ตอนที่ 17 : 17

EP. 17
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ผมก็ยังคงนั่งดูหนังอย่างที่ทำเป็นปกติ นั่งดูไปเรื่อยๆ จนจบเรื่อง จู่ๆ ผมก็ดันรู้สึกหิวขึ้นมา เลยกะจะเดินลงไปหาซื้อของกินที่เซเว่นด้านล่าง เดินออกมาจากห้องก็เผลอมองห้อง 305 วันนี้ทั้งวันผมยังไม่เจอไอ้หมีเลย มันหายไปไหนของมันนะ ปกติคือจะต้องออกมาโวยวายโครมครามพังตึก แต่วันนี้หายหน้าไปเลย
ช่างมัน ผมไม่สนหรอก!
ผมเลือกที่จะลืมไอ้หมี ก่อนจะลงไปหาของกินแล้วกลับขึ้นมาดูหนังต่อ แต่ไปๆ มาๆ ผมก็ดันอดสงสัยไม่ได้ว่าไอ้หมีมันหายไปไหนของมัน ไอ้ครั้นจะโทรไปหาก็ไม่กล้าโทร หรือจะไลน์ไปดี แต่จะคุยว่าอะ หายไปไหนงี้อ่อ บ้าแล้ว มันแปลกๆ อะ แค่มันหายไปวันเดียวผมต้องไปเดือดร้อนตามหามันด้วยหรือไงวะ
โอ้ย! จะว้าวุ่นไปไหนนักหนาวะไอ้เจได
เช้าแล้ว…แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แวว
ตกเย็นกลับมา ผมก็ยังไม่เจอ
เช้าของอีกวัน ผมก็ยังไม่เจออีก
จนตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว ผมก็ยังไม่เจอไอ้หมีเจ้าของห้อง 305
เฮ้อ! เป็นเอามากนะกูเนี่ย
ตอนนี้ผมกำลังนั่งมองมือถือในมือตัวเอง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพอไอ้หมีไม่โผล่หน้ามากวน มันถึงได้ทำให้ผมว้าวุ่นฟุ้งซ่านเหมือนหมารอเจ้าของได้ขนาดนี้
เอ๊ะ...นี่กูเพิ่งเปรียบมันว่าเป็นเจ้าของ แล้วตัวเองเป็นหมาเนี่ยนะ!
เอาวะ! โทรไปถามมันสักนิดก็ได้ แค่นิดเดียวจริงๆ นี่ไม่ได้เป็นห่วงหรืออะไรหรอกนะ แค่กลัวมันตายห่าตายโหงอยู่ที่ไหนสักที่ ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นที่ดีก็ควรที่จะรับรู้ข่าวสารกันไว้
ผมตัดสินใจกดโทรออก รอสักพักก็มีเสียงคนรับ
[สวัสดีครับ]
เฮ้ย...นี่ไม่ใช่เสียงไอ้หมี เสียงใครวะเนี่ย
“เอ่อ นี่ใช่เบอร์ของสุขสันต์ไหมครับ” ผมถามกลับออกไปด้วยความสุภาพ
เอ…กูว่าก็ถูกเบอร์นะ ปกติตอนมันโทรมาก็ใช้เบอร์นี้นี่หว่า
[อ่อ มันป่วยครับ นอนอยู่ มีอะไรก็ฝากเอาไว้ได้ครับ]
เอ้า นี่มันป่วยเหรอ มิน่าล่ะไม่เจอมันเลย แปลกใจเหมือนกันแฮะ ไม่นึกว่าหมีควายร่างกำยำแบบมันจะล้มป่วยเป็นเหมือนกันกับเขาด้วย
[เอ่อ แล้วมีธุระอะไรกับมันหรือเปล่าครับ]
“เปล่าครับ ผมเป็นเพื่อนเขาเฉยๆ แล้วนี่…ได้อยู่ที่ห้องไหมครับ”
[เปล่าครับ อยู่โรงพยาบาล XX มันป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เลยต้องอยู่โรงพยาบาลสักพักน่ะครับ]
เป็นไข้หวัดใหญ่เลยเหรอวะ ไปโดนมาจากไหนล่ะนั่น เห็นยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่รึไง จู่ๆ ก็จะมาเป็นไข้หนักขนาดนี้ก็ได้เหรอวะเนี่ย
“อ่อ ครับ”
[ถ้าไม่มีอะไรผม…/ใครโทรมาวะ]
จู่ๆ ก็มีเสียงแหบๆ แทรกเข้ามาในสาย ผมเดาว่านั่นคงจะเป็นเสียงของไอ้เจ้าของเครื่อง จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงคนโวยวายไปมาแล้วก็เสียงยื้อแย่งอะไรกันก็ไม่รู้ ...เกิดอะไรขึ้นทางนั้นวะเนี่ย
“เอ่อ ฮัลโหลครับ? คุณ? มีอะไรหรือเปล่า?”
[เจได แค่ก!]
คราวนี้ไอ้เจ้าของเครื่องตัวจริงมันยึดสัญญาณเอาไว้แล้ว พอได้ยินเสียงมันไอแบบนี้ผมก็ชักจะเป็นห่วงมันขึ้นมาหน่อยๆ
“เออ กูเอง ไปนอนต่อไป กูโทรมาถามสารทุกข์เท่านั้นแหละ นึกว่าตายไปแล้ว”
[นี่โทรมาเหรอ] เสียงมันแหบมาก จากปกติที่ว่ามันเสียงน่ากลัวอยู่แล้ว พอมาแบบนี้มันยิ่งดูเหมือนหมีไปมากกว่าเดิมอีก
“เออ แค่นี้นะ”
[เดี๋ยว! แค่กๆ /จะเสียงดังทำเหี้ยไร เขาก็อยู่ในสายแหละไอ้สัส]
เออ ผมก็เห็นด้วยกับเพื่อนมันนะ จะรีบตะโกนทำไม ผมก็ยังไม่ได้จะวางสายทันทีสักหน่อย
“ว่าไง”
[เดี๋ยวจะออกโรงพยาบาลพรุ่งนี้]
ตลกแหละ ไข้หวัดใหญ่ใครเขารักษากันวันสองวัน จะรีบออกมาทำอะไร
“ตลก รีบเหรอ มึงจะหนีหมอมาทำไม”
[หายแล้ว]
...นี่อะนะใกล้หาย ใกล้ตายสิไม่ว่า
“นอนไป กูจะไปนอนแล้ว แค่นี้แหละ”
[เดี๋ยว ห้อง 2210 นะ]
ผมชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะนึกออกมาได้ว่าห้องที่มันบอกน่าจะเป็นห้องที่มันพักที่โรงพยาบาล ผมเลือกที่จะไม่ตอบกลับแล้ววางสายไป
เอาไงดีวะ จะไปเยี่ยมมันหรือไม่ไปดี แต่ถ้าจะไปเยี่ยมแล้วผมจะอยู่ยังไงวะ ดูท่าทางรอบตัวมันก็น่าจะมีแต่เพื่อนมันเต็มไปหมด ผมกลัวเข้าไปยืนแล้วอึดอัดเปล่าๆ นี่ดิ ถ้าผมไปเยี่ยมมันดูแปลกจะตายไป เข้าไปแล้วก็ทำไงต่ออะ ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมคนไข้ซะด้วยสิ ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรยังไง ต้องซื้ออะไรไปฝากคนป่วยดี ผมควรไปเยี่ยมมันดีไหมเนี่ย แต่มันก็เพื่อนบ้านคนหนึ่งเลยนะเว้ย เฮ้อ…เอายังไงดีวะ
สุดท้ายแล้ว เย็นวันต่อมาผมก็นั่งรถมาลงโรงพยาบาลจนได้...
วันนี้ทั้งวันโทรศัพท์ผมมีสายเข้าตลอด ซึ่งสายนั้นไม่ใช่ใคร เป็นไอ้หมี 305 คนเดียว แต่ผมก็ไม่ได้รับสายมันนะ ไม่รู้จะรับไปทำไม นี่ดูท่าทางแล้วคงอยากให้ผมไปเยี่ยมมันมาก จะมาอยากเห็นหน้ากูทำไมนักหนาก็ไม่รู้ แล้วเนี่ย...ผมที่ทั้งหล่อแล้วก็เป็นคนดีขนาดนี้เลยอุตส่าห์มีเมตตามาเยี่ยมหมีป่วยตัวโตๆ ค่าตอบแทนอะไรก็ไม่ได้ เผลอๆ มาเป็นทาสมันอีก เพื่อนบ้านดีกว่านี้มีอีกไหม! นี่ถ้าออกโรงพยาบาลแล้วยังทำนิสัยเสียใส่อีกนะ จะทวงบุญคุณให้หนักเลย คอยดู!
ผมเดินเข้าไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตใต้ตึกโรงพยาบาลเพื่อเลือกของไปเยี่ยมไอ้หมี เดินไปเดินมาก็ดันได้ของมาเยอะแยะเต็มมือ เอ่อ… แล้วปกติคนป่วยโรคไข้หวัดใหญ่นี่กินอะไรเป็นอาหารนะ มีส้ม น้ำขิง เอานมไปด้วยแล้วกัน ขณะที่ผมกำลังจะเดินไปจ่ายเงิน ก็ดันเดินผ่านซุ้มของกระจุ๊กกระจิ๊ก เห็นกิ๊บติดผมในตะกร้าแล้วก็อดนึกถึงไอ้หมีมันไม่ได้ เพราะผมหน้าของสุขสันต์ค่อนข้างยาวเทอะทะ มันชอบปัดม้าอยู่บ่อยๆ เห็นทีไรก็อดรำคาญแทนไม่ได้ ซื้อไปให้มันสักอันก็แล้วกัน ผมจงใจเลือกเอากิ๊บติดผมรูปกระต่ายสีชมพูแหววไปให้ เอาให้มันกระอักเลือดตายไปเลย พอจ่ายเงินเสร็จผมก็เดินขึ้นตึกไปที่ห้อง 2210 เจอชื่อมันเด่นหราก็เลยถือวิสาสะเปิดเข้าไป
เฮ้ย…ทำไมเสียงมันโหวกเหวกโวยวายดังจังวะเนี่ย
ผมค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปดู เห็นมันกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง รอบๆ ตัวมีเพื่อนผู้ชายสามสี่คนกำลังนั่งดูบอลอยู่ข้างๆ
โอ้โห…นี่มึงป่วยไข้หวัดใหญ่จริงปะเนี่ย
และดูเหมือนจะมีเพื่อนคนหนึ่งของมันเห็นผมเลยรีบชี้มาทางนี้ ผมก้าวออกไปยืนในห้องอย่างเคอะเขินเพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ไอ้หมีกับเพื่อนที่เหลือก็เลยหันมามองตาม ก่อนที่จู่ๆ ความอลหม่านจะเกิดขึ้นภายในห้อง เพื่อนไอ้หมีกระวีกระวาดเอาผ้าห่มไปคลุมร่างโตๆ ของมันแล้วพากันเก็บกวาดขนมเอยน้ำเอยสารพัดอย่าง จนในที่สุดก็ปิดทีวีทิ้งไป ผมที่ยืนมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่
อะไรของพวกมันวะเนี่ย หมีนี่เป็นแบบนี้กันทุกตัวไหมนะ
“เอ่อ เจไดใช่ปะ” เพื่อนคนหนึ่งของมันเอ่ยถามชื่อผมออกมา
ผมพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบกลับ ในนี้มีคนหนึ่งที่ผมคุ้นหน้า จำได้ว่าเคยเจอตอนไปเคาะห้องไอ้หมีครั้งก่อน
“ผมแค่เอาของมาเยี่ยมไอ้…เอ่อ สุขสันต์น่ะครับ นี่ครับ” จู่ๆ ผมก็กลายร่างเป็นคนเรียบร้อย ก็แหงล่ะ ผมเพิ่งจะเคยเจอเพื่อนมันอย่างเป็นทางการครั้งแรก จะให้ไปเสียมารยาทใส่ก็ไม่ใช่
ผมเดินเอาของไปวางไว้ที่ข้างเตียงไอ้หมี มองไปบนเตียงก็เห็นแต่ร่างโตๆ กำลังคลุมผ้าห่มอยู่ แหม…เมื่อกี้ยังนั่งดูบอลกับเพื่อนตาแป๋วอยู่เลย
“งั้นผมกลับแล้วนะครับ”
“เอ้อ เดี๋ยวสิ ยังไม่ได้รู้จักกันเลย นี่ว่านนะ ส่วนนั้นก็ต้า แล้วก็ไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องคนนั้นชื่อกล้วย” พี่คนที่ใส่แว่นดูท่าทางจะเป็นมิตรที่สุดแนะนำให้ผมรู้จักทุกคน
ผมก้มหัวให้ ก่อนที่จะหมุนตัวเตรียมจะออกจากห้อง แต่จู่ๆ พี่แว่นแกก็วิ่งมาดักหน้าผมเอาไว้
“เอ่อ พวกพี่ว่าจะลงไปหาข้าวกินว่ะ ไอ้สุขสันต์มันก็ป่วย หมอบอกอาการมันทรุด เจไดดูมันให้หน่อยนะ เดี๋ยวพวกพี่จะลงไปหาข้าวกินก่อน” พี่แกพูดเร็วๆ พูดเองเออเองเสร็จสรรพ โดยที่ผมไม่ทันได้ท้วงเลยสักคำ สุดท้ายแล้วผมก็ได้แต่ยืนงงๆ มองพวกพี่แกออกไปจากห้องจนหมด เหลือแค่ผมกับไอ้คนป่วยตัวโตสองคน
เฮ้อ...อะไรวะ นี่ไอ้หมีมันคบกับคนพวกนี้เป็นเพื่อนเหรอเนี่ย แปลกคนกันจัง
ผมหันกลับไปมองคนบนเตียง คุ้นๆ เหมือนฉากในหนูน้อยหมวกแดงเลย หมาป่าปลอมตัวมาหรือเปล่าก็ไม่รู้ หายใจดังชะมัด
“นี่” ผมเดินเข้าไปสะกิดขาคนป่วย “เฮ้ กูมาเยี่ยมอะ มึงไม่ต้องมาหลบ เมื่อกี้ยังนั่งดูบอลตาแฉะอยู่เลย” ผมเดินไปข้างเตียงก่อนจะดึงผ้าห่มออก เผยให้เห็นไอ้หมีควายกำลังนอนมองมาที่ผม หน้ามันซีดไปเยอะเหมือนกันแฮะ
“กินข้าวยัง” ผมเลือกที่จะถามมัน แต่ไอ้หมีมันก็ยังเอาแต่เงียบ
“เอ้าไอ้นี่ ทำไมปล่อยให้กูพูดคนเดียว เดี๋ยวกูกลับแล้วนะ”
โมโหแล้วนะเว้ยยย โมโหแล้ว พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย
“หนาว…” สุดท้ายมันก็พูดออกมาเบาๆ
ผมได้ยินมันบอกมาแบบนั้นก็มองหารีโมทที่วางอยู่ไม่ไกล ปรับแอร์ให้มันก่อนจะมานั่งข้างๆ
“หายยัง” ไอ้หมีส่ายหน้าน้อยๆ ผมมองเห็นผ้าห่มที่ดึงออกเมื่อกี้ก็เลยดึงขึ้นมาห่มให้มันคืนเหมือนเดิม ตอนนี้มันเหมือนหมีควายป่วยๆ ตัวหนึ่งในสวนสัตว์เลย “แล้วกินข้าวหรือยัง”
“กินแล้ว”
“มึงไปโดนมายังไง ไอ้เชื้อเนี่ย”
“ไม่รู้ ตอนแรกก็ปวดหัวเฉยๆ สักพักมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีแรง”
โหย…ดูหน้ามันตอนนี้ดิ ตอแหลปะเนี่ย
“ดีขึ้นยัง”
“ยัง ปวดหัว เจ็บคอ”
แหม่ ไอ้คนที่ดูบอลคนเมื่อกี้หายไปไหนวะ ทำไมเหลือแต่ไอ้ขี้โรคใกล้ตายนอนอยู่ตรงนี้ แหม!
“เมื่อกี้มึงเชียร์บอลไง”
“เปล่าเชียร์ นั่งดูเฉยๆ แค่กๆ!” มันพยายามจะแย้งกลับเลยทำให้ไอออกมา พอได้มาฟังเสียงไอจริงๆ ของมันแบบนี้ผมก็ชักสงสารมันขึ้นมาเลย ไอเหมือนจะเจ็บคอมาก หน้าก็แดง ผมเลยคว้าเอาแก้วน้ำอุ่นข้างๆ มายื่นให้มันกิน
“จะลุกขึ้นมาทำไมวะ” ไอ้หมีมันดื้อ พยายามยันตัวลุกขึ้นมานั่งจนได้ ผมเลยต้องรีบเข้าไปประคองมัน
“ไม่คิดว่าจะมา แล้วโทรไปทำไมไม่รับ”
“กูยุ่งไง ทำงานทั้งวัน” ผมตอบ พลางเอาแก้วน้ำไปวาง แต่ไอ้หมีก็ยื่นอุ้งตีนมาจับไว้ “จะมาจับมือทำไม ปล่อย!” ผมตกใจที่อยู่ดีๆ มันก็มาจับมือกันแบบนี้
คนเขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่ มึงมาเล่นจับมือกูแบบนี้ได้ไง ผิดผีหมด
“หนาว”
“หนาวแล้วมันเกี่ยวอะไรกัน”
“มือมึงอุ่น” มันตีเนียน ก่อนจะใช้มืออีกข้างมากุมเอาไว้
อยู่ดีๆ ผมก็ใจเต้นตึกตักขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไอ้บ้านี่...อะไรวะ
“ไม่เกี่ยว กูจับถุงแกงมา ปล่อยมือกูได้แล้ว” ผมพยายามที่จะดึงมือตัวเองออก แต่ไอ้หมีมันก็ยังไม่ยอมปล่อย ผมก็เลยปล่อยให้มันนั่งลูบมืออยู่อย่างนั้น
โอ้โห...สองมือมันคือมิดมือผมเลยว่ะ อะไรจะใหญ่ขนาดนั้น
“มือเล็กจังวะ...” มันบ่นงุบงิบ แต่ผมดันหูดีได้ยิน
ไอ้นี่! มือมึงต่างหากที่ใหญ่เกินชาวบ้านชาวเมืองเขา
“ปล่อยได้ยัง” ผมบอกไปแบบนั้นแต่มันก็ยังไม่ปล่อย พลิกมือผมไปมาเหมือนกำลังจะสังเกตุอะไรบางอย่าง ผมมองมันทำแบบนั้นโดยไม่ห้าม ไอ้หมีตอนนี้เหมือนมันจะแรงหายไปครึ่งหนึ่งเลย หน้าตาก็ดูโทรมมาก ผมใช้มืออีกข้างควานหากิ๊บที่ซื้อมาในถุง ก่อนจะติดไปที่ผมมัน ไอ้หมีชะงักแล้วมองผมทันที ติดตอนนี้แหละครับไม่งั้นรอมันมีแรงผมก็โดนตบหน้าแหกกันพอดี
“กูเห็นมึงชอบรำคาญผมตัวเอง ติดไว้ ออกโรงพยาบาลแล้วค่อยไปเล็มออกซะ” พอพูดเสร็จมันก็จ้องมองผมอยู่อย่างนั้น จนผมอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้
อะ..อะไรเล่า จะมาจ้องกันนิ่งๆ แบบนี้แล้วไม่พูดอะไรก็ได้เหรอวะ ทำอย่างนี้กูก็ไปไม่เป็นดิวะ
“จะ...จ้องกูทำไม”
“ไหนลองแทนตัวเองว่าเจไดสิ”
ว้อททท อะไรของมึงเนี่ย มามุขไหนอีก
“บ้ารึไง กูไม่ทำ”
“นะ”
“โน นอนลงไปเลย เลอะเทอะว่ะ” ผมผลักมันให้ล้มลงไปนอนเหมือนเดิม รอบนี้ทำสำเร็จเพราะไอ้สุขสันต์ไม่มีแรงจะมาสู้ผมได้ ผมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหน้าอกมันก่อนจะตบปุๆ
อื้อหื้อ ไอ้นี่มันจะแน่นทุกส่วนเลยรึไงวะ กูถามจริง
“เจได”
“เพ้อเจ้ออะไรอีก นอนก็นอนไป ไหนว่าปวดหัว อื้อๆ” เหมือนมันจะหมั่นไส้ผมอีกแล้ว ไอ้หมีใช้อุ้งตีนหน้าของมันมาบีบปากผมเอาไว้เบาๆ ก่อนจะส่ายไปมา
โอ้โห..รอบที่แล้วคือเล่นจมูกไปไม่พอ รอบนี้คือเล่นปากเล่นใช่ไหม ชักจะถึงเนื้อถึงตัวกูเกินไปแล้วนะ!
“โอ้ย อย่าจับดิ๊! จะโกรธแล้วนะ” ผมดึงมือมันออก และมองกลับไปด้วยสายตาดุๆ เผื่อมันจะกลัวบ้าง แต่ก็ไม่เลย มันเอาแต่นอนยิ้มอะไรของมันก็ไม่รู้
ลอยรึไง พี้มาเหรอมึงอะ หน้าตาน่ากลัวมากว่ะตอนนี้
“ยิ้มอะไร”
“ยิ้มก็ไม่ได้?”
“ไม่ชอบเวลามึงยิ้มอะ”
“พี่ชอบเวลาเจยิ้ม”
บรื้ออออ ขนลุก มึงจะมาพี่จะมาเจทำซากอะไรวะ คิดว่ากูจะเขินเหรอไง ไม่มีทางโว้ยยยย
“ยิ้มบ้ายิ้มบอ เลอะเทอะไปใหญ่แล้วนะมึงอะ” พอผมพูดออกไปแบบนั้น แทนที่ไอ้หมีจะเลิกยิ้ม มันดันยิ้มต่อ ยิ้มจนเห็นเขี้ยวสองข้าง ผมเคยชมมันไปรึยังนะว่าเวลายิ้มแล้วหน้าตามันดีขึ้นมาอีกร้อยเท่า แต่ตอนนี้คือต้องตัดด้วยกิ๊บสีชมพู อ้อ...อีกอย่างที่เพิ่งสังเกตุเห็น มันมีไฝใต้ตาเล็กๆ ด้วย
ไอ้หมีจับมือผมไปเล่นอีกรอบ ไอ้ครั้นจะดึงออกมันก็ไม่ยอมปล่อย นั่งยื้อยุดกันอยู่อย่างนั้นจนสุดท้ายผมก็ต้องปล่อยเลยตามเลย นั่งฟังมันบ่นเรื่องมือผมงุ้งงิ้งๆ อยู่อย่างนั้น ดูท่าทางมันจะชอบเล่นมือผมมาก เห็นมือผมเป็นของเล่นหรือไง
“นิ้วยาว”
“นิ้วมึงก็ยาว ยาวกว่ากูอีก”
“ทำไมข้อมือเล็ก” มันว่าก่อนจะกำรอบข้อมือผม
โอ้ย…กูกลายเป็นคนแคระไปเลยอะ
“มึงนั่นแหละ acromegaly”
“หืม?”
“โรคของคนที่ฮอร์โมนเกิน กระดูกใหญ่”
“ไม่ได้ใหญ่แค่กระดูก” มันว่าขึ้นมา ทำเอาผมงง ก่อนที่จู่ๆ สายตาของมันจะหลุบลงต่ำ ผมเผลอมองตามจนรู้ว่ามันหมายถึงอะไร
ทะลึ่งว่ะ! ผมใช้มืออีกข้างตีมันเสียงดัง มันก็เลยกึ่งหัวเราะกึ่งไอออกมา
“ทุเรศว่ะ”
“เจได”
“อะไร”
“พี่ง่วง” มันว่าก่อนจะดึงมือผมไปแนบแก้มตัวเอง พลิกเป็นตะแคงข้างก่อนจะนอนมองหน้าผมทั้งอย่างนั้น
ไอ้นี่ ใจกูกระตุกอีกแล้วเห็นไหม!
“ง่วงก็นอนดิวะ เอามือกูคืนมาได้แล้ว”
“ยืม”
ยืมก็บ้าแล้ว ปล๊อยยย จะกลับห้องไปดูหนังต่อแล้ววว
“เจได…”
“เออ!”
“เมื่อไหร่จะยอมเรียกว่าพี่สักที” มันหลับตาลงก่อนจะพูดออกมาแบบนั้น
ผมนั่งเงียบไปทันที เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่ยอมเรียกมันว่าพี่สักที แต่ก็ดูมันทำตัวดิ ทำแบบนี้แล้วจะให้ผมเรียกพี่ได้ยังไงกัน ชอบกดขี่ ชอบบังคับ เผลอๆ ก็ชอบดุอีก ใครมันจะไปดีด้วยได้ถามจริง อยากให้คนอื่นเขาเรียกพี่ก็ทำตัวให้มันน่าเรียกหน่อยดิวะ ทำแบบนี้แล้วใครเขาจะเรียกลง ฮึ่ย!
นั่งไปสักพัก ผมก็รู้สึกได้ว่าไอ้หมีควายมันหลับไปแล้ว พอมาเป็นไข้แบบนี้ดูท่าทางมันจะหลับง่ายกว่าปกติ เสียงลมหายใจของมันดังสม่ำเสมอ ผมค่อยๆ ดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนตัวโต ก้มมองดูหน้าตอนหลับ ผมลองใช้มือสัมผัสอุณหภูมิจากตัวมัน แต่ก็เผลอจับหน้ามันเอาไว้นิ่งๆ แบบนั้น ใช้นิ้วโป้งสัมผัสโหนกแก้มแล้ววนไปมา จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนมีกระแสอะไรสักอย่างวิ่งจากปลายนิ้วมือเข้าสู่ร่างกาย ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น โลกหมุนเร็วหรือว่าน้ำขึ้นน้ำลง หรือจะเป็นแรงโน้มถ่วง สัมพัทธภาพอะไรก็แล้วแต่ ผมถึงรู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้หน้ามันเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีผมก็ห้ามตัวเองตอนนี้ไม่ทันแล้ว
…ผมหอมแก้มสุขสันต์
ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น รู้แค่ว่าจู่ๆ ก็เผลอทำลงไปแล้ว
ผมรีบวิ่งออกมาจากโรงพยาบาลด้วยใบหน้าแดงๆ แบบนั้น มองเห็นหน้าตัวเองผ่านกระจกลิฟต์ก็แทบช็อกกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป
ผมหอมแก้มสุขสันต์ ไอ้หมีห้อง 305 คนที่ชอบดุ คนที่ชอบบังคับผม คนที่เป็นผู้ชาย!
ใจผมเต้นแรงมากจนกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไป ผมรู้สึกเหนื่อยมากกับแค่การลงจากตึกมาขึ้นรถแท็กซี่ นั่งกุมหัวใจตัวเองมาตลอดทาง ต่อให้เหตุการณ์น่าอายแบบนั้นจะผ่านมาแล้ว แต่ผมก็ยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าผมจะกล้าทำอะไรแบบนั้นลงไป ผมหอมแก้มผู้ชายด้วยกัน ผมแอบฉวยโอกาสตอนที่มันหลับอยู่
โอ้ย แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปซุกไว้ไหน อายว่ะ อายมากๆ
ผมกลัวว่าถ้าเกิดไอ้สุขสันต์มันรู้เรื่องนี้ ถ้ามันรู้ว่าผมทำอะไรลงไป ถ้ามันรู้... มันยังจะดีกับผมอยู่ไหม หรือมันจะเกลียดผมไปแล้ว โอ้ย...ไม่ได้ จะให้มันรู้ไม่ได้
ท่องไว้ๆ มันหลับอยู่ ในห้องนั้นก็ไม่มีใคร เก็บเป็นความลับไอ้นะไอ้เจ!
หรือว่าไอ้การที่หัวใจผมเต้นแรงขนาดนี้มันอาจจะเป็นตัวพิสูจน์วะ
...ว่าจริงๆ แล้ว ผมต่างหากที่อาจจะเป็นคนชอบมันเสียเอง
TBC.
#ข้างห้อง305
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

me:รูดก้านมะยมรอเลยยยยยย
ฉันว่าอิพี่ไม่หลับ!!
เข้าทางพี่หมีเลย