คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 12
ตอนที่ 12
ช่วงพักที่ร้านโอคายะ
เคโตะยืนอยู่ระเบียงหลังร้านเพียงลำพังพลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เพียงแค่เขาไม่เมาและขาดสติไปเขาคงจะไม่ทำให้ริวทาโร่ต้องโกรธเขามากขนาดนี้ เมื่อเช้าริวทาโร่แทบจะไม่มองหน้าหรือพูดทักทายเขาด้วยซ้ำ เขาคงทำให้เจ้าเด็กนั่นเกลียดเสียแล้ว
“เคโตะ” เสียงของไดกิทำให้เขาหลุดจากความคิดเมื่อครู่ ไดกิเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ “เหม่ออีกแล้วนะ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
เคโตะส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ เขารู้ว่าไดกิไม่เชื่อเขาหรอกเพราะพนักงานคนนี้มองคนออกราวกับรู้จักกันมานานปี
“เห็นนายเป็นแบบนี้แล้วฉันไม่สบายใจนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ มีอะไรทำไมไม่บอกกันบ้างล่ะ” ไดกิถามอย่างเป็นห่วง
“พี่อิโน่ให้ไดจังมาถามผมใช่มั้ยครับ” เคโตะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไดจังก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้”
ไดกิถอนหายใจ “ก็เพราะนายเป็นแบบนี้ไงทุกคนถึงได้เป็นห่วง”
เคโตะฝืนยิ้มให้ไดกิ “ขอบคุณครับไดจัง แต่ปัญหาของผมใครก็ช่วยไม่ได้หรอก ผมจะจัดการเอง ขอตัวนะครับ” เขาโค้งให้แล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน
ไดกิได้แต่ถอนหายใจ ทำไมถึงได้ดื้อด้านอย่างนี้นะ
------- โอซาก้า -------
ฮิคารุเก็บผักผลไม้ใส่ตะกร้าเพื่อนำไปฝากคุณน้าข้างบ้านซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำประจำเพื่อไปกินอาหารที่บ้านนั้น เขาเดินไปยังร้านดอกไม้ข้างบ้านพร้อมร้องเรียกเจ้าของร้าน “คุณน้าครับ ผมมาแล้วครับ คุณน้าคัทสึเอะ!”
คัทสึเอะเดินออกมา “มาแล้วเหรอฮิคารุคุง เข้ามาก่อนสิน้าทำอาหารไว้แล้ว” ฮิคารุยิ้มกว้างแล้วเดินตามเธอเข้าไป “วันนี้มีอะไรล่ะ” เธอถาม
“กล้วยครับ” ฮิคารุวางตะกร้าผลไม้ไว้บนโต๊ะอาหาร “มีกล้วย แตงโม ฝรั่ง องุ่นก็มีนะครับ”
“น่ากินทั้งนั้นเลยนะ” คัทสึเอะจัดการนำผลไม้ทั้งหมดปลอกเปลือกและจัดใส่จานอย่างสวยงามก่อนจะนำไปวางบนโต๊ะพร้อมอาหารชนิดอื่นที่ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทานอยู่
“คุณน้านี่ทำอาหารเก่งจังเลยนะครับ ถ้าใครได้ไปเป็นภรรยาต้องโชคดีมากแน่ๆ เลย”
คัทสึเอะยิ้มแล้วแสร้งทำเป็นหัวเราะ “พูดเป็นเล่นไปได้ฮิคารุคุง น้าหย่าแล้วนะคงไม่คิดจะแต่งงานใหม่หรอก เข็ดแล้วล่ะ”
ฮิคารุรับจานข้าวที่คัทสึเอะยื่นมาให้ “น่าเสียดายนะครับ คนสวยๆ อย่างคุณน้าเนี่ย ผมล่ะอยากเห็นหน้าลูกชายคุณน้าจริงๆ ป่านนี้คงจะโตแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องหล่อมากแน่ๆ เพราะแม่เขาสวยซะขนาดนี้” เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี
คัทสึเอะฝืนยิ้ม รู้สึกคิดถึงลูกชายขึ้นมาอย่างมากแต่ก็คุมสีหน้าไว้ได้ ถ้าได้เห็นลูกชายอีกครั้งหนึ่งเธอคงทำใจไม่ได้ เธอรู้ว่านี่มันเหมือนคนเห็นแก่ตัวที่ทิ้งลูกไว้แล้วหนีมาคนเดียวแบบนี้ แต่เมื่อเห็นเคโตะทีไรเธอก็มักจะเห็นภาพของเคนอิจิโผล่ขึ้นมาด้วยเสมอ เธอทำใจกับการที่รู้ว่าเคนอิจิหักหลังเธอไม่ได้นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่ยอมติดต่อกลับไป คนเห็นแก่ตัวอย่างเธอสมควรที่จะอยู่คนเดียว
มื้ออาหารผ่านพ้นไปด้วยเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ คัทสึเอะเก็บจานไปล้าง ครู่หนึ่งเสียงกริ่งที่หน้าบ้านก็ดังขึ้น “ใครมานะ” ฮิคารุพูด “ไม่เห็นป้ายหน้าร้านหรือไงบอกว่าพักอยู่ไงเล่า” เขาบ่นก่อนจะเดินไปเปิดประตู ใครบางคนยืนยิ้มแฉ่งให้เขา
“โย่ว! ฮิคารุ ไม่เจอกันนานคิดถึงจัง ฉันว่าแล้วว่านายต้องอยู่ที่นี่” โคตะยิ้มตาหยี
ฮิคารุทำสีหน้าเบื่อหน่าย เมื่อไรเจ้านี่จะเลิกตามตื้อเขาสักทีนะ นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ของไร่เขาล่ะก็เขาไม่คุยด้วยหรอก “มาโย่วเย่ออะไรแถวนี้ นัดมาตรวจงานบ่ายสองไม่ใช่หรือไง นี่มันกี่โมงดูเวลาบ้างหรือเปล่า เพิ่งจะเที่ยงเองนะ”
โคตะถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้าน กลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดลอยมาติดจมูก “ดอกไม้ของคุณน้าสวยจังเลยนะครับ”
“สวยสิ ก็คุณน้าปลูกเองดูแลเองจะไม่ให้สวยได้ยังไง” ฮิคารุพูดอย่างติดรำคาญ
คัทสึเอะเดินมาทางทั้งคู่ “อ้าว! ยาบุคุง เข้ามาก่อนสิจ้ะอีกหน่อยน้าก็จะเปิดร้านแล้ว กินอะไรมาหรือยัง”
โคตะโค้งให้เป็นการทำความเคารพ “สวัสดีครับคุณน้า ผมกินมาแล้วขอบคุณมากครับ”
“มาหาฮิคารุคุงเหรอ?” คัทสึเอะถาม
“ครับ วันนี้นัดตรวจงานกัน”
“แต่ผมนัดเขาบ่ายสองนะครับ แต่เจ้านี่มันดันมาก่อนเวลาตั้ง 2 ชั่วโมงแน่ะ” ฮิคารุบ่น
คัทสึเอะยิ้มอย่างเข้าใจในความคิดของโคตะ ก็แค่จะมาชวนฮิคารุไปเที่ยวเท่านั้นแหละ “ถ้างั้นก็ไปเที่ยวกันก่อนสิจ้ะ ที่นี่โอซาก้ามีที่ให้เที่ยวตั้งเยอะแน่ะ”
ฮิคารุเบ้ปาก เจ้าโคตะตัวร้ายใช้คัทสึเอะให้มาขอร้องเขาตลอด “ไม่ต้องไปไหนไกลหรอก กินไอติมร้านใกล้ๆแถวนี้ละกัน” เขาพูดแล้วเดินปึงปังออกไปข้างนอก
โคตะยิ้ม “ยิ่งเขินยิ่งน่ารักนะครับคุณน้า”
คัทสึเอะหัวเราะ “ถ้างั้นก็รีบไปสิจ้ะ งอนนานเดี๋ยวก็ง้อไม่กลับหรอก”
โคตะหันมายิ้มและโค้งให้คัทสึเอะ “ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ รักษาตัวนะครับคุณน้า” ว่าแล้วก็เดินออกจากบ้านตามฮิคารุไป
คัทสึเอะหน้าเศร้าลงทันทีเมื่ออยู่ตามลำพัง พอเห็นฮิคารุกับโคตะแล้วความรู้สึกคิดถึงเคโตะก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ป่านนี้ลูกชายของเธอจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เขาจะคิดถึงแม่บ้างหรือเปล่า เขาจะยังรักแม่เหมือนที่แม่รักเขาหรือเปล่า เขาจะโกรธแม่มั้ยนะ หรือว่าเขาจะลืมแม่คนนี้ไปเสียแล้ว พอคิดได้เท่านี้ก็ทำให้คัทสึเอะน้ำตาไหล เธอมันอ่อนแอเกินไปจึงต้องมีสภาพอย่างนี้ แต่ลูกชายของเธอต้องไม่เป็นแบบเธอ เคโตะจะต้องเข้มแข็ง คัทสึเอะเช็ดน้ำตาออกแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมเปิดร้าน
ดวงอาทิตย์แห่งกรุงโตเกียวลาลับขอบฟ้าไปแล้ว เรียวสุเกะเอื้อมมือขึ้นเพื่อหยิบแฟ้มเอกสารที่อยู่ชั้นบนสุด แต่ด้วยส่วนสูงของเขาแม้จะพยายามเท่าไรก็เอื้อมไม่ถึงสักทีเขาจึงตัดสินใจเอาเก้าอี้มาใช้ต่างบันได “ทำไมอิโนะโอะต้องเอาไว้สูงขนาดนี้ด้วยนะ บอกว่าให้เอาไว้บนโต๊ะไง” เขาบ่นขณะขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอื้อมมือขึ้นไป แต่เพราะเก้าอี้ทำงานของเขานั้นเป็นล้อเลื่อนทำให้ชั่วขณะที่เอื้อมขึ้นไปนั้นเก้าอี้เกิดเลื่อนไถลอย่างรวดเร็ว เรียวสุเกะตกจากเก้าอี้ลงกระแทกพื้นอย่างแรง “โอ๊ย!!” เขาร้องลั่น
เคโตะวางไม้ถูพื้นลงทันทีที่ได้ยินเสียงเรียวสุเกะร้อง เขาวิ่งมาเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของเรียวสุเกะก็เห็นร่างเล็กนั้นนอนอยู่บนพื้น ข้อศอกมีเลือดไหลออกมา เคโตะรีบวิ่งเข้าไปประคองทันที “ยามาดะเกิดอะไรขึ้น”
เรียวสุเกะยิ้มเจื่อน “ซุ่มซ่ามนิดหน่อยน่ะครับ”
เคโตะประคองเรียวสุเกะให้ยืนขึ้น เรียวสุเกะเกาะเคโตะไว้แน่นเพราะข้อเท้าที่เจ็บอยู่ทำให้เขาทรงตัวไม่อยู่ “ไหวหรือเปล่า นั่งเก้าอี้ก่อนเถอะ” เคโตะกำลังจะพาเรียวสุเกะไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานตัวนั้น แต่ทว่า...
“ไม่!!” เรียวสุเกะร้องขึ้น เพราะเจ้าเก้าอี้นั่นทำให้เขาต้องบาดเจ็บแบบนี้เลยทำให้เกิดความรู้สึกขยาดเก้าอี้ตัวนี้ขึ้นมา “ไม่เอาดีกว่าครับผู้จัดการ ผมตกจากเก้าอี้ตัวนี้น่ะแหละ พาผมไปนั่งเก้าอี้ข้างนอกก็ได้”
เคโตะมองเรียวสุเกะอย่างไม่เชื่อใจ “แน่ใจนะว่าเดินไหว” เรียวสุเกะพยักหน้า เคโตะจึงค่อยๆ พยุงเรียวสุเกะออกมานั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในร้าน “รอที่นี่นะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาเครื่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้”
เรียวสุเกะดึงแขนร่างสูงไว้ “ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมไม่เป็นอะไรมาก”
“ฉันไม่พายามาดะไปโรงพยาบาลก็ดีแล้ว อย่าดื้อได้มั้ย เจ็บขนาดนี้แล้วจะกลับบ้านได้ยังไง” เคโตะแกะมือเรียวสุเกะออกแล้วเดินไปหยิบเครื่องปฐมพยาบาลแล้วมาทำแผลให้เรียวสุเกะอย่างเบามือ ชั่วขณะนั้นเองที่เคโตะนึกถึงครั้งแรกที่เจอกับยูโตะขึ้นมาได้ ตอนนั้นเขาเองก็บาดเจ็บแบบนี้เหมือนกัน พอคิดแล้วเคโตะก็ได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียว ก่อนที่เขาจะรู้ความจริงเรื่องทั้งหมด ยูโตะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เขาไว้ใจที่สุด พอคิดมาถึงตอนนี้เคโตะก็หน้าเศร้าลง เสียดายสายสัมพันธ์นั้นจริงๆ
เรียวสุเกะสังเกตสีหน้าของเคโตะมาโดยตลอด “ผู้จัดการเป็นอะไรหรือเปล่าครับ เดี๋ยวก็ยิ้มเดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้า มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เคโตะหันมาฝืนยิ้มให้เรียวสุเกะ คนรักของน้องชาย เขาบอกตัวเองเพื่อไม่ให้เผลอคิดอะไรไปไกล เพราะไม่งั้นแล้ว ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเรียวสุเกะอาจจะทำให้อีกหลายคนเดือดร้อนก็ได้ ไม่ใช่เฉพาะแค่เรียวสุเกะกับยูโตะ แต่รวมทั้งเด็กคนหนึ่งที่เขาเกือบจะทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของเจ้าเด็กนั่นไปแล้ว เคโตะนั่งลงบนพื้นแล้วนวดข้อเท้าให้เรียวสุเกะอย่างเบามือ เขาก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาของเรียวสุเกะ คนรักของน้องชาย เขาบอกกับตัวเองอีกครั้ง คนรักของน้องชาย
เรียวสุเกะลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ทำไมช่วงนี้เคโตะถึงชอบทำตัวแปลกๆ ไม่ค่อยพูดคุยหรือสนิทสนมกับเขาเหมือนแต่ก่อน เขาภาวนาในใจขอให้สิ่งที่เขาคิดไม่ใช่ความจริง เคโตะคงไม่ได้แอบชอบเขาหรอกนะ!
ดวงจันทร์ยามเที่ยงคืนส่องแสงนวลตาไปทั่วบริเวณ รถหรูของยูโตะแล่นเข้าไปในซอยเล็กก่อนจะหยุดลงเมื่อถึงบ้านของเรียวสุเกะ เขามองไปที่ข้อเท้าและแขนที่ถูกพันผ้าเอาไว้ “แน่ใจนะว่าเดินเข้าไปเองได้” เขาถาม
“แค่มาส่งก็ขอบคุณมากแล้วล่ะ” เรียวสุเกะตอบ
“แต่ฉันก็ให้ยามะจังเดินมาตั้งไกลแล้วนี่นา ฉันก็กลัวว่ายามะจังจะเป็นอะไรไปน่ะสิ” เพราะเรียวสุเกะต้องเดินจากร้านมาถึงที่ที่นัดกันไว้ประจำโดยที่ร่างเล็กไม่บอกเขาว่าบาดเจ็บจึงทำให้ยูโตะไม่ได้ไปรับที่หน้าร้าน
เรียวสุเกะมองหน้าร่างสูง เพราะยูโตะเคยบอกว่ากลัวผู้จัดการเขาจึงไม่กล้าบอกให้ยูโตะมาที่ร้าน อีกทั้งผู้จัดการเองก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเขาด้วย “ทำไมยูโตะถึงกลัวผู้จัดการล่ะ เขาก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรนี่นา”
ยูโตะยิ้มแหย จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้กลัวเคโตะหรอก แต่แค่ไม่อยากจะให้เรียวสุเกะรู้ว่าเคโตะเป็นพี่ชายของเขาเท่านั้นเอง ยูโตะคิดหาคำตอบ “ก็ได้ยินเขาพูดมาน่ะสิ”
เรียวสุเกะถอนหายใจ “ทำไมถึงมีแต่คนกลัวผู้จัดการก็ไม่รู้นะ ฉันอยากให้ทุกคนได้รู้จริงๆ ว่าผู้จัดการไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย เขาใจดีจะตายไปแล้วก็อ่อนโยนมากๆ ด้วย แผลนี่ผู้จัดการยังเป็นคนทำให้ฉันเลย”
พอได้ยินเรียวสุเกะพูดแบบนี้นั่นทำให้ความหึงหวงของยูโตะกลับมาอีกครั้ง “ถ้าเขาดีมากนักล่ะก็ทำไมไม่ให้เขามาส่งล่ะ”
เรียวสุเกะมองร่างสูงอย่างนึกสงสัย “ยูโตะคุงทำไมต้องทำเสียงไม่พอใจแบบนั้นด้วยล่ะ” ยูโตะส่งเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ เรียวสุเกะถอนหายใจก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่สลดลงเล็กน้อย “ถ้าทำให้ลำบากก็ขอโทษด้วยนะ คราวหลังฉันกลับเองก็ได้” ร่างเล็กก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูออกไป
พอร่างเล็กออกไปแล้วทำให้ความรู้สึกผิดโหมกระหน่ำใส่ยูโตะอย่างไม่หยุดหย่อน นี่เขาพูดอะไรออกไปเนี่ย! ยูโตะเปิดประตูรถแล้ววิ่งอ้อมไปหาเรียวสุเกะที่เดินกะโผลกกะเผลกอยู่ เขาวิ่งไปยืนอยู่ข้างหลังร่างเล็ก “ยามะจังเดี๋ยวก่อน” เรียวสุเกะหยุดเดินแต่ไม่ได้หันมามองเขา “ยามะจังฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่ายามะจังนะ”
เรียวสุเกะเงียบไปสักพักก่อนตอบ “ไม่เป็นไร ขอบคุณที่มาส่ง กลับบ้านดีๆล่ะ”
ยูโตะมองเรียวสุเกะที่ค่อยๆ ประคองตัวเองให้เดินเข้าบ้านไปอย่างลำบาก เขารู้สึกว่าเรียวสุเกะยังโกรธเขาอยู่นั่นทำให้เขาทำใจไม่ได้ เขาเข้าไปกอดร่างเล็กจากด้านหลัง “ยามะจังฉันขอโทษ ยกโทษให้ฉันนะ” เรียวสุเกะไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่ก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร ยูโตะรู้สึกถึงน้ำหยดเล็กๆ ที่หยดลงบนแขนของเขาได้นั่นทำให้เขายิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น สุดท้ายก็ทำให้ร่างเล็กร้องไห้จนได้ เขาซบหน้าลงกับไหล่ของเรียวสุเกะ “ฉันขอโทษ”
เรียวสุเกะเงยหน้าขึ้นฟ้าเพื่อไล่น้ำตา “ไม่เป็นไรหรอกยูโตะคุง ปล่อยฉันเถอะนะถึงบ้านฉันแล้ว” เขาพยายามแกะมือของร่างสูงออกแต่ยูโตะก็ยังคงกอดไว้แน่น เรียวสุเกะสะอื้นเมื่อยูโตะไม่ยอมปล่อย “ปล่อยเถอะนะยูโตะคุง อย่าทำแบบนี้”
ยูโตะคลายมือออกแล้วค่อยๆ จับร่างเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา ยูโตะใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาของเรียวสุเกะเบาๆ “ขอโทษนะยามะจัง” เรียวสุเกะยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา น้ำใสๆ ที่เอ่ออยู่ในดวงตาของร่างเล็กไหลออกมาอีกครั้ง ยูโตะเช็ดน้ำตาให้เรียวสุเกะ “อย่าร้องไห้สิ แบบนี้ฉันเสียใจนะ”
“ฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะโกรธยูโตะคุงซักหน่อย” เรียวสุเกะพูดเสียงอ่อย เขาแค่ดีใจที่ร่างสูงยังให้ความสำคัญกับเขาเท่านั้นเอง
ยูโตะเชิดคางของร่างเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา “อย่าโกหกฉันสิ”
เรียวสุเกะยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน เขาหายโกรธตั้งแต่ยูโตะตามเขาลงมาแล้วล่ะ “ก็บอกว่าไม่ได้โกรธไง”
ยูโตะหัวใจพองโตเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของร่างเล็ก “ยกโทษให้ฉันจริงๆนะ” เรียวสุเกะพยักหน้า ดวงตากลมโตที่สบตากับเขาช่างเย้ายวนอย่างน่าประหลาด เขาจับมือของร่างเล็กไว้มั่นก่อนจะประทับจูบลงไปบนริมฝีปากอวบอิ่มนั้นอย่างอ่อนโยนโดยที่เรียวสุเกะก็ดูจะเต็มใจให้ทำอย่างนั้นด้วย รสจูบนั้นหวานซะจนเขาไม่อยากจะให้มันหยุดเลย เขารู้สึกได้ว่าร่างเล็กเองก็รู้สึกเหมือนกับเขาเช่นกัน
เคโตะเอาแต่นั่งจับเจ่าอยู่ในรถที่จอดอยู่ทางเข้าบ้านของเรียวสุเกะเพียงลำพัง ยูโตะกลับไปนานแล้ว เขาตามมาเพื่อดูว่าเรียวสุเกะปลอดภัยดีแล้วแต่สุดท้ายก็ได้เห็นภาพนั้นจนได้ เขายิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ถ้าคนทั้งคู่ตัดสินใจดีแล้วเขาก็ไว้ใจว่ายูโตะคงดูแลเรียวสุเกะได้ เคโตะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ตัดใจให้ได้ซักทีเถอะ เขาบอกตัวเองอย่างนั้นแต่มันก็ไม่ง่ายเลย ดวงจันทร์ช่างดูเปล่าเปลี่ยวเหมือนเขาตอนนี้เหลือเกิน แม้จะมีดาวอีกหลายดวงรายล้อมแต่ถึงกระนั้นดวงจันทร์ก็ยังคงโดดเดี่ยวอยู่ดี
เคโตะมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว เขาสตาร์ทรถแต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขายังไม่ได้คุยกับริวทาโร่เลย เขายังไม่ได้ขอโทษเจ้าเด็กนั่น เคโตะถอนหายใจ เจ้าเด็กนั่นจะยกโทษให้เขามั้ยนะ เคโตะรวบรวมสมาธิก่อนจะขับรถออกไป
-----------------------------------------------------------------
จากตอนที่แล้วทำไมมีแต่คนร้องโอดโอยก็ไม่รู้นะ ^^
เรื่องนี้ไรเตอร์แต่งแนวดราม่านะคะเพราะฉะนั้นฉากหวานอาจไม่ค่อยมีเท่าไร(แต่ไรเตอร์ก็อยากให้มีเหมือนกันนะ >_<)
ส่วนตอนท้ายเรื่องนั้น ไม่รู้เหมือนกันค่ะตอนนี้ยังคิดไม่ออก 5555+
ตอนนี้มีตัวละครมาเพิ่มอีกแล้ว แหะๆ ตัวละครเยอะจังน้า~
ความคิดเห็น