คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Coffee - Kaihun
.
.
Coffee
KimJongin x OhSehun
.
.
BGM : cancer - twenty one pilots
ความพิเศษของผมที่ผมรู้สึกภูมิใจที่สุดคงเป็นการดมกลิ่นที่ว่องไวและแม่นยำ เพื่อนหลายๆคนตอนมัธยมชอบแซวว่ามันเหมือนกับเซนท์ของหมา แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเกลียดจมูกของตัวเอง อยากกลั้นหายใจจนไม่ได้กลิ่นอะไรเลยด้วยซ้ำ
เปล่าหรอก...มีแค่กลิ่นเดียวที่ไม่อยากรู้สึกอีกแล้ว ยังจำทุกสัมผัส กลิ่น ลมหายใจเข้าออกของใครบางคนได้แม่นยำ ราวกลับเป็นเพียงกลิ่นเดียวที่น่าจดจำที่สุดในชีวิต ยิ่งพยายามลืมยิ่งจำ ก็คงอย่างที่เขาว่ากันว่าการพยายามลืมก็เหมือนกับการคิดถึงมันขึ้นมาอีก แล้วต้องทำอย่างไร เพื่อลืม กลิ่นนั่น...
::
"พ่อฮะ ผู้ชายคนนั่นเขามาอีกแล้ว" เสียงเจี้ยวแจ้วของเจ้าตัวเล็กเป็นตัวต้อนรับแขก มือเล็กป้อมเอื้อมมากระตุกผ้ากั้นเปื้อนสีน้ำตาลเข้ม พลางสอดส่องสายตามองเด็กตัวเล็กๆอีกคนที่มาพร้อมกับพ่อ
"ผมไปเล่นกับชานยอลนะ..." แบคฮยอนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนขยับปากอ้อนคนเป็นพ่อ มองเด็กหูกลางตัวอ้วนเจ้าของแว่นตาทรงรีนั่งตรงข้ามคุณพ่อวัยหนุ่ม แต่ยังไม่ทันตอบลูก เซฮุนก็ต้องจำใจเดินเข้าไปหาคุณพ่อเจ้าเด็กอ้วนที่แบคฮยอนบ่นว่าเป็นเพื่อนกันที่โรงเรียน
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..." และวินาทีนั่นเองที่หัวใจของเซฮุนกลับมาเหวี่ยงแรงอีกครั้ง เหมือนเมื่อก่อน...
..
"ชานยอลเล่าเรื่องลูกนายให้ฟังเยอะเลย..." หัวคิ้วเรียวกระตุกยกขึ้นหลังจากตัดสินใจมานั่งคุยกับเจ้าของน้ำเสียงทุ่มและกลิ่นประจำตัวที่เขาไม่เคยลืมมันได้
"พวกเขาเป็นเพื่อนกันนี่..."ขานตอบไปพอเป็นพิธี วางมือยกแก้วกาแฟขี้นจิบพลางทอดสายตามองเด็กสองคนโต๊ะข้างๆที่พูดคุยกันออกรสออกชาติเรื่องของเล่นใหม่
"เหมือนเราตอนเด็กๆเลยเนอะ..." เขาชะงักเงยหน้ามองอีกคนเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะตบท้าย ให้ตายสิ...ทำไมผู้ชายคนนี้กล้ายิ้มแบบนี้ออกมา
"..."
"ฉันได้ข่าวว่านายแต่งงานกับดารึมหรอ ขอโทษนะที่ไม่ได้มางานแต่ง ทั้งๆที่นายไปงานแต่งฉันทั้งที่งานรัดตัวขนาดนั่น"
"...ไม่เป็นไรหรอก"
"..." กลายเป็นว่าทั้งคู่เลือกที่จะให้ความเงียบเป็นคำพูดแทนทุกอย่างราวกลับต่างคนต่างฉุดคิดเรื่องเก่าๆขึ้นมา โดยในความคิดของเซฮุนเขาคงหนีไม่พ้นเรื่องของ เรา ทั้งคู่ ภาพของใบหน้าคมในระยะประชิด เสียงลมหายใจ เสียงกระซิบข้างหู และสัมผัสวาบหวาม ยังคงเป็นสิ่งเหล่านั่นที่เกี่ยวให้หัวใจเขาทำงานหนักกว่าปกติ ถึงการแต่งงาน มีครอบครัวของเราทั้งคู่จะเป็นการจบเรื่องทุกอย่างของเรา แต่ทั้งเขาและจงอินก็ยังรู้สึกได้ว่า ทุกครั้งที่สบนัยน์ตากัน ความรู้สึกข้างในยังวูบโหวงแกว่งไกว ราวกลับชิงช้าเมื่อโดนลมพัดผ่าน เหมือนใบไม้ที่กำลังร่วงลงจากกิ่ง แต่การคิดถึงเรื่องราวเมื่อก่อนไม่ได้ช่วยให้ทั้งคู่เอาอะไรกลับมาได้ มีเพียงแต่ความเศร้าและความหอมหวานของความรักแบบหลบๆซ่อนๆ
"ว่าแต่ซูจองเป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่ไหม?" เซฮุนถามออกไปเมื่อคิดว่าตัวเองควรถามอะไรบ้าง เพราะถ้าปล่อยให้ความเงียบทำงานมากกว่าเดิมมีหวังความเจ็บปวดในคราวก่อนจะกัดกินเขามากกว่านี้เป็นแน่ "อืม...สบายดี.."
"..."
"...นี่ เซฮุน เราไปที่นั่นอีกกันไหม?"
"..."
"ฉันคิดถึง มัน "
Kiss you
ทุ่งหญ้าสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสีกาแฟเย็นตอนน้ำแข็งกำลังละลายปลิวลู่ตามแรงลมแผ่วเบา บ้างก็โบกแรงจนเกสรปลิวขึ้นสูง แต่เหนือสิ่งอื่นใดความสวยงามของที่ตรงนี้จะไม่มีความหมายถ้าเกิดไม่มีเรื่องราว ทั้งคู่ทิ้งตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ที่เหมือนจะยืนต้นตายตั้งแต่ที่พวกเขาเจอที่นี้ครั้งแรก ใช้ร่มเงากิ่งก้านของลำต้นสีเข้มบดบังแสงอาทิตย์ยามเย็น ครั้งนี้นอกจากเซฮุนจะตกลงมากับอีกคน คนตัวบางยังถือกล้องมาด้วย เพื่อถ่ายทุ่งหญ้าบนเนินดินในตอนที่พระอาทิตย์สาดแสงได้สวยที่สุด
"..."
และเสียงขยับมานั่งชิดหัวไหล่แคบก็เป็นเสียงเดียวที่ดึงให้นัยน์ตาสีอ่อนหันไปสนใจ จงอินกำลังมองมาที่เขาด้วยนัยน์ตาที่อีกคนชอบทำ นัยน์ตาที่เหมือนมีพระอาทิตย์ลูกกลมโตซ่อนอยู่ข้างใน มือหนาย้ายขึ้นมาประคองคางมนแผ่วเบา ไล้นิ้วโป้งตามผิวเนียนละเอียด เช่นเดียวกับเซฮุนซึ่งได้ยอมปลดปล่อยเกาะกำบังปราการสุดท้ายลง หลับตาพริ้มซึมซับทุกอย่างไว้อย่างไม่ปกปิดใดๆ มือหนาผายนิ้วทั้งห้าออกเปลี่ยนมาประคองแก้มตรอบสีซีด เกลี่ยปลายนิ้วไปทั่วจนเลยมายังแผงขนตาเรียงสวยจมูกรั้น และมาหยุดที่กลีบปากบางซีดไม่สดไม่ซีดจนเกินไปของคนตรงหน้า
"...มันไม่เหมือนเดิมแล้ว จงอิน" แต่ก่อนที่ใบหน้าคมจะโน้มแนบชิดริมฝีปากชิมรสความคิดถึงจากปากสีระเรื่อ น้ำเสียงแหบก็ดังขึ้น นัยน์ตาสีอ่อนซึ่งเคยหลบซ่อนข้างหลังเปลือกตาสีมุกเปิดขึ้นสอดสายตามองเข้าไปในนัยน์ตาคู่ดำสนิทตรงหน้า
"...ถ้านายจูบฉัน มันก็จะบิดเบี้ยวไปอีก"
"..."
ได้โปรด เซฮุนกำลังหมายถึง ถ้าจงอินตัดสินใจทำมันลงไป พาเราทั้งคู่กลับไปในอดีตอีกครั้ง ความรู้สึกผิดจะยิ่งทวีคูณ และมันจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยิ่งจะบิดเบี้ยวไปอีก แค่ทุกวันนี้การพบเจอกันก็เป็นเรื่องที่บิดเบี้ยวมากพอแล้ว อย่าทำให้มันมากกว่านี้เลย...
"...ฉันยอม"
แต่จงอินกลับไม่คิดแบบเดียวกัน สิ้นเสียงทุ่ม กลีบปากหยักก็โน้มเข้ามาแนบชิดชิมรสหวานจากกลีบปากเล็ก เค้นคลึงด้วยความคิดถึงเบาบางจนเรื่อยไปหนักแน่นขึ้น ดูดดึงกลีบปากบางจนเกิดเสียงน่าเกลียด ในเวลาเดียวกันน้ำตาของคนทั้งคู่ก็ค่อยๆกลิ้งผ่านหน้าแก้มช้าๆ ถ้ามันจะบิดเบี้ยวอีกสักนิดจะเป็นอะไรไป...
Pink cloud
การเปลี่ยนสี่ของท้องฟ้าของเย็นวันศุกร์ ดึงให้เซฮุนอดนึกถึงเรื่องที่เนินดินไม่ได้ ท้องฟ้าวันนั่นก็สวยเหมือนวันนี้ ทั่วทั้งฟ้าถูกฉาบด้วยสีส้มอมชมพู สวยจนต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย
Ohse_hun64 pink cloud
ชายหนุ่มโพสรูปลงไอจีส่วนตัว ปิดหน้าจอแล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างกาย ปล่อยให้ใจได้ลอยเคว้งเพื่อพักผ่อน ทั้งวันเอาแต่ทำงานจนลืมเวลา พอรู้ตัวอีกทีก็ได้เวลาแบคฮยอนเลิกเรียนแล้ว นี่เขาก็พึ่งพาลูกไปส่งบ้าน ดีหน่อยของวันก็ตรงที่ไม่ได้เจอใครคนที่พยายามหลบหน้ากันมาเป็นอาทิตย์
แต่ทว่า...เหมือนความคิดถึงมีเสียง เมื่อโทรศัพท์ดังแจ้งเตือนว่ามีคนมาคอมเม้นใต้รูปในไอจีดังขึ้น คิ้วเรียวขมวดเมื่อแอคเคาน์ที่เม้นใต้รูปไม่คุ้นตา ตัดสินใจปลดล็อคกดเข้าไปในแจ้งเตือน
K_88@Ohse_hun64 สวยดี
เขาเลิกใส่ใจกับประโยคสั้นๆนั่นกดออกจากแอปโดยไม่ตอบกลับ พลางเดินเข้าไปในร้านเมื่อได้ยินเสียงจากลูกมือในร้านร้องเรียก
"ท้องฟ้าสวยดีนะ" !! แต่ก่อนจะได้ถามลูกมือว่าเรียกให้เข้าร้านเพื่ออะไร น้ำเสียงทุ่มจากใครบางคนก็ดังขึ้นเสียงก่อน มาพร้อมกับรอยยิ้มประจำตัว
"..."
"ไปขี่รถเล่นกัน"
"ฉันมีงาน" ตอบไปทั้งๆที่กังวลในใจไม่ตก ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาจนต้องกำหมัดแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเจ้าของน้ำเสียงทุ่มที่อุส่ามาหาถึงร้าน เพราะอะไรก็ไม่รู้แต่จงอินก็ตอบได้ว่า แค่อยากมาเห็นหน้าอีกคน
"ไม่เอาหน่า ลูกชายฉันทำการบ้านที่บ้านนาย เนี่ยก็ออกมาซื้อขนมไปให้ ไปเดินซุปเปอร์กัน.."
"ก็ได้..." ตอบตกลงไปเสียจนได้ แค่ได้ยินว่าลูกชายอยากได้ของกินเล่นใจคนเป็นพ่อก็อ่อนยวบ จงอินรอเจ้าของร้านกาแฟได้ไม่ได้ คนผิวขาวเหมือนน้ำนมก็เดินออกมาในชุดสบายๆ ไม่มีผ้ากันเปื้อนให้เกะกะสายตาอีกต่อไป ทั้งคู่ขึ้นรถมาจนถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตตรงทางกลับบ้านพอดี เดินเลือกซื้อของแบบไม่ได้คุยกันจนจงอินเริ่มแปลกใจ
"นี่..." มือหนาคว้าข้อมือเล็กซึ่งเดินนำไปก่อนไว้ คนถูกเรียกหันหน้ามาสนใจก่อนจะหลบตาหลุบมองของในตะกร้าสีสดใสในมือ
"..."
"จะไม่คุยอะไรกันเลยหรอ?"
"ฉันเหนื่อย" และนั่นคือคำตอบเดียวที่สามารถแปลได้หลายความหมาย มือหนาถึงยอมได้ปล่อยข้อมือขาว เดินไปจ่ายเงินเงียบๆ และพากันเดินออกมาจากซุปเปอร์เหมือนขับรถกันมาคนละคัน ภายในรถเงียบสนิทจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน เพราะแบบนั่นเซฮุนถึงได้ยิ่งรู้สึกแย่มากกว่าเดิม เขาเป็นพวกไวต่อสัมผัส ในหัวกำลังย้อนเรื่องเก่าๆกลับมา พยายามไม่สนใจแล้ว พยายามไปแล้ว แต่มันก็ยังเหมือนเดิม กลิ่นของจงอินอบอวลรอบกาย จนยากจะห้ามไม่ให้ตัวเองรู้สึก ในตอนนั่นเองที่มือขวาถูกกุมจากมือหนาแผ่วเบา รถถูกจอดลงข้างทางก่อนจะถึงจุดหมาย คนในรถทั้งคู่นั่งนิ่งราวกลับหุ่นปั้น ใช้แค่มือที่ยังกุมกันสื่อถึงกันไว้ โดยที่ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าเรากำลังพยายามบิดความจริงให้เบี้ยวจนน่าเกลียด
"เราไม่ควรมาเจอกันอีก" เป็นเซฮุนที่เอ่ยขึ้น เลื่อนมือออกจากมือหนาที่อบอุนเหมือนเมื่อก่อน
"เรามีลูกกันแล้วนะ..."
"ฉันรู้...ฉันแค่"
"เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ตอนนี้เราอาจจะคิดถึงกันมากเกินไป..."ใบหน้าขาวหันมาหาคนขับ นัยน์ตาสีอ่อนฉายแววเจ็บปวด สั่นระริกราวกลับหยดน้ำที่ตกลงกระทบผืนน้ำ
"คิดถึงลูกไว้จงอิน...คิดถึงแม่ของลูกนาย..."
"ฉันไม่ได้แต่งเพราะรัก..." นัยน์ตาสีเข้มสั่นสะท้านเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนตรงหน้าเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา พวกเขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรและที่ยอมแต่งงานก็เพราะผลประโยชน์ทางครอบครัว
"ตอนนั่นฉันยังรักนาย-" จงอินหยุดพูดกลางคันเมื่อใบหน้าเรียวส่ายไปมาเป็นเชิงห้าม น้ำตาไหลบ่าจนตัวโยน เซฮุนไม่อยากได้ยินคำนั่นอีกแล้ว ถึงมันจะถูกสลักไว้ในใจมาตลอดก็ตาม
"ลูก จงอิน...ชานยอล" คนที่พยายามเข้มแข็งมาตลอดปล่อยน้ำตาให้ไหลลงข้างแก้ม เลี่ยงความจริงไปไม่ได้ ทำยังไงก็หนีไม่พ้น มือเรียวเอื้อมขึ้นมาปาดหยดน้ำตาบนหน้าแก้มกร้าน ทว่า...ตอนจะดึงมือกลับมือหนากลับยกขึ้นมากุมไว้เสียก่อน กุมให้มือบางประคองอยู่ที่แก้มเขาไว้ ยอมให้ตัวเองได้ร้องไห้ระบายความเสียใจและผิดหวังในชีวิตลง และก็ยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่พยายามฝืนมาเสียที
The hardest part of this
"ผมไปหาชานยอลนะครับพ่อ.."
"รีบกลับบ้านละ" คนเป็นพ่อเอ่ยบอกกับลูกชายวัยสิบแปดไล่หลัง มองจนเห็นเจ้าเด็กไม่โตจับจักรยานปั่นออกไปจากร้าน จึงหันมาเคลียร์บัญชีของร้านต่อ ยิ่งแก่ยิ่งคำนวณตัวเลขพวกนี้ช้า จนต้องใช้เครื่องคิดเลขแทน พอคิดได้ก็ดันลืมหยิบมาจากหลังร้าน เดินออกจากร้านไปหยิบและต้องชะงักเมื่อท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างกำลังเปลี่ยนสี เพราะเป็นหน้าหนาวด้วยละมั้ง ฟ้าถึงได้เปลี่ยนสีเร็วขนาดนี้ กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานอีกรอบพร้อมเครื่องช่วยคิดเลขให้เร็วขึ้น ไม่วายหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูแจ้งเตือนที่สั่นครืน
แบค: ผมกลับค่ำนะ
พ่อ: รีบกลับบ้าน แม่อยู่คนเดียวที่บ้าน
อดดุเจ้าตัวดีไม่ได้ ยิ่งโตยิ่งดื้อ ยิ่งติดบ้านนู่นยิ่งพูดยาก ไปได้นิสัยแบบนี้มาจากไหน พอคิดมาถึงตรงนี้เซฮุนกลับอดยิ้มไม่ได้ เพราะนิสัยดื้อหัวชนฝาแบบนี้มันเหมือนคนบางคนที่เขารู้จัก
จะว่าไป เขาก็ไม่ได้เจอกับจงอินอีกเลย ถึงแม้ลูกของเราจะสนิทกัน แต่พอตัดสินใจจะเดินในเส้นทางกันคนละเส้นแล้วก็เป็นเสียแบบนี้ งานที่ร้านก็อยู่ตัวพอดียุ่งจนไม่มีเวลาให้กับอย่างอื่น ดีหน่อยก็ตรงที่ดารึมเองก็มีงานที่ต้องทำในช่วงกลางวัน และคอยมาหาเขาที่ร้านบ่อยๆ ยังไม่รวมกับไอ้เจ้าแบคฮยอนนะ เจ้าตัวดีนี่ยิ่งชอบมาอยู่ที่ร้าน เห็นบอกว่าชอบกลิ่นกาแฟ ถ้าโตขึ้นอีกนิดคงคิดจะตั้งใจสอนงานให้หน่อยแล้ว
แบค: โถ่พ่อ...อาจงอินจะทำไก่งวงเลี้ยงผมเลยนะ มีที่ไหนสอนพิเศษทั้งได้เงินได้กินของฟรี
พ่อ:เอาใหญ่ละนะ
แบค: นะๆ เดี๋ยวให้ชานยอลไปส่งบ้าน
พ่อ: อย่าให้ดึกละ
หลังจากบทสนทนานั่นเจ้าลูกตัวดีก็ส่งสติกเกอร์ปัญญาอ่อนมาให้ ก็คงกำลังดีใจอยู่ละมั้ง นานๆทีเขาจะยอมให้ แล้วแบบนี้ก็กลายเป็นเขาที่ต้องรีบเคลียร์งานเพื่อกลับบ้านไปหาดารึม
.
ถ้าถามว่าส่วนที่ยากกว่าการคิดเลขตอนนี้ก็คงเป็นการพยายามเล่นในบทที่โชคชะตากำหนดมาให้
the end
ชั่ววูบตอนที่เห็นหนังเรื่อง มะลิ ออก
นุ่มเกินเหมือนกลิ่นกาแฟ
เหมือนไคฮุนเรื่องนี้เลย
ความคิดเห็น