คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : ใครเป็นคนเลือก 4
โอฬารมองหญิงสาวที่นั่งเคียงข้างทางหางตาหลายรอบแล้ว
นับตั้งแต่เบญจภัทรเคลื่อนรถออกจากบ้านมา ทีท่าของเธอไม่นิ่งเหมือนอย่างเคย
ปกตินีราเป็นคนสงบนิ่งและเยือกเย็น นั่นเป็นเสน่ห์ของเธอที่เขาชอบ
ทว่าเวลานี้มือที่ประสานกันบนตักบีบกันไปมา
ริมฝีปากบางเคลือบลิปสติกสีชมพูสวยเม้มแล้วคลาย หลายต่อหลายรอบ
และเขาสังเกตเห็นว่าเธอก็เหลือบมองเขาหลายรอบแล้วเหมือนกัน
“มีอะไรจะพูดก็พูดสิ”
ในที่สุดก็เป็นเขาที่อดรนทนไม่ไหวต้องเอ่ยขึ้นก่อน
และพอเขาเอ่ยอย่างนั้นร่างบางก็เอียงตัวไปหาเขาทันที
“นีราถามได้ไหมคะว่า...คุณตกลงกับเจ้าสัวว่ายังไง”
“แบบนี้ไม่เรียกถามแล้วเหรอ” เขาพูดราบเรียบปลายเสียงติดห้วนเล็กน้อย
ดวงตาเรียบนิ่งมีรอยขุ่นเคืองจางๆ นีราเลยเม้มปากอีกครั้งหากไม่หลบตา
แปลว่าเธออยากรู้จริงๆ ซึ่งโอฬารเข้าใจดี การที่ภัคภณไปรับเธอมา แต่เวลากลับเขากลับเลือกบอกว่าอยากอยู่คุยกับอัศวินก่อน
มันน่าน้อยใจ นีราจึงขอติดรถเขาออกมา
...เขาก็แค่ตัว(บังคับ)เลือก
“คุณจะไม่ตอบก็ได้ค่ะ
นีราขอโทษที่ละลาบละล้วง”
“ก็ไม่ได้มีอะไรปิดบัง
ยังไงคุณปู่ก็ต้องบอกกับทุกคนอยู่แล้ว”
คราวนี้นีราตาเป็นประกาย
เงยขึ้นสบตาเขาอย่างมีความหวัง ริมฝีปากระบายยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่
“แปลว่า...”
“แปลว่าผมจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น
และจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมไม่ยกเธอให้ใครแน่นอน”
เบญจภัทรเกือบสลับเท้าไปเหยียบเบรกเพราะความตกใจ
เขาเหลือบมองเจ้านายผ่านทางกระจกมองหลัง สีหน้าแววตาของโอฬารค้านกับคำพูดมาก
และความที่รู้จักเจ้านายดี เขาคิดว่าโอฬารไม่มีทางยอมรับสิ่งที่อัศวินต้องการง่ายๆ
แน่ ถึงจะเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องยื้อให้ถึงที่สุด...แล้วนี่มันคืออะไรกัน
“นีรายินดีด้วยนะคะ” น้ำเสียงของอดีตเลขาเขาสดชื่นขึ้นทันที ท่าทีกังวลเมื่อสักครู่หายไปจนหมดสิ้น
โอฬารเผลอขบกรามแล้วเมินหน้าหนี มองตรงไปเบื้องหน้ายามเอ่ยคำพูดถัดมา
“ยินดีเรื่องอะไร
ไม่กลัวเหรอว่าเจ้านายคุณอาจไม่ได้เป็นประธานบริษัท”
“เรื่องนั้น...ไม่ว่าใครได้ตำแหน่ง
นีราก็ดีใจด้วยทั้งนั้นแหละค่ะ ทั้งคุณ คุณใหญ่และคุณโตมีโอกาสเท่ากันนี่คะ”
“อ้อ...” โอฬารทำเสียงรับรู้ “งั้นที่ยินดีก็แปลว่ายินดีให้ตัวเองสินะ...ที่ไม่ต้องกังวลว่าคนที่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจะเป็นไอ้โต”
นีราชะงักเพิ่งสำเหนียกได้ว่าตัวเองแสดงกิริยาออกนอกหน้าไปสักหน่อย
แต่เพราะรู้จักโอฬารมานาน เธอจึงเลือกเงียบแทนการโต้ตอบ เอียงตัวกลับมานั่งท่าเดิม
ต่างฝ่ายต่างเงียบกันมาจนกระทั่งอีกสามร้อยเมตรก็จะถึงบ้านของเธอ
นีราจึงรู้สึกว่าเธอควรพูดมันออกไป
“ขอบคุณนะคะ”
คนที่เอียงหน้ามองไปนอกกระจกตลอดเวลาเอ่ยขึ้นสั้นๆ
ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“มันเป็นทางผ่านอยู่แล้ว”
“นีราหมายถึง...เรื่องที่คุณยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นค่ะ” คราวนี้โอฬารหันมาสบตาเธอตรงๆ
หญิงสาวจึงรีบพูดต่อก่อนที่เบญจภัทรจะขับรถไปจอดหน้าบ้านเธอเสียก่อน “นีรารู้...ว่าคุณไม่ได้ทำเพื่อนีรา
แต่...นีราก็รู้ว่าคุณไม่ได้อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน”
“แล้วบังเอิญคุณได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้
ก็เลยอยากขอบคุณงั้นเหรอ?” โอฬารเป็นคนพูดน้อยต่อยหนักเสมอ
และนีราคงจะเจ็บจนจุก ถ้าตอนนี้ความรู้สึกของเธอจะไม่ได้ทุ่มไปหาภัคภณจนหมดแล้ว
“นีรายอมรับค่ะ”
“หึ!”
“คุณยักษ์คะ”
“ถึงบ้านคุณแล้ว”
รถจอดนิ่งสนิทแต่นีรายังไม่ยอมเปิดประตูลงจากรถ
เธอยังมองเขาด้วยท่าทีลังเล
“นีราขอได้ไหมคะ...อย่าทำเย็นชาใส่นีราแบบนี้เลย
ถึงเราจะไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้ว แต่เราก็น่าจะเป็น...เพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอคะ”
โอฬารอยากหันมาแล้วตวาดใส่เธอแรงๆ
หรือหัวเราะเยาะก็ยังดี อยากทำให้เธอสะอึก ทำให้เธออึ้ง เจ็บปวด
หรืออะไรสักอย่างเหมือนที่เขากำลังเป็นอยู่ตอนนี้
แต่ก็นั่นล่ะ...ปากทำเหมือนเกลียดการกระทำของเธอ
แต่ใจกลับไม่เคยแข็งพอที่จะสวนกลับไปให้เด็ดขาดเลยสักที
“ผมก็ไม่เคยมองคุณเป็นอย่างอื่น
แต่ผมเป็นคนแบบนี้ คุณน่าจะรู้จักผมพอสมควร”
“นีราทราบค่ะ
และถ้าเราเจอกันแค่เรื่องงาน นีราก็เข้าใจคุณดี
แต่หลังจากนี้เราอาจจะเจอกันบ่อยขึ้น...นีราแค่อยากให้เรา...”
โอฬารเข้าใจละ...เขาเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อแล้ว
เบญจภัทรที่นั่งฟังมาตลอดก็เข้าใจด้วยเหมือนกัน
เขาปลดเข็มขัดนิรภัยพร้อมจ่อมืออยู่ที่มือจับประตูรถ
ความคิดเห็น