ตอนที่ 10 : ท้องฟ้ากับทะเล : 05 [1/2]
05
แกร๊ก
“ข้าวมาแล้ว!” พอเปิดประตูเข้าไปเสียงร้องโวยวายของนทีก็ดังมาให้ได้ยินทันที
“ไม่ได้กินข้าวเย็นกันเหรอ?” ผมมองหน้าเพื่อนสองคนที่ดูหิวโหยกันอย่างสุดๆ ด้วยความสงสัย
“เออ หลับว่ะ” นทีพยักหน้ารับเนือยๆ แล้วเดินหายเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องครัว
“กูเพิ่งทำงานเสร็จ ลืมดูเวลาไง” ผมกวาดสายตามองที่พื้นกลางห้องนั่งเล่นแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เศษขยะเกลื่อนพื้นห้องเลย
“ดูแลตัวเองกันหน่อยสิ” ผมเดินเข้าไปในห้องครัวแล้วหยิบเอานมจืดออกมาอุ่น ผมติดนิสัยที่จะต้องดื่มนมอุ่นก่อนนอนน่ะ
“เออน่า ยังไงก็ขอบใจนะที่ยังนึกถึงพวกกูอยู่” นทีหันมายิ้มหวานจนตาหยีให้ผม
“ก็เพื่อนนี่” เห็นท่าทางแบบนั้นของเพื่อนแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้
“เหย ซึ้งใจ” เมธโผล่หน้าเข้ามากลางวงแล้วก็ทำท่าทางล้อเลียนผมกับนที เลยโดนผมกับนทีเขกหัวไปคนละทีด้วยความหมั่นไส้
“กูไปอาบน้ำนอนละ” พอดื่มนมเสร็จผมก็คิดว่าควรไปอาบน้ำนอนได้แล้ว
“เดี๋ยวกูจะรีบกินแล้วเข้าไปนอนกอดนะ” เมธเงยหน้าจากชามข้าวต้มที่เหลือเกินครึ่งขึ้นมายกยิ้มอ้อนมืออ้อนไม้ให้ผม จนนทีอดจะเบ้ปากใส่ไม่ได้
“ไปนอนหน้าระเบียงเลยไป” ผมโบกมือไล่อย่างรังเกียจ บางทีเพื่อนผมมันก็กวนประสาทเกินไป
“เอ้อ กูไม่ใช่เจ้าของ BMW Series X6 นี่” เสียงที่ตะโกนตามหลังมาทำให้ผมตัวแข็งทื่อจนก้าวขาไม่ออกเลยทีเดียว
“มึงเห็นเหรอ?” ผมวิ่งหน้าตั้งกลับมาหาเพื่อนสนิททั้งสองที่นั่งยิ้มกรุ้มกริ่มกับชามข้าวต้มปลาด้วยความตกใจ
“กูไม่เห็นคนขับหรอก แต่กูรู้ว่ารถใคร” นทียิ้มกริ่มพลางตักข้าวเข้าปากอย่างลอยหน้าลอยตา
“กะ ก็บังเอิญเจอ” ผมตอบกลับอย่างไม่เต็มเสียงนัก แต่ผมก็ไม่ได้โกหกนะ ผมบังเอิญเจอท้องฟ้าจริงๆ
“แล้วก็บังเอิญไปกินข้าวด้วยกันด้วยหรือเปล่า?” เมธกรีดยิ้มร้ายที่มุมปากอย่างรู้ทันก่อนจะหันไปแท็กมือกับนทีที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“กูไปนอนละ” พอรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ผมก็รีบหาทางหนีให้ตัวเอง ใครจะโง่อยู่ต่อให้โดนล้อล่ะครับ
“อย่าเอาแต่เพ้อจนนอนไม่หลับนะมึง พรุ่งนี้มีเรียนเช้านะ” ไม่วายถูกแซ็วอีกจนได้
“รู้แล้ว!”
“โอ๊ย! กว่าเจ๊แกจะปล่อยได้โคตรนรกเลย” นานะกรีดร้องออกมาทันทีที่อาจารย์ประจำภาควิชาเดินออกจากห้องเรียนไป
“กูจะตาย” เกนไถหน้าไปมาบนโต๊ะเรียนอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ผมส่ายหน้าไปมากับความโอเว่อร์แอคติ้งของเพื่อนทั้งสองพลางเก็บของลงกระเป๋าเป้ไปด้วย
“กลับเลยไหมหรือว่าจะไปกินข้าวก่อน?” นานะยื่นหน้ามาถามผม
“ต้องไปซ้อมเปียโนน่ะ คิดว่าคงซื้อข้าวไปกินที่ห้องซ้อม” ผมไม่ชอบความวุ่นวายในโรงอาหารสักเท่าไหร่ ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องจำใจใช้บริการ
“โอเค งั้นก็แยกกันเลยเนอะ พวกกูไปก่อนนะ” เกนพยักหน้ารับแล้วเดินแยกออกไปกับนานะ ส่วนผมก็เดินไปที่โรงอาหารเพื่อสั่งข้าวใส่กล่องไปกินที่ห้องซ้อมดนตรี
ครืด ครืด
ผมหยุดการซ้อมลงเมื่อโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงมีการแจ้งเตือนเข้ามา ผมหยิบมันขึ้นมาดูแล้วก็ต้องตกใจ อ่านย้ำวนที่ชื่อของอีกฝ่ายอยู่หลายครั้งเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาด หัวใจเต้นรัวเร็วหนักกว่าเดิมในตอนที่ตัดสินใจแตะนิ้วเข้าไปกดดูข้อความที่อีกฝ่ายส่งมา
ท้องฟ้าสีคราม
เลิกเรียนยัง? 12.29
ท้องฟ้าจริงเหรอ? ผมกดดูรูปโปรไฟล์ของเขาและก็พบว่ามันเป็นรูปของท้องฟ้าจริงๆ หล่อไม่ต่างจากตัวจริงเลยครับ ทำไมโลกนี้ถึงไม่ยุติธรรมกับผมบ้าง ชาติที่แล้วเขาทำบุญด้วยอะไรทำไมถึงเกิดมาพร้อมขนาดนี้นะ
เฮ้อ น่าอิจฉาชะมัดเลย
ว่าแต่เขาเอาไลน์ผมมาจากไหนเนี่ย? แล้วทำไมมันถึงบอกว่าเพิ่มจากหมายเลขโทรศัพท์ล่ะ?
ทะเลสีฟ้า
12.30 เลิกแล้ว
12.30 เอาไลน์มาจากไหน?
ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้ปวดหัว อยากรู้ก็แค่ถามนั่นแหละ
ท้องฟ้าสีคราม
ไม่บอก 12.31
จะซ้อมเปียโนตอนไหน? 12.31
เพิ่งรู้ว่าคนอย่างคุณนภดล อธิพัฒน์เดชากรก็กวนตีนคนอื่นเป็นเหมือนกัน
นอกจากไม่บอกแล้วยังมาพาเปลี่ยนเรื่องอีก นิสัยไม่ดี!
ทะเลสีฟ้า
12.32 อยู่ห้องซ้อมแล้ว
12.32 ตอนบ่ายไม่มีเรียน
ปีหนึ่งก็อย่างนี้แหละ ยังพอจะมีคาบว่างบ้างไม่ได้เรียนเต็มวันตลอด แต่มันก็แค่ปีแรกนั่นแหละ ผมเห็นตารางเรียนเมธแล้ว ผมนี่ไว้อาลัยให้ตัวเองล่วงหน้าเลยครับ
ท้องฟ้าสีคราม
อืม ไม่มีเรียนเหมือนกัน 12.33
เดี๋ยวไปหา 12.33
เดี๋ยวไปหา เดี๋ยวไปหา เดี๋ยวไปหา
เฮ้! ทำไมคำนี้มันถึงดูมีอิทธิพลต่อหัวใจของผมอะไรเบอร์นี้? เขาทำผมหวั่นไหวไปกับเขาอีกแล้ว ขนาดตอนที่ไม่รู้จักกันผมยังชอบเขาตั้งมากมายขนาดนั้น แล้วตอนนี้ที่รู้จักกันแล้ว ผมจะชอบเขามากถึงขนาดไหนกันนะ?
ทะเลสีฟ้า
12.35 อืม
ผมพิมพ์ตอบเขากลับไป แม้ในหัวจะยังคงคิดวนเวียนเรื่องของเขาอยู่ตลอด ขึ้นชื่อว่าท้องฟ้า ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มักจะมีอิทธิพลต่อผมเสมอ ผมสะบัดหัวเบาๆ เพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวแล้วกลับมาซ้อมเปียโนต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ รอบนี้ผมคิดว่าตัวเองทำได้ดีกว่าเมื่อวาน อาจเป็นเพราะได้คำแนะนำจากท้องฟ้าเลยทำให้ผมทำมันได้ดีขึ้น
อ่า ต้องขอบคุณท้องฟ้ามากๆ แล้วล่ะ ผมเดินไปเปิดกระเป๋าเป้เพื่อหาน้ำดื่มซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ท้องฟ้าเปิดประตูห้องซ้อมเข้ามาพอดี
“กินข้าวหรือยัง?” ร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมเอ่ยตามผมทันที ในมือของอีกฝ่ายมีถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้ออยู่สองถุงใหญ่ ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่พยักพเยิดหน้าไปทางซากอารยธรรมที่ผมกองเอาไว้ที่มุมห้องแทน
“อ่า กินนมไหม?” นมจืดขวดขนาด 800 มิลลิลิตรถูกยื่นมาตรงหน้าผม
“ขอบคุณ” ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธ เพราะผมเป็นคนที่ชอบดื่มนมจืดมาก
แต่ถึงจะดื่มยังไงก็ไม่ได้ตัวโตเท่ากับเมธอย่างที่ผมหวังเอาไว้ เพื่อนสนิทผมสูงตั้ง 185 เซนติเมตรเชียวนะ แต่ผมกลับสูงแค่ร้อย 178 -179 เซนติเมตรเอง ทั้งที่ก็ดื่มนมมาตั้งแต่เด็ก เมธเสียอีกที่ไม่ค่อยชอบดื่มนมแต่กลับสูงกว่าผมเสียได้ ยิ่งคนที่อยู่ตรงหน้าผมนี่ยิ่งไม่ต้องพูด รายนี้สูงตั้ง 187 เซนติเมตร สูงเกินหน้าเกินตาชาวบ้านเขาไปเยอะ ยังดีที่พี่คชายังสูงเท่ากัน พี่พนากับพี่ภพก็ตามมาติดๆ สองแฝดเขาสูง 185 -186 เซนติเมตรกัน ส่วนพี่รหัสผมก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ ประมาณ 180 เซนติเมตรได้มั้ง
อ้อ แต่เหนือสิ่งอื่นได้เลยคือนที ไม่ว่าใครจะสูงเท่าไหร่ก็ช่าง แต่เมื่อผมอยู่กับนทีแล้วผมก็จะรู้สึกอุ่นใจเสมอ เพราะนทีนั้นสูงตามมาตรฐานชายไทยเลยครับ 175 เซนติเมตรพอดิบพอดีไม่มีขาดไม่มีเกิน
“ซ้อมไปบ้างหรือยัง?” ท้องฟ้าทิ้งตัวลงนั่งข้างผมที่พื้นแล้วหยิบข้าวกล่องขึ้นมากิน
“ซ้อมไปได้แค่สองรอบเอง” ผมนั่งมองเขากินข้าวแล้วก็เกิดคำถามในใจ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ไปกินสเต๊กด้วยกันแล้ว อย่างที่เคยบอกไปว่าท้องฟ้าเป็นคนกินยาก นู่นก็ไม่ดีนี่ก็ไม่ชอบ เขาจะกินแต่ของที่มีประโยชน์หรือไม่ก็แค่ของที่ชอบเท่านั้น แต่ตั้งแต่ที่เจอกันผมเห็นเขากินของที่ตัวเองไม่ชอบแทบทุกอย่าง
แต่ก็นั่นแหละ ของที่เขาไม่ชอบน่ะ ผมชอบทุกอย่างเลย และของที่เขาชอบกินมันก็เป็นของที่ผมไม่ชอบเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ผัดวุ้นเส้น ต้มมะระ บวบผัดไข่ กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา เต้าหู้ผัดขึ้นฉ่าย เป็นต้น แต่ที่ร่ายมาทั้งหมดนี่คือสิ่งที่ท้องฟ้าชอบมากที่สุดแล้วในบรรดาอาหารพันล้านแปดเมนูบนโลกใบนี้ อ้อ แล้วก็ถ้าเป็นจำพวกเมนูปลาเขาก็จะกินอยู่ แต่ต้องเป็นปลากะพงเท่านั้นนะ ปลาชนิดอื่นพี่เขาไม่ปลื้มจ้า คนอะไรกินยากกินเย็นชะมัดเลย
เพราะอย่างนี้ไงผมถึงบอกว่ามันแปลก ก็ตั้งแต่ที่กินข้าวด้วยกันมาผมยังไม่เห็นเขากินอะไรที่ตัวเองชอบเลย ไม่นับรวมข้าวต้มปลาเมื่อคืนที่ผมเป็นคนเสนอเพราะอยากกินเอง อย่างวันนี้เขาก็กินข้าวมันไก่ต้มติดหนัง ซึ่งผมไม่คิดว่าจะเห็นเขากินมัน ผมจำได้ดีว่าในตอนม.ปลายเขาไม่แม้แต่จะเดินเฉียดร้านขายข้าวมันไก่เสียด้วยซ้ำ ในขณะที่ผมกินมันทุกอาทิตย์ เพราะนอกจากจะกินง่ายแล้วมันยังเป็นหนึ่งในเมนูโปรดของผมอีกด้วย แต่จริงๆ แล้วผมก็ชอบกินทุกอย่างนะ ยกเว้นสิ่งที่ท้องฟ้าชอบนั่นแหละ ไอ้เมนูที่ผมกล่าวมาก่อนหน้านี้น่ะถือว่าเป็นศัตรูกับผมเลยนะ โดยเฉพาะต้มมะระ!
“วันนี้จะซ้อมถึงกี่โมง?” ผมสะดุ้งเบาๆ เมื่อถูกอีกฝ่ายถาม ก็มัวแต่นินทาเขาอยู่ในใจนั่นแหละ มันเลยเหมือนคนมีชนักติดหลังไง!
“สักสี่โมงนิดๆ ตอนห้าโมงต้องไปซ้อมรวมดาวเดือน” วันนี้ก็มีซ้อมรวมอีกเช่นเคย อยากจะกรีดร้องออกมาว่าไม่อยากทำ แต่ก็ทำได้แค่คิดและก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไป เกิดมาหล่อก็ลำบากอย่างนี้แหละ
เฮ้อ แย่จังเลยเนอะ
---------------------------------------------------------------------------------------
เขาเริ่มจีบกันแล้วค่ะคุณขา
เราต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ตอนมันสั้น จริงๆ มันเกิดจากความผิดพลาดของเราเอง ก่อนหน้านี้ตอนมันยาวมากเราก็เลยแบ่งเป็นพาร์ท แต่พอเรามาไล่อ่านแล้วแบ่งตอนใหม่มันเลยกลายเป็นสั้นกว่าเดิมเยอะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกคนที่ติดตามนะคะ ดีใจที่มีคนชอบ ฝากเด็กๆ ที่น่ารักของเราด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แหมมมมม ชื่อไลน์นี่ยังไงกันนะ คล้ายกันไปอีก 555
แหมท้องฟ้าไปตามสืบมาริป่าน๊าาาา. ว่าทะเลชอบ หรือไม่ชอบอะไร. อิอิ ยิ้มมุมปาก