ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NEW FRIEND...ก็แค่เพื่อนใหม่ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #2 : 2:เรื่องเก่าๆ

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 56


     

    2:เรื่องเก่าๆ 

    ที่นานมาแล้วไม่ได้ลืม


     

     “เตอร์……” น็อตมันเรียกเสียงยานคางเหมือนคนกำลังจะหลับ แต่มันหลับไม่ได้หรอก เพราะมันน่ะกำลังเกาะแข้งเกาะขาผมอยู่ นี่เป็นเวลาเลิกเรียนที่คนทั่วไปเค้าควรจะกลับบ้านกัน หรือไม่ก็ทำงานอยู่บนห้องตัวเองเหมือนกับผม แต่กับมันนี่สิ..

    “อะไร” ผมพูดติดเสียงรำคาญ ให้มันรู้ว่าผมรำคาญมัน และมันก็ควรจะกลับบ้านไปได้แล้ว หมายถึงควรจะกลับไปตั้งนานแล้วน่ะ

    มันขึ้นมาห้องผมตั้งแต่ตอนเลิกเรียน มานั่งคุยกับผมจนเทสต์มันถามว่าเป็นใคร แถมมันก็แนะนำตัวเองเสร็จสรรพ เราสามคนนั่งคุยกันอยู่สักพักจนไอ้เทสต์มันกลับบ้าน คนในห้องก็ทยอยกันออกไปจนหมด เหลือแค่ผมกลับมัน

    แต่แทนที่มันจะนั่งเงียบๆหรือกลับบ้านตามคนอื่นไป มันกลับมาถามคำถามนู่นนี่ จนผมชักจะรำคาญมันแล้วล่ะ อย่าว่าแต่ผมเลย คนอื่นเป็นก็คงก็รำคาญมัน เล่นถามทุกเรื่อง พูดไม่หยุด แอบสงสัยเหมือนกัน ว่ามันจดสคริปต์ไว้รึเปล่า

    “บ้านมึงสีไรอะ” นี่ก็เป็นอีกคำถามที่ไม่รู้จะถามไปขอหวยพ่อมันรึไง

    “สีรุ้ง”

     

     

    สุดท้ายผมก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความพูดมากของมันอยู่ดีครับ ตัดสินใจกลับบ้าน เพราะเริ่มจะสำเหนียกตัวเองได้แล้วว่าอยู่ไปก็คงทำไม่เสร็จหากยังมีมันมานั่งเกาะแข้งเกาะขาพูดมากอยู่แบบนี้ ทำที่บ้านสบายและเสร็จเร็วกว่าแน่นอนครับ

    “ทำไร” ผมที่กำลังจะโทรศัพท์ชะงักทันทีเมื่อมันทำหน้าตื่น

    “โทรหาแม่ไง ป่านนี้รถหมดแล้ว” ทั้งๆที่ตอนนี้แค่หกโมงครึ่งเท่านั้น แต่ทำไงล่ะครับ โรงเรียนผมมันยิ่งอยู่ในตัวเมืองอยู่

    “เฮ้ยๆ ไม่ต้องๆ ป๊ากูเลิกงานละบอกว่าเดี๋ยวมารับ ตอนแรกป๊าคิดว่ากลับเร็วเลยให้กลับเอง แต่นี่เย็นแล้ว ป๊ากูกำลังจะถึงแล้วด้วย” ผมกดตัดสายและยัดโทรสัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ดีเหมือนกัน ได้นั่งรถฟรีกลับบ้าน ไม่รบกวนแม่ด้วย ป่านนี้กลับบ้านยังก็ไม่รู้เลยครับ โทรไปเผื่อแม่อยู่แค่นั้นล่ะจริงๆ

     

    รอไม่นานรถยนต์สีดำคันงามก็มาจอด ผมกับน็อตเปิดประตูสวัสดีคนด้านในและรถก็เงียบมาตลอดทาง …..ซะที่ไหนเล่า

    บรรยากาศในรถพ่อ.. ป๊าของน็อตมันแหละ ดูผิดคาดจากในจินตนาการของผมนิดหน่อย ไม่นิดสิ แตกต่างกันสิ้นเชิงเลยล่ะ ที่ผมคิดไว้ก็คือมันคงจะอึดอัดและเงียบแบบแปลกประหลาดแน่ๆ ส่วนบรรยากาศตอนนี้ก็คงจะเดาได้ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ สองพ่อลูก เล่นซักประวัติผมกันสนุกปากเลยล่ะครับ ชวนผมคุยนู่นคุยนี่ตลอดทาง จนคนพูดน้อยอย่างผมกลายเป็นพูดมากไปเลย

    ตอนเจอพ่อของน็อตครั้งแรกผมเกร็งมาก แต่พอได้เอ่ยปากคุยกันนั่นแหละ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน็อตมันเข้ากับคนอื่นง่ายขนาดนี้

     “เลี้ยวซ้ายเข้าซอยนั้นเลยครับ” ผมบอกทางเข้าบ้านก่อนจะกลับมานั่งพิงเบาะเหมือนเดิม พลันเสียงไอ้พูดมากตัวเดิมก็ยังทำงานอยู่ไม่ขาดสาย

    “บ้านมึงอยู่ในซอยนี้หรอ”

    “อืม”

    “บ้านกูก็อยู่ซอยนี้อะ แต่อยู่ข้างในลึกๆว่ะ เฮ้ย เดี๋ยวนะ บ้านเทสต์ก็อยู่ใกล้ๆบ้านมึงหนิ ใช่ปะ”

    “ถัดจากบ้านกูไปสามสี่หลังอะ หลังเขียวๆ”ผมตอบมันไปในคราวเดียว เพราะเชื่อว่าถ้าตอบน้อยๆ เดี๋ยวมันก็คงจะถามอีก ก่อนจะบอกทางพ่อของน็อตเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมชี้ไปที่ตัวบ้าน

    “นี่บ้านมึงหรอ”ผมพยักหน้าให้มันแทนคำตอบ

    “แหนะ เล่นมุกเป็นด้วยมึง” ถึงรถจะจอดสนิทแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้ลงไป เพราะคำพูดแปลกประหลาดของมัน กูไปหลอกอะไรมึงวะ แล้วปากก็ไวเท่าใจคิดครับ

    “มุก มุกอะไรวะ”

    “ก็ที่บอกว่าบ้านสีรุ้งไง”

    “เชื่อคนง่ายไปแล้วครับมึง” ผมพูดติดตลกก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวมันอย่างหมั่นเขี้ยว

    “เห็นว่าเป็นมึงหรอกหน่าถึงยอมเชื่ออะ หน้าตาก็ซื่อบื้อ ไม่คิดว่ามึงจะกวนตีนเป็นเหมือนกันเหอะ”

    คำพูดของมันทำให้ผมชะงักและเริ่มเซ็งขึ้นมาอีกระลอก เพราะคนตรงหน้าที่ปั้นหน้าตายและพูดเหมือนจะชื่นชมแต่แอบจิกกัดลึกๆอยู่ในคำพูดนั่นอดใจไม่ไหวละ

    “เฮ้ย ตบหัวกูทำไม “

    “กวนตีน

    “ฮะๆ ขอโทษๆครับ” ผมหันไปจิกตาใส่มันอย่างที่ทำบ่อยๆ แล้วก็เปิดประตูรถลงมา ไม่ได้โกรธอะไรจริงจังหรอก แต่นิสัยจิกตาแบบนี้มันติดเป็นนิสัยไปแล้วต่างหาก

    แล้วน็อตมันก็รู้แล้วครับ เพราะวันนี้ผมจิกตาใส่มันไปหลายรอบมาก ก็มันพูดมากแล้วก็กวนตีนแบบนี้ไง

                แต่ดูเหมือนผมจะลืมอะไรบางอย่าง ผมเดินไปที่ตัวรถเปิดประตูข้างหน้าข้างคนขับ พ่อของน็อตที่กำลังก้มหาอะไรซักอย่างอยู่ก็เงยหน้ามามอง

    “ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” ผมไหว้และยิ้มกว้างเห็นฟันครบทุกซี่ให้ท่าน และท่านก็ยิ้มกับมาอย่างเป็นมิตรพร้อมกับบอกว่าไม่เป็นไร คนกันเอง  (ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย) ผมยืนส่งที่หน้าบ้านจนรถคันนี้เคลื่อนตัวออกไป

     

    ฮะๆ แปลกใจตัวเองเหมือนกันนะ อยู่กับมันแล้วชีวิตผมดูมีอะไรขึ้นเยอะเลย ถ้าผมอยู่ตัวคนเดียวก็แค่ไปกลับ วันๆคงไม่ได้ทำอะไร พออยู่กับเทสต์ก็วุ่นวายนิดหน่อย แต่พอได้เจอกับน็อตมันแตกต่างออกไปจากเดิมมาก ทั้งวุ่นวายกว่าเดิม ทั้งทำให้ผมพูดมากกว่าเดิม ทำให้ผมรื้อนิสัยเก่าๆที่เก็บใส่ลิ้นชักไว้มาใช้กับมัน

    ทั้งที่คิดว่าคงจะลืมนิสัยแบบนี้แบบกู่ไม่กลับไปแล้วแท้ๆ

    บางทีอยู่กับมันผมก็รู้สึกว่าตัวเองดูชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลย ถ้าเป็นแบบนี้ได้ทุกวันก็คงจะดี..

     

                พอเปิดประตูเข้าบ้านมาทำให้รู้ว่าแม่ผมยังไม่กลับบ้าน เพราะรถที่ไม่มีจอดอยู่ในโรงจอด และบ้านที่เงียบอย่างกับเป่าสาก แต่ถึงแม่จะอยู่บ้านก็คงเงียบอยู่ดี ผมถอดรองเท้าไว้ที่ชั้นวาง ก่อนจะเดินอย่างเอื่อยๆ ขึ้นห้อง เหลือบมองประตูสีขาวบานใหญ่ข้างๆ ก่อนจะเปิดประตูห้องตัวเองเข้าไป

                ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยๆ   เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียน ไว้ค่อยอาบน้ำพรุ่งนี้ตอนเช้าละกันนะ

     

     

    “ปะ” เสียงของเทสต์ดังขึ้นพร้อมกับตัวมันที่กำลังเดินออกมาจากบ้านเช่นกัน ผมมักจะมารอมันที่หน้าบ้านเสมอในตอนเช้าๆ เพราะมันบอกว่าจะได้ไปโรงเรียนพร้อมกัน

    เราเดินกันมาขึ้นรถเมล์ที่ปากซอยหมู่บ้าน รถค่อนข้างจะโล่งเพราะว่านี่ยังเป็นต้นสายอยู่ นั่งคุยกันแกล้งกันไปมา ไม่สิ ต้องเรียกว่าผมโดนมันแกล้งมากกว่า

    เราลงป้ายที่อยู่หน้าโรงเรียน ไอ้ตัวผมก็เดินเข้าโรงเรียนอย่างปกติ ส่วนเทสต์มันก็จะแว่บออกไปไหนสักแห่งตามปกติเหมือนกัน ถึงผมจะโรงเรียนกับมันแต่ผมก็มักจะเดินเข้าโรงเรียนคนเดียวแบบนี้เสมอล่ะครับ

     

    ….

    “ทำไมเมื่อเช้าไม่รอมาพร้อมกูด้วยวะ” เสียงปริศนา(?)ดังขึ้นระหว่างผมกำลังนั่งกินข้าวในโรงอาหารที่เก่า เวลาเดิมอยู่ เดายากมั้ยว่าเสียงใคร?

    “แล้วทำไมต้องมาพร้อมมึง” ผมพูดพร้อมส่งหน้าตาสงสัยไปให้มัน

    “ทีเทสต์ยังมาพร้อมมึงเลย กูมาด้วยไม่ได้รึไง”

    “ก็พวกกูมาพร้อมกันทุกวัน ตั้งแต่ขึ้นมอสี่แล้ว ไม่เห็นแปลก” ผมบอกไปตามความจริง  เพราะผมกับเทสต์เริ่มสนิทกันมากขึ้นตอนอยู่ม.ปลาย

    “ไม่รู้อะ ยังไงพรุ่งนี้กูไปพร้อมพวกมึงด้วยละกัน” ผมพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจให้มันส่งๆ  ไม่ได้สังเกตท่าทีและสีหน้าของมัน ยังไงก็คงไม่ได้ไปด้วยกันจริงๆหรอกมั้งนะ

    น็อตนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม เหมือนเหตุการณ์ที่ทับซ้อนกับเมื่อวาน แต่ต่างกันตรงที่วันที่มีแค่ผมคนเดียวที่กินข้าว ส่วนน็อตก็ทำแค่นั่งมองดูผมอย่างเงียบ ไม่ได้ชวนคุยอะไรมากมายอย่างที่เคยทำ

    “เป็นอะไร” ผมตัดสินใจถามมันออกไปเมื่อรู้สึกได้ว่าบรรยากาศมันแปลกๆ แปลกโคตร รู้สึกได้ถึงรังสีความาคุสีดำอยู่รอบตัว หน้าตามันดูน่ากลัวมากเลยอะครับ

    …..

    “เงียบอีก” ผมถอนหายใจกับท่าทีของมัน มองหน้ามันเป็นระยะเพื่อรอคำตอบ

    ….. แต่มันก็ยังเลือกที่จะเงียบ

    “ช่างมึงละกัน กูขึ้นห้องละ” ไม่อยากเซ้าซี้อะไรมากมาย ในเมื่อมันไม่อยากคุย ผมก็บังคับอะไรมันไม่ได้ แล้วอีกอย่างก็กินหมดแล้วด้วย นั่งอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน

    แต่ผิดคาดเพราะพอผมลุกขึ้นมา น็อตมันก็ลุกตาม ผมเดินเอาจานไปเก็บมันก็เดินตาม พอเดินออกมา มันก็ยังเดินตามเห็นอย่างนั้นผมเลยเปลี่ยนเป้าหมาย แทนที่จะขึ้นห้อง ผมเลยเดินไปสนามบาส เพราะก่อนกินข้าวเทสต์มันโทรมาบอกว่าอยู่นี่ จริงๆก็ไม่เคยมาหามันหรอก แต่อยากรู้ปฏิกิริยาไอ้เพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน แต่ดันผันตัวมาเป็นสตอร์กเกอร์เนี่ยแหละ

    “อะไร” ผมพูดเสียงดุๆ หันไปมองมันตาค้อนเพราะแรงสะกิดที่ไหล่เมื่อกี๊ มันผมมองด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่  ทำท่าเหมือนจะพูด แต่สุดท้ายมันก็ก้มหน้าลงไปเหมือนเดิม พอเดินต่อมาได้นิดหน่อยมันก็สะกิดอีก แต่คราวนี้ผมเดินต่อโดยไม่ได้สนใจหันกลับไปมองมันเลยสักนิดเดียว  

    “เฮ้ยๆๆ  มึงเตอร์ไอ้เตอร์” พอโดนผมเมินมันก็ดูหงุดหงิดเล็กน้อย แรกๆก็เรียกดีๆ แต่พอผมทำหูทวนลมมันก็เรียกผมเสียงดังขึ้น  ทำให้ต้องหันกลับไปอย่างช่วยไม่ได้

    “มีอะไรอีก”

    “ก็ก็ก็มึง….มึงอะ มึงอะแหละ ไม่คิดจะง้อกูหน่อยรึไง” เสียงอึกอีกกับเสียงบ่นงุบงิบตอนท้ายๆ ทำให้ผมแอบยิ้มเล็กๆกับนิสัยเด็กของมัน มีการบอกให้ง้อด้วย

    “โกรธหรอกหรอ นึกว่ามึงขี้ไม่ออก เห็นมึงเงียบๆไม่พูดไม่จา”

    “ใช่สิ๊ กูมันทำอะไรก็ไม่ดีไปหมดแหละ”

    “ไม่ต้องทำหน้างั้นเลย โอ๋ๆ เด็กน้อยของป๋าเตอร์” ผมพูดล้อเลียนมัน พลางเขย่งเท้าขึ้น ทำท่าโอบมันเหมือนป๋าเลี้ยงเด็ก

    “สัด หยุดเลย แล้ว นี่มันทางไปไหนวะ ทำไมกูไม่คุ้น” มันพูดพร้อมกับเกาหัวแกรกๆ อย่างใช้ความคิด มันคงยังไม่เคยมาทางนี้ เพราะนี่ก็นับเป็นวันที่สองของมันกับการเรียนโรงเรียนนี้

    “สนามบาส ไปหาไอ้เท

    “หยุดเลย ไม่ต้องไป ไปส่งกูหน้าห้องก่อนแล้วจะไปไหนก็เรื่องของมึง แต่ยังไงต้องเดินไปส่งกูก่อน”

    “ไปหาเทสต์ก่อนมันอยู่แค่นี้เอง อีกนิดเดียวก็ถึงสนามบาสแล้ว ไว้เดินขึ้นไปพร้อมกัน” ผมกำลังจะเสนอความเห็นให้มันอีกว่าจะโทรให้เทสต์มันออกมาหาตรงนี้ แต่เสียงเย็นๆของมันที่เปล่งออกมาทำให้ผมกลืนคำพูดเหล่านั้นลงไปซะก่อน

    “ไปกับกู

     

     

    ตอนพักกลางวันน็อตมันก็ยังขึ้นมาหาผมเหมือนเดิม ขึ้นมาก็ชวนยิกๆให้ลงไปกินข้าวด้วยกัน แต่ด้วยความที่ยังเคลียร์อะไรไม่เสร็จ น็อตมันเลยไปทำความรู้จักคนนู้นคนนี้ทั่วห้อง ป่านนี้คุยกันจนสนิทกับเพื่อนในห้องมากกว่าผมแล้วมั้ง 

    ผมเก็บของลงใต้โต๊ะ ก่อนจะลุกไปตามน็อตกับเทสต์ลงไปกินข้าวกลางวัน ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติยกเว้นแต่น็อตที่มันออกจะพูดมากผิดปกติ(ถึงจะพูดมากอยู่แล้ว) ตลอดทั้งคาบพัก ผมกับเทสต์แทบไม่ได้คุยกัน เพราะน็อตมันดึงเทสต์ให้เดินไปด้วยกันและทิ้งผมไว้ข้างหลัง คุยนู่นนี่ตลอดทาง ทำให้ผมอดคิดเรื่องเมื่อเช้าไม่ได้

              ที่อยู่ๆมันก็ทำตัวเข้าโหมดจริงจัง ผมรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติของมัน ทั้งท่าทางและคำพูด ดูไม่ปกติเลยสักนิด แต่พอมาตอนนี้ มันทำเหมือนทุกอย่างปกติดี เหมือนเรื่องเมื่อเช้าไม่ได้มีอะไร จริงๆผมก็คิดอยู่ว่าถ้าเจอกันจะทำตัวยังไง จะอึดอัดมั้ย มันจะขอโทษหรือจะทำยังไงกับเรื่องเมื่อเช้า ที่อยู่ๆมันก็เปลี่ยนไป

    แต่น็อตมันก็ดี๊ด๊าเหมือนเดิม คุยกับผมกับเทสต์ทุกอย่างเหมือนเดิม ทำเหมือนสิ่งที่มันพูดกับผมเมื่อเช้าเป็นคำถามพื้นๆ ประมาณว่า กินข้าวเช้ารึยังมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงที่อะไร หรือบางที อาจจะเป็นผมที่คิดมาก และฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวก็ได้

             

              ตอนเย็นเทสต์กลับบ้านไปก่อน ทำธุระอะไรของมันอีกนั่นแหละ น็อตขึ้นมาขลุกอยู่กับผมบนห้องสักพัก คุยกันสัพเพเหระทั่วไป มันยังพูดมากอยู่เหมือนเดิม แต่สักพักก็มีโทรศัพท์เข้ามา น็อตรับโทรศัพท์แล้วก็วิ่งลงไป เห็นว่าเพื่อนมันตามไปเล่นบอล

    ผมนั่งทำอะไรเรื่อยเปื่อยสักพักก็เก็บของลงมาข้างล่าง บอกลาเพื่อนในห้องที่รู้จักกันแค่ชื่อ เดินผ่านสนามบอลก็เห็นน็อตมันเล่นอยู่กับเพื่อนมันเป็นสิบคน เห็นแล้วก็อิจฉาน็อตเหมือนนะ มาแค่สองวันก็มีเพื่อนเยอะขนาดนี้แล้ว เดิมทีผมก็เป็นเหมือนมัน แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้วล่ะ

    คิดอะไรเรื่อยเปื่อยรู้ตัวก็เดินขึ้นรถเมล์มาแล้ว ลงที่ป้ายหน้าปากซอยแล้วก็เดินเข้าบ้านเหมือนเคย แต่แปลกก็ที่รถที่จอดในโรงรถของตัวบ้าน เมื่อวานก็ยังไม่กลับมานี่นา เมื่อเช้าก็ไม่เห็น อาจจะออกไปทำงานเช้าหรือไม่แน่ก็ยังไม่ได้กลับ แล้วทำไมตอนนี่รถอยู่..

    แต่พอเดินเข้าบ้านมา ร่างของคนคุ้นตาที่กำลังนอนดูทีวีอยู่ตรงโซฟาก็ทำให้ผมยิ้มออก มันหันมามองและยิ้มกว้างให้ผมเช่นเดียวกัน มันอ้าแขนเหมือนให้ผมเข้าไปกอด พอเห็นดังนั้นผมเลยวางกระเป๋าไว้ที่พื้นแล้ววิ่งไปกระโดดกอดไอ้คนที่นั่งอยู่ทันที

    “เชี่ยนิว คิดถึงมึงโคตรๆเลย” พอเจอหน้ามันโคตรดีใจเลย แต่น้ำตามันก็จะไหล คิดถึงมันสุดๆ

    “ฮะๆ มานั่งคุยดีๆดิมึง กูจะตายละ”

    ผมผละออกมา ผมนั่งบนโซฟาตรงที่ว่างปลายตีนของมัน ไอ้นิวที่ว่านี่คือพี่ชายผม แต่พี่ชายไม่แท้น่ะ พ่อผมแต่งงานใหม่กับแม่นิว เราอายุใกล้กันเวลาคุยกันถึงไม่ได้เรียกพี่ จริงๆมันอายุมากกว่าผมปีนึงนะ

    เปิดเทอมนี้นิวจะขึ้นมหาวิทยาลัย แม่เลยเช่าหอใกล้ๆมหาลัยฯให้มัน ไม่เจอมันเป็นเดือนแล้ว พอมีหอมันก็ไม่กลับบ้านเลย มันชอบอ้างว่า กำลังทำตัวให้ชินในการอยู่หอ

    “มึงมาไงเนี่ย แม่มึงไปรับมาหรอ ถึงว่าวันนี้กลับเร็ว”

    “นั่งรถเมล์ ตอนแรกก็คิดว่าเขาทำงานกลับดึกแหละ ไม่นึกว่าจะเจอเหมือนกัน” นิวพูดพร้อมกับท่าเบะปาก ผมก็คิดเหมือนมัน ไม่คิดว่าจะเจอ ไม่คิดว่าจะกลับเร็ว ก็ปกติเวลานี้ไม่เคยเจอ

    “กลับวันไหนอะ อย่ารีบกลับนะมึง คืนนี้อยู่เล่นเกมส์กัน”

    “ครับๆ ไว้ใกล้เปิดเทอมค่อยกลับ ถ้าได้อยู่กับมึงตลอดก็ดีอะ อยู่หอโคตรเหงา” ผมไม่ได้ถามว่าทำไมถึงไม่กลับมาอยู่บ้านเพราะผมรู้เหตุผลถึงข้อนั้นดี เรานั่งเงียบกันสักพักเหมือนได้นั่งย้อนคิดอะไรเก่าๆ ที่ไม่ได้อยากจะจำแม้แต่นิด แต่ให้ลืมก็ไม่ได้อยู่ดี จุดเปลี่ยนชีวิตของพวกเรา..

    “มึงยังสนิทกับเทสต์มันอยู่เปล่าวะ” เป็นนิวพูดทำลายความเงียบขึ้นมา ฉุดให้ผมเลิกคิดเรื่องนั้น ผมยิ้มให้มันบางๆก่อนจะตอบ

    “สนิทดิวะ มันเป็นคนเดียวที่อยู่กับกูในตอนนั้นนะเว่ย มันเช้าใจกูทุกอย่างเลย..

    “ดีแล้ว เพราะเพื่อนอะ มันอยู่กับมึงบ่อยกว่าพ่อแม่มึงอีก ทำอะไรก็นึกถึงกันไว้”

    ผมตอบมันในลำคอเบาๆ แล้วเล่าเรื่องน็อตให้มันฟัง ทั้งที่เพิ่งเจอกันเมื่อวาน แต่เรื่องราวของมันที่อยู่ในหัวผมก็มีเยอะไปหมด นิวมันก็ฟังบ้างพูดแทรกบ้าง จนทีวีที่เปิดไว้นั้นไม่มีใครสนใจอีกต่อไป เวลาอยู่กับนิวผมจะร่าเริงแบบนี้เสมอ ไม่อยากให้มันคิดมากเกี่ยวกับผม แต่ถึงจะไม่เคยบอกมันก็ยังคงเข้าใจความรู้สึกอยู่ดี ก็เราสองคนเจอมาเหมือนกันนี่

    การที่ผมได้พบกับนิวถือเป็นเรื่องดีที่สุดในชีวิตผมเรื่องหนึ่งเหมือนกัน แต่ในความโชคดีก็มักจะมีโชคร้ายอยู่เสมอและก็นับว่าเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดเรื่องหนึ่งเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ ผมเคยเป็นเด็กที่ร่าเริงมากกว่านี้ เข้ากับคนง่ายมากกว่านี้ มีอะไรหลายๆอย่างมากกว่านี้ แต่แล้วทุกอย่างก็หายไปหมด แทบไม่เหลือเลย ผมไม่เหลือเพื่อนเลย แม้แต่คนเดียว

     

     

    ................................................................................................................




    -เป็ดโปร-
    เบื่อกันปะ เราไม่ให้เบื่อนะ 55555555555 ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ ถึงจะได้เม้นแต่วิวเพิ่มก็แสดงว่าอ่านแหละ ถูกมั้ย 555555 เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้คาดหวังเลอ แต่งตามอารมณ์ ถ้ามันแปลกๆอย่าว่ากันนะ แต่งได้วันละครึ่งหน้าบ้าง ไม่กี่บรรทัดบ้างอาจจะดูไม่ต่อเนื่องกันเท่าไหร่ เพราะเรากากแหงะ 555555555555555555555555555555555555555555

    search- free theme . howto } rhythm
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×