ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaRyu , NakaYama] Love ~Thank you~ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 319
      1
      26 ก.ค. 55

    ตอนที่ 12
     

    ช่วงพักที่ร้านโอคายะ
     

    เคโตะยืนอยู่ระเบียงหลังร้านเพียงลำพังพลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน  เพียงแค่เขาไม่เมาและขาดสติไปเขาคงจะไม่ทำให้ริวทาโร่ต้องโกรธเขามากขนาดนี้  เมื่อเช้าริวทาโร่แทบจะไม่มองหน้าหรือพูดทักทายเขาด้วยซ้ำ  เขาคงทำให้เจ้าเด็กนั่นเกลียดเสียแล้ว
     

    “เคโตะ”  เสียงของไดกิทำให้เขาหลุดจากความคิดเมื่อครู่  ไดกิเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ  “เหม่ออีกแล้วนะ  เป็นอะไรมากหรือเปล่า”


    เคโตะส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ  เขารู้ว่าไดกิไม่เชื่อเขาหรอกเพราะพนักงานคนนี้มองคนออกราวกับรู้จักกันมานานปี


    “เห็นนายเป็นแบบนี้แล้วฉันไม่สบายใจนะ  เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ  มีอะไรทำไมไม่บอกกันบ้างล่ะ”  ไดกิถามอย่างเป็นห่วง


    “พี่อิโน่ให้ไดจังมาถามผมใช่มั้ยครับ”  เคโตะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา  “ไดจังก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้”


    ไดกิถอนหายใจ  “ก็เพราะนายเป็นแบบนี้ไงทุกคนถึงได้เป็นห่วง”


    เคโตะฝืนยิ้มให้ไดกิ  “ขอบคุณครับไดจัง  แต่ปัญหาของผมใครก็ช่วยไม่ได้หรอก  ผมจะจัดการเอง  ขอตัวนะครับ”  เขาโค้งให้แล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน


    ไดกิได้แต่ถอนหายใจ  ทำไมถึงได้ดื้อด้านอย่างนี้นะ 


     

    ------- โอซาก้า -------

    ฮิคารุเก็บผักผลไม้ใส่ตะกร้าเพื่อนำไปฝากคุณน้าข้างบ้านซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำประจำเพื่อไปกินอาหารที่บ้านนั้น  เขาเดินไปยังร้านดอกไม้ข้างบ้านพร้อมร้องเรียกเจ้าของร้าน  “คุณน้าครับ  ผมมาแล้วครับ  คุณน้าคัทสึเอะ!


    คัทสึเอะเดินออกมา  “มาแล้วเหรอฮิคารุคุง  เข้ามาก่อนสิน้าทำอาหารไว้แล้ว”  ฮิคารุยิ้มกว้างแล้วเดินตามเธอเข้าไป  “วันนี้มีอะไรล่ะ”  เธอถาม


    “กล้วยครับ”  ฮิคารุวางตะกร้าผลไม้ไว้บนโต๊ะอาหาร  “มีกล้วย  แตงโม  ฝรั่ง  องุ่นก็มีนะครับ”


    “น่ากินทั้งนั้นเลยนะ”  คัทสึเอะจัดการนำผลไม้ทั้งหมดปลอกเปลือกและจัดใส่จานอย่างสวยงามก่อนจะนำไปวางบนโต๊ะพร้อมอาหารชนิดอื่นที่ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทานอยู่


    “คุณน้านี่ทำอาหารเก่งจังเลยนะครับ  ถ้าใครได้ไปเป็นภรรยาต้องโชคดีมากแน่ๆ เลย”


    คัทสึเอะยิ้มแล้วแสร้งทำเป็นหัวเราะ  “พูดเป็นเล่นไปได้ฮิคารุคุง  น้าหย่าแล้วนะคงไม่คิดจะแต่งงานใหม่หรอก  เข็ดแล้วล่ะ”


    ฮิคารุรับจานข้าวที่คัทสึเอะยื่นมาให้  “น่าเสียดายนะครับ  คนสวยๆ อย่างคุณน้าเนี่ย  ผมล่ะอยากเห็นหน้าลูกชายคุณน้าจริงๆ ป่านนี้คงจะโตแล้ว  แน่นอนว่าเขาต้องหล่อมากแน่ๆ เพราะแม่เขาสวยซะขนาดนี้”  เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี


    คัทสึเอะฝืนยิ้ม  รู้สึกคิดถึงลูกชายขึ้นมาอย่างมากแต่ก็คุมสีหน้าไว้ได้  ถ้าได้เห็นลูกชายอีกครั้งหนึ่งเธอคงทำใจไม่ได้  เธอรู้ว่านี่มันเหมือนคนเห็นแก่ตัวที่ทิ้งลูกไว้แล้วหนีมาคนเดียวแบบนี้  แต่เมื่อเห็นเคโตะทีไรเธอก็มักจะเห็นภาพของเคนอิจิโผล่ขึ้นมาด้วยเสมอ  เธอทำใจกับการที่รู้ว่าเคนอิจิหักหลังเธอไม่ได้นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่ยอมติดต่อกลับไป  คนเห็นแก่ตัวอย่างเธอสมควรที่จะอยู่คนเดียว


    มื้ออาหารผ่านพ้นไปด้วยเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่  คัทสึเอะเก็บจานไปล้าง  ครู่หนึ่งเสียงกริ่งที่หน้าบ้านก็ดังขึ้น  “ใครมานะ”  ฮิคารุพูด  “ไม่เห็นป้ายหน้าร้านหรือไงบอกว่าพักอยู่ไงเล่า”  เขาบ่นก่อนจะเดินไปเปิดประตู  ใครบางคนยืนยิ้มแฉ่งให้เขา


    “โย่ว!  ฮิคารุ  ไม่เจอกันนานคิดถึงจัง  ฉันว่าแล้วว่านายต้องอยู่ที่นี่”  โคตะยิ้มตาหยี


    ฮิคารุทำสีหน้าเบื่อหน่าย  เมื่อไรเจ้านี่จะเลิกตามตื้อเขาสักทีนะ  นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ของไร่เขาล่ะก็เขาไม่คุยด้วยหรอก  “มาโย่วเย่ออะไรแถวนี้  นัดมาตรวจงานบ่ายสองไม่ใช่หรือไง  นี่มันกี่โมงดูเวลาบ้างหรือเปล่า  เพิ่งจะเที่ยงเองนะ”


    โคตะถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้าน  กลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดลอยมาติดจมูก  “ดอกไม้ของคุณน้าสวยจังเลยนะครับ”


    “สวยสิ  ก็คุณน้าปลูกเองดูแลเองจะไม่ให้สวยได้ยังไง”  ฮิคารุพูดอย่างติดรำคาญ


    คัทสึเอะเดินมาทางทั้งคู่  “อ้าว!  ยาบุคุง  เข้ามาก่อนสิจ้ะอีกหน่อยน้าก็จะเปิดร้านแล้ว  กินอะไรมาหรือยัง”


    โคตะโค้งให้เป็นการทำความเคารพ  “สวัสดีครับคุณน้า  ผมกินมาแล้วขอบคุณมากครับ”


    “มาหาฮิคารุคุงเหรอ?”  คัทสึเอะถาม


    “ครับ  วันนี้นัดตรวจงานกัน”


    “แต่ผมนัดเขาบ่ายสองนะครับ  แต่เจ้านี่มันดันมาก่อนเวลาตั้ง 2 ชั่วโมงแน่ะ”  ฮิคารุบ่น


    คัทสึเอะยิ้มอย่างเข้าใจในความคิดของโคตะ  ก็แค่จะมาชวนฮิคารุไปเที่ยวเท่านั้นแหละ  “ถ้างั้นก็ไปเที่ยวกันก่อนสิจ้ะ  ที่นี่โอซาก้ามีที่ให้เที่ยวตั้งเยอะแน่ะ”


    ฮิคารุเบ้ปาก  เจ้าโคตะตัวร้ายใช้คัทสึเอะให้มาขอร้องเขาตลอด  “ไม่ต้องไปไหนไกลหรอก  กินไอติมร้านใกล้ๆแถวนี้ละกัน”  เขาพูดแล้วเดินปึงปังออกไปข้างนอก


    โคตะยิ้ม  “ยิ่งเขินยิ่งน่ารักนะครับคุณน้า”


    คัทสึเอะหัวเราะ  “ถ้างั้นก็รีบไปสิจ้ะ  งอนนานเดี๋ยวก็ง้อไม่กลับหรอก”


    โคตะหันมายิ้มและโค้งให้คัทสึเอะ  “ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ  รักษาตัวนะครับคุณน้า”  ว่าแล้วก็เดินออกจากบ้านตามฮิคารุไป


    คัทสึเอะหน้าเศร้าลงทันทีเมื่ออยู่ตามลำพัง  พอเห็นฮิคารุกับโคตะแล้วความรู้สึกคิดถึงเคโตะก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น  ป่านนี้ลูกชายของเธอจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้  เขาจะคิดถึงแม่บ้างหรือเปล่า  เขาจะยังรักแม่เหมือนที่แม่รักเขาหรือเปล่า  เขาจะโกรธแม่มั้ยนะ  หรือว่าเขาจะลืมแม่คนนี้ไปเสียแล้ว  พอคิดได้เท่านี้ก็ทำให้คัทสึเอะน้ำตาไหล  เธอมันอ่อนแอเกินไปจึงต้องมีสภาพอย่างนี้  แต่ลูกชายของเธอต้องไม่เป็นแบบเธอ  เคโตะจะต้องเข้มแข็ง  คัทสึเอะเช็ดน้ำตาออกแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมเปิดร้าน


     

    ดวงอาทิตย์แห่งกรุงโตเกียวลาลับขอบฟ้าไปแล้ว  เรียวสุเกะเอื้อมมือขึ้นเพื่อหยิบแฟ้มเอกสารที่อยู่ชั้นบนสุด  แต่ด้วยส่วนสูงของเขาแม้จะพยายามเท่าไรก็เอื้อมไม่ถึงสักทีเขาจึงตัดสินใจเอาเก้าอี้มาใช้ต่างบันได  “ทำไมอิโนะโอะต้องเอาไว้สูงขนาดนี้ด้วยนะ  บอกว่าให้เอาไว้บนโต๊ะไง”  เขาบ่นขณะขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอื้อมมือขึ้นไป  แต่เพราะเก้าอี้ทำงานของเขานั้นเป็นล้อเลื่อนทำให้ชั่วขณะที่เอื้อมขึ้นไปนั้นเก้าอี้เกิดเลื่อนไถลอย่างรวดเร็ว  เรียวสุเกะตกจากเก้าอี้ลงกระแทกพื้นอย่างแรง  “โอ๊ย!!  เขาร้องลั่น


    เคโตะวางไม้ถูพื้นลงทันทีที่ได้ยินเสียงเรียวสุเกะร้อง  เขาวิ่งมาเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของเรียวสุเกะก็เห็นร่างเล็กนั้นนอนอยู่บนพื้น  ข้อศอกมีเลือดไหลออกมา  เคโตะรีบวิ่งเข้าไปประคองทันที  “ยามาดะเกิดอะไรขึ้น”


    เรียวสุเกะยิ้มเจื่อน  “ซุ่มซ่ามนิดหน่อยน่ะครับ”


    เคโตะประคองเรียวสุเกะให้ยืนขึ้น  เรียวสุเกะเกาะเคโตะไว้แน่นเพราะข้อเท้าที่เจ็บอยู่ทำให้เขาทรงตัวไม่อยู่  “ไหวหรือเปล่า  นั่งเก้าอี้ก่อนเถอะ”  เคโตะกำลังจะพาเรียวสุเกะไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานตัวนั้น แต่ทว่า...


    “ไม่!!  เรียวสุเกะร้องขึ้น  เพราะเจ้าเก้าอี้นั่นทำให้เขาต้องบาดเจ็บแบบนี้เลยทำให้เกิดความรู้สึกขยาดเก้าอี้ตัวนี้ขึ้นมา  “ไม่เอาดีกว่าครับผู้จัดการ  ผมตกจากเก้าอี้ตัวนี้น่ะแหละ  พาผมไปนั่งเก้าอี้ข้างนอกก็ได้”


    เคโตะมองเรียวสุเกะอย่างไม่เชื่อใจ  “แน่ใจนะว่าเดินไหว”  เรียวสุเกะพยักหน้า  เคโตะจึงค่อยๆ พยุงเรียวสุเกะออกมานั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในร้าน  “รอที่นี่นะ  เดี๋ยวฉันจะไปเอาเครื่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้”


    เรียวสุเกะดึงแขนร่างสูงไว้  “ไม่ต้องก็ได้ครับ  ผมไม่เป็นอะไรมาก”


    “ฉันไม่พายามาดะไปโรงพยาบาลก็ดีแล้ว  อย่าดื้อได้มั้ย  เจ็บขนาดนี้แล้วจะกลับบ้านได้ยังไง”  เคโตะแกะมือเรียวสุเกะออกแล้วเดินไปหยิบเครื่องปฐมพยาบาลแล้วมาทำแผลให้เรียวสุเกะอย่างเบามือ  ชั่วขณะนั้นเองที่เคโตะนึกถึงครั้งแรกที่เจอกับยูโตะขึ้นมาได้  ตอนนั้นเขาเองก็บาดเจ็บแบบนี้เหมือนกัน  พอคิดแล้วเคโตะก็ได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียว  ก่อนที่เขาจะรู้ความจริงเรื่องทั้งหมด  ยูโตะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เขาไว้ใจที่สุด  พอคิดมาถึงตอนนี้เคโตะก็หน้าเศร้าลง  เสียดายสายสัมพันธ์นั้นจริงๆ


    เรียวสุเกะสังเกตสีหน้าของเคโตะมาโดยตลอด  “ผู้จัดการเป็นอะไรหรือเปล่าครับ  เดี๋ยวก็ยิ้มเดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้า  มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

    เคโตะหันมาฝืนยิ้มให้เรียวสุเกะ  คนรักของน้องชาย  เขาบอกตัวเองเพื่อไม่ให้เผลอคิดอะไรไปไกล  เพราะไม่งั้นแล้ว  ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเรียวสุเกะอาจจะทำให้อีกหลายคนเดือดร้อนก็ได้  ไม่ใช่เฉพาะแค่เรียวสุเกะกับยูโตะ  แต่รวมทั้งเด็กคนหนึ่งที่เขาเกือบจะทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของเจ้าเด็กนั่นไปแล้ว  เคโตะนั่งลงบนพื้นแล้วนวดข้อเท้าให้เรียวสุเกะอย่างเบามือ  เขาก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาของเรียวสุเกะ  คนรักของน้องชาย  เขาบอกกับตัวเองอีกครั้ง  คนรักของน้องชาย


    เรียวสุเกะลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา  ทำไมช่วงนี้เคโตะถึงชอบทำตัวแปลกๆ ไม่ค่อยพูดคุยหรือสนิทสนมกับเขาเหมือนแต่ก่อน  เขาภาวนาในใจขอให้สิ่งที่เขาคิดไม่ใช่ความจริง  เคโตะคงไม่ได้แอบชอบเขาหรอกนะ!


     

    ดวงจันทร์ยามเที่ยงคืนส่องแสงนวลตาไปทั่วบริเวณ  รถหรูของยูโตะแล่นเข้าไปในซอยเล็กก่อนจะหยุดลงเมื่อถึงบ้านของเรียวสุเกะ  เขามองไปที่ข้อเท้าและแขนที่ถูกพันผ้าเอาไว้  “แน่ใจนะว่าเดินเข้าไปเองได้”  เขาถาม


    “แค่มาส่งก็ขอบคุณมากแล้วล่ะ”  เรียวสุเกะตอบ


    “แต่ฉันก็ให้ยามะจังเดินมาตั้งไกลแล้วนี่นา  ฉันก็กลัวว่ายามะจังจะเป็นอะไรไปน่ะสิ”  เพราะเรียวสุเกะต้องเดินจากร้านมาถึงที่ที่นัดกันไว้ประจำโดยที่ร่างเล็กไม่บอกเขาว่าบาดเจ็บจึงทำให้ยูโตะไม่ได้ไปรับที่หน้าร้าน


    เรียวสุเกะมองหน้าร่างสูง  เพราะยูโตะเคยบอกว่ากลัวผู้จัดการเขาจึงไม่กล้าบอกให้ยูโตะมาที่ร้าน  อีกทั้งผู้จัดการเองก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเขาด้วย  “ทำไมยูโตะถึงกลัวผู้จัดการล่ะ  เขาก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรนี่นา”


    ยูโตะยิ้มแหย  จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้กลัวเคโตะหรอก  แต่แค่ไม่อยากจะให้เรียวสุเกะรู้ว่าเคโตะเป็นพี่ชายของเขาเท่านั้นเอง  ยูโตะคิดหาคำตอบ  “ก็ได้ยินเขาพูดมาน่ะสิ”


    เรียวสุเกะถอนหายใจ  “ทำไมถึงมีแต่คนกลัวผู้จัดการก็ไม่รู้นะ  ฉันอยากให้ทุกคนได้รู้จริงๆ ว่าผู้จัดการไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย  เขาใจดีจะตายไปแล้วก็อ่อนโยนมากๆ ด้วย  แผลนี่ผู้จัดการยังเป็นคนทำให้ฉันเลย”


    พอได้ยินเรียวสุเกะพูดแบบนี้นั่นทำให้ความหึงหวงของยูโตะกลับมาอีกครั้ง  “ถ้าเขาดีมากนักล่ะก็ทำไมไม่ให้เขามาส่งล่ะ”


    เรียวสุเกะมองร่างสูงอย่างนึกสงสัย  “ยูโตะคุงทำไมต้องทำเสียงไม่พอใจแบบนั้นด้วยล่ะ”  ยูโตะส่งเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ  เรียวสุเกะถอนหายใจก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่สลดลงเล็กน้อย  “ถ้าทำให้ลำบากก็ขอโทษด้วยนะ  คราวหลังฉันกลับเองก็ได้”  ร่างเล็กก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูออกไป


    พอร่างเล็กออกไปแล้วทำให้ความรู้สึกผิดโหมกระหน่ำใส่ยูโตะอย่างไม่หยุดหย่อน  นี่เขาพูดอะไรออกไปเนี่ย!  ยูโตะเปิดประตูรถแล้ววิ่งอ้อมไปหาเรียวสุเกะที่เดินกะโผลกกะเผลกอยู่  เขาวิ่งไปยืนอยู่ข้างหลังร่างเล็ก  “ยามะจังเดี๋ยวก่อน”  เรียวสุเกะหยุดเดินแต่ไม่ได้หันมามองเขา  “ยามะจังฉันขอโทษ  ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่ายามะจังนะ”


    เรียวสุเกะเงียบไปสักพักก่อนตอบ  “ไม่เป็นไร  ขอบคุณที่มาส่ง  กลับบ้านดีๆล่ะ”


    ยูโตะมองเรียวสุเกะที่ค่อยๆ ประคองตัวเองให้เดินเข้าบ้านไปอย่างลำบาก  เขารู้สึกว่าเรียวสุเกะยังโกรธเขาอยู่นั่นทำให้เขาทำใจไม่ได้  เขาเข้าไปกอดร่างเล็กจากด้านหลัง  “ยามะจังฉันขอโทษ  ยกโทษให้ฉันนะ”  เรียวสุเกะไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่ก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร  ยูโตะรู้สึกถึงน้ำหยดเล็กๆ ที่หยดลงบนแขนของเขาได้นั่นทำให้เขายิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น  สุดท้ายก็ทำให้ร่างเล็กร้องไห้จนได้  เขาซบหน้าลงกับไหล่ของเรียวสุเกะ  “ฉันขอโทษ”


    เรียวสุเกะเงยหน้าขึ้นฟ้าเพื่อไล่น้ำตา  “ไม่เป็นไรหรอกยูโตะคุง  ปล่อยฉันเถอะนะถึงบ้านฉันแล้ว”  เขาพยายามแกะมือของร่างสูงออกแต่ยูโตะก็ยังคงกอดไว้แน่น  เรียวสุเกะสะอื้นเมื่อยูโตะไม่ยอมปล่อย  “ปล่อยเถอะนะยูโตะคุง  อย่าทำแบบนี้”


    ยูโตะคลายมือออกแล้วค่อยๆ จับร่างเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา  ยูโตะใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาของเรียวสุเกะเบาๆ “ขอโทษนะยามะจัง”  เรียวสุเกะยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา  น้ำใสๆ ที่เอ่ออยู่ในดวงตาของร่างเล็กไหลออกมาอีกครั้ง  ยูโตะเช็ดน้ำตาให้เรียวสุเกะ  “อย่าร้องไห้สิ  แบบนี้ฉันเสียใจนะ”


    “ฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะโกรธยูโตะคุงซักหน่อย”  เรียวสุเกะพูดเสียงอ่อย  เขาแค่ดีใจที่ร่างสูงยังให้ความสำคัญกับเขาเท่านั้นเอง

    ยูโตะเชิดคางของร่างเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา  “อย่าโกหกฉันสิ”


    เรียวสุเกะยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน  เขาหายโกรธตั้งแต่ยูโตะตามเขาลงมาแล้วล่ะ  “ก็บอกว่าไม่ได้โกรธไง”


    ยูโตะหัวใจพองโตเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของร่างเล็ก  “ยกโทษให้ฉันจริงๆนะ”  เรียวสุเกะพยักหน้า  ดวงตากลมโตที่สบตากับเขาช่างเย้ายวนอย่างน่าประหลาด  เขาจับมือของร่างเล็กไว้มั่นก่อนจะประทับจูบลงไปบนริมฝีปากอวบอิ่มนั้นอย่างอ่อนโยนโดยที่เรียวสุเกะก็ดูจะเต็มใจให้ทำอย่างนั้นด้วย  รสจูบนั้นหวานซะจนเขาไม่อยากจะให้มันหยุดเลย  เขารู้สึกได้ว่าร่างเล็กเองก็รู้สึกเหมือนกับเขาเช่นกัน


     

    เคโตะเอาแต่นั่งจับเจ่าอยู่ในรถที่จอดอยู่ทางเข้าบ้านของเรียวสุเกะเพียงลำพัง  ยูโตะกลับไปนานแล้ว  เขาตามมาเพื่อดูว่าเรียวสุเกะปลอดภัยดีแล้วแต่สุดท้ายก็ได้เห็นภาพนั้นจนได้  เขายิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องนี้  ถ้าคนทั้งคู่ตัดสินใจดีแล้วเขาก็ไว้ใจว่ายูโตะคงดูแลเรียวสุเกะได้  เคโตะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า  ตัดใจให้ได้ซักทีเถอะ  เขาบอกตัวเองอย่างนั้นแต่มันก็ไม่ง่ายเลย  ดวงจันทร์ช่างดูเปล่าเปลี่ยวเหมือนเขาตอนนี้เหลือเกิน  แม้จะมีดาวอีกหลายดวงรายล้อมแต่ถึงกระนั้นดวงจันทร์ก็ยังคงโดดเดี่ยวอยู่ดี
     

    เคโตะมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง  ถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว  เขาสตาร์ทรถแต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้  เขายังไม่ได้คุยกับริวทาโร่เลย  เขายังไม่ได้ขอโทษเจ้าเด็กนั่น  เคโตะถอนหายใจ  เจ้าเด็กนั่นจะยกโทษให้เขามั้ยนะ  เคโตะรวบรวมสมาธิก่อนจะขับรถออกไป

     

    -----------------------------------------------------------------

    จากตอนที่แล้วทำไมมีแต่คนร้องโอดโอยก็ไม่รู้นะ ^^

    เรื่องนี้ไรเตอร์แต่งแนวดราม่านะคะเพราะฉะนั้นฉากหวานอาจไม่ค่อยมีเท่าไร(แต่ไรเตอร์ก็อยากให้มีเหมือนกันนะ >_<)

    ส่วนตอนท้ายเรื่องนั้น  ไม่รู้เหมือนกันค่ะตอนนี้ยังคิดไม่ออก  5555+

    ตอนนี้มีตัวละครมาเพิ่มอีกแล้ว  แหะๆ  ตัวละครเยอะจังน้า~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×