NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] Silent Song

    ลำดับตอนที่ #42 : บทที่ 37 เกินกว่าที่จะพูดออกมา (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.42K
      138
      16 เม.ย. 64

     

    บทที่ 37 เกินกว่าที่จะพูดออกมา 

    ฉันเคยคิดว่า…. ถ้าฉันตาย มันก็คงดี ดีกว่าตอนที่มีชีวิตโดยที่ไม่มีเขา  สูญเสียคนที่เป็นคนในครอบครัวคนเดียวที่รัก ราวกับทุกอย่างพังทลาย หมดหนทาง หมดเรี่ยวแรง ไร้ซึ่งหนทางข้างหน้าที่จะเดินต่อ

    ฉันกลัวที่จะรักใครซักคนจนหมดหัวใจ จากนั้นคนๆนั้นก็จากไปทำให้ฉันพังทลายอีกครั้ง

    กลัว… กลัวที่จะสูญเสีย

    “นะ…นารูโตะ…” เสียงแหบพร่าออกจากลำคอเรียกชื่อใครบางคนที่เธอห่วงแสนห่วง ดวงตาที่พร่ามัวปรือมองหาเจ้าของชื่อ แสงไฟรอบๆมันจ้าไปหมดจนเธอมึนหัว

    ทันใดนั้นใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้มีดวงตาสีเช่นเดียวกันกับเธอปรากฏตรงหน้า

    “น้าฮะ…” เขากุมมือบางที่ซีดเซียวแน่น ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ “น้าฟื้นแล้ว”

    มิกิยังคงมึนงงจากการหลับไปยาวนาน เธอไม่รับรู้ความรู้สึกจากแผลด้านซ้ายมากนัก แต่สิ่งที่เธอรู้ คือความอุ่นวาบที่มือของเธอ ซึ่งถูกกอบกุมด้วยมือของเด็กหนุ่ม

    นี่เรา..หลับไปนานเท่าไหร่กัน..

    “ครูหลับไปตลอดสัปดาห์เลยนะคะ ครูมิกิ” ซากุระพูดขึ้นเหมือนรู้ความคิดของเธอ “ดูเหมือนแผลยังไม่ค่อยสมานตัวนะคะ ตอนนี้ยังคงขยับตัวมากไม่ได้”

    “นี่ฉัน…” ยังไม่ทันเอ่ยอะไรต่อ พวกพยาบาลก็ขอให้เด็กๆทั้งสองคนบวกกับอิรูกะที่เข้ามาโดยพลการออกไป ทิ้งให้มิกิอยู่ในความดูแลของหมอ

    จากนั้นเวลาต่อมา ซึนาเดะ จิไรยะ และชิซึเนะก็เข้ามาเยี่ยม

    “ดีใจที่เธอฟื้นกลับมานะ มิกิ เธอทำเอาพวกฉันกังวลแทบแย่” ซึนาเดะเอ่ยปากก่อนจะดูอาการหลังฟื้นของหญิงสาว

    “โชคดีจริงๆที่เธอรอดกลับมาได้ ตกเหวสูงร่างกายบาดเจ็บจนสาหัสขนาดนั้น” จิไรยะกอดอกมองที่ปลายเตียง “เธอทำเอาเจ้าคาคาชิจิตตกไปตลอดทั้งอาทิตย์เลยนะ”

    มิกิเงยหน้ามองจิไรยะ “แล้วเขา…เป็นไงบ้างคะ”

    “ปลอดภัย เพิ่งออกจากโรงพยาบาลไปเมื่อวานน่ะ” ซึนาเดะตอบแทน “แต่เดี๋ยวก็คงต้องกลับมา”

    “ทำไมกันล่ะคะ!!” มิกิตกใจ

    “ก็เธอฟื้นนี่ไง ยัยบ๊อง”

    “….เอ่อ..จริงด้วยสิ ฮะๆ”

    “แล้วก็เธอทำให้เจ้านารูโตะไม่ได้นอนหายวันติดกัน รู้ตัวบ้างไหม” ซึนาเดะดุ ทำหน้าไม่พอใจ “เจ้านั้นเลยไม่มีเวลาฝึกวิชา”

    “ขอโทษนะคะ” มิกิตอบสำนึกผิด

    “แล้วก็คราวหน้าอย่าทำอะไรไม่คิดอีก เข้าไปอยู่กลางวงคนไม่น่าไว้ใจจนเกิดเรื่องแบบนี้ ฉันนี่สิจะหารับมือไม่ไหว มิกิ”

    “ค่ะท่าน…” เธอรับคำอีกครั้ง “จริงสิ แล้วพวกผู้หญิงที่มาขอฉันช่วยตอนนั้น..”

    “ลงโทษให้พักงานไปก่อน ที่เหลือต้องดูอีกที”

    ดูเหมือนที่เธอหลับไป อะไรๆก็เปลี่ยนไปเร็วมากเลยนะ

    จากนั้นเหล่าผู้อาวุโสก็ขอตัวกลับไป ปล่อยให้มิกิพักผ่อนโดยมีนารูโตะ อยู่ข้างๆ

    เขานั่งร้องไห้…

    “ฮึก…ฮือ..”

    มิกิมองหลานชายที่ร้องไห้ไม่หยุดแถมพยายามเช็ดด้วยแขนเสื้อของตนเองข้างเตียง

    “เอ่อ…นารูโตะ…ไม่เห็นต้องร้องไห้ขนาดนั้นเลย”

    “ก็…ฮึก..จะให้ทำไงล่ะฮะ ผมเป็นห่วงน้านี่ น้าสลบไปเป็นอาทิตย์ ก่อนหน้านั้นน้าบาดเจ็บปางตายกลับมา โดยที่ผมช่วยอะไรไม่ได้”

    มิกิทำหน้าเศร้า เธอรู้สึกผิดไปด้วยที่ทำให้เขาต้องเป็นห่วง อยากจะยกมือไปลูบหัวอีกฝ่าย แต่กลับทำไม่ได้ เพราะร่างกายยังระบมอยู่

    ผลจากการใช้จักระโดยไม่คิดทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงกว่าที่คิด

    “น้าก็อยู่นี่แล้วไง ไม่ต้องร้องแล้ว”

    “อือ..ผมรู้”

    “แล้วฝึกวิชาถึงไหนแล้วล่ะ หืม?” มิกิเปลี่ยนเรื่อง  ก็ยังดีกว่าคุยเรื่องเดิมไห้อารมณ์มัวหมอง

    “ผมไม่ได้ฝึกมาอาทิตย์นึงแล้วล่ะ…”

    “แบบนี้ไม่ดีเลยนะ นารูโตะ ไหนเธอบอกจะฝึกเพื่อใช้เอาไปสู้กับซาสึเกะยังไง”

    “แต่ผมเป็นห่วงน้านี่ ยังไงก็ไม่อยากเสียน้าไปก่อนที่จะบ้าเจ้าซาสึเกะกลับมาหรอก”

    มิกิยิ้มออกมา “งั้นเหรอ?”

    “อื้ม!” เขาตอบก่อนจะพยายามไล่ความมึนหัวของตัวเอง  “อา…หัวผมตื้อไปหมดเลย”

    “กลับไปนอนที่บ้านดีไหม ท่านซึนาเดะบอกว่าเธอไม่ได้นอนมาหลายวันนะ”

    “แต่ว่า…”

    “น้าไม่เป็นไรหรอก…”

    และแล้วนารูโตะก็ทนต่อความง่วงไม่ไหว และเผลอฟุบหลับข้างเตียงของมิกิ แอบสร้างเสียงหัวเราะให้กับเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ขยับร่างกายมากไม่ได้ การที่จะพาร่างของหลานชายไปนอนข้างเตียงจึงไม่มีทางเกิดขึ้น

    ฝืนจนมาถึงตอนนี้เลยงั้นเรอ?

    ขอโทษนะ นารูโตะ

    ที่ต้องทำให้เธอมาห่วงไม่เป็นเรื่อง

    “ทำหน้าแบบนั้น คิดว่าเป็นความผิดของตัวเองอีกงั้นเหรอ?”

    “…”

    ร่างสูงที่ปรากฏกายตรงประตู ทำให้เธอตื่นเต้นกว่าครั้งไหนๆ เธอยิ้มระบายออกมาเมื่อมองอีกฝ่าย

    “เป็นไงบ้าง มิกิ” คาคาชิเดินเข้ามาทักทายเธอ “แผลบนตัวเธอ..”

    “อืม..ยังปวดอยู่เลยล่ะ” เธอตอบร่างสูง ที่ยังไม่กล้าสบตาเธอ “ท่านซึนาเดะบอกว่าฉันต้องทำกายภาพบำบัดหลังจากที่แผลหายสนิทแล้ว”

    “งั้นเหรอ?”

    “แล้วนายเป็นไงบ้าง …..”

    คาคาชิหลบตาเธออีกครั้ง “นอกจากแผลที่หัวแล้ว ทุกอย่างก็สบายดี”

    “โล่งอกไปทีนะ ตอนนั้นฉันคิดว่านายจะตายไปแล้วซะอีก” เธอพูดอย่างอารมณ์ดีพลางลูบหัวหลานชายที่ฟุบนอนข้างเตียงเธอ “ตอนนั้นนายหัวใจหยุดเต้นเลยนะ ทำเอาฉันทำอะไรไม่ถูกเลย”

    “….”

    “คาคาชิ?”

    “จริงๆแล้วมันควรจะเป็นฉันที่อยู่บนเตียงนั้น…” จู่ๆคาคาชิก็เอ่ยโทษตัวเอง

    “….”

    “ฉันไปช่วยเธอ แต่เธอกลับช่วยฉันในตอนสุดท้าย มันไม่สมเหตุสมผลเลย ทำไมฉัน..จะต้องถูกคนอื่นปกป้องอยู่ตลอดด้วย”

    “….”

    ดีใจแค่ไหนที่ได้ยินว่าเธอฟื้น..

    “ปกป้อง..งั้นเหรอ?”

    “?”

    “ไม่รู้สิ ตอนนั้นร่างกายมันเป็นไปเอง ไม่รู้สึกเจ็บปวด รู้อย่างเดียวคือนายต้องฟื้น ทำยังไงก็ได้ ถ้าขืนปล่อยไว้  นายอาจจะ..”

    แววตาของเธอพยายามสบกับร่างสูง แววตาที่ไม่รู้ว่าจะสื่ออะไร แต่ที่รู้ เธอสื่อออกมาถึงความกลัว

    “ตายไปแล้วก็ได้”

    “มิกิ ฉัน..”

    “นายอย่าโทษตัวเองเลย ที่ฉันทำมันก็แค่ความเห็นแก่ตัวของฉัน แต่ตอนนี้เราทั้งคู่ก็รอดนี่นา” เธอพูดและยิ้มกว้าง

    ฉันแค่…ไม่อยากเสียเธอไป มิกิ   เขาอยากพูดเช่นนั่นแต่ทว่า

     “ขอบคุณนะ ..ที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้” เขากลับพูดอีกอย่างที่ต่างออกไป

    “อืม…ฉันก็เหมือนกัน”

    ต่างคนต่างไม่พูดความรู้สึกที่แท้จริงออกมา ว่าต่างคนต่างกลัวว่าจะเสียอีกฝ่ายไป เพียงแค่ให้อีกคนสบายใจ แค่นั่นก็พอใจแล้ว

    แค่เธอและเขามีชีวิตอยู่ต่อไป ความรู้สึกใดนอกจากนั้นมันก็ไม่จำเป็นหรอก

    ตัวเองจะเป็นเช่นไรก็ช่างขอเพียงให้อีกคนอยู่ต่อไป… 


     

    ================================================================

    แต่งแบบเมาๆ ปล่อยความหน่วงมาให้คนอ่านปาหมอนใส่ เดี๋ยวมาต่อน้าาาา 

    ================================================================

    “ว่าไปนั่น…ยังไงให้ฉันพาเจ้านารูโตะกลับไปนอนที่บ้านเลยล่ะกัน” เขาทำท่ายักไหล่เพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย พลางเข้ามาพยุงตัวเด็กหนุ่มที่หลับไม่รู้เรื่องข้างเตียงมิกิ

    “ต้องรบกวนนายอยู่เรื่อยสินะ” เธอมองทั้งคู่ “ฉันชอบเวลาที่นายกับนารูโตะอยู่ด้วยกันนะ มันดู… น่ารักดี..”

    คาคาชิเลิกคิ้วมองนารูโตะที่ตนพยุงตัวเอาไว้ “ไม่ใช่เธออีกคนใช่ไหม ที่คิดว่าฉันกับเจ้านารูโตะ…แบบว่า เอ่อ…”

    “แบบว่าอะไรเหรอ?”

    “ก็ที่พวกผู้หญิงเขาชอบคิดกัน เวลาที่ผู้ชายสองคนสนิทกัน” พูดไปพลางเขินไป

    “ฮะๆ ใครทำให้นายคิดอย่างนั้นกัน ฉันแค่ชอบเวลานายอยู่กับนารูโตะ เขาเชื่อฟังนายนี่นา” มิกิหัวเราะกับความคิดของอีกฝ่าย และท่าทางที่เขินไปกล้าพูด

    “…..ให้ตายสิ พวกซากุระทำเอาฉันระแวงไปทั่ว”

    “อย่าไปโทษพวกเธอเลยน่า” มิกิปราม

    ในตอนนั้นเอง ก็มีคนมาเยี่ยมมิกิเพิ่มอีก ทีม7ที่เหลือ และคุเรไนกับเก็นมะ คาคาชิจึงขอตัวพานารูโตะกลับบ้าน ทิ้งให้ทุกคนอยู่กับมิกิถามไถ่สุขภาพกันไป

     

    “ทำไมครูไม่พูดตรงๆไปล่ะ กับน้ามิกิน่ะ” เด็กหนุ่มที่ตอนนี้เปลี่ยนถูกคาคาชิพยุงข้างตัวมาเป็นขี่หลังเพื่อสะดวกแบกกลับบ้านเอ่ยข้างหูคนขี่จนสะดุ้งเบาๆ

    “อะไรกัน ไม่ได้หลับอยู่เหรอ?” คาคาชิถาม

    “ก็หลับๆตื่นๆ ผมพอได้ยินที่ครูคุยกับน้าอยู่เหมือนกัน ตอบผมก่อนสิ”

    จะให้ตอบอะไรกันล่ะ…

    “ครูไม่มีทางจะพูดแค่ขอบคุณน้าผมอย่างเดียวหรอก ถ้าเทียบกับที่ครูเฝ้ารอเขาฟื้นน่ะ”

    “อย่างเธอก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งเหรอ” คาคาชิย้อนถาม

    “ไปรู้มาจากไหนเนี่ย!!”

    “อาจารย์อิรุกะบอกฉันก่อนหน้าที่จะไปเยี่ยมน้าเธอพอดีไงล่ะ”

    เรื่องนั้นทำเอานารูโตะเขินหนักมาก “ห้ามไปบอกซากุระจังนะ ครูคาคาชิ”

    “ฉันไม่บอก ซากุระก็รู้หรอก เจ้าบื้อ”

    ช่วงเวลาที่ทั้งคู่เดินมุ่งหน้าไปบ้านของนารูโตะมันเป็นช่วงเวลาบ่าย ตามถนนหนทางจึงเต็มไปด้วยผู้คนเต็มถนน  บางคนมองทั้งคู่จนต้องเหลียงหลังบ้าง ไม่ได้สังเกตบ้าง แต่สำหรับนารูโตะ เขารู้สึกบนนยากาศมันแปลกๆ

    “ให้ผมลงเดินก็ได้นะ”

    “ไม่ต้องหรอก นายไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันติด”  เขาปฎิเสธคำขอแล้วเดินต่อไป

    “…”

    เด็กหนุ่มบนหลังจึงได้แต่เงียบยอมให้โดนอุ้มต่อไป

    “ถ้านายอยากรู้ ว่าทำไมฉันถึงไม่พูดความรู้สึกตรงๆกับมิกิ มันก็อธิบายยากนะ” จู่ๆ เขาก็ตอบในสิ่งที่นารูโตะถามตอนแรก

    “อธิบายยาก? ทำไมต้องทำให้ซับซ้อนด้วย ผมไม่ค่อยเข้าใจเลย”

    “ฮะๆ”  ก็ไม่ตั้งใจอยากให้มันเป็นแบบนั้นหรอก

    “แต่เป็นแบบนี้ต่อไปจะดีงั้นเหรอครู ผมก็อยากให้น้ามิกิมีความสุขนะ ถึงเขาจะยิ้มให้ผม แต่ลึกๆแล้วผมว่าต้องมีอะไรปิดบังแน่ๆ”

    “เป็นแบบนี้ต่อไป?  แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ เขาก็มีแฟนของเขา จะให้ฉันไปแย่งมารึไง” เขาถามนึกอารมณ์เสีย

    “เอ๋? ที่ครูไม่รู้เหรอว่าพวกเขาเลิกกันแล้ว”

    “หา?”

    คาคาชิทำหน้างง พร้อมกับที่นารูโตะโดดลงจากหลังอีกฝ่ายเมื่อถึงหน้าประตูบ้านของเขาพอดี

    “อื้ม ก่อนเกิดเรื่องที่ครูคาคาชิกับน้ามิกิเข้าโรงพยาบาลนั่นแหล่ะ”

    …ฉันปล่อยมือเธอแค่แป๊บเดียว ก็เกิดเรื่อง…

    คำพูดของเก็นมะในวันที่คาคาชิฟื้นตัวในโรงพยาบาลย้อนเข้ามาในหัว มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นเองเหรอ?

    “ถ้ากำลังหาโอกาสเหมาะ ผมว่าตอนนี้ก็เหมาะอยู่นา ครู” นารูโตะยิ้มร่าเชียร์เต็มที่

    “นี่เธอ คิดยังไงถึงมาเชียร์ฉันกันน่ะ” เขาถามกลบความดีใจ

    “อ้าว ใครๆก็ดูออกว่าครูกับน้ามิกิชอบกัน เอาจริงๆนะ พวกครูอาสึมะก็เคยเล่าให้ฟัง เรื่องที่ครูคาคาชิคอยตามดูแลน้าของผม แหม…สมัยก่อนสนิทกันขนาดนั้น มีหรือผมจะพลาด”

    โป้ก!

    สันมือกระแทกที่หน้าผากเด็กหนุ่มไปที “อะ…ครูเคาะหัวผมทำไมเนี่ย”

    “เธอนี่มันยุ่งไม่เข้าเรื่อง ไปนอนได้แล้วไป” คาคาชิไล่ลูกศิษย์ตัวดีเข้าบ้านไป

    “ก็ได้ๆ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ฮะ”

    นารูโตะลาครูของตนเองแล้วปิดประตูบ้านไป ทิ้งให้คาคาชิยืนมองบานประตูอยู่ครู่นึง

     

    …. มันควรจะถึงเวลาซักทีงั้นเหรอ?... 

    แต่เธอเพิ่งเลิกกับเก็นมะนะ!!

    “ให้ตายสิ…” ชายหนุ่มสบถเบาๆ ละสายตาจากประตูบ้านตรงหน้า ก่อนจะมองออกไปด้านนอกที่เป็นทิวทัศน์ของหมู่บ้าน โดยไกลออกไป เขาเห็นโรงพยาบาลอย่างชัดเจน

    คาคาชิไม่เคยยืนยันความรู้สึกที่มีต่อมิกิเลย ไม่เคยคิด เพราะถึงพอจะคิด เขาก็ลบมันออกไป

    มันถึงเวลาแล้วจริงๆเหรอ…

    ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปมากกว่านี้ เราอาจจะไม่มีโอกาสบอกก็ได้… เราอาจจะตาย หรือไม่ก็เป็นเธอ…

     

    ร่างสูงขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสียกับความลังเลใจของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะแอบดีใจจนเนื้อเต้นก็ตามกับข่าวที่นารูโตะบอก 

    ระหว่างที่เขาคิดอย่างสับสนและลังเล ขาทั้งสองข้างก็พาเดินไปตามถนนทางเดินไปเรื่อยๆ ไปตามเส้นทาง ที่เขาก็ไม่รู้ตัวเลยว่า มันเป็นทางที่ไปโรงพยาบาล… 

    ==============================================================

    ไม่คิดว่าจะมาแต่งถึงจุดนี้ได้  เดี๋ยวมาต่อน้าาาา

    ==============================================================

    ณ สถานที่แห่งหนึ่ง

    “เธอฟื้นแล้วครับ… จะให้จัดการเลยไหมครับ”

    “จับตาดูหล่อนต่อไปก็พอ…” ชายสูงวัยผู้เป็นนายเหนือหัวกล่าว “ถ้าหล่อนมีท่าทีน่าสงสัยติดต่อกับอุจิวะ อิทาจิ อย่าลืมรายงานฉัน…”

    “ครับ!!”

    ชิมูระ ดันโซ ชายผู้อยู่ในเงามืดของหมู่บ้านโคโนฮะ ชายชราที่เป็นเหมือนกับความมืดมิด เขาเฝ้าจับตาดูนามิคาเสะ มิกิงั้นเหรอ แล้วทำไปเพื่ออะไรกัน?

     

     

    “ถ้างั้นพวกฉันกลับก่อนนะ” คุเรไนกล่าวลาเพื่อนสนิท หลังจากที่เธอมาเยี่ยมและพูดคุยกันได้ซักพักพร้อมกับยามาโตะ ซาอิ และซากุระ จากนั้นทุกคนก็ลากลับกันไป

    เหลือเพียงชายหนุ่มอีกคน ที่ยังไม่ไปไหน

    “ยังไม่กลับงั้นเหรอ เก็นมะ” มิกิหันมาถามคนที่นั่งข้างเตียง ตั้งแต่เข้ามาเยี่ยม ชายหนุ่มไม่ได้ปริปากพูดใดๆสักนิด

    “อา…” เขาตอบสั้นๆ

    มิกินั่งพิงหมอนบนเตียง มองอีกฝ่ายพลางรับรู้ถึงบรรยากาศกดดันบางๆจากตัวอีกคน

    “เก็นมะ..”

    “…?”

    “อย่ากดดันตัวเองเลยนะ” เธอกล่าวอย่างรู้สึกผิด “มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะฉันประมาทเอง”

    ชายหนุ่มไม่ตอบแต่อย่างใด เธอจึงพูดต่อ

    “ถ้าฉันไม่อาสาไป มันก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ ทุกคนจะได้ไม่ต้องมาห่วงฉันขนาดนี้อีกด้วย” มิกิพูดพลางยิ้มเศร้าๆ เธอไม่รู้จะพูดให้อีกคนสบายใจอย่างไรดี

    “มัน..ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ฉันแค่รู้สึกผิด…”

    “เอ๋? รู้สึกผิด ?”

    “อันที่จริงก่อนหน้านี้เราเพิ่งเลิกกัน แล้วมาเกิดเรื่องจนเธอต้องเข้าโรงพยาบาล มันทำให้ฉัน รู้สึก…เหมือนกับเผลอปล่อยมือเธอไป..”

    “…..”

    “แค่เพียงเวลาสั้นๆ ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วไปหมด”

    “ฮะๆ มันไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย บอกแล้วไงว่าฉันประมาทเอ-“

    “ก็นั่นแหล่ะ!!!!”

    ถึงแม้มิกิพูดพลางหัวเราะร่วน แต่เขาก็ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมด้วยซักนิด เขากลับจริงจังจนมิกิรู้สึกไม่ดี

    เขาเดินมาที่ข้างเตียงพลางเอื้อมมากุมมือบางอย่างเบามือ

    “เรากลับมาคบกันเหมือนเดิมได้ไหม…”

    คำถามที่ไม่คาดคิดออกมาจากปากของเก็นมะ จนมิกิเงยหน้ามองอย่างไม่เชื่อหู

    กลับมา…

    เป็นเหมือนเดิม…

    “ทำไม…ทำไมถึงถามแบบนั้นกันล่ะ เก็นมะ เราเข้าใจกันแล้วไม่ใช่เหรอ เหตุผลที่เรา…”

    คำพูดของมิกิ ถึงมันจะยืนยันแล้วว่าเธอไม่มีวันทำตามในสิ่งที่เขาขอได้ ชายหนุ่มก็ยังอยากทำในสิ่งที่หัวใจต้องการ

    “ฉันแค่ อยากปกป้องเธอ”

    “….”

    มันเหมือนกับเป็นคำต้องห้ามสำหรับมิกิ เธอชักมือออกจากมือของเก็นมะ ก่อนจะเอ่ยตัดบท

    “ฉันไม่ต้องการให้ใคร…มาปกป้องแล้วล่ะ”

    “แต่…”

    “ทั้งชีวิตของฉัน ก็ถูกปกป้องมาทั้งชีวิตแล้วนี่”

    ไม่มีหวังเลยงั้นสินะ

    “ฉันเชื่อว่าเธอจะต้องเจอคนที่ดีกว่าฉันแน่นอน เก็นมะ เพราะงั้น…สบายใจเรื่องของฉันเถอะนะ”

     

     

     

    คาคาชิเดินเข้ามาในโรงพยาบาลและได้พบกับร่างสูงคุ้นตากำลังยืนจุดบุหรี่อยู่ อีกฝ่ายก็รับรู้เช่นกันว่ามีใครกำลังเข้ามา

    เก็นมะปรายตามองอีกฝ่ายพลางเอ่ยชวนสูบบุหรี่ด้วยกัน

    “ไม่ล่ะ ขอบใจ”

    นอกจากอาสึมะแล้ว น้อยนักที่จะมีเพื่อนรุ่นเดียวกับสูบบุหรี่

    ดูเหมือนมีอะไรหนักใจงั้นสินะ…

    “ไปเยี่ยมอีกรอบงั้นเหรอ?” เก็นมะถามเมื่อเห็นว่าเขากำลังเดินผ่านหลังไป

    “อืม…พอดีมีเรื่องจะคุยกับเธอนิดหน่อย”คาคาชิตอบ

    “งั้นเหรอ? เอาใจช่วยนะ”

    “….”

    “ฉันเพิ่งถูกปฎิเสธเป็นครั้งที่สองน่ะ” เขาบอกพลางสูบมวนบุหรี่เข้าเต็มปอด “เธอบอกว่า....ไม่ต้องให้ใครมาปกป้องอีก”

    “….”

    “มันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่รึไง ที่ผู้หญิงทุกคนอยากได้รับการปกป้อง”

    “อาจเป็นเพราะว่า เธอได้รับผลจากการปกป้องของใครซักคนละมั้งนะ” คาคาชิตอบ

    “หึ นายเข้าใจเธอเก่งจังนะ”

    ความประชดประชันนั้นไม่ได้ทำให้เขาสนใจสักนิด เขาจึงเดินไปจากตรงนั้นทันที ทิ้งให้อีกคนสูบมวนบุหรี่ช้ำใจไปเงียบๆ


     

     

     

    มันเป็นเวลาเย็นมากแล้ว มันก็คงจะแปลกมากอีกด้วยที่มีคนมาเยี่ยมเวลานี้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มาในเวลาที่เธอพักพอดี

    คาคาชิปิดประตูอย่างเบามือ เมื่อเห็นว่าคนบนเตียงนั้นหลับไปแล้ว

    ….คงจะเหนื่อยสินะ…

    สายลมอ่อนๆพัดผ่านใบหน้าเรียวที่ซูบลงอย่างเห็นได้ชัด เส้นผมสีเหลืองอ่อนพลิ้วไหวตามลมเบาๆ ดวงตาที่หลับพริ้มเผยให้เห็นขนแผ่ยาว ริมฝีปากค่อยๆเริ่มมีสีเลือด ชายหนุ่มมองใบหน้าด้านข้างของเธออย่างพินิจและเพลิดเพลิน

    นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่สังเกตใบหน้าของหญิงสาวชัดๆ

      ร่างสูงหยิบเก้าอี้ข้างเตียงมาแล้วนั่งลงตรงนั้น แล้วหยิบหนังสือนิยายเล่มโปรดของตนมาเปิดอ่าน ทุกการกระทำนั้นเงียบเชียบเพราะไม่ต้องการปลุกคนบนเตียงที่เผลอหลับไป

    จนลืมไปเสียสนิทเลยว่า ตนนั้นอยากจะพูดบางสิ่งกับเธอ

     

     

    “คิก…”

    เสียงหัวเราะที่เผลอหลุดออกมา ทำให้คาคาชิสะดุ้งจากภวังค์ ในมือของเขานั้นไม่มีนิยายที่เขาเปิดอ่านอยู่ซะแล้ว

    มันกลับไปอยู่กับคนที่ก่อนหน้าหลับอยู่

    “มันไม่ใช่หนังสือที่ผู้หญิงแบบเธอควรอ่านเลยนะ” เขาพูดขึ้นพลางดึงหนังสือของเขาคืนมา

    “มันก็…ตลกดี ถ้าลองคิดว่าในหัวนายมีแต่เรื่องแบบนั้นนะ” มิกิยิ้มขำหลังจากที่ตนอ่านนิยายของอีกฝ่าย

    คาคาชิกลบความเขินโดยการเปลี่ยนหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ

    “ตื่นนานแล้วงั้นเหรอ?”

    “นานพอที่จะอ่านจบไปตอนนึงเลยล่ะ”

    คาคาชิส่ายหน้าปลงๆ “ถ้าชอบ ฉันจะบอกท่านจิไรยะให้เอามาให้เธอลองอ่านล่ะกัน”

    “โอ้ เอาจริงงั้นเหรอ?”

    เขายักไหล่แต่ไม่ตอบว่าจริงหรือไม่จริง

    “ช่วงนี้ว่างงั้นเหรอ ถึงมานั่งเฝ้าฉันเนี่ย” มิกิถาม

    “อืม…ก็ถือว่าก่อนหน้านี้ที่เธอดูแลฉัน สลับกันบ้าง จะได้ไม่ติดหนี้บุญคุณไงล่ะ”

    “เอ่อ…นั่นสินะ” เธอทำท่านึกถึงช่วงก่อนหน้านี้ได้

    จากนั้นการสนธนามันก็จบลงโดยไม่รู้ตัว มิกิรู้สึกกดดันที่อีกคนนั่งเฝ้าเช่นนี้โดยไม่พูดอะไร เวลามันก็เริ่มจะหัวค่ำแล้ว

    เธอหันไปมองด้านนอกหน้าต่างมองก้อนเมฆบนฟ้าที่ลอยไปอย่างช้าๆ  รู้สึกว่าตนนั้นไม่ค่อยได้เงยหน้ามองท้องฟ้าแบบนี้มาสักพักแล้ว

    เอาแต่ก้มหน้า จดจ่อถึงบางสิ่ง

    “นี่ คาคาชิ”

    “หืม?”

    “นายเคย…คิดถึงเรื่องครอบครัวรึเปล่า?”

    เธอถามขึ้น ทั้งๆที่สายตายังคงมองไปนอกหน้าต่าง มันอาจจะเป็นคำถามที่ถามไม่ได้ตั้งใจหรือไม่นั้น เขาไม่รู้เลย

    “ทำไมถึงถามเรื่องแบบนั้นกับฉันล่ะ?”

    “คือว่า…เอ่อ…”

    “ทะเลาะอะไรกับเก็นมะงั้นเหรอ?”

    พูดถึงชื่อแฟนเก่าที่เพิ่งจะปฎิเสธไปสองรอบ ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งแถมยังรู้สึกผิดกลายๆ

    “ดูออกสินะ”

    “ก่อนหน้านี้ฉันเจอหมอนั่นยืนเศร้าๆน่ะ”

    “คือว่า… ฉันเพิ่งปฎิเสธการขอคืนดีของเขาน่ะ” เธอตอบ “คือแบบพวกเราเลิกกันก่อนหน้านี้แล้วล่ะ แต่เหมือนเขาจะยัง..เฮ้อ..”

    “….”

    “เขาเคยพูด….เรื่องครอบครัวกับฉัน เขาวาดฝันเอาไว้เหมือนกัน แต่ฉันกลับทำมันพัง…”

    “…..”

    ใบหน้าของเธอยังคงรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้ “คือฉัน…ไม่เคยคิดถึงอนาคตแบบนั้นเลย พอนึกถึงเรื่องนั้น เลยอยากลองถามนายดูบ้าง” ท้ายประโยคเธอหันมามองคาคาชิที่มองเธออยู่พอดี

    “อะ…เอ่อ…..” เผลอสบตา เธอจึงรีบหลบสายตาทันที

    “ที่เธอถามมา ฉันก็ไม่เคยคิดเหมือนกันหรอกนะ วันๆก็เอาแต่ทำงาน ปกป้องหมู่บ้านไปเรื่อยๆ ไม่ต่างจากเธอ ที่สนใจแต่ภารกิจ”

    มิกิยิ้มโล่งอก เธอคิดว่าเขาเหมือนเธอเอามากๆ

    “แต่ว่า…พอลบคำสัญญาที่อ้างกับตัวเองไว้ แล้วทำตามสิ่งที่ใจสั่ง มันก็ทำให้ฉันคิด….เรื่องนั้นเหมือนกัน”

    “เอ๊ะ?”

    “ฉันอาจเคยบอกว่าทุกอย่างที่ฉันทำเพื่อปกป้องเธอ มันคือคำสัญญาของอาจารย์ที่มีไว้ก่อนตาย  แต่ถ้าฉันจะบอกว่า ครึ่งนึงของตัวฉันก็อยากที่จะทำแบบนั้นเช่นกันล่ะ”

    “….”

    กลับกลายเป็นว่าคำถามพื้นๆที่เธอถามออกไป มันเปิดทางให้เขาได้พูดสิ่งที่อยากจะพูดออกมาได้

    มิกิไม่รู้จะตัดบทอีกฝ่ายยังไง ฉากจูบก่อนหน้านั้นวกเข้ามาในหัวของเธออย่างช่วยไม่ได้

    “อนาคตที่เธอถาม ว่าฉันเคยคิดเรื่องครอบครัวหรือไม่ ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นหรอก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันคิดมาตลอด คืออนาคตที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเธอไงล่ะ”

    อนาคต… ที่ล้วนแล้วทั้งคู่ก็หวาดกลัว

    ฉันรักเธอ มิกิ และฉันจะไม่ขอให้เธอมาคบกับฉันหรอกนะ ขอเพียงแค่ให้ฉันอยู่กับเธอ แบบนี้ ด้วยกันแบบนี้ ไปตลอด” 


     

    =============================================================

    สะ..สารภาพรักแล้วววววว!!!!! ในที่สุดก็มาถึงจุดที่มิกิหนีไม่ได้แล้วค่ะ!!! เขียนมาถึงจุดนี้ซักที ฮืออออ หนูมิกิที่สบสันความรักระหว่างพี่น้องกับชายหญิงจะทำยังไงกันน้าาา 


     

    เจอกันตอนหน้าค่าาาา


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×