คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : (sf) Devil Beside #1 | rapmonster x j-hope (100%)
Devil Beside
-1-
Rapmonster x j-hope
25.3.15 40% | 29.3.15 100%
คุณเชื่อเรื่อง ภูต ผี ปีศาจ ไหมครับ?
ผมเองไม่เคยเชื่อเรื่องเหล่านี้เลย...จนกระทั่งได้พบกับ เขา
ผมมีแฟนอยู่ครับ...เราเจอกันโดยบังเอิญตอนที่ผมออกไปทำงานต่างจังหวัด
ผมตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเจอ...เขาเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาดึงดูดเพศเดียวกันได้อย่างร้ายกาจ นั่นยังไม่รวมรอยยิ้มทรงเสน่ห์ของเขาอีกนะครับ...
ใครๆก็บอกว่าเขาเป็นคนที่ แปลก...
ผมก็คิดว่าเขาแปลก เขามักจะเล่าเรื่องราวแปลกประหลาดเกี่ยวกับภูตผีปีศาจให้ผมฟังเสมอ...
ผมชอบนั่งฟังเขาเล่าครับ...ไม่ใช่เพราะเชื่อเรื่องเหล่านั้น เพียงแต่การได้นั่งมองใบหน้าหลากหลายอารมณ์ยามเล่าเรื่องของเขามันทำให้ผมมีความสุขเสียจนแทบกระอักตาย
เขามักจะพูดประโยคหนึ่งให้ผมฟังเสมอ...
‘นัมจุน...ฉันเป็นปีศาจ’
...แน่นอนว่าผมหัวเราะเสียงดังลั่นและบอกว่าเขาล้อเล่นล่ะสิ เขาจะตีหน้าบูดเหมือนเด็กน้อยที่โดนแย่งลูกอม แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากกว่านั้น...
...การได้ใช้เวลาอยู่กับเขา การได้รักเขา มันทำให้ผมมีความสุข...
...มีความสุขเสียจนไม่อยากให้ช่วงเวลานี้ผ่านไป...
...แต่ชีวิตรักของผมก็เริ่มวุ่นวาย...มาก...มากเสียจนผมยังตกใจ...
เรื่องมันเริ่มขึ้นตั้งแต่วันนั้น....
...วันที่ผมได้พบ ปีศาจ...วันที่เราเป็นของกันและกันครั้งแรก...
Devil Beside
ผมดันร่างของเขาเข้าไปในห้องนอนทันที่เรามาถึง ริมฝีปากของเราทั้งคู่ยังไม่ห่างจากกันเลยสักนิด ข้างหูของผมได้ยินเสียงลมหายใจรุนแรงเพราะแรงอารมณ์ของเขาชัดเจน ความเจ็บแปล๊บที่สีข้างทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย เขาหยิกผม...
ผมแกล้งทำเป็นเมินสิ่งที่เขาเรียกร้องผ่านการทำร้ายร่างกายผมอย่างไม่ใยดี ไม่ว่าจะทั้งทุบทั้งตีหรือแม้กระทั้งหยิก... ยิ่งเห็นร่างบางในอ้อมแขนดิ้นเร่าเพราะขาดอากาศหายใจผมก็ยิ่งไม่อยากผละห่าง
ตามหาลูกม้าจ่ะ
“...นายจะเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้เห็นมัน...นัมจุน”เขาพูดด้วยน้ำเสียงหวานหยดพร้อมกับลอยยิ้มบางๆ ลึกลับ...น่าค้นหาเหมือนในครั้งแรกที่เราพบกัน...
...รอยยิ้มที่ทำให้ผมตกหลุมรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น...
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของประโยคเมื่อครู่แต่ผมก็เลือกที่จะไม่สนใจมัน เพราะภาพตรงหน้าผมมันช่างน่าสนใจยิ่งกว่าเป็นไหนๆ
นิ้วเรียวของเขาค่อยๆบรรจงลากไล้ไปตามสาบเสื้อเชิ้ตของตัวเองก่อนจะค่อยๆปลดกระดุมออกจากรังดุมที่ละเม็ด...ทีละเม็ด โดยที่ดวงตาปรือปรอยฉ่ำหวานเต็มไปด้วยความต้องการของเขาก็ยังคงจ้องมองลงมาที่ผมอย่างยั่วยวนอยู่ดี
...ทำแบบนี้กะจะฆ่ากันให้ตายเพราะความต้องการหรือไง?
...ผมชักจะเชื่อขึ้นมาแล้วจริงๆที่เขาบอกว่าตัวเองเป็นปีศาจ...
ใช้เวลาไม่นานอย่างในความคิดของผม เสื้อเชิ้ตตัวบางของโฮซอกก็ถูกเขาถอดออกเรียบร้อย ผิวขาวของเขายามที่ต้องกับแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างบานใหญ่ข้างๆเตียงมันช่างเปล่งประกายสวยงามราวกับไขมุกชั้นดีเลยจริงๆ
...ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าเขางดงามราวกับเทวทูตจากทรวงสวรรค์...
พรึ่บ!
เสียงแหวกอากาศของอะไรบางอย่างดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มควันสีดำสนิทที่ปรากฏขึ้นเบื้องหลังของโฮซอก มันมืดมิดยากที่จะหยั่งถึงราวกับห้วงอาวกาศ ประกายแสงเล็กๆหลากสีสันลอยคลุ้งปะปนไปกับกลุ่มควันนั้นราวกับดวงดาวต่างๆท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
เพียงชั่วครู่พวกมันก็ค่อยๆหมุนคว้างบิดตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็วก่อรูปร่างขึ้นที่แผ่นหลังขาวเนียนของคนที่ทาบทับอยู่เหนือร่างของผม ใช้เวลาเพียงไม่นานกลุ่มควันสีดำและประกายแสงแวววาวระยิบระยับก็รวมตัวกันได้สำเร็จ
ปีกงดงามที่ก่อร่างจากกลุ่มควันสีดำสยายออกอย่างสง่างามอย่างไม่เกรงใจใคร ในเวลานั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะรู้สึกอะไรเป็นอย่างแรก ตกใจหรือ? สงสัยหรือหวาดกลัวกันแน่?
...แต่ก็เปล่า...
...เปล่าเลย...ผมตกใจ ผมสงสัย...แต่ทว่าผมไม่ได้หวาดกลัว...
จะให้หวาดกลัวสิ่งที่สวยงามขนาดนี่ได้อย่างไรกัน....
โฮซอกตอนนี้งดงามยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา เรือนผมสีดำสนิทของเขาก็ยังคงเป็นสีดำสนิท เพียงแต่ว่ามันกลับเป็นประกายระยิบระยับทว่ามืดมิดเกินจะหยั่งถึง ดวงตาคู่สวยนั่นจ้องตรงมาที่ผมอย่างคาดหวัง ในตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งสังเกตเห็น...มันไม่ได้เป็นสีดำอีกต่อไปแล้ว...
สีเงินสว่างไสวเป็นประกายหยอกล้อกับแสงจันทร์นวลนั่นตรึงสายตาของผมเอาไว้เสียจนไม่สามารถขยับไปไหนได้....
ปีกหมอกควันที่แผ่สยายอยู่เบื้องหลังเขาก็งดงามรามกับห้วงอาวกาศที่เต็มไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่...ผมยอมรับก็ได้ว่าโฮซอกคงจะไม่ใช่มนุษย์จริงๆแล้วในตอนนี้...
...แต่หากว่าเขาเป็นปีศาจล่ะก็...
...เขาคงเป็นปีศาจที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยมีมาแน่นอน...
ในตอนนั้นผมหลงใหลรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาไม่แพ้โฮซอกที่เขาสร้างให้ผมเห็นเลยสักนิด ผมรู้สึกตื้นตันในอกแปลกๆเสียด้วยซ้ำที่เขาบอกว่าผมเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้เห็นเขาในแบบนี้...
แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปในตอนนั้นได้...
ผมคงจะไม่คิดดีใจสักนิดที่ได้เห็นมัน...
โฮซอกระบายยิ้มหวานอีกครั้งก่อนจะโน้มกายลงมาประทับจุมพิตที่ริมฝีปากของผมเบาๆพร้อมกับปีกหมอกควันของเขาที่ขยับพริ้วจนฟุ้งกระจายไปรอบกายของเราทั้งคู่
“หลังจากนี้ต่อไปขอให้จำไว้ว่าชีวิตสงบสุขในฐานะมนุษย์ของนายจบลงแล้วคิมนัมจุน”
Devil Beside
แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามามันรบกวนการนอนอันแสนสุขของผมเป็นที่สุด ผมยังต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มมากกว่านี้นะ...
ก็ผมเพิ่งผ่านสมรภูมิรักกับโฮซอกมาทั้งคืนเลยน่ะสิ...
อะไรบางอย่างที่ขยุกขยิกอยู่ในอ้อมกอดเรียกให้ผมต้องเหลือบตาไปมองด้วยความเอ็นดู ถ้าใครใสเห็นโฮซอกตอนนี้ล่ะก็ไม่มีทางเชื่อหรอกว่าจะเป็นคนคนเดียวกับ ปีศาจยั่วสวาท เมื่อคืนนี้น่ะ...
เวลาหลับเขาเหมือนเทวดาน้อยๆแสนบริสุทธิ์เสียมากกว่า...
ผมจ้องมองใบหน้าสวยที่กำลังหลับพริ้มนั่นอย่างเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีมือของผมก็เอื้อมออกไปเกลี่ยปรอยผมสีดำสนิทที่ละแก้มขาวนั่นออกให้อย่างอ่อนโยนเสียแล้ว...
ผมเพิ่งมารู้ตัวว่าผมอ่อนโยนกับโฮซอกมากแค่ไหน...ตั้งแต่เกิดมา คิมนัมจุน ผู้ชายที่แข็งกระด้างอย่างผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ผมอ่อนโยนกับใครได้ขนาดนี้
...จอง โฮซอกนี่มหัศจรรย์จริงๆ...
“อรุณสวัสดิ์นัมจุน...”ดูเหมือนว่าผมจะเกลี่ยผมเกลี่ยแก้มเขาจนเพลินมือไปหน่อยโฮซอกเลยเหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมาเสียแล้ว
โฮซอกส่งรอยยิ้มหวานมาทักทายผมในยามเช้า...อ่า มันช่างเป็นรอยยิ้มที่สดใสยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ที่ส่องตาผมอยู่เป็นไหนๆ เขาดันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะทิ้งตัวลงบนตัวของผมอีกครั้งเสียอย่างนั้น จองโฮซอกกำลังแปลงร่างเป็นแมวแล้วแน่นอน เพราะตอนนี้ผมกำลังโดนเจ้าแมวยักษ์นี่นัวเนียจนหุบยิ้มไม่ได้เลยล่ะครับ
“ตื่นขึ้นมาก็นัวเนียเลยนะ...อยากจะโดนจับกดอีกสักทีรึไง”ผมเอ่ยถามทีเล่นทีจริง อยากจะแหย่เขาดูครับ...ผมอยากเห็นสีหน้าขวยเขินของเขา แต่ดูเหมือนคิมนัมจุนจะหวังสูงเกินไปหน่อย นอกจากเจ้าเหมียวยักษ์นี่จะไม่เขินแล้ว เขายังตอบกลับมาอย่างไร้ความรู้สึกเสียด้วย
“ก็เอาสิ...ฉันยังไหวนะ ปีศาจน่ะอึดจะตายรู้รึเปล่า”ว่าแล้วก็ยิ้มหยอกเย้าผมไปอีกหนึ่งที ...ให้ตายเถอะ...ผมจะรับมือกับคนแบบเขายังไงดีครับ? มันกลายเป็นผมเองนี่แหละที่เขินกับคำพูดของเขา
“นี่นัมจุน...”หลังจากที่นัวเนียกับแผงอกเปลือยเปล่าของผมจนพอใจแล้วโฮซอกก็เงยหน้าขึ้นมาเรียกผมเสียงใส ผมจ้องมองดวงตาคู่สวยของเขาที่ตอนนี้มันกำลังพราวระยิบระยับเสียจนไม่น่าไว้ใจนั่นด้วยความหวาดหวั่น...
...แน่ล่ะ พอผมรู้ว่าเขาเป็นปีศาจแล้ว ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าวันไหนเห็นปลาโลมาบินได้ในห้องนอนของตัวเอง...
“ทำพันธสัญญากัน...”คนที่อาศัยร่างของผมเป็นเตียงชั่วคราวเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกนิ้วก้อยยื่นตรงมาที่หน้าผมโดยไม่กลัวว่ามันจะทิ่มตาผมเลยสักนิด
...เฮ้ ถ้าผมตาบอดขึ้นมาแล้วจะเห็นหน้าเขาได้ยังไงกันเล่า...
“พันธสัญญา?”
“ใช่ พันธสัญญา...”เขาย้ำคำพลางส่งยิ้มกว้างอย่างน่ารักมาให้ผมอย่างมีความหวัง มันน่าเอ็นดูเสียจนผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปหยิกแก้มนิ่มนั่นเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เหมือนพวกขายวิญญาณให้ปีศาจอะไรแบบนั้นรึไง?”ถึงจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษแต่ผมก็เห็นในหนังออกจะบ่อยไปที่ว่าขายวิญญาณซาตานเพื่อให้ได้รับอะไรบางอย่างมา
...แต่ดูเหมือนพันธสัญญาที่โฮซอกว่าจะไม่ใช่แบบนั้นเพราะผมเห็นเขาเบ้ปากเสียจนมุมปากคว่ำแทบทะลุคาง...
“บ้าเหรอ...นั่นน่ะมั่วทั้งนั้น การทำพันธสัญญากับปีศาจคือการที่ปีศาจยอมเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ให้กับคู่สัญญาโดยที่มีบางสิ่งเป็นสิ่งตอบแทน...แต่ก็นะ ปีศาจปลายแถวส่วนใหญ่ก็มักจะเรียกร้องขอเป็นวิญญาณ เพราะการกินวิญญาณของมนุษย์มันช่วยเพิ่มพลังได้ดีเหมือนพวกยาชูกำลังน่ะ...”โฮซอกแลกเชอร์วิชาปีศาจให้ผมฟังอย่างออกรสออกชาด ถึงจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่แต่มันก็เพลินดีเหมือนกันเวลาเห็นใบหน้าสวยๆของเขาเปลี่ยนไปมาอย่างน่าเอ็นดู
...อ่า ผมว่าผมต้องโดนมนต์อะไรของปีศาจตรงหน้านี่เข้าไปแน่ๆถึงได้หลงเขาหัวปักหัวปำขนาดนี้
“แล้วมาขอฉันทำพันธสัญญาแบบนี้ไม่ใช่ว่าจ้องจะกินวิญญาณฉันหรอกนะ”เห็นแก้มกลมๆนั่นแล้วก็อดจะแซวเล่นไม่ได้ ผมอยากเห็นเวลาที่เขาขัดใจแล้วอมลมเสียจนแก้มป่องนั่นแหละ
...ผมนี่ชักจะโรคจิตขึ้นไปทุกทีแล้วครับ...โทษใครไม่ได้นอกจากจองโฮซอกนั่นแหละ...
“หา!? คิมนัมจุนใช้สมองหน่อย...ถ้าฉันจะกินวิญญาณนายไม่เสียเวลาทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก สู้แหกอกนาย...ฆ่าให้ตายแล้วเก็บวิญญาณเอาไม่ง่ายกว่าเหรอ?”ถึงเนื้อความในประโยคมันสมควรที่จะขึ้นเรทฉ.มากเท่าไหร่ แต่เพราะใบหน้าบูดๆของเขามันน่ารักหรอกนะผมถึงให้อภัยได้
...ถึงจะแอบหวั่นๆก็เถอะ...เอาเป็นว่าผมจะพยายามไม่ขัดใจเขามากมายก็แล้วกัน ผมยังไม่อยากโดน แหกอกเก็บวิญญาณตอนนี้หรอกครับ...
“เอ้า ก็ใครจะไปรู้ล่ะ...เกิดนายหิวจนหน้ามืดสูบวิญญาณฉันไปจริงๆก็แย่สิ....”
“ก็เลยบอกให้ทำพันธสัญญาไง”เมือนว่าผมจะแหย่เขาสำเร็จแล้วครับ เพราะตอนนี้โฮซอกเหมือนจะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้วจริงๆ เขาเอ่ยบอกเสียงเขียวพร้อมกับเอาหน้าผากกระแทกอกผมดังอั่ก นี่จุกไปถึงลิ้นปี่เลยให้ตายเถอะ!
“พอทำพันธสัญญาแล้วนายจะกลายเป็นเจ้าชีวิตฉันจนกว่าจะเคลียร์เงื่อนไขได้ ถ้านายสั่งอะไรฉันก็ไม่อาจขัดได้...เข้าใจรึเปล่า แต่ในทางกลับกันถ้าฉันเคลียร์เงื่อนไขได้นายต้องจ่ายสิ่งตอบแทนให้ฉัน...”โฮซอกพูดพร้อมกับเอานิ้วชี้จิ้มลงที่น้าอกผมเป็นจังหวะไปด้วย ราวกับต้องการย้ำให้ข้อมูลที่เขาเพิ่งยัดเยียดใส่หัวผมนี้ถูกบันทึกลงไปในตัวของผม
“แล้วนายจะขออะไรเป็นสิ่งตอบแทนจากฉันล่ะ?”เห็นเขาเอาจริงเอาจังกับเรื่องพันธสัญญาขนาดนี้ผมเองก็ไม่อยากขัดให้โฮซอกต้องเสียใจ สุดท้ายใจผมก็เอนเอียงไปหาเขาเกินครึ่งแล้วล่ะครับ แต่ก่อนที่จะตอบตกลงอะไรไปอย่างน้อยผมก็ขอรู้สิ่งที่ผมต้องเสียไปก่อนก็แล้วกัน
“อืม...ความเป็นมนุษย์ของนายแล้วกัน”
“หา?”เดี๋ยวนะเดี๋ยวๆ นี่คำตอบมันเข้าใจยากหรือเป็นผมเองกันแน่ครับที่ไม่เข้าใจคำตอบของเขา และดูเหมือนว่าหน้าผมมันจะดูงงมากจริงๆ โฮซอกเลยหลุดหัวเราะคิกคักออกมาอย่างน่ารักก่อนที่เขาจะเริ่มเอ่ยปากขยายความคำตอบของเขาให้ผมฟัง
“น่าจะพอรู้อยู่แล้วใช่มั๊ยว่าปีศาจมีอายุขัยที่ยาวนานมาก...เห็นแบบนี้แต่ฉันอายุสี่ร้อยกว่าปีแล้วนะ...หึหึหึ”แล้วเขาก็หัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจทันทีที่เห็นใบหน้าเหวอๆของผม
...โอเคครับ...นอกจากแฟนผมจะเป็นปีศาจแล้วยังเป็น ตาเฒ่าปีศาจอีกด้วย...
...จะมีชีวิตใครแจ็กพ็อตขนาดนี้อีกมั๊ยครับ?
“อ้าแล้วพออยู่มานานฉันก็เบื่อแล้ว...ฉันเลยไม่อยากจะมีอายุยืนไปมากกว่านี้อีกแล้วน่ะสิ...บางทีความตายก็เป็นความสุขนะนัมจุน...”ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่ผมเห็นความเศร้าฉายชัดในแววตาแสนเหงาของเขา
ผมยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มของเขาเบาๆเป็นการให้กำลังใจ...ผมไม่เข้าใจรอกครับว่าเขาเหงามากขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากบอกให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว เขายังมีผม...มีคิมนัมจุนอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
โฮซอกยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มงดงามที่แสนเศร้า เขาคว้ามือผมมาจับเอาไว้ก่อนจะยกมันขึ้นแนบกับแก้มขาวของเขาอย่างรักใคร่ แววตาคู่นั้นส่งผ่านคำขอบคุณมาให้ผมอย่างชัดเจนเสียจนผมอดที่จะยิ้มรับคำขอบคุณนั้นไม่ได้
“...การมีอายุยืนนานเกินไปมันก็ไร้ค่าถ้าไม่มีนายนะนัมจุน...สิ่งที่ฉันจะขอไม่ใช่การทำให้นายมีอายุขัยยาวนาน ฉันอยู่มานานแล้ว...ฉันรู้ว่ามันทรมาณแค่ไหนกับการที่ทำได้แค่เฝ้ามองผู้คนรอบกายค่อยๆจากเราไป ฉันไม่อยากให้นายต้องรู้สึกแบบฉัน....”
“....”
“....เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฉันจะขอคือการให้นายละทิ้งความเป็นมนุษย์ของนายแล้วรับเอาอายุขัยครึ่งหนึ่งของฉันไป...เมื่อถึงเวลา เราจะจากโลกนี้ไปพร้อมๆกัน...เราจะไม่จากกันจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต ยอมรับได้รึเปล่าคิมนัมจุน”ผมจ้องมองแววตาคาดหวังของเขาแล้วก็ทำได้แค่ปิดเปลือกตาลงแล้วเริ่มใช้ความคิด โอเคนี่มันเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่มากจริงๆ
แน่นอนว่าผมรักเขา...รักและอยากอยู่กับเขาไปตราบนานเท่านาน แต่สิ่งที่ผมต้องแลกไปก็คือความเป็นมนุษย์ของผม การตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองไปเป็นปีศาจนี่มันไม่ง่ายเลยนะให้ตายเถอะ...
...แต่เหนือสิ่งอื่นใด...
...ผมคงทนไม่ได้หากเขาต้องทนทุกข์ทรมาณเพราะการจากไปของผม...
“โฮซอก....”ผมเอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆก่อนจะดึงตัวเขาให้เลื่อนขึ้นมาหาจนใบหน้าของราสองคนอยู่ในระดับเดียวกัน ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของโฮซอกที่จ้องมองลงมายังผมด้วยแววตาสื่อความหมาย...
...ผมหวังว่าเขาจะรับรู้ความรู้สึกของผมที่ส่งไปทางสายตา...
“ขอรับแค่อายุไขอย่างเดียวแล้วกัน...ปีกกับพลังอื่นๆไม่เอานะ...”
...ขอแค่ความสุขของเขาก็พอ ผมยอมได้ทุกอย่างถ้าเพื่ความสุขของเขา...
“นัมจุนนนนนนน!”จองโฮซอกร้องเรียกชื่อผมด้วยความดีใจพลางโถมตัวลงมากอดผมเอาไว้แน่น เขาผละออกมาจ้องมองใบหน้าผมด้วยแววตารื้นน้ำ ถึงจะมีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่แต่รอยยิ้มของโฮซอกในตอนนี้กลับงดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา....
...เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข...
“แล้วฉันต้องทำยังไงบ้างล่ะ”ผมเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย ตามหนังที่ผมเคยดูการจะทำพันธสัญญาอะไรนี่ต้องใช้วงแหวนดาวหกแฉกอะไรเทือกนั้นเยอะแยะไปเสียหมด แต่ให้ผมเป็นคนทำที่ขอลาเลยแล้วกัน
“ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”โฮซอกเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มวานน่าหลงใหล เขาหยัดกายขึ้นนั่งคร่อมบนหน้าท้องของผม เป็นอีกครั้งที่ปีกกลุ่มควันของเขาปรากฏให้เห็น ยิ่งในตอนนี้ที่มีแสงแดดผมก็ยิ่งมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน อย่างไรเสียมันก็ยังคงเป็นสีดำที่งดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นอยู่ดี
...โฮซอกของผมช่างงดงามจริงๆ...
“ในนามของทูตแห่งความมืดมิดและตัวแทนแห่งแสงสว่าง ตัวข้าขอยินยอมมอบกายและดวงวิญญาณรับใช้เพียงแต่ท่าน...ด้วยโลหิตแงข้าที่ไหลเวียนในตัวท่านจักเป็นสักขีพยานในการให้คำสัตย์ของข้าครั้งนี้...”ไออุ่นร้อนบางอย่างโอบล้อมเราทั้งคู่เอาไว้ทันทีที่โฮซอกเริ่มท่องอะไรบางอย่างออกมา ดวงตาสีเงินสวยของเขาจ้องมองผมก่อนริมฝีปากสีสวยนั่นจะถูกฟันคมของเจ้าของมันขบกัดจนปริแตก หยาดโลหิตสีแดงฉานค่อยๆไหลย้อยลงมาที่ปลายคางมนของเขา
“ดื่มเลือดของฉันนะนัมจุน...แค่หยดเดียวก็พอ....”โฮซอกเอ่ยเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มบาง จากนั้นเขาก็โน้มตัวลงมาหาผมประกบริมฝีปากเข้ากับผมทันที
รสขมปร่าของหยาดลิตแผ่ซ่านไปทั่วทั้งโพรงปากของผมก่อนที่มันจะตามมาด้วยความร้อนที่ลุกลามไปทั่วทั้งร่างราวกับจะเผาไหม้ร่างของผมให้กลายเป็นจุล
...ให้ตายเถอะ! เขาไม่เห็นบอกเลยว่ามันจะต้องทรมาณขนาดนี้น่ะ!...
“อึก!”ความทรมาณบดบังสติของผมทั้งหมด ผมไม่รู้หรอกว่าผมกำลังดิ้นเร่าเหมือนในมโนภาพของตัวเองหรือไม่ นอกจากความร้อนที่แผดเผาไปทั่วร่างแล้วก็เห็นทีจะมีแต่ความอบอุ่นที่ประกบอยู่ที่ริมฝีปากนี่แหละที่ปมยังรู้สึกได้
เหมือนความทรมาณมันพุ่งขึ้นมาถึงจุดสูงสุด จู่ๆความร้อนทั้งหมดก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงความเย็นสงบคล้ายกับสายน้ำที่ไหลไปทั่วทั้งร่างแทน ตอนนั้นเองแหละที่ผมได้ยินเสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงของตัวเอง
“ไม่เป็นไรนะนัมจุน...”เสียงหวานที่เอ่ยปลอบอยู่ที่ข้างหูมันทำให้ผมสงบลงได้ในที่สุด เมื่อความทรมาณจากไปประสาทการรับรู้ของผมก็เริ่มกลับมา สัมผัสเย็นๆที่ปลายนิ้วทำให้ผมต้องค่อยๆลืมตาขึ้นมอง
หยดเลือดสีแดงที่เปรอะเปื้อนอยู่ที่ปลายนิ้วมันไม่ได้ทำให้ผมตกใจได้เท่ากับที่มาของมัน...ไหล่ขาวของโฮซอก....
....ผมเพิ่งรู้ตัวตอนนั้นเองว่าผมเผลอจิกไหล่ของเขาเสียจนเลือดไหลซิบๆ...
“...ฉ...ฉัน...”
“ฉันไม่เป็นไร...ฉันเป็นปีศาจนะนัมจุนอย่าลืมสิ...”เขาว่าอย่างนั้นก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้ผมอีกครั้ง
...แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ความจริงที่ผมเป็นคนทำร้ายเขาก็ยังคงอยู่อยู่ดี...
“พันธสัญญาเรียบร้อยแล้ว ฉันจะโชว์พลังพิเศษของฉันให้นายดู...”เขาเอ่ยขึ้นด้วยใบน้าเบิกบานก่อนมือเรียวจะเอื้อมมาคว้ามืออีกข้างของผมขึ้นไปกอบกุมเอาไว้ ตอนนั้นเองแหละที่ปมเพิ่งรุ้ตัวว่าจิกมือของตัวเองจนเลือดออกเช่นกัน
...ว่าแล้วก็เจ็บขึ้นมาเชียว!
“...มันเป็นพลังต้องห้ามในโลกปีศาจ...”โฮซอกยกยิ้มกรุ้มกริ่มเล่นเอาผมชักหวั่นใจ เดี๋ยวนะ...ถ้าถึงขั้นต้องห้ามในโลกปีศาจไม่ใช่ว่ามันร้ายแรงมากเลยเหรอ?!
“ด...เดี๋ยวๆๆๆๆ โฮซอก....”
วาบ!
ผมยังเอ่ยห้ามไม่ทันจบดีแสงสีขาวนวลก็สว่างวาบขึ้นที่มือของผม...ไม่ใช่สิ....ทั่วทั้งร่างของโฮซอกต่างหาก...
ความอบอุ่นแผ่นซ่านเข้ามาจนผมต้องแปลกใจ ความอ่อนโยนที่ถูกส่งผ่านมาให้พาลให้ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด....
นี่มันอะไรกัน....โฮซอกกำลังทำอะไรกับผมกันแน่...
...อบอุ่นเหลือเกิน...
ราวกับต้องมนต์ไปชั่วขณะ รู้ตัวอีกทีแสงนั้นก็เลือนหายไปแล้ว เหลือเพียงจองโฮซอกที่นั่งส่งยิ้มหวานมาให้ผมพร้อมกับพยักเพยิดมาที่มือของผม ผมเบนสายตาไปตามที่อีกคนต้องการก่อนจะยกมือข้างนั้นขึ้นมาดูช้าๆ....
หายไปแล้ว...
บาดแผลทั้งมดของผมหายไปแล้ว....ไม่ใช่เพียงแค่บาดแผลจากการจิกเมื่อครู่ แต่รวมไปถึงรอยแผลเป็นอื่นๆที่เคยมีมาด้วย...
“นี่มัน...”ผมได้แต่เงยหน้าจ้องมองโฮซอกอย่างไม่อยากจะเชื่อ...
“เป็นไง....เจ๋งมั๊ยล่ะ หึหึหึ”ว่าแล้วเขาก็ยกยิ้มภูมิใจอย่างผู้ชนะ
“ดูไม่เหมือนพลังของปีศาจเลยนะ”ผมอดที่จะเอ่ยแสดงความคิดเห็นออกไปไม่ได้ และผมก็พูดไปตามความจริง ทั้งความอบอุ่นและผ่อนคลายเมื่อครู่นี้มันช่างไม่เข้ากบคำว่าปีศาจเอาเสียเลย
“อ่า...ฉันค่อนข้างพิเศษน่ะ...”โฮซอกว่าพลางขยิบตาให้ผมข้างหนึ่งคล้ายเป็นการบอกว่าเรื่องนี้เป็นความลับที่ผมยังไม่รู้
“พิเศษ?”
“ใช่พิเศษ...ความจริงแล้วฉันเป็นลูกครึ่งน่ะ...พ่อของฉันเป็นปีศาจ แต่แม่ของฉันเป็นนางฟ้า....”
...อ่านางฟ้า...
ผมว่านี่ต่างหากที่เหมาะกับโฮซอก...
ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะมีรูปลักษณ์ที่งดงามและจิตใจที่อ่อนโยนขนาดนี้...
“บังเอิญว่าฉันเกิดในนรกฉันเลยต้องเป็นปีศาจ...ถ้าฉันเกิดบนสวรรค์ฉันก็จะเป็นเทวดาน่ะ...”เขายิ้มกว้างพลางเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองใผมฟัง
“แต่อยู่ในนรกแบบนี้ก็อาจจะดีกว่าไปเป็นเทวดานะ เพราะปีกของฉันเป็นสีดำ....ยังไงก็ต้องโดนพวกนั้นหาเรื่องส่งเข้าคุกอยู่ดี แต่ฉันว่าฉันโชคดีนะที่ได้ของดีมากจากทั้งพ่อและแม่...”
“ให้เดาคือนายหน้าเหมือนแม่สินะ...”ผมเอ่ยขัดขึ้นมากลางคันเรียกให้โฮซอกอดที่จะถลึงตาใส่ข้อหาขัดเวลาเม้าของเขาไม่ได้
...อ่า ขอโทษครับ...
“ใช่น่ะสิ...แล้วฉันก็ได้พลังของฝั่งแม่มาด้วย...นายก็เห็นแล้วนี่ พลังรักษาน่ะ...แต่ฝั่งพ่อฉันก็ได้มานะ หึหึหึ”ว่าแล้วก็หรี่ตาจ้องมองผมราวกับจะถามว่าผมอยากจะดูหรือไม่ ถ้าอยากดูจะให้ดูก็ได้อะไรประมาณนั้น...
แต่ให้ตายเถอะ...ผมชักไม่ไว้ใจไอ้เสียงหัวเราะ หึหึ ของเขาสักเท่าไหร่แล้วสิ...
“ได้อะไรมาล่ะ...”แต่เอาเถอะ ถามเอาใจเขาหน่อยก็แล้วกัน เกิดโฮซอกอยากเอาผมเป็นหนูทดลงพลังฝั่งพ่อขึ้นมาผมอาจจะแย่ก็ได้...
“...นี่ไง”โฮซอกเอ่ยก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาไว้ด้านหน้าตน ออกแรงสะบัดสองสามทีกลุ่มควันสีดำเช่นเดียวกันกับปีกของเขาก็เริ่มก่อตัวขึ้นที่ฝ่ามือขาว พริบตาเดียวมันก็ยืดตัวออกก่อนจะก่อร่างเป็นวัตถุอะไรบางอย่างในมือของโฮซอก
...ดาบ...
ใช่แล้วครับ...มันเป็นดาบ เล่มใหญ่....มาก....
“เฮ้ๆๆๆๆอย่าเที่ยวเหวี่ยงไปไหนมาไหนเชียวนะ!”ผมรีบร้องห้ามเขาเสียงหลงทันทีที่เห็นขนาดของมันชัดเจน ถ้าให้พูดตรงๆคือมันใหญ่มาก เผลอความยาวนี่เกือบเท่าตัวคนถือเชียวล่ะ ดูจากขนาดของมันแล้วคาดว่ามันคงจะหนักใช่เล่น แต่การที่คนตัวบางตรงหน้าผมสามารถเหวี่ยงมันไปมาได้ราวกับเหวี่ยงพลองลูกเสือนี่น่ากลัวกว่ากันเยอะ...
“ความจริงอยากโชว์ให้ดูนะว่าทำอะไรได้...แต่ฉันกลัวทำบ้านนายพังน่ะสิ เอาเป็นว่าให้ดูเฉยๆแล้วกัน...”
...ขอบคุณพระเจ้าที่โฮซอกคิดได้แบบนั้น...เอเมน...
“พลังของปีศาจคือการ ทำลาย นั่นเป็นเหตุผลที่พลัง เยียวยา แบบเทวทูตของฉันกลายเป็นพลังต้องห้าม...ดาบนี้ทุกสิ่งที่มันฟันจะถูกเผาด้วยเพลิงนรก ไฟสีดำที่ไม่มีวันดับจนกว่าสิ่งนั่นจะไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลีน่ะ....”อธิบายเสร็จสรรพเจ้าตัวก็จัดการสะบัดมือแรงๆหนึ่งครั้งดาบเล่มโตในมือก็แปรสภาพเป็นกลุ่มควันสีดำแล้วสลายหายไปในที่สุด เรียกให้ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
...เฮ้อ...ขอบคุณอีกครั้งครับพระเจ้า...
“จำเอาไว้นะว่านายโชคดีแค่ไหน...ฉันเป็นปีศาจระดับพรีเมี่ยมเชียวนะ ทูอินวันน่ะ...”ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะเสียงใสอย่างถูกอกถูกใจเรียกความหมั่นเขี้ยวของผมให้พุ่งขึ้นจนทะลุปรอท ผมเลยจัดการเอื้อมมือออกไปคว้าหมับเข้าที่แก้มนิ่มทั้งสองข้างนั่นแล้วออกแรงดึงไปมาด้วยความเอ็นดู
“ย๊า! คิมนัมจุน!”โฮซอกโวยเสียงดังก่อนที่เขาจะเริ่มเอื้อมมือมาผลักหน้าผมเป็นการเอาคืนบ้าง...
...และแล้วเราก็เริ่มสงครามขนาดย่อมกันอีกครั้ง...
...สุดท้ายสงครามของเราก็จบลงที่โฮซอกบ่นกระปอดกระแปดว่าเจ็บสะโพกอยู่ดีนั่นแหละ...
...อ่า...ทำยังไงดีครับ ผมว่าผมจะเป็นผู้ชายที่มีความสุขเกินไปแล้วนะ...
....ตอนนั้นผมยังไม่รู้หรอกครับ...ว่านั่นจะเป็นวันสุดท้ายแห่งชีวิตสงบสุขของผม...
Devil Beside
“ปกติปีศาจกินอะไรเป็นอาหารล่ะ?”โฮซอกยุดมือที่กำลังห่านผักอยู่ก่อนจะเบือนหน้ากลับมามองผมที่ยืนโง่ๆอยู่ข้างๆเขา
...อ่า...ก็ผมมันตัวหายานะ หยิบจับอะไรก็เดสทรอยเยอร์ไปหมดโฮซอกเลยไม่ยอมให้ผมทำงานบ้านเลยสักนิด
“ปกติเราไม่กิน...”
“ถามจริง?”ผมชักเริ่มคิดแล้วสิว่าเกิดเป็นปีศาจนี่น่าสงสารจริงๆ เขาไม่ได้รับรู้รสชาติความอร่อยของอาหารนี่ครับ...
“อ่าก็กิน...กินวิญญาณไง...”
“อร่อยเหรอ?”โฮซอกขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นโบเมื่อได้ยินคำถามของผม นี่ผมสงสัยจริงๆนะ...
“ก็แล้วแต่วิญญาณบางคนก็อร่อย...บางคนก็รสชาติเหมือนอึแมว....”เขาเบ้ปากหน้ายู่ ดูจากรูปกาณร์แล้วผมคิดว่าโฮวอกอาจจะเคยลิ้มรสชาติของวิญญาณที่มีรสเหมือนอึแมวมาแล้วก็ได้
“เคยกินอึแมวรึไง?”อดที่จะแหย่เขาไม่ได้จริงๆครับ บอกแล้วว่าผมชอบเวลาเขาทำหน้าบึ้ง มันน่ารักจะตาย...
“ฉันถือมีดอยู่นะนัมจุน...”
“...ขอโทษครับ...”โฮซอกยกมีดชี้หน้าผมเป็นเชิงว่าถ้ายังไม่หยุดกวมปลายแหลมนั่นมันต้องมาปักอยู่กลางหน้าผากผมแน่ๆ ซึ่งผมจะไม่ยอมให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นแน่นอน เพราะฉะนั้นยิ้มสู้แล้วกัน
ดูเหหมือนมันจะได้ผลดีพอสมควร เพราะโฮวอกแอบหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าผม เขาส่ายหัวไปมาทั้งรอยยิ้มคล้ายระอาใจก่อนจะหันไปหั่นผักที่ทำค้างไว้ต่อ
“นี่....คือ...”
โครม!
ผมว่าจะชวนเขาคุยต่อ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรเสียงที่ดังมาจากห้องนั่งเล่นก็เรียกความสนใจของพวกเราไปได้ทั้งหมด
โฮซอกทิ้งมีดแล้วรีบวิ่งไปดูที่มาด้วยท่าทางร้อนรนทันที เขารีบร้อนมากขนาดผ้ากันเปื้อนลายฟองน้ำทะเลสีเหลืองอ๋อยที่เขาสวมอยู่เขายังไม่ถอดมันออกเสียด้วยซ้ำ
สิ่งแรกที่ปรากฏให้เราเห็นทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องรับแขกก็คือกลุ่มควันสีเท่าหม่นที่ฟุ้งตะลบไปทั่วพร้อมกับเศษฝุ่นระคายจมูกที่ลอยไปทั่ว
“มาหลบลังฉัน...”เขาเอ่ยกระซิบเสียงเครียด มือเรียวออกแรงดึงแขนของผมให้เคลื่อนตัวเข้าไปหลบอยู่ลังเขา ในทีแรกผมก็ขืนตัวเอาไว้ แต่พอหันไปสบสายตากับเขาก็พอเดาได้...
...โฮซอกจะบอกว่าสิ่งที่มาไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นหรือ?
“แค่กๆ”เสียงไอค่อกแค่กที่ดังออกมาให้ได้ยินเรียกให้โฮซอกยิ่งระแวงระวังมากขึ้น เขาคืนร่างกลับเป็นปีศาจแล้ว แถมในมือขวายังมีเจ้าดาบยักษ์คู่ใจของเขาอยู่ด้วย
กลุ่มควันค่อยๆจางลงแล้วทิ้งไว้เพียงร่างหนึ่งที่นั่นคุกเข่าอยู่ที่พื้นอย่างหมดสภาพเท่านั้น
เคร้ง!
ดาบในมือของโฮวอกร่วงล่นลงพื้นเสียจนสะเทือนไปทั่วทั้งห้อง ดวงตาคู่สวยของโฮซอกเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง ก่อนริมฝีปากอิ่มสีสวยของเขาจะเอ่ยเรียกผู้มาเยือนแผ่วเบา
“จีมิน....”
เจ้าของชื่อไอโคลกออกมาอีกครั้งก่อนจะเงยใบหน้าเปื้อนเลือดนั่นขึ้นมามองโฮซอก ดวงตาเรียวเล็กคู่นั้นสะท้อนแววความภักดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆคล้ายกำลังรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายจากร่างใกล้พังของตนเอาไว้ก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุด
“...ท่านต้องรีบหนีขอรับองค์ชายโฮซอก!”
...ประโยคที่เปลี่ยนชีวิตมนุษย์ธรรมดาของคิมนัมจุนไปอย่างสิ้นเชิง...
TBC.
TALK. เอามาแค่นี้ก่อนนะคะ ขอตัดบางส่วนออกไปนะจะได้ไม่โดนแบน หาฉากตัดได้ที่ไบโอทวิตจ้า ลงประกันเอาไว้ว่าเราจะไม่ดอง อิอิ ไว้จะรีบมาต่อเท่าที่ทำได้ค่ะ บิบิ เลิ้ฟฟฟ หายไปนานเลยเนาะ คิดถึงนักอ่านทุกคนนะคะ คิดถึงม่อนโฮปด้วย งื้ออออ
29.3.15
แง๊งงงงง เอามาต่อแล้วค่าาา ครบแล้วเน้อหนึ่งตอน #ปาดเหงื่อ บอกแล้วว่าเราจะไม่ดองนะ อิอิ เรื่องนี้เป็นชอทฟิคนะคะ จะมีหลายตอนหน่อย เท่าที่คิดไว้น่าจะไม่เกิน 5 ตอน แต่ถ้ามันบานก็จะปล่อยมันไป 5555555555555555 วันนี้ลงดึกมาก เอาเถอะ ง่วงแล้วค่ะ คิดทอล์กไม่ออก ขอไปนอนก่อนนะ เลิฟฟฟฟฟ <3
ความคิดเห็น