ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FICEXO] my sadness Room - KAIHUN,KRISYEOL,CHANBAEK,HUNHAN,ETC

    ลำดับตอนที่ #21 : [SF] The man next to the middle of the rain.- Kaihun #ฟิคโรงหนัง {2/2}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 435
      5
      27 ก.ค. 60









     

     The man next to the middle of the rain.

    Kaihun

    #ฟิคโรงหนัง {2/2}





    จงอินเดินเข้าอพาร์ทเม้ทตอนสายแก่ๆ หลังจากต่อรถส่งผลไม้เข้ามาก็มาถึงเป้าหมาย ส่วนเซฮุนยังดีหน่อยที่คุณลุงเจ้าของรถต้องไปส่งผลไม้ที่ตลาดแถวคังนัมเลยพอดีให้เซฮุนติดเข้าเมืองไปแล้วหารถต่อกลับเอง

    ประตูปิดลงพร้อมกับร่างของอัลยูถลาเข้ามาสำรวจร่างกายของแฟนตัวเอง เธอเป็นห่วงแทบแย่ทั้งคืนที่ติดต่อมาแค่ครั้งเดียวว่ากำลังกลับตอนตีสี่ก็เงียบไปเลย พอเห็นว่าจงอินปลอดภัยร่างเล็กก็ปล่อยโฮออกมา เธอโล่งอกจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เป็นจงอินที่ต้องรั้งเอาเธอเข้ามากอดไว้

    “ร้องไห้เป็นเด็กๆเลย” จงอินลูบผมนุ่ม พลางคลี่ยิ้มอ่อนโยน แฟนผลักออกจากอกก่อนจะทุบกำปั้นเล็กลงบนอกกว้างไปหลายที โทษฐานที่ทำให้เป็นห่วง

    “อกผมช้ำหมดแล้ว โอ้ยๆ” พอยิ่งแซวคนตัวเล็กยิ่งเพิ่มแรงจนร่างหนาร้องลั่น มือหนารวบอีกคนเข้ามากอดเป็นแม่ลิงกอดลูก แล้วโยกตัวไปมาเพื่อปลอบอีกคนให้สงบลงอย่างที่ชอบทำ เขาเสียใจกับเรื่องทั้งหมด ไม่คิดว่าเรื่องจะเลยเถิดไปจนถึงช่วงเช้าและเขาเองก็ผิดที่ไม่ทันคิดว่าอัลยูจะเป็นห่วง

    ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปมอบจุมพิษหวานให้กับร่างเล็กกะทัดรัด ใบหน้าหวานน่ารักยิ้มปริ่มดีใจไม่วายยื่นหน้าขึ้นไปจูบคนตัวสูงกว่าซ้ำๆ เลื่อนมือขึ้นไปโอบรอบเอวสอบประสานกันไว้ด้านหลังกว้าง แล้วโยกตัวไปมาเหมือนเด็กๆตอนดีใจ เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากจงอินได้เป็นอย่างดี

    “ผมขอโทษ...” และเขาก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้แฟนสาวฟัง เธอพยักหน้าเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จงอินไม่ได้บอกออกไปว่าเซฮุนเป็นแฟนเก่าของเขา เขาบอกแค่เพียงอีกคนเป็นเพื่อนตอนเรียนมอปลายด้วยกัน เห็นอัลยูหลับไปหลังจากสบายใจก็นึกดีใจ อีกใจก็แอบรู้สึกหน่วงแปลกๆ หลายๆอย่างกำลังแปลกไปไม่ใช่กับอัลยู แต่เป็นกับเซฮุน

     

     

     

     

     

    จงอินกลับมาทำงานตามกะปกติ และเขาก็พึ่งลาออกจากงานอีกงานที่ทำช่วงดึกเพราะรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเริ่มรับไม่ไหวอีกต่อไป อาการปวดเมื่อยตามร่างกายเพราะนอนไม่พอทำให้เขารู้สึกทำงานไม่เต็มที่เอาเสียเลยพาลให้รู้สึกหงุดหงิดไปตลอดทั้งวัน

    เซฮุนเองก็กลับมาทำงานได้ปกติ วันนี้จงอินแอบเห็นรอยยิ้มของอีกคนกลับมาเหมือนเคยแล้ว แต่ที่แปลกไปก็คงเป็นลำคอขาวที่เคยเนียนสะอาด เช้านี้กลับมีรอยกลีบกุหลาบโผล่มาให้เห็นจางๆบนนั่น เขาโตพอที่จะรู้เหมือนกับแบคฮยอนว่านั่นไม่ใช่รอยแมลงกัดอย่างที่เจ้าตัวปฏิเสธออกมา

    ฝนกำลังตกอีกแล้ว และหน้าที่ทิ้งขยะก็ยังเป็นหน้าที่ประจำของเขา เขาเอาขยะออกมาจากหลังร้าน แล้ววิ่งฝ่าสายฝนที่ยังไม่ตกแรงไปทิ้งขยะที่ถังขยะใหญ่ห่างออกมาจากหลังร้านพอสมควร แต่ตอนกลับมาที่หลังร้านเขากลับต้องแปลกใจเพราะเห็นใครบางคนกำลังนั่งอยู่ตรงม้านั่ง

    “ไง จงอิน” แปลกกว่าทุกครั้งจริงๆ จงอินหันไปยิ้มให้อีกคนแล้วจึงวิ่งเข้าใต้ชายคา สะบัดผมไล่เม็ดฝนออกจากปอยผมเล็กน้อย แล้วจึงหันไปสนใจคนที่นั่งบนม้านั่ง “ฉันอยากขอบใจนายวันก่อนน่ะ ที่อุส่าเป็นบ้านั่งรถเมล์จนสุดสายไปกับฉัน” เซฮุนเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มสดใส นี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขากลับมารู้สึกแปลกๆกับรอยยิ้มของคนตัวบาง หลังจากไม่ได้เห็นมันมาหลายปี

    “ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมจ่ายค่าบะหมี่คืนล่ะ ฮะฮ่าๆ” ทั้งคู่หัวเราะออกมากับมุกฝืดๆของจงอิน ชายหนุ่มตั้งใจจะเดินเข้าร้านไปแต่ก็ต้องหยุดเท้าไว้ก่อนเมื่อเสียงอีกคนรั้งไว้

    “คือ...ที่จริง ตอนเย็นนายว่างหรือเปล่า? นัยน์ตาเรียวรีของคนบนม้านั่งเลื่อนมามองคนหน้าประตู เป็นจังหวะที่จงอินรู้สึกแปลกๆขึ้นในใจ เหมือนตอนที่ได้เห็นน้ำตาของอีกคนบนรถเมล์ ทั้งๆที่มันก็แค่แววตาว่างเปล่าของอีกคน ถึงมันจะกำลังสะท้อนภาพเขาอยู่ก็ตาม

    “ว่างสิ มีอะไรหรอ?

    “ให้ฉันเลี้ยงข้าวเย็นนายนะ ขอร้องล่ะ” เซฮุนยังเหมือนเดิม จงอินยกยิ้มขึ้นพร้อมกับเสียงจากข้างในตัวเขาที่ดังขึ้น เขากำลังหัวใจเต้นเพียงเพราะคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อก่อนเซฮุนเคยเป็นคนยังไง และตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม คนตรงหน้าทำหน้าอ้อนวอนตรงคำขอร้อง พร้อมกับพยักหน้าให้เขาตอบตกลงซ้ำๆ เหมือนเด็กๆตอนขอขนมจากผู้ใหญ่ไม่มีผิด

    เขาตอบตกลงก่อนจะเดินเข้าข้างใน มือหนายกขึ้นกุมหน้าอกตัวเองตรงตำแหน่งหัวใจ ก่อนจะรู้สึกถึงจังหวะที่ผิดแปลกไป จงอินเดินมาหลบในห้องเปลี่ยนชุดแล้วถอนหายใจออกมายาวยืด ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความไปหาแฟนตัวเองเพื่อบอกว่าจะกลับค่ำและไม่ต้องรอทานข้าวเย็น  

    โทรศัพท์ถูกเก็บลงกระเป๋ากางเกงไปแล้ว หัวใจเขายังเต้นในจังหวะที่เร็วเกินไป จงอินไม่อยากยอมรับอะไรเลย เขากลัวใจตัวเองเหลือเกิน กลัวว่าจะคิดเกินเลยไปมากกว่านี้กับเซฮุน แค่ครั้งก่อนก็เผลอทำตามใจตัวเองเกินไปแล้ว ครั้งนี้เขาอยากจะยืนยันกับตัวเองให้ชัดเจนเหลือเกินว่าเขายังเหมือนเดิม แต่ช่างยากเย็นเมื่อยิ่งใกล้เวลาเลิกงาน หัวใจตรงอกข้างซ้ายยิ่งสั่นด้วยความตื่นเต้น

    เซฮุนพาเขามาที่ร้านอาหารไม่ได้หรูหรามากนัก แต่เจ้าตัวเอ่ยปากว่าอร่อยที่สุดในย่านที่พวกเราทำงานเลย เห็นแบบนั่นก็ยิ่งอดใจเชื่อคำพูดอีกคนไม่ได้ ก้าวเข้าร้านพร้อมกับสั่งอาหารตามที่คนตัวบางบอกกล่าวว่าอร่อย

    ซึ่งไม่อยากจะเชื่อว่า คุณยายเจ้าของเราจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้ เรานั่งกินซุปไก่กันเงียบๆ จนซุปหมดเหลือเพียงกระดูกที่ถูกแทะเนื้อจนหมดแล้ววางกองบนโต๊ะ เซฮุนยิ้มขำกับภาพตรงหน้าก่อนจะเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง

    “ฉันต้องกลับแล้ว ยังไงพรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ”

    เพราะมันเป็นประโยคสั้นๆง่ายๆที่เซฮุนเอ่ยออกมา เลยทำให้คิมจงอินแอบคิดไม่ได้ว่า ทำไมเซฮุนถึงได้ตัดสินใจเดินแยกออกไปอย่างเร็วโดยไม่ลังเลอย่างเขาเลย เพียงแค่หันหน้าไปทางอื่นก็ยังรู้สึกยาก คิมจงอินมองหยาดฝนที่ตกลงมาแล้วนึกโทษที่มันดันตกลงมาถูกเวลา

    ความหงุดหงิดเกิดขึ้นโดยไร้สาเหตุ โทษดินฟ้าอากาศไปทั่ว ไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่โกธรจริงๆนั่นมาจากไหนเพราะอะไร จนพาตัวเองกลับมาทั้งร่างที่เปียกปอนไปแบบนั่น ดีหน่อยก็ที่อัลซูไม่อยู่ห้องเพราะไม่งั้นวันนี้คงได้พาลพูดไม่ดีใส่แฟนตัวเองแน่ๆ

    จงอินนั่งถอนหายใจทิ้งที่โซฟาหลังจากถอดเสื้อผ้าไปแขวนตากระเบียง ผิวสีแทนยังเปียกชื้นและรอให้แห้งด้วยการตากลมจากระเบียงข้างนอก ไม่ให้โทษฝนได้ยังไงก็ดูสิ พอเขาเข้าห้องมาก็ดันหยุดตกเหลือแต่ลมอ่อนๆเท่านั่น

    ร่างหนาหัวเสียจนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนสนิทตัวเอง คุยกันอยู่สักพักก็ไม่ดีขึ้น วางสายไปแล้วจึงไปเปลี่ยนใส่กางเกงนอนขายาวสวมทับกางเกงในสีทึบ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงไม่ยอมแม้แต่เปิดไฟในห้องทั้งๆที่ฟ้าข้างนอกมืดสนิทไปแล้ว

    ในที่สุดมือหนาก็เลื่อนโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครบางคนที่เขาไม่เคยลบเบอร์ทิ้งและเชื่อปักใจเหลือเกินว่าอีกคนจะยังใช้เบอร์นี้

    “.....”จะว่าเขาปอดแหกก็ได้ที่หลังจากเลิกกันก็ไม่กล้ากดโทรออกเลยสักครั้ง หลังจากรอสายอยู่นานก็มีเสียงตอบกลับมา มือหนาเผลอกำผ้าห่มที่อยู่ใกล้อย่างประหม่าก่อนจะกรอกเสียงกลับไป

    (จงอิน.....หรอ?)

     

    “ใช่...เซฮุนใช่ไหม?

     

    เซฮุนเผลอกลั้นหายใจเข้าปอดไปชั่วขณะ ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะกินข้าวช้าๆหลังจากเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเอาแต่เดินวุ่นไปทั่วห้องเพราะเห็นเบอร์ของคนปลายสายโทรเข้า

    “มีอะไรหรือเปล่า?

    (อืม....พอดี...)

    เสียงทุ่มหายไปพร้อมกันกับร่างบางที่เผลอกัดริมฝีปากตัวเองอย่างไม่ทันสังเกตร่างบางเดินมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียง เซฮุนซุกตัวลงนอนกับผ้าห่มผืนนุ่มช้าๆ รอให้อีกคนต่อบทสนทนา และมันก็นานเสียจนใจเซฮุนไม่ดี

    (...ฉันอยากโทรมาขอบคุณที่เลี้ยงข้าวเย็นน่ะ)

    และเหมือนเราทั้งคู่จะทำเป็นไม่ใส่ใจที่ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าเป็นใครที่ต่อสายเข้ามา เซฮุนไม่อยากคิดอะไรให้มากไปกว่านี้แล้ว เมื่อช่วงเย็นที่เดินออกมารวดเร็วแบบนั่นก็เพราะดันรู้สึกแปลกๆขึ้นมาตอนเห็นรอยยิ้มอบอุ่นส่งมาจากคิมจงอิน

     

    แต่แล้วร่างบางก็ต้องรู้สึกชาวาบเหมือนกำลังโดนจับได้ว่าทำผิด เพราะเสียงไขประตูเข้ามาของใครบางคนที่เขารู้ดีว่าเป็นใคร จินซูเข้ามาในห้องนอนหลังจากเดินหาเจ้าของห้องอีกคนไม่เจอ เซฮุนส่งยิ้มไปให้จินซูจางๆก่อนจะคิดหาคำพูดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่เพื่อไขข้อสงสัยให้อีกคน

    (ยังอยู่หรือเปล่า....เซฮุน...)

     

    อกข้างซ้ายเต้นในจังหวะที่เจ็บปวดเมื่อจินซูพยักหน้าเข้าใจหลังจากเห็นในมือเขากำลังถือสายคุยโทรศัพท์อยู่ ร่างสูงเดินเข้ามาจูบบนหน้าผากเนียนของคนรักแผ่วเบาแทนคำทักทายแล้วเดินออกไปเพื่อปล่อยให้คนตัวบางได้คุยโทรศัพท์

     

    (เซฮุน.....ขอโทษที่โทรมานะ....)

     

    และสายก็ถูกตัดไป พร้อมกับเสียงลมหายใจของปลายสาย ร่างบางซบหน้าลงกับหมอนนอนนิ่งไป ปล่อยให้ความรู้สึกผิดมากมายลอยเคว้งไปทั่วหัว คำถามนับสิบตีกันมั่วไปหมดในหัวรอให้เจ้าตัวได้ตอบ ....แทนการปล่อยให้มันจางหายไปในอวกาศ

     

     

     

    เวลาผ่านมาแล้วกี่วันเขาแทบจะไม่ได้นับ อาจจะเป็นอาทิตย์แล้วก็ได้ เซฮุนยังทำงานเหมือนอย่างเคยและที่ทำงานก็ยังมีแบคฮยอนและคิมจงอิน มันแปลกไปเขารู้ดี จงอินทำตัวแปลกไปหลังจากวันนั่นที่วางสายไป แต่พอเอ่ยถามว่าเป็นยังไงอีกคนก็เอาแต่ตอบว่าสบายดีและส่งยิ้มแปลกๆมาให้เขา มันไม่ใช่ยิ้มอบอุ่นอย่างเคย มันแปลกออกไปคล้ายว่าเคยเห็นยิ้มแบบนี้มาก่อนแต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเห็นมันที่ไหน

    จนวันนี้ที่เราทั้งคู่เดินสวนกันในห้องเปลี่ยนชุด จงอินกำลังรีบออกไปสวนทางกันกับเขาที่พึ่งเดินเข้ามาเปลี่ยนชุดเพื่อออกจากงานหลังเลิก พอเห็นว่าแบคฮยอนกำลังง้วนกับการเปลี่ยนเสื้อและคงไม่ทันสังเกตพวกเขา เซฮุนจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปคว้าท่อนแขนแกร่งไว้ แล้วกระซิบให้พอได้ยินกันสองคนกับจงอิน

    “ช่วยออกมาเจอฉันที่หลังร้านที” มันเป็นประโยคอ้อนวอนจากใจโอเซฮุน เขายังไม่ทันได้เปลี่ยนชุดเดินนำออกไปหลังร้าน ตามหลังมาด้วยจงอินทั้งคู่ทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งอย่างที่เคยนั่งกันประจำ

    เซฮุนลังเลที่จะเอ่ยปากถึงเรื่องที่ตัวเองบอกให้ออกมาข้างนอกรอ มันนานจนจงอินถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่สาม ถึงแบบนั่นร่างหนาก็ยังนั่งตรงนั่น นั่งรออีกคนพร้อมที่จะพูดอะไรสักอย่างออกมาอย่างที่ตั้งใจ

    “....”

     

     

    จงอินยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองหลังจากปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเกินกว่าที่เขาจะทนได้ มันนานจนได้ยินเสียงพนักงานกะกลางคืนเริ่มต้อนรับลูกค้าอย่างครึกคัก ท้องฟ้าด้านนอกเองก็เปลี่ยนเป็นสีดำมืดจนมองเห็นแสงไฟจากตึกราบ้านช่องได้ชัดเจน

    “เซฮุน....” เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก สบตากับนัยน์ตาสีเข้มด้วยความรู้สึกหลากหลาย และแล้วน้ำตาของเขาก็รื้นขึ้นมาตอนที่หัวใจของตัวเองเริ่มเต้นในจังหวะที่เจ็บปวด

    “คือ...ฉันไม่รู้ว่านายโกธรอะไรฉัน ....คือ...ที่จริงก็พอจะรู้ แต่....แต่” มือบางเลื่อนมากุมกันสั่นระริก ปากคอสั่นเบือนหน้าไปมองพื้นหินกวาดที่สะท้อนจากหลอดไฟหลังร้าน ไม่หรอกเขากำลังซ่อนความอ่อนแอไว้ต่างหาก

    “...ขอโทษนะจงอิน ฉันขอโทษจริงๆ” โอเซฮุนไม่รู้ว่าตัวเองจะขอโทษเพื่ออะไรแต่ความรู้สึกผิดในอกมันตีตื้นขึ้นมาจนห้ามปากเอาไว้ไม่อยู่และตอนนี้ร่างทั้งร่างก็เริ่มสั่นไหวเพราะพยายามอดกลั้นความรู้สึกทั้งหมดไว้ ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงให้อีกคนดีขึ้น ไม่ชอบให้บรรยากาศระหว่างเราเป็นแบบนี้เลย เขาเงยหน้าขึ้นไปหาอีกคนอีกครั้งเมื่อได้รับเพียงความเงียบตอบกลับมา

     

     

    ภาพตรงหน้าทำให้น้ำตาที่ตั้งท่าจะไหลหล่นลงตามแรงโน้มถ่วงของพื้นโลก เมื่อใบหน้าคมคายของคนข้างๆมีสีหน้าไม่ต่างกันกับเขาเลย มือบางเอื้อมไปลูบแก้มกร้านโดยไม่รู้ตัวยิ่งเห็นแววตาตรงหน้าสั่นระริกยิ่งรู้สึกปวดร้าว รอยยิ้มบิดเบี้ยวถูกยกขึ้นระบายส่งมาให้เขา ราวกลับภาพทุกอย่างย้อนมารวมกันหมด เซฮุนจำได้แล้วว่ารอยยิ้มข่มขืนที่จงอินคอยมอบให้เขามาหลายวัน เป็นรอยยิ้มเดียวกันกับวันที่เขาบอกเลิกเมื่อหลายปีก่อน

    “ฮะฮือฮือๆ” ร่างบางไหล่สั่นด้วยแรงสะอื้น มือบางลูบไล้ซับน้ำตาบนแก้มกร้านออกให้ราวกลับจะเป็นการขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง จงอินส่ายหน้าส่งมาให้เขาทั้งๆที่น้ำตายังไหลออกมา รอยยิ้มตรงหน้าข่มขืนกว่าครั้งไหนๆ จนมันหายไปจากสายตาเพราะร่างทั้งร่างถูกดึงเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง

     

    เซฮุนคิดมาเสมอว่าเรื่องที่ผ่านมามันเป็นเพราะความยังเด็ก ความรักของพวกเรายังเด็กเกินกว่าจะสัมผัสมันได้ด้วยใจ มารู้ซึ้งเอาตอนนี้ว่าคงมีแค่จงอินที่สัมผัสความรักนั่นได้จากหัวใจ หัวใจอันอบอุ่นที่คอยอยู่เคียงข้างเขา จนเมื่อถึงวันที่เขาบอกเลิกผู้ชายคนนี้ก็ยังคงส่งยิ้มมาให้เป็นกำลังใจให้คนอย่างเขาก้าวต่อไปโดยปราศจากตัวเอง

    “ฉันขอโทษจงอิน...”

     

    จงอินลูบแผ่นหลังคนในอ้อมกอดแผ่วเบา น้ำตาไหลลงสองข้างแก้มไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น มีเพียงความจริงมากมายที่ไหลระบายผ่านออกมา ชายหนุ่มสั่นสะท้านมากขึ้นเมื่อภายในใจตอบคำถามมากมายให้กับตัวเองได้เสียที เขาปล่อยให้อีกคนร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนเขาจนพอใจ แล้วจึงได้บอกอีกคนด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

    “กลับกันดีกว่า” พวกเขาเดินไปรอรถเมล์ด้วยกันหลังจากให้เซฮุนได้เปลี่ยนชุดคืน รถเมล์มาจอดตรงป้าย มือหนาเอื้อมกุมเอามือบางไว้พลางเดินนำขึ้นรถเมล์ก่อน แอบรู้สึกดีใจหน่อยๆที่บนรถเมล์ยังพอมีที่นั่งให้ได้นั่ง เซฮุนเลื่อนไปนั่งติดกระจก ตามลงมาด้วยจงอิน ทั้งคู่นั่งเงียบกันตลอดทั้งทางถึงแบบนั่นมือหนาก็ไม่ยอมปล่อยมือบางให้เป็นอิสระ ซ้ำยังสอดนิ้วแกร่งประสานแนบแน่นกับนิ้วเรียวสวยอีกเสียด้วย

    ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของวันนี้มันไม่ได้ทำให้เขาข่มขืนอย่างที่ผ่านมา จงอินยอมรับว่าตัวเองเคยข่มขืนทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพียงแค่เห็นโอเซฮุนก็รู้สึกหน่วงๆ มันเป็นแบบนั่นแหละ และการที่เราทั้งคู่นั่งกุมมือกันด้วยความสบายใจแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะรู้สึกนอกใจอัลยู ไม่เลยในใจเขายังรักอัลยูที่สุด ไม่เคยเปลี่ยน เช่นเดียวกันโอเซฮุนก็คงรักแฟนของตัวเองมากเหมือนเคย

    หลังจากอีกคนลงจากรถเมล์ จงอินก็เอี้ยวตัวหันกลับไปมองอีกคนอย่างที่เคยทำ มันแปลกไปสักหน่อยก็ตรงครั้งนี้ร่างบางยืนโบกมือส่งกลับมาให้พร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆที่เขาเคยเปรียบมันเป็นแสงสว่าง

     

    ร่างหนาเดินลงจากรถเมล์พร้อมกับความรู้สึกที่ต่างออกไปจากทุกวัน นัยน์ตาคมทอดมองหยาดน้ำฝนบนฟ้าซึ่งกำลังตกลงมา ย้ายร่างตัวเองมายืนใต้ชายคาที่นั่งรอรถเมล์ คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆจนเผลอยิ้มออกมา

    ประตูอพาร์ตเม้นถูกปิดลงพร้อมกับอ้อมกอดแสนอบอุ่นของแฟนสาวตัวเล็ก อัลยูยิ้มร่าลากจงอินมาทานข้าวที่ได้เตรียมไว้ให้แอบบ่นหิวเพราะรออีกคนกลับมา จงอินส่งยิ้มไปให้เธอก่อนจะตักซุบผักกาดซดเสียงดัง

    “อร่อยที่สุดเลย! อัลยูยิ้มแก้มปริขณะตักข้าวเข้าปากมองแฟนตัวเองชื่นชมรสชาติของอาหารฝีมือตัวเอง จงอินยังมั่นใจว่าเขารักผู้หญิงคนนี้และพร้อมจะแต่งงานกับเธอเมื่อเราทั้งคู่พร้อม และถ้าถึงวันนั่นเขาเองก็ยิ่งมั่นใจว่าตัวเขาต้องมีความสุขมากๆแน่นอน

     

     

     

     

    ครืน...

     

    เซฮุนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาในขณะที่นั่งมองจินซูทานข้าวด้วยความหิว เพราะรอให้เขากลับมาทำอาหารให้ทาน

    ข้อความที่ถูกส่งมาถูกส่งมาจากคิมจงอิน นั่นเป็นเหตุผลแรกที่รอยยิ้มของเซฮุนแย้มขึ้น และเหตุผลต่อมาก็เป็นเพราะเนื้อความของข้อความที่ส่งมา จนจินซูแอบกระแอ่มไอแซวอีกคนว่าแอบมีกิ๊กหรือยังไงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์เชียว

    เซฮุนวาดยิ้มตอบกลับไปในใจแอบขำหน้าตาของจินซูที่เริ่มแสดงท่าทางสงสัยมากขึ้น จนเขาต้องยอมเล่าเรื่องจงอินให้ฟัง แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าจงอินเคยเป็นแฟนกับเขา บอกเพียงว่าอีกคนเป็นเพื่อนตอนมอปลาย เพียงแค่ได้ยินว่าจงอินเป็นเพื่อนที่ดีต่อเซฮุนจินซูก็โล่งใจแถมยังแอบดีใจที่เจ้าตัวเล็กมีเพื่อนดีๆ

    เซฮุนวางโทรศัพท์หลังอ่านข้อความ หันกลับมาหยิกแก้มคนอายุแก่กว่าอย่างมั่นไส้เพราะยังได้ยินเสียงแซวหลุดออกมาจากปากคนบ่นหิวตั้งแต่เข้าห้อง

    “อร่อยไหมครับ?

    “อร่อยสิ ฝีมือของแฟนใครเนี่ย”

     

     

     

     

     

     

     

    ยอมรับมาซะว่าไม่ได้ลบเบอร์ฉัน คิดถึงกันใช่ไหมล่ะ ย๊า! ค่าบะหมี่อย่าลืมคืนฉันล่ะโอเซฮุน เจอกันพรุ่งนี้นะ (: ’












    THE END



    H a s h
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×