ตอนที่ 38 : ท้องฟ้ากับทะเล : 18 [2/2]
“ฟ้า” ผมละมือจากการวาดรูปแล้วก้มหน้าลงร้องเรียกคนที่กำลังนอนหนุนตักผมเล่นเกมในโทรศัพท์อยู่อย่างสบายอารมณ์
“หืม?” ท้องฟ้าขานรับในลำคอแต่ตายังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์อยู่ ผมระยาบยิ้มบางออกมากับท่าทางตั้งอกตั้งใจนั้นของเขา ท้องฟ้าไม่ใช่พวกติดเกม แต่ถ้าได้เล่นทีก็ตั้งใจมากเลยล่ะนะ
“เล่าเรื่องครอบครัวฟ้าให้ฟังบ้างสิ” ผมยกมือขึ้นลูบผมของเขาเบาๆ ก่อนหน้านี้ก็ชั่งใจอยู่นานว่าควรจะพูดถามเรื่องนี้ดีไหม ผมไม่ได้อยากเซ้าซี้หรือวุ่นวายเรื่องครอบครัวของเขาหรอกนะ แต่ท้องฟ้าไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวให้ผมฟังเลย มันออกจะดูแปลกๆ ไปนิด ผมเลยคิดว่าเขาอาจจะมีปัญหาอะไรกับที่บ้านหรือเปล่า ผมก็แค่เป็นห่วงเขา ในฐานะของคนรัก ผมก็อยากจะเป็นที่พักพิงให้กับเขา อยากเป็นคนที่เขาจะสามารถพึ่งพาได้บ้าง เพราะที่ผ่านมาท้องฟ้าทำหน้าที่นั้นได้ดีมาตลอด เขาเป็นทุกอย่างให้กับผมแล้ว ผมเองก็อยากเป็นทุกอย่างให้เขาเช่นกัน
“...”
“แต่ถ้าฟ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ” ผมรีบออกตัวทันทีหลังจากที่เห็นเขาเงียบไปพักใหญ่ แอบกลัวด้วยว่าเขาจะโกรธที่ผมไปถามเรื่องครอบครัวเขาแบบนี้ มันจะดูละลาบละล้วงไปหรือเปล่านะ
“เปล่า ฟ้าแค่กำลังคิดอยู่ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี” เขาถอนหายใจออกมาก่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมอย่างจริงจังพร้อมรอยยิ้มบางเบา
“อยากให้รู้อะไรบ้างก็เล่ามา เอาแค่ที่ฟ้าอยากให้รู้ก็พอ” ผมเลื่อนมือไปลูบแก้มเขาเบาๆ ด้วยรอยยิ้มบาง ไม่อยากให้เขารู้สึกกดดัน ผมไม่ได้อยากรู้หรืออยากวุ่นวายอะไรกับเรื่องของเขา ถึงจะเป็นแฟนกันแต่มันก็ต้องมีระยะห่าง ต้องมีช่องว่างให้แก่กันบ้าง คนรักกัน ถ้าอยู่ใกล้กันมากไปก็จะอึดอัด เพราะอย่างนั้นมันจึงจำเป็นต้องมีระยะห่างเพื่อให้เราทั้งคู่หายใจกันได้สะดวกขึ้น
“อืม ถ้าเรื่องที่อยากให้รู้ก็ต้องใช้เวลานานเลยนะกว่าจะเล่าจบ” เขาว่าด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“นานขนาดไหน?” ผมยิ้มตามท่าทางคิดหนักนั้นของเขา เหมือนเด็กๆ ไม่มีผิดเลย
“ก็น่าจะทั้งชีวิตแหละกว่าจะเล่าจบ พอจะมีเวลาฟังไหม?” นัยน์ตาคมเลื่อนมามองสบผมอย่างจริงจัง
“นานจัง”
“ยังอยากฟังอยู่ไหม?”
“ฟัง จะฟังจนกว่าฟ้าจะเล่าจบ” จะรอฟังไปทั้งชีวิตเลย
“น่ารัก” เขาวาดรอยยิ้มกว้างจนเต็มแก้มแล้วยกมือขึ้นมาหยิกแก้มผมเบาๆ
“ก็บอกแล้วไงว่าหล่อ” ผมเถียงกลับทันควัน เมื่อไหร่ทุกคนจะเข้าใจในความหล่อของผมสักที
“แต่น้อยกว่าฟ้า” คนที่ยังนอนหนุนตักผมอยู่ยักคิ้วส่งให้ผมกลับมากวนๆ อย่างน่าหมั่นไส้
“เออ ยอม” กับท้องฟ้านี่ผมคงไม่กล้าเสนอหน้าไปสู้ด้วยหรอก เบื่อจริงๆ พวกหล่อมาตั้งแต่เกิดเนี่ย
“ทำไมต้องน่ารัก?” หน้าตาดูสงสัยแบบจริงจังมาก
“ฟ้าจะได้รักมากๆ ไง” ผมยิ้มกว้างจนตาหยี พูดออกไปแล้วก็เพิ่งมานึกได้ว่าตัวเองอยู่ข้างนอกไม่ใช่ที่ห้อง ถึงตรงนี้จะไม่มีคนก็เถอะ แต่มันก็แอบเขินเหมือนกันแหละ
“ตอนนี้ก็มากแล้วนะ”
“จริงเหรอ?”
“อืม” ผมยิ้มกว้างจนปากแทบฉีกถึงหู ยิ่งเห็นหน้าตาจริงจังของเขาผมก็ยิ่งดีใจ มันรู้สึกดีไปหมดจนเหมือนตัวจะระเบิดเลย
ท้องฟ้าขยับลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วจับให้ผมขยับหันไปมองหน้าเขาตรงๆ ผมเงียบเพื่อรอดูว่าเขากำลังจะทำอะไรต่อ คนตัวสูงกว่านั่งนิ่งไปพักหนึ่งจ้องหน้าผมเหมือนกำลังคิดหนัก
“เลรู้ไหมว่าครอบครัวฟ้ามันไม่ได้สมบูรณ์อย่างที่ใครๆ คิด” แต่แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาแล้วเริ่มพูด
“หมายความว่ายังไง?” ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายบอกเท่าไหร่นัก ผมไม่เคยรู้เรื่องครอบครัวของท้องฟ้าเลย ในตอนมัธยม ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ของเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“พ่อกับแม่หย่ากันตั้งแต่ฟ้าอยู่ม.ต้น” ผมชะงักนิ่งค้างไปกับสิ่งที่ได้รับรู้ ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เพราะอย่างนี้สินะเขาเลยไม่เคยปริปากพูดเรื่องครอบครัวให้ผมฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ทำไม?” เสียงของผมเบาหวิวมากในตอนที่ถามเขาออกไป ยิ่งได้เห็นแววตาที่เจือไปด้วยความปวดร้าวนั้นใจผมมันก็ปวดแปลบขึ้นมาทันที
“เมื่อก่อนพ่องานยุ่งมาก ทำงานตลอดจนไม่มีเวลาให้ฟ้ากับแม่ แต่ถึงอย่างนั้นแม่ก็ไม่เคยเรียกร้องอะไร พ่อทำงานแบบไม่มีวันหยุด ฟ้ากับแม่ไม่เคยเอะใจถึงความผิดปกตินี้”
“...” ผมนั่งฟังท้องฟ้าเล่าถึงเรื่องครอบครัวของเขาไปอย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกผิดอยู่ในใจ แม้ท้องฟ้าจะแสดงออกเหมือนว่าตัวเองไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่กำลังเล่าอยู่แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่จริง เขากำลังเจ็บปวดที่ต้องพูดถึงมัน แต่เพราะผมอยากที่จะรู้เรื่องของเขา เขาถึงได้ยอมเล่ามันออกมาโดยไม่ต่อว่าผมสักคำ
“จนวันเกิดของฟ้าเมื่อตอนอายุครบ 13 ปี พ่อจำวันเกิดของฟ้าไม่ได้ แม่ที่เห็นว่าฟ้ารอทานข้าวพร้อมพ่อก็โทรไปหาพ่อ แต่คนที่รับสายกลับไม่ใช่พ่อ ฟ้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรกับแม่บ้าง แต่หลังจากที่วางสายไปแม่ก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ฟ้าเลยหยิบโทรศัพท์แม่มากะว่าจะโทรกลับไป แต่กลับมีวิดีโอถูกส่งมาจากโทรศัพท์ของพ่อก่อน”
เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ผมก็เห็นว่านัยน์ตาคมสั่นไหวรุนแรงมากขนาดไหน ชั่ววูบหนึ่งที่ผมเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาแสดงออกถึงความเจ็บปวด แต่มันก็เพียงแค่เสี้ยวเวลาหนึ่งเท่านั้นแล้วเขาก็กลับมาตีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม แต่ถึงยังไงผมก็ยังคงเห็นความเจ็บปวดและความเสียใจที่สะท้อนออกมาจากดวงตาสีเข้ม
“วิดีโอ?” ผมทวนคำอย่างสงสัย วิดีโออะไร?
“วิดีโอพี่พ่อกำลังมีเซ็กส์กับเลขาของตัวเอง”
“!!!” ผมนิ่งค้างไปด้วยความตกใจอย่างสุดขีด เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมามันดูเย็นชาและไร้ความรู้สึกมากจนผมนึกกลัวใจของอีกฝ่าย
“ตอนนั้นฟ้าทั้งโกรธและเกลียดพ่อตัวเองสุดๆ พ่อกลับบ้านมาอีกทีคือช่วงสายของอีกวัน แม่ไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฟ้านึกว่าแม่จะไม่โกรธแต่หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีทนายมาที่บ้าน และแม่ก็ฟ้องหย่าพ่อโดยที่มีคลิปนั้นเป็นหลักฐานในการฟ้องร้อง” หัวใจของผมกระตุกวูบยามจดจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขากับแม่ของเขาจะผ่านเรื่องที่ยากลำบากแบบนี้มาได้ ผมนับถือในความแข็งแกร่งของพวกเขาจริงๆ ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากยื่นมือไปจับมือกับอีกฝ่ายแล้วออกแรงบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“ฟ้าเข้าใจแม่นะ ฟ้าไม่โกรธแม่ที่ตัดสินใจแบบนั้น ฟ้าว่าแม่ทำดีที่สุดแล้ว” เขากระชับมือที่จับกันให้แน่นขึ้นพร้อมระบายยิ้มบางออกมา แต่มันกลับเป็นยิ้มที่เศร้าที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
“แล้วตอนนี้ฟ้ายังติดต่อกับพ่ออยู่ไหม?”
“นานๆ เจอกันที”
“เหนื่อยไหมฟ้า? ถ้าเหนื่อยก็พักนะ พักกับเลนะครับคนเก่ง” ผมดึงท้องฟ้าเข้ามากอดไว้เพื่อหวังจะปลอบประโลม ใบหน้าหล่อเหลาซบลงมาที่บ่าพร้อมกับแขนแกร่งที่โอบกระชับเข้าที่เอวของผมแน่น ผมไม่ชอบเลยที่เขาเป็นแบบนี้ ผมไม่อยากเห็นท้องฟ้าเศร้า แต่เรื่องนี้มันก็เกิดเพราะผม ผมไม่น่าไปถามเขาเลย ถ้าผมไม่เอ่ยปากถามออกมาเขาก็คงไม่ต้องนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ผมเป็นแฟนที่แย่มากจริงๆ
“ฟ้ารู้ใช่ไหมว่าเลรักฟ้า” ผมยกมือขึ้นลูบลงไปที่กลุ่มผมนุ่มลื่นมือพร้อมทั้งกระซิบเสียงแผ่วเบาชิดใบหูให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว
“ครับ” เขาขานตอบกลับมาเสียงอู้อี้เพราะยังคงซุกหน้าอยู่กับไหล่ของผม
“ไม่ว่าฟ้าจะผ่านเรื่องอะไรมา หรือต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ท้องฟ้าจะมีทะเลอยู่ข้างๆ เสมอนะ” ผมเองก็อยากจะเป็นทุกอย่างให้กับเขา ไม่ได้อยากเป็นแค่แฟนที่ถูกเขาปกป้องหรือดูแล แต่ผมอยากเป็นในทุกๆ อย่างที่เขาอยากให้เป็น เป็นทั้งคนรัก เพื่อน พี่น้อง ครอบครัว หรืออะไรก็ได้ อยากเป็นทุกๆ อย่างในชีวิต อยากดูแลและปกป้องเขาเหมือนที่เขาทำให้ผมมาตลอด
“อย่าทิ้งท้องฟ้านะครับ” ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกเอ็นดูท้องฟ้าในตอนนี้นัก เขาเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังงอแงตอนถูกเพื่อนในห้องแกล้ง ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขามักจะเป็นฝ่ายปกป้องหรือไม่ก็คอยปลอบโยนผมมาตลอด แต่พอมาตอนนี้เป็นผมบ้างที่ได้ปลอบเขา ผมเองก็อธิบายไม่ถูกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกยังไง มันอาจฟังดูแย่ที่ผมกำลังดีใจอยู่
ครับ ผมกำลังดีใจอยู่ในตอนนี้ ไม่ได้ดีใจที่เห็นแฟนตัวเองเจ็บหรือเสียใจอะไรนะ แต่ผมกำลังดีใจที่ท้องฟ้าเชื่อใจผม เขาไว้ใจผมถึงได้ยอมเล่าเรื่องนี้ออกมา และในตอนนี้ผมก็ได้เป็นที่พักพิงให้เขาอย่างที่ผมหวังมาตลอดแล้วด้วย
“ไม่ทิ้งครับ” มันไม่ใช่แค่คำสัญญาที่ผมมีให้เขา แต่มันจะเป็นอย่างนั้นแน่นอน คำพูดที่พูดออกไปจะไม่ได้เป็นแค่คำพูด แต่ผมจะทำให้เขาเห็นว่าผมทำมันได้จริงๆ อย่างที่ปากบอก
ท้องฟ้าและทะเลจะต้องอยู่เคียงคู่กันไปตลอด เชื่อผมสิ
“เข้าไปกันเถอะ” ท้องฟ้าหันมาบอกกับผมแล้วทำท่าจะเปิดประตูรถจากลงไป
“เดี๋ยว ยังไม่พร้อมเลย” ผมคว้าแขนแกร่งเอาไว้แน่นด้วยความตื่นเต้น มือของผมเย็นเฉียบไปหมดพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวเร็ว
“ไม่พร้อมอะไร มาเจอแม่แฟนนะ ไม่ได้ไปออกรบ” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ แหมะ ได้ทีแล้วเอาใหญ่ ตอนไม่พูดก็เงียบเหมือนเป็นใบ้ แต่พอพูดเก่งแล้วก็พูดไม่หยุดแถมยังกวนประสาทอีก
“อย่าพูดสิ” ผมหันไปเบะปากใส่อีกฝ่ายอย่างเคืองๆ คนยิ่งเครียดๆ อยู่ยังจะมาล้อเล่นอีก
อย่างที่ทุกคนได้ยินนั่นแหละครับ วันนี้ท้องฟ้าพาผมมาที่บ้านของเขา พามาเจอแม่ของเขาและนอนค้างที่นี่เพราะพรุ่งนี้พวกเราจะจัดงานวันเกิดของท้องฟ้าที่นี่ ตอนนี้เราก็มาถึงที่บ้าน เอ่อ จะเรียกว่าบ้านก็รู้สึกแปลกๆ นี่มันเกินคำว่าบ้านแล้วครับ พวกคนรวยนี่ต้องมีบ้านหลังใหญ่ๆ สินะ เฮ้อ อย่าให้เกิดมารวยบ้างนะ
“ตื่นเต้นเหรอ?” มือใหญ่เลื่อนมาจับกับมือที่เย็นเฉียบของผมก่อนจะค่อยๆ สอดนิ้วเข้ามาประสานมือกันไว้แน่น
“อือ” ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทำให้ผมรู้สึกดีพอสมควร แต่มันก็ยังคงมีความหวาดกลัวและกังวลอยู่ไม่น้อย
“มากอดเรียกพลัง” พอเขาพูดจบผมก็โถมตัวเข้าไปกอดคนที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับทันที ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กอดผมแน่นมาก แน่นจนเหมือนจะรวมร่างกับเขาได้เลยแหละ
“ไม่หายอ่า” ผมเงยหน้ามองเขาแล้วเบะปากเหมือนจะร้องไห้ มีใครบ้างจะไม่กังวลถ้าต้องมาเจอกับแม่แฟนน่ะ
“ฟ้าอยู่นี่ทั้งคน เลยังจะต้องกลัวอะไรอีกครับ หืม?” ดาเมจรุนแรงมาก ใจบางจนจะขาดรอนๆ แล้ว
“อืม เข้าไปก็ได้” ถึงจะไม่พร้อมแต่ก็ต้องพร้อมแล้วล่ะครับ ผมทำท่าจะผละออกจากอ้อมกอดของท้องฟ้าแต่กลับถูกเขารัดแน่นกว่าเดิม ผมเงยหน้ามองเขาอย่างสงสัย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากก้มหน้าลงมาใกล้
จุ๊บ!
แล้วก็จุ๊บเบาๆ ที่หน้าผากของผมหนึ่งที ผมเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อพยายามกลั้นรอยยิ้มก่อนจะรีบเปิดประตูรถลงไปยืนสงบสติอารมณ์ข้างนอก แค่เรื่องที่ต้องมาเจอกับแม่ของเขาผมก็ตื่นเต้นจนเหนื่อยแล้ว นี่ผมยังต้องมาเขินเขาจนหมดแรงอีกเหรอ? ผมยืนรอท้องฟ้าหยิบของที่เพิ่งซื้อออกมาจากเบาะหลัง ก่อนที่จะมาถึงบ้านของท้องฟ้าพวกเราแวะซื้อผลไม้ที่แม่ของเขาชอบมา แหม มาหาผู้ใหญ่ทั้งทีก็ต้องมีของติดไม้ติดมือมาฝากท่านหน่อยสิครับ
“คุณหนู” พอเดินเข้ามาในบ้านก็เจอกับคุณป้าท่านหนึ่งที่ดูท่าจะเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ พอคุณป้าท่านเห็นท้องฟ้าเดินเข้ามาก็ยิ้มกว้างอออกมาอย่างดีใจทันที
“สวัสดีครับป้านวล” คนตัวสูงยกมือใหญ่ผู้ใหญ่ตรงหน้าอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินเข้าไปกอดอีกฝ่ายอย่างเป็นกันเอง
“เลนี่ป้านวล เป็นแม่นมของฟ้า ป้านวลครับ นี่ทะเลแฟนผมครับ” ผมตาโตทันทีที่ได้ยินท้องฟ้าแนะนำผมออกไปอย่างนั้น แอบเห็นว่าป้านวลดูจะชะงักตกใจด้วย
“สวัสดีครับ” ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างทำตัวไม่ถูก
“สวัสดีค่ะ” ผู้ใหญ่ตรงหน้าผมรับไว้ด้วยรอยยิ้มอย่างใจดี ไม่ได้มีท่าทางแปลกๆ อะไร ผมอดจะโล่งใจออกมาไม่ได้ที่ป้านวลดูจะไม่ได้คิดมากอะไร หรือป้าเขาคิดแต่ไม่แสดงออก?
“คุณท่านอยู่ที่ห้องนั่งเล่นน่ะค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ท้องฟ้าพาผมเดินไปยังส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นของบ้าน ถึงที่นี่จะดูเหมาะกับคำว่าคฤหาสน์มากกว่าบ้านก็เถอะ แต่ในเมื่อแฟนของผมเรียกว่าบ้านผมก็จะเรียกว่าบ้านก็แล้วกันนะ พอเดินเข้ามาถึงที่ห้องนั่งเล่นที่กว้างอย่างกับสนามเด็กเล่นก็พบกับผู้หญิงวัยกลางคนท่านหนึ่งกำลังนั่งอ่านนิตยสารอะไรสักอย่างอยู่บนโซฟาตัวยาวที่ดูเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่ามันจะต้องแพงมากแน่ๆ และไม่ต้องเดาเลยว่าสุภาพสตรีท่านนั้นคือใคร
“คุณแม่ครับ” ลูกชายเพียงคนเดียวของบ้านนี้เดินเข้าไปหาแม่ของตัวเองทันทีโดยไม่ลืมที่จะดึงผมให้เดินตามเขาไปด้วย แต่ผมก็ไม่ค่อยจะกล้าเข้าไปเสนอหน้าสักเท่าไหร่เลยได้แต่ยืนแอบๆ อยู่ข้างหลังของอีกฝ่าย ขอบคุณที่ผมเกิดมาเตี้ยกว่าท้องฟ้าเลยทำให้ผมสามารถใช้เขาเป็นเกราะกำบังผมได้
“อ้าว ท้องฟ้า มาแล้วหรือคะ?” เสียงหวานหยดดังขึ้นพร้อมกับที่คุณแม่ของท้องฟ้าเดินเข้าไปกอดลูกชายของตัวเองด้วยความคิดถึงและเป็นจังหวะนั้นเองที่ดวงตาคู่สวยบังเอิญมองมาเห็นผมที่ยืนอยู่ข้างหลังท้องฟ้าพอดี
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้าด้วยความเกร็งสุดตัว คุณแม่ของท้องฟ้าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยหวานและดูเรียบร้อยทั้งกริยาและคำพูด ดูเป็นผู้ดีมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท้องฟ้าถึงได้ดูเป็นคุณชายนัก
“คนนี้คือ?” ท่านมองผมกับลูกชายของตัวเองสลับกันไปมายิ้มๆ ท่าทางดูใจดีกว่าที่ผมคิดไว้
“ทะเลครับ แฟนผมเอง” มือใหญ่เอื้อมมาดึงผมให้เข้าไปยืนข้างเขา แบบนี้มันก็เท่ากับว่าผมยืนอยู่ต่อหน้าแม่ของเขาตรงๆ เลยนะครับ
“แฟน? ไปล่อลวงลูกใครเขามาคะเนี่ย?” คุณแม่ทำตาโตแล้วหันไปมองลูกชายตัวเองอย่างจับผิด
“เกินไปแล้วนะครับคุณแม่”
“ล้อเล่นค่ะ มาๆ มานั่งข้างคุณแม่หน่อยทั้งคู่เลย” ท่านหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วดึงให้ผมกับท้องฟ้าลงไปนั่งขนาบข้างของท่านอย่างใจดี
“ชื่อทะเลเหรอคะ? หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเชียวค่ะ” คุณแม่ยกยิ้มมองผมอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องเกร็งนะคะ คุณแม่ใจดี คุณแม่ไม่น่ากลัวเหมือนท้องฟ้า” มือเล็กๆ ที่นุ่มนิ่มยกขึ้นลูบหัวลูบแก้มผมไปมา ทำเอาหัวใจของผมเต้นแรงอย่างหนัก นานแล้วที่ไม่ได้รับความอบอุ่นแบบนี้ ความอบอุ่นที่ไม่ต่างจากมือของแม่นี้
“คุณแม่ครับ” พอถูกแม่ของตัวเองแหย่เข้าหน่อย เจ้าก้อนหินที่อัพเกรดมามีชีวิตก็ทำหน้ายุ่งใส่ผู้ให้กำเนิดทันที
“คุณแม่หยอกเล่นค่ะ ทานข้าวกันมาหรือยังเอ่ย?” ท่านหันไปลูบแก้มปลอบใจลูกชายหนึ่งทีก่อนจะหันมาถามผมด้วยรอยยิ้มสวย จนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ผมรู้แล้วแหละว่าท้องฟ้าเหมือนใคร
“ยังครับ รอมาทานพร้อมคุณแม่” ผมตอบกลับไปตามความจริง เราไม่แวะกินข้าวกันเพราะจะรอมาทานพร้อมคุณแม่ของท้องฟ้าทีเดียว
“ปากหวานจริงเด็กคนนี้ แบบนี้ท้องฟ้าของคุณแม่ก็หลงแย่สิคะ” ไม่วายผู้ใหญ่เพียงคนเดียวในกลุ่มยังหันไปเย้าแหย่ลูกชายของท่านอีกครั้ง แต่ดูท่าว่าการหยอกล้อกันของสองแม่ลูกจะทำให้ผมเขินอายไปด้วย
“หลงครับ หลงหนักมากด้วย”
“ฟ้า!” ผมเอ่ยปรามอีกฝ่ายเสียงดุ ต่อหน้าแม่ของเขาแท้ๆ ก็ยังไม่เลิกหยอดผมอีก
“ความรักของเด็กๆ นี่ดีจังเลยน้า~” คุณแม่มองผมกับท้องฟ้ายิ้มๆ แล้วส่งเสียงแซ็วออกมา
“คุณแม่ครับ...” ท้องฟ้าชะงักไปเหมือนเขาเพิ่งนึกอะไรได้
“รักกันมากๆ นะคะ มีอะไรก็พูดคุยกันให้เข้าใจ มีปัญหาอะไรก็ต้องเคลียร์กันอย่าปล่อยให้ค้างคา และที่สำคัญคือความซื่อสัตย์ รักอีกฝ่ายให้เหมือนรักตัวเอง อย่าเห็นแก่ตัว ทำอะไรก็นึกถึงคนที่เรารักและรักเรา เข้าใจไหมเด็กๆ”
คุณแม่เอื้อมมือมาจับมือของผมกับท้องฟ้าไว้แน่น ท่านเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มใจดีแต่แฝงไปด้วยความจริงจังก่อนจะดึงให้มือของผมกับท้องฟ้ามาซ้อนทับกันและมีมือของคุณแม่ประกบอยู่อีกที ผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความอ่อนโยนในการกระทำเหล่านั้นของผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเรา คุณแม่ของท้องฟ้าทำให้ผมนึกถึงแม่ของตัวเอง แม้แม่ของผมจะไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวานออกจะไปทางเปรี้ยวห้าวเสียด้วยซ้ำแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าพวกท่านทั้งสองมีบางอย่างที่เหมือนกัน
“ครับคุณแม่”
“ครับ”
เราทั้งคู่มองสบตากันนิ่งก่อนจะระบายยิ้มออกมาให้แก่กัน ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท้องฟ้าถึงโตมาเป็นผู้ชายที่ดีมากขนาดนี้ เพราะมีคุณแม่ที่เป็นต้นแบบในทุกๆ เรื่อง แม้คุณแม่จะเคยผิดหวังกับความรัก แต่ท่านก็ไม่ได้เกลียดชังมัน หัวใจของผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ
“ใกล้ได้เวลาอาหารแล้ว เดี๋ยวคุณแม่ขอเข้าไปดูในครัวสักครู่นะคะ นั่งเล่นกันไปก่อนนะเด็กๆ”
“ครับ” ท่านยกมือขึ้นลูบหัวพวกเราคนละทีสองทีก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
“คุณแม่น่ารัก” พอเห็นคุณแม่เดินหายออกไปจากห้องแล้วผมก็หันไปหาท้องฟ้าแล้วบอกกับเขาด้วยความตื่นเต้น ผมไม่คิดว่าแม่ของท้องฟ้าจะใจดีและน่ารักขนาดนี้ เคยแอบคิดว่าท่านอาจจะดุๆ นิ่งๆ เหมือนท้องฟ้าด้วยซ้ำ แต่นี่มันผิดคาดมาก ไม่เหมือนกับที่ผมคิดไว้เลย ก่อนหน้านี้ก็กังวลอยู่ตั้งหลายวัน
“คุณแม่ชอบทะเล” เขาบอกผมด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
“จริงเหรอ? รู้ได้ไง?” ผมถามเขากลับอย่างตื่นๆ ก็ไม่รู้ว่าผมจะตื่นเต้นอะไรนักหนา ก็แค่รู้สึกเหมือนมีแม่อีกครั้งเท่านั้นเอง
“ก็ฟ้าบอกแม่เรื่องของเราก่อนจะมาแล้ว เอารูปเลให้แม่ดูด้วย ตอนนั้นแม่ร้องวี้ดว้ายชอบอกชอบใจใหญ่เลย”
“คุณแม่เนี่ยนะ?” ผมมองหน้าคนพูดอย่างไม่เชื่อหู คุณแม่ที่เรียบร้อยและอ่อนหวานแบบนั้นเนี่ยนะจะลุกขึ้นมาร้องวี้ดว้ายเป็นสาวๆ น่ะ
“อืม เห็นแบบนั้นก็หลุดบ่อยเหมือนกันนะ” แต่การยืนยันของท้องฟ้าทำให้ผมต้องเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ก็ท้องฟ้าไม่เคยโกหกผมเลยนะครับ แล้วสายตาที่จริงจังแบบนั้นก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเขาไม่ได้โกหกผมแน่ๆ
ว่าแต่ผมควรตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี? เรื่องที่คุณแม่ชอบผมจนร้องวี้ดว้ายหรือเรื่องที่ท้องฟ้าบอกเรื่องของเรากับคุณแม่ไปตั้งนานแล้วแถมยังเอารูปผมให้ท่านดูอีกด้วย เดี๋ยวสิ! ถ้ารู้ว่าคุณแม่ใจดีขนาดนี้ล่ะก็ผมไม่น่าเสียเวลากังวลอยู่ตั้งหลายวันเลย
---------------------------------------------------------------------------------------
ปมครอบครัวของท้องฟ้าคือความไม่สมบูรณ์แบบในชีวิต
ท้องฟ้าถูกคนมองว่าเป็นคนที่เฟอร์เฟค สมบูรณ์แบบ มีพร้อมทุกอย่าง
ใครๆ หลายคนอิจฉาท้องฟ้าที่มีพร้อมในทุกด้าน แต่จริงๆ มันไม่ใช่
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบได้ 100% ท้องฟ้าคือตัวละครนั้นที่เราต้องการจะสื่อ
เราหยิบปมเรื่องครอบครัวมาเล่นตั้งแต่ต้นเรื่อง และดึงมาเป็นจุดสำคัญ
เพราะเรามองว่าเรื่องครอบครัวมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากในชีวิตของทุกคน
ในเรื่องนี้จะสะท้อนออกมาถึงความไม่สมบูรณ์ในชีวิต
อย่างทะเลที่เสียแม่ และท้องฟ้าที่พ่อแม่หย่าร้างกัน
คู่นี้จะมีความเหมือนและความต่างกันอยู่
เพื่อที่พวกเขาจะได้เข้ามาเติมเต็มให้แก่กันและกัน
เรื่องพ่อของท้องฟ้าจะไม่จบแค่นี้
เราได้เจอเขาแน่ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คูมมมมมแม่ขาเอ็นดูน้องเยอะๆนะคะ
บางทีครอบครัวของฟ้ากับเลอาจจะอบอุ่นกว่าก็ได้
คู่นี้นี่หวานจนอยากจะเข้าไปนั่งเป็นกขค.ตรงกลางเลย หมั่นไส้+อิจแรงงงง ฮ่าๆ