ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พันธสัญญารักนักปราบผีสาว (ฟรี)

    ลำดับตอนที่ #30 : ตอนที่ 29 งานเทศกาล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.24K
      19
      30 มิ.ย. 62

    ตอนที่ 29

    งานเทศกาล


    ภายในห้องน้ำหญิงฮาสึโนะเดินออกมาด้วยท่าทางที่อิดโรย ซึ่งต่างกับรูปร่างหน้าตาอันสวยงามของเธอที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบร้อยจนสวยเด่น ชุดกิโมโนสีแดงสดที่สะบัดตามจังหวะการเดินของฮาสึโนะนั้นดึงดูดสายตาของทุกคนจนต้องจ้องมอง ผิวเนียนขาวลื่นนั้นมันช่างลงตัวกับเนื้อผ้าสีแดงสดของชุดกิโมโนจนทำให้ชายหนุ่มหลายคนที่มองอยู่ไม่อาจที่จะห้ามใจคิดเกินเลยกับเธอไปได้

    “ในที่สุดก็เสร็จสักที” อากาเสะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหลังจากที่พวกเธอได้ช่วยกันจับฮาสึโนะแต่งตัวกันอย่างยากลำบาก

    “สวยมากเลยค่ะคุณฮาสึโนะ สวยกว่าในรูปที่คุณโทโมเอะเคยให้ดูซะอีกนะค่ะ” ซามิยะกล่าวออกมาอย่างชื่นชม

    “ฮะๆ อย่างนั้นเหรอ”

    ฮาสึโนะหัวเราะออกมาอย่างแห้งๆด้วยหน้าตาที่ดูไม่ได้ดีใจเลยสักนิด เพราะเธอนั้นไม่ชอบการแต่งตัวเอาซะเลย ด้วยความที่ว่ามันยุ่งยากและไม่มีความจำเป็นอะไรในการฝึกฝนวิชานั่นเอง

    “แต่ว่าก่อนอื่นขอแว่นตาของฉันคืนก่อนได้ไหม?”

    “ไม่ได้หรอกวันนี้เป็นวันพิเศษนะ เพราะงั้นพวกเราจะขอยึดแว่นตาของเธอเอาไว้ก่อน” อากาเสะกล่าวปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับเก็บแว่นตาของฮาสึโนะเอาไว้ในกระเป๋าสะพายของตัวเอง

    “ไม่เอาน่าขอร้องล่ะ พวกเธอก็รู้ว่าฉันสายตาสั้นมากแค่ไหนถ้าไม่ได้ใส่แว่น”

    ฮาสึโนะพยายามพูดจาโน้มน้าวพวกอากาเสะเพื่อที่จะได้แว่นตาของเธอคืนมา เพราะตอนนี้เธอแทบที่จะแยกเพื่อนของเธอกับเสาปูนทั้งหลายที่ตั้งอยู่ในสถานีรถไฟนี้ไม่ออกแล้ว

    “เอ๋!? ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็ไม่เห็นจะยากเลยนี้ค่ะ คุณฮาสึโนะก็แค่เดินพลังนิดหน่อยสายตาก็กลับมาเป็นปกติแล้วไม่ใช่เหรอค่ะ?”

    โทโมเอะกล่าวออกมาอย่างแปลกใจ เพราะเรื่องแบบนี้นักปราบผีคนไหนเขาก็ทำกันทั้งนั้นในความคิดของเธอ

    “พวกเธอนี้น้า!! ศาสตร์วิชาปราบผีมันไม่ได้มีเอาไว้ใช้พร่ำเพรื่อแบบนั้นสักหน่อย” ฮาสึโนะพยายามจะเถียงเพราะมันขัดกับหลักการที่เธอยึดถือมาโดยตลอด แต่เธอก็โดนเฟรนดี้ขัดขึ้นมาซะก่อน

    “ถ้างั้นฉันทำให้เองก็แล้วกัน เพราะวิชาปราบผีของฉันมีเอาไว้ใช้พร่ำเพรื่อแบบนี้อยู่แล้ว”

    เฟรนดี้กล่าวพร้อมกับวาดนิ้วบนอากาศหนึ่งรอบ สายตาของฮาสึโนะก็กลับมามองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งเหมือนกับตอนที่เธอใส่แว่นอยู่

    “เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม?”

    เฟรนดี้กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสนุกสนาน ก็ใช่นะสิ!!...ทำไมเฟรนดี้จะไม่รู้ว่าเธอนั้นไม่ชอบการแต่งหน้าและการแต่งตัวมากขนาดไหน และยิ่งโดนพวกอากาเสะจับแต่งตัวซะเด่นขนาดนี้อีก ดูสิมีแต่คนมองเธอด้วยสายตาแปลกๆทั้งนั้น

    ฮาสึโนะอยากที่จะร้องไห้ออกมาจริง เพราะตอนนี้เธอเริ่มที่จะรู้สึกคันไปทั่วทั้งตัวแล้วจากอาการแพ้การแต่งตัวและการแต่งหน้า จนตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกอยากที่จะยกมือขึ้นมาเกาหน้าเช็ดปากและกลับไปใส่เสื้อผ้าตัวเดิมเต็มที เฮ่ย...ให้ตายสิการแต่งตัวนี้มันช่างเป็นเรื่องที่น่ารำคาญสำหรับเธอจริงๆ


    ภายในรถไฟฟ้าเหล่าหญิงสาวทั้งเจ็ดคนต่างก็นั่งเรียงกันเป็นแถวจนสวยเด่นและยากที่ใครจะเดินเข้ามาใกล้ เพราะเมื่อมีคนคิดที่จะเดินเข้ามาใกล้ก็จะมีคนที่ยืนอยู่ด้านข้างจับเขาเอาไว้ทันที ด้วยเหตุผลที่ว่ามันดันเสือกมายืนบังหน้าพวกเขาขณะที่กำลังชื่นชมความงดงามของเหล่านางฟ้าที่มาจุติบนโลกตัวเป็นๆ

    และไม่ต้องบอกว่าเจ้าหนุ่มใจกล้านั้นจะเป็นยังไงหลังจากที่เขาโดนลากหายเข้าไปในกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลัง

    รถไฟฟ้าแล่นมาเรื่อยๆจนเข้าสู่ตัวเมืองโตเกียวที่เป็นเป้าหมาย ก่อนที่พวกเธอจะเลือกลงสถานีที่อยู่ใกล้ๆกับศาลาเจ้าขึ้นชื่อแห่งหนึ่งที่ได้มีการจัดงานและจัดตั้งร้านค้าอยู่มากกมาย

    ทุกคนในงานต่างก็แต่งชุดประจำชาติกันอย่างงดงามและครึกครื้นทั้งคนมาเที่ยวงานและคนที่มาตั้งร้านค้าขายของ ถึงแม้ว่าจะมีบ้างที่แต่งชุดสบายๆมาเข้าร่วมงาน แต่ก็นับว่าเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อคิดถึงจำนวนคนทั้งหมดที่มาร่วมงานในวันนี้ ก็แน่ล่ะ...เพราะนี้มันเป็นงานเทศกาลที่ทุกคนต่างเฝ้ารอมานานนะสิ เฝ้ารอที่จะได้ขอพรจากเทพเจ้าเพื่อให้สมความปรารถนา

    นี้นับว่าเป็นครั้งแรกของฮาสึโนะเลยทีเดียวที่ได้มาเที่ยวงานเทศกาลของญี่ปุ่นแบบนี้ ซึ่งดูๆไปแล้วมันก็คล้ายๆกับงานวัดแถวบ้านเธออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

    ทั้งร้านขายอาหาร จุดเล่นเกม งานแสดงบนเวทีและงานแสดงข้างถนน ทุกคนต่างสนุกสนานไปกับงานเทศกาลขอบคุณเทพเจ้า

    ดีจริงๆที่เธอได้มาเที่ยวงานเทศกาลแบบนี้กับเพื่อนๆของเธอ ฮาสึโนะยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้มองดูเหล่าเพื่อนๆของเธอที่กำลังสนุกสนานไปกับงานเทศกาลในวันนี้

    “คุณฮาสึโนะค่ะ คุณฮาสึโนะจะเอาขนมเครปรสอะไรดีค่ะ เดี๋ยวฉันจะได้สั่งเขาให้ทำพร้อมกันเลยทีเดียว”

    โทโมเอะเอ่ยถามเพราะเห็นว่าฮาสึโนะนั้นยืนเหม่อลอยอยู่นานแล้วทั้งๆที่เพื่อนคนอื่นเขาก็เริ่มสั่งขนมเครปกันหมดแล้ว

    “โทษทีนะพอดีฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อยนะ ส่วนเรื่องเครปฉันขอเป็นเครปรสสตรอว์เบอร์รี่กับกล้วยแล้วกัน”

    ฮาสึโนะเอ่ยตอบ ซึ่งโทโมเอะก็หันกลับไปสั่งเครปเพิ่มเติมให้กับฮาสึโนะทันที

    เมื่อได้ขนมเครปกันหมดทุกคนแล้วพวกฮาสึโนะก็เดินเที่ยวในงานต่อ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะไปเอากระดาษขอพรจากศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อที่จะใช้เขียนคำอธิษฐานส่งไปยังเทพเจ้า

    “เอ๊ะ!? นั่นมันเกมยิงปืนนี้น่า แบบปืนชักหัวจุกซะด้วย ไม่ได้เห็นมันมานานแล้วนะเนี้ย”

    มิซากิพูดขึ้นขณะที่กำลังเดินผ่านซุ้มเกมยิงปืนที่มีของรางวัลตั้งเรียงรายกันอยู่มากมายบนชั้นวาง และที่เธอรู้สึกสนใจในเกมชนิดนี้ก็เพราะมันเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากแล้วในสมัยนี้ที่ยังมีคนใช้ปืนชักจุกในการยิงเอาของรางวัลอยู่

    “แบบนี้มันต้องลองซะหน่อยแล้ว” 

    มิซากิพูดขึ้นอย่างฮึกเหิมเมื่อเจอกับเกมหายากที่แทบจะเรียกได้ว่าสูญพันธุ์ไปแล้วในยุคสมัยนี้ ซึ่งคอเกมอย่างเธอไม่อาจที่จะปล่อยให้มันผ่านไปได้ถ้าเธอยังไม่ได้ลิ้มลองรสชาติแห่งชัยชนะในการพิชิตมัน

    “ฮื่อ? ที่นี้ก็มีเกมยิงจุกน้ำปลาด้วยเหรอ” ฮาสึโนะกล่าวขึ้นมาอย่างสนใจ เพราะที่ประเทศไทยเธอเองก็เคยเล่นมันมาบ้างเหมือนกัน

    “รู้จักมันด้วยเหรอค่ะคุณฮาสึโนะ งั้นมาเล่นแข่งกันเอาไหม?” มิซากิกล่าวท้าทายด้วยใบหน้าที่สนุกสนาน เพราะการมีคู่แข่งนั้นมันทำให้เกมดูน่าสนใจขึ้นมาก

    “ได้สิ แต่ขอบอกเอาไว้ก่อนนะว่าฉันเซียนเกมนี้”

    ฮาสึโนะกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปเลือกปืนอย่างชำนาญ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ถือว่าห่างเหินจากมันมานานแล้วด้วยความที่ต้องทุ่มเทให้กับการฝึกวิชา แม้ว่าเธอจะได้เล่นมันบ้างในบางครั้ง แต่เมื่อเธอได้เล่นแล้วก็พบว่าวันต่อมาร้านนั้นก็จะหายไปก่อนจบงานวัดทุกที จนเธอไม่ทันได้เล่นอีกเป็นครั้งที่2อยู่ประจำ

    “ไม่มีปัญหา ฉันเองก็ไม่ใช่ว่าจะกระจอกจนยอมให้เธอกินกันง่ายๆหรอกนะ”

    มิซากิตอบกลับอย่างมั่นใจ เพราะเธอเองก็มีดีอยู่พอตัวด้วยตำแหน่งแชมป์เกมระดับภูมิภาค และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ถนัดพวกแนวยิงจากทางด้านหลังสักเท่าไรก็ตาม เพราะด้วยความที่ว่าเธอต้องคุมตำแหน่งแนวหน้าอยู่เป็นประจำจากนิสัยของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเธอจะไม่เป็นเกมที่พวกแนวหลังใช้กันอย่างการยิงปืนซะเลยทีเดียว

    “น่าสนุกดีนิน่า ฉันของร่วมวงด้วยคนสิ” เฟรนดี้พูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาเลือกปืนด้วยความสนใจ

    “ได้สิค่ะคุณเฟรนดี้ เล่นด้วยกันหลายๆคนจะได้สนุก” มิซากิตอบ

    “ถ้างั้นเรามาเพิ่มกฎกันหน่อยจะดีกว่า เกมมันจะได้สนุกขึ้น” เฟรนดี้เอ่ยพร้อมกับใช้มือของเธอตรวจเช็คกระบอกปืนไปด้วย

    “จะเพิ่มกฎอะไรเหรอค่ะ?” มิซากิถามขึ้นอย่างสนใจ

    “กฎที่ว่าถ้าใครชนะก็จะสามารถออกคำสั่งอะไรก็ได้ในวันนี้หนึ่งอย่างกับคนที่แพ้ยังไงล่ะ” ทันทีที่เฟรนดี้พูดจบฮาสึโนะก็รับคำท้าทันทีอย่างไม่ต้องคิด

    “ได้สิ ฉันกำลังรอคำนี้ของเธออยู่พอดีเลยเฟรนดี้”

    ฮาสึโนะแทบที่จะหุบยิ้มของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อทุกอย่างมันเข้าล็อกไปหมด และคราวนี้แหละที่จะเป็นตาของเธอในการแก้เข็ดเฟรนดี้เพื่อนสาวผู้ร้ายกาจ

    “แล้วพวกเธอล่ะ? จะเล่นด้วยกันไหม”

    มิซากิหันกลับไปถามพวกสี่สาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง ซึ่งทุกคนก็รีบส่ายหัวและตอบปฏิเสธกันทันทีเมื่อเหลือบไปเห็นฮาสึโนะตอนนี้ที่กำลังเร่าร้อนราวกับเปลวเพลิง ซึ่งแน่นอนไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ฮาสึโนะกำลังอยากจะแก้แค้นทุกคนที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้

    “ไม่ล่ะฉันขอผ่านก็แล้วกัน” อากาเสะตอบพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

    “ฉันก็ด้วยค่ะ พอดีไม่ค่อยเก่งเรื่องเกมสักเท่าไร” ซามิยะตอบอย่างอ่อนใจที่ไม่สามารถจะช่วยอะไรมิซากิได้

    “ฉันก็ไม่เหมือนกันค่ะ ขอโทษด้วยนะค่ะคุณมิซากิ” โทโมเอะกล่าวขอโทษพร้อมกับหลบสายตา เพราะเธอเองก็ไม่อยากที่จะโดนหางเลขไปด้วยเหมือนกัน

    “อะไรกันเนี้ยพวกเธอ!!”

    เมื่อโดนเพื่อนทิ้งกันแบบนี้มิซากิก็ได้แต่เหนื่อยใจ จนเธอต้องหันไปหาความหวังสุดท้ายที่เป็นยามิ แต่คำตอบที่เธอได้จากยามิก็คือ

    “สู้ๆเข้านะค่ะ! พยายามเข้า” ยามิส่งเสียงเชียร์พร้อมกับกำหมัดแน่นเพื่อให้กำลังใจ

    “ตายๆ!! ฉันตายต้องแน่ๆเลย”

    มิซากิกล่าวพร้อมกับหันไปมองสองสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ คนหนึ่งก็เปล่งออโรรามังกรออกมาราวกับกำลังจะทะยานขึ้นสู่สวรรค์พร้อมกับชักปืนขึ้นลงราวกับกำลังซ้อมท่วงท่าในการยิงอย่างขะมักเขม้นเหมือนกับกำลังจะไปรบ ส่วนอีกคนก็กำลังเช็คด้ามปืนอย่างใจเย็นราวกับเสือที่กำลังซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้

    นี้ถ้าไม่ติดที่ว่าเธอมีศักดิ์ศรีของเหล่าเกมเมอร์ค้ำคออยู่แล้วละก็ เธอคงจะขอลาออกไปจากสนามประลองแห่งนี้แล้ว เพราะตอนนี้มันไม่ใช่การประลองธรรมดาๆแล้ว แต่มันเป็นศึกโคตรเซียนปะทะโคตรเซียน ซึ่งคนแพ้คงจะไม่ใช่แค่ตัดนิ้วแล้วล่ะมั้งงานนี้ มิซากิคิด

    “จะเอาแล้วยังเฟรนดี้ ฉันพร้อมมานานแล้วนะ” ฮาสึโนะพูดขึ้นหลังจากที่ชำระเงินค่ากระสุนไป

    “ได้สิฉันเองก็พร้อมแล้วเหมือนกัน เอาเป็นว่านับคะแนนจากจำนวนของที่ยิงได้กับราคาก็แล้วกัน” เฟรนดี้เอ่ยตอบพร้อมกับจ่ายชำระเงินค่ากระสุนด้วยเช่นกัน

    “เดี๋ยวก่อนสิพวกเธอฉันยังไม่พร้อมเลยนะ” มิซากิรีบเอ่ยขัดขึ้นมาด้วยความรีบร้อน เพราะเธอยังไม่พร้อมสักเท่าไรในด้านจิตใจ แต่แล้วเมื่อเธอเจอกับสายตาของฮาสึโนะกับเฟรนดี้ที่มองมาอย่างอาฆาตเธอก็ต้องรีบกลับคำทันที

    “เออ...ฉันพร้อมแล้วล่ะเริ่มกันเลยดีกว่า” มิซากิตอบเสียงอ่อย

    ปัง!! ฮาสึโนะเปิดก่อนพร้อมๆกับตุ๊กตาขนาดกลางที่ตกลงมาจากชั้นวาง

    “อะฮ้า!...แตกหนึ่ง!! นับว่าฝีมือของเรายังไม่ตกนะเนี้ย” ฮาสึโนะกล่าวพร้อมกับบรรจุกระสุนนัดต่อไป

    บนชั้นวางนั้นนับว่ามีรางวัลอยู่หลากหลาย ของที่มีราคานั้นก็นับว่ามีมาก แต่ด้วยความหนักของมันการที่จะยิงมันให้ตกนั้นก็ยากตามไปด้วย ดังนั้นจึงพูดได้ว่าของบางชิ้นบนชั้นวางนั้นมีเอาไว้สำหรับตั้งโชว์ลูกค้าซะมากกว่าจะเอามาเป็นรางวัล และฮาสึโนะก็ค่อนข้างที่จะรู้เรื่องนี้ดีเธอจึงเลือกตุ๊กตาที่ดูท่าทางน้ำหนักน้อยกว่าขนาดตัว และดูเสียศูนย์ได้ง่ายถ้าถูกยิงโดน

    “ว้าว!! คุณฮาสึโนะเก่งจังเลยนะค่ะ ยิงนัดเดียวก็ได้ของแล้ว ถ้าเป็นฉันคงทำไม่ได้แน่เลยค่ะ”

    โทโมเอะเอ่ยชมเมื่อเห็นฮาสึโนะสามารถยิงตุ๊กตาขนาดกลางตกลงมาจากชั้นวางได้ง่ายๆ

    “อืม...ท่าทางมิซากิคงจะเจอคู่แข่งที่กินยากซะแล้ว” อากาเสะเอ่ยพร้อมกับมองไปทางมิซากิที่ตอนนี้ได้แต่ตั้งท่ายิงปืนพร้อมกับอ้าปากค้างเมื่อเจอกับการยิงเฮดช็อตของฮาสึโนะที่นัดเดียวก็สามารถดับชีวิตบอสกลางลงได้แล้ว

    ปัง!!

    คราวนี้เป็นเฟรนดี้บ้างที่ยิงออกไป กระสุนบินไปโดนไม้กระดานและกระเด็นออกมาอย่างน่าเสียดาย

    “ฮ่าๆๆๆ ตาถั่วหรือยังไงเฟรนดี้แค่นี้ก็ยิงพลาด” ฮาสึโนะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ แต่ไม่นานจากนั้นกระสุนที่เฟรนดี้ยิงไปก็กระเด็นกลับมาตกใส่หัวของฮาสึโนะเต็มๆจนเธอถึงกับผงะ

    “ว้า...ยิงพลาดซะแล้ว เอาใหม่ๆ” เฟรนดี้แสยะยิ้มพร้อมกับหันกลับไปบรรจุกระสุนต่อ

    “เฟรนดี้เธอ!!!” ฮาสึโนะโกรธแทบควันออกหู แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้แต่สงบสติอารมณ์เอาไว้ เพราะถึงยังไงเธอก็นำอยู่แต้มหนึ่งจากตุ๊กตาที่ยิงตก

    ปัง!! มิซากิยิงออกไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นฝีมือของเธอก็ทำได้แค่ให้ของรางวัลสั่นไปมาอย่างหวาดเสียวเท่านั้น

    คราวนี้ฮาสึโนะหันเป้าหมายไปที่ยังรางวัลที่ใหญ่มากขึ้นไปอีก ซึ่งจากที่ดูแล้วเธอน่าจะยิงตกได้ในครั้งเดียว

    ปัง!! กระสุนของฮาสึโนะบินไปยังทิศทางของเป้าหมายอย่างแม่นยำ แต่แล้วก่อนที่จะถึงเป้าหมายนั้นกลับมีกระสุนนัดหนึ่งที่วิ่งมาชนกระสุนของเธอจนกระเด็นออกไปซะก่อน

    “อะไรเนี้ยปืนไม่ค่อยจะดีเลย ยิงไม่เห็นจะตรง” เฟรนดี้บ่นพึมพำพร้อมกับหันกลับไปบรรจุกระสุนนัดใหม่โดยไม่มีการเปลี่ยนปืนที่ใช้แต่อย่างใด

    ทางด้านฮาสึโนะนั้นเธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองคงจะตาฝาดไป จึงได้แต่หันกลับไปบรรจุกระสุนปืนใหม่พร้อมกับตั้งท่ายิง ถึงแม้จิตใจของเธอจะรู้อยู่เต็มอกว่านั่นเป็นฝีมือของเฟรนดี้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองก็ยังไม่อยากที่จะยอมรับว่าเฟรนดี้จะสามารถยิงตัดกระสุนปืนของเธอได้จริงๆ

    ปัง!! ฮาสึโนะยิงออกไปอีกครั้ง พร้อมกับกระสุนที่ยังคงแม่นยำเหมือนเดิม และแน่นอนทันทีที่เธอยิงออกไปก็มีกระสุนนัดหนึ่งพุ่งมาตัดหน้าจนกระสุนของเธอแฉลบออกไป แต่เท่านั้นไม่พอกระสุนนัดนั้นยังพุ่งกระเด็นไปชนกับตุ๊กตาขนาดเล็กอีกต่อหนึ่งจนมันล้มลง

    ทันทีที่ตุ๊กตาตัวนั้นตกลงพื้นฮาสึโนะก็ได้แต่ยืนอ้าปากค้างเมื่อเจอกับช๊อทยิงพระเจ้าของเฟรนดี้

    “เย้!! ได้มาแล้วตัวหนึ่ง”

    เฟรนดี้ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของเธอกลับมองฮาสึโนะอย่างดูถูก ราวกับว่ากำลังจะบอกเธอว่าทำได้แค่นี้เหรอ? กระจอกชิบ

    และแน่นอนด้วยความโกรธ ฮาสึโนะจัดการยิงกระสุนออกไปสองนัดซ้อนด้วยความสามารถในการบรรจุกระสุนที่รวดเร็วของเธอจนราวกับว่ามันสามารถลอยออกมาจากปากกระบอกปืนสองนัดพร้อมกัน และนี่ก็คือท่าไม้ตายของเธอในการล้มรางวัลใหญ่ที่ใช้อยู่เป็นประจำ ดับเบิลช๊อท!! ที่ยิงโดยปืนจุกน้ำปลา

    ปัง!! ปัง!! กระสุนที่ลอยออกมาพร้อมกันถึงสองนัดจากกระบอกปืนของฮาสึโนะ มุ่งตรงไปยังของรางวัลใหญ่พร้อมกัน และด้วยความแรงของกระสุนสองลูกนั้นคงจะสามารถล้มรางวัลใหญ่ลงมาได้อย่างไม่ยาก

    แต่มีหรือที่เฟรนดี้จะยอมให้ฮาสึโนะได้รางวัลใหญ่ไปง่ายๆ เธอจัดการยิงกระสุนออกไปหนึ่งนัด และกระสุนหนึ่งนัดนั้นก็สามารถยิงตัดกระสุนของฮาสึโนะได้พร้อมกันถึงสองลูก

    ฮาสึโนะจัดการยิงซ้ำเข้าไปอีกลูก แต่เฟรนดี้ก็สามารถยิงตัดและชิ่งไปโดนของรางวัลลงมาได้อีกชิ้นหนึ่ง

    คราวนี้ฮาสึโนะยิงดับเบิลช๊อทอีกครั้ง แต่ยิงไปในทิศทางที่แตกต่างกันเพื่อให้เฟรนดี้ยากที่จะขัดขวาง เฟรนดี้เองเมื่อเห็นฮาสึโนะเล่นไม้นี้เธอจึงต้องเปิดใช้ท่าไม้ตายด้วยการสะบัดปืนยิงกระสุนออกไปในวิถีโค้ง ทำให้กระสุนทั้งสองที่ฮาสึโนะยิงออกไปโดนสกัดเอาไว้จนหมด

    ฮาสึโนะจัดการหยิบกระสุนในตะกร้าขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่แล้วเธอก็พบกับความว่างเปล่าเพราะเธอได้ใช้มันหมดไปแล้วทั้ง8ลูก ส่วนเฟรนดี้นั้นยังเหลืออยู่อีก2ลูกที่ยังไม่ได้ยิง ซึ่งแน่นอนไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ใครเป็นผู้ชนะ

    แต่แล้วยังไม่ทันที่เฟรนดี้จะพูดจาเหยียดหยามฮาสึโนะในฐานะผู้ชนะ ก็มีเสียงเฮดังขึ้นมาซะก่อนทำให้เฟรนดี้กับฮาสึโนะต้องหันไปดู และเมื่อพวกเธอหันไปดูก็พบกับของรางวัลมากมายกว่า7ชิ้นที่ตั้งกองกันอยู่ข้างตัวของมิซากิ

    ทั้งสี่สาวที่เป็นผู้ชมก็ต่างร้องดีใจให้กับมิซากิที่สามารถยิงของรางวัลลงมาได้เรื่อยๆอยู่ตลอดเวลาหลังจากนัดที่สองเป็นต้นไป ต่างกับฮาสึโนะและเฟรนดี้ที่มัวแต่ทะเลาะกันจนลืมไปว่าพวกเธอมีคู่แข่งอยู่อีกคนหนึ่ง

    สุดท้ายผู้ชนะก็มีเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวคือผู้ที่ไม่ได้ลงสนามไปต่อสู้ด้วย ฮาสึโนะกับเฟรนดี้ได้แต่ยืนมองมิซากิกันตาปริบๆเพราะถึงแม้ว่าเฟรนดี้จะเหลือกระสุนอีก2ลูก แต่ก็ไม่มีทางที่จะชนะมิซากิที่มีของอยู่แล้ว7ชิ้นไปได้ ดังนั้นเธอจึงได้แต่วางปืนและยอมรับความพ่ายแพ้

    “แย่ๆๆ แพ้ซะแล้วเรา” เฟรนดี้เอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับส่ายหัวไปมา

    “แพ้ก็เพราะเธอนั่นแหละเฟรนดี้!!” ฮาสึโนะเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงดีเหมือนกันเพราะเธอเองก็ลืมไปแล้วว่ามีมิซากิแข่งด้วย

    “เอาน่าอย่าใส่ใจไปเลยแก้วยังไงมันก็แค่เกม ต้องมีแพ้มีชนะกันบ้างเป็นธรรมดา แต่ว่ามิซากิในฐานะผู้ชนะเธอจะสั่งอะไรพวกเราล่ะ”

    เฟรนดี้หันไปถามมิซากิว่าเธอจะสั่งให้ทำอะไรในวันนี้ ซึ่งมิซากิก็ทำท่าคิดอยู่สักพักก่อนที่เธอจะเหลือบไปเห็นชุดที่คาดผมแฟนซีที่ตั้งขายอยู่ในร้านใกล้ๆ

    “ถ้ายังงั้นเอาเป็นอันนี้ก็แล้วกัน” มิซากิยิ้มออกมาอย่างสนุกสนานพร้อมกับวิ่งตรงไปที่ร้านขายชุดที่คาดผมแฟนซีทันที

    มิซากิจัดการหยิบที่คาดผมรูปหูสุนัขจิ้งจอกสีส้มขึ้นมาอันหนึ่งพร้อมกับเอ่ยต่อ

    “วันนี้พวกเธอต้องแต่งตัวตามที่ฉันต้องการหนึ่งวัน” มิซากิกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน ต่างกับผู้แพ้อีกสองคนที่เริ่มเห็นนรกอยู่รำไร

    “ว้าว!! คุณฮาสึโนะสวยมากเลยค่ะ เซ็กซี่สุดๆไปเลย”

    โทโมเอะกล่าวพร้อมกับมองฮาสึโนะที่สวมใส่ที่คาดผมรูปหูสุนัขจิ้งจอกอย่างหลงใหล พวงหางสีส้มที่สะบัดไปอยู่ข้างหลังเองก็ดูน่าดึงดูดและเข้ากับชุดกิโมโนสีแดงของเธอแบบสุดๆ

    “น่าอายจะตายไปทำไมฉันต้องมาแต่งชุดแบบนี้ท่ามกลางผู้คนด้วยเนี้ย” ฮาสึโนะจับหูจิ้งจอกของตัวเองพร้อมกับก้มหน้าอายสุดๆ

    “ของเธอนะยังดี ดูของฉันสิ”

    เฟรนดี้พูดพร้อมกับลูบคลำหูกระต่ายสีขาวน่ารักสดใสของตัวเองอย่างไม่ชอบใจนัก เพราะการที่จับกอธโกธิคอย่างเธอมาแต่งชุดกิโมโนสีขาวพร้อมกับหูกระต่ายสีเดียวกันนั้นมันช่างเป็นการทำร้ายจิตใจเธอทางอ้อมชัดๆ

    “คุณกระต่ายขาวล่ะ คุณกระต่ายขาว”

    “เย้ๆคุณกระต่ายขาว”

    พวกเด็กๆที่เดินอยู่ในงานก็ต่างเข้ามาทักทายเฟรนดี้กันอย่างล้นหลาม ดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นที่รักของพวกเด็กๆไปซะแล้ว

    “ไม่นะพวกเธอช่วยฉันด้วย!!”

    เฟรนดี้กล่าวออกมาพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งเครียด เพราะพวกเด็กๆนั้นมันเป็นของแสลงสำหรับเธอที่นับถือความมืดอย่างแท้จริง ด้วยความที่ว่าพวกเด็กๆนั้นมักที่จะสว่างสดใสและบริสุทธิ์เหมือนกับเหล่าเทวดาตัวน้อยๆนั้นเอง

    พวกอากาเสะและฮาสึโนะต่างก็หัวเราะกันออกมาอย่างสนุกสนาน เพราะพวกเธอเองก็ไม่เคยเห็นเฟรนดี้ที่วุ่นวายใจแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน


    เวลาห้าโมงเย็นพวกอากาเสะและฮาสึโนะก็ต่างขึ้นศาลเจ้าไปไหว้พระและขอพร และเมื่อเสร็จสิ้นแล้วพวกเธอก็ลงมาหาเฟรนดี้และยามิที่ยืนรออยู่ข้างล่าง

    “พวกเธอไม่คิดที่จะขอพรอะไรบ้างเลยเหรอ?” อากาเสะถามอย่างแปลกใจเพราะเห็นว่าเฟรนดี้และยามิไม่ได้เดินขึ้นไปด้วย

    “ไม่รู้สิฉันเองก็ทะเลาะกับพวกเทพอยู่เป็นประจำเรื่องทางเข้า ก็เลยไม่รู้จะไปขอพรอะไรจากพวกมันดี” เฟรนดี้ตอบพร้อมกับยักไหล่ส่ายหน้าไปตามประสา

    “ฉันเองก็ไม่คิดจะขออะไรเหมือนกันค่ะ เพราะฉันคิดว่าคนเราจะสมปรารถนาได้นั้นต้องเริ่มจากการลงมือทำก่อนนะค่ะ”

    ยามิตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เพราะตอนนี้ถึงเธอจะไม่ได้ขออะไรเธอก็มีความสุขมากพออยู่แล้ว ด้วยความที่เธอมีเพื่อนๆที่แสนดีอยู่ข้างๆ ต่างกับความโดดเดี่ยวของเธอที่ต้องอยู่ในขอบรั้วอันมืดมนของตระกูลนากามูระที่ถ้าไม่แข็งแกร่งก็จะต้องถูกฆ่า

    “อย่างนั้นเหรอ? ถ้างั้นเอาเป็นว่าพวกเธอสองคนรออยู่ตรงนี้ก่อนแล้วกันเดี๋ยวพวกเราจะไปเอากระดาษขอพรจากที่นั่นมาเขียนคำขอพรกัน”

    อากาเสะกล่าวพร้อมกับชักชวนคนที่เหลือไปเอากระดาษขอพรจากศาลเจ้าที่เขาแจกจ่ายให้ และทิ้งให้ยามิและเฟรนดี้อยู่กันแค่สองคน

    เมื่อเห็นทั้งหมดเดินจากไปแล้วยามิก็เอ่ยขึ้นมากับเฟรนดี้

    “คุณเฟรนดี้ค่ะ ฉันขอตัวไปทำธุระสักพักหนึ่งนะค่ะ”

    “ได้สิ แต่อย่านานนะฉันขี้เกียจรอ”

    ยามิพยักหน้ารับพร้อมกับเดินไปยังสวนต้นไม้ที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งความจริงเธอเองก็รู้สึกตัวมาได้สักพักแล้วว่ามีคนติดตามอยู่ และเธอเองก็รู้เป็นอย่างดีว่าใครที่ติดตามเธอมาจึงไม่อยากให้เพื่อนๆของเธอต้องมายุ่งเกี่ยวด้วย

    “ออกมาได้แล้วค่ะ ท่านหัวหน้าพ่อบ้านฮายาชิ”

    “อืม...ฉันนึกว่าเธอลืมชื่อฉันไปซะแล้วนะเนี้ย เห็นท่าทางเธอมีความสุขซะขนาดนั้น”

    หัวหน้าพ่อบ้านฮายาชิเอ่ยพร้อมกับเดินออกมาจากหลังต้นไม้




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×