนอื่น กะจากสายตาดูก็คิดว่าน่าจะมากันเกือบครบแล้วนะ
“ใกล้ละ เหลือสายหมอน่ะ ยังไม่เลิกเรียน” ผมพยักหน้ารับ เรื่องปกติครับ พวกนั้นเขาเรียนหนักตารางเรียนก็เลยแน่นเป็นธรรมดา ผมแยกกับซินแล้วกำลังจะเดินไปหาที่นั่ง
“ทะเล” แต่เสียงของใครบางคนดังเรียกผมไว้เสียก่อน
“พี่ภพ มาทำอะไร?” ผมมองเพื่อนสนิทของพี่รหัสด้วยความสงสัย
“มาซ้อมดนตรี พวกกูต้องขึ้นโชว์วันที่พวกมึงประกวดกันด้วยเลยต้องมาซ้อมคิวกัน” พี่ภพอธิบายออกมาพร้อมพยักพเยิดไปทางบนเวทีที่มีเครื่องดนตรีตั้งอยู่
“แล้วคนอื่นล่ะพี่?” พี่ภพเป็นหนึ่งในสมาชิกวง Lucien ซึ่งเป็นวงดนตรีที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในกลุ่มวัยรุ่นและโลกโซเชียล
เริ่มแรกวงนี้เป็นเพียงการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนสนิทที่ชื่นชอบในเสียงเพลง โดยในวงประกอบไปด้วย พี่คชานักร้องนำ พี่พนามือกีต้าร์ พี่ภพมือเบส พี่รัญมือคีย์บอร์ด และท้องฟ้ามือกลอง ทั้งห้าคนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กแต่ไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกัน เพิ่งจะมีโอกาสได้เรียนที่เดียวกันก็ในระดับมหา’ลัยนี่แหละ เดิมทีตอนอยู่มัธยมพวกเขาก็ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงกันพอสมควร ยิ่งพวกเขาอัพโหลดคลิปที่ Cover เพลงลง Youtube ยิ่งโด่งดังกันเข้าไปใหญ่
สงสัยใช่ไหมว่าทำไมผมถึงรู้ดี ก็เรามักค้นหาข้อมูลของคนที่เราแอบชอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
“พนาพารัญไปซื้อของกิน คชากับท้องฟ้าโดนผู้หญิงรุมอยู่ตรงนู้น” ผมหันมองไปตามนิ้วที่ชี้ไปยังกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก็พบกับสองหนุ่มหล่อที่ต่างสไตล์กันอย่างสุดขั้วยืนเด่นอยู่กลางวงดาวจากคณะต่างๆ
“แล้วพี่รอดมาได้ไงเนี่ย?” ผมหันกลับมามองพี่ภพด้วยความสงสัยอีกครั้ง
“กูเก่ง” คนตรงหน้ายกยิ้มกริ่มจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้
“ผมไม่คุยกับพี่ละ ไปหาที่นั่งดีกว่า” อยากจะกลอกตาใส่แต่ก็เกรงใจว่าเพิ่งรู้จักกันไม่นาน
“ไปนั่งกับพวกกูดิ เดี๋ยวพอไอ้รัญมามันก็ไปลากมึงมานั่งด้วยอยู่ดี” พอจะเดินหนีก็ถูกรั้งแขนไว้อีก ขี้ตื้อเหมือนกันนะพี่ภพเนี่ย
“ก็ได้” ผมพยักหน้าเออออตามไป ยังไงผมก็คงไม่ค่อยได้นั่งเท่าไหร่ มาซ้อมดาวเดือนแต่ละทีนี่เดินตลอดแหละ จะได้พักก็แค่แปบๆ เอง
ระหว่างที่นั่งรอผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น เมธไลน์มาสั่งให้ผมกลับห้องทันทีที่ซ้อมเสร็จ ห้ามเถลไถล ผมเลยพิมพ์ตอบกลับไปว่า ‘กูไม่ใช่มึง’ แล้วก็รีบเก็บโทรศัพท์ทันทีก่อนที่จะได้รับคำด่าอีกสารพัดตามมา
“นี่มึงมีเพื่อนกับเขาบ้างไหม? หรือวันๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับไอ้เมธ” ระหว่างที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับการมองท้องฟ้ายืนหล่ออยู่กลางวงสนทนาก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงของพี่ภพดังขัดขึ้นมา
“ก็มันนี่แหละเพื่อนผม” ผมเท้าคางหันมามองตอบพี่ภพกลับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ พี่ภพเป็นคนแรกในมหา’ลัยเลยนะที่ผมบอกเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับเมธเนี่ย วีไอพีสุดๆ ไปเลย
“ห๊ะ?” แล้วก็เป็นอย่างที่คิด คนหล่อตรงหน้าผมร้องเสียงหลงหน้าเหวอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมหัวเราะออกมาเบาๆ กับรีแอคชั่นที่ดูจะรุนแรงเกินเหตุของเพื่อนสนิทพี่รหัส
“ทะเลน้องรัก” ยังไม่ทันที่ผมหรือพี่ภพจะได้พูดอะไรต่อเสียงของพี่รัญก็ดังมาแต่ไกล
“พี่จะซื้อมาเลี้ยงคนทั้งสาขาเหรอ?” ผมเลิกคิ้วมองถุงขนมที่อยู่ในมือของพี่รหัสอย่างแปลกใจ
“มันซื้อมาให้มึงนั่นแหละ ถามจริงนี่มึงเล่นของใส่เพื่อนกูหรือเปล่า? ทำไมมันดูเอ็นดูมึงอะไรขนาดนี้วะ?” ขนมถุงใหญ่ถูกวางลงตรงหน้าผมถึงสี่ถุง
“หน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่งนะพี่” ผมหันไปยักคิ้วกวนๆ ให้พี่พนาก่อนจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณพี่รหัสที่แสนดีของผม ซึ่งพี่รัญก็ยิ้มกว้างจนตาหยี พี่รหัสผมนี่น่ารักสุดๆ ไปเลย
เฮ้อ โชคดีอะไรแบบนี้นะชลที มีพี่รหัสที่ดีเว่อร์จนคนอิจฉา
“อ๋อเหรอ? แล้วนี่แฟนมึงไม่มาเฝ้ามึงจริงดิ?” พี่พนาทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนจะหันซ้ายหันขวาคล้ายกับมองหาใครอยู่ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่คชาและท้องฟ้าเดินเข้ามาพอดี ทุกคนจึงหันมามองที่ผมเป็นตาเดียวอย่างตั้งอกตั้งใจรอฟังคำตอบ
“แฟนอะไรพี่? ไม่มี!” ผมตอบกลับอย่างลนๆ คล้ายคนที่มีชนักติดหลัง ทั้งที่ปกติผมไม่เคยมานั่งแก้ไขความเข้าใจผิดแบบนี้กับใครหรอก แต่เพราะอยู่ต่อหน้าท้องฟ้าด้วยล่ะมั้งเลยรู้สึกว่าผมไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด แม้ในความจริงเขาอาจจะไม่ได้สนใจเรื่องของผมเลยก็เถอะ
“เอ๊า! ไอ้เมธไง ไม่ใช่ผัวมึงเหรอ?” พี่คชาร้องเสียงหลงพลางทำหน้าสงสัยเกินเบอร์
“ไม่ใช่! ยังไม่ได้กัน!” ผมปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างเคืองๆ คำพูดคำจานี่จะดิบเถื่อนไปไหนเนี่ย! คนอื่นมาได้ยินผมก็เสียหายหมดสิ!
“เดี๋ยวๆ เคลียร์ก่อนนะ สรุปมึงกับเมธนี่ยังไง? ใช่แฟนกันหรือเปล่า?” พี่ภพที่ดูจะสงสัยหนักกว่าชาวบ้านรีบยกมือร้องถามทันทีที่มีโอกาส
“ผมเคยพูดเหรอว่าผมกับเมธเป็นแฟนกัน” ผมกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นสีหน้ามึนงงของทุกคน แม้แต่ท้องฟ้ายังมองผมอย่างแปลกใจเลย
“เอ๊ะ! งั้นก็ไม่ใช่สิ?” พี่รัญร้องถามอย่างตื่นเต้นทันทีที่ผมพูดจบ
“อือ ผมกับเมธเป็นเพื่อนกันตั้งแต่จำความได้แล้ว เรียนที่เดียวกันมาตลอดก็เลยสนิทกันมาก” ผมพยักหน้ารับเบาๆ แล้วแถลงไขความจริงให้ทุกคนเข้าใจ
“เพื่อน? นี่อย่าบอกนะว่ามึงซิ่วมาน่ะ” หลังจากที่ผมพูดจบทุกคนก็นิ่งกันไปพักหนึ่ง แล้วก็เป็นพี่พนาที่ถามขึ้นมาอีกรอบ
“ปีที่แล้วผมไม่ได้เข้ามหา’ลัยเพราะไปอยู่อิตาลี” ผมนิ่งไปอึดใจหนึ่งพลางเหลือบตามองท้องฟ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็ตัดสินใจพูดออกมา แม้จะสงสัยในแววตาที่ดูอ่อนลงไม่เฉยชาเหมือนปกติแต่ผมก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไร
“คือมึงกำลังจะบอกว่ามึงอายุเท่าพวกกูใช่ป่ะ?” พี่คชาขมวดคิ้วเข้าหากัน เหมือนพี่แกก็ยังคงมึนๆ อยู่นิดหน่อยนะครับ
“สมองมึงประมวลผลช้าเหรอ?” พี่ภพเอื้อมมือไปตบหัวพี่คชาหนึ่งทีจนโดนมองแรงกลับ
“อ้าว อย่างนี้มึงก็รุ่นเดียวกับท้องฟ้าเลยดิ ถ้ามึงบอกว่าเรียนที่เดียวกับไอ้เมธมาตลอดก็เท่ากับว่าเรียนที่เดียวกับท้องฟ้าด้วยสิ กูจำได้ว่าเมธมันเคยบอกว่าจบจากโรงเรียนเดียวกับท้องฟ้าใช่ไหม?” พี่พนานั่งร่ายยาวออกมาพลางมองผมกับท้องฟ้าสลับกัน
ผมเลือกที่จะนิ่งเพราะไม่อยากตอบกับคำถามนี้ ทำเพียงแค่ยิ้มรับบางๆ เท่านั้น
“แล้วเคยเจอกันบ้างไหม?” พี่รัญที่เงียบไปนานหันไปถามท้องฟ้าที่นั่งมองหน้าผมอยู่
“ก็คุ้นๆ หน้าอยู่” ใบหน้าหล่อพยักหน้ารับเบาๆ โดยที่สายตาก็ยังคงไม่ละออกไปจากใบหน้าของผม เมื่อถูกจ้องมองมากๆ ก็เป็นผมเองที่รู้สึกทำตัวไม่ถูก
“เออดีๆ สนิทๆ กันไว้นะพวกมึง” พี่คชามองหน้าผมสลับกับท้องฟ้าแล้วยกยิ้มกรุ้มกริ่มแปลกๆ ชวนให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ยังไงก็ไม่รู้
“ทะเล ได้เวลาซ้อมแล้ว” เดือนวิทยาศาสตร์ที่ชื่อกลอนเดินเข้ามาเรียกผมที่นั่งอยู่กลางวงคนดัง
“ไปก่อนนะเดี๋ยวกลับมาคุยด้วยใหม่” ผมหันไปพยักหน้ารับให้กลอนเบาๆ ก่อนจะหันกลับมายิ้มลากับกลุ่มรุ่นพี่แล้วลุกเดินตามเพื่อนเดือนออกไป
เมื่อชลธีลุกเดินออกไป บรรยากาศภายในโต๊ะของกลุ่มคนดังก็เปลี่ยนตามไปด้วย
“งานนี้ต้องมีคนช็อกตาย” หิรัญกรีดยิ้มมุมปากมองเพื่อนสนิทของตัวเองที่ตอนนี้ดูจะเพ้อๆ นิดหน่อยหลังจากที่เจอรอยยิ้มของน้องรหัสเขาเข้าไป
“ทะเลแอคแทคว่ะมึง”
“ใจละลายเลย”
สองแฝดหันไปแท็กมือกันทันทีอย่างสนุกสนาน แม้เพื่อนของเขาจะมีท่าทีที่นิ่งเฉย แต่ถ้าสังเกตแววตาดีๆ ก็จะมองเห็นประกายบางอย่างที่ซุกซ่อนภายใต้ท่าทีเฉยชานั้น
“เคลียร์นะว่าโสด” คชาธารหัวเราะร่วนมองใบหน้าของอดีตเดือนบริหารสลับกับแผ่นหลังเดือนสถาปัตย์
“อืม” เสียงทุ้มขานรับเบาๆ ในลำคอโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของใครบางคนที่เพิ่งเดินออกไป
ถ้าชลธีหันกลับมามองทางด้านหลังเพียงสักนิดก็คงจะได้เห็นสายตาอ่อนโยนจากใครบางคนอย่างแน่นอน
---------------------------------------------------------------------------------------
เอ๊ะ! ยังไงๆ ใครแอบชอบใครกันแน่หว่า
ใครแอบชอบใครไม่รู้ แต่เราชอบเธอนะ แอร๊ย~
มีคนอ่านเราก็ดีใจ~
เรื่องนี้เราจะไม่ค่อยหยาบนะ จะออกแนวใสๆ หวานๆ คนจีบกัน
เอ๊ะ! สปอยอีกละ
แต่ถ้าชอบหยาบๆ แนะนำกันต์เบลกับอัฑฒ์ดิษย์เลย (ขายของไปอีกจ้าาาาา)
ฝากทุกๆ เรื่องของเราด้วยนะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและทุกคอมเม้นนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หวายย ต่างคนต่างแอบชอบกันซะงั้น
ดูเหมือนแก๊งเพื่อนๆท้องฟ้าจะเป็นตัวชงอย่างดีซะด้วยซิ อะไรยังไงกันน้าาาา