ตอนที่ 8 : EP.07
EP.07
:)
หนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง
เราใช้เวลาในการพบปะคนมากมายราวสิบชั่วโมง
ได้พูดคุย ทักทาย ทั้งคนสนิท และไม่สนิท
ได้สบตา ส่งยิ้มให้กับคนรู้จัก และพนักงานร้านอาหาร
แต่จะมีสักกี่ชั่วโมง?
ที่เราสละเวลาเหล่านั้นมาอยู่กับตัวเองในความเงียบ
กี่ชั่วโมงกัน...ที่เราได้มานั่งพูดคุยกับ ความรู้สึกของตัวเอง
หนึ่งชีวิตถอนลมหายใจทิ้งอย่างเบื่อหน่ายบนโต๊ะทำงานของบริษัท สายตาจดจ้องอยู่กับหน้าจอจนเริ่มเหนื่อยล้า ความปวดร้าวจากหลังต้นคอแล่นขึ้นมายังขมับด้านหน้าเป็นสัญญาณของไมเกรน
จองยอนไม่แน่ใจว่างานที่เธอกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำอยู่นั้นใช่สิ่งที่เธอต้องการจริงๆหรือเปล่า ตั้งแต่บริษัทเก่าปิดตัวลงด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทำให้เธอจำเป็นต้องย้ายมาทำงานเป็นกราฟิกดีไซน์ที่บริษัทแห่งใหม่ บริษัทแห่งนี้เป็นบริษัทเกี่ยวกับเพลง—ซึ่งไม่เกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ที่จองยอนชอบเลยสักนิด แต่ด้วยค่าตอบแทนที่สูงรวมถึงเป็นงานที่จองยอนถนัดพอสมควร จึงทำให้เธอตัดสินใจทำตำแหน่งนี้
“จองยอน เธอโอเคไหม?”
สีหน้าที่ดูไม่ดีของจองยอนทำเอาเพื่อนร่วมงานถึงกับเอ่ยทัก ไม่ดีแน่ถ้าเธอฝืนทำงานแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ งานที่ต้องนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์แทบทั้งวัน หมกมุ่นอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแถมยังไม่มีเวลาออกไปหาอาหารดีๆใส่ท้อง
“สภาพเธอดูไม่ค่อยดีเลยนะ วันนี้กลับไปพักก่อนก็ได้เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการต่อเอง”
สองเดือนแล้วกับการนั่งรีทัช ตัดต่อ ไดคัท รวมถึงวาดการ์ตูนผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ต่ำกว่าแปดชั่วโมงต่อวัน จองยอนเองก็อยากหาเวลาส่วนตัวกลับไปพักผ่อนที่บ้านต่างจังหวัด—ทว่างานที่ล้นมือกลับรั้งเธอไว้จนไปไหนไม่ได้ อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องมานั่งทำงานหนักแบบนี้เลย ที่บ้านก็มีฐานะ แถมยังมีธุรกิจเป็นของตัวเองอีก จองยอนเป็นพวกไม่ชอบอยู่เฉยๆ เธอมักจะหาอะไรทำเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังว่างเกินไป
นอกจากงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว—เธอยังชอบงานเขียนอีกด้วย ใครจะรู้ว่ายู จองยอนจะมีนามปากกาเหมือนกับนักเขียนทั่วไป เธอเขียนนิยายรัก ทั้งๆที่เธอหมดศรัทธากับความรักไปเสียแล้ว เมื่อความรักหลุดลอยหายไปกับสายลม—นวนิยายสุดแสนจะโรแมนติกที่หญิงสาวบรรจงปรุงแต่งขึ้นจึงหยุดอยู่แค่ครึ่งเรื่องเท่านั้น
และก็ไม่รู้ว่าวันไหนที่เธอจะกลับมาเขียนมันต่อ
“พรุ่งนี้พี่จะกลับบ้านที่คังวอน จะพาโปซงไปคืนแม่” หญิงสาวพูดเสียงเนือยๆ
“แกจะไปกับพี่ไหมแชยอง”
จองยอนตัดสินใจแล้วว่าจะลางานกลับไปพักผ่อนที่บ้านต่างจังหวัดสักสองสามวัน ถ้าอาการปวดหัวหายดีขึ้นเมื่อไรก็จะกลับมาทำงานหนักได้เช่นเดิม โอกาสดีที่เธอจะได้กลับไปพักผ่อนและพาสุนัขตัวโปรดกลับบ้าน อยู่ที่นี่แชยองก็ดูแลโปซงได้ไม่ดีพอ ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายที่จองยอนต้องคอยรับผิดชอบแทนน้องสาวอีก
“ฉันไปไม่ได้หรอก” แชยองเอ่ยขึ้น
“ช่วงนี้ต้องอ่านหนังสือสอบหนักมาก มีสอบติดกันตั้งหลายวิชา”
โชคไม่ดีที่แชยองติดสอบขณะที่จองยอนได้มีเวลาหยุดพักผ่อน เธอรู้สึกเสียดายนิดหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร—การขับรถกลับต่างจังหวัดคนเดียวไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนอย่างเธออยู่แล้ว
“พี่จองยอนเป็นไรอะ ไหวไหมเนี่ย”
จู่ๆร่างสูงก็เกิดอาการหน้ามืดขึ้นมาอย่างกะทันหัน โชคดีที่มีโซฟานิ่มรองรับร่างของเธอไว้ไม่ให้ล้มหัวฟาดพื้นไปเสียก่อน ก่อนที่แชยองจะเข้ามาประคองเธอไว้อีกแรง
“ไหวๆ ช่วงนี้พี่หน้ามืดบ่อยมากเลยอะ เหมือนจะเป็นไมเกรนด้วย”
“ทำงานหนักอีกแล้วสินะ” แชยองบ่นอุบ
“อือ”
“นอกจากทำงานหนัก พี่จองยอนก็ไม่ยอมกินอาหารดีๆด้วย มัวแต่กินรามยอน อาหารแช่แข็งแล้วมันจะเอาอะไปแข็งแรงล่ะ”
ติ๊ง ต่อง
เสียงกริ่งดังขึ้นสองครั้งพร้อมปรากฏร่างหญิงสาวในเสื้อสีขาวกับเอี๊ยมยีนส์สบายๆ ในมือทั้งสองข้างถือถุงผ้าที่เต็มไปด้วยผัก ผลไม้และของสดอีกมากมายสำหรับปรุงอาหาร แชยองเปิดประตูต้อนรับหญิงสาวผู้มาใหม่ ก่อนจะช่วยหล่อนหยิบสัมภาระเหล่านั้นไปไว้ในห้องครัว
“คุณนายอน”
เสียงแผ่วเบาของสาวผมสั้นเอ่ยขึ้นเมื่ออิม นายอนปรากฏอยู่ตรงหน้า จองยอนปวดหัวมาก—ปวดจนไม่สามารถลุกขึ้นเพื่อต้อนรับใครอีกคนไหว
“คุณเป็นมากขนาดนี้เลยหรอคะ เวียนหัวไหม กินอะไรมาหรือยัง?”
ใบหน้าสวยฉายแววเป็นห่วงเป็นใย หล่อนเอื้อมหลังมือมาแตะบนหน้าผากและลำคอของอีกฝ่ายอย่างร้อนรน
“ไมเกรนน่ะคุณ นอนพักสักแปปเดี๋ยวก็หายแล้ว”
นายอนพยุงร่างคนป่วยเป็นไมเกรนเข้ามานอนพักในห้องส่วนตัว และปล่อยให้หน้าที่เตรียมอาหารมื้อค่ำตกเป็นของแชยอง
สองเดือนที่ผ่านมานั้นนายอนคอยพูดคุยถามไถ่กับจองยอนเสมอ ถึงแม้ว่าเธอทั้งสองจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆก็ตาม ชีวิตประจำวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย—นายอนได้รับข้อความจากแชยองว่าช่วงนี้จองยอนสุขภาพไม่ค่อยดี ทั้งทำงานหนักจนไม่ยอมพักผ่อน ความเครียด กินอาหารไม่มีประโยชน์ รวมถึงสุขภาพจิตที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่สาวฟันกระต่ายคนนี้โผล่มาที่บ้านของยู จองยอนอีกครั้ง
“ฉันเห็นว่าช่วงนี้คุณสุขภาพไม่ค่อยดี เลยซื้อของสดมาทำอาหารให้”
ท่าทางเลิ่กลั่กของนายอนนั้นดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ความจริงบางอย่างทำให้จองยอนถึงกับอมยิ้มให้กับดวงตาใสฉายแววไร้เดียงสาที่จ้องมองเธออยู่
“แต่คุณทำอาหารไม่เก่งไม่ใช่หรอ”
ใช่—นายอนทำอาหารไม่เก่ง หล่อนพอช่วยงานครัวได้บ้าง เช่น จัดจาน เตรียมอาหาร ล้างจาน เธอทำได้ดีทั้งหมดในสิ่งที่กล่าวมา ยกเว้นทำอาหาร
“ก็ใช่แหละ” นายอนเม้มปาก
“แต่ฉันอยากทำให้คุณกินนี่คะ”
สองเดือนที่ห่างกันไปไม่ได้ทำให้ความน่ารักของอิม นายอนลดน้อยลงเลย จองยอนอมยิ้มเล็กน้อยให้กับความใจดีของผู้หญิงตรงหน้า ถึงแม้ว่าความเจ็บปวดกำลังแล่นเข้ามาเล่นงานก้อนสมองของเธอเป็นระยะก็ตาม
คุณยังคงอยู่ข้างฉันเสมอ
จองยอนผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เธอหลับไปพร้อมกับไออุ่นผ่านฝ่ามือบางที่สานกันไว้อย่างหลวมๆ ใบหน้าสวยแนบลงบนเรียวมือของคนที่หลับไปแล้ว ทำให้นายอนได้กลิ่มหอมอ่อนๆของน้ำหอม Virgin Island Water Creed บนจุดชีพจร จองยอนเป็นคนมีรสนิยมที่ดี—และนายอนเองก็จำได้แม่นว่าเธอเป็นคนที่คลั่งไคล้น้ำหอมทุกประเภท
“อือ...ฮึก”
มือเรียวกระตุกเป็นระยะพร้อมกับเสียงในลำคอที่ดังทุ้มออกมา จองยอนกำลังนอนละเมอ—ร่างกายกระตุกเป็นระยะพร้อมกับใบหน้าที่ส่ายไปส่ายมาเล็กน้อย
จองยอนกำลังฝันร้าย
และเป็นฝันที่ทำร้ายจิตใจของนายอนด้วยเช่นกัน
“อย่าไป...ซาจัง ฉันรักเธอ”
เสียงละเมอจากปากของจองยอนทำให้หัวใจของนายอนแทบแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกจุกแน่นขึ้นมาถึงกลางอก หัวใจของนายอนกระตุกวูบด้วยความรู้สึกน้อยใจต่อคนเบื้องหน้า ถ้าเดาไม่ผิด—นั่นคงจะเป็นชื่อคนรักเก่าของจองยอนอย่างแน่นอน
หนึ่งเหตุผลที่ทำให้เธอไม่เปิดใจ
เพราะเธอไม่พร้อมจะรักใคร...
หรือเพราะเธอยังรักเขาอยู่
Y E O U I N A R U S T A T I O N
รถยนต์แล่นด้วยความเร็วปานกลางเพื่อมุ่งหน้าไปยังจังหวัดคังวอน คงไม่ดีแน่ถ้าปล่อยให้คนป่วยเป็นไมเกรนขับรถออกต่างจังหวัดคนเดียว—ดังนั้นนายอนจึงตัดสินใจนั่งรถมากับจองยอนโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ร้องขอ
“คุณนะคุณ ดื้อจริงๆ คุณไม่ไว้ใจให้ฉันขับรถกลับบ้านคนเดียวหรือไง”
“ใช่สิ” นายอนเลิกคิ้วขึ้น
“จะปล่อยให้คุณขับรถกลับบ้านคนเดียวได้ไง ไหนจะต้องดูแลโปซงอีก เนี่ย—ถ้าไม่ติดว่าฉันขับรถไม่เป็นนะ ฉันก็ขับแทนคุณแล้ว ถ้าอาการไมเกรนกำเริบอีกจะทำยังไงล่ะ คิดเผื่อบ้างสิคุณ”
นายอนตอบกลับด้วยประโยคแสนยาวเหยียดจนคนฟังถึงกับอึ้ง เธอยังไม่ลืมชื่อของใครบางคนที่จองยอนละเมอเรียกเมื่อคืนก่อน นายอนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่หัวใจกำลังถูกบีบรัด แต่แล้วความอยากรู้อยากเห็นทำให้เธอเผลอถามบางอย่างออกมา
“ซาจังเป็นแฟนเก่าของคุณหรอ?”
จองยอนอึ้งไปเล็กน้อย หัวใจสั่นไหวในขณะที่มือทั้งสองยังคงกุมพวงมาลัยรถยนต์แน่นอยู่ แววตาคล้ายแฝงอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่นายอนเข้าไม่ถึง
“คุณรู้ได้ไง”
“…”
ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกครั้งหลังสาวฟันกระต่ายโพล่งปากออกไปแบบนั้น
สุดท้ายเธอก็เก็บความอึดอัดไว้เพียงคนเดียวไม่ไหว
“คุณละเมอถึงชื่อเธอ” นายอนลดเสียงแผ่ว
“ตอนที่อยู่กับฉัน”
ความรู้สึกบางอย่างที่เธอทั้งสองมีร่วมกัน ลึกๆแล้วอาจจะเป็นนายอนคนเดียวที่รู้สึกก็ได้นะ สัมผัสอุ่นจากมือบางที่เคยสัมผัส คำพูดที่คอยให้กำลังใจ คนที่คอยอยู่เคียงข้าง แม้กระทั่งไออุ่นจากอ้อมกอด มันอาจจะเป็นเพียงความรู้สึกแบบ ‘เพื่อน’ สำหรับจองยอน—แต่สำหรับนายอนแล้ว
มันไม่เคยเป็นแค่นั้น
ความสัมพันธ์ที่เหมือนกับเส้นขนาดทั้งสองเส้นกำลังเดินหน้าไปพร้อมๆกัน เธอไม่รู้ว่าวันไหนที่มันจะบรรจบกันเป็นเส้นเดียว
“คุณช่วยหยิบแว่นกันแดดบนเบาะหลังให้หน่อยสิ”
จองยอนเมินคำถามของนายอน ก่อนที่หล่อนจะวานให้เธอเอื้อมไปหยิบของที่เบาะด้านหลัง สาวฟันกระต่ายกวาดตามองไปทั่วแต่กลับไม่พบกับแว่นกันแดดที่อีกฝ่ายขอ
“ไม่เห็นมีเลยคุณ คุณเหน็บไว้อีกฝั่งหรือเปล่า?”
นายอนเอี้ยวตัวไปทางซ้ายหนักกว่าเดิม จองยอนชะลอความเร็วลดลงจอดข้างทางและตั้งใจจะหาแว่นกันแดดด้วยตัวเอง หญิงสาวอีกคนยังคงควานหาอย่างไม่ลดละ ก่อนฝ่ายจองยอนจะตัดสินใจยื่นใบหน้าเข้าไปเพื่อช่วยหาอีกแรง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันหาเอง”
จังหวะที่นายอนพลิกร่างกายกลับมา—เป็นจังหวะที่จองยอนเองก็ยื่นใบหน้าของตัวเองไปทางเธออย่างไม่ตั้งใจ เป้าหมายของหล่อนคือการหาแว่นกันแดดที่ตกอยู่เบาะหลังแต่กลับเปลี่ยนแปลงเมื่อใบหน้าสวยกำลังปรากฏอยู่ตรงหน้า แทบจะไม่มีระยะห่างระหว่างเธอทั้งสองเหลืออยู่ ลมหายใจสะดุด พร้อมกับหัวใจที่สั่นระริกเมื่อลมอุ่นๆของใครอีกคนกำลังสัมผัสปะทะบนใบหน้า
เรากำลังตกหลุมรักกันจริงๆใช่ไหม?
นายอนไม่อาจหาคำตอบได้กับสถานะที่ก้ำกึ่งระหว่างเธอสองคน รู้ตัวอีกที—ใบหน้าเรียวเล็กและดวงตาสีน้ำตาลก็กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้เต็มที แววตาของจองยอนวูบไหวเพียงครู่เดียว หัวใจเต้นตึกตัก ก่อนหล่อนจะเริ่มประทับริมฝีปากบางลงบนเรียวปากของเธออย่างอ่อนโยน
ใบหน้าขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ จองยอนหลับตาพริ้ม—นายอนเองก็เช่นกัน ริมฝีปากค่อยแนบชิดติดกันอย่างเชื่องช้าและอ้อยอิ่ง หญิงสาวรู้สึกถึงความละมุนที่แทรกเข้ามาพร้อมกับรสจูบแสนหวาน ยอมรับว่าลมหายใจของคนตรงหน้ากำลังทำให้เธอรู้สึกดี รสหวานเล็กๆ นุ่ม ละมุน ทำให้โลกทั้งใบในตอนนี้กลายเป็นของเธอและหล่อนเพียงสองคน
เธอไม่อาจรู้ได้หรอกว่าความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่มันถูกตั้งชื่อว่าอะไร เธอรู้แค่เรามีกันไปแบบนี้มันก็ดีมากแล้ว
เราเดินบนเส้นทางเดียวกัน
บนเส้นขนานที่ไม่รู้ว่าวันไหนจะบรรจบกัน
จับมือ ยิ้ม และหัวเราะไปด้วยกัน
จนกว่าใครสักคน...จะหายไปจากโลกของอีกคน
:)
TBC.
Yeouinaru Station
#สถานียออินารุ
Talk...
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ อันที่จริงไรท์ไม่ได้ต้องการจะมาทิ้งระเบิดให้คนอ่านสองตอนติดกันหรอกนะคะ 55555 แต่ความสัมพันธ์ของนาจองนั้นจะค่อยๆขยับเขยื้อนไปทีละนิดทีละหน่อย ระยะเวลาของเนื้อเรื่องเลยดูผ่านไปเร็วทั้งๆที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังหยุดอยู่ที่เดิม ;-;
ไม่รู้ว่าเหตุผลที่พี่จองของเราปิดใจนั้นเพราะกลัวความรักครั้งใหม่หรือยังไม่ลืมคนรักเก่ากันแน่ ว่าแต่มีใครสงสัยมั้ยคะว่าทำไมพี่จองถึงถูกซา(นะ)จังบอกเลิก? อะไรที่ทำให้เขาอกหัก และเจ็บปวดจนไม่กล้าเปิดใจให้ใครอีก
นายอนจะก้าวข้ามปมที่คนรักเก่าของจองยอนทิ้งไว้ได้ไหม? ความรักจะดำเนินต่อไปในทิศทางไหน สมหวังหรือผิดหวัง ฝากติดตามฟิค Yeouinaru Station #สถานียออินารุ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ขอบคุณทุก Comment ด้วยน้า แวะมาบอกว่ายิ่งอ่าน Comment ยิ่งมีกำลังใจแต่งต่อจริงๆนะ ไหนจะคนที่เข้ามาพูดคุยกันในแท็ก #สถานียออินารุ อีกด้วย ขอบคุณนะคะ เจอกันตอนหน้า ฟิ้วววว :)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้อี๊ก T.T