NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SM] รักอันตราย ร้ายเกินต้านทาน DANGEROUS SECRET

    ลำดับตอนที่ #11 : EP.10 – ผู้ต้องสงสัย

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 66


    EP.10 – ผู้ต้องสงสัย

     

    เมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวแบบนี้สักทีหะไอ้น่านฟ้า! แกรู้ไหมว่าฉันปวดประสาทกับแกมากแค่ไหนน่ะ!พ่อเริ่มต้นบ่นผมด้วยคำพูดประโยคเดิม ๆ ผมจึงเอนตัวลงนอนพลางคว้ารีโมตมาเปิดทีวี ฉันพูดกับแกอยู่นะไอ้ลูกไม่รักดี! ช่วยทำตัวให้มันสมกับเป็นลูกนายพลหน่อยได้ไหม!

    พ่อคว้ารีโมตจากมือผมแล้วกดปิด ท่านถอนหายใจหนัก ๆ เหมือนไม่รู้จะด่าว่าอะไรลูกชายอย่างผมดี

    แกรู้ไหมว่าฉันต้องอับอายแค่ไหนที่ลูกชายคนเดียวของท่านนายพลก้องภพทำตัวเสเพลจนกระทั่งถูกรีไทร์ออกจากมหาวิทยาลัย! ฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วไอ้น่าน!

    ท่านนายพลก้องภพ หรือ พลตำรวจโทก้องภพ ภัครนารายณ์ ส่งสายตาดุดันที่คนรอบข้างต่างหวาดกลัวมาทางผม หากทว่ามันกลับใช้ไม่ได้ผลกับลูกชายอย่างผมสักนิด สิ่งที่ท่านพูดนั้นถูกต้องทั้งหมด ผมมีเรื่องต่อยตีกับน้องชายของไอ้ซันเมื่อหนึ่งปีก่อน และตอนนั้นผมพลั้งมือทำร้ายมันจนอาการปางตาย ส่งผลให้ทางมหาวิทยาลัยรีไทร์ผมให้พ้นจากสภาพนักศึกษาในเวลาต่อมา

    หลังจากนั้นผมก็ทำตัวเสเพลไปวัน ๆ ไม่สนใจจะกลับไปเรียนต่ออีกแม้จะถูกพ่อคาดคั้นและต่อว่ามากแค่ไหนก็ตาม ความจริงท่านไม่มีเวลามาใส่ใจผมมากนักหรอก ด้วยหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของท่านนั่นแหละ ไอ้ยศถาบรรดาศักดิ์ที่ท่านภูมิใจนักภูมิใจหนา โดยที่ท่านไม่รู้ตัวเลยว่ากว่าจะได้มันมานั้นท่านต้องแลกกับอะไรบ้าง

    ทั้งความสุขในครอบครัวและชีวิตของแม่ผมไง

    ถ้าอายมากก็ส่งผมกลับอเมริกาสิ

    ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยชา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพ่อต้องตามตัวผมให้กลับมาเรียนที่นี่ด้วย ท่านส่งผมไปเรียนอเมริกาตั้งแต่อายุแปดขวบ ผมต้องใช้ชีวิตอยู่กับพี่เลี้ยง และเติบโตขึ้นมาท่ามกลางเมืองใหญ่โดยไม่เคยได้รับคำสั่งสอนหรือความรักความห่วงใยจากผู้เป็นพ่อเลยสักนิด มีเพียงเงินในบัญชีทุกเดือนเท่านั้นนั่นแหละที่บ่งบอกให้รู้ว่าพ่อผมยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

    และหลังจากผมเรียนจบไฮสคูลท่านก็สั่งให้ผมย้ายกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองไทย ให้กลับมาทั้ง ๆ ที่ท่านไม่เคยจะสนใจหรือใส่ใจอะไรผมเลยสักนิด แล้วอย่างนี้จะตามผมกลับมาตั้งแต่แรกทำไม?

    กลับอเมริกาเหรอ? แกคิดว่าฉันจะส่งแกกลับไปผลาญเงินฉันเล่น ๆ อีกหรือไงหะ! และเตรียมตัวไว้เลยนะ เพราะตั้งแต่นี้ต่อไปแกจะต้องไปเรียนที่มหาลัย GBAC!”

    ว่าไงนะ?” ผมหันกลับไปมองผู้เป็นพ่อที่มองกลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง ทำไมผมต้องไปเรียนที่นั่น? พ่ออย่าบังคับผม!

    เพราะตอนนี้แกตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมหมู่ยังไงล่ะ!

    ฆาตกรรม? หมายความว่ายังไง?”

    เริ่มรู้สึกถึงเค้าลางความวุ่นวายตงิด ๆ ขึ้นมาแล้ว เหมือนความสงบสุขของผมเริ่มสั่นคลอนยังไงก็ไม่รู้

    เดี๋ยวฉันอธิบายเองอากฤษขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น พ่อจึงเบี่ยงตัวหลบออกไป หลานจำเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะหมดสติไปได้ไหม?”

    ฮะผมเข้าไปช่วยผู้ชายคนหนึ่งจากการถูกพวกไอ้ซันรุมทำร้าย แล้วหลังจากนั้นมันก็ใช้ไม้ฟาดผมจนสลบไปผมเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ พลางสบตาอากฤษจริงจัง แล้วสรุปมันเกิดอะไรขึ้นครับคุณอา?”

    ตอนพวกเราเข้าไปพบหลานน่ะ รอบตัวของหลานเต็มไปด้วยศพคนตาย…”

    ว่าไงนะฮะ! ศพใคร?”

    ศพของนายซันและพรรคพวกอากฤษตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผมถึงกับชะงักนิ่งไปเลย มันจะเป็นไปได้ยังไงกันในเมื่อก่อนที่จะหมดสติไปผมยังเห็นไอ้พวกนั้นยืนหัวเราะเยาะอยู่เลย

    ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากนั้นพวกมันจะถูกฆ่าตายทั้งหมด!

    ฝีมือใครฮะ? มันเป็นไปได้ยังไงกัน? พวกนั้นเกือบสิบคนเลยนะ!

    มันเป็นไปแล้ว และตอนนี้เหลือแกคนเดียวเท่านั้นที่เป็นทั้งพยานปากเอกและผู้ต้องสงสัยในเวลาเดียวกันพ่อพูดน้ำเสียงเข้ม ท่านดูเคร่งเครียดไม่ต่างจากอากฤษสักนิด

    ผมคนเดียว? แล้วผู้ชายอีกคนล่ะฮะ? คนผมสีควันบุหรี่ที่ผมเข้าไปช่วยน่ะผมถามถึงคนที่เป็นต้นเหตุในการเจ็บตัวครั้งใหญ่ของผม

    ไม่มีตรงนั้นไม่มีใครเลยนอกจากแกและศพของไอ้พวกนั้น

    เฮ้ย! หมอนั่นเจ็บปางตายเลยนะพ่อ! จู่ ๆ จะหายตัวไปได้ยังไง?” ผมร้องลั่น มันเป็นเรื่องจริงที่สุด ร่างของหมอนั่นโชกเลือดแถมยังสลบไปแบบนั้น ไม่มีทางที่จะลุกขึ้นมาเดินเหินได้เด็ดขาด

    นี่มันชักจะแปลก ๆ แล้วนะ!

    ก็นั่นน่ะสิ เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงจะส่งแกไปเรียนที่มหาลัย GBAC” พ่อวกกลับมาเข้าเรื่องเดิม ผมขมวดคิ้วยุ่งเพลางเหลือบตามองอากฤษที่นอกจากจะเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยนั้นแล้ว ท่านยังเป็นเจ้าของที่นั่นอีกต่างหาก ผมจึงไม่คิดจะเลือกเรียนที่นั่นตั้งแต่แรกเพราะไม่อยากอยู่ใต้การควบคุมดูแลของพ่อและน้องชายของท่านด้วย และรู้เอาไว้เลยว่าฉันไม่มีทางใช้เส้นสายของตัวเองเพื่อช่วยแกให้พ้นคดีโดยเด็ดขาด! อยากก่อเรื่องดีนักก็จัดการเอาเอง!

    ทำไมผมต้องไปเรียนที่นั่นด้วยฮะ?”

    ผมถอนหายใจอีกรอบก่อนหันมาถามอากฤษติณห์ น้องชายเพียงคนเดียวของพ่อผม น่าแปลกที่ผมกลับสบายใจที่จะคุยกับอากฤษมากกว่าคุยกับพ่อตัวเองด้วยซ้ำ

    ก็พ่อผมน่ะเคยพูดจาดี ๆ กับผมที่ไหนกันล่ะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×