ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FICEXO] my sadness Room - KAIHUN,KRISYEOL,CHANBAEK,HUNHAN,ETC

    ลำดับตอนที่ #24 : [OS] FISH - KAIHUN *

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 436
      12
      7 ส.ค. 61







    Fish

     

    KIMJONGIN x OHSEHUN

     

    (OS)

    BGM : ปล่อย – workcock

    AUTHER : Ma_ria

     

     

     

     

     

    เรายังวนอยู่ในความรู้สึกนี้มาหลายวัน หลายเดือน เกือบจะหลายปี ถ้าไม่นับว่านี้พึ่งเข้าปีที่สอง เอาเป็นว่าเราจะเริ่มเล่าตั้งแต่แรกเลยแล้วกัน หรืออยากจะฟังตอนที่ความเจ็บปวดค่อยๆเข้ามากัดกินความเป็นตัวเรา

     

    งั้นเริ่มจากตอนนี้ล่ะกัน

     

     

    ความรู้สึกที่เหมือนปลาว่ายวนในอ่างนี้มันน่ารำคาญจริงๆ เราพยายามหาเหตุผลให้ตัวเองมาตลอด เพราะเราไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำอะไรก็ตามอย่างไร้เหตุผล เพราะเราไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ เราไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา แต่ชอบหวังว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองบ้างสักครั้ง อยากให้เรื่องเกินคาดเดาเกิดขึ้น เช่นมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายและหลังจากนั่นคนคนนั่นก็กลายมาเป็นสิ่งดีๆในชีวิตเราจนเราแก่และตายไปจากโลกใบนี้

     

    “รักแท้มันหมายถึงอะไรว่ะ?

     

    “นั่นดิ...แม่งนิยามกันไปมั่วซั่ว”

     

    “แล้วมึงคิดว่ามันหมายถึงอะไร...”

     

    “เอาในความคิดกูคงเป็นคนที่เราคงปล่อยเขาไปไม่ได้ล่ะมั้ง”

     

    “มึงหมายถึง ต่อให้เขาไม่ได้รักมึงแล้วอ่ะนะ”

    “เอ่อว่ะ..”

     

     

    ผมพูดคุยกับเพื่อนเรื่องไร้สาระพวกนี้มาหลายครั้งหลายครา พยายามหาคำตอบให้กับคำถามในหัวและหาทางเลือกให้ตัวเอง ผมพยายามเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมาตลอดผมรู้ตัวเองมาเสมอว่าเป็นพวกไม่รู้จักคำว่าพ่ายแพ้ หลายต่อหลายครั้งที่พยายามจนตัวเองบาดเจ็บก็ไม่เคยจำ เพราะแบบนั่นมันจึงมีอารมณ์หนึ่งที่พยายามหยุดตัวเองด้วยการหาใครสักคนเข้ามาในชีวิต หวังว่าคนคนนั่นจะคอยบอกให้ตัวเองหยุดวิ่งซะบ้าง

     

    “มึงอ่ะเลิกยุ่งกับมันได้แล้ว”

     

    “เหี้ยไรล่ะ มันนั่นแหละยังมายุ่งกับกู”

     

    “เห้อ พวกมึงแม่ง”

     

    บางครั่งการสนทนาของเราก็เหมือนพวกที่ชอบคิดไปเอง เหมือนกับที่ผมชอบหลอกตัวเองว่ากำลังเดินถอยออกมา เพราะเหตุผลหลายๆอย่างที่ไม่สามารถรั้งตัวอีกคนไว้ได้ ปากที่บอกว่าเลิกยุ่งมีที่ไหนเอาแต่มองหาและคิดถึงอยู่ตลอด เรื่องแบบนั่นจะโกหกใครก็ได้แต่ในใจอ่ะรู้ดีว่าเราไม่สามารถทำได้อย่างที่ปากพูด

     

    “ถ้ามันเลิกกับแฟน มึงจะคบกับมันหรือไง”

     

    “ไม่ว่ะ แม่งโคตรไม่ได้เรื่อง”

    นั่นดิ...ไอ้จงอินโคตรห่วยแตก ทำไมผมถึงยังต้องคิดถึงคนคนนั่นอยู่ ผู้ชายที่เล่นเกมไม่เก่ง มีแฟนอยู่แล้วยังไปยุ่งกับคนอื่น คนประเภทนั่นมันไม่ได้เรียกว่าดีป่ะว่ะ ผมคิดแบบนั่นอยู่และกำลังหาคำตอบให้ตัวเองว่าทำไมยังมีความรู้สึก คิดถึง

     

    “เอ่อ กูบอกกับมันแล้วนะ”

     

    “หือ?

     

    “กูบอกไอ้จงอินไปแล้วว่า ถ้ามันยังไม่เลิกกับแฟนก็อย่ามายุ่งกับมึง”

     

    “...”

     

    “เห้ย กูก้าวก่ายไปปะว่ะ?

     

    “ไม่หรอก แม่งก็ดีเหมือนกัน...”

     

    ไอ้ความรู้สึกโหวงๆตรงช่วงท้องนี้มันอะไรกัน ผมยืนมองความว่างเปล่าของท้องฟ้าที่ไม่มีแม้แต่ดาวเพราะเมฆบังไปหมด ข้างกายเป็นเพื่อนสนิทที่คอยเป็นห่วงเกี่ยวกับทุกเรื่องของชีวิตผม ถึงมันจะปากดีแต่มันก็ดีตรงรักเพื่อนนี้แหละ ผมพลิกตัวเอาสะโพกพิงราวระเบียง มองเข้าไปในห้องอันมืดสนิท ได้แต่คิดว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง

     

    มันจะเหมือนเดิมหรือเปล่า?

     

     

    “มานั่งคุยกันหน่อยดิว่ะ”

     

    ผมเดินเข้าไปหาเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ขอบสระว่ายน้ำ เห็นมันว่ายน้ำมาเป็นชั่วโมงล่ะพึ่งขึ้นจากสระคิดว่าคงต้องมีเรื่องให้คิดแน่นอนถึงได้ว่ายน้ำนานขนาดนั่น และเป็นอย่างที่คิด หลังจากทิ้งตัวนั่งลงข้างๆกัน หย่อนเท้าลงไปในสระ ทอดมองเพื่อนอีกสี่ห้าคนในน้ำที่เล่นกันสนุกสนาน ขณะเดียวกันคนข้างๆก็เล่าถึงผู้หญิงที่มันจีบอยู่ให้ฟังว่าเป็นคนแบบไหน เหมือนจะขอคำแนะนำแต่ก็คงไม่ใช่หรอก มันก็คงแค่อยากได้คนอยู่ข้างๆมันตอนมันรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างตอนนี้

     

    “ชอบทำให้เรื่องมันยากเนอะ”

     

    “หือ?

     

    “คนเราอ่ะชอบทำให้ความสัมพันธ์มันยาก”

     

    ผมพูดออกไปเลือนลอยหวังให้ประโยคบ้าๆนี้ปลอบใจเพื่อนตัวเองได้บ้าง แต่ก็นั่นแหละส่วนหนึ่งผมก็กำลังหมายถึงคนที่ว่ายวนอยู่ในสระว่ายน้ำคนนั่น คนข้างๆหัวเราะออกมาเมื่อมันจับได้ว่าผมจ้องไอ้จงอินอยู่

     

    “พวกมึงแม่ง...”

     

    ว่าจบคนที่ถูกนินทราอยู่ก็ว่ายเข้ามาหาผม เข้ามาใกล้จนมือหนาคว้าเอาเท้าผมที่จุ่มในน้ำมากอบกุมไว้ ใจที่ก่อนหน้านี้แข็งเป็นหินผา บอกกับตัวเองเป็นพันครั้งว่าจะถอยห่าง กลับมาพังทลายลงชั่วพริบตาเพียงแค่การกระทำเพียงน้อยนิดของอีกคน

     

    “ลงมาเล่นด้วยกันสิ”

     

    ผมไม่ได้คิดไปเองว่าหมอนี้ปฏิบัติกับผมมากกว่าเพื่อนคนอื่น เราเลยคำนั่นมาไกลแล้วถึงปากเจ้าตัวจะย้ำหนักย้ำหนาว่าผมเป็นเพื่อนอีกคน ผมยื่นเท้าไปเขี่ยฝามือหนาไปมาช้าๆ คิดได้แค่ว่าลองทำให้ตัวเองเป็นคนไร้เหตุผลดูสักครั้งจะเป็นไรไป ลองทำตามที่ใจตัวเองต้องการบ้างก็ได้แค่ให้มันอยู่ในขอบเขตก็พอ

     

    “ไม่ล่ะ แพ้คลอรีน”

     

    ตอบไปเพียงสั้นๆพร้อมกับรอยยิ้มที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่ทันสังเกตว่าเผลอยิ้มขึ้นมาตอนนั่น ในใจอยากจะกระโดดลงไปเสียเดี๋ยวนั่นหากไม่ติดว่ามันจะเกินขอบเขตที่ตัวเองจะควบคุมไหว หลังจากนั่นคนที่ว่ายวนในน้ำก็ถอยออกไปเล่นบอลกับเพื่อน ส่วนคนข้างๆก็อดแซวปากไม่ได้

     

    เหมือนปลาที่ว่ายวนในอ่าง...

     

     

     

     

    ใต้น้ำมันเงียบดีเนอะ เงียบเสียจนเหมือนเราอยู่บนโลกนี้คนเดียว จนเราสามารถหลอกตัวเองได้ว่าเรากำลังอยู่โลกอีกใบที่มีแค่เราอยู่จริงๆ ทว่าฝันก็ต้องสลายเมื่อเพื่อนตัวดีคว้าเอาข้อมือผมขึ้นจากน้ำ พร้อมกับตำหนิผมทางสายตา

     

    “มึงอยากตายหรอ เหี้ยแม่ง!

     

    “เงียบดีว่ะ”

     

    ตอบกลับไปพลางว่ายออกไปในทิศทางตรงกันข้าม พาตัวเองไปอีกฝั่งมองไปทั่วสระว่ายน้ำที่เมื่อคืนปฏิเสธจะไม่ลงมาอ้างว่าแพ้คลอรีน แต่พอมาวันนี้กลับกระโดดลงมาเล่นเสียเอง ถ้าไอ้จงอินมาเห็นจะคิดยังไงกัน แล้วเขาต้องไปสนใจด้วยหรอว่าหมอนั่นจะคิดอะไร ช่างหัวมันสิ

     

    “นั่นใครว่ะ”

     

    “ไอ้จงอิน”

     

    “...”

    ยังไม่ทันขาดคำไอ้คนที่พึ่งพูดถึงเดินมาแต่ไกลก็มาทิ้งตัวลงนั่งข้างสระทอดสายตามาที่ผม ไม่รู้จะอธิบายยังไงรู้แค่ว่าตัวเองกำลังรู้สึกประหม่า ไม่รู้จะว่ายน้ำหรือเล่นกับเพื่อนอย่างไงดี แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดเพียงห้านาทีแรก หลังจากนั่นก็กลับเข้าโหมดปกติ

    ผมว่ายวนไปที่อีกฝั่งเมื่อคนที่กังวลจะลงมาหรือเปล่ากระโดดลงมาและหมอนั่นก็กำลังว่ายน้ำวนอยู่แถวๆที่เขาอยู่ มั่นใจว่าตัวเองพยายามแล้วที่จะไม่พูดแต่ก็จนได้ที่ต้องพูดกับหมอนั่นเพื่อให้บรรยากาศระหว่างเราเบาบางลงบ้าง

     

    “มานี้”

     

    สั่งอีกคนพร้อมกับแหวกว่ายเข้าไปหา เอื้อมมือข้างขวาไปคล้องคออีกคนและชี้ไปที่อีกฝั่งหนึ่งที่มีเพื่อนอยู่กัน

     

    “จะให้ทำอะไร?

     

    “พาไป”

     

    นั่นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ไอ้ความคิดที่อยากจะผูกมิตรไม่ก็เล่นละครบทเพื่อนสนิทแม่งไม่เวิร์ค เพราะพอยิ่งใกล้กันยิ่งรู้ว่าเราไม่มีทางเสแสร้งให้บรรยากาศแปลกๆรอบตัวเราลดลงได้ ยิ่งคำพูดของเพื่อนที่เตือนมาตลอดดังอยู่ในหัวยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีก จนทนไม่ไหวต้องรีบปล่อยมือจากคอแกร่งขณะที่ว่ายมาจนถึงกลางสระแล้ว หมอนั่นหันมาหาอย่างสงสัย

     

    “ไม่เล่นแล้ว...”

     

    บอกออกไปก่อนจะปล่อยให้ตัวเองจ่มลงไปใต้น้ำ มุดลงไปให้ลึกจนได้ยินแค่เสียงน้ำไหวกึกก้องในหู ตาที่ปิดลงตอนแรกเปิดขึ้นใต้น้ำหวังสอดส่องหาเส้นทางไปหาเพื่อนทว่าภาพที่จงอินยังยืนหันหน้ามาหาแล้วยังยืนอยู่ที่เดิมก็ทำให้เขาต้องรีบหันตัวกลับไปที่ฝั่งเดิม

     

     

    -

     

     

     

    ไอ้ความรู้สึกที่ว่ายวนในอ่างเป็นปลานี้มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่มีทางสื้นสุดจนกว่าจะตาย ทั้งรักทั้งเกลียดทั้งประทับใจทั้งขยะแขยง อยากผลักใสกลับต้องการสัมผัส พยายามหนีกลับยิ่งเข้าหา ถึงต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแต่ก็ยังทำตัวเองทั้งคู่ หรือเขาควรทำอะไรสักอย่างในเมื่อการยอมเป็นคนที่ถอยแล้วไม่ได้ผล เขาต้องเขาไปหางั้นหรอ จัดการเรื่องทั้งหมดให้มันชัดเจนขึ้นด้วยตัวเอง

     

    ให้ผู้ชายคนนั่นรู้ว่า ตัวเองน่ะน่าขยะแขยงขนาดไหน

     

     

     

     

     

    “นี่...”

     

    คืนนั่นที่เผลอเรียกออกไปเพราะเห็นไอ้จงอินยืนเงียบอยู่คนเดียว ท่ามกลางแสงสีในงานปาร์ตี้เลี้ยงรุ่นให้พี่ที่จบไปแล้ว คนที่ถูกเรียกหันหน้ามามองเขาพลางขมวดคิ้วสงสัย ตามด้วยการยกนิ้วกลางขึ้นมาใส่ผม ไอ้ที่เรียกให้หันมาสนใจก็เพราะเห็นยืนอยู่อย่างนั่นตั้งนานคิดว่าคงเมื่อยขาเลยจะชวนให้นั่งลงเก้าอี้ข้างๆแต่พอเห็นท่าทางของอีกคน ไอ้ใจที่ตั้งใจจะทำในตอนแรกก็วูบหายไป

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเองไม่ชอบใจที่เห็นอีกคนแสดงท่าทางแบบนั่นออกมา เพราะเป็นพวกไม่ชอบให้คนรอบข้างแสดงท่าทางหยาบคาย ไม่ใช่สิ...เขาไม่ชอบให้หมอนั่นแสดงท่าทางที่เพื่อนสนิทเขาทำกัน อย่างตอนนี้และก่อนหน้านี่หลายๆครั้ง

     

     

    ท่ามกลางความเงียบของความคิด ในหัวของเขาว่างเปล่าในเวลาเดียวกันตาก็จับจ้องวงดนตรีหน้าเวที มองผู้คนที่กำลังโยกย้ายร่างกายตามเสียงเพลงอีดีเอ็ม มองแบบนั่นจนไม่ทันสังเกตว่าข้างกายที่เคยว่างเปล่าถูกจับจองด้วยร่างของใครบางคน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หันไปจะเดินออกจากตรงนั่นเสียแล้วเป็นเหตุให้ต้องยืนตรงนั่นต่ออีกสักพัก

    “...”

    เราเงียบกันอีกแล้ว เงียบเหมือนตอนที่อยู่สระว่ายน้ำ เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง อยู่ๆในใจก็รู้สึกสบายขึ้นมา มือบางถูกยื่นออกมาตอนที่เพลงบนเวทีเปลี่ยนไปเป็นเพลงช้าหรือเพลงรักสักเพลงที่เคยฟัง

    “...”

    จงอินหันมามองมือที่ยื่นออกมา ตอนนั่นเขาหันไปมองหน้าเสี้ยวด้านข้างของอีกคน พลางบอกกับตัวเองว่า ทำไมถึงได้ยังยืนอยู่ตรงนี้ คนคนนี้คือคนที่ควรได้รับรู้ว่าเรื่องที่ตัวเองทำอยู่มันผิด แต่ตอนนี้เขาเองต่างหากที่กำลังก้าวขาข้ามเส้นขั้น

    มือบางยื่นอยู่กลางอากาศอย่างงั้นจนกระทั่งมีมือหนาของคนข้างๆวางลง ให้ตายสิโอเซฮุน...เขากำลังทำเรื่องที่ทุกๆคนสาปแช่งมาตลอด ถ้าเพื่อนตัวดีรู้จะว่ายังไงแล้วเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ไม่ใช่น้อยๆพวกนั้นไม่ชอบใจเท่าไหร่นักที่เขายืนอยู่ตรงนี้ข้างกันกับคนคนนี้

    แทบจะนับวินาทีได้เมื่อสมองประมวลได้จึงรีบดึงมือกลับและเดินออกมาเงียบๆ ฉับพลันความเศร้ากลับก่อขึ้นภายในใจ ค่อยกัดกินความเริงใจเมื่อครู่ ความทรงจำครั้งเก่าๆพยายามอย่างสุดความสามารถพลักไสภาพเมื่อครู่ให้ออกไปจากสมอง เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเดินมายืนหลังต้นไม้ห่างจากบริเวณงานไม่มาก

     

     

    ไม่ว่าจะเพราะรักหรือเกลียดยังไงเขาเองก็เลือกที่จะว่ายวนในอ่าง

     

     

    จนในที่สุดเหตุผลที่ตามหามาแสนนานก็ปรากฏ เมื่อเวลาผ่านไปและหัวใจของเขาก็ยังเอาแต่รู้สึกแบบเดิมๆ โหยหาและรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ยืนอยู่ข้างหมอนั่น ดูน้ำเน่าแต่เรื่องจริงแต่ที่ทำให้เขาต้องเดินหนีออกมาทุกครั้งเพราะคำว่าถูกผิดค้ำคอไว้ เขาไม่อาจเป็นอย่างอื่นให้กับอีกคนได้นอกจากคำว่าเพื่อน

     

    “กูรำคาญพวกมึงชิบหาย”

     

    “มึง...บางทีกูก็คิด-

     

    “อ้างไปหมดแหละมึงอ่ะ สุดท้ายก็ไปยุ่งกับมัน”

     

    เพื่อนสนิทพูดหน่ายๆ เบือนหน้าออกไปนอกห้อง มองระเบียงอันว่างเปล่าท่ามกลางความมืดมิด จะให้เขาอธิบายอย่างไงดีในเมื่อคำตอบมันทำให้คนรอบข้างเขาต้องเจ็บปวด จึงได้แต่เงียบและยกเบียร์ขึ้นจิบมองออกไปที่เดียวกันกับเพื่อนสนิท

     

    เหตุผลเดียวเท่านั่นที่ความผิดทุกอย่างที่ไอ้จงอินทำไม่มีผลใดๆกับการตัดสินใจเขา เหตุผลของคนที่ไม่เคยได้รับความรักเพียงพอ ไม่เคยถูกใส่ใจอย่างที่ควรจะเป็น หรือเรียกได้ว่าคนที่มักจะถูกลืมอย่างเขา มีหมอนั่นคนเดียวที่ทำเรื่องที่เขาต้องการมาตลอด

     

    เป็นห่วง

     

    ใส่ใจ

     

    พยายามเข้าใจ

     

    เห็นว่าเขามีตัวตน....

     

     

    ทุกๆครั้งเลยทุกครั้งที่ทุกคนไม่สนใจจะมีแค่สายตาคู่นั่นที่มองมาที่เขานิ่งๆเหมือนมันพยายามบอกอยู่เป็นนัยๆว่ารับรู้การมีอยู่ของเขา มือที่มีไว้จับมือแฟนคู่นั่นเขารับรู้ได้ทุกครั้งว่ามันอบอุ่นเต็มไปด้วยความใส่ใจ ทุกครั้งที่มันสัมผัสเขา แค่นี้ที่ทำให้คิมจงอินอยู่เหนือทุกๆอย่าง

     

    แม้จะไม่ชอบใจหลายๆเรื่อง แม้จะเกลียด แม้จะไม่ถูกต้อง หมอนั่นก็ยังถูกเสมอ

     

    “กูแค่อยากให้มันอยู่ในชีวิตกูต่อไป...”

     

    “เพื่อน?

     

    “อะไรก็ได้ แค่อยู่ตรงนั่น...”

     

    “โคตรงี่เง่า”

     

    “อือ...งี่เง่า”

     

     







    THE END



    เศร้านะ ว่าไหม?


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×