NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] Silent Song

    ลำดับตอนที่ #41 : บทที่ 36 อีกด้านที่มองไม่เห็น (100%!!!!!)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.36K
      133
      16 เม.ย. 64

     

    บทที่ 36 อีกด้านที่มองไม่เห็น 

    หลายวันต่อมา อาการของมิกิคงที่แล้วแต่ก็ยังไม่มีท่าทีจะฟื้นเลยซักนิด ทางแพทย์ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ และยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมได้

    และยังเป็นอีกวันที่นารูโตะมาดูอาการของน้าสาว

    ตลอดเวลาที่มิกินอนไม่ได้สติอยู่ ภายนอกก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึนาเดะสั่งให้ควบคุมตัวกลุ่มนินจาที่หลอกมิกิไปพบกับโชเอน และสั่งลงโทษให้พักงานไปตามระเบียบ

    ส่วนโชเอน และลูกน้องยังคงถูกจิไรยะและยามานากะ อิโนะอิจิเค้นข้อมูลที่พวกเขามีต่อไป

    กลับมาที่โรงพยาบาลที่แสนเงียบสงบ

    ซากุระเดินมาตรงนี้นารูโตะนั่งอยู่โดยบนตักมีมิซึสึนอนอยู่ก่อนจะเอ่ยทักทาย

    “ไง… กินอะไรรึยัง นารูโตะ”

    “ซากุระจัง… พอดีฉันไม่หิวน่ะ” เขาตอบตาก็ยังมองไปยังเตียงของมิกิต่อไป

    ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้ซากุระอดห่วงไม่ได้ เธอหยิบข้าวปั้นในถุงที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อยื่นให้กับเขา

    “ถ้านายไม่กินอะไรเลยจนป่วยไปอีกคน คิดว่าครูมิกิจะดีใจงั้นเหรอ?”

    นารูโตะมองข้าวปั้นในมือของซากุระก่อนจะยิ้มแล้วรับมันมา “ขอบคุณนะ ซากุระจัง”

    “ไม่มีปัญหา”

    จากนั้นเธอก็นั่งลงข้างนารูโตะ และทานข้าวปั้นไปพร้อมกัน

    “หัวหน้ายามาโตะ กับซาอิล่ะ?”

    “ไปเยี่ยมครูคาคาชิน่ะ ดูเหมือนพรุ่งนี้ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะ”

    “โล่งอกไปทีที่ครูคาคาชิปลอดภัยนะ”

    “อืม…”

    มันเป็นเหตุการณ์ที่เร็วเกินไปสำหรับทั้งสองคน เมื่อบุคคลที่พวกเขาเคารพมาบาดเจ็บสาหัสพร้อมๆกันในเวลานี้

    “อยากให้ครูมิกิฟื้นเร็วๆจังนะ”

    “นี่ ซากุระจัง ถ้าไม่รังเกียจช่วยรับฟังเรื่องของฉันเรื่องหนึ่งได้ไหม” จู่ๆนารูโตะก็เอ่ยถามเธอท่ามกลางความเงียบ  

    “เอ๋? ดะ…ได้สิ” เด็กสาวตอบ แปลกใจเล็กน้อยที่อีกคนอยากเล่าบางสิ่งให้ฟังทั้งๆที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน

    “มันอาจเป็นเรื่องน่าอายนิดหน่อยนะ แต่ว่าพอมานั่งคิดดูแล้ว อะไรทำให้ฉันเคยเกลียดน้ามิกิกันนะ”

    “นายเคยเกลียดเธอด้วยงั้นเหรอ?”

     คำถามแบบนั้นทำให้นารูโตะยิ้มขำ

    “ฮะๆ ทั้งเกลียดทั้งกลัวเลยล่ะ”

    “ไหน เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ” ซากุระบอก เธอชักอยากรู้เรื่องสมัยเด็กของนารูโตะมากขึ้นอีกแล้วสิ

    “อืม เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ ตอนฉันพบน้าครั้งแรกเลยดีไหม”

     

     

    ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ช่วงก่อนที่เด็กชายนารูโตะจะเข้าเรียนที่โรงเรียนนินจา เขาเป็นเด็กที่ทั้งซนและดื้อ ชอบก่อความวุ่นวายให้กับชาวบ้านอยู่เสมอ แน่นอนสิ่งที่เขาทำมันก็แค่การเรียกร้องความสนใจ เป็นปกติของพวกเด็กที่ไม่มีพ่อแม่

    “กลับมานี่นะ ไอ้เด็กสารเลว!!!” พ่อค้าที่โดนเด็กน้อยก่อความวุ่นวายตะโกนอย่างโกรธจัด แต่ก็วิ่งตามไม่ทัน

    “ฮ่าๆ แก่แล้ววิ่งตามไม่ทันเด็กหรอก แบร่!” แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ให้พลางวิ่งหนีด้วยความเร็ว ตามทางเต็มไปด้วยชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ 

    พวกเขามองเด็กน้อยด้วยสายตาดูแคลน และรังเกียจ นารูโตะวิ่งไปโดยไม่สนใจรอบตัว ตรงไปที่บ้านทันที

    ปึง!!

    แค่นี้ก็ไม่มีใครเห็นแล้ว

    เด็กชายคิดหลังจากปิดประตูบ้านของตนเอง จะเรียกว่าบ้านก็ไม่เชิง มันเป็นแค่ห้องเล็กๆโทรมๆเท่านั้น 

    “….” จากตอนแรกที่เขาทำหน้าสนุกสนานกลับกลายเป็นใบหน้าเรียบนิ่ง ก้าวเข้าไปในห้องช้าๆตามปกติ แต่มีบางสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ

    มีกล่องหลายใบวางเต็มไปหมด

    “?” มันมาจากไหนน่ะ 

    ถึงแม้ว่าเด็กชายจะอยู่ภายในห้องนี้คนเดียว และข้าวของจะรกเต็มห้องตามประสาเด็กกำพร้า แต่กล่องที่ตั้งไว้ติดกำแพงนั้น มันคือของที่แปลกตาสำหรับเขา

    นารูโตะเปิดมันออกดู ก็พบว่ามันคือข้าวของของเขา

    “หืม? กลับมาแล้วรึ นารูโตะ” ห้องถัดไปมีเสียงใครบางคนทักทายเด็กชาย

    “เหวอ! มะ…แมว??” เด็กน้อยตกใจถอยหลังล้มลงพื้นไป ตรงหน้าของเขาคือแมวขนสีขาวมีรอยแต้มอักขระที่หน้าผาก

    “ใช่สิ ข้าเป็นแมว แถมพูดได้ด้วย” แมวประหลาดนั่นเอ่ยก่อนจะหันกลับไปในห้องที่ตนออกมา

    มันเป็นห้องนอนของนารูโตะ

    “เฮ้ย เขากลับมาแล้วนะ มิกิ”

    “เอ๋?” เด็กชายเลิกคิ้วงุนงง “มิกิ?”

    บุคคลภายในห้องนอนของนารูโตะไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด แต่เสียงเหมือนกับรื้อของในห้องยังคงดำเนินต่อไป แมวสีขาวถอนหายใจ

    “ยัยนั่นไม่ค่อยพูดน่ะ” เขาบอกนารูโตะ

    ด้วยความสงสัยในตัวบุคคลแปลกหน้าที่บุกเข้ามาในห้องของเขา เด็กชายวัยสี่ขวบเดินเข้า ดวงตาสีฟ้ากลมโตมองเห็นแผ่นหลังของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอกำลังบรรจุข้าวของของเด็กชายลงกล่องอยู่

    “นี่คุณ กำลังทำอะไร..” เด็กชายถามเธอมองไปรอบห้องนอนที่ว่างเปล่า “คุณเป็นใคร..”

    ถึงแม้ว่าสีผมจะเหมือนกัน แต่เด็กชายก็รู้สึกสงสัยอยู่ดี

    “ไม่คิดว่าหล่อนเป็นแม่เจ้าเลยงั้นรึ” แมวสีขาวถามล้อเลียน

    “เอ๋? แม่ของฉันเหรอ?”

    “หยุดพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้เถอะ มิสึซึ” หญิงสาวตรงหน้าหันมาดุแมวของตน เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าที่เหมือนกับเด็กน้อย

    แววตาที่ฉายความดีใจเผยออกมาให้เห็นจากเด็กน้อย มิกิถอนหายใจแล้วหันกลับไปเก็บของต่อ

    “อายุอย่างฉันยังไม่ถึงวัยเป็นแม่คนหรอกนะ” เธอตอบ “ฉันอายุ 18 เอง”

    “งั้นเหรอ ข้าคิดว่าเจ้าโตกว่านี้เสียอีก” มิสึซึหยอกล้อเจ้านาย

    “ละ…แล้วคุณเป็นใครกันล่ะ?”  

    “….”

    “พวกคุณเป็นใคร แล้ว..แล้วมาทำอะไรในห้องฉัน!”

    “ย้ายบ้าน”

    “หา?”

    “ตั้งแต่คืนนี้ เธอจะย้ายไปอยู่บ้านใหม่” มิกิบอกพลางปิดกล่องที่ใส่ของเมื่อครู่เสร็จแล้วยกไปกองรวมกับกล่องอื่นๆที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ “บ้านของฉัน”

    “ทำไมฉันต้องไปอยู่กับคุณด้วย” เด็กน้อยถาม

    “ทำไมงั้นเหรอ? นั่นสินะ…” มิกิทวนน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เพราะเธอคือครอบครัวของฉันยังไงล่ะ”

    “….”

    “รุ่นที่สามไม่ได้เล่าอะไรให้เธอฟังเลยสินะ ว่าฉันเป็นใคร”

    “น่าเศร้านะ มิกิ ทั้งๆที่เธอเคยเลี้ยงเจ้าเด็กนี่ตั้งแต่เขาเกิด”

    “เงียบน่า มิซึสึ”

    ท่ามกลางเสียงดุด่าระหว่างคนและแมว นารูโตะมองมิกิอย่างไม่ละสายตา ครอบครัว…. เป็นคำสั้นๆที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมาก่อน เด็กน้อยผู้ที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด

    แปะ แปะ

    “อะ…เอาแล้วไง” มิสึซึที่นั่งข้างตัวเด็กน้อย เขาเห็นว่าคนข้างตัวกำลังเริ่มร้องไห้ จึงหันไปมองนายของตนขอความช่วยเหลือ

    มิกิมองเด็กชายที่พยายามกลั้นเสียงสะอื้น เธอเม้มปากแน่นแล้วรีบหันไปทางอื่นทันที

    “ฝากดูแลเขาที มิสึซึ ฉันจะไปเก็บของต่อ”

    “หะ อะไรนะ นี่เจ้า—“ ยังว่าไม่ทันจบ มิกิก็เดินผ่านเด็กน้อยเข้าไปในห้องทิ้งให้แมวนินจาต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเฉพาะกิจ  

    “เฮ้อ…เจ้านี่นะ แค่ปลอบเด็กแต่นี้ยังไม่กล้าจะทำ” มิสึซึบ่นพลางยกอุ้งเท้าหน้าไปเช็ดน้ำตาของนารูโตะ พลางคลอเคลียตามตัวเพื่อให้เขาหยุดร้อง

    นารูโตะสะอึกสะอื้นรู้สึกถึงความอบอุ่นจากกายของแมวนินจา แขนเล็กก็คว้าตัวสัตว์เลือดอุ่นกอดแน่นทันที

    “อั่ก!! เจ้ากอดข้าแน่นไปแล้ว มิกิ ช่วยข้าที!”

    ถึงแม้มิกิจะได้ยินแต่เธอก็หาได้สนใจไม่ เธอพยายามเก็บของอย่างรวดเร็ว ถึงแม้บางทีเธอจะยกแขนมาเช็ดน้ำตาที่เผลอไหลออกมาบ้าง

     

     

    ตึง!!

    นารูโตะหลับตาแน่นหลังจากที่ทั้งเด็กน้อยและหญิงสาวที่ใช้คาถาเคลื่อนย้ายเขาและสิ่งของมาที่ที่หนึ่ง  นารูโตะบีบมือมิกิแน่นเพราะไม่เคยอยู่ในคาถาแบบนี้มาก่อน

    “ถึงแล้ว” มิกิตอบ แล้วปล่อยมือจากนารูโตะ “นี่คือห้องของเธอ ข้าวของนั่นก็จัดการเอาละกัน”

    “เอ๋?” นารูโตะมองกล่องสามสี่ใบที่วาร์ปมาด้วยข้างตัว พอรู้ตัวอีกที มิกิก็เดินออกจากห้องไปแล้ว

    “เฮ้อ…ใจคอจะไม่ช่วยจัดห้องเลยรึไง ยัยบ้า” มิสึซึบ่นพลางเดินตามเธออกจากห้องไป ทิ้งให้นารูโตะมองรอบห้องอย่างตื่นเต้น

    จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องเพื่อสำรวจ ด้านนอกเป็นห้องนั่งเล่น มีโซฟาตัวยาวอยู่ริมหน้าต่าง ตรงข้ามเป็นโต๊ะกินข้าวที่มี่เก้าอี้อยู่สองตัว และด้านหลังนั้นคือครัวเล็กๆ มิกิกำลังยืนอยู่ตรงนั้น โดยมีมิสึซึบ่นอยู่ข้างๆ

    “จะปล่อยให้เขาอยู่บ้านขนาดใหญ่คนเดียวเนี่ยนะ”

    “ก็ฉันมีงานต้องทำ”

    “ภารกิจ ภารกิจ หายใจเข้าออกมีแต่ภารกิจรึไง”

    “ถ้าไม่ทำแล้วฉันจะมีเงินผ่อนบ้านนี้ไหมล่ะ!! แล้วไหนจะค่าเลี้ยงเขาอีก !!”

    “แค่วันนี้เจ้าคอยดูแล ทำความรู้จักเขาอีกที มันจะเป็นอะไรไป มิกิ”

    โดยที่ทั้งสองคนไม่รู้ตัวเลย ว่านารูโตะยืนฟังอยู่

    “ไว้วันอื่นเถอะ วันนี้ฉันต้องไปขอโทษคุณซาวามุระ”

    “หา? นี่เจ้า!!”  มิสึซึโมโหสุดขีด ทันใดนั้นก็มีควันระเบิดออกจากร่างแมว

    ปุ้ง!!

    นารูโตะที่แอบมองอยู่ผงะตกใจ เมื่อเห็นมือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บคว้าคอเสื้อรัดรูปของมิกิ

    !!

    “เจ้าทำให้ข้ามีน้ำโหนะ นามิคาเสะ มิกิ!!”

    “อึก..ปล่อย”

    แมวนินจาบัดนี้เป็นร่างของชายหนุ่มผมสีขาวและมีหูสัตว์ขนาดใหญ่ จ้องเจ้านายร่างเล็กอย่างเลือดขึ้นหน้า และร่างนั้นทำให้นารูโตะตกใจล้มลง

    “หือ?” มิสึซึหันไปเจอเด็กน้อยพอดี มิกิก็เช่นกัน

    “กลับร่างเดิม…”

    “ห๊ะ?”

    “กลับร่างเดิมซะ!!”

    ปุ้ง!!

    คำสั่งของมิกิทำให้ชายหนุ่มผมขาวกลับไปเป็นแมวนินจาอีกครั้งทันที

    และทุกอย่างก็เงียบลง

    “…..”  

    เด็กชายมองทั้งสองคนอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ทันใดนั้นเอง หญิงสาวก็เข้ามาหา เขาคิดว่าเธอจะเข้ามาตีเขาเพราะมาแอบฟัง แต่ทว่ากลับเป็นแขนทั้งสองเอื้อมมาพยุงตัวเขา ให้กลับมายืนอีกครั้ง

    ตอนนั้นเองที่นารูโตะพบกับความรู้สึกเป็นห่วงจากเธอ

    แต่เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น…

    “…อาหารอยู่ในตู้เย็น ถ้าหิวก็ไปหยิบนะ” เธอพูดน้ำเสียงเรียบๆ แล้วเดินออกจากห้องครัวไป

    มิซึสึถอนหายใจกับความดื้อของเจ้านายตน ก่อนจะหันมามองเด็กน้อย

    “หิวรึยังล่ะ?”

    “….” เขาส่ายหน้าโดยไม่พูด

    นารูโตะมองแผ่นหลังบางซึ่งกำลังง่วนอยู่กับเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมทำภารกิจต่อไป เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าเธอคนนั้นมีความรู้สึกต่อเขาแบบไหนกันแน่ การพูดที่เย็นชา ไร้รอยยิ้ม แต่ท่าทางเมื่อครู่มันต่างออกไป

    “ถึงจะไม่ค่อยแสดงออก แต่ยัยนั่นก็ห่วงเจ้านะ” แมวนินจากระซิบบอก โดยที่ไม่ให้มิกิได้ยิน

    “งั้นเหรอ?”

    จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปเปิดประตูและออกจากบ้านไป ทิ้งให้เด็กน้อยอยู่กับแมวนินจาของเธอ

    “ข้าอยู่กับเจ้าได้อีกซักพักนะ เวลาของข้าใกล้จะหมดแล้ว”

    “อือ”

    การพบกันครั้งแรกในตอนนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกได้ทั้งดีใจและกลัวไปหมด คนที่ไม่เคยรู้จักคำว่าครอบครัว กลับมีใครไม่รู้โผล่มาแล้วบอกว่าเธอคือคนในครอบครัวของฉัน

    ===============================================================

    ครึ่งหลังเดี๋ยวมาอัพนะคะ เผลอหลับไปตอนเย็นแล้ววาร์ปมาตอนเช้าพอดี แง T_T 

    ===============================================================

    แต่ว่ามันก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ดี

    ทุกๆวันในบ้านหลังนั้น ไม่สิ มันเป็นห้องเช่าที่ใหญ่กว่าที่เดิมขึ้นหน่อย ฉันมักจะอยู่คนเดียว เที่ยวค้นหาสิ่งของที่บ่งบอกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องกับฉันยังไง แต่กลับไม่พบอะไรเลย มันไม่มีร่องรอยความทรงจำเกี่ยวกับเธอสักนิด มิซึสึที่บางวันจะอยู่เป็นเพื่อนกัน เขามักจะบอกว่า เธองานยุ่ง ไม่ค่อยกลับหมู่บ้านซักเท่าไหร่ แต่ยืนยันกับฉันเสมอว่าเธอจะไม่มีวันทิ้งฉันอีก

    ฉันไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงทิ้งฉันก่อนหน้านั้น  

    บางวันฉันเคยตื่นมากลางดึก และเจอเธอนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ฉันอยากจะเข้าไปหาเธอแต่ก็กลัวอยู่เหมือนกันนะ ไม่รู้ทำไม อาจเป็นเพราะฉันยังไม่รู้จักเธอดีพอ ฉันจึงแอบยืนมองอยู่หลังประตูห้อง เห็นเธอกำลังทำแผลด้วยตัวเอง 

    แผลนั่น มันเป็นแผลที่เหมือนกับ…โดนขว้างปาสิ่งของใส่

    ฉันรู้ได้ทันทีว่าทุกครั้งที่ฉันก่อกวนชาวบ้านมากมาย เธอคนนั้นเข้าไปขอโทษแทนฉันเสมอ

    ….ทำไมถึงไม่ดุด่าฉัน เหมือนกับที่ผู้ใหญ่คนอื่นๆทำกับลูกของพวกเขากันล่ะ? …

     

    “ขอโทษฮะ…” นารูโตะวัย  6 ขวบในตอนนั้น ได้เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ขณะที่ตนยืนอยู่ข้างโต๊ะทานข้าวกลางห้องที่สูงกว่ามาก โดยมิกิกำลังนั่งกินบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างคร่ำเครียด

    มิกิละสายตาจากตัวเลขรายจ่ายมากมายในมือก่อนจะก้มลงไปมองเด็กชายที่ทำหน้ารู้สึกผิดอยู่

    “เรื่องอะไรงั้นเหรอ?” เธอถาม

    นารูโตะกล้าๆกลัวที่จะพูด เขาไม่ยอมสบตากับเธอ และตอบคำถาม

     “เรื่อง… แผลนั่น”  เขาชี้ไปที่โหนกขมับของมิกิที่มีแผ่นผ้าก๊อซปิดเอาไว้ มันเป็นแผลที่ชาวบ้านคนหนึ่งปาถังสีเปล่าๆใส่มิกิ

    “เพราะผม…คุณเลยต้องรับผิดชอบเรื่องที่ผมไปก่อกวน—“

    “ไม่ต้องขอโทษหรอก”

    “เอ๋?”

    สร้างความแปลกใจให้กับเขาอีกแล้ว ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงไม่เคยดุเขาหรือสั่งสองเขาบ้างล่ะ?

    “ฉันพอเข้าใจอยู่ว่าการอยู่คนเดียวมันอาจจะเหงา เรื่องแค่นี้มันยังเจ็บน้อยกว่าภารกิจนอกหมู่บ้านแหล่ะ”

    “…..”

    นารูโตะเงียบลง แต่ว่าเขาก็ยังไม่ขยับไปไหน

    “มีอะไรอีกล่ะ” เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยมีท่าทีอยากจะพูดอะไรอีก จึงถามกลับไป

    เขาลังเลกับสิ่งที่เขาซ่อนอยู่ด้านหลังตัวเอง กำมันแน่นจนเกือบยับ ก่อนจะรวบรวมความกล้ายื่นให้เธอ  เป็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่มีตราโรงเรียนนินจาอยู่

    เธอมองสิ่งที่อยู่ในมือของเด็กน้อยก่อนจะรับมันมา

    “โรงเรียนนินจางั้นเหรอ?” มิกิทวนถาม

    “อื้อ! ผมมีความฝันที่อยากจะเป็นมากเลยฮะ ปู่โฮคาเงะบอกว่าถ้าอยากจะเป็นนินจาที่เก่งๆจะต้องเข้าที่นี่ให้ได้..”

    “แล้วเธอคิดว่าจะสอบเข้าผ่านรึเปล่าล่ะ?”

    “อะ…เอ่อ…” นารูโตะเริ่มไม่มั่นใจ เมื่อเธอถามขวานผ่าซาก

    มิกิถอนหายใจมองรายละเอียดการรับสมัครนักเรียนนินจารอคำตอบจากเขา

    “….” นารูโตะไม่ยอมตอบ

    “ไม่ไหวงั้นเหรอ?”

    “เปล่านะฮะ!! ผมแค่.. ไม่รู้จะตอบยังไง ขนาดคาถาแยกร่างผมทำไม่ได้ แถมยังแพ้พวกคนตัวใหญ่ๆตลอด ปกป้องใครก็ไม่ได้..."

    สิ่งที่นารูโตะพูดออกมา มิกิรับฟังอย่างชั่งใจ กำหนดวันสอบก็อีกเพียงไม่กี่วัน เธอก็ลังเลเช่นกันที่จะส่งเด็กคนนี้เข้าสู่เส้นทางเดียวกับเธอ

    …เพราะเราคือครอบครัว นินจายังไงล่ะ…

    “หึ… ก็ได้”

    คำอนุญาตสั้นๆทำเอานารูโตะดีใจมาก เขายิ้มร่าออกมาในรอบสัปดาห์

    “เย่!!”

    “แต่สัญญากับฉันก่อน ว่าจะไม่ไปมีเรื่องให้เจ็บตัว เพราะฉันไม่มีเวลามาดูแลเธอตลอด เข้าใจใช่ไหม”

    “เข้าใจแล้วฮะ!!”

    ตอนนั้นฉันดีใจมากที่น้ามิกิอนุญาตให้ฉันเข้าเรียนที่โรงเรียนนินจา แต่ว่าการที่ได้เข้าไปเรียนทำให้ฉันได้รับรู้หลายๆอย่างที่ไม่เคยได้พบมาก่อน ทั้งเพื่อน สังคมที่แปลกใหม่  

    นี่ ซากุระจัง จำที่ฉันบอกได้ใช่ไหมว่าฉันเคยเกลียดน้ามิกิ มันเป็นเรื่องก่อนที่ฉันจะสอบจบเป็นนินจานั่นแหล่ะ

    ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมครูอิรุกะ หรือใครๆต่างก็เกลียดฉัน ไม่อยากมาสุงสิงกับฉัน ฉันจึงทำตามในสิ่งที่ครูมิสึกิบอก ว่ามันเป็นหนทางที่จะทำให้ทั้งครูอิรูกะและคนอื่นๆยอมรับในตัวฉัน รวมทั้งน้ามิกิด้วย แต่สุดท้ายฉันก็โดนครูมิสึกิหลอก และเขาก็พูดถึงปีศาจเก้าหางที่อยู่ในตัวฉัน สิ่งที่คนทั้งหมู่บ้านรังเกียจ

    วันที่ฉันได้รู้ความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในตัวฉัน มันเป็นวันที่น้ามิกิติดภารกิจนอกหมู่บ้าน พอหลังจากเหตุการณ์จบลง น้ามิกิก็รีบกลับมาหาฉันทันที

    เพี๊ยะ!!

    ….

    จากที่ฉันดีใจที่น้ารีบกลับมาหาหลังจากได้ยินข่าวว่าฉันถูกทำร้ายและครูอิรุกะบาดเจ็บ ความรู้สึกตาลปัตรไปหมด

    ใบหน้าของน้าในตอนนั้น ฉันยังจำได้อยู่เลย โกรธเอามากๆเลยล่ะ เธอตบหน้าฉันเพียงครั้งเดียว และดุด่าฉันเป็นครั้งแรก

    “ขโมยคัมภีร์? มันจะมากไปแล้วนะ นารูโตะ!!”

    ฉันได้แต่รู้สึกผิด  ตลอดเวลาที่ผ่านมาน้ามิกิไม่เคยห้ามฉันก่อความวุ่นวายหมู่บ้านเลยสักนิด แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปอย่างชัดเจน เธอโกรธเอามากๆ

    “คุณมิกิครับ—“ ครูอิรุกะที่นอนอยู่เตียงตรงข้ามพยายามเข้ามาห้าม

    “ถึงกับทำให้อิรุกะบาดเจ็บ พอใจแล้วรึยัง  ฉันถามว่าเธอพอใจแล้วรึยังที่เรียกร้องความสนใจด้วยวิธีนี้น่ะ” คำพูดของเธอทำเอาฉันได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิด

    กลัว และเกลียดมากๆเลย

     

     

    “เพราะว่า ครูมิกิตบเธอ เธอถึงเกลียดงั้นเหรอ?” กลับมาปัจจุบัน ซากุระถามนารูโตะที่นั่งข้างตัวหลังจากฟังเรื่องราวของทั้งคู่อย่างสนอกสนใจ

    “ช่วงแรกๆฉันสับสนมาตลอดว่าจะรู้สึกยังไงกับเธอดีน่ะ แต่พอโดนตบไปวันนั้นมันเป็นครั้งแรกเลยที่ความรู้สึกนึงที่ชัดเจนน่ะ” นารูโตะตอบพลางหัวเราะ

    “อืม…..เข้าใจขึ้นมานิดนึงแล้วล่ะ บางทีเวลาฉันโดนแม่ดุ ฉันก็เกลียดแม่เหมือนกัน” ซากุระเปรียบเทียบ “แต่ถ้าฉันมีครูมิกิเป็นแม่ ฉันว่าฉันไม่อยากเกลียดเลยล่ะ”

    “น้าของฉัน สมัยก่อนไม่ค่อยแสดงความรักเลยนะ เย็นชามากๆเลยล่ะ ครูอิรุกะเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่มาหาฉันแล้ว น้าก็ตรงไปซ้อมมิสึกิในคุกทันที …”

    “อะ..เอ๋?”

    “จากนั้นฉันเลยเข้าใจว่า จริงๆแล้วน้าเป็นห่วงฉันมาก พอรู้ข่าวว่าฉันโดนมิสึกิหรอกใช้ แถมยังรู้ความจริงเรื่องเก้าหางก็คุมตัวเองไม่อยู่ จริงๆแล้วเธอไม่อยากให้ฉันตายเลยซักนิด รีบขอโทษครูอิรุกะและคนอื่นๆ ขอรับโทษแทนฉันที่ขโมยคัมภีร์ ห่วงฉันยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก”

    ซากุระนึกภาพครูสาวที่นอนอยู่บนเตียงตอนที่เธอซ้อมผู้ชายที่สูงกว่าเธอหลายเท่า ด้วยความโกรธสุดขีด

    “ว่าแต่นายรู้ตอนไหนว่าเธอเป็นน้าของนายงั้นเหรอ?”

    “อา…เอ… ปู่รุ่นสามบอกล่ะมั้งนะ บอกว่าเป็นน้องสาวของพ่อฉัน”

    “แล้วพ่อนายเป็นใครเหรอ?”

    “ไม่รู้สิ น้าไม่เคยเล่าให้ฟังเลย”

    “คลุมเครือจังน้า”

     

    นี่แหล่ะ พอเธอฟื้นเมื่อไหร่ ฉันจะไม่ยอมแพ้เรื่องนี้เด็ดขาด น้าจะต้องฟื้นมาตอบคำถามของฉัน 

    ================================================================

    ยังไม่จบตอนน้า 

    ================================================================ 

    ตึก ตึก

    “พวกเธอสองคน…”

    ขณะที่เด็กทั้งสองคนนั่งเฝ้ามองมิกิอยู่ ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็เข้ามาทักทายพอดี

    “ครูอิรุกะ..”

    ครูหนุ่มที่เคยเป็นครูประจำชั้นของเด็กทั้งสองยิ้มรับทักทาย ก่อนจะหันไปมองผ่านหน้าต่างกระจกกั้น

    “ยังไม่ฟื้นเลยงั้นเหรอ? คุณมิกิน่ะ”

    “ตอนนี้พวกเขายังไม่ยอมให้พวกเราเข้าเยี่ยมเลยค่ะ ครูอิรุกะ” ซากุระตอบ

    “นั่นสินะ อาการของเธอน่าเป็นห่วง” อิรุกะพูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้ยาวข้างนารุโตะ “เธอคงจะเป็นห่วงมากเลยสินะ นารูโตะ”

    “ครับ”

    อิรุกะมองเด็กหนุ่มที่เปรียบเสมือนน้องชาย เขาพอจะรู้มาว่าเด็กคนนี้ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่มาหลายคืนแล้ว เพราะความเป็นห่วงอาการของน้าสาว ทำให้ชายหนุ่มเป็นห่วงอีกเช่นกัน

    “เฮ้อ… มันน่าใจหายมากเลยนะที่มาเป็นคุณมิกิแบบนี้ ไม่เคยเห็นเธอนอนโรงพยาบาลไร้สตินานขนาดนี้”

    “ครูอิรุกะรู้จักน้ามิกิมาก่อนงั้นเหรอฮะ?” นารูโตะหันมาถามอย่างสงสัย

    “อา… มันก็นานมากแล้วล่ะ สมัยฉันเด็กๆน่ะ” ครูหนุ่มตอบพลางอมยิ้มกับตัวเอง นึกถึงสมัยก่อนที่ตนเอาแต่สร้างเสียงหัวเราะเหมือนเด็กร่าเริงต่อหน้าตนอื่นแล้วร้องไห้ต่อหน้าอนุสรณ์ที่จารึกชื่อพ่อและแม่ของเขา

    /ไม่ว่ากี่ครั้งๆที่เรานึกถึงคนที่เรารักจากไป มันก็อดกลั้นความรู้สึกไม่ได้เสมอเลย จริงไหม/

    เสียงใสของเด็กสาววัยแรกรุ่นเอ่ยด้านหลังของอิรุกะ เด็กสาวที่ตัวสูงกว่าเขายืนอยู่ ดวงตาสีฟ้าจ้องมองอนุสรณ์ด้วยสายตาเศร้าสร้อยก่อนจะละสายตาไปมองเด็กหนุ่ม และยิ้มบางๆให้

    อิรุกะพอรู้ว่าเธอต้องเสียใครสักคนไปเช่นเดียวกับเขาแน่ๆ  จากสีหน้าที่ขมขื่นของเธอ

    “คุณมิกิเคยให้กำลังใจฉันสมัยตอนฉันยังเด็ก เธอเป็น..คนที่จิตใจดีมากๆเลยล่ะ สำหรับฉัน เขาก็เป็นพี่สาวที่คนหนึ่ง แต่ว่า…”

    “???”

    “ฉันก็ทำให้เขาผิดหวัง”

    “ผิดหวัง? ผิดหวังเรื่องอะไรงั้นเหรอคะ?” ซากุระเอ่ยถาม

    อิรุกะชั่งใจมองนารูโตะอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยตอบ “เรื่องของเธอไง นารูโตะ”

    “เอ๋? ผมเหรอ?” นารูโตะทวนถาม

    มันเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก ถ้าเขาจะพูดถึงมัน

    “หลังจากที่ฉันได้เป็นครู คุณมิกิเคยขอร้องให้ฉันดูแลเธอ เธอน่าจะพอเข้าใจนะ ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น”

    “….” นารูโตะไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ

    “เขาขอให้ฉันดูแลเธอเหมือนกับเด็กทั่วไป ฉันในตอนนั้นทั้งขัดแย้งกับความคิดตัวเองและการตอบแทนบุญคุณ ถามในใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมคุณมิกิถึงใส่ใจเธอ ที่เป็นเก้าหาง สาเหตุที่ทำให้คนที่เธอรักตาย ….ขอโทษนะ นารูโตะ ฉันอาจพูดแรงไป”

    “ไม่หรอกฮะ นั่นมันคือความจริงนี่นา” เด็กหนุ่มยิ้มรับ  “เล่าต่อเถอะฮะ”

    นารูโตะ …

    อิรุกะเอ่ยชื่อเด็กหนุ่มในใจ ก่อนจะเล่าต่อ

    “พอหลังจากที่ฉันเห็นเวลาเธอตกอยู่ในอันตราย แล้วคุณมิกิปรี่เข้ามาหาเธอ ทั้งดุเธอ ตบหน้าเธอในตอนนั้น ฉันแทบคิดอะไรไม่ออกเลยล่ะ ฮะๆ เขามองเธอเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง หลานชายคนหนึ่งที่ซุกซนจนได้เรื่อง ถึงแม้ว่าคุณมิกิจะสูญเสียคนที่รักเหมือนกับฉันไปพร้อมกัน แต่กลับมองเธอต่างจากฉันในตอนแรก มัน…น่าเจ็บใจมากเลยล่ะ”

    “ครูอิรุกะ…”

    “เขาทำให้ฉันเปิดใจมองอีกด้าน ด้านที่…คนอื่นไม่กล้ายอมรับมันโดยไม่รู้ตัวน่ะ เขาช่วยให้ฉันมองเธอในฐานะเด็กธรรมดา ที่เป็นนินจาของโคโนฮะ ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในตัวเธอ ฉันรู้สึกผิดมากที่เคยคิดระแวงเธอ นารูโตะ”

    “แต่ครูก็ยอมรับตัวผมเป็นคนแรกเลยนี่นา ฮะๆ แต่รู้อะไรไหมฮะ หลังจากวันที่ผมได้จบการศึกษาได้เป็นนินจา ผมรวบรวมความกล้าอวดเจ้านี่กับน้ามิกิด้วยนะ” เขาชี้ที่กระบังคาดหน้าผาก “เป็นครั้งแรกเลยที่น้าเปิดใจยอมรับผม!”

    “เอ๋? คุณมิกิไม่ได้เป็นคนยอมรับเธอคนแรกงั้นเหรอ?”

    นารูโตะส่ายหน้า “สมัยก่อนเธอมักจะไม่อยู่บ้าน พอกลับมาก็ไม่คุยกับผมสักนิด”

    “เอ๋?...ทั้งๆที่ตัวเองห่วงเธอมากขนาดนั้น ทำไมเขาถึงเคยเย็นชากับเธอกันล่ะ”

    ขณะที่ทั้งสามคนพูดคุยอยู่นั่นเอง ภายในห้องพักของผู้ป่วยรอบเตียงของมิกิก็มีเสียงเตือนจากเครื่องช่วยชีวิตรอบตัวเธอ พยาบาลและหมอต่างเข้าไปดูอาการของร่างบางทันที

    ทั้งสามคนด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงและความวุ่นวายนั้นก็ต่างวิตกกังวลไปพร้อมๆกัน

    มือเรียวสีซีดขยับเล็กน้อย นารูโตะสังเกตเห็น เขารีบกรูเข้าไปในห้องทันที

    “น้ามิกิฮะ!!”

    “นี่เธอ เข้ามาในห้องนี้ไม่ได้นะ!!” พยาบาลเข้ามากันตัวนารูโตะเอาไว้

    “เมื่อกี้ผมเห็นมือเธอขยับนะ!!”

    “เธอต้องออกไปรอข้างนอกนะ” พยาบาลไม่ฟังในสิ่งที่เขาพูดพลางดันเขาไปหาซากุระและอิรูกะ

    แต่ทว่าก่อนที่นารูโตะจะพ้นขอบประตู ก็มีเสียงแหบพร่าเอ่ยเรียก

     

    “นะ..นารูโตะ…” 


     

    ===============================================================

    จบตอนรำลึกความหลังผ่านความรู้สึกของนารูโตะและอิรุกะแล้วค่าาาาา  เขียนแบบย่อๆเผื่อใครอ่านแล้วเริ่มเบื่อนะคะ 55555 จริงๆอยากให้มิกินอนยาวกว่านี้ แต่เหมือนจะยิ่งเขียนผ่านคนอื่นมันชักจะอวยนางเกินไป หลังจากนี้ความสัมพันธ์ของมิกิและคาคาชิก็เพิ่มขึ้นอีกระดับนึงค่ะ สำหรับใครที่ว่ายืดเยื้อ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่กว่าจะอัพที เวลาอ่านมันเลยดูนานมากกก แต่เวลาในเรื่องเพียงไม่กี่เดือนเองค่ะ 55555 (เพิ่งผ่านช่วงเสียอาสึมะไปนะคะ) 


     

    เจอกันตอนหน้าค่าาา 


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×