NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] Silent Song

    ลำดับตอนที่ #43 : บทที่ 38 คนเห็นแก่ตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.97K
      123
      16 เม.ย. 64

     

    บทที่ 38 คนเห็นแก่ตัว

    “คุณนามิคาเสะคะ ตั้งใจทำกายภาพบำบัดหน่อยสิคะ”

    “…..”

    “คุณนามิคาเสะ?”

    “…..”

    นางพยาบาลสาวยืนเรียกชื่อคนไข้ที่ตนรับหน้าที่ดูแล แต่ดูเหมือนว่าคนป่วยของเธอจะไม่มีท่าทีสนใจด้วยซ้ำ 

    มิกิยืนจับราวพยุงตามที่พยาบาลบอก แต่ทว่าเธอกลับยืนนิ่งเหม่อมองเท้าตัวเองมาสักพักนึงแล้ว จนไม่รู้ว่านางพยาบาลจะหาหนทางเรียกเธอยังไงดี

    “คือคุณนามิ—“

    “เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ” ขณะที่พยาบาลสาวเอ่ยชื่ออีกครั้ง ใครบางคนก็เข้ามาอาสาดูแลแทน

    “เอ่อ…คุณโคมะ แต่ว่านี่เป็นหน้าที่ของฉันนะคะ”

    “ไม่ต้องห่วงค่ะฉันเป็นเพื่อนกับเธอคนนี้ ขอเวลาคุยกันสักพักนะคะ”  โคมะในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลยิ้มให้กับพยาบาลสาว ทำให้เธอจำยอมเดินออกไป

    “เฮ้อ…” หญิงสาวเนตรสีขาวถอนหายใจกับคนตรงหน้าที่ยังคงเหม่อลอยก้มหน้ามองเท้าตัวเอง และไม่ขยับเดินสักนิด

    “หยุดยืนเหม่อเป็นหุ่นซักทีเถอะ ยัยงี่เง่ามิกิ!” ว่าจบสันมือก็เคาะเข้าที่หัวของมิกิเบาๆ พอเรียกสติของมิกิกลับมาได้

    “เอ๋? อะไร?” เธอสะดุ้ง “ใช่ๆ ฉันไม่ได้หยุดเดินซักหน่อย”

    โคมะกลอกตามองบนเมื่อเห็นปฏิกิริยาของร่างเล็กตรงหน้า “พยาบาลคนนั้นเขาไปแล้วล่ะ”

    “อ้าว …” มิกิมองไปที่ประตูตาปริบๆ ก่อนจะหันมามองคนเคาะหัวเธอเมื่อครู่ “ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ โคมะ”

    “ไม่คิดว่าเราจะมาเจอกันในสภาพนี้หรอกยะ” โคมะตอบพลางกอดอก “แล้ว เป็นอะไรไป ทำไมถึงเหม่อลอยไม่ได้ยินใครเรียกเลย หือ?”

    มิกิเลิกคิ้วกับคำถามของโคมะ แต่พอนึกได้ว่าอาการเหม่อลอยเกิดจากอะไร ทำเอาเธอหัวเราะอย่างฝืดคอ

    “ฮะๆ คือว่านะ มันมีเรื่องให้คิดเยอะแยะน่ะ” เธอตอบบ่ายเบี่ยง ก่อนจะเริ่มเดินจับราวอีกครั้ง

    คราวนี้โคมะก็เข้ามาช่วยพยุงด้วย

    “ไม่คิดว่าเธอจะบาดเจ็บหนักขนาดนี้นะ มิกิ”

    “คิดอย่างนั้นเหมือนกันนะ แบบว่า…ไม่คิดว่าจะเจ็บสาหัสถึงกับหลับไปยาวขนาดนั้นน่ะ” เธอพูดพลางหัวเราะเหมือนกับเป็นเรื่องตลก

    “ชอบฝืนร่างกายอยู่เรื่อย”

    “แหะๆ ชินแล้วสิ ที่โดนดุแบบนี้”  มิกิพูดพลางยิ้มขำๆ ฉับพลันสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป

    “เป็นอะไรไป?” โคมะจับสังเกตได้จึงถามขึ้น

    “หืม? เปล่านี่”  เธอโกหก

    “จู่ๆก็เปลี่ยนสีหน้าทันที อย่างกับคนที่กำลังเครียดแบบนั้น ยังจะบอกว่า เปล่าอีกเหรอยะ?” หญิงสาวที่สูงกว่าขมวดคิ้วใส่ “ยิ่งนานเข้า เธอยิ่งโกหกไม่เก่งนะ”

    โกหก…ไม่เก่ง…

    นี่เราโกหกไม่เนียนแล้วสินะ…

    “ก็มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขมันยังไงดีน่ะ”

    โคมะมองเพื่อนสาวที่นับวันมักจะเก็บเรื่องหนักใจไว้กับตัวเองโดยที่ไม่ปรึกษาใครมากขึ้นทุกวัน

    “เธอน่ะ มักจะเป็นช่วยแก้ปัญหาของคนอื่น แต่ของตัวเองกลับไม่ยอมให้ใครช่วย อย่างฉัน เธอก็ดิ้นรนจะช่วยให้ได้ รู้ไหมว่ามัน…น่ารำคาญชะมัด”

    โคมะบ่นแล้วปล่อยให้มิกิยืนจับราวอยู่ตรงนั้น 

    “แล้ว…เรื่องอะไรที่เธอเครียดอยู่ล่ะ?”

    ถามตรงๆเช่นนั้น เธอจะกล้าตอบหรือไม่

    “คือ…”

    ให้ตายสิ ไม่ชอบท่าทางไม่มั่นใจของยัยนี่เอาซะเลย เหมือนกับนางเอกไร้ความมั่นใจในการใช้ชีวิต โคมะกอดอกด่าในใจ ใช่คุโนะอิจิอัจฉริยะคนนั้นจริงๆเหรอเนี่ย

    “คือว่าฉันถูก—“

    “อรุณสวัสดิ์ สาวๆ” ทันใดนั้นเอง ก็มีบุคคลไม่ได้รับเชิญเข้ามาขัดการพูดคุยของสางสาวจนได้ ไม่ใช่อื่นเลยที่ชอบเข้าไปขัดทุกวงสนทนา

    ไมโตะ ไก นั่นเอง

    “ขัดจังหวะซะจริง!!” โคมะหันมาดุใส่ไกที่เข้ามาหา จนเจ้าตัวงุนงง

    “เอ๋? มีเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ?”  ไกถามโดยมีทีมของตนและคาคาชิ ที่ไม่รู้จะโผล่มาทำไมตอนนี้ ตามเข้ามาในห้องกายภาพบำบัด

    พอมิกิเห็นร่างสูง เธอจับราวที่พยุงตัวไว้แน่นก่อนจะหลบสายตาไปทางอื่น โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

    บางครั้งเธอไม่กล้าที่จะมองหน้าคาคาชิตรงๆ แต่ตอนนี้กลับยิ่งไม่กล้ามองเข้าไปอีก

    คำสารภาพที่มาไม่ทันตั้งตัวเมื่อวานนี้ มันเหมือนกับค้อนหนักที่ทุบกำแพงของมิกิจนร้าว กำแพงที่สร้างมาเพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคาคาชิ เจ้าตัวกลับทุบมันเอง

     ตอนนี้ก็รู้แล้ว ว่าเขารู้สึกยังไงกับเธอ แล้วเธอล่ะ?

    “เป็นยังไงบ้าง มิกิจัง ช่วงที่เธอฟื้น พวกฉันไม่ได้มาเยี่ยมเพราะติดภารกิจ เลยเอาของฝากมาให้นะ!!” ไกพูดขึ้น จากนั้นลีก็ยกกระเช้าขนาดใหญ่มาให้เธอ

    “ขอให้ครูมิกิ หายไวนะครับๆ พวกผมเลยเอาข้าวแกงกะหรี่สูตรเผ็ดพิเศษมาเยี่ยม หวังว่าจะช่วยให้ครูฟื้นตัวไวขึ้นครับ!!”

    “เป็นของฝากที่เร้าร้อนที่สุดเลยว่ามั้ยล่ะ ฮ่าๆๆๆ”

    “เอ่อ...ขอบคุณนะ ทุกคน” เธอขอบคุณทีมของไก โดยด้านหลังไกและลีเป็นเนจิและเท็นเท็นที่ทำหน้าเอือมสองคนในทีม ทำเอาเธอขำออกมา

    “รสนิยมของเยี่ยมนายมันสุดๆจริงๆเลยนะ ไก” โคมะส่ายหน้าปลงพลางเปิดหม้อแกงกะหรี่ในกระเช้าดู

    “.....”

    มันคือแกงกระหรี่สีดำสนิทแล้วมีเครื่องในมากมายจนโคมะปิดมันทันที

    “เอาไปให้สุนัขแถวนี้กิน พวกนั้นยังไม่กินเลย”

    “พูดอะไรแบบนั้นกันฮะ โคมะ!! นี่มันคือแกงกะหรี่สูตรลับหายากเชียวนะ!!”

    “สูตรลับบ้าอะไร! นี่มันอาหารฆ่าคนชัดๆ”

    “เอ่อ…ทั้งสองคน…” มิกิเอ่ยหมายจะห้ามทั้งคู่ แม้กระทั้งลูกทีมของไกก็เช่นกัน แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ยอมแพ้กันง่ายๆ

    สุดท้ายแล้วพยาบาลที่ดูแลห้องบำบัดนี้ก็เข้ามาเอ็ดใส่ทั้งคู่จนเงียบกันไป

    ในตอนนั้นเองที่มิกิไม่สังเกตเลยว่า ร่างสูงเข้ามาใกล้ตัวเธอแล้ว

    “!!” ทันทีที่เงาทาบร่างเธอ หญิงสาวเผลอสบเข้าที่ตาสีดำของร่างสูง เธอสะดุ้งจะถอยเผลอปล่อยราวพยุงกายตนเองไว้

    “เฮ้ย!!”

    “มิกิ!!”

    ทุกคนอุทานพร้อมกัน แต่ใครเล่าจะไวเท่าร่างสูงที่เป็นเหตุให้เธอเสียการทรงตัว ดึงแขนเธอเอาไว้จนเธอชนกับร่างของคนดึง

    “เป็นอะไรไหม?” คาคาชิถามด้วยความเป็นห่วง เขารู้สึกผิดที่ดันทำให้อีกฝ่ายตกใจ

    ระยะสายตาที่ใกล้กันยิ่งทำให้มิกิความคิดรวนไปหมด

    “มะ…ไม่เป็นไร”

    ใกล้เกินไปแล้ว!!!

    เธอกรีดร้องในใจ ตอนนี้เธออยู่ในอกของคาคาชิ มือของเขาบีบเรียวแขนเธอแน่นหวั่นว่าเธอจะเผลอเซไปอีก

    สภาพของทั้งคู่ตอนนี้ เล่นเอาสายตาคนอื่นอึ้งซะสนิทจนไม่มีใครกล้าพูดออกมา

    “….”

    แต่มิกิได้สติก่อน เธอรีบดันตัวคาคาชิห่างออกไป ก่อนจะยิ้มหัวเราะขำๆ

    “อะ…ฮะๆ คือพอดีว่าฉันเสียหลักนิดหน่อยเอง” เธอพูดขึ้น เรียกสติคนตรงหน้าให้ปล่อยแขนเธอ “ทำไมมองกันแบบนั้นกันล่ะ?”

    “เปล่า!! แค่รู้สึกบรรยากาศมันเปลี่ยนไปน่ะ ว่างั้นไหม ไก” โคมะยักไหล่พลางถามความเห็นไก

    ด้านหลังที่มีเนจิ เท็นเท็นและลี ยืนอยู่ พวกเขาแอบกระซิบคุยกันเบาๆ

    “ครูคาคาชิกับครูมิกิงั้นเหรอ” เท็นเท็นกระซิบถามเนจิ

    “อืม…” เนจิไม่ออกความเห็นแต่อย่างใด

    แต่ดูเหมือนอีกหนึ่งสมาชิกยังจะไม่เข้าใจสถานการณ์นัก

    ลียังคงมองบรรยากาศรอบตัวด้วยความงุนงง …..

     

    “หืม? เอ๋? อากาศเปลี่ยนงั้นเหรอ? ไหนๆๆ อา ใช่ ฝนทำท่าจะตกนะ”

    “…..”

    คนที่โดนถามความเห็นเดินไปที่ระเบียงก่อนจะมองไปบนท้องฟ้า สายตาของโคมะกรอกขึ้นบน เมื่อเห็นปฏิกิริยาโต้ตอบของไก

    “เจ้าบ้านี่!”

    เคยอ่านบรรยากาศออกบ้างไหมเนี่ย ....

     

     

    ....

     

     

    “โคมะก็รู้เรื่องนี่นะ”

    “เอ๋?”

    “เรื่องที่ฉัน…ชอบเธอน่ะ”

    เวลาต่อมาของวันนั้น คาคาชิคอยดูแลมิกิทั้งวันที่โรงพยาบาล ถึงแม้ว่าในใจของมิกิจะปฏิเสธหัวชนฝาว่าไม่อยากให้เขามาดูแล แต่เพราะเกรงว่าถ้าเธอพูดแบบนั้น มันอาจจะไปกระทบจิตใจอีกฝ่ายได้

    ถ้าเป็นตอนก่อนหน้าที่เขาจะบอกความรู้สึกกับเธอ เธอคงไล่เขากลับไปแล้ว

    จนตอนนี้ร่างสูงก็ยังคงเป็นคนเข็นวิลแชร์พาเธอไปสูดอากาศรอบๆโรงพยาบาล

    “ตะ..ตั้งแต่เมื่อไหร่งั้นเหรอ?”

    คาคาชิยักไหล่ “ไม่รู้สิ หล่อนเป็นคนบอกว่ารู้เอง ฉันเดาว่าเมื่อกี้ หล่อนน่าจะดูเราสองคนออก”

    ถึงว่าทำไมพูดกลบเกลื่อนแปลกๆ

    “เมื่อกี้เธอจะบอกเรื่องที่ฉันสารภาพรักกับเธอให้โคมะฟังสินะ”

    “ปะ เปล่านะ!! ใครจะพูดเรื่องแบบนั้นง่ายๆกันล่ะ! ฉันไม่บอกใครหรอกนะ นายสบายใจได้”

    นิสัยคิดไปเองของมิกิ ทำให้คาคาชิขมวดคิ้วชนกัน

    “ฉันก็ไม่ได้บอกห้ามซักหน่อยว่าจะปิดเรื่องนี้”

    “ตะ...แต่”

    “ฉันจริงจังนะ มิกิ”

    “.....”

    ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เห็นหน้าของคนด้านหลัง แต่ก็รู้ได้จากน้ำเสียงว่าอีกคนคิดอะไร

    เขาต้องการคำตอบของเธอ …

    “นายบอกว่าถึงจะไม่ได้คบก็ไม่เป็นไร แล้วทำไมถึงยังต้องการคำตอบของฉันอีกล่ะ”  

    มิกิทวนคำพูดของร่างสูงที่พูดเมื่อวาน มันเป็นสิ่งที่เตือนใจคาคาชิเหมือนกัน

    แต่ว่าที่เขาพูดไปตอนนั้น มันเป็นเพียงคำพูดตัดทอนใจตัวเอง

    “คือฉัน...”

    คาคาชิเริ่มพูดไม่ถูกอีกต่อไปแล้ว เขามองแผ่นหลังของหญิงสาวตรงหน้า แผ่นหลังที่คอยเฝ้ามองมาตลอดหลายปี

    “ทั้งๆที่ นายอาจจะได้พบคนที่ดีกว่าฉัน ทำไมถึงตัดสินใจเลือกคนอย่างฉันกันล่ะ” มิกิพูดต่อไป

    คาคาชิไม่ตอบ

    “ฉันไม่รู้จะตอบรับความรู้สึกนายยังไง ในหัวมีแต่คำถามมาตลอด ทำไมๆ วนไปวนมา พยายามหาเหตุผล และก็สับสนไปหมด นายต่างกับเก็นมะตรงไหน ทำไมฉันถึงลังเลที่จะให้คำตอบนาย”

    “แล้วเธอไม่รู้สึกอะไรกับฉันเลยเหรอ เมื่อวานนี้น่ะ”

    มิกิก้มหน้ามองตักตัวเอง เธอไม่ได้ตอบคำถามของร่างสูง คาคาชิรู้ได้ทันทีว่าคำตอบมันชัดเจน

    “งั้นเหรอ ฉันคงรู้สึกไปเองคนเดียว”

    “รู้สึก....ดีใจ”

    คาคาชิรู้สึกไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ เขาหยุดวิลแชร์ที่เข็นมิกิก่อนจะยืนตรงหน้าเธอ

    “เมื่อกี้ว่าไงนะ”

    มิกิสูดหายใจลึกก่อนจะผ่อนออกมา “ดีใจ ....ที่นายไม่เกลียดฉัน ...คือฉันคิดมาตลอดเหมือนกัน ว่านายอาจจะเกลียดฉันที่คอยยุ่งวุ่นวายนายมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ก็ด้วย ก็เลยดีใจที่รู้ว่านายคิดยังไงกับฉัน”

    มันเหมือนกับว่ามิกิตีความหมายต่างออกไป

    “แต่ฉันไม่สามารถรับความรู้สึกที่มากกว่านั้นของเธอได้จริงๆนะ”

    ปฏิเสธ....เธอปฏิเสธเราแล้ว

    “ถ้ามากกว่านี้ ....ถ้ามากกว่านี้ล่ะก็ ฉันคง...”

    “เข้าใจแล้วล่ะ”

    “........”

    “ที่เธอไม่ยอมรับฉัน เพราะเธอแคร์สายตาคนอื่นมากกว่าสินะ”

    มิกิส่ายหน้า

    “ไม่....ฉันไม่แคร์สายตาคนอื่นหรอก”

    “ถ้างั้นทำไม!!”

    “ฉันแคร์ตัวเองมากกว่าไงล่ะ”

    ในที่สุดเธอก็พูดความรู้สึกจริงๆของเธอออกมา

    “จริงๆแล้วนะ คาคาชิ ฉันน่ะ คือคนที่เห็นแก่ตัวเอามากๆเลยล่ะ กลัวตัวเองเจ็บปวด เป็นคนที่ขี้ขลาดกว่าที่นายเห็นซะอีก”

    โกหก... ที่พูดทั้งหมดก็แค่อยากกันเขาออกห่างจากตัวเอง

    “ไม่ได้โกหกนะ” ราวกับว่าเธอรู้ในสิ่งที่เขาคิด เธอพูดพร้อมกับเงยหน้ามองอีกฝ่ายหมายจะยืนยันความรู้สึกตัวเอง

    “ถ้างั้นก็บอกฉันสิ....” คาคาชิเอ่ยอย่างสุดจะทน “บอกเหตุผลทั้งหมดที่เธอปฏิเสธฉัน ทั้งหมดเลย”

    มิกิไม่ตอบ เธอหันหน้าหนีไปทางระเบียงหน้าต่าง มองออกไปที่สนามเด็กเล่นระแวกใกล้ๆ

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายไปตอบ เขาก็ไม่สามารถบีบคั้นให้เธอพูดอะไรออกมาได้อีก มันเหมือนกับ จริงแล้วเขาก็รู้ รู้มาตลอด ไม่ว่าเขาจะเป็นคนตัดสินใจพูดความรู้สึกกับเธอ เธอจะต้องปฏิเสธและหนีออกมาตลอด

    มากกว่านั้น ไม่ได้เลยงั้นเหรอ ?

    “มิกิ...”

    “.....”

    “ถึงแม้ว่าเธอจะปฏิเสธความรู้สึกฉันเพราะเหตุผลอะไรก็ตามที่เธอไม่ยอมบอก แต่อยากให้รู้ ฉันไม่มีวันจะทิ้งเธอให้อยู่คนเดียวเด็ดขาด”

    “....”

    “ถ้าเธอเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอย่างที่เธอพูด ฉันก็คงไม่ต่างกัน” มันเหมือนกับเขาเริ่มหยุดพูดไม่ได้ ปากขยับพูดสิ่งที่คิดอยู่ในหัว

    “....”

    “ไม่ต้องการให้เธอเป็นของใคร แม้กระทั่งเพื่อนของตัวเอง”

    มิกิรู้ว่าเขาหมายถึงใคร

    “พอรู้ว่าพวกเธอเลิกกัน ฉันก็ดีใจเหมือนกับสุนัขที่รอเจ้าของกลับบ้าน เหอะ”  ท้ายประโยคเหมือนกับเขาหัวเราะใส่ตัวเอง

    ระหว่างเขาและเธอตามทางเดินระเบียงโรงพยาบาลที่แสนเงียบเชียบ สายตาของคาคาชิก็เห็นบุคคลหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา

    “ที่ผ่านมา ฉันอาจจะอดทนต่อความสัมพันธ์ที่ครึ่งๆกลางๆระหว่างเราได้ แต่หลังจากนี้มันคงไม่อีกต่อไปแล้ว”

    “อะไรนะ แค่เรื่องนี้ เธอถึงกับยุติความเป็นเพื่อนของเรางั้นเหรอ?” มิกิถามอย่างไม่เข้าใจ

    “เรื่องแค่นี้? เธออาจจะคิดว่าเป็นเรื่องแค่นี้ แต่สำหรับฉัน มันไม่เลย ..”

    คนที่เดินมาหาทั้งคู่ คือยามาโตะ  แต่เหมือนเขาจะรู้ว่ารุ่นพี่ทั้งสองคุยอะไรกันอยู่ จึงยืนรออยู่ตรงนั้น โดยที่มีแค่คาคาชิเท่านั้นเห็น เพราะเขายืนอยู่ด้านหลังมิกิ

    “และฉันไม่เคยคิดว่าเธอเป็นเพื่อนเลยสักนิด”

    พูดจบ ร่างสูงก็เดินไปทางที่ยามาโตะรอทันที เขาไม่รอฟังว่าเธอจะอ้าปากพูดอะไรอีก เขาพูดออกมาหมดแล้ว ความรู้สึกทั้งหมด

    หรือเขาไม่ควรหวังตั้งแต่แรกกัน

    “ท่านซึนาเดะ เรียกครับ รุ่นพี่คาคาชิ” ยามาโตะกล่าวเมื่อเห็นว่าคาคาชิเดินมา เขาสังเกตเห็นสายตาที่ขุ่นมัวของรุ่นพี่ตน แล้วกลับไปมองแผ่นหลังบางที่นั่งอยู่บนวิลแชร์

    “ทะเลาะอะไรกับรุ่นพี่มิกิเหรอครับ?”

    “ไม่สำคัญอะไรหรอก ไปกันเถอะ” คาคาชิพูดโดยที่ไปหันมามองยามาโตะสักนิด


     


     

    ====================================================

    อัพแล้วค่าาาา เขียนวันละนิดๆ เงียบไปหลายวันเพราะ กองงานจู่โจมค่ะ T_T  //นี่หนีงานมาแอบอัพก่อนที่จะไม่มีเวลา 55555 ไม่เคยคิดว่าจะให้คาคาชิพูดแบบนี้ออกมาเลยค่ะ เหมือนมันไม่ใช่นิสัยนาง แต่ถ้าเขียนแบบเก่า กลัวคนอ่านจะรำ ลุ้นมา 38 ตอน ขยับความสัมพันธ์สักนิดเต๊อะ!!

    เจอกันตอนหน้าค่าาาา 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×