ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaRyu , NakaYama] Love ~Thank you~ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 305
      1
      20 ก.ค. 55

     

    ตอนที่ 11

    ท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยกลุ่มนักเรียน ม.ต้น ท่ามกลางดอกซากุระที่โปรยปรายต้อนรับวันเปิดเทอมใหม่  เคโตะในวัย 12 ขวบเดินไปตามทางนั้นคนเดียวอย่างประหม่าเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาเรียนเป็นวันแรก

    กลุ่มนักเรียนปีสามกลุ่มหนึ่งวิ่งมาทางเคโตะอย่างรวดเร็ว  เคโตะเดินหลบแต่ไม่พ้น  หนึ่งในนั้นวิ่งชนเขาอย่างแรงจนล้มลงกว่าจะตั้งสติได้พวกนั้นก็วิ่งไปไกลแล้ว  เคโตะดันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วพบว่าแขนถลอกเป็นแผลใหญ่จากการล้มเมื่อสักครู่  เคโตะเก็บกระเป๋าขึ้นมาแล้วเดินไปนั่งที่ข้างทาง  เขาค่อยๆ เลิกแขนเสื้อขึ้นเพื่อดูแผลของตัวเอง

    “ใช้นี่ปิดแผลไว้ก่อนสิ  เดี๋ยวฉันจะพาไปห้องพยาบาล”  เด็กชายคนหนึ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขา  เคโตะเงยหน้าขึ้นมองรู้สึกเกรงใจเด็กคนนี้ขึ้นมา  เด็กคนนั้นนั่งลงข้างๆ  “ฉันชื่อ นากาจิม่า  ยูโตะ  เป็นเด็กใหม่เหมือนนายนั่นแหละ  ไม่ต้องเกรงใจหรอกยังไงก็ต้องเรียนที่เดียวกันอยู่แล้ว”  ยูโตะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

    เคโตะยังไม่พูดว่าอะไรอีกทั้งยังไม่รับผ้าเช็ดหน้ามาด้วย  ยูโตะรำคาญจึงดึงแขนเคโตะมาแล้วผันแผลนั้นให้อย่างเบามือ

    “ฉันอยู่แถวนี้มาตั้งแต่เด็กแต่ฉันไม่เคยเห็นหน้านายเลย  นายเพิ่งย้ายมาเหรอ”

    เคโตะส่ายหน้า  “เปล่าหรอก  แต่ฉันเรียนประถมอยู่โรงเรียนชิโระ  อยู่คนละทางกับที่นี่น่ะ”

    ยูโตะพยักหน้า  “มิน่าถึงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน  ว่าแต่นายชื่ออะไร”

    “โอคาโมโตะ  เคโตะ”  เคโตะตอบเรียบๆ

    ยูโตะชะงักไปเมื่อได้ยินชื่อนั้น  “นายบอกว่านายชื่ออะไรนะ”

    “โอคาโมโตะ  เคโตะ  ทำไมเหรอ”

    ยูโตะยิ้ม  “เปล่าหรอก  แต่ฉันมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อเคโตะเหมือนนายนี่แหละ  เขาเกิดก่อนฉันไม่กี่เดือนหรอกเพราะเราคนละแม่กัน  แต่แม่ฉันไม่อยากเข้าไปวุ่นวายกับบ้านใหญ่ก็เลยออกมาอยู่ตามลำพัง”

    เคโตะพยักหน้ารับรู้  “งั้นเหรอ  แย่จังนะ”

    ยูโตะยักไหล่  “ก็ไม่แย่เท่าไร”  เขาเล่าต่อ  “ถึงจะเป็นอย่างนั้นพ่อก็มาหาพวกเราบ่อยๆ นะ  ทั้งยังส่งเงินมาให้ด้วยแม้ว่าแม่จะเลี้ยงฉันได้ก็เถอะ  แต่พ่อก็ยังยืนยันจะส่งเสียเราอยู่ดี”  ยูโตะหัวเราะ  “ขอโทษนะที่เล่าให้ฟัง  ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันแท้ๆ นายคงรำคาญใช่มั้ย”

    เคโตะส่ายหน้า  “ไม่หรอก  ฉันเป็นลูกคนเดียว  แม่กับพ่อก็รักกันมากๆ ด้วย”

    ยูโตะยิ้มกว้าง  “ดีจัง  ฉันเองก็อยากเจอพี่ชายสักครั้งเหมือนกัน”

     “ไม่ได้เจอกันเหรอ  พ่อมาเยี่ยมทุกเดือนไม่ใช่หรือไง”  เคโตะถามอย่างแปลกใจ

    ยูโตะหัวเราะ  “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ชายฉันรู้หรือเปล่าว่ามีฉันเป็นน้องอยู่”

    เคโตะนิ่งคิด  เหมือนจะรับรู้ความรู้สึกเศร้าสร้อยที่แฝงออกมาจากน้ำเสียงของยูโตะได้  “น่าแปลกจัง”

    “ไม่แปลกหรอก”  ยูโตะหันมามองเคโตะ  “นายอยากมีน้องมั้ย”

    “หา?”

    “ไหนๆ นายก็ชื่อเหมือนพี่ชายฉัน  ขอฉันเรียกนายว่าพี่ได้หรือเปล่า”  เคโตะตกใจที่จู่ๆ เด็กที่เพิ่งรู้จักกันก็มาทำตัวสนิทสนมกันขนาดนี้  แล้วจะให้เรียกพี่อีกมันก็แปลกๆ ยังไงไม่รู้  ยูโตะยิ้มเข้าใจ  “ขอโทษนะที่ทำให้ลำบากใจ  ฉันก็แค่คิดว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ถ้านายไม่รังเกียจ”

    เคโตะส่ายหน้า  “ไม่หรอก  แต่จะให้นายเรียกพี่มันก็...  แปลกๆ นะ”

    “แปลกอะไรล่ะมันดีซะอีก”  ยูโตะยิ้ม  “ฉันเรียกนายว่าพี่แล้วกันนะ  พี่เคโตะ”

    --------------------------------------------------------------------------

     

    เคโตะสะดุ้งตื่นขึ้น  นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่ม  นี่เขาเผลอหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย  เคโตะลุกขึ้นเก็บเอกสารบนโต๊ะก่อนจะปิดไฟแล้วเดินออกไปที่รถ  เขานึกถึงความฝันเมื่อสักครู่  ยูโตะรู้ความจริงมาโดยตลอดแต่ไม่เคยบอกเขาเลย  พี่ชายที่ยูโตะเล่าให้ฟังจริงๆ ก็คือตัวเขา  ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้แค่นี้แต่เขาก็ไม่เคยนึกเอะใจเลยสักครั้ง  ทำไมกัน  เพื่อนที่เขาไว้ใจที่สุดกลับทรยศกันได้

    เคโตะฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถเพื่อระงับอารมณ์  เขาจำต้องแย่งเรียวสุเกะมาให้ได้เพื่อจะได้หายแค้น  คนพวกนั้นจะได้รู้ซะบ้างว่าการสูญเสียคนที่รักนั้นเป็นยังไง  แต่เมื่อความคิดนั้นเริ่มเข้าครอบงำ  รอยยิ้มของเรียวสุเกะก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำราวกับจะต้านทานความคิดนั้นไว้  เคโตะร้องไห้เพราะความสับสนที่เกิดขึ้น  เขาพูดกับตัวเองเบาๆ  “ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้”  เคโตะสะอื้นไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น  “ฉันทำให้ยามาดะร้องไห้ไม่ได้”

     

    เคโตะเดินเข้าบ้านด้วยอาการมึนเมาแต่ยังคงครองสติได้บ้าง  เขาค่อยๆ พยุงตัวเองเดินขึ้นบันไดพอถึงเตียงก็ล้มตัวลงนอนทันที

    ริวทาโร่เดินตามหลังเคโตะอยู่ห่างๆ  เพราะเคโตะยังไม่กลับบ้านทำให้เขานอนไม่หลับจึงอาสารอเคโตะแทนยูมิโกะเอง  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้นึกห่วงเคโตะนักทั้งๆ ที่เคโตะเองก็ไม่คิดจะสนใจเขาเลยสักนิด  ริวทาโร่ค่อยๆ แง้มประตูเปิดออกเห็นเคโตะนอนอยู่บนเตียงไม่รู้ว่าหลับหรือยัง  เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างแผ่วเบาแล้วเดินตรงไปยังเตียงที่ร่างสูงนอนอยู่  เคโตะหลับไปแล้ว  ริวทาโร่ขมวดคิ้วพลางใช้ความคิด  ดึกป่านนี้ยังจะกินเหล้าอีก

    ริวทาโร่กลับเข้ามาในห้องเคโตะอีกครั้งพร้อมชามน้ำอุ่นใบเล็กและผ้าที่บิดหมาดๆ เขาวางมันไว้บนโต๊ะข้างเตียงเพื่อจะเช็ดตัวเคโตะได้สะดวก  เขาสูดหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้าและลดความตื่นเต้นที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงได้เต้นแรงขนาดนี้  ริวทาโร่ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของเคโตะออกด้วยมือที่สั่นเทา

    หมับ!

    ริวทาโร่ตกใจที่จู่ๆ เคโตะก็จับมือเขาไว้แน่น  กระดุมก็ยังปลดไม่หมดอีกทั้งเคโตะก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสงสัยคงละเมอ  เขาพยายามดึงมือออกแต่ถึงแม้ร่างสูงจะหลับอยู่แต่เขาก็สู้แรงของเคโตะไม่ได้อยู่ดี  เคโตะยังคงกุมมือเขาไว้อย่างมั่นคง

    “ยา – มา -- ดะ”  เคโตะละเมอออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา  ริวทาโร่หยุดการขัดขืนทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น  เคโตะละเมอเรียกเรียวสุเกะด้วยความรู้สึกโหยหาจนริวทาโร่สัมผัสได้  ทั้งๆ ที่คิดว่าจะทำใจได้แล้วแต่พอเหตุการณ์เป็นแบบนี้หัวใจของริวทาโร่กลับรู้สึกเจ็บจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

    ริวทาโร่พยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของเคโตะอีกครั้ง  “ปล่อยผมนะพี่เคโตะ  ผมไม่ใช่คุณยามาดะนะ”  เคโตะลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหันจนริวทาโร่ตกใจ  เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปเขย่าตัวเคโตะเบาๆ  “พี่เคโตะตื่นแล้วเหรอครับ”

    ชั่วขณะนั้นเองที่เคโตะดึงเขาให้ลงมานอนที่เตียงก่อนจะขึ้นคร่อมร่างเล็กไว้  ริวทาโร่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองหน้าร่างสูงที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที  เคโตะประทับจูบลงบนริมฝีปากของริวทาโร่อย่างอ่อนโยนจนร่างเล็กแทบเคลิ้มก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งไปสัมผัสกลิ่นหอมตรงซอกคอของริวทาโร่อย่างนุ่มนวล

    ร่างเล็กรู้สึกเสียวซ่านเมื่อริมฝีปากของเคโตะสัมผัสที่ต้นคอเขา  เขาทุบไหล่เคโตะเบาๆ เพื่อต่อต้าน  “ปล่อยผมนะพี่เคโตะ  อย่าทำแบบนี้ผมขอร้อง”  แต่ดูเหมือนเคโตะจะไม่ได้ยินเสียงของเขาเลย  ริวทาโร่น้ำตาไหลพราก  เขาพยายามจะดันร่างสูงออกแต่ร่างกายเขากลับอ่อนระทวยลงไปเสียเฉยๆ  เขาพยายามคุมสติตัวเองให้ได้ก่อนที่เคโตะจะพรากมันไป  ริวทาโร่สูดหายใจเข้าลึกเพื่อควบคุมอารมณ์ที่ร่างสูงกำลังพยายามปลุกมันขึ้นมา  แต่แล้วด้วยคำพูดที่ออกจากปากของเคโตะทำให้สติเขากลับมาอย่างเต็มที่

    “ยา – มา -- ดะ” 

    แม้เคโตะจะพูดมันด้วยเสียงที่เบาแค่ไหนแต่ริวทาโร่ก็ได้ยินมันเต็มสองหู  ยามาดะอีกแล้ว  ริวทาโร่กัดริมฝีปากแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดในหัวใจที่เกิดขึ้น  เคโตะทำแบบนี้เพราะคิดว่าเขาคือเรียวสุเกะนั่นทำให้เขารู้สึกเจ็บมากกว่าการที่เคโตะทำกับเขาเพราะคิดว่าเขาคือริวทาโร่เสียอีก  ริวทาโร่หลับตาลงเพื่อปลดปล่อยหยาดน้ำตาที่ค้างอยู่ก่อนจะกัดเข้าที่ต้นแขนของร่างสูงอย่างแรง

    “โอ๊ย!!”  เคโตะร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะผละจากริวทาโร่มา  ตอนนี้เองที่เคโตะเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป  ริวทาโร่ลุกขึ้นนั่งและจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เดาอารมณ์ไม่ได้  เขารู้เพียงแต่ว่าริวทาโร่จะต้องโกรธเขา  ต้องโกรธเขามากแน่ๆ

    ริวทาโร่น้ำตาไหลอาบแก้ม  เขาจ้องมองเคโตะด้วยความรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะไม่สามารถควบคุมได้  เขาสะอื้นไห้อย่างเสียใจ  “ผมไม่ใช่คุณยามาดะนะ!!”  เขาตะโกนใส่เคโตะก่อนจะวิ่งหนีไปที่ประตู

    เคโตะวิ่งตามแล้วคว้าแขนริวทาโร่ไว้  “เดี๋ยวสิริวทาโร่”

    ริวทาโร่สะบัดแขนอย่างแรงจนเคโตะปล่อยมือ  เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักร่างสูงออก  “อย่ามายุ่งกับผม!”  เขาเปิดประตูออกไปแล้วปิดมันลงเสียงดัง  เคโตะวิ่งตามออกไป  แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อยูโตะยืนจ้องพวกเขาอยู่ที่หน้าห้อง  ริวทาโร่ก้มหน้าลงแล้วเช็ดน้ำตา  “คุณยูโตะ  มีอะไรครับ”

    ยูโตะขมวดคิ้วอย่างสงสัย  “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”  เขามองสภาพของเคโตะอย่างตกใจ  “นี่พี่กับริวทาโร่.....”

    “ไม่ใช่นะ!”  เคโตะปฏิเสธเสียงดัง

    ริวทาโร่พยายามกลั้นสะอื้น  “ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกครับคุณยูโตะ  ผมง่วงแล้ว  ราตรีสวัสดิ์นะครับ”  เขาโค้งให้ยูโตะแล้วเดินเลี่ยงออกมา

    ยูโตะมองตามริวทาโร่ที่เดินไปก่อนจะหันมามองเคโตะที่ยืนอยู่ตรงหน้า  “พี่ทำอะไร”

    เคโตะเฉมองไปทางอื่น  “เปล่า”

    “เปล่าเหรอ  แล้วเมื่อกี้นี้มันอะไรล่ะ”

    “ก็บอกว่าไม่ได้ทำไง”

    “ผมไม่เชื่อหรอก”  ยูโตะจ้องมองพี่ชายด้วยสายตาจริงจังก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง  สภาพห้องนอนที่เขาเห็นยิ่งชวนให้ข้อสันนิษฐานของเขามีความน่าจะเป็นมากขึ้นอีก  ทั้งเสื้อของเคโตะที่ถูกปลดกระดุมออกเกือบหมดและเตียงที่ยับยู่ยี่นั่น  ยูโตะกัดฟันด้วยความโกรธ  “ขนาดนี้แล้วพี่ยังจะปฏิเสธอีกเหรอ  เขาเป็นเพื่อนผมนะ  ทำไมต้องทำร้ายเขาขนาดนี้ด้วย”

    “ไม่ใช่นะ”  เคโตะตอบทันควัน  เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับริวทาโร่สักหน่อย

    “แต่ทำไมริวทาโร่ถึงได้เดินร้องไห้ออกไปอย่างนั้นล่ะ  แถมเสื้อผ้าพี่ยัง...”

    “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดก็แล้วกัน”  เคโตะพูดขัดขึ้น  “ออกไปได้แล้ว”

    “ผมไม่ไป”  ยูโตะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  “พี่ทำแบบนี้ได้ยังไงในเมื่อพี่ไม่ได้รักริวทาโร่เลย  รู้มั้ยว่าเขาจะเสียใจแค่ไหน”

    “ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ทำ”  เคโตะขมวดคิ้ว  ทั้งตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกลัวว่ายูโตะจะไม่เชื่อเขา  แค่นี้เขาก็รู้สึกผิดกับริวทาโร่มากพออยู่แล้ว

    “ถ้าพี่ไม่ได้ทำแล้วริวทาโร่จะร้องไห้ออกไปแบบนั้นทำไม”

    “ก็เพราะว่า....”  เคโตะหยุดอยู่แค่นั้น  เขาจะบอกได้ยังไงว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะเขาคิดอะไรไม่ดีกับเรียวสุเกะจนริวทาโร่ต้องมารับแทนแบบนี้  เคโตะคิดหนัก  “ก็เพราะว่า...”

    “เอะอะโวยวายอะไรกัน”  เสียงเคนอิจิดังขึ้น

    ยูโตะละสายตาจากเคโตะหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อ  “คุณพ่อยังไม่นอนเหรอครับ”  เขาร้องทัก

    เคนอิจิไม่ได้ตอบคำถามลูกชาย  เขามองเคโตะด้วยสายตาปราศจากอารมณ์  “ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยซะเคโตะ  แล้วก็เข้านอนได้แล้ว”  เคโตะไม่ตอบอะไร  เคนอิจิพายูโตะออกมาจากห้อง  แม้จะยังไม่ได้ความกระจ่างชัดแต่ยูโตะก็จำต้องออกมาเพราะขัดพ่อไม่ได้  เคนอิจิสังเกตเห็นสีหน้าเป็นกังวลของลูกชายคนเล็กได้  “กังวลเรื่องเจ้าเด็กนั่นเหรอ”

    ยูโตะสะดุ้งตกใจที่พ่อรู้ทัน  เขาก้มหน้าแต่ไม่ตอบอะไร

    “ไม่มีอะไรแล้วก็นอนเถอะยูโตะ”

    ยูโตะถอนหายใจ  “ผมไม่อยากจะเชื่อว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้เลยครับ  ผมไม่คิดว่าพี่จะทำแบบนี้ได้”

    พอได้ยินลูกชายพูดแบบนี้แล้วเคนอิจิก็ไม่ตอบว่าอะไร  เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคโตะทำแบบนั้นจริงหรือเปล่าแต่เขากลับกังวลว่ามันจะจริงอย่างที่ยูโตะสงสัย  ถ้าลูกชายของเขาขืนใจริวทาโร่จริงๆ  คงยากที่เคโตะจะกลับมาเป็นคนอ่อนโยนเหมือนเดิมได้

    “คุณพ่อครับ”  ยูโตะเรียกเมื่อเห็นว่าเคนอิจิเงียบไปนาน  “คุณพ่อครับ!”  ยูโตะเรียกเสียงดังกว่าเดิมเมื่อเคนอิจิไม่ตอบและนั่นก็ได้ผล  เคนอิจิหลุดจากความคิดเมื่อครู่แล้วมองหน้าลูกชาย  “คุณพ่อคิดอะไรอยู่เหรอครับ”

    เคนอิจิยิ้ม  “ไม่มีอะไรหรอก  ไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”  เขาพูดแล้วเดินกลับไปที่ห้อง

    ยูโตะถอนหายใจอย่างกังวล  เคโตะทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ?  เขาไม่อยากจะเชื่อเลย  เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องของริวทาโร่ได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากในห้อง  เขาเคาะประตูเรียก  “ริวทาโร่  ฉันเข้าไปได้มั้ย”

    เสียงสะอื้นเงียบไป  ริวทาโร่เปิดประตูออกพร้อมตาที่บวมแดง  “มีอะไรครับคุณยูโตะ”

    ยูโตะขมวดคิ้ว  ทั้งๆที่อยากจะมาถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า  แต่พอเจอหน้าริวทาโร่เข้าไปเต็มๆ กลับทำให้เขาพูดไม่ออก  ถ้าเคโตะทำแบบนั้นจริงๆ เขายังมีหน้าจะมาเรียกตัวเองว่าเพื่อนอีกเหรอ  “ริวทาโร่  คือว่าฉัน....”

    “ผมรู้ว่าคุณมาทำไม  ถ้างั้นผมจะให้คำตอบคุณ  พี่เคโตะไม่ได้ทำอะไรผมทั้งนั้นแหละ”

    “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เคโตะแล้วมันเพราะอะไรล่ะ”

    ริวทาโร่เบือนหน้าไปทางอื่น  “ไม่มีอะไรหรอกครับ”

    ยูโตะถอนหายใจ  “ถ้านายลำบากใจจะกลับไปทำงานที่ร้านเหมือนเดิมก็ได้นะ”

    ริวทาโร่ส่ายหน้าน้อยๆ  “ไม่เป็นไรครับ  ยังไงผมก็รับเงินคุณมาแล้ว  และเงินนั่นผมก็จ่ายค่าเทอมให้น้องสาวแล้วด้วย  ผมคงไม่มีปัญญาจะใช้คุณคืนหรอก”

    “แต่ว่าถ้านายยังอยู่แบบนี้พี่ฉันอาจจะทำอะไรนายขึ้นมาจริงๆ ก็ได้”

    “ไม่หรอกครับ  ผมเชื่อว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นกับผม”  แม้จะรู้สึกเสียใจที่เคโตะทำแบบนั้นก็ตาม  แต่พอคิดถึงความรู้สึกตอนที่เคโตะเรียกเรียวสุเกะแล้วมันทำให้เขาอดที่จะเห็นใจเคโตะไม่ได้  เพราะต้องเก็บมันไว้คนเดียวถึงได้เจ็บปวดแบบนั้น  ถึงภายนอกจะดูแข็งกระด้างกับคนอื่นก็ตาม  แต่จริงๆ แล้วเคโตะกลับอ่อนแอกว่าที่เขาคิดไว้ซะอีก

    ยูโตะขมวดคิ้ว  ทั้งๆ ที่โดนกระทำขนาดนี้ทำไมริวทาโร่ถึงยังเข้าข้างเคโตะอยู่ได้  “ทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนั้นล่ะ  เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้งก็ไว้ใจขนาดนี้แล้วเหรอ”

    ริวทาโร่จ้องยูโตะกลับ  ทำไมยูโตะถึงได้พูดถึงเคโตะเหมือนคนอื่นไกลอย่างนี้ล่ะ  “คุณไม่ได้รู้จักพี่ชายของคุณเลยสักนิด  ที่จริงแล้วคุณเองก็เกลียดพี่ชายของคุณใช่มั้ยล่ะ”

    “ริวทาโร่!  ทำไมพูดแบบนี้”

    ริวทาโร่จ้องเขาโดยไม่กลัวเกรง  “เพราะคุณไม่ได้สนใจตัวตนที่แท้จริงของพี่คุณเลย  ถึงผมจะรู้จักกับเขาได้ไม่นาน  แต่ถ้าเทียบระหว่างคุณกับเขาแล้ว  พี่ชายคุณรักคุณมากกว่าที่คุณรักพี่ชายซะอีก”

    ยูโตะขมวดคิ้ว  “หมายความว่ายังไง”

    “คุณแม่คุณบอกผมว่าเมื่อก่อนพี่เคโตะแทบไม่แตะเหล้าเลยด้วยซ้ำ  แต่ช่วงนี้กลับเมากลับบ้านมาทุกวัน  ในขณะที่คุณกำลังมีความสุขกับยามะจังของคุณ  คุณไม่รู้หรอกว่าพี่ชายคุณต้องเผชิญกับอะไรบ้าง”

    ยูโตะเริ่มรู้สึกโกรธที่ริวทาโร่สบประมาทเขาแบบนี้  “ถ้างั้นก็บอกฉันสิ  พี่ฉันเจออะไร”  ริวทาโร่นิ่งเงียบ  เพราะรับปากกับเคโตะแล้วว่าจะไม่บอกใครเรื่องของเรียวสุเกะ  เขาก้มหน้านิ่ง  ยูโตะพยายามควบคุมอารมณ์ให้คงที่  “นายเปลี่ยนไปมากนะริวทาโร่  เขาทำกับนายขนาดนี้จะยังเข้าข้างเขาอยู่ได้  หลงเขามากเลยเหรอ?”

    “คุณยูโตะ!”  ริวทาโร่ตกใจกับคำพูดของยูโตะ  เขาถอนหายใจใหญ่  “ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงผม  แต่คุณก็รู้ว่าพี่คุณเป็นคนยังไง  คุณรู้ดีกว่าผมด้วยซ้ำ  ถึงผมจะรู้จักเขาแค่ไม่นาน  ผมก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนอย่างที่เห็นภายนอกหรอก”

    แต่ยูโตะกำลังโกรธที่เคโตะไม่ให้เกียรติเพื่อนเขาและริวทาโร่ยังเข้าข้างเคโตะอีกทำให้เขาไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่ริวทาโร่พูด  “ฉันรู้ว่าพี่ฉันเป็นยังไงก็วันนี้แหละ”  เขาคิดถึงเรียวสุเกะ  ชั่วขณะนั้นที่ความหึงหวงครอบงำ  เรียวสุเกะต้องทำงานกับคนแบบเคโตะ  ในเวลานี้ทำให้เขากังวลนัก  “พอทำกับนายแล้วเขาก็คงไปทำกับคนอื่นต่ออีก”

    ริวทาโร่จ้องหน้ายูโตะ  เขาเรียบเรียงคำพูดอย่างใจเย็น  “คุณน่ะ  เกลียดพี่คุณจริงๆ ใช่มั้ย”  ยูโตะไม่ตอบและไม่ได้มองหน้าริวทาโร่กลับด้วย  “คุณไม่ได้ห่วงผมหรอก  คุณห่วงคุณยามาดะต่างหาก”  เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินกลับเข้าห้องไป

    ยูโตะนิ่งคิด  เขามองประตูกห้องที่ปิดลง  บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้  ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าเคโตะนิสัยยังไง  แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว  เคโตะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป  ยูโตะรู้สึกกังวลใจนัก  จะทำยังไงต่อไปดี  เขาควรเชื่อใจเพื่อนใช่มั้ยนะ  คำตอบคือ ใช่  หัวใจเขาบอกอย่างนั้น

     

    ----------------------------------------------------

    สวัสดีค่ะ  เมื่อวานเกิดอาการอยากแต่งฟิคแล้วก็แต่งอย่างเมามันเลยล่ะสุดท้ายไรเตอร์ก็เลยได้มาลงวันนี้ ^^

    จากนี้ก็ไม่รู้อีกกี่วันกว่าจะอัพอีกครั้งนะคะ  ขอให้สนุกนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×