ตอนที่ 11 : ท้องฟ้ากับทะเล : 05 [2/2]
“พอก่อนไหมทะเล? สี่โมงแล้วนะ” ท้องฟ้าเดินเข้ามาใกล้พร้อมยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้ผม
“อืม พอไหวไหม?” ผมผงกหัวขอบคุณแล้วยื่นมือไปรับขวดน้ำมาเปิดดื่มพลางเอ่ยถามถึงการฝึกซ้อมของผมเมื่อสักครู่ไปด้วย
“ทำได้ดีแล้ว แต่ยังดูเกร็งๆ อยู่ ลองเล่นให้มันสบายๆ กว่านี้สิ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองดูใหม่” ผมพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นเดินไปที่กระเป๋าเพื่อนั่งพักเอนหลังพิงกำแพง
“หิวไหม? กินขนมปังรองท้องก่อนสิ เดี๋ยวกว่าจะซ้อมดาวเดือนเสร็จก็มืด” แซนวิชไส้ทูน่าถูกยื่นมาตรงหน้า ผมมองมันอย่างชั่งใจ ไส้ทูน่าเป็นสิ่งที่ผมชอบ แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบคือขนมปังโฮลวีท! พอเหลือบตาไปมองคนให้ผมก็รู้สึกคิ้วกระตุกแปลกๆ แม้อีกฝ่ายจะมองมาที่ผมนิ่งๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังหัวเราะเยาะผมอยู่ก็ไม่รู้ ถ้าคนตรงหน้าผมไม่ใช่ท้องฟ้าแต่เป็นเมธหรือนทีผมก็คงด่ากระเจิงไปแล้ว เพราะพวกนั้นมันรู้ดีว่าผมไม่ถูกกับขนมปังโฮลวีทหรือพวกของกินที่รักสุขภาพอะไรแบบนี้ แต่นี่คือคุณนภดลไง เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไรน่ะ เขาก็แค่ซื้อของที่เขาชอบมาเท่านั้นแหละ ถึงนี่มันจะเป็นไส้ทูน่าแต่มันก็ยังเป็นขนมปังโฮลวีทที่เขาโปรดปรานอยู่ดี
ในขณะที่ผมกำลังลังเลว่าจะรับหรือไม่รับดี แซนวิชชิ้นนั้นก็ถูกแกะพลาสติกออกครึ่งหนึ่งเตรียมพร้อมสำหรับการกินมาจ่ออยู่ที่ปากผมเรียบร้อยแล้ว เออ แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ
“ขอบคุณ” ทำได้แค่งึมงำตอบรับแล้วหยิบแซนวิชชิ้นนั้นมายัดใส่ปาก กินไปก็แอบเบ้หน้าไปด้วยความที่ไม่ชอบขนมปังโฮลวีทขั้นรุนแรง ผมว่ามันฝืดคอเอามากๆ เลยนะ
ให้ตายสิ แล้วผมมาทนนั่งกินมันทำไม? เพียงเพราะคนให้คือท้องฟ้างั้นเหรอ? นี่ผมกำลังทำสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับตัวเองอยู่หรือไงกัน พอกินเสร็จก็มีขวดน้ำส้มที่เปิดฝาพร้อมดื่มแถมมีหลอดเสียบมาให้ด้วยวางอยู่ตรงหน้าผม ก็ไม่ต้องถามหรอกว่าฝีมือใคร ก็คนข้างตัวผมนี่แหละ
น้ำส้ม น้ำส้ม น้ำส้ม หึ!
ผมไม่ชอบน้ำส้ม! ผมชอบน้ำองุ่นโว้ย!
นี่เขาจะเอาสิ่งที่ตัวเองชอบมายัดเยียดให้ผมทำไมวะ? ทำไมไม่เก็บไว้กินเองล่ะเฮ้ย!
“จะกลับเลยหรือเปล่า?” พอร้องโวยในใจเสร็จก็คว้าเอาขวดน้ำส้มมาดูดแก้คอแห้งอย่างเซ็งๆ
แล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกเหมือนเห็นประกายแปลกๆ ในแววตาของท้องฟ้าได้ล่ะเนี่ย? มุมปากที่เชิดขึ้นนิดๆ นั่นเขาไม่ได้กำลังยิ้มอยู่ใช่ไหมหรือผมคิดมากไปเอง?
“จะไปดูแบทซ้อมด้วย” ท้องฟ้าตอบพลางเก็บเศษซากอารยธรรมต่างๆ ที่ผมกองเอาไว้รวมใส่ถุงเดียวกันเตรียมเอาไปทิ้ง อ้อ ผมลืมบอกไปอีกอย่างหนึ่งใช่ไหมว่าท้องฟ้าเป็นคนที่ค่อนข้างเป็นระเบียบ ถึงจะไม่ได้มากมายอะไรแต่ก็ไม่ชอบอะไรที่รกหูรกตาหรือไม่เรียบร้อยน่ะ ซึ่งมันตรงข้ามกับผมสุดๆ ผมที่เป็นคน(มัก)ง่ายๆ ก็ไม่ค่อยจะมีระเบียบเท่าไหร่นัก
ทุกคนยังจำแบทกันได้ไหม? แบทคือเดือนคณะบริหารปีนี้ครับ และเขาก็เป็นน้องรหัสของนทีด้วย ซึ่งนทีเป็นเพื่อนกับท้องฟ้า และท้องฟ้าที่เป็นอดีตเดือนคณะบริหารปีก่อนก็ต้องมาคอยดูรุ่นน้องของตัวเองบ้าง มาให้คำแนะนำมาดูแลอะไรแบบนี้ ที่ผ่านๆ มาผมก็เห็นรุ่นพี่ที่เป็นเดือนปีก่อนๆ ก็ลงมาดูน้องคณะตัวเองบ้าง
อย่างเมื่ออาทิตย์ก่อนกริชก็มาดูฮิมซ้อม สาวๆ ที่เป็นดาวนี่กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ กริชที่เห็นผมแล้วจำได้ก็เข้ามาทักผมด้วย กริชเป็นคนที่เฟรนลี่มาก เขารู้จักเพื่อนทั้งรุ่นแทบจะทั้งหมด มันเลยไม่แปลกที่เขาจะรู้จักผมไปด้วย เอาจริงๆ ก็คือเขาเคยมาจ้างผมทำงานวิชาศิลปะไปส่งอาจารย์นั่นแหละ และที่สำคัญคือเขากับบรู๊คลินเป็นนายหน้าให้ผม ช่วงตอนม. 4 กับ ม.5 ผมได้เงินจากการรับจ้างทำงานศิลปะแต่ละเดือนนี่หลายพันบาทเลย ก็อาจารย์สั่งงานทุกอาทิตย์นี่ เดือนหนึ่งก็สี่งาน แต่คนที่มาจ้างไม่ใช่แค่คนสองคนไง
โอเค จบเรื่องในวัยมัธยมไป กลับมาที่เรื่องประกวดดาวเดือนต่อ
อย่างผมเองก็มีพี่รีคอยดูแล แต่พี่รีไม่ได้เป็นเดือนคณะนะครับ คนที่เป็นเดือนคณะสถาปัยตย์ปีก่อนคือพี่รัญพี่รหัสคนดีของผมต่างหาก จริงๆ คนที่มีสิทธิ์จะได้เป็นเดือนคณะมีอยู่สองคนคือพี่รัญกับเมธ แต่ไม่มีใครอยากได้ตำแหน่งนี้เลยสักคน รุ่นพี่ปีก่อนที่ดูแลเรื่องการประกวดดาวเดือนของคณะก็เลยให้ทั้งสองคนเป่ายิงฉุบกัน และคนที่แพ้จะต้องเป็นเดือนคณะ พี่รัญที่มั่นใจมากว่าตัวเองเป่ายิงฉุบชนะเมธมาตลอดจะต้องชนะ แต่วันนั้นไม่รู้ว่าเมธมันไปบนศาลไหนเอาไว้ สถิติที่แพ้การเป่ายิงฉุบมาตั้งแต่มัธยมกลับหยุดชะงักเพราะมันเป่ายิงฉุบชนะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี พี่รัญเลยได้ตำแหน่งเดือนคณะไปครองอย่างจำใจ
“อ่อ” ผมพยักหน้ารับหงึกหงักแล้วเตรียมเก็บของบ้าง สี่โมงครึ่งแล้วครับ เหลืออีกครึ่งชั่วโมง แต่ไปก่อนเวลาก็ดี ไปนั่งเล่นที่นั่นก็ได้
“ไปด้วยกันสิ” แขนเสื้อของผมถูกกระตุกให้เดินตามอีกฝ่ายไปยังลานจอดรถที่อยู่หลังตึก
“แล้วนายไม่ต้องซ้อมดนตรีเหรอ?” ใกล้จะถึงวันประกวดดาวเดือนแล้ว วงลูเซี่ยนที่ต้องขึ้นแสดงหลังจบการประกวดก็ต้องซ้อมหนักไม่ต่างกัน แต่ผมกลับเห็นเขาลอยชายไปมาเหมือนไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการที่จะต้องขึ้นโชว์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ดูใจเย็นจังเลยนะ
ผิดกับพี่รหัสผมลิบลับเลย รายนั้นชอบมาบ่นว่าไม่มีเวลาซ้อมเลย งานก็เยอะเรียนก็หนัก เรื่องงานเยอะนี่เห็นด้วยเลย เพราะเมธมันก็มาคร่ำครวญกับผมเหมือนกันว่าอาจารย์เล่นใหญ่มาก สั่งงานกันอย่างกับพายุลง แถมยังกำหนดส่งไล่เลี่ยกันอีก ตอนนี้พวกปีสองเลยหัวหมุนกันใหญ่ นี่ขนาดเพิ่งเปิดเทอมได้ไม่เท่าไหร่นะ อาจารย์ก็หางานให้แล้ว คิดสภาพช่วงกลางเทอมสิ เหอะๆ ไม่ต้องพูดเลย
“ซ้อมแยกน่ะ เวลาว่างไม่ตรงกัน” เขาปลดล็อคประตูรถแล้วเปิดมันออกให้ผมก่อนจะหันมาตอบ
“อ๋อ” ผมพยักหน้าเออออแล้วรีบแทรกตัวเข้าไปนั่งในรถทันที กำลังจะหันไปปิดประตูแต่คนที่ยืนอยู่ข้างรถก็ปิดประตูให้เสียก่อน อ่า รู้สึกแปลกๆ แหะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครเปิด-ปิดประตูรถให้เลยแม้แต่ครั้งเดียว พอมาเจอแบบนี้ก็ถึงกับไปไม่เป็นเลยล่ะครับ
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะเด็กๆ” สิ้นเสียงนั้นพวกผมก็แทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ ได้พักสักที ผมทิ้งตัวลงนอนแผ่กับพื้น ข้างๆ กันก็มีเหล่าเดือนที่หมดสภาพไม่ต่างกันนอนเกลื่อนพื้นอย่างไม่กลัวสกปรก ผมหันไปมองหน้าเพื่อนแต่ละคนแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา
นี่คือสภาพของเดือนที่สาวๆ ทั้งมหา’ลัยกรี๊ดเหรอ? ดูไม่ได้เลยจริงๆ
“หัวเราะอะไร?” แบทที่นอนอยู่ข้างผมเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้ามึนงง
“สภาพเน่ามาก” ผมพูดกลั้วหัวเราะ เพื่อนคนอื่นๆ ก็หันมามองแล้วก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“พอกันนั่นแหละ” แบทบ่นอุบก่อนจะลุกขึ้นยืน พอพักกันหายเหนื่อยแล้วก็เดินไปเก็บของทยอยกลับกัน
“กลับบ้านกันดีๆ นะ”
“เจอกันพรุ่งนี้”
เสียงร่ำลาดังอยู่ไม่ไกล ซินกับฮิมเดินเข้ามาชวนผมกลับด้วยแต่ผมปฏิเสธกลับไป คอนโดของเมธที่ผมอาศัยอยู่ในตอนนี้มันไม่ได้อยู่ไกลมาก เดินไปก็ได้ แต่ตอนนี้ดึกแล้วผมก็คิดว่าจะนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับ ถึงเร็วดี
“ทะเล”
“ยังไม่กลับอีกเหรอ?” ผมหันไปมองตามเสียงเรียกแล้วก็พบว่าเป็นท้องฟ้าที่ยืนอยู่ข้างหลังผม ก่อนหน้านี้ตอนที่ผมซ้อมเดินอยู่ไม่เห็นเขาก็คิดว่ากลับไปแล้วเสียอีก ที่ไหนได้ ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย?
“กลับด้วยกันไหม?” ขายาวก้าวเข้ามาใกล้ผมพร้อมเอ่ยปากชวน
“ไม่เป็นไร” ผมเลือกที่จะปฏิเสธกลับไปเพราะคิดว่าไม่อยากรบกวนเขาไปมากกว่านี้แล้ว เห็นพี่รัญบอกว่าคอนโดของท้องฟ้าอยู่คนละทางกับคอนโดของผม ตอนนี้มันก็เริ่มดึกแล้ว ถ้าเขาไปส่งผมเขาก็จะได้นอนดึกอีก ผมเกรงใจ
“ไปเถอะ” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงกว่าที่ผ่านมา แววตาก็ดูคาดหวังกับบางสิ่งบางอย่าง ทำไมผมถึงได้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกเขาอ้อนอยู่นะ บ้าไปแล้วทะเล ไม่มีทางหรอก นี่ท้องฟ้าไง ท้องฟ้าที่หน้านิ่งๆ เหมือนก้อนหินไง
“...” ผมไม่ได้ตอบเขากลับไปเพราะกำลังคิดอยู่ว่าอะไรที่ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เปลี่ยนไปมากจนผมแปลกใจ เขาดูอ่อนลงกว่าเดิมมาก ถามว่าดีไหมมันก็ดีแหละ แต่ผมแค่ไม่ชินเท่านั้นเอง
“ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย”
“อืม” อาจเป็นเพราะผมเองก็ได้ที่อยากอยู่กับเขาถึงได้ตอบตกลงไปอย่างนั้น
“อ้ะ”
“อะไร?” ผมก้มมองสิ่งที่ท้องฟ้ายื่นมาให้ มันเป็นอมยิ้มรสสตอเบอร์รี่ เป็นอีกรสที่ผมชอบลองลงมาจากโคล่า
“เอาไปสิ” เขายังคงพยายามยัดเยียดเอาอมยิ้มมาให้ผมอย่างไม่ลดละ ผมมองอมยิ้มสลับกับเจ้าของด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด หลายคำถามผุดขึ้นมาในหัว แต่ถึงอยากจะถามยังไงก็คงไม่ได้พูดถามออกไปหรอก คนอย่างท้องฟ้า ต่อให้เค้นคอให้ตายก็ไม่มีทางพูดถ้าเขาไม่อยากพูด
“อืม” และคนอย่างทะเลจะทำอะไรได้นอกจากเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วยื่นมือไปรับอมยิ้มอันนั้นมาเก็บไว้
ผมน่ะไม่เคยชินกับความเป็นท้องฟ้าเลยสักครั้งเดียว และคิดว่าก็คงไม่มีทางชินกับความเป็นท้องฟ้าได้หรอก
หลังจากที่หาร้านข้าวกินกันจนอิ่มแล้วท้องฟ้าก็ขับรถมาส่งผมที่คอนโดเหมือนเมื่อวาน จะต่างกันก็ตรงที่บรรยากาศของวันนี้ไม่ได้เงียบเหงาเป็นป่าช้าเหมือนเมื่อวาน ท้องฟ้าเปิดเพลงคลอเบาๆ ในรถและเราก็พูดคุยกันนิดหน่อย พูดถึงเรื่องเพลงที่ฟัง หนังที่เคยดู และก็อะไรอีกหลายอย่างที่เราต่างไม่เคยรู้เรื่องของอีกฝ่ายมาก่อน มันเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ ครับ ท้องฟ้าพูดเยอะขึ้น และเขามีปฏิกิริยาโต้ตอบมากกว่าเดิมแม้จะไม่ได้มากเท่าคนปกติ แต่สำหรับความเป็นท้องฟ้าแล้ว ผมคิดว่าแค่นี้มันก็มากเกินพอแล้ว การที่ผมได้มาเจอเขาในครั้งนี้ผมรู้สึกว่าเขาดูมีชีวิตชีวากว่าตอนมัธยมเยอะเลย ตอนนั้นเขาเหมือนก้อนหินที่ไม่มีความรู้สึก แต่ก็คอยเก็บทุกรายละเอียดอยู่เงียบๆ ตลอด
“พรุ่งนี้มีเรียนไหม?”
“ไม่มี อาจารย์ยกคลาส” เมื่อตอนเย็นไลน์กรุ๊ปของสาขาเพิ่งจะมีแจ้งเตือนมาว่าวิชาตอนเช้าอาจารย์ยกคลาส นับว่าเป็นโชคดีของผมเลยครับ
“แล้วจะเข้ามหา’ลัยหรือเปล่า?” ท้องฟ้าหันมามองผมแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปมองที่ถนนต่อ
“เข้า จะไปซ้อมเปียโน ตอนเย็นก็มีซ้อมรวมอีก” พรุ่งนี้เป็นการซ้อมวันสุดท้ายแล้วครับ พอวันมะรืนก็เป็นการประกวดดาวเดือนแล้ว เวลาเดินเร็วกว่าที่คิดเยอะเลยนะครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องสู้นั่นแหละ อดทนอีกนิดมันก็จะผ่านไปแล้ว จบเรื่องกิจกรรมก็ลุยเรื่องเรียนต่อเลย ชีวิตมหา’ลัยนี่บันเทิงจิตมากเลยนะครับ
“พรุ่งนี้คงเลิกดึก เมธจะไปรับหรือเปล่า?” เขายังคงถามผมต่อ
“คงไม่ เห็นบอกว่าต้องไปออกงานกับที่บ้าน” เมธบอกผมไว้นานแล้วว่าจะต้องไปงานเลี้ยงอะไรสักอย่างกับที่บ้านนี่แหละ เมธเองก็ไม่ได้อยากไปหรอก แต่ขัดแม่ไม่ได้ ถ้าไม่ไปก็จะถูกระงับบัตรเครดิตไง แม่มันโหดมากเลยนะ ถึงจะใจดีแต่เด็ดขาดสุดๆ เลย ผมเองยังกลัวใจแม่มันเลนครับ
“อืม งั้นเดี๋ยวฉันมาส่งนายเอง”
“ทำไม?” มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องรอรับผมมาส่งที่คอนโดด้วย?
“ก็แค่อยากทำ”
“...” อึ้งสิครับ อะไรของเขาเนี่ย? ผมหันมองคนข้างตัวอย่างตกใจ
“ไม่ได้เหรอ?” ใบหน้าหล่อหันมาสบตากับผมในตอนที่รถติดไฟแดง
ผมกำลังจะละลายติดเบาะรถก็เพราะสายตาของเขาเนี่ยแหละ!
“แล้วแต่เถอะ” ผมหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตากับท้องฟ้านานๆ นี่ผมไม่ได้เพ้อไปเองใช่ไหม? เขาพูดเหมือนเขาจะจีบผมอย่างนั้นแหละ
บ้าบอน่า ตื่นนะ ทะเล
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตบตีกับความคิดของตัวเอง รถคันหรูของท้องฟ้าก็มาจอดอยู่ที่หน้าคอนโดแล้ว
“ลงไปได้แล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยบอกทันทีที่รถจอดสนิท
“ไล่เหรอ?” ผมหันไปร้องถามเขาหน้าบึ้ง นึกจะลากมาก็ลาก นึกจะไล่ก็ไล่อย่างนี้ก็ได้เหรอ?
“อือ ดึกแล้ว ไปพักผ่อนได้แล้ว” มือใหญ่ยื่นมาขยี้หัวผมเบาๆ จนผมเสียทรงจากเดิมไปพอสมควร ผมตีมืออีกฝ่ายไปเบาๆ ที่บังอาจมาทำลายความหล่อของผม แม้ผมจะหล่อสู้เขาไม่ได้แต่เขาก็ไม่ควรมาทำลายความมั่นใจของผมแบบนี้สิ
“อืม ขับรถดีๆ นะ” พอจัดทรงผมให้ตัวเองเสร็จผมก็เตรียมจะลงจากรถ
“ทะเล”
แหนะ พอจะไปก็มารั้ง กิ้วๆ
“หืม?” ผมหันไปมองเขาอย่างสงสัย แต่แล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้กับประโยคถัดมา
“ฝันดี”
“อื้อ ฝันดี”
และคืนนั้นทั้งคืนผมก็ฝันดีจริงๆ นั่นแหละ
---------------------------------------------------------------------------------------
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จีบแบบคนซึนๆมากจ้าาา
ท้องฟ้าเริ่มรุกทะเลแล้วววว
ฮืออออออ จะบ้าตายย 5555