ตอนที่ 6 : ท้องฟ้ากับทะเล : 03 [1/2]
03
“ทะเลๆ มึงรู้จักพวก Lucien ด้วยเหรอวะ?” หลังซ้อมเสร็จ ผมก็ถูกเพื่อนเดือนเข้ามารุมถามทันที
“อืม ทำไม?” ผมหันไปรับน้ำจากรุ่นพี่แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย คนนี้ชื่อบลูเป็นเดือนทันตะครับ
“มึงรู้ป่ะว่าวงนี้โคตรดังเลย แต่ละคนแม่งก็โคตรหล่อ แถมยังเก่งกันอีก” ไมล์ เดือนแพทย์สายเถื่อนยกแขนขึ้นกอดคอผมพร้อมพูดอย่างออกรส
“เออ กูชอบพี่คชาว่ะ แม่งร้องเพลงโคตรเพราะเลย” ซินที่เป็นน้องในคณะของพี่คชาชี้ชวนให้พวกเราดูรุ่นพี่ของตัวเองด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม
“กูชอบพี่พนากับพี่ภพว่ะ คือเป็นคู่แฝดที่เก่งกันฉิบหายเลย” กลอนยกนิ้วโป้งขึ้นตอนที่พี่พนาโซโล่กีต้าร์ ผมที่ยืนมองวง Lucien ซ้อมอยู่ก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย ดาวจากคณะต่างๆ นี่ยืนมองกันตาเป็นมันเลยครับ
“กูชอบพี่รัญ เวลายิ้มนี่โคตรน่ารัก แล้วมึงล่ะทะเล? มึงชอบใคร?” แบทเดือนบริหารหันมาถามผมที่ยืนอยู่ข้างเขา ผมค่อนข้างสนิทกับแบทพอสมควรเพราะแบทเป็นน้องรหัสของนที แบทเป็นผู้ชายหุ่นสมส่วน ตัวเขาสูงกว่าผมประมาณ 6 – 7 เซนติเมตรได้ บอกได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อมาก ตาคม คิ้วเข้ม ใบหน้าเรียวได้รูป จมูกโด่งและริมฝีปากบางสีอ่อน ในบรรดาเดือนทั้งหมดผมคิดว่าเขานี่แหละที่จะได้ตำแหน่งเดือนมหา’ลัยไปครอง นอกจากจะหล่อแล้วบุคลิกเขาก็ยังดีอีกด้วย เรื่องความสามารถนี่ก็ไม่ธรรมดานะครับ ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นสมาชิกวงบีบอยด้วย ผมเคยเห็นเขาซ้อมอยู่ครั้งหนึ่งก็แทบจะลุกขึ้นปรบมือแล้วเดินไปถอนตัวออกจากการประกวดเดือนทันที
“หืม? กูเหรอ? อืม คงจะเป็นท้องฟ้าล่ะมั้ง” ผมละสายตาออกจากใบหน้าของคนข้างตัวแล้วเลื่อนกลับไปมองใครอีกคนที่อยู่บนเวที คนที่เป็นจุดรวมสายตาของผมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมองกี่ที ท้องฟ้าก็มักทำให้ผมมองเขาได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ ยิ่งมองยิ่งดึงดูด ยิ่งมองยิ่งหลงใหล ไม่ว่ายังไงผมก็ถอนตัวจากเขาไม่ได้เลย ผู้ชายที่ชื่อท้องฟ้านี่มีมนต์สะกดที่น่ากลัวจริงๆ นะครับ
“เชี่ย! พูดถึงพี่ท้องฟ้าแล้วกูขนลุก คนเชี่ยไรคือโคตรหล่อแถมยังโคตรเก่ง ความสามารถแม่งรอบด้านฉิบหายเลย กูได้ยินมาจากพี่รหัสว่าปีก่อนพี่แกแม่งลงกีฬาไหนนี่ชนะตลอด” แบทชี้มือชี้ไม้ไปยังท้องฟ้าแล้วเริ่มต้นบทสนทนาใหม่โดยครั้งนี้มีหัวข้ออยู่ที่ท้องฟ้า
“ใช่ๆ พี่ท้องฟ้าแม่งเล่นได้หมดเลยทั้งกลอง กีต้าร์ เบส คีย์บอร์ด เปียโน ไวโอลิน ร้องเพลงก็ได้นะเว้ย แถมกีฬานี่ก็ล่อทั้งบาส บอล เทนนิส ว่ายน้ำ ยิงธนู ฟันดาบ โอ้โห ใช่คนไหมเนี่ย?” พอพูดถึงท้องฟ้า ทุกคนก็มีปฏิกิริยาที่ไม่ต่างกัน นั่นคือตื่นเต้นและอิจฉา ใช่ ท้องฟ้าเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉาจริงๆ นะ
“กูก็ว่างั้นแหละ ผู้หญิงในคณะกูนี่กรี๊ดพี่แกฉิบหาย ขนาดพี่กริชแม่งเป็นเดือนปีก่อนยังไม่เพอร์เฟคเท่าพี่ท้องฟ้าเลย คนเราแม่งจะเกิดมาเพียบพร้อมอะไรเบอร์นี้วะ?” ครั้งนี้เป็นฮิมเดือนคณะวิศวะพูดขึ้นมาบ้าง ปีก่อนคนที่ได้เดือนมหา’ลัยคือกริชจากคณะวิศวะครับ เพื่อนสนิทบรู๊คลินแล้วก็เป็นเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันกับผมด้วย คนนี้ก็หล่อจริง แม้จะไม่เก่งรอบด้านเท่าท้องฟ้าแต่ก็นับว่ามีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกว่าท้องฟ้ามาก ไม่แปลกหรอกที่จะได้ตำแหน่งเดือนมหา’ลัยไปครองน่ะ
“น่าอิจฉาฉิบหายเลย” หลายเสียงร้องโอดครวญ ยิ่งเวลาท้องฟ้าตีกลองยิ่งมีเสน่ห์เข้าไปใหญ่ สาวๆ หน้าเวทีนี่ตายกันเกลื่อนแล้วครับ
“พวกมึงจะอิจฉาทำไม? กว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ต้องพยายามอย่างหนักนั่นแหละ ถ้าพวกมึงอยากมีดีแบบเขาก็พยายามทำพยายามปรับปรุงตัวเองสิ ไม่มีใครมันเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอกนะ” ผมรู้ดีว่ากว่าท้องฟ้าจะมีวันนี้ได้เขาต้องพยายามมากขนาดไหน เขาเองก็เป็นเพียงคนๆ หนึ่งที่พยายามอย่างหนักจนประสบความสำเร็จ ผมเองก็เช่นกัน กว่าจะวาดรูปเขาออกมาได้ใกล้เคียงเหมือนตัวจริงขนาดนี้ก็ต้องขยำกระดาษทิ้งไปเป็นร้อย ถ้าดูจากรูปแรกจนถึงรูปล่าสุดที่ผมวาดท้องฟ้าล่ะก็จะเห็นถึงการพัฒนาทักษะในการวาดรูปของผมได้อย่างชัดเจนเลย
“เหมือนที่มึงพยายามเล่นเปียโนให้เป็นเพลงน่ะนะ?” แบทเหล่ตามองผมอย่างล้อเลียน ซึ่งคนอื่นๆ ก็หันมามองผมแล้วหัวเราะเบาๆ อย่างรู้กัน
“เออ! กูย่อเหลือแค่คีย์บอร์ดได้ไหม?” ผมตอบรับเนือยๆ อย่างไม่ปฏิเสธ เพราะรุ่นพี่ที่ดูแลผมอยากให้เดือนสถาปัตย์ปีนี้ปังกว่าทุกปีเลยเลือกให้ผมแสดงความสามารถโดยการเล่นเปียโน ผมเองก็เออออตามไปเพราะตอนเด็กๆ ก็เคยเรียนมาบ้างคิดว่าคงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ผมกลับคิดผิด นั่นมันเป็นปัญหาระดับชาติของผมเลยนะ!
ให้วาดรูปท้องฟ้าสักร้อยรูปยังง่ายกว่าเล่นเปียโนอีก!
“ทำไมมึงไม่ขอให้พี่รัญหรือไม่ก็พี่ท้องฟ้าสอนวะ? รู้จักกันไม่ใช่เหรอ?”
“เออ มึงบอกพี่เขาดิถ้าเรื่องเปียโนนี่ต้องพี่สองคนนี้เลย”
“พี่คชาก็เก่งนะมึง ถึงจะดูไม่ค่อยเหมาะแต่พี่แม่งก็โคตรเซียน”
ซินเข้ามากระแซะไหล่ผมเบาๆ ตามด้วยเสียงเห็นด้วยจากเพื่อนๆ คนอื่น ถึงเราจะต้องประกวดกันแต่ในกลุ่มเดือนพวกเราล้วนเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ไม่มีใครคิดแข่งขันกันหรอกส่วนใหญ่จะคอยช่วยเหลือกันตลอดแหละ เพราะเคยทำกิจกรรมร่วมกันอยู่หลายครั้งและเคยไปนอนค้างนอกสถานที่กันด้วยเลยทำให้พวกเราสนิทกันพอสมควร
พวกเราคือเพื่อน ไม่ใช่คู่แข่ง
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ?” วงของพวกผมแตกฮือเมื่อหนึ่งในคนที่มีรายชื่อในบทสนทนาเดินเข้ามาทักด้วยรอยยิ้ม
“พี่รัญ” ผมหันไปยิ้มบางให้พี่รหัสของตัวเอง ไม่รู้ว่าพี่เขาลงมาจากเวทีตอนไหน เพราะมัวแต่คุยกันอยู่เลยไม่ทันได้สังเกตสินะ ผมเหลือบมองทางด้านหลังพี่รัญก็เห็นพี่ๆ คนอื่นกำลังเดินตามมา
“คือ พอดีพวกผมกำลังคุยกันเรื่องการแสดงของทะเลน่ะครับ” สตางค์เดือนเภสัชที่แอบปลื้มพี่รัญอยู่เงียบๆ เป็นคนตอบคำถามแทนทุกคน
“อ๋อ แล้วทะเลแสดงอะไรเหรอ?” พี่รหัสคนดีของผมพยักหน้ารับแล้วถามต่ออย่างเป็นกันเอง
“เปียโนพี่ แต่มันยังเล่นไม่ค่อยได้ พวกผมเลยแนะนำให้ไปขอความช่วยเหลือจากพวกพี่” แล้วก็เป็นแบทที่ค่อนข้างจะสนิทกับกลุ่มรุ่นพี่ตอบออกมาแทนผม
“ถ้าเรื่องเปียโนนี่ต้องถามท้องฟ้าเลย ไอ้นี่เล่นมาตั้งแต่จำความได้ละ” พี่พนาเบี่ยงตัวหลบให้เห็นท้องฟ้าที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างหลัง
“ไงมึง สนใจช่วยน้องกูไหม?” พี่รัญหันไปยิ้มตาหยี ซึ่งทุกคนก็หันมองท้องฟ้าเป็นตาเดียวอย่างมีหวัง ผมเองแม้จะไม่อยากเข้าใกล้ท้องฟ้ามากนักแต่ก็แอบคาดหวังในคำตอบอยู่ไม่น้อย
“ถามน้องมึงสิว่าอยากให้กูช่วยไหม?” ปากตอบเพื่อนตัวเองแต่ตาของเขากลับมองสบกับผมอยู่ หัวใจของผมเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ยามที่ยืนเป็นเป้านิ่งให้อีกฝ่ายมอง
“ว่าไงทะเล?” พี่รัญหันมาถามผมด้วยรอยยิ้มใจดีอีกเช่นเคย
“เอ่อ...” ผมอึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไงดี หากตัดเรื่องความรู้สึกส่วนตัวที่ผมชอบท้องฟ้าออกไป ผมเองก็อยากให้การแสดงออกมาดี แต่อีกใจก็อยากพยายามด้วยตัวเอง พ่อสอนผมเสมอว่าเวลาจะทำอะไรเราต้องพยายามด้วยตัวเองก่อนที่จะไปพึ่งพาคนอื่น ไม่งั้นสิ่งที่เราทำมันจะไม่มีค่าอะไรเลย
“มึงก็ให้เวลามันคิดหน่อยสิวะ แต่ตอนนี้ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ กูหิว” พี่คชาเดินเข้ามากอดคอผมแล้วผมอุบคล้ายเด็กๆ ผิดกับภาพลักษณ์ดิบเถื่อนของเขาเป็นอย่างมาก
“เจอกันที่ร้านสเต๊กนะมึง กูอยากกิน” พี่รัญเดินเข้ามาดึงผมออกจากพี่คชาแล้วกอดตัวผมไว้แน่น ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทีหวงๆ จากพี่รหัส
“ตลอดแหละมึงน่ะ” พวกพี่ๆ ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะบอกลารุ่นน้องแล้วแยกย้ายกัน ผมเองก็หันไปลาเพื่อนเดือนคนอื่นๆ เช่นกัน เพราะวันนี้ผมต้องกลับกับพี่รัญ นั่นเท่ากับว่า ไม่ว่าพี่เขาจะแวะที่ไหนผมก็ต้องไปด้วย
จากมหา’ลัยมาร้านสเต๊กก็ใช้เวลาไม่นานมาก แถวนี้ร้านอาหารเยอะครับ อยากกินอะไรก็เลือกได้เลย จะชาบู หมูกระทะ บุฟเฟ่ต์ หรือร้านเค้ก ร้านขนมอะไรก็เยอะ เรียกว่าอยู่แถวนี้นี่มีน้ำหนักขึ้นกันแน่นอน
“กินไรๆ” พอมาถึงร้านปุ๊บคนที่หน้าโหดแต่ใจมุ้งมิ้งอย่างพี่คชาก็ดูจะตื่นเต้นกว่าชาวบ้าน
“สเต๊กไก่สไปซี่/สเต๊กไก่สไปซี่” ผมกวาดสายตามองใบเมนูแล้วก็บอกออกมาตามความชื่นชอบ แต่มันดันไปเหมือนกับใครอีกคนเข้าจนได้
“วันนี้พวกมึงก็ยังใจตรงกันอีกเหรอ?” พี่พนากลอกตามองอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะยกยิ้มล้อเลียนผมกับท้องฟ้าที่นั่งอยู่ติดกัน
“ก็แค่ชอบ/ก็แค่ชอบ” ผมขมวดคิ้วมองคนอย่างตัวอย่างุนงง เขาไม่ได้ชอบกินปลาหรอกเหรอ?
“เออ กูเชื่อละ” พี่คชาตอบกลับด้วยแววขบขัน ทำเอาผมไม่กล้าหันมองหน้าใครเลยทำเป็นเนียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ แก้อาการเก้อเขินแปลกๆ แทน
“สรุปเรื่องเปียโนน่ะ ทะเลจะเอายังไง?” พอกินไปสักพักพี่รัญก็พาวกกลับเข้าเรื่องเดิม
“ถ้าไม่อยากให้ไอ้ท้องฟ้ามันสอนเดี๋ยวกูสอนให้ก็ได้ กูสอนให้ฟรี” พี่คชาเงยหน้าจากจานสเต๊กของตนมายักคิ้วให้ผมอย่างกวนๆ
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมเกรงใจ จริงๆ ผมก็พอเล่นได้แหละ แค่มันยังไม่ค่อยชินมือ ซ้อมอีกนิดหน่อยก็น่าจะได้แล้ว” ผมเลือกที่จะปฏิเสธไปเพราะไม่อยากรบกวนใคร เกรงใจจริงๆ ครับ
“มึงนี่ดื้อจริงๆ นะทะเล” พี่ภพหันมามองผมอย่างดุๆ
“ผมเปล่านะ ก็แค่คิดว่าถ้าพยายามด้วยตัวเองได้ก็น่าจะทำให้เต็มที่ก่อนจะไปพึ่งพาคนอื่นต่างหาก” ผมรีบๆ เขี้ยวแล้วกลืนเฟรนฟรายส์ลงคอก่อนหันไปตอบพี่ภพให้เข้าใจในความคิดของผม
“ความคิดดี ดูน้องกูไว้เป็นตัวอย่างนะพวกมึง” พี่รัญยกมือขึ้นตบไหล่ผมเบาๆ แล้วหัวเราะร่วนอย่างชอบอกชอบใจ แน่นอนว่าได้รับคำด่าทอทางสายตากลับมาจากทุกคนเช่นเคย
“ทะเล กูถามอะไรอย่างสิ” จู่ๆ พี่พนาก็พูดขึ้นมา
ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไปนอกจากเงยหน้ามองอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มบางเพื่อเป็นการอนุญาตให้อีกฝ่ายถามได้
“มึงไม่มีแฟนจริงๆ เหรอวะ?” คำถามที่หลุดออกมาจากปากพี่ภพแทนพี่พนาทำผมนิ่งไปพักหนึ่ง
“เคยมี แต่เลิกไปแล้ว” ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วตอบกลับไปพลางนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น
“เลิกกันนานยัง?” พี่คชายื่นหน้าเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
“ตอนม.6 คบกันได้ไม่นานแล้วก็เลิก” หลังจบม.5 ผมก็ต้องย้ายโรงเรียนกะทันหันเพราะแม่ผมย้ายที่ทำงาน จากที่อยู่ชานเมืองก็ย้ายเข้ามาอยู่ในตัวเมือง แม่ไม่อยากให้ผมอยู่ไกลสายตาจึงขอให้ผมย้ายโรงเรียนและไปอยู่กับท่าน ส่วนพ่อก็ไปๆ มาๆ ระหว่างคอนโดที่ผมกับแม่อยู่และสตูดิโอของท่านเหมือนเดิม
“ใครเป็นคนบอกเลิก มึงเหรอ?” พี่พนาเลิกคิ้วถาม
“อืม” ระหว่างที่ผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนใหม่ แม้จะยังตัดใจจากท้องฟ้าไม่ได้แต่ผมก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง ผมคบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ก็คบได้เพียงแค่เดือนกว่าๆ ก็เลิกกัน เพราะผมรู้สึกว่าเธอไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกกับเธอได้เท่ากับที่ผมรู้สึกกับท้องฟ้า
“หล่อเลือกได้ไง” พี่ภพกลอกตามองทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม
“เปล่าหรอก ก็แค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่” ผมเหลือบมองคนข้างตัวเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไปตามตรง
สำหรับผม คนที่ใช่ก็คือคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างผมตอนนี้ไง แต่บางทีผมอาจจะไม่ใช่สำหรับเขาก็ได้
“ไม่ใช่ว่าใจมึงมีใครอีกคนอยู่หรอกเหรอ?” มือที่กำลังจะหั่นเนื้อไก่ชะงักค้างกับคำพูดชี้ใจของรุ่นพี่ต่างคณะ
---------------------------------------------------------------------------------------
ท้องฟ้ากับทะเลนี่ยังไง~
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ใครๆๆ เป็นคนจุดประเด็นขึ้นมาาาาา
สนุกอ่ะ
ฉึกค่ะฉึก!
ง