ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคtwisted wonderland x oc ( To you...that I met in my dreams. แด่เธอ...ที่พบเจอในฝัน)

    ลำดับตอนที่ #3 : เหล่าผู้คนที่พบเจอ 2

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 65





     

    ตุบ!!

     

     

    “โอ้ย!”

     

    ร่างของเซียอาน่าหล่นลงมาที่พื้นทรายดังตุบ! แต่โชคดีที่หล่นลงมาถึงพื้นไม่สูงเท่าไรจึงแค่รู้สึกเจ็บๆปวดๆเล็กน้อยไม่ถึงกับมีอะไรหัก 

     

    “แค่กๆ”

     


    แปะ...แปะ...



    ร่างบางไอสำลักออกมาก่อนที่จะมีหยดน้ำไหลออกมาหยดลงไปที่พื้นทรายที่ละหยด เจ้าแมวที่ยังคงอยู่ข้างๆนั้นมองมาที่เธอนิ่งๆ

     

     

         ‘แล้วจะให้ฉันทำอะไรละ ฉันถึงจะได้ === ของฉันคือ'

     

     

    ปัก!

     

    “ลุกขึ้นมาได้แล้ว เจ้าเด็กน้อย ”

     

    จู่ๆแท่งเหล็กสีทองก็มาปักอยู่ตรงหน้า ตามมาด้วยเจ้าของน้ำเสียงทุ้ม แล้วก็ชายเสื้นคลุมสีดำ เมื่อมองไล่ขึ้นไปก็พบกับใบหน้าของชายแหลมโค้งมีหนวดเครากับผ้าโพกหัว สีดำแซกแดงมีขนนกสีแดงด้วย และไอ้แท่งเหล็กสีทองที่ว่านั้นก็คือไม้เท้าที่มีหัวเป็นเหมือนหัวงูเห่า แล้วก็ที่ไหล่ข้างขวาของชายตรงหน้ามีนกแก้วเกาะอยู่ด้วย

     

     

     

    “คุณเป็นใครอีกละ? ”

     

     


     

    “ข้าคือจาฟาร์ พ่อมดแห่งทะเลทราย เช็ดน้ำตาของเจ้าออกให้หมดแล้วรีบตามมาซะ”

     

    มือบางยกขึ้นมาจับที่ใบหน้าก่อนที่จะรู้ตัวว่าใบหน้านั้นมีน้ำตาไหลอาบแก้มอยู่ เป็นเพราะเรื่องเมื่อกี้ และเป็นเพราะตัวเธออยู่ในน้ำเลยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังร้องไห้อยู่ก่อนแล้ว

    ชายคนนั้นหรือจาฟาร์ตอบเซียอาน่ากลับก่อนที่เธอจะมองไปรอบๆพบว่าตอนนี้ตัวเธอและเขากำลังยืนอยู่ที่ กลางทะเลทรายในตอนกลางคืน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่กับเออร์ซูล่ายังอยู่ในทะเลอยู่เลย 

     

         ‘เมื่อกี้แม่มดแห่งท้องทะเล มาคราวนี้พ่อมดแห่งทะเลทรายงั้นหรอ แหม เข้ากันดีจริงๆ’

     

    แต่จะว่าไปก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองอยู่ในทะเลอยู่เลย พอมาสำรวจตัวเองอีกครั้ง ทั้งผมเสื้อผ้า และกระเป๋าเป้ที่หลังก็แห้งสนิทไม่มีร่องรอยว่าเคยตกน้ำมาก่อนเลยสักนิดเดียว

     

    “ยืนเหมออะไรอยู่รีบตามมาสิ!ยัยเด็กโง่!”

    “ห้ะ? เดียว! เมื่อกี้คุณพูดหรอ?”

     

    เมื่อหันมาอีกทีชายคนนั้นก็ออกเดินไปแล้ว แต่ที่ทำให้เซียอาน่ารู้สึกแปลกใจก็คือเมื่อกี้น้ำเสียงที่ใช้เรียกเธอนั้นมันเป็นอีกเสียงที่เล็กและแหลมจนแทบน่ารำคาญ ซึ่งต่างกับก่อนหน้านี้ที่เขาใช้คุยกับเธอ เซียอาน่าถามขึ้นพร้อมกับวิ่งตามชายคนนั้นไปพร้อมกับเจ้าแมวเทาเองที่วิ่งตามไปติดๆ

     

    “ไม่ใช่ข้า อิอาโก ต่างหาก”

    “ อิ..อิอาโกหรอ?”

     

    “ตาถั่วรึไง! ข้าก็ยืนอยู่ตรงนี้เนี่ย!”

     

    “นกแก้ว?”

     

    ใช่ เสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้ที่แสนจะแหลมและน่ารำคาญมาจากเจ้านกแก้วที่เกาะอยู่ที่ไหล่ขวาของจาฟาร์  นั้นเอง มันหันกลับมาตะโกนใส่เธอด้วยท่าทางหัวเสียที่เด็กสาวไม่เห็นหัวมัน

     

    “เป็นนกแก้วแล้วมันจะทำไมห้ะ!”

    “ปะ เปล่า…ไม่มีอะไร”

     

    ถึงจะรู้ว่านกบางประเภทถ้าฝึกมันก็สามารถพูดได้ แต่เซียอาน่าคิดว่าต่อให้ได้ครูดีหรือฝึกพูดเป็นปีๆยังไง ปกติมันคงไม่พูดโต้ตอบกลับมาเป็นคำๆ แล้วรู้เรื่องแบบนี้หรอก

     

         ‘ตอนแรกก็สิงโตพูดไป คราวนี้นกพูดกับคนรู้เรื่องอีก จะมีตัวอะไรพูดได้อีกไหมเนี่ย จะว่าไปเจ้าปลาไหลสองตัวก่อนหน้านี้จะพูดได้ไหมนะ?’

     

    จากที่วันนี้ก็เจอสัตว์พูดได้มาตั้งตัวสองตัวแล้วในใจ ก็เริ่มจะไม่แปลกใจแล้วละว่าต่อไปจะมีตัวอะไรพูดได้อีกไหม ในขณะที่คิดสายตาของเซียอาน่าก็หันไปมองเจ้าแมวที่เดินตามมา แล้วคิดในใจว่า เจ้านี้จะพูดได้ไหมนะ แต่ ตั้งแต่ที่หลงมาในที่แปลกๆนี้ ยังไม่เห็นมันพูดเลยสักคำ นอกจากร้องเสียงแปลกๆ

     

     

    “ได้ฟังข้อเสนอมาจากแม่มดแห่งท้องทะเลมาแล้วสินะ”

     

    จาฟาร์พูดขึ้นมาขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทราย พูดถึงสิ่งที่เออร์ซูล่าพูดกับเธอมาก่อนหน้านี้ ถ้าเธอช่วยอะไรบางอย่างกับพวกเขา แล้วเธอก็จะได้สิ่งนั้นคืนกลับมา 

     

    “ทำไม ถึงเป็นฉันละ ที่ต้องทำตามที่พวกคุณบอก?”

    “แต่เดิมทีมันก็เป็นเพราะตัวเจ้าอยู่แล้วไม่ใช่หรอ ไม่คิดที่อยากจะทำอะไรเพื่อที่จะแก้ไขมันรึไง”

    “……คุณพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง”

     

    จาฟาร์หันกลับมาหาเด็กสาวหลังจากที่เขาพึ่งพูดถึงบางสิ่งที่แทงใจดำเด็กสาวเข้าไปเต็มๆ ใบหน้าที่ก่อนหน้านี้ยังดูซึมๆ ร้องไห้เหมือนเด็กก่อนหน้านี้หายไปหมด แต่ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่กำลังระงับความโกรธ

     

    “ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ที่พวกคุณเอาแต่พูดนั้นนี่เอาเอง และไหนจะข้อเสนอนั้นอีก พวกคุณเป็นใครกันแน่! ทำไมถึงรู้เรื่องของฉัน แล้วมายุ่งอะไรด้วย!?”

    “ใจเย็นเด็กน้อย ที่ข้าพูดน่ะมันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่รึไงกัน ที่เจ้าเป็นคน……”

     

     

    “ทำให้มันเกิดขึ้นมาเองน่ะ”

     

     

    ปึก!

     

    กล่าวจบไม้เท้าในมือก็กระแทกลงพื้น ก่อนที่พื้นแผ่นดินจะเกิดสั่นไหวขึ้นมา จนแทบยืนไม่ได้พื้นแผ่นดินที่กำลังยืนอยู่ไกล้ๆนั้นสั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่พื้นทรายจะยกสูงขึ้นก่อนเกิดเป็นเนินเขาสูงที่มีรูปร่างเป็นเหมือนกับใบหน้าของเสือขึ้นมา

     

    เซียอาน่ามองตามอย่างตกตะลึงในความแปลกประหลาดก่อนที่เนินทรายรูปหัวเสือจะอ่าปากออกจนเกิดเป็นทางลงไปยังภายในปากเสือ

     

    “ถ้าอยากหาคำตอบ หรืออยากจะได้สิ่งสำคัญของเจ้าคืนละก็ ง่ายๆ แค่ทำตามที่บอกก็พอ”

    “ใช่! เป็นคนก่อนเรื่องเองแท้ๆก็รับผิดชอบซะสิ”

     

    จาร์ฟากับอิอาโกที่เกาะอยู่ที่ไหล่ของเขาพูดออกมาก่อนที่เขาจะชี้ไม้เท้าลงไปในปากของเสือนั้นที่สุดปลายของเส้นทางนั้นไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันคืนที่ไหน 

     

    “ฉันเคยไปทำอะไรให้พวกคุณไม่พอใจรึไง ถึงได้ดึงฉันมาเจอเรื่องบ้าๆนี้?”

    “คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดนั้นแหละที่ผิด!”

     

         ‘หักคอนกแก้วเนี่ยจะติดคุกไหมนะ*’

     

    อิอาโกพูดขึ้นมาด้วยเสียงน่ารำคาญของมันจนเซียอาน่าเกือบจะยื่นมือไปหักคอมันแล้วแค่ไม่ใช่เพราะเจ้าแมวที่ตามมาด้วยตั้งแต่แรกร้องเรียกเหมือนจะบอกว่าให้เธอตามมันไป

     

    “หวังว่าจะไม่ได้เจอแกอีกไอ้นกเวรปากเสีย”

    “ห้ะ! ว่าไงนะ ยัยเด็กนี้เดียวก็จิดตาแตกเลย! เห้ย! จะหนีไปไหนเล่ากลับมาเครียกันก่อนเด่!”

    “หุบปากน่าอิอาโก”

     

    เซียอาน่าไม่สนใจเสียงร้องเรียกของมันก่อนที่จะเดินเข้าไปในปากของเสือพร้อมกับเจ้าแมวตัวนั้น ได้ยินเสียงจาร์ฟาพูดห้ามปรามอิอาโกอย่างหัวเสียรำคาญไม่ต่างกันตามไล่หลังมา

     

    “เด็กน้อยนั้นยังต้องเจออะไรอีกเยอะแต่ว่าไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ทั้งที่เป็นคนธรรมดาแท้ๆแต่กลับทำเรื่องแบบนั้นได้"

     

    จากนั้นทางเข้าก็ค่อยๆปิดลงเรื่อยๆ หัวเสือก็ค่อยๆทลายลงมากลับไปเป็นพื้นทรายดังเดิมเมื่อเด็กสาวลงไปแล้ว

     

    โครม!!

    __________________________________________________________________________________________

    _________


          ทางเดินนั้นจากที่ลงมาจะเป็นขั้นบันไดแล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียงพังทลายแล้วทุกอย่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยควันทราย แล้วเมื่อมันจางลงก็พบว่าตัวเองนั้นได้วาปมาอีกที่อีกแล้ว ครั้งนี้เป็นทางเดินยาวของกำแพงหินที่ลายล้อมไปด้วยกระจก และสุดปลายทางนั้นมีประตูบานใหญ่อยู่บานนึง นั้นจึงเป็นเหมือนเส้นทางเดียวที่ไปต่อได้

     

    ในละหว่างเดินไปที่ประตูทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ และเสียงเท้าที่เดินไปเท่านั้น เซียอาน่าเหมือนคนที่เดินไปอย่างไร้จุดหมายหลังจากที่ได้พูดคุยกับแม่มดแห่งท้องทะเล กับพ่อมดทะเลทรายมา

     


         ‘สิ่งที่เธอต้องการได้คืนกลับมา มากที่สุดไงละ’

     

         ‘แต่เดิมทีมันก็เป็นเพราะตัวเจ้าอยู่แล้วไม่ใช่หรอ ไม่คิดที่อยากจะทำอะไรเพื่อที่จะแก่ไขมันรึไง’

     

     

    แน่นอนว่าสิ่งที่เซียอาน่าต้องการมากที่สุดกลับคืนมานั้นมันคืออะไร เธอรู้ดี แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือเธอทำอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ ต่อให้นึกจนหัวระเบิดก็นึกไม่ออก ทุกๆครั้งที่นึกถึงเรื่องที่ว่า ก็เหมือนกับมีหมอกหนามาบดบังจนไม่สามารถคิดออกได้

     

    “เรา ทำอะไรผิดพลาดไปงั้นหรอ…..”

     

    ในขณะที่คิดอะไรอยู่คนเดียว ก็ได้ยินเสียงร้องของเจ้าแมวตัวเดิมร้องขึ้นเป็นการเตือน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าตัวเองนั้นได้มาอยู่ที่หน้าประตูที่อยู่สุดปลายทางแล้ว

     

     

    “จะเจออะไรหรือใครอีกก็คงไม่มีอะไรให้น่าแปลกใจแล้วละ ขอแค่ หลุดไปให้พ้นๆจากเรื่องบ้าๆนี้สักทีเถอะ”

     

    เซียอาน่าบ่นออกมาอย่าเหนื่อยล้าก่อนที่มือบางจะเปิดประตูบานใหญ่เข้าไปข้างใน เมื่อเข้าไปในห้องนั้นสิ่งแรกที่เห็นก็คือห้องขนาดใหญ่ที่มีกระจกอยู่เต็มไปหมด แต่มีอยู่บานนึงที่แปลกไปจากบานอื่นๆมันเป็นวงลีสีทองขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้อง

     

    แต่มันก็ถูกบดบังด้วยร่างของใครบางคนที่กำลังยืนส่องมันอยู่

     

    “เฮ้อ…..ฉันมาแล้ว คุณต้องการจะบอกอะไรฉัน หรือให้ทำอะไรก็ว่ามาเลย”

     

     

    เมื่อกล่าวจบคนๆนั้นก็หันกลับมา ทำให้เห็นใบหน้าของเธอได้ว่า เธอคนนั้นมีใบหน้าที่สวยมากๆถึงแม้ว่าสำหรับเซียอาน่าแล้วการแต่งหน้าหนาๆหรือเยอะๆจะน่ารำคาญไปบางในบางครั้ง แต่กับหญิงสาวตรงหน้านั้นต่อให้เธอแต่งเยอะว่านี้หรือไม่น้อยกว่านี้ยังไงก็ถือได้ว่าเธอก็คงไม่ลดความสวยลงไปแน่ๆ การแต่งตัวเองก็เหมือนที่เห็นๆในหนังยุคกลางทั่วไป บนหัวของเธอมีมงกฎอันใหญ่อยู่ด้วย

     

    'ราชินีอย่างนั้นหรอ งั้นก็คงเหมือนกับราชินีโพธิ์แดงเลยสิ'

     

    “คุณ-……?!”

     

    ก่อนที่จะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เมื่อหางตาของเซียอาน่าหันไปเห็นในกระจกบานอื่นๆเธอก็เห็นอะไรแปลกๆจนต้องหยุดพูดแล้วมองมันอีกครั้ง แล้วมองกลับไปที่ราชินีตรงหน้าอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

     

         ‘ในกระจกนั้น ราชินี-!’

     

    เพล้งๆ!!

     

     

    ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นกระจกทุกบานที่อยู่ในห้องนั้นยกเว้นก็แต่อันที่อยู่ข้างหลังราชินีอันเดียวเท่านั้นไม่แตกละเอียด กระจกทุกบานถูกทำให้แตกจากด้วยอะไรก็ไม่ทราบ

     

    “หยุดความคิดอันน่ารังเกียจของเจ้าซะ ก่อนที่ใบหน้าสวยๆของเจ้าจะไม่เหลือชิ้นดี”

     

    หมับ!

     

    ราชินีพูดขึ้นก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเซียอาน่ามือเรียวงามของนางยื่นมาบีบเข้าที่แก้มของเธอให้หันไปมองหน้าตรงๆ

     

    “ข้าละไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าเด็กแบบเจ้าเนี่ยนะ จะเป็นคนก่อเรื่องใหญ่โตนั้นได้”

     

     เซียนอาน่ามองกลับไปที่ราชินีอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่นางพูดก่อนที่จะออกแรงปัดมือของนางออกไป ถึงจะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไว้ให้คนพวกนี้ไม่พอใจ แต่ยังไงเธอก็จะไม่ยอมให้ใครมาเล่นงานเธอฝ่ายเดียวง่ายๆหรอก

     

    “ฉันไม่รู้หรอกนะคะ ว่าตัวเองเคยไปทำอะไรให้พวกคุณไม่พอใจหรือทำอะไรผิดไป แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายฉันง่ายๆหรอก”

    “เหอะ! ปากดีเสียจริงสิ่งที่ตนเองก่อเอาไว้ก็จำไม่ได้แบบนี้ ช่างโง่เขลาเสียจริง”

    “ถึงจะจำไม่ได้อย่างน้อย ฉันก็กล้าที่จะรับผิดชอบและยอมรับมัน ไม่เหมือนคุณที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองนะ แก่หงําเหงือก ขนาดไหน!”

     

    “บังอาจ!!”

     

    ราชินีตะโกขึ้นร้องด้วยท่าทางที่กำลังโกรธสุดๆ ที่เซียอาน่าพูดในสิ่งที่เธอนั้นเกลียนที่สุดว่าตนเองนั้นไม่สวย หรือแก่ มันเป็นอะไรที่ทำให้ราชินีรับไม่ได้สุดๆ

     

    “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่เจ้าทำ ข้าจะทำให้เจ้าต้องทรามนยิ่วกว่าตายเสียอีก”

    “งั้นก็บอกมาสิ! จะเลิกพูดยอกย้อนแล้วพูดมาสักที!”

     

     ตอนนี้เซียอาน่าไม่สงไม่สนใจแล้วเรื่องมารยาทกับผู้ใหญ่อะไรนั้น ถ้าหากว่ายัยราชินีหลงตัวเองนี้ยังไม่ยอมพูดมาอีกละก็ บอกเลยว่าเธอจะเรียกยัยราชินีนี้ว่า……

     

    “พ่อแม่เจ้าไม่สั่งสอนรึไงมารยาทน่ะ นอกจากจะโง่เขลาแล้งคงมีดีแค่หน้าตาจริงๆ…”

     

     

     

    “อียายแก่โลงพุ เลิกเล่นตัวดิ แล้วพูดมาว่าจะให้ทำอะไร”

     

     

    เพล้ง!

     

     

    รู้สึกได้ถึงเสียงกระจกแตกอีกรอบ หรือไม่ก็อะไรสักอย่างที่หนาๆมันแตก…

     

    จากนั้นความเงียบก็มาเยื่อนในห้อง แต่ไม่ว่าใครก็ตามเวลานี้คงไม่อยากจะเข้าไปในห้องนี้แน่ๆ ก่อนที่อยู่ๆเศษกระจกในห้องที่ตกอยู่เต็มพื้นจะเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ

     

    “นี่เจ้า กล้าดียังไง…”  

     

    ฟู่! โครม!!

     

    จู่ๆร่างของเซียอาน่าก็กระเด็นลอยไปอัดเข้ากับประตูก่อนที่จะล่วงลงมา ข้าวของที่อยู่ในกระเป๋าก็ยกลงมาด้วย เจ้าแมวที่มองดูเหตุการณ์แล้วแอบเหงื่อตกอยู่นั้นก็รีบวิ่งเข้ามาห้ามแล้วส่งเสียงร้องเป็นเฉงห้ามอย่างร้อนรน

     

    “พอกันที! ตั้งแต่ข้าเกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าพูดกับข้าแบบนี้มาก่อน เจ้าเป็นใคร แล้วข้าเป็นใครยังไม่รู้จักเจียมตัวอีก!”

     

    ราชินีไม่สนใจเจ้าแมวนางเดินตรงเข้าไปหาเซียอาน่าที่ค่อยๆลุกขึ้นมาด้วยอาการปวดระบม เจ้าแมวเห็นท่าไม่ดี มันจึงรีบวิ่งสวนทางกับราชินีแล้วตรงไปที่กระจกบานสุดท้าย

     

    หมับ!

     

    มือบางของราชินีตรงเข้ามาบีบที่คอของเซียอาน่าอย่างแรงด้วยความโกรธทั้งหมดที่นางมี เด็กสาวที่ถูกบีบคออยู่นั้นก็พยายามจะเอามือของราชินีออกแต่ก็ไร้ผล

     

    “ข้าไม่สนใจแล้วว่าเจ้าจะได้รับโทษกับสิ่งที่ทำไปรึเปล่า หรือผู้ถูกเลือกอะไรนั้น แต่ตอนนี้ ถ้าข้าไม่ได้ทำให้หน้าสวยๆของเจ้าเสียโฉมเสียหน่อยคงตายตาไม่หรับแน่!”

     

    ราชินีพูดก่อนที่มือเรียวบางจะปรากฎแก้วใสที่ข้างในนั้นมีน้ำสีแปลกๆปรากฎขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป แค่เห็นสีน้ำนั้นก็รู้แล้วว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ แล้วเมื่อเห็นแบบนั้นเซียอาน่ายิ่งเพิ่มแรงดิ้นเพื่อที่จะหลุดไปจากตรงนี้

     

    “แค่อึกเดียว เจ้าก็จะรู้สึกหายใจไม่ออกเลือดไม่ไหลเวียนจนเหมือนจะขาดใจตายเลย”

     

    นางค่อยๆยืนแก้วนั้นมาจ้อที่ปากของเธอขึ้นเรื่อย ต่อให้จะปิดปากยังไงก็คงไม่รอด มือเองก็เริ่มไม่มีแรงตกลงไปข้างๆตัวในหัวมีแต่หาวิธีที่จะรอดไปให้ได้....

     

     

     

     

     ‘จะยอมโดนทำร้ายอยู่ฝ่านเดียวหรอ…’

     

     


    “เตรียมตัวเอาไว้ด้วยล่-”

     

     

    ฉีก! เพล้ง!!

     


         ปลายแก้วเข้ามาจอที่ริบฝีปากมากขึ้นก่อนที่จะค่อยๆกอกน้ำสีแปลกเข้ามาในปาก เป็นจังหวะในชั่วพริบตา ที่ได้มีเสียงเหมือนมีอะไรถูกตัด ก่อนที่จะพบว่าแก้วที่อยู่ในมือนั้นถูกตัดจนตกลงมาแตกละเอีนด ทำให้ราชินีต้องปล่อยมือออกจากคอของเซียอาน่า แล้วก้าวถอยออกมา ทำให้ร่างของเซียอาน่าล้มไปนอนกับพื้น ก่อนที่จะไอแล้วสูดอากาศเข้าไปให้เต็มปอด

     

    ราชินีถอยออกมาพร้อมกับกุมมือของตัวเองเอาไว้ ถึงแม้จะไม่มีแผลอะไร แต่ถ้าโดนเข้าตรงๆละก็คงจะเป็นมือของราชินีเสียเองที่จะขาดไม่ใช่แก้วใบนั้น

     

    “นี่เจ้า…!”

     

    สิ่งที่ปรากฎต่อสายตานั้นเป็นอะไรที่ช่างแปลกประหลาด ที่แม้แต่ตัวราชินีเองก็ไม่ได้เห็นอยู่บ่อยๆ

     

    ของที่มีลักษณะเป็นเหมือนกับดาบแฟนตาซีสีขาวถูกชู่ขึ้นมาใส่ราชินี มันลอยอยู่กลางอากาศขึ้นมากั้นระหว่าทั้งสองคนเอาไว้ เซียอาน่าเงยหน้ามองอย่างตกตะลึงอย่างไม่เชื่อในสายตาตัวเอง คำพูดของญาติสาวคนสนิทโผล่ขึ้นมาในหัว

     

     

         ‘…ถึงมันจะดูเหมือนของเล่น แต่มันจะคอยปกป้อง และหยุดเธอได้นะเซียจัง’

     

    “โคโคโระ…”

     

     




    ”เอาละๆพอได้แล้วราชินี"

     

     

         จู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากข้างหลัง จนราชินีเองเมื่อหันกลับไปก็ยังคงแอบแปลกใจไม่ได้ แล้วเมื่อเป็นเช่นนั้นดาบปากกาก็ตกลงมาอยู่ในมือของเซียอาน่า เด็กสาวยังคงแปลกใจไม่ได้ว่าเมื่อกี้นี้มันเกิดอะไรขึ้น

     

    “เจ้ามาทำอะไร อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อนนะ!”

    “เอาน่าๆ ข้าบอกว่าให้ใจเย็นก่อนใจ โมโหมากๆเดียวไม่สวยจะมาโทษข้าไม่ได้นะ”

     

    เจ้าของเสียงนั้นก็คือชายปริศนา ที่ตัวสูงใหญ่ในเสื้อคลุมและเกือบทั้งตัวของเขาเป็นสีเทาและดำทั้งสีเสื้อผ้าและผิวที่ซีดจนผิดปกติ แต่ว่าสิ่งที่เด็นสะดุดตาที่สุดเลยก็คือผมของเขาที่เป็นเปลวเพลิงสีฟ้า

     

    ‘ผมเป็นเปลวเพลิงงั้นหรอ!?’

     

    “ข้าแค่มารับสาวน้อยตรงนั้นเพื่อไปต่อ เพราะเจ้าเล่นเก็บตัวนางไว้นานแล้ว ข้าเองก็มีเรื่องที่ต้องคุยกับนางเหมือนกันน่า แล้วก็เจ้าคงไม่ลืมสินะว่านอกจากข้าแล้วยังมีใครอีกที่รออยู่”

     

    ตอนแรกที่ราชินีคิดตะโตเถียงกลับเงียบไป เมื่อคิดขึ้นได้ว่าสิ่งที่ชายหัวเพลิงคนนี้พูดนั้นคือความจริง และนางเองก็ไม่อยากจะมีปัญหาตามมาด้วย

     

    “เหอะ! งั้นก็รีบๆพาไปสิ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจทำให้นางเสียโฉม”

    “อียายนี้ยังจะปากดี-”

    “อ่าๆ! ข้าพาไปแล้วๆๆ อย่าโกรธเลยนะคนดี ”

     

    เซียอาน่ายังไม่ทันจะได้ด่าดี ชายหัวเพลิงคนนั้นก็ตรงเข้ามาหาพร้อมกับให้พลังอะไรบางอย่างของเขาทำให้พวกของๆเธอที่ตกตามพื้นลอยขึ้นมากลับมาอยู่ในกระเป๋าเป้ ก่อนที่จะยัดมันใส่มือเซียอาน่าแล้วดันหลังเธอไปยังกระจกบานใหญ่ที่เหลืออยู่อันเดียว ก่อนที่เข้าจะพาเธอเดินทะลุเข้าไปในกระจก

     

    วิ้ง!!


     

     

    __________________________________________________________________________________________________

    ______ 

     

    “เฮ้อ! เกือบไปแล้วไหมละ เจ้านี่มันหาเรื่องตายของแท้เลยยัยหนู”

     

    เมื่อเดินทะลุมาได้ สิ่งแรงที่ปรากฎสู่สายตาก็คือ  ความมืด สถานที่นี้ช่างมืดมิด แสงสว่าที่มากพอจะทำให้เห็นอะไรได้ก็มาจากดวงไฟสีฟ้า ที่นี่มันช่างน่าขนหัวลุก และดูเหมือนหูจะได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้ที่ฟังดูโหยหวนอยู่ตลอดเวลาเลยด้วย

     

    “เจ้าแมว?”

     

    เจ้าแมวตัวเดิม หลังจากที่ตอนแรกมันหายไปไหนก็ไม่รู้ตอนนี้มันกลับมาแล้ว เมื่อเจอหน้ากันมันก็กระโดดเข้าใส่ในอ้อมกอดของเธอเลย

     

    “หายไปไหนมาน่ะ?”

    “มันก็ไปตามข้าเพื่อให้ไปช่วยเจ้ามาไง ถ้าข้าไปไม่ทันละก็ เจ้าได้กลายเป็นดวงวิญาญาณศพไม่สวยไปแล้วยัยหนู”

     

    ชายหัวเพลิงคนนั้นหันกลับมาพูดกับเธอก่อนที่เขาจะเริ่มออกเดินไป เมื่อเห็นแบบนั้นเซียอาน่าจึงไม่เสียเวลาคิดมากรีบวิ่งตามเขาไป เพราะเธอก็ไม่อยากถูกทิ้งอยู่ในความมิดแบบนี้หรอกนะ

     

    “รับนี้ไปสิ”

     

    จู่ๆชายหัวเพลิงก็โยนบางสิ่งมาให้ เซียอาน่ารับมันเอาไว้ได้อย่างพอดีก่อนที่จะพบว่ามันเป็นของมีลักษณะเป็นแผ่นวงกลงสีทองอันเล็กๆ

     

    “เหรียญหรอ?เอาเหรียญให้ฉันทำไมคะ?”

    “เพราะเจ้าจะต้องใช้มันไง เอาละมาถึงแล้ว”

     

     

    “เรือหรอ?”

     

    เมื่อวิ่งตามมา ทางที่ชายหัวเพลิงพามานั้นเหมือนจะเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้พื้นดินหรือในถ้ำ และที่ริมฝั่งก็มีเรืออยู่ลำนึก กับคนพายที่รออยู่แล้ว เซียอาน่ามองภาพตรงหน้าที่เห็นแล้ว มันทำให้เธอแอบนึกถึงเรื่องเล่าตำนานที่เพื่อนสาวผมแดงเมย์โกะ ชอบเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ 

     

         ‘อย่างกับทางไปนรกของตำนานเทพกรีกเลย…แล้วไหนจะคนพายเรือคนนั้นอีก จะใช่ *อาเครอน รึปล่าวนะ?’


     

     *อาเครอน คนพายเรือส่งวิญญา ในตำนานเทพกรีก

     


    คนพายเรือที่ตอนแรกเซียอาน่าเห็นก็ยังแอบแปลกใจและสะดุงไม่ได้เมื่อเขาหันมา เพราะเขามีร่างกายเป็นโครงกระดูกน่ะสิแล้วก็รูปลักษะของเขาก็ตรงตามที่เมย์โกะ เคยเล่าในเรื่องตำนานเทพของกรีกในฟังอยู่บ่อยๆ  

     

     

     

         ‘ตามตำนานปรัมปรากรีกน่ะนะ ถ้าคนเป็นจะเดินทางไปนรกละก็ต้องเอาเหรียญทอง หรือที่เรียกๆกันว่า เงินปากผี เหรียญที่อยู่ในปากศพไปยืนให้คนพายเรือ อาเครอน เสียก่อนเขาถึงจะยอมพาไปส่งอีกฝั่น แต่ว่าในตำนานก็มีคนที่ไม่ได้ให้เหรียญแต่ก็นั่งเรือข้ามไปได้นะ ก็จะมี……..’

     

     

     

    นอกจากนั้นมีอะไรอีกเซียอาน่าก็จำไม่ได้แล้ว เพราะตอนนั้นกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่กับเพื่อนๆ แล้วเมย์โกะก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ตอนนั้นเซียอาน่าก็ไม่ได้สนใจฟังเท่าไร เลยไม่ได้รู้ว่านอกจากต้องให้เหรียญแล้ว จะมีใครหรือวิธีอะไรที่จะสามารถให้คนพายเรือนั้นพานั่งเรือข้ามไปได้อีก

     

         ‘ถ้ารู้ว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้กับตัว ตอนนั้นน่าจะตั้งใจฟังเรื่องที่เมย์โกะเล่าให้ฟังบ้างน่า….’

     

    ชายหัวเพลิงก้าวขึ้นไปบนเรือก่อน แต่พอเซียนอาน่าเดินเข้ามาไกล้ คนพายเรือที่เป็นโครงกระดูกมองมาที่เธอด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร เซียอาน่านึกถึงเหรียญที่ชายหัวเพลิงพึ่งให้เธอมา เธอจึงยืนมันให้กับเขา แล้วเมื่อโครงกระดูกได้รับเหรียญทองไปแล้ว เขาก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เธอขึ้นเรือไปได้

     

    “นั่งให้สบายแล้วรับชมบรรยากาศอันแสนน่าหดหู่นี้ให้พอใจได้เลยยัยหนู เจ้าหิวไหม? เอานี้!สนใจอมยิ้มผีไหม?”

    “เอ่อ ไม่ ไม่ดีกว่าขอบคุณคะ”

    “งั้นหรอ ไม่เป็นไร นั่งชมบรรยากาศเงียบๆไปก็สนุกดีนะ”

    ชายหัวเพลิงพูดชวนคุยพร้อมกับเสกของที่เขาเรียนมันว่า อมยิ้มผี ออกมาจากความว่างปล่าวมาให้เธอ แต่เซียอาน่าก็ปฏิเสธไปตามมารายาท

    เซียอาน่านั่งตรงกลางระหว่างคนพายเรือ และชายหัวเพลิงที่ยืนอยู่หัวเรือ เมื่อตัวเรือเริ่มพายออกไปแล้วความเงียบก็เริ่มปกคลุมบริเวณโดยรอบ สองมือบางกอดกระเป๋าเป้สีขาวในมือแน่นบรรยากาศโดยรอบเริ่มทำให้ตัวเด็กสาวรู้สึกกลัวขึ้นมา มองไปทางไหนก็มีแต่ทะเลสาบกับความมืดมิดที่ไม่มีแสงสว่าใดส่องลงมาถึงได้เลย

     

    กึก กึก….

     

    หูของเซียอาน่าได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นข้างๆหูกับเรือมันก็สั่นๆผิดปกติ  แล้วก็ไหนจะความรู้สึกน่าขนลุกอย่างห้ามไม่อยู่ ดวงตาสีฟ้าค่อยๆหันไปมองในแม่น้ำที่มืดมิดและลึกจนมองไม่เห็นพื้นข้างใต้ได้เลย แต่แล้วเด็กสาวต้องโยนความคิดทุกอย่างทิ้งไปจนหมดสิ้งเมื่อดวงตาสีฟ้าครามเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่ใต้น้ำ

     

     

         ‘เมื่อเดินทางไปสุดขอบโลกเเล้วก็จะตกขอบโลกลงไปสู่แม่น้ำ 2 สาย คือ อเซรอน แม่น้ำแห่งความเจ็บปวด เเละ โคซีทุส แม่น้ำแห่งความเศร้าโศก ซึ่งเชื่อกันว่า แม่น้ำเเห่งนี้ทั้งลึก มีสีดำสนิท น่ากลัวที่สุดในโลก เเละเกิดมาจากน้ำตาของเหล่าดวงวิญญานที่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด…’

     

     

    ในน้ำที่มืดมิดปรากฎมือสีซีดโปรงแสงหลายคู่พุ่งขึ้นมาจากน้ำเข้ามาจับที่ขอบเรือ แล้วก็มีบางส่วนที่พุ่งขึ้นมาจับที่ข้อมือของเซียนอาน่าเอาไว้ จนเด็กสาวตกใจจนร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้

     

         ‘ช…ช่วย….ด้วย…..’

     

    น้ำเสียงร้องโหยหวนที่ได้ยินมาตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาที่นี้ ตอนนี้เซียอาน่ารู้แล้วว่ามันเป็นเสียงร้องของเหล่าผู้คนที่อยู่ในแม่น้ำเหล่าวนี้ พวกเขากำลังอ้อนวอนขอร้องให้เด็กสาวที่เป็นสิ่งมีชีวิต และกายเนื้อเพียงหนึ่งเดียวในที่แห่งนี้ช่วยหลือพวกเขาที

     

     

    “ไปให้พ้นซะเจ้าพวกวิญาญเร่ร่อน!”

     

     

    พรึบ!!!

     

     

    เปลวไฟสีส้มถูกร่ายออกมาจากที่ปลายนิ้วของชายหัวเพลิง เพื่อขับไล่สิ่งแปลกปลอมที่มาเกาะเรือและตัวเด็กสาวออกไป ก่อนที่เขาจะทำท่าเป่าควันที่นิ้วของเขา เหมือนเป่าเขม่าดินปืนอย่างเท่ๆ

     

    “ให้ตายสิ น่ารำคาญไม่เคยเปลี่ยน”

    “เอ่อ เมื่อกี้นี้ มันคืออะไร?”

    “เหล่าดวงวิญาณเร่ร่อนไงละ”

     

    ชายหัวเพลิงพูดอย่างไม่สนอกสนใจอะไรก่อนที่ทางข้างหน้าที่มีกำแพงหินกั้นอยู่จะถูกเปิดออก พร้อมกับบางสิ่งที่รออยู่หลังกำแพงนั้น

     

    ครือ….!! โครง!!!

     

     

         ‘แล้วก็ในนรกนั้นน่ะนะ จะมีคนค่อยเฝ้าทางเข้าออกอยู่ด้วย……เพื่อทำหน้าที่ตรวจตราสิ่งแปลกปลอม เเละสิ่งมีชีวิตเข้ามายังนรก เเละยังคอยกันไม่ให้วิญญาณด้านในหลบหนีออกมาอีกด้วย…ชื่อของมันก็คือ…’

     

     

     

     

    “อะ..อะไรว่ะ! นั้นน่ะ?!”

     

    สิ่งที่ปรากฎหลังกำแพงนั้นมันมีขนาดใหญ่มหึมานัยน์ตาสีแดงดั่งโลหิตนั้นหกดวง ขนสีดำทมิฬ เขี้ยวอันใหญ่โตและแหลวคม และหัวของมันที่มีอยู่ด้วยกันถึงสามหัว กำลังจับจ้องมองมา

     

     

    เซียอาน่าตัวแข็งค้างมองไปที่เจ้าสัตว์ร้ายตัวใหญ่นั้นอย่างทำตัวไม่ถูก เจ้าแมวก็รีบชิ่งมาหลบอยู่ในกระเป๋าเป้ของเธอตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ด้วยอาการและท่าทางตัวกลัวสั่น

     

    “เอาละๆ! อย่าเสียมารยาทกับแขกของข้าแบบนี้สิเด็กๆทำตัวดีๆหน่อย"

     

    ชายหัวเพลิงพูดขึ้นมาก่อนที่จะหยิบชิ้นเนื้อที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหนโยนไปให้เจ้าสัตว์ร้ายสามหัวนั้นแย่งกันกินอย่างหิวโหยและฉีกกระชากชิ้นเนื้อ แล้วเรือก็ค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านไปอย่างช้าๆ

     

    “มะ เมื่อกี้! โกหกน่า! เซอร์เบอรัส? งั้นหรอ?”

    “แหม รู้จักด้วยรอเนี่ย ข้านึกว่ามนุษย์สมัยนี้จะลืมเลือนยุคที่พระเจ้าค่อยดูแลไปหมดแล้วเสียอีก”

    ถึงแม้ว่าเซียอาน่าจะไม่ค่อยรู้เรื่องเทพเจ้ากรีกดีเท่าเมย์โกะเพื่อนของเธอ แต่เธอก็พอจำได้ในสิ่งที่เพื่อนชอบเล่าให้ฟัง ซึ่งหนึ่งในล้านเรื่อยที่เพื่อนของเธอเล่าให้ฟังก็จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับรนกของกรีกอยู่ด้วย ซึ่งในนรกนั้นจะมีสัตว์ร้ายที่คอยเฝ้าทางเข้าออกไม่ให้พวกวิญาญหลบหนีออกไปหรือปล่อยให้คนเป็นเข้าไปเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่พูดมานั้นมันตรงกับสิ่งที่เธอพึ่งเจอมาหมดเลย!!

     

         ‘เมย์โกะ….ฉันขอโทษที่ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องที่เธอเล่า ถ้ากลับไปได้เมื่อไร ฉันจะเล่าเรื่องที่เจอพวกนี้ให้เธอฟังเป็นการขอโทษเลย!’

     

     

    เรือลำเล็กเคลื่อนตรงไปข้างหน้า ทางข้างหน้าจะปรากฎภูเขาหินขนาดใหญ่ ที่มีรูปร่างคล้ายกับหัวกระโหลกอันใหญ่โตหน้าขนลุก เมื่อเรือจอดเทียบท่าชายหัวเพลิงก็เดินลงไปก่อน เซียอาน่าเองก็รีบลงตามเขาไป เมื่อลงมาแล้วก็พบกับขั้นบันไดที่วนรอบกับคบไฟสีฟ้าที่เรียงกันเป็นทางขึ้นไป

     

    “ตามมาทางนี้ยัยหนู ข้ามีอะไรดีๆให้ดู”

     

    ชายหัวเพลิงพูดขึ้นก่อนที่จะออกตัวเดินนำหน้าขึ้นบันไดขึ้นไป เซียอาน่ามองตามอย่างชั่งใจ แต่จะให้ทำยังไงได้ ตอนนี้ตัวเลือกเดียวมีแค่ต้องตามไปเท่านั้น เธอหันกระเป๋าเป้สีขาวไปใส่ที่หลังก่อนที่จะเดินตามเขาขึ้นไป

     



         เมื่อขึ้นมาแล้วก็พบกับห้องโถงขนาดใหญ่ที่กำแพงเป็นพนังหิน เสาหินที่มีรูปร่างแปลกตาดูหน้ากลัวราวกับมีปีศาจมากมายถูกขยำรวมกันอยู่ในต้นเสาแต่ละต้น มีรูขนาดใหญ่ที่กำแพงเพียงสองรู เซียอาน่าคิดว่ามันคงเป็นหน้าต่างแบบการออกแบบถ่ำหิน หรือไม่ มันก็เป็นลูกตาหัวกระโหลงอันใหญ่ที่เธอเห็นจากข้างนอกก็ได้

     

    ทีพื้นกลางห้องมีแท่นวงกลขนาดใหญ่ ที่มีรูปแผนที่อยู่บนนั้น มีของจัดว่างเป็นรูปปั้นอันเล็กๆ แบ่งเป็นสองฝั่นเหมือนหมากรุก แต่มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว

     

    “คือว่า….ขอถามหน่อยได้ไหม ที่นี้ใช่นรกรึปล่าว?”

     

    หลังจากที่หุบปากเงียบมานาน จนในที่สุดเธอก็ได้ลองเอ่ยถามสิ่งที่ตนเองคิดมาตลอดออกไป ชายหัวเพลิงหันกลับมาหา เมื่อทั้งคู่มาหยุออยู่ที่กลางห้องโถงแล้ว

     

    “ถูกต้องแล้วยัยหนู ที่นี้คือนรกพิถพโลกันตร์ที่ข้าปกครองอยู่ยังไงละ”

     

    เขากอดอกพูด แต่จากสีหน้าแล้วก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยดูภูมิใจเท่าไรที่ตนเองเป็นผู้ปกครองที่นี้ ถ้าที่เขาพูดเป็นความจริงละก็….

     

    “งั้นคุณก็คือ….”

     

     

     

     

         ‘ผู้ปกครองนรก ดินแดงวิญาญาณที่มืดมิด ที่ไม่ควรไปยั่วโทสะเขา ไม่อย่างนั้นดวงวิญญาณอาจจะไม่ได้ไปเกิดอีกเลยก็ได้’

     

     

    เฮดีส…?”

     

         เจ้าแห่งนรกตามตำนานเทพกรีกที่เมย์โกะเคยพูดถึงให้ฟัง เซียอาน่าเริ่มทำตัวไม่ถูก และปวดหัวตุบๆเหมือนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ตอนแรกก็เจอราชินี ต่อมาก็สัตว์พูดได้ แล้วก็ครึ่งคนครึ่งปลาหมึก พ่อมด ราชินีขี้หลงตัวเอง? มาตอนนี้ ดังมาเจอเทพเจ้ากรีดแห่งนรกอีก

     


         ‘ฉันอยากจะบ้าตาย วันนี้มันวันอะไรกันว่ะเนี่ย วันรวมญาติของ....ของ?..ของอะไรสักอย่างงั้นหรอ!?’

     


    “แหมๆ น่าดีใจจริงๆ ดีใจจนน้ำตาไหลเลยที่เจ้ารู้จักข้าด้วยนะยัยหนู”

     

    เฮดีสทำท่าทางปราบปลื้มราวกับน้ำตาจะไหลจริงๆ แต่ให้เด็กอนุบาลมาดูยังรู้เลยว่ามันปลอมมากแค่ไหน

     

    “ฉัน..ก็พอรู้มาบ้างค่ะ งั้น คุณก็เป็นเทพเจ้าจริงๆน่ะสิ”

    “แน่นอนอยู่แล้ว แค่เห็นก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรอ”

    “ก็เพราะไม่รู้ถึงได้ถามไง…แล้ว…ไงต่อละ คุณจะให้พรสามข้อกับฉันรึไง”

    “ข้าไม่ใช่ยักษ์ในตะเกียงของเจ้าพ่อมดทะเลทรายนั้นเสียหน่อย ทำไม่ข้าต้องให้พรเจ้าด้วย!!”

     

     เฮดีสตะโกนกลับมาด้วยโทสะจนไฟพบหัวเปลี่ยนเป็นสีส้ม ที่เด็กสาวเอาเขาไปเปลียบกับยักษ์ในตะเกียง แต่หารู้ไม่ว่าเซียอาน่านั้นไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเลยตอนที่พูด เพราะเธอนึกไปถึงพวกนิยายที่เมย์โกะมักจะเอามาแบ่งให้เธออ่านอยู่บ่อยๆ ซึ่งนิยายที่มีเทพเจ้าเข้ามาเกี่ยวหรือมาเจอตัวเอกเนี่ย ก็มักจะให้พรกับตัวเอกอยู่ตลอดเป็นแบบนั้นอยู่หลายเรื่องไม่ใช่หรอไงละ

     

    “ไม่ได้ตั้งใจให้คิดว่าเป็นแบบนั้นนะคะ ก็แค่ เคยได้ยินมา”

     

         เซียอาน่าพยายามให้เฮดีสใจเย็นลง สองมือยกขึ้นห้ามเขา ให้เข้าใจเย็งลงมานิดนึงก็ยังดี

     

    “เหอะ! นั้นก็เป็นหนึ่งในความเชื่อแบบผิดๆของพวกมนุษย์รึไงกัน ไร้สาระสิ้นดี!”

    “ใช่ค่ะ มันไร้สาระ มันไม่เมคเซ้นเลย”

    “เมค? เมคเซอะไรของเจ้ากัน?”

    “อะ อ่อ หมายถึง มันไม่เข้าท่าเลยน่ะค่ะ มันเป็นคำสมัยใหม่น่ะ”

     

    เมื่อเห็นว่าไฟบนหัวของเฮดีสกลับมาเป็นสีฟ้าอีกครั้งนึงแล้ว เซียอาน่าก็เบาใจขึ้นว่าอย่างน้อยเขาก็เย็นลงบ้างแล้ว จึงได้พยายามหาเรื่องคุยเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

     

    “จะว่าไป ที่คุณบอกว่ามีอะไรดีๆให้ดูน่ะคืออะไรหรอคะ?”

    “เอ่อใช่ ข้าลืมไปเลย”

     

    เฮดีสทำท่าทางเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนที่จะเดินไปอีกฝั่งของแท่นวงกลมกลางห้อง เหมือนลืมเรื่องที่ทำให้ตนเองอารมณ์เสียก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้นแล้ว เซียอาน่าแอบถอนหายใจว่าตนเองรอดแล้ว แต่ก็มีแอบแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เฮดีสมีนิสัยแบบนี้ด้วย เพราะตอนที่เจอกันครั้งแรกก่อนหน้านี้เขาดูเป็นคนเงียบๆดูขรึมๆเสียอีก แต่พอมาตอนนี้แลดูเป็นคนหัวร้อนง่ายซะงั้น

     

         ‘เป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วรึไงกันนะ’

     

    กึก กึก!

     

    เซียอาน่ารู้สึกเหมือนมีอะไรขยับอยู่ที่หลังก่อนที่จะหันกลับไปมองกระเป๋าเป้สีขาวที่หลังตนเองก่อนที่จะย้ายมันมาไว้ข้างหน้าแล้วรูดซิปเปิดมันออก ปรากฎเป็นเจ้าแมวตัวเดิมนั้นเอง ตอนที่เจอเซอร์เบอรัสมันแอบเข้ามาหลบในนี้ แต่พอลงมาจากเรือเธอก็ลืมไปจนเผลอรูดซิปปิดมันเอาไว้

     

    “อ่า ขอโทษนะ ลืมไปว่าแกอยู่ในนี้ด้วยน่ะ”

     

     เธอเอ่ยขอโทษก่อนที่ะอุ้มเจ้าแมวออกมาจากกระเป๋ากอดมันเอาไว้ ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองรึปล่าวแต่เห็นมันทำหน้าเหมือนงอนเธอด้วย


    "ทีนี้ เรามาคุยถึงข้อแลกเปลี่ยนกันดีกว่า"


         จู่ๆเฮดีสก็พูดขึ้นก่อนที่เขาจะทำอะไรบางอย่างทำให้แท่นกลางห้องมีควันสีดำปกคลุ่ม แค่ชั่วครู่ควันก็จางลงไป สิ่งที่ปรากฎขึ้นมาแทนที่นั้นทำให้เซียอาน่ามือไม้แข็ง จนแทบหยุดหายใจไปเลย


    ร่างโปรงแสงที่ยืนอย่างสงบนิ่งราวกลับไร้ชีวิต


    "เธอเป็นผู้หญิงที่สวยนะ เก่ง และมีความสามารถ แต่น่าเสียดายที่ไม่น่าอายุสั้นเลย ทั้งๆที่มีอนาคตไกลแท้ๆ"


    เฮดีสพูดขึ้นมาก่อนที่จะมายืนข้างๆเซียอาน่าตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แต่เด็กสาวก็ไม่ได้สนใจเขาเท่าไร เพราะสิ่งเดียวที่ดึงดูดสายตาเธอตอนนี้ได้มีเพียงร่างโปรงแสงตรงหน้าเท่านั้น

     

    สองมือบางกำเข้าหากันแน่น ภาพเหตุการบางอย่างไหล่เวียนเข้ามาในหัว


    ร่างของหญิงสาวผมดำยาวนอนอยู่ที่พื้นที่นองไปด้วยของเหลวสีแดง แต่เหตุผลที่มันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น มันเกิดจากอะไร เซียอาน่าก็จำไม่ได้ มันเหมือนมีเมฆหมอกสีดำมาปกคลุมเอาไว้อยู่ ทั้งที่พยายามนึกมากเท่าไร ก็นึกถึงเหตุผลที่แท้จริงไม่ได้เลยสักที


    "อยากได้คือไหมละ พวกข้าสามารถช่วยเจ้าได้นะ"


         เฮดีสดีดนิ้วก่อนที่ร่างนั้นจะหายไป ก่อนที่จะปรากฎเป็นขวนเเก้วขนาดเล็กที่มีน้ำสีใส่อยู่ข้างใน เซียอาน่ายืนมือไปหยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะหันกลับมาหาเฮดีส



    "จะให้ทำอะไรก็ว่ามา"

     

     เฮดีสยกยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะเริ่มอธิบาย แท่นตรงกลางถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำอีกครั้งก่อนที่รูปแผนที่ก่อนหน้านี้จะเปลี่ยนไปเป็นแผนที่ของสถานที่นึงที่เธอไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน


    "พวกข้าอยากให้เจ้าช่วยไปกำจัดบางสิ่งที่มันซ่อนตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้ให้หน่อย เมื่อทำสำเร็จเจ้าก็แค่ดื่มน้ำในขวนนี้ แล้วเมื่อถึงตอนนั้น เจ้าก็จะได้สิ่งที่เจ้าต้องการคือ เป็นไงง่ายดีใช่ไหม"

    "น้ำนี้มันคืออะไร?"

    "มันคือหนึ่งในน้ำวิเศษของที่นี้ จากบ่อน้ำเลเธ เมื่อดื่มไปแล้วเจ้าจะหลงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี้ ทุกอย่างก็จะเป็นเพียงแค่ฝันไป"

    "แล้วที่บอกว่าให้กำจัดน่ะคือ?"

    "ก็ง่ายๆมันเป็นของเหลวสีดำ เมื่อเห็นเจ้าก็จะรู้เอง แล้วก็ให้ทำลายมันแค่นั้น"


         เซียอาน่ามองขวดแก้วที่มีน้ำสีใส่อยู่ในมือ เมื่อรู้ว่ามันคืออะไรก็แอบเสียด้ายอยู่เหมือนกันว่าจะไม่ได้เล่าเรื่องพวกนี้ที่เจอให้เมย์โกะฟัง แต่เรื่องนั้นใครสนกันละถ้าเธอทำสำเร็จ ต่อให้จำไม่ได้ว่าเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเธอ เธอก็ไม่เสียใจหรอก ขอแค่ได้เธอคนนั้นกลับคือมา ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว


    "ฉันตกลง ฉันรับข้อเสนอ"


    "ฮ่าๆๆ! เลือกได้ดียัยหนู แต่เจ้าก็เลือกมากไม่ได้หรอกเพราะยังไงซะเจ้าก็ต้องรับผิดกับสิ่งที่ก่อไว้อยู่ดี"

    "ฉันเคยก่อเรื่องอะไรให้พวกคุณด้วยรึไง?"

    "ขอโทษทีเรื่องนั้นข้าบอกเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าจะสนทำไมละแค่ช่วยพวกข้ากำจัดเจ้าพวกที่ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่นั้น เจ้าก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการคือแล้วนิ แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าพวกข้าจะโกงหรอกน่ะ ข้าขอยืนยันในฐานะเทพแห่งความตายเลย"



         เมื่อพูดจบประโยชน์ ข้างหลังของเซียอาน่าก็ปรากฎแสงสีขาวขึ้นพร้อมกับมีเถาวัลย์หนามปรากฎขั้น เป็นสัญญาณว่าเธอควรต้องไปต่อแล้ว


    "แหม! น่าเสียดายเวลาหมดแล้ว นั้นเป็นที่สุดท้ายแล้วก่อนที่เจ้าจะต้องเดินทางไกล ขอให้โชคดีละยัยหนูน้อย"


    เซียอาน่าหันกลับไปมองที่ประตูแสงนั้น ก่อนที่จะเดินตรงไปหามัน เธอเอาขวดที่ใส่น้ำจากบ่อเลเธมาไว้ในกระเป๋าแล้วมุ่งตรงเข้าไปโดยไม่พูดอะไร เจ้าแมวนั้นก็รีบวิ่งตามเข้าไปติดๆ


    ___________________________________________________________________________________________________________________

    _____________

     

     

     

     วิ้ง!!


         สองขาก้าวเหยียบลงไปที่พื้นหินปูนก่อนที่แสงสว่าจะหายลับไป เมื่อมองไปรอบๆก็พบกับว่าตอนนี้ตนเองนั้นมาอยู่ในห้องแคบๆห้องนึง


    "ห้องขังรึไงกันเนี่ย อ้ะ?! เดียว ไปไหนน่ะ!?"


    อยู่ดีๆเจ้าแมวเทาก็เดินออกประตูไป เซียอาน่ารีบวิ่งตามมันไป เมื่อออกมาจากห้องแคบๆที่เธอคิดว่ามันคือห้องขังแล้วก็เจอกับทางบันไดหินปูน เธอก็รีบวิ่งขึ้นไปตามเจ้าแมวนั้นให้ทัน เมื่อขึ้นมาได้สิ่งที่ปรากฎต่อสายตาของเธอก็คือ ซากปราสาทปรักหักพัง ท้องฟ้าอึนครึมมืดมิดราวกับจะมีพายุเข้ามาได้ตลอด


    "ราวกับ....จะมีรางร้ายเกิดขึ้นเลย..หือ? เสียงนั้น"


    หูของเซียอาน่าได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากในปราสาท ซึ่งมันเป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นๆหูว่ามันเป็นเสียงของเจ้าแมวนั้น สองขาวิ่งไปตามเสียงเข้าไปในปราสาท เมื่อเข้ามาในปาสาทนั้นตามกำแพงและบนพื้นต่างมีเถาวัลย์หนามปกคลุมอยู่เต็มไปหมดเลย


    "เจ้าแมว!"


    เมื่อเดินเข้ามาลึกเข้าก็พบที่มาของเสียงที่ได้ยิน นั้นเป็นเสียงของเจ้าแมวนั้นจริงๆ ตัวของมันถูกเถาวัลย์หนามพันรอบตัว แล้วมันก็พยายามดิ้นออกไปให้หลุด แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผลเลย กลับกันหนามแหลมพวกนั้นกลับทิ่มแทงลงไปที่ตัวมันมากกว่าเดิมเสียงอีก


    "ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ละ! รอเดียวนะจะช่วยออกมาเดียวนี้ละ"


         มือบางข้างนึงจับหัวเจ้าแมวนั้นเอาไว้ให้มันอยู่นิ่งๆ แต่พอจะใช้มืออีกข้างไปจับเถาวัลย์หนามก็ต้องหยุดชะงักลง มันจะดูโง่มากถ้าเธอเอามือปล่าวไปยับเถาวัลย์ที่เต็มไปด้วยหนามแบบนี้


    "คงต้องหาอะไรมาตัด จริงด้วย!"


         มือบางละออกจากเจ้าแมวก่อนที่จะหันไปหาของบางอย่างจากในกระเป๋า ก่อนที่จะหยิบปากกาดาบสีขาวขึ้นมา


    "...โคโคโระกลับไปได้เมื่อไรฉันจะถามเอาความจากเธอแน่เกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้....ถ้าฉันยังจำได้อยู่นะ"

     

          ต่อให้อยากกลับไปถามถึงเอาความจริงเกี่ยวกับดาบปากกาเล่มนี้มากเท่าไร แต่ถ้าเธอทำตามหน้าที่ที่คนพวกนั้นต้องการสำเร็จแล้วได้สิ่งที่เธอต้องการแล้วละก็ เธอก็จะลืมทุกอย่าง เพียงแค่ดื่มน้ำในขวดนั้นอึกเดียว


    มือบางจับดาบปากกาให้มั้นก่อนที่จะตัดเถาวัลย์หนามที่พันรอบๆตัวเจ้าแมวนั้นออกไปให้หมด ก่อนที่จะอุ้มเจ้าแมวนั้นมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนที่จะหาผ้าเช็ดหน้ามาปิดแผลที่ถูกหนามแทงตามตัว


    "ทำไมซนแบบนี้น่า เจ็บตัวเลยเห็นไหม.....เราไปกันต่อเถอะ"


    เธอออกตัวเดินต่อไปอีกครั้งเดินไปตามทางเดินที่คิดว่ามันสามารถไปต่อได้ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าทุกการกระทำของเธอนั้นอยู่ในสายตาของใครบางคนอยู่ตลอด




    "นี่มันห้องอะไรกันละเนี่ย?"


         เมื่อเดินต่อมาอีกหน่อยก็มาเจอกับห้องโถงขนาดใหญ่ ที่มีบันลังก์อยู่ที่จุดบนสูงสุดของห้องโถงนี้ด้วย เซียอาน่ามองไปรอบๆก่อนที่จะเดินไปนั่งที่ด้านล่างของบันลังก์ก่อนที่จะทำการใช้ดาบกากกาฉีกผ้าเช็ดหน้าลายทางขาวดำของเธอ แล้วเอามาพันแผลรอบๆคอเจ้าแมวนั้นเอาไว้กันเลือดมันไม่ให้ไหลมากกว่านี้เพราะตรงบริเวณคอนั้นเป็นจุดที่โดนหนามแทงมากที่สุด


         แต่จะให้พันเรียบๆอย่างเดียวก็น่าเสียด้าย เธออุส่าเสียสละผ้าเช็ดหน้าผืนโปรดของเธอให้เลยนะ ก่อนที่จะคิดอะไรดีๆออก


    "เรียบร้อยแล้ว"


    เซียอาน่ายิ้มแล้วชื่นชมกับผลงานของตัวเอง ที่คอของเจ้าแมวนั้นไม่เหมือนผ้าพันแผนพันคอแล้ว แต่เป็นมีโบว์ลายทางขาวดำผูกอยู่แทนต่างหากละ ดูน่ารักขึ้นไปอีกนะเนี่ย มือบางลูบไปตามตัวของมันเบาๆก่อนที่จะรู้สึกง่วงขึ้นมาจนต้องเอามือขึ้นมาปิดปาก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้วตั้งแต่เธอมาที่นี้ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกง่วงนอนมากๆ เจ้าแมวเองมันก็หลับไปก่อนเธอหน้านี้แล้วด้วย


         ถึงแม้จะไม่อยากมาหลับในที่น่ากลัวๆแบบนี้แต่เปลือกตามันก็หนักจนทนไม่ไหวแล้ว จนสุดท้ายก็สู้ความง่วงไม่ไหวจนเธอก็หลับไปซะตรงนั้นเสียเลย

                                                        



    "ใสสื่อเกินไปหน่อยนะเด็กน้อย"



         หลังจากที่เซียอาน่าหลับไปแล้วนั้นก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากที่นั่งบนบันลังก์ ก่อนที่จะมีอีกาสีดำบินลงมาเกาะที่ไม้เท้าในมือของผู้พูด


    หญิงสาวในชุดผ้าคลุมยาวสีดำ ปกคอกว้างสีม่วงกับสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อย่างเขาสีดำสองคู่ที่อยู่บนศีรษะ ผิวสีซีด ใบหน้านั้นมีการแต่งแต้มเล็กน้อยพองามรีมฝีปากแดงดังดอกกุหลาบ แววตาคมจ้องมองไปที่เบื่องล่างที่มีเด็กผู้หญิงกับแมวนอนอยู่ด้วยกัน 


    ปัก!


    ไม้เท้ากระแทกลงพื้นก่อนที่ร่างของเด็กสาวและเจ้าแมวจะค่อยๆลอยขึ้นมาช้าๆแล้วแยกออกจากกัน หญิงสาวก้าวลงจากบันลังก์แล้วออกตัวเดินไปยังอีกห้องๆนึงโดยที่มีร่างของเด็กสาวลอยตามไปด้วย


    ในห้องๆนี้เป็นห้องปล่าวๆ ที่ตรงกลางของห้องมีบางสิ่งถูกตั้งวางเอาไว้อยู่ มันมีขนาดที่ยาวและกว้างมากพอที่จะใส่ร่างของคนๆนึงเข้าไปได้เลย 

     

    โลงศพ...


    ร่างของเด็กสาวลอยลงไปนอนอยู่ในโลงศพ ก่อนที่หญิงสาวที่มีเขาจะใช้ไม้เท้าชี้มาที่ตัวเธอ ปรากฎมีแสงสีเขียวปรากฎขึ้นที่ตัวของเซียอาน่า ชุดลำลองที่เธอใส่มาตลอดนั้นเปลี่ยนแปลงไปกล่างเป็นชุดผ้าคลุมยาวดำเนื้อผ้าข้างในเป็นสีม่วงมีลายกุญแจไหว่กัน ใส่กางเกงขายาวลวดลายสีทองบนชุดสวยงามอย่างประณีต

    ฮู้ดที่มีลวดลายแบบเดียวกันถูกดึงขึ้นมาให้ปิดและเก็บผมสลวยเข้าไป มือสองข้างขึ้นมาประกบกันและในมือนั้นมีของสองสิ่งว่างคู่กันอยู่ด้วย

    ขวดที่ใส่น้ำจากบ่อเธเลของเฮดีส แล้วก็ดาบปากกาจากญาติสาวของเซียอาน่า


    "ทีนี้ก็หมดธุระของข้าแล้วสินะ หือ? อะไรอีกละ?"


    ก่อนที่หญิงสาวมีเขาจะทำการปิดฝาโลง เจ้าอีกาก็ได้คาบบางสิ่งมาให้เธอ หญิงสาวรับมันไปดู ก่อนที่จะพบว่ามันคือรูปถ่าย เป็นของชิ้นนึงที่อยู่ในกระเป๋าของเด็กสาว


         รูปภาพของคนสี่คนที่อยู่ในรูป สองคนในรูปนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยกับแผนการครั้งนี้ แต่กับอีกสองคนที่อยู่ในรูปที่เหลือ มีเซียอาน่าอยู่ในนั้นด้วย ส่วนอีกคนนั้นถึงจะไม่เคยเจอหน้า แต่ก็เป็นตัวแปลสำคัญที่จะทำให้เซียอาน่ายอมมาช่วยพวกเขาได้ เพราะอย่างนั้นจึงได้มีการยื่นของเสนอตอบแทนที่เกี่ยวกับคนในรูปคนนี้ยังไงละ เพราะถ้าพูดถึงคนๆนี้ไม่ว่ายังไงเซียอาน่าก็ต้องยอมตอบรับของเสนอแน่


    "แหม ดูคึกคักกันจังเลยนะ"


    เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ใบหน้านั้นมีความหงิกงอเล็กน้อย เพราะเธอไม่เคยเข้าใจหรอก ว่าความรู้สึกที่ได้อยู่ร่วมกันกับคนอื่นๆมันน่าสนุกตรงไหน

    มือบางวางรูปถ่ายเอาไว้ที่อกของเด็กสาวอย่างเบามือแต่ก่อนที่จะละมือออกไป มือของนางก็ยืนไปเก็บจัดเส้นผมที่ยื่นออกมาจากฮู้ดในเข้าที่ไม่ให้บดบังใบหน้าของเด็กสาว ดวงตาคมจ้องมองลงไปที่ใบหน้ายามหลับ ด้วยใบหน้าที่นิ่งจนไม่อาดเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่



    "ยัยเด็กอัปลักษณ์เอ้ย"


    กล่าวจบก็ผลักตัวออกมาก่อนที่จะทำการปิดฝาโลง....






    ________________________________________________________________________________________________________

    ____________

    ตอนหน้าจะเข้าสู่เนื้อเรื่องแล้วเตรียมตัวไว้ให้ดี!!

    มาตรวจคำผิดแล้วนะ แต่ถ้ายังเจอคำผิดอยู่อีกก็ต้องขอโทษด้วย



    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×