ตอนที่ 6 : พระพายใส่เอี๊ยม : CHAPTER 05 พบแสงสว่างทางธรรม [100%] รีไรท์
5
พบแสงสว่างทางธรรม
“โห่ไอ้พระพาย! อมพระมาพูดกูก็ไม่เชื่อ หน้าอย่างมึงเนี่ยนะโดนข่มขืน สมยอมมากกว่า!”
“โอ้มายก๊อด!!!”
“ในเมื่อมึงไม่ชอบก็ดูอยู่ห่างๆ ถ้าอยากดูแลลูกก็ดูแลไป แต่ไม่ใช่ในฐานะพ่อ”
“ไม่ได้เว้ย กูต้องเป็นแด๊ด”
“อ้าวไอ้ห่า! มึงไม่ได้ชอบจะไปเป็นสามีเขาทำไม” ไอ้วิณณ์ชักสีหน้าใส่ มองผมเหมือนเด็กน้อยพูดไม่รู้เรื่อง
“มันเป็นสิทธิ์ของกู ในเมื่อเรามีอะไรกันถึงขั้นมีลูกแล้ว ก็ต้องเป็นสามีภรรยากันสิ”
ผมไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิด หางคิ้วไอ้วิณณ์ถึงได้กระตุกเป็นพักๆ แล้วมุมปากก็ยกขึ้นอย่างไม่น่าไว้ใจ ดูต่างจากไอ้กระต่ายน้อยเมื่อหลายปีก่อนลิบลับ หรือเชื้อมาเฟียแก๊งค์กิเลนดำจะเป็นโรคติดต่อได้วะ
“ปากมึงบอกไม่ได้ชอบ แต่กูดูก็รู้ว่ามึงอยากได้น้องเขา”
“มึงจะรู้ดีเกินไปแล้วนะ”
“มึงก็ลองจีบเอี๊ยมดูสิ”
“จีบ? จีบเมียตัวเองเนี่ยนะ”
“อ้าว เมียแบบวันไนต์แสตนด์มันจะไปเทียบอะไรกับเมียทั้งชีวิตวะ มึงเรียกเขาว่าเมียเนี่ย มึงรักเขาหรือเปล่า? ก็ยัง เพราะฉะนั้นลองจีบเขาดู เผื่อเกิดรักเกิดหลงเขาขึ้นมาจริงๆ จะได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์”
ผมนิ่งไปกับข้อเสนอแนะของเพื่อน ผมยังไม่ได้ชอบเอี๊ยม ถ้าได้ลองจีบอาจจะชอบก็ได้
“แล้วถ้าเด็กนั่นไม่ชอบกูล่ะ กูไม่อยากอกหักรักคุดนะเว้ย ถ้าจีบแล้วชอบขึ้นมาจริงๆ แต่ฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วย กูก็หงอยสิ ไม่เอาหรอก!” ผมส่ายหน้าจนคอแทบหลุด ไอ้วิณณ์มีท่าทีขบขัน
“มึงไม่มั่นใจในเสน่ห์ตัวเองหรือไง”
“ไม่มั่นใจตั้งแต่รู้ว่าเธอท้องแล้วไม่ยอมติดต่อกูนี่แหละ” ผมอ่อนใจจริงๆ “ไม่แน่นะ ยัยนั่นอาจจะมีคนรักแล้วเลยไม่ยอมให้กูรับผิดชอบ หึ!”
“มึงถามเขาหรือยัง”
“ยัง”
“อย่ามโน! เท่าที่กูรู้มาเอี๊ยมยังไม่มีแฟน แต่มาคิดๆ ดูแล้วกูก็เคยคิดว่าอาร์คหน้าตาเหมือนมึง ไม่น่าเชื่อ มึงนี่เองไอ้ลูกหมาที่ไอ้เอชสาปแช่งอยู่ทุกวัน แต่มึงคงยังไม่ถึงฆาตถึงได้มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ หรือไม่นรกก็คงไม่อยากได้ตัวมึงเพราะบาปหนาเกิน”
ผมจ้องหน้าไอ้เพื่อนเวรตะไลอย่างไม่พอใจ มันไหวไหล่แล้วหยิบขนมไปเคี้ยวเล่น
“เรื่องนี้กูไม่บอกไอ้เอชแน่ แต่กูขอยืนยันให้มึงไปจีบน้องเขา ยังไงก็มีลูกกันแล้ว ถ้าจีบติดประตูวิวาห์อยู่แค่เอื้อมนะเว้ย” ดูมันจะรู้ว่าผมอิจฉาที่มันมีครอบครัวสมบูรณ์ไปแล้ว
เฮ้อ... พูดน่ะมันง่ายนะเว้ย ถ้าเอี๊ยมเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไปก็คงจีบง่าย
“โอเค! กูจะงัดเอาทุกกระบวนท่ามาใช้เลย ด้อนท์วอรี่ มึงไม่ต้องห่วงกูตะ...”
“แค่ก! เดี๋ยวๆ” ไอ้วิณณ์รีบยกมือขึ้นขัดจังหวะ สำลักขนมแทบติดคอตายกันเลยทีเดียว “แค่กๆ กูให้มึงปะ...ไปจีบ ไม่ใช่ให้ไปจุดจุดจุด”
“ก็เนี่ยวิธีจีบของกู” ผมบอกหน้าซื่อตาใส นอกจากพิมมี่ผมไม่เคยต้องจีบใครนานเลย แค่ชวนขึ้นเตียง ทำสักสองสามท่าก็ถือว่าจีบติดแล้ว
“งั้นไม่ต้องจีบละ กูไม่อยากโดนไอ้เอชเฉ่งกะบาล”
“ไม่ได้ กูจะจีบ! มึงมายุยงส่งเสริมแล้วจะคืนคำทีหลังได้ไงวะ”
“ไอ้เหี้ยพระพาย วิธีจีบของมึงแม่งไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา” ไอ้วิณณ์ทำหน้าปวดสมองอย่างหนัก
“แล้วมึงเคยจีบนิต้าหรือไง กูเห็นแต่นิต้าตามจีบมึงงกๆๆ”
“กูก็เคยจีบอัลญ่าปะวะ”
“จีบแบบเด็กๆ น่ะนะ กูไม่เอาด้วยหรอก อย่างกูต้องแบบโปรเฟชเชอนอลเว้ย! จีบทีเสียวแซ่บทรวง”
“กูชักสงสารเอี๊ยมแล้วสิ ไม่น่ายุมึงเลย กูลืมไปได้ยังไง ในสมองมึงมีแต่เรื่องใต้สะดือ ไม่แปลกใจที่คิดอะไรไม่ได้จนต้องมาขอความช่วยเหลือแล้วยอมเล่าทุกอย่างให้กูฟัง” พูดจบก็ส่ายหน้าทอดถอนหายใจ ผมกอดอกพิงหลังกับเก้าอี้มองมันอย่างซึ้งใจ
“หึๆ ขอบใจมากเพื่อน กูพบทางสว่างละ”
“อย่าบอกใครนะว่ากูแนะนำ ขอร้อง”
“แล้วแต่สถานการณ์เว้ย!”
ไอ้วิณณ์ได้แต่ทำหน้าละเหี่ยใจ ก็แค่จีบผู้หญิงคนหนึ่ง จะต้องใช้สักกี่ท่าล่ะ พระพายคนนี้ไม่หวั่นอยู่แล้ว เอี๊ยม... พระพายจะ ‘ใส่เอี๊ยม’ ให้ดู
[IAM : TALK]
หวังว่าเขาจะรักษาคำพูด...
ฉันมองหน้าลูกน้อยที่นอนหลับข้างกายด้วยความรัก แม่ขอโทษนะลูก...
แม่ไม่อยากดึงใครมาเดือดร้อน เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะแม่คนเดียว
“มีแค่เอี๊ยมก็พอแล้วเนอะอาร์ค” ฉันลูบใบหน้าเล็กเกลี้ยงเกลาอย่างเอ็นดู
ลูกรัก...
ฉันไม่ได้อยากทำตัวเป็นนางเอกในละคร ไม่ได้ทะนงตนอย่างที่พี่พระพายบอก แต่ฉันทำเพื่อความสุขของทุกคน เราสองคนไม่ได้รักกัน จะเอาคำว่า ‘รับผิดชอบ’ มากักขังอิสรภาพและความสุขชั่วชีวิตไว้ทำไม ยิ่งเขาแสดงความรับผิดชอบ ฉันยิ่งทำตามที่เขาต้องการไม่ได้
ทุกอย่างมันเป็นความผิดพลาด แต่ท่ามกลางมรสุมก็ยังมีเรือลำน้อยๆ อย่างอาร์คที่ช่วยฉันไว้ ฉันยิ้มได้ก็เพราะมีลูก
“แกเป็นไรไปเอี๊ยม?”
ฉันสะดุ้งเมื่อเอชมายืนอยู่ตรงประตูห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ถามขึ้น ฉันรีบซ่อนสีหน้าคิดหนักแล้วหันไปยิ้มบางๆ ให้พี่ชายตัวเอง
“เปล่านี่”
“เหรอ ฉันเห็นแกจ้องหน้าไอ้อาร์คตั้งนาน ทำไม คิดถึงพ่อมันอยู่เหรอ จนป่านนี้แกไม่คิดจะบอกความจริงหรือไง มันเป็นใคร?” เอชทำหน้าขึงขัง วางท่าเป็นพ่อคนที่สอง แต่บอกเลยฉันไม่เคยกลัว มีแต่ความเสียใจที่ทำให้เขาผิดหวังในตัวน้องสาวคนเดียว
“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นใครก็ไม่รู้”
“แกมีอะไรกับใครไม่รู้เนี่ยนะ เชื่อตาย”
“...”
“โอเค ไม่บอกก็ไม่บอก แต่รอให้อาร์คมันโตก่อนเถอะ แกเตรียมคำแก้ตัวดีๆ ไว้ให้ลูกก็แล้วกัน” เอชเหลือบมองร่างเล็กอย่างเห็นใจ “ไอ้อาร์คหลับแล้วก็ลงไปข้างล่างทำอะไรให้กินหน่อย หิว”
ฉันกลอกตามองบนแล้วลุกขึ้นจากเตียง ดึงผ้าห่มคลุมร่างเล็กป้อม มองอยู่สักพักก่อนจะเดินลงมาชั้นล่าง แต่แล้วต้องชะงักกึกเมื่อเห็นแขกที่ไม่อยากเจอมากที่สุดนั่งเท้าคางจ้องมองมาทางบันไดจากโซฟาห้องรับแขก แววตาของเขานิ่งจนดูไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน
พี่พระพาย!
“ทำเผื่อไอ้พระพายด้วยนะ วันนี้มันจะมานอนที่นี่”
“นอนที่นี่?” ฉันทวนงงๆ แล้วละสายตาจากพี่พระพายมามองพี่ชายตัวเอง
“อืม มีปัญหาอะไร มันนอนห้องฉันได้”
“ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้น”
“แล้วแกกังวลเรื่องไหน ทำอย่างกับฉันไม่เคยมีเพื่อนมาค้างบ้านด้วย ไอ้ยูโนว์ก็เคยมา ไอ้เคนยิ่งมาถี่ แต่ช่วงนี้มันติดงานต่างจังหวัด” จริงอย่างที่เขาบอก หลังจากเรียนจบเพื่อนๆ ของเขามักจะมาค้างที่บ้านบ่อยๆ แต่พวกนั้นไม่ใช่ปัญหาของฉันเหมือนอย่างผู้ชายคนนี้เสียหน่อย “แกมีปัญหาอะไรกับไอ้พระพาย?”
“ปะ...เปล่า ฉันจะมีปัญหาอะไรกับเขาได้” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เอชเลิกคิ้วเล็กน้อย
“นั่นสิ ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร แต่ท่าทางแกแปลกๆ ไม่สบายปะเนี่ย”
“ฉันไปทำอาหารก่อนนะ ถ้าหิวจนรอไม่ไหว โน่น! ปากซอย” ฉันทำหน้ามู่ทู่ใส่ เอชเงียบปากพรึ่บแล้วเดินไปหาเพื่อนเขา
ใช้เวลาไม่นานก็ทำอาหารเย็นเสร็จ ฉันนำอาหารสามอย่างมาวางบนโต๊ะแล้วจัดการตักข้าวสวยร้อนๆ เสิร์ฟให้คุณชายของบ้านกับเพื่อนที่นั่งรออยู่แล้ว
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ จนกระทั่งฉันวางจานข้าวลงตรงหน้าพี่พระพาย เขาเงยหน้าขึ้นมองฉันแล้วกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ทำให้ฉันขนลุกซู่และหยุดชะงักการกระทำ เอชที่กำลังพูดอย่างเมามันหยุดกึกแล้วมองฉันด้วยความสงสัย ฉันรีบเดินไปที่บันไดเพื่อขึ้นไปหาลูกชายที่ห้อง
โธ่เอ้ย ประสาทจะกินหัว เขายิ้มทำไม?
ฉันปลุกลูกชายลงมากินข้าว แม้จะยอมตื่นแต่เจ้าตัวเล็กก็ยังคงงัวเงีย จะหลับแหล่มิหลับแหล่อยู่บนเก้าอี้ประจำ มือเล็กๆ กำช้อนพลาสติกแน่น ตักข้าวเข้าปากไปหนึ่งคำก็หยุดนั่งสมาธิ จนกระทั่งหัวเอนหล่นก๊อกค่อยสะดุ้งลืมตาขึ้นมาเคี้ยว ดวงตาเรียวยาวสีดำวาววับเหมือนลูกแก้วหันมามองฉันเพราะรู้ตัวว่าจะโดนดุ ก่อนจะส่งยิ้มหวานแก้ตัว ก็มัวแต่เล่นไม่ยอมนอน พอค่ำมาก็ดันง่วงซะงั้น
ปากเล็กๆ ขยับตามจังหวะการเคี้ยวก่อนจะอ้าปากหาวทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก ฉันหัวเราะแล้วยกมือปิดปากนั่นไว้
“จะนอนหรือจะกินครับ?”
“กินฮะ”
“งั้นก็กินให้หมดก่อนค่อยไปนอนเนอะ”
อาร์คหัวเราะคิกคักทั้งตาปรือแล้วตักข้าวเข้าปากอีกคำ ตลอดเวลามีสายตาของพี่พระพายจ้องมองอยู่ทำให้รู้สึกเกร็ง แต่ในเมื่อเขารับปากแล้ว ฉันก็จะเชื่อ
ภายหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ลุงกับหลานก็พากันไปนั่งจมปลักอยู่หน้าทีวีตรงตำแหน่งประจำ ลูกชายฉันหายง่วงไปเฉยๆ ซะอย่างนั้นเพราะหนังสือไดโนเสาร์ที่ลุงซื้อมาฝาก ได้ยินเสียงสนทนาดังแว่วมาเรื่อย
“ทำไมตัวนี้ขาหน้ามันเล็กกว่าขาหลัง”
“มันเดินสองขาฮะ ขาหน้าไม่ได้ออกกำลางกาย มันเลยลีบ เอิ้กๆ”
“ไดโนเสาร์โปลิโอสินะ ฮ่ะๆ มันชื่ออะไร?”
“ไทแล่น... ไทแลน... ไทแลนโนซอลาด เลียกสั้นๆ อย่างเท่ห์วะว่า ทีเล็กฮะ หัวมันใหญ่มากเลยนา แล้วมันก็... ก็กินเนื้อเป็นอาหาร อ๊ากชอบมันมากเลย อ๊ากยะ...อยากเป็นอยากเป็นทีเล็ก อ๊างๆ”
“เป็นพันธุ์ดุยิ่งกว่าหมาเลยนะหลานกู ...แล้วไอ้คอยาวๆ นี่มันชื่ออะไร?”
“นี่อะแพโทซอลาด!” (อะแพโทซอรัส)
“เก่งจริง แต่ลุงไม่เชื่อหรอกว่าแกจะจำได้หมด แล้วไอ้ตัวที่มีหางเหมือนปลาล่ะ”
“...โม...โม...โมซาซอลาด!” (โมซาซอลัส)
“จำได้ไงวะ”
“เอิ้กๆ” ลูกชายฉันหัวเราะอย่างชอบใจ ฉันลอบยิ้ม อาร์คสนใจไดโนเสาร์ยิ่งกว่าอะไร ความจำของเด็กดีจะตายไปเพราะไม่มีเรื่องอะไรในหัวเยอะ “โมซาซอลาดเป็นไดโนเสาร์ที่ยิ่งยายที่โสดนายทะเลเลยนะลุงเอ็ด ฟานมานแหลมคมมาก กินฉาหลามเป็นอาหารด้วย อ๊ากอยากมี อยากมีฟานแหลมๆ แบบโมซาซอลาดจัง”
“ฮ่าๆ ไหนลองกัดลุงดูสิ ฟันไม่กี่ซี่ของแกคงทำอะไรลุงได้หรอกนะไอ้อาร์ค ไอ้เด็กน้อย” ฉันหัวเราะออกมา ไม่น่าท้าหลานเลยนะเอช ไม่นานก็ได้ยินเสียงผู้ชายตัวโตแหกปากลั่นบ้าน “อ๊าก!!!”
สมน้ำหน้าจริงๆ
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
“!” ฉันสะดุ้งขณะที่กำลังล้างมือหลังจากล้างจานเสร็จแล้ว พี่พระพายมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ฉันปิดก๊อกน้ำแล้วหันไปมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“ไปคุยกันข้างนอก”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยค่ะ”
“เฮ้ ลิสซึน! อยากให้ไอ้เอชมันรู้หรือไง” เจอคำขู่แบบนี้เข้าไปฉันก็ปิดปากเงียบ ได้แต่เดินนำเขาออกไปข้างหลังบ้านทางประตูครัว พี่พระพายตามมาแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงสบายๆ ฉันสงสัยจริงๆ บ้านเขาไม่มีให้กลับหรือไง ถึงได้คอยวนเวียนอยู่ที่นี่นัก นึกว่าเป็นสัมภเวสีวิญญาณเร่ร่อนเสียอีก
“ว่ามาสิคะ” ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด สายตาไม่น่าไว้วางใจของพี่พระพายกวาดมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า สร้างความปั่นป่วนจนลมหายใจติดขัด
บ้าจริง! รู้ตัวว่าหล่อก็กรุณาเก็บเสน่ห์ของตัวเองไว้ใช้กับสาวคนอื่นเหอะ แม่ลูกหนึ่งอย่างฉันไม่มีวันใจอ่อนหรอก!
“เธอมีคนรักหรือเปล่า?”
ฉันชะงักไปอย่างมึนๆ งงๆ กับคำถามที่ไม่มีปี่มีขลุ่ย รู้สึกแปลกๆ
“พี่ถามทำไมคะ”
“ฉันถามก็ตอบมาเถอะน่า ตกลงมีหรือไม่มี” เพื่อนพี่ชายฉันทำท่าอารมณ์เสีย และเขาก็ไม่ใช้คำแทนตัวว่า ‘พี่’ อีกแล้ว อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้
“ไม่มีค่ะ”
พี่พระพายทำหน้าพออกพอใจ ยิ้มกว้างอย่างกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง แต่ถึงถูกจริงก็คงไม่ดีใจหรอก เพราะฐานะทางบ้านของเขาเข้าขั้นมหาเศรษฐีเลยล่ะ
“ดี”
“คะ?” ฉันเลิกคิ้วมองเจ้าของร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ พี่พระพายยิ้มอย่างน่ากลัวแล้วชี้หน้าฉันจนสะดุ้งอีกครั้ง
“เพราะเธอ! เป็นเมียของฉัน”
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “พี่พูดอะไร!”
“ฉันพูดอะไรผิดไม่ทราบ” เขาเลิกคิ้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะหัวเราะหึๆ หัวใจฉันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เราพูดกันเมื่อตอนกลางวันไม่เข้าหัวเขาเลยใช่ไหม ก็จำได้ว่าพูดภาษาไทย ถ้าเขาไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
“พี่คะ ฉันว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ”
“ฉันมีสิทธิ์ในตัวอาร์คเต็มที่ และมีสิทธิ์ในตัวเธอด้วยเพราะเธอเป็นเมียฉัน เอี๊ยม เธอจะคบกับฉันไหม?”
“วะ...ว่าไงนะคะ นี่พี่จะบ้าเหรอ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องการความรับผิดชอบ พี่ไม่ต้องมายุ่งกับฉันและลูก ถ้าเป็นไปได้อย่ามาที่นี่อีก” ตอนนี้หัวใจฉันเต้นแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่แล้ว บ้าที่สุด! ทำไมเขาไม่เข้าใจเนี่ย จู่ๆ มาขอฉันคบเนี่ยนะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบงั้นเหรอ อยากทำตัวเป็นสุภาพบุรุษมากเลยหรือไง
พี่พระพายเม้มปากแน่นก่อนจะยิ้มเยาะเหมือนไม่เห็นคำพูดฉันอยู่ในสายตา
“ที่นี่บ้านเพื่อนฉัน ฉันจะมา! อ้อ บ้านเมียและลูกฉันด้วย”
ฉันกำหมัดแน่น จ้องเขาอย่างไม่พอใจ “พี่อย่ามาพูดบ้าๆ นะ!”
“เรารู้อยู่แก่ใจเอี๊ยม ด้อนท์วอรี่ ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ฆ่าตัวเองทางอ้อมด้วยการบอกไอ้เอชหรอกว่าเป็นพ่ออาร์ค เชื่อเถอะ มันเอาอีโต้มาฟันคอฉันได้โดยไม่เสียใจสักนิด ด้อนท์แคร์สุดๆ แต่ฉันไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ เตรียมตัวไว้ให้ดีเอี๊ยม เธอสลัดฉันไม่พ้นหรอก ยังไงฉันก็ผัวเธอ”
“ผู้ชายน่าเกลียด!” ฉันว่าเขาอย่างอดไม่อยู่ ปกติฉันไม่เสียมารยาทกับเพื่อนพี่ชายหรอกนะแม้จะปากเสียกัดแขวะกันตลอด แต่กับคนนี้ ทำไมเขาถึงได้ไม่เข้าใจอะไรเลย แถมยังดื้อด้าน!
“เธอสิน่าเกลียด คิดจะฮุบลูกไว้คนเดียว”
“อาร์คเป็นลูกฉันคนเดียว” ฉันกางแขนปกป้องลูกน้อยเต็มที่ ไม่ยอมให้ใครมาพรากแกไปจากฉันแน่ พี่พระพายท่าทางควันจะออกหู
“น้อยๆ หน่อยแม่คุณ ถ้ามีแค่เธอลูกเหรอจะเกิดมาได้ มันต้องอาศัยอสุจิจากพ่อพันธุ์ดีอย่างฉันด้วยเว้ย”
ฉันเป็นฝ่ายควันออกหูบ้าง “แน่ใจเหรอว่าพ่อพันธุ์ดี”
Talk : 2 อะไรนะ ดับเบิ้ลเอ! เอาความคิดที่ไหนมาไม่ทราบ
ต้องถามว่าพ่อแม่ทำยังไงแกถึงได้ออกมาไร้สาระแบบนี้มากกว่านะพระพาย
มาจนถึงตอนนี้ ยังหาสติแกไม่ได้เลย
แหะๆ ชอบพระพาย รักพระพาย กดโหวต กดไลค์ กดแชร์
ติดตามเพจด้วยนะคะ ข่าวสารใหม่ๆ >O<
Talk : โธ่ๆ เอี๊ยม ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าเขาจ้องจะใส่อยู่
ต๊าย ใส่ความหมายอีพระพาย มันจะเหมือนอย่างคนอื่นคิดไหมนะ แหะๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อยากให้เอชรู้จริงจิ๊งว่าใครเป็นพ่ออาร์ค
ไม่เคยมีสาระเล๊ย
ดับเบิลA มันคือกระดาษA4 แกเป็นกระดาษ A4 รึพระพาย