ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FICEXO] my sadness Room - KAIHUN,KRISYEOL,CHANBAEK,HUNHAN,ETC

    ลำดับตอนที่ #22 : [OS] คิมจงอิน - KAIHUN

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 818
      9
      17 ต.ค. 60






    คิมจงอิน

    .

    KIMJONGIN x OHSEHUN

    MBG : SIRIMONGKOL - APRIL



                
     




     ความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าหล่อหลอมให้ใครบางคนกลายเป็นใครบางคนที่ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก ชายหนุ่มที่ชื่อว่าโอเซฮุนเพียงใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ การพบปะผู้ในแต่ละวันเหมือนกับการแสดงละครฉากฉากหนึ่งให้ผ่านไป รอยยิ้มเลือนลอยมักถูกหยิบขึ้นมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าบอกเล่าความเท็จต่อคนอื่นๆ 

    เซฮุนคิดว่าเพื่อนแท้ไม่มีจริงบนโลก เพราะตัวเองถูกหักหลังจากคนที่พูดกับปากว่าเป็นเพื่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผิดหวังอยู่เรื่อยไป เหมือนพอเชื่อใจใครสักคนผู้คนเหล่านั่นก็พลอยแต่จะตลบหลังเขาเหมือนเขาไม่ใช่คนที่พวกเขารู้จักมาก่อน

    หรือคำว่า รักแท้ที่เขาไม่เคยเชื่อมันว่ามีจริง ต่อให้ตัวเขาจะไม่เคยขาดผู้ชายแวะเวียนเข้ามาหา แต่ไม่เคยกล้าพูดเต็มปากเลยว่าพวกผู้ชายเหล่านั่นเข้ามาเพื่อสอนความรักกับเขา มันต่างกันด้วยซ้ำ คนเหล่านั่นเข้ามาเพื่อบอกว่าโลกใบนี้มันไม่มีความจริงต่างหาก มีแต่ความเห็นแก่ตัวและเอาชนะ

    ไม่อยากจะโทษโชคชะตาแต่ก็ชอบก่นด่าอยู่เป็นประจำว่าชีวิตที่เกิดมาครั้งเดียวนี้มันเฮงซวยจริงๆ ไม่เคยมีอะไรได้มาง่ายๆตั้งแต่ไหนแต่ไร และต่อให้พยายามมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ต่างจากตอนที่ไม่ได้พยายามเลยสักนิด ต้องโทษใครกันที่ทำให้ชีวิตเขาดูเฮงซวยได้ขนาดนี้

    ถึงแบบนั่น....ใครหลายๆคนก็มักจะบอกว่า ความหวังจะทำให้คนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

     

     

    ผมเชื่อมันได้ไม่ได้ทุกครั้ง บางวันที่ฝนตกลงมาทำให้ตัวเขาเปียกวันนั่นความหวังก็เหมือนถูกชะล้างหายไปพร้อมกับฝน ไม่เที่ยงตรงเลยใจของเขา...เขาคิดแบบนั่นแหละ เขาไม่ค่อยมีความมั่นคงในอารมณ์เท่าไหร่หรอก

    เหมือนอย่างตอนที่นั่งทำงานตอนนี้ อยู่ดีๆก็รู้สึกท้อขึ้นมา ท้อกับชีวิตหรือไม่ก็ผู้ชายคนนั่น คิมจงอิน ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตเขาตั้งแต่เมื่อช่วงปีก่อนย้ายเข้ามาทำงานในแผนกนี้แรกๆ ผู้ชายคนนั่นที่ชอบแจกยิ้มไปทั่ว ให้สาวน้อยสาวใหญ่ทั้งแผนกรวมไปถึงแผนกอื่นๆด้วย

    “กาแฟไหมเซฮุน?” ไม่ทันขาดคำ รอยยิ้มพราวก็วาดขึ้นพร้อมกับเจ้าของร่างกำยำภายใต้เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนโดยมีกางเกงแสลคสีดำทับอยู่คาดด้วยเข็มขัดสีเข้มสีเดียวกับกางเกง วินาทีที่ยังไม่ได้ตอบตกลงไปหัวใจบ้าบอก็ดันเต้นแรงขึ้นมา

    ได้แต่ถามว่าผู้ชายคนนั่นจะรับรู้บ้างไหมนะว่า โอเซฮุนพนักงานตัวกระจ๋อยคนนี้แอบชอบมาเป็นปีๆ พยายามเข้าหาทุกวิธีก็ไม่เคยได้ใจดวงนั่นมาครองสักที ยากเย็นมากกว่าทุกๆครั้งที่พยายามทำอะไรสักอย่าง เซฮุนรู้มาโดยตลอดและก็เจ็บทุกครั้งที่ได้แต่คิดไปเองอยู่เรื่อยว่า เจ้าของเสียงทุ่มนุ่มหูนั่นเป็นของของตัวเอง

     

    “ยังร้อนนะ เป่าก่อนล่ะ”

    จะใจดีแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่านะ...

     

     

     

    ตกเย็นมาเซฮุนแอบเบื่อทุกครั้งเพราะคนขึ้นรถเมล์เยอะเป็นบ้า เขาจากที่ไม่ค่อยชอบผู้คนนักยิ่งอารมณ์ไม่ดีไปใหญ่ เกลียดการแตะเนื้อต้องตัวจากไหล่ของคนอื่น มันทำให้เขาหงุดหงิดอย่างช่วยไม่ได้ จนบางวันเหมือนวันนี้ที่เขายอมนั่งให้รถเมล์คันแล้วคันเล่าผ่านไปโดยไม่คิดจะขึ้น รอจนคนที่ป้ายหมด พอถึงตอนนั่นก็ดึกเหมือนอย่างเคย ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกสักเท่าไหร่ เดินขึ้นรถเมล์เงียบๆ แต่ไม่ได้สังเกตเลยว่าตัวเองทำของหล่นไว้ข้างหลัง

     

     

     

    เขาใช้เวลาในช่วงทำงานจนดึกดื่น กว่าจะได้เอนตัวนอน แต่ก็เว้นช่วงได้นั่งคิดอะไรเพลินๆก่อนเข้านอน ในหัวกรอเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งวันซ้ำไปซ้ำมาเหมือนกำลังหาข้อผิดพลาดจากเรื่องราวพวกนั่น ถึงแม้จะรู้ว่าจะกลับไปแก้ใขอะไรไม่ได้แต่เขาพูดกับตัวเองเสมอว่าวันพรุ่งนี้มันจะต้องดีกว่าเมื่อวาน

     

    จนคิดขึ้นมาได้ว่าเอกสารบางอย่างของตัวเองหายไป และดูเหมือนว่าเอกสารเจ้ากรรมนั่นตกไปอยู่ในมือของจงอินตอนที่ขายาวภายใต้กางเกงแสลคสีดำของจงอินเดินมาวางเอกสารพวกนั่นลงบนโต๊ะตอนเช้าของอีกวัน

    “นายทำหล่นที่ป้ายรถเมล์  ไม่ไหวเลยนะเซฮุน” มือหนายกขึ้นมาลูบผมนุ่มมือแผ่วเบาพลางยิ้มเอ็นดูส่งมาให้ ภวังค์เกิดขึ้นเมื่อหัวใจสั่นระรัวราวกลับจะกระเด็นออกมา ภาพของวันเก่าๆพัดเข้ามา ภาพเมื่อก่อนที่เขาพยายามเป็นเพื่อนนั่งข้างๆตอนอีกคนเมาในงานเลี้ยงของบริษัท แล้วพูดเพ้อเจ้อเรื่องแฟนสาวของตัวเองซ้ำไปซ้ำมา จำได้ว่าตัวเองเจ็บปวดมากๆที่ได้เห็นน้ำตาไหลจากหางตาของอีกคน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งเงียบๆฟังอีกคนพูด

    “อีกยี่สิบนาทีต้องเข้าประชุมนะคะ ขอให้ทุกคน....” จนเสียงของใครบางคนดึงเขากลับมาจากความคิดตัวเอง ตาทั้งคู่ยังเห็นว่าจงอินยังยืนอยู่ตรงหน้าและยิ้มมาให้ เซฮุนเอ่ยขอบใจเบาๆแทบจะหายไปกับสายลม เลื่อนสายตามองเอกสารแทนการมองหน้าอีกคน พยายามไปหมดทุกๆอย่างไม่ว่าจะพยายามเข้าหาหรือพยายามหนี เขาคิดแบบนั่นแหละ

     

     

    เที่ยงของหนุ่มออฟฟิศอย่างโอเซฮุนเป็นเพียงการนั่งกินข้าวเที่ยงเงียบๆในร้านอาหารชั้นที่ยี่สิบสี่ ทั้งโซนห้องอาหารไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ จะมีก็แต่ป้าแม่บ้านและพนักงานอีกสามสี่คนเท่านั่น ดูเหงาขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อสเปสของโซนนี้กว้างเกินกว่าคนจำนวนไม่ถึงสิบคนต้องนั่ง

    แอบบ่นในใจเงียบๆเรื่อยไปจนถึงก่นด่าตัวเองที่ยังคิดเรื่องผู้ชายที่ชื่อคิมจงอิน ทั้งๆที่ความเป็นไปได้มีไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็น รู้กันดีว่าผู้ชายคนนั่นพึ่งจะโสดและก็ไม่เคยขาดสาวเดินเคียงข้างเลย มีครั้งหนึ่งที่ตัวเขาเองดันไปเห็นหมอนั่นไปออกเดทกับแฟนสาวที่ร้านอาหารร้านเดียวกันกับที่เขาบังเอิญเดินเข้าไปทาน 

    ภาพที่ห่างออกไปอีกโซนซึ่งกั้นไว้ด้วยชั้นวางของตกแต่งกลางร้านคือผู้ชายที่เขาแอบชอบและผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันดีแต่ดูเหมือนผู้หญิงจะอายุน้อยกว่ามาก ภาพทั้งหมดมองจากมุมที่เขานั่งชัดแจ๋วจนน่าเจ็บใจ หัวใจเขาทำงานหนักขึ้นเมื่อจงอิน ยิ้มมีความสุข ป้อนปอความรักให้แก่แฟนสาว ทันใดนั่นเองระหว่างที่น้ำตาบ้าๆกำลังตั้งท่าจะไหล ตาคมกริบคู่นั่นก็หันมาพอดี

     

     

     

     

     

    “ผมขอลาออกครับ...” เซฮุนโค้งตัวต่ำอย่างนอบน้อม เขาเคยบอกกับหัวหน้าไปแล้วว่าตัวเองจะขอลาออกและเพราะแบบนั่นหัวหน้าถึงไม่ได้ขัดอะไรเขา ซองสีขาวถูกวางบนโต๊ะก่อนร่างทั้งร่างจะหมุนตัวเดินออกมาจากห้องประจำตำแหน่ง

    ประตูบานใสปิดลงพร้อมกับร่างของเขาที่ยืนมองความเป็นไปของคนในแผนก ยังเหมือนเดิมไม่ได้แปลกไป ทุกคนยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนเคย รวมทั้งผู้ชายคนนั่น

     

     

    เข้าวันที่สี่ที่ตัวเองว่างงานและคิดว่าขออยู่กับตัวเองอีกสักอาทิตย์น่าจะดีกว่า เขารู้ว่าเขาไม่ใช่เด็กๆแล้ว และสาเหตุที่ลาออกก็เพราะเบื่องานที่ทำมาเป็นปีๆ เขาอยากหางานใหม่ทำบ้าง เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ การเจอเพื่อนในแผนกคนเดิมซ้ำๆทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียนด้วยความเบื่อจะแย่ ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรรวมทั้งเขาด้วย

     

    ระหว่างที่พาตัวเองออกมาเดินเตร็ดเตร่ตามท้องถนนในเวลาค่ำๆ ทำให้ชายหนุ่มค้นพบว่าตัวเองชื่นชอบบรรยายแบบนี้เอามากๆ แต่แล้วภาพของเขาก็ดูมัวขึ้นมาเมื่อร่างทั้งร่างถูกฉุดให้วิ่งตามแรงกระชากจากใครบางคน พอเงยหน้าขึ้นถึงได้เห็นว่าคนที่กำลังลากเขาไปตามท้องถนนคือ คิมจงอิน

     

    “นายมาอยู่ที่นี้ได้ไง!?

    ....

     

    ความเงียบคือคำตอบจากผู้ชายคนนั่น การวิ่งด้วยความเร็วไม่มากตามท้องถนนทำให้ตัวเขาที่ไม่ชอบออกกำลังกายเหนื่อยหอบจนแทบเป็นลมพอได้นั่งพัก คนพาวิ่งมาหยุดที่สวนสาธารณะยืนปาดเหงื่อตามไรผมด้านหน้าเงียบๆ ก่อนนัยน์ตาคมกริบจะหันมาหาเขา

     

    “....นายลาออกตั้งแต่เมื่อไหร่?

    เขาควรตอบกลับไปยังไง....

     

     

    เซฮุนถามตัวเองขึ้นมาเมื่อหัวใจดันเต้นแรงเพียงเพราะน้ำเสียงทุ่มที่หายไปนานจนเกือบลืม ไม่หรอกเขาคิดถึงมันจนแทบจะบ้าตาย คิดถึงเจ้าของน้ำเสียงนี้มากมายเหลือเกิน มากมายจนไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำตัวอย่างไงตอนนี้

     

    “...มีแต่คนถามหานายที่แผนก”

     

    ....

     

    เขาไม่รู้จริงๆว่าตัวเองต้องตอบอะไรไป มันอัดแน่นไปหมดที่หน้าอก ราวกลับมีพลุหลายๆนัดถูกจุดอยู่กลางอกแต่มันกลับไม่สามารถแล่นออกมาเปล่งแสงจากตรงนั่นได้ เสียงระเบิดในใจดังซ้ำๆ ดังก้องไปทั่วเลย

     

    “เซฮุน....”

    “หืม?

     

     

     

    มีแต่ความเงียบเท่านั่นที่จะตอบเขาได้....

    ภาพตรงหน้าคือภาพของจงอินและแฟนสาวที่กำลังจูงมือกันเข้าโรงหนังของคืนวันศุกร์ แรกของเดือนกันยายน เซฮุนได้แต่ยืนนิ่งถือตั๋วโรงหนังโรงเดียวกับคนทั้งคู่ไว้ในมือ ใช้ความรู้สึกเลือนลอยขับเคลื่อนให้ตัวเองเดินไปนั่งตามที่นั่งที่ซึ้อไว้

    หนังรักโรแมนติกดราม่าในแบบที่ตัวเองชอบเหมือนวีดีโอไร้เสียงเมื่อในหัวมีแต่ความคิดตัวเองดังก้อง จนหนังจบร่างทั้งร่างก็ยังคงนั่งอยู่กับที่มองผู้คนออกจากโรงหนังจนเกือบหมดถึงได้ดึงตัวเองลุกขึ้นมาได้ แต่เพราะโชคชะตาเขาไม่ดีเหมือนคนอื่นถึงทำให้ พอยืนขึ้นกลับดันเดินไปเผชิญหน้ากับใครอีกคนเขา

    จงอินที่ยืนอยู่แถวเดียวกันแต่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโรงหนังพร้อมกับแฟนสาวกำลังยืนมองมาทางนี้ ช้าลงช้าลงมันคือจังหวะหัวใจของเขาเอง วินาทีทุกวินาทีช้าไปหมด ไม่มีรอยยิ้มหรือคำทักทายมีเพียงความเงียบเหมือนทุกๆครั้ง...

     

     

    การกลับมาทิ้งตัวลงนอนที่ห้องคือโชคดีที่สุดของวัน ดีเหลือเกินที่ตัวเองไม่เดินขึ้นรถเมล์ผิดสายหรือไม่ก็เซื่องซึมจนพาตัวเองหลงไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย

    ตาเรียวรีจ้องเพดาภายในห้องที่ถูกปิดไฟนิ่งๆ เคว้งไปหมดในหัว เขาแย่ก็ตรงนี้แหละ ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังคิดถึง  เสียใจ  หรือดีใจกันแน่ ทุกอย่างเหมือนความเงียบที่มีแต่ความว่างเปล่าเท่านั่นที่จะอธิบายตัวมันได้ ...

     

    ไม่สนใจแม้กระทั่งเสียงข้อความเข้าในโทรศัพท์ ซึ่งรู้ดีว่าเป็นใคร คงมีแค่คนเดียวเท่านั่นแหละที่เขายอมให้เบอร์ไปอย่างง่ายๆ และยังยอมเจ็บปวดซ้ำๆ

     

    ผู้ชายคนนั่นไงล่ะ ที่ชื่อ คิมจงอิน
















    THE END











    อารมณ์ชั่ววูบ เราขอโทษ55555555
    H a s h
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×