คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : · KRISBAEK · Last Christmas
Last Christmas
ค่อยๆเปิดกล่องที่ปิดผนึกเอาไว้
ฟื้นเอาความทรงจำของสองเราที่สร้างร่วมกันเมื่อฤดูหนาวที่แล้ว
หิมะสีขาวสะอาดร่วงหล่นจากท้องฟ้ามืดมิดที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยหลอดแอลอีดีหลากหลายสี ดูราวกับเป็นดวงดาวที่มนุษย์สร้างขึ้นปลุกชีวิตยามค่ำคืนให้ดำเนินต่อ อุณหภูมิติดลบต่ำ อากาศเย็นจัดปกคลุมไปทั่วพื้นที่สี่เหลี่ยมไม่ใหญ่ไม่เล็กมากแห่งนี้ เวลาที่ผู้คนเลือกนอนหลับพักผ่อนอยู่กับเตียงกว้าง และสร้างความอบอุ่นให้ตนเอง หากแต่ยังมีร่างหนึ่งที่ยังคงตื่นอยู่
ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองทัศนียภาพเมืองโอซาก้าที่ถูกฤดูสีขาวสะอาดยึดครอง ลูกแก้วใสสะท้อนภาพดวงไฟหลากสีที่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงามเรียงรายยาวไปสุดลูกหูลูกตา รอยยิ้มบางๆแต่งแต้มบนเรียวปากบางเฉียบขณะที่ฝ่ามือเรียวกระชับผ้าพันคอสีแดงสดเข้ากับลำคอเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า คอนเสิร์ตวันที่สามของพวกเขาทั้งสิบคนก็จบลงด้วยดี ท่ามกลางรอยยิ้มและกำลังใจที่แฟนๆชาวญี่ปุ่นส่งมอบมาให้คนบนเวที แม้ต่างชาติต่างภาษาแต่รอยยิ้มของคนที่สนับสนุนเขาให้มีชื่ออยู่บนวงการก็สามารถดับความเหนื่อยลงไปได้มาก ขณะที่สมาชิกอีกเก้าคนเลือกที่จะนอนพักเอาแรง แต่แบคฮยอนไม่คิดจะทำ เพราะคืนนี้...เป็นคืนที่พิเศษเกินกว่าที่เขาจะปล่อยให้มันเลยผ่านไปได้
ค่ำคืนวันที่ยี่สิบสี่ธันวาคม คืนที่หลายครอบครัวเฝ้ารอ เขาเองก็นึกถึงบรรยากาศของวันคริสมาสต์ที่มีต้นไม้ต้นใหญ่ประดับประดาไปด้วยของตกแต่งหลากสี นึกถึงกล่องของขวัญที่เมมเบอร์ทุกคนตั้งใจเลือกเพื่อที่จะได้แลกเปลี่ยนกัน และนึกถึงรอยยิ้มแห่งความสุขที่ไม่เคยจืดจางไปแม้ช่วงเวลานั้นจะผ่านไปจนกำลังจะครบหนึ่งปีในไม่กี่วินาทีข้างหน้า
เขาจำได้แม่น ยี่สิบสี่ธันวาคมปีสองพันสิบสาม พวกเราทั้งสิบสองคนฉลองคริสมาสต์พร้อมกับถ่ายทำรายการวาไรตี้ไปด้วย ของขวัญที่แบคฮยอนได้คือชานมไข่มุกรสช็อกโกแลตของเซฮุนซึ่งทั้งสองแก้วก็ถูกแชร์โดยคิมจงแดจนหมดแก้วในไม่ช้า
แต่รู้อะไรมั้ย คริสมาสต์ปีที่แล้วแบคฮยอนได้ของขวัญล้ำค่ามากยิ่งกว่านั้น...
15th December 2013
ดวงตาเรียวรีหรี่มองเกล็ดหิมะบางๆที่ปลิวไปตามแรงลม รอยยิ้มถูกเผยออกมาจนแก้มสองข้างดันดวงตาให้โค้งขึ้นเป็นขีด ปลายนิ้วแตะที่กระจกใสของยานพาหนะที่เขานั่งอยู่ราวกับต้องการสัมผัสละอองน้ำแข็งสีขาวสะอาดนั้น เพียงแค่เห็นหิมะแรกก็ทำให้แบคฮยอนยิ้มออกมาได้อย่างง่ายได้ นั่นเพราะวันนี้คนตัวเล็กอารมณ์ดีเสียยิ่งกว่าใคร
รถยนต์สีขาวชะลอตัวขณะเคลื่อนผ่านหลังคาสูงเข้าตัวอาคาร ไม่เห็นหิมะแล้วแต่ริมฝีปากเรียวบางของเมนโวคอลตัวเล็กยังคงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม เขาได้ยินเสียงเมเนเจอร์ปลุกจงแดกับคยองซูที่นอนหลับคอพับอยู่อีกฝั่ง ทั้งคู่บ่นอะไรสักอย่างซึ่งแบคฮยอนไม่อาจจับใจความได้เพราะไม่ได้สนใจมากเท่าใดนัก ร่างเล็กเร่งกวาดโทรศัพท์มือถือและหูฟังใส่ลงในกระเป๋าเสื้อโค้ทและเปิดประตูออกไปทันที
แบคฮยอน คยองซู จงแด และลู่หานเดินตามกันขึ้นมาจนถึงหน้าประตูหอพัก ทั้งสี่คนที่มีรายการวิทยุตอนกลางคืนยืนชิดกันพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาระบายความหนาวขณะรอให้เมเนเจอร์เปิดประตู หอพักมืดสนิท เมมเบอร์ทั้งแปดคนคงเลือกจะนอนหลับมากกว่าตั้งหน้าตั้งตารอพวกเขากลับบ้าน ซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้ทีมที่เพิ่งมาถึงแปลกใจแต่อย่างใด
แบคฮยอนเดินตรงมาที่บานประตูห้องนอนริมสุด เขาปฏิเสธจงแดที่ชวนอาบน้ำด้วย และเดินย่องเข้ามายังห้องสี่เหลี่ยมที่ใช้เป็นี่พักผ่อนมาหลายเดือนแล้ว
“หลับอ่อ...ฮยอง”
คนตัวเล็กส่งเสียงเรียกเบาๆ ทว่าไม่มีคำตอบ ดวงตาที่เริ่มปรับให้ชินกับความมืดหรี่มองไปยังโปงผ้าห่มที่มีร่างของคนที่บอกว่าจะรอนอนคุดอยู่ เห็นแค่นั้นแบคฮยอนก็เบ้ปากและอดไม่ได้ที่จะฟาดลงไปบนก้อนกลมๆนั่น แต่อีกคนก็ไม่ได้มีอาการสะทกสะท้าน ยังคงนอนเหยียดยาวต่อจนคนตัวเล็กต้องก้าวขึ้นมาประทุษร้ายก้อนมนุษย์ที่นอนหลับอุตุด้วยการตีรัวๆไปที่แผ่นหลังกว้าง
“เฮ้ย ฮยอง! แกล้งหลับเหรอ!”
ตัวแสบโวยลั่นเมื่อถูกเอาคืนโดยคนตัวโต สองแขนยาวล็อกข้อมือเรียวทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา ก่อนจะดึงเข้าหาตัว กอดก่ายร่างเล็กแทนหมอนข้างเน่าที่ถูกถีบตกเตียงไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“หมอนข้างนิ่มจัง งืม”
เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ชิดผิวขาว พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่ซุกอยู่ที่ซอกคอ แบคฮยอนหลุดยิ้มออกมาทั้งๆที่มือยังหยิกเอวคนขี้แกล้งไม่หยุด จนกระทั่งถูกหอมแก้มแรงๆนั่นแหละถึงได้เลิกทำร้ายร่างกายอีกคน
“คริสฮยอง พอแล้ว”
“พออะไรเล่า ก็เราตัวนิ่ม น่าฟัด”
ว่าจบก็รัดร่างเล็กแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว กดปลายจมูกลงบนเนื้อแก้มนิ่มอย่างมันเขี้ยวจนคนตัวเล็กหัวเราะออกมาด้วยความจักจี้ ยอมนอนให้คริสฟัดจนพอใจ
“ไลฟ์วันนี้โอเคใช่มั้ย”
“แน่นอนสิ แบคฮยอนซะอย่าง”
ร่างเล็กตอบประโยคนั้นพร้อมกับรอยยิ้มทะเล้น ก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อถูกดึงเข้ามากอดพร้อมกับคาร์ดิแกนตัวใหญ่ที่โอบรัดเขาจนแนบชิดกับผิวกายอบอุ่น ตอนนี้ทั้งคู่เหมือนกำลังใส่เสื้อตัวเดียวกัน แบคฮยอนยิ้มพร้อมกับแนบแก้มเย็นๆของตัวเองลงกับไหล่กว้าง สอดมือกอดเอวสอบอย่างออดอ้อน
“ถึงจะดีแต่ก็เหนื่อยจังเลย เหนื่อยมากๆ”
“เหรอ เมื่อกี้ยังหยิกฮยองแรงๆได้อยู่เลยนะ”
คริสยิ้มให้กับประโยคอู้อี้ของคนในอ้อมกอด เขาได้เสียงขู่ในลำคอเป็นการตอบแทน และมันน่ารักเสียจนต้องยิ้มกว้างๆออกมา
นานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เขามองว่าเด็กผู้ชายคนนี้น่ารักกว่าคนอื่น ทั้งๆที่พี่ใหญ่หลายคนในวงส่ายหน้าให้กับความแสบสันและกวนประสาทเวลาที่ปากเล็กๆเอ่ยแซวชาวบ้านไปทั่ว แต่สำหรับคริสมันน่าเอ็นดูขึ้นทุกครั้ง และแบคฮยอนทำให้เขาอยากบีบแก้มกลมๆนั่นแรงๆให้แตกคามือ
ในช่วงที่รู้จักกันแรกๆเขาก็ทำได้เพียงในความคิด อย่างมากก็แค่หัวเราะตามเวลาที่แบคฮยอนทำอะไรตลกๆ แต่เมื่อทั้งเคและเอ็มย้ายมาโปรโมทรวมกัน เด็กคนนี้ก็หาทางเข้าใกล้เขาถี่ขึ้น โดยให้เหตุผลที่ว่า ผมคิดว่าเราเหมือนกันมาก น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ และนั่นมันทำให้ช่องว่างของพวกเขาแคบลงเรื่อยๆ
จนกระทั่งฝ่ามือสามารถสัมผัสกันได้
แบคฮยอนเป็นฝ่ายยื่นมือมาหาเขาในตอนแรก ยิ้มแล้วบอกว่า ผมชอบฮยองมากกว่าพี่ชายแล้วล่ะ ความรู้สึกแรกคืออึ้ง แน่นอนว่าเขาไม่เคยถูกเด็กผู้ชายสารภาพรักมาก่อนในชีวิต คริสไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ไม่ได้ปฏิเสธซะทีเดียว เรายังอยู่ด้วยกัน คุยกัน เล่นกันอย่างปกติ แบคฮยอนไม่ทำให้เขาอึดอัดกับคำว่า มากกว่าพี่ชาย ของเด็กคนนั้น”
“คืนนี้นอนด้วยนะ”
ประโยคออดอ้อนที่ถูกส่งมาทำลายภวังค์ของคริส และแทนที่ด้วยดวงตาเรียวสีเข้มที่เงยมองเขาเป็นเชิงขออนุญาต แน่นอนว่าการได้หมอนข้างนุ่มนิ่มแถมหน้าตาน่ารักนอนกอดคลายหนาวทั้งคืนย่อมดีกว่าตุ๊กตาอัลปาก้าเน่าเป็นไหนๆ คริสตอบตกลง พร้อมกับสอดมือรั้งเอวแบคฮยอนเข้ามาชิด และกอดรัดร่างเล็กไว้แนบอก
“นี่แบคฮยอน”
“หืม มีอะไรอ่ะ”
“เราชอบวันคริสมาสต์มั้ย”
“ชอบสิ”
“งั้นปีนี้ฮยองจะทำให้เราชอบมันมากกว่าเดิม”
...
40%
Just like the Christ mas day
คล้ายกับวันคริสมาสต์ ที่ผมเฝ้ารอมาตลอด
19th December 2013
แบคฮยอนที่กำลังแหกปากร้องท่อนฮุคของเพลง Christmas day ชะงักทันทีเมื่อฝ่ามืออรหันต์ของคยองซูโบกเน้นๆมาที่กบาลเขาจนผมสีแดงปลิวกระจาย ใบหน้าน่ารักเอ๋อไปเล็กน้อยท่ามกลางเสียงหัวเราะของลู่หานที่เห็นเหตุการณ์นั้นจะๆ แน่นอนว่าแบคฮยอนไม่กล้าหันไปทำอะไรคยองซูหรอก เขาได้แต่นั่งนิ่งหน้ากระจกแล้วฮัมเพลงในลำคอแทน
คนกำลังอิน ทำไมชอบขัดความสุขก็ไม่รู้!
คิดในใจพลางหยิบที่คาดผมเขากวางสีแดงมาสวม เขาเพิ่งได้เป็นรางวัลจากวาไรตี้ที่เพิ่งอัดเสร็จเมื่อครู่นี้เอง มือเล็กประคองสิ่งที่อยู่บนศีรษะแล้วหันไปหาลู่หานที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือ
“ฮยอง เข้ากับผมมะ”
แบคฮยอนทำนิ้วเป็นรูปตัวแอลวางไว้ใต้คาง เก๊กหน้าซูเปอร์โมเดลใส่พี่ชายชาวจีนที่หลุดหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู
“เหมาะๆ น่ารักดี ฮ่าๆๆ”
ยิ่งคนพี่หัวเราะชอบใจแบคฮยอนยิ่งเปลี่ยนท่าตลกๆจนลู่หานเอื้อมมือมาหยิกแก้มเพราะมันเขี้ยวเหลือเกิน กระโดดไปมาพร้อมกับเขากวางประจำตำแหน่งได้ไม่นาน ประตูห้องแต่งตัวก็เปิดออก พร้อมกับคิมจงแดและเมมเบอร์ที่เหลือทยอยเดินเข้ามา ทั้งหมดนอกจากโวคอลไลน์อยู่ในชุดต้นคริสมาสต์ (เสื้อเชิ้ตสีเขียวกับกางเกงยีนส์ แบคฮยอนเรียกชุดนี้ว่าต้นคริสมาสต์)
“ฮยอง!”
เสียงโวยวายนั้นเล่นเอาคนที่เป็นฮยองหลายคนในกลุ่มเลิกคิ้วงงๆว่าสรุปแบคฮยอนเรียกใครกันแน่ แต่ก็สงสัยได้ไม่นาน เพราะเจ้าตัวกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งหน้าบานมาหาคนตัวสูงที่สุดในกลุ่ม พร้อมกับคว้ามือสองข้างของคริสไปจับเขากวางสีแดงบนหัวตัวเอง
“น่ารักป่ะ น่ารักมั้ย”
เมมเบอร์กลุ่มใหญ่ส่ายหัวไปตามๆกัน แต่ก็เริ่มชินเสียแล้ว เพราะพักนี้แบคฮยอนน่ะ อะไรๆก็คริสฮยองไปเสียหมด
“กวางอะไรคิ้วบ๊างบาง”
“ย่า! เงียบไปเลยเทา”
แบคฮยอนหันกลับไปแตะหน้าแข้งเด็กโข่งที่หัวเราะเสียงแหลมสูงชี้หน้าเขาแบบลืมอาวุโส คริสยกยิ้มพร้อมกับดึงร่างเล็กมาข้างหลังแล้วโบกมือไล่จื่อเทาไปก่อนที่จะถูกแบคฮยอนจองเวรมากไปกว่านี้ ซึ่งเจ้ามักเน่ชาวจีนก็ยิ้มล้อเลียนเล็กน้อยก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับชานยอลและเซฮุนแทน
"ผมบอกนูนาแล้วนะว่าถ้าเปิดผมก็ให้เขียนคิ้วให้หน่อย นูนาก็ไม่ยอมทำ ดูดิ แถมยังบอกอีกว่าคอนเซ็ปนี้ก็ต้องโปร่งๆโล่งๆแบบนี้แหละ"
“ฟ้องใหญ่เลย ฮ่าๆ แบบนี้ก็ดูดีแล้วน่า”
คริสยื่นมือมาบีบปากที่บู้ออกของแบคฮยอนอย่างมันเขี้ยว เขายิ้มขำท่าทางฟึดฟัดนั่นเล็กน้อย อยากจับมาฟัดอยู่หรอก แต่ติดที่คนเยอะเกินไปน่ะสิ
“เด็กๆ ไปเตรียมตัวสแตนด์บายได้แล้ว”
เมเนเจอร์เปิดประตูเข้ามาบอก ทั้งห้าคนที่ต้องเพอร์ฟอร์ม Miracles in December ก็ลุกจากที่นั่ง แบคฮยอนโน้มตัวลงกอดคริสหลวมๆ พร้อมกับบอกให้ไปยืนเชียร์ด้วยนะ ซึ่งลีดเดอร์ตัวสูงก็ไม่ได้อิดออดอะไร ยอมเดินตามออกมาจนถึงหน้าเวทีที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม คริสยืนกอดอกอมยิ้มมองแบคฮยอนในชุดสีขาว ร่างเล็กที่ยืนบนเวทีกำลังตั้งใจทำสมาธิ สีหน้ามุ่งมั่นจริงจังจะแสดงออกมาทุกครั้งเวลาที่อยู่บนเวที นั่นเพราะพวกเขาทุกคนล้วนอยากให้สิ่งที่แฟนๆรอคอยออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้
สตาฟฟ์ของทางเอ็มเน็ทเดินมาเช็คไมค์ให้ทั้งสี่คน แบคฮยอนยืนโบกมือไปมาระหว่างรอคิว เขายิ้มไปทางแฟนๆและมองมาที่มุมเวทีซึ่งคริสกำลังยืนอยู่ รอยยิ้มฉีกออกกว้างมากขึ้นเมื่อเขาโบกมือกลับไป
“จำเป็นต้องยิ้มขนาดนั้นเลยรึไง”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังทำลายความเงียบเล่นเอาร่างสูงแทบสะดุ้ง คริสหันมองชานยอลที่เดินมาตั้งแต่ไม่ไหร่ไม่ทราบพลางเลิกคิ้วถามเชิงว่าเมื่อกี้พูดอะไร ซึ่งเด็กหนุ่มตัวสูงก็ส่ายหน้าแล้วจ้องมองไปยังเวทีแทน
การอัดไลฟ์ของวันนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงเปียโน ทำนองเพลงช้าหวานหูดำเนินไปเรื่อยๆ สามนาทีกว่าที่คนตัวสูงทั้งสองจับจ้องที่เวทีโดยไม่ละสายตา โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ว่ากำลังจับจ้องไปที่จุดหมายเดียวกัน จนกระทั่งการแสดงจบลง แฟนๆส่งเสียงต้อนรับอย่างร้อนแรง ทั้งห้าคนก้มหัวโค้งขอบคุณ ก่อนจะทยอยเดินเรียงกันลงมาจากเวที แบคฮยอนป็นคนสุดท้ายที่ลงมาได้ แต่เป็นคนแรกที่วิ่งมาถึงบริเวณที่คริสกับชานยอลยืนอยู่
“เก่งมาก”
เห็นหน้าก็รู้เลยว่าอยากได้คำชม คริสเลยเอ่ยบอกแบบนั้นก่อนที่อีกคนจะทวง แบคฮยอนจึงยิ้มกว้างจนตาหยี เสียงเจื้อยแจ้วขยันเล่าเหตุการณ์เมื่อครู่ให้คนข้างกายฟัง พร้อมกับวาดมือไม้ออกท่าทางอย่างน่าเอ็นดู ท่อนแขนยาวโอบรอบไหล่บาง กระชับเข้ามาใกล้เมื่อถึงประตูทางเข้าแบ็คสเตจซึ่งสามารถเดินผ่านได้เพียงคนเดียว
เมื่อมาถึงห้องแต่งตัว เมเนเจอร์ก็รีบบอกให้ทุกคนเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับหอพัก หลายคนส่งเสียงล้อเลียนเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนตัวติดกับคริสอีกแล้ว คนถูกแซวก็ใช่ว่าจะเขิน ยิ้มรับแถมยังกอดแขนฮยองเสียแน่น
ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ มีใครคนหนึ่งที่ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง รอยยิ้มเบาบางแต่งแต้มบนมุมปากอิ่ม เขาไม่ได้รู้สึกสนุกไปกับบรรยากาศสดใสที่กำลังเป็นอยู่ ไม่มีแม้ความรู้สึกอยากจะฝืนทำตัวร่าเริงอย่างที่เป็นมาตลอด
ที่เป็นแบบนี้ เพราะมันใกล้วันคริสมาสต์ขึ้นมาทุกที...
และเขาคงเกลียดคริสมาสต์ปีนี้มากที่สุด
...
22nd December 2013
การซ้อมคอนเสิร์ต SMtown Week เริ่มหนักหน่วงขึ้นทุกทีเมื่อใกล้วันงาน กว่าจะร้อง เต้น ซ้อมคิวได้อย่างใจเหล่าสตาฟฟ์ก็ปาเข้าไปดึกดื่นค่อนคืน หลังจากกลับมาจากบริษัทจึงไม่แปลกที่ไฟทุกห้องจะปิดเงียบ ไร้เสียงตัวกวนเจ้าประจำเพราะสลบเหมือดกันไปหมด
ล่วงเข้าคืนวันที่ยี่สิบสองมาสามชั่วโมงแล้ว อากาศภายในหอพักเอ็กโซอุ่นจัดอย่างทุกครั้ง หากแต่บรรยากาศเงียบสนิทในคืนนี้กลับถูกทำลายโดยเสียงทุ้มต่ำที่ฮัมเพลงในลำคอ แสงไฟดวงเล็กจากโคมไฟตั้งโต๊ะสว่างพอจะเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ตื่นอยู่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมของคริสจับจ้องไปที่กระดาษแข็งพับครึ่งที่แบอยู่ตรงหน้า มันถูกแต่งแต้มไปด้วยตัวอักษรภาษาเกาหลีที่ดูไม่ค่อยเป็นระเบียบ และรูปการ์ตูนที่คนวาดคิดว่ามันน่ารักและดูดีไม่เบา
“ฮยอง ไม่ยอมนอนอีกแล้วเหรอ”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังมาอีกด้านเรียกความสนใจจากคริสให้หันไปหา เขาพยักหน้ารับ ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่ แต่ไม่กี่นาทีต่อมา ปาร์คชานยอลดันเดินมาหยุดข้างๆแบบไร้เสียงเล่นเอาสะดุ้ง
“ทำอะไรน่ะ...การ์ดเหรอ?”
คริสหยิบกระดาษใบนั้นหนีเมื่อชานยอลยื่นมือมาและทำท่าจะหยิบมันไป เขาค้อนใส่อีกคนพร้อมกับเก็บมันซ่อนลงในกล่องสีแดงสดที่วางอยู่ไม่ไกลนัก
“ไม่ต้องซ่อนหรอก ผมรู้แล้ว”
“รู้อะไร กลับไปนอนได้แล้วน่า”
“รู้ว่าไอ้การ์ดนั่นฮยองทำให้ใคร อ้อ แล้วก็ของในกล่องใบนั้นด้วย”
ชานยอลกำลังยิ้มบางๆ ทว่าดวงตาของเขาไม่ได้ยิ้มตาม และคริสเองก็รับรู้ว่ามีสิ่งใดซ่อนอยู่ใต้เลนส์สีน้ำตาลคู่นั้นซึ่งเขาก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร มือหนาลูบลงบนกล่องกระดาษสีแดงที่ประดับโบว์สีทอง ชานยอลมองตามการเคลื่อนไหวนั้น ก่อนจะเลื่อนขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำของเจ้าตัว
“เชื่อใจฮยองใช่มั้ย จะดูแลให้ดีที่สุดเลย”
มันเป็นประโยคที่คริสพูดขึ้นมาลอยๆ หากแต่ชานยอลก็สามารถรับรู้ได้ มันคือประโยคที่แฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายของผู้พูด แต่มันก็สามารถดับแสงริบหรี่ในดวงตาอีกคนให้มอดลงได้ในไม่กี่วินาที
ในตอนนั้นชานยอลไม่รู้ว่าเขาควรจะต้องตอบว่าอะไร จึงมีเพียงรอยยิ้มที่ใช้แทนคำพูด
ยิ้มที่ไม่ได้มาจากความรู้สึกยินดีเลยสักนิดเดียว
...
แสงบนถนนค่อยๆขึ้นทีละดวงสองดวง
ฤดูสีขาวได้เข้ามาเยือนเสียแล้ว
24th December 2013
“และนี่คือ EXO! We are one! ขอบคุณคร้าบบบบบ”
มือที่ถูกจับกันเป็นทอดยกขึ้นชูเหนือศีรษะ ก่อนทั้งหมดจะโค้งหัวลงท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างอิ่มเอมของแฟนๆที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของ คอนเสิร์ต SMtown Week ในวันแรก ภาพแท่งไฟหลากสีโบกสะบัดไปมาท่ามกลางความมืดเป็นเหมือนแหล่งพลังงานที่มองไม่เห็น ผลักได้ให้ริมฝีปากของทุกคนบนเวทียิ้มรับทั้งๆที่เหนื่อยกายจนเหงื่อท่วม
แบคฮยอนโบกมือให้แฟนๆพร้อมๆกับพูด อันนยองงงง~ ใส่ไมค์อยู่แบบนั้น จนถึงเวลาต้องจบการแสดงจริงๆทั้ง EXO และ f(x) ก็ทยอยกันเดินกลับหลังเวที เสียงคุยดังปนกันมั่วเมื่อคนสิบเจ็ดคนอยู่รวมกัน แม้จะแยกไม่ออกว่าใครพูดอะไร แต่ที่สัมผัสได้คือความสุขและความประทับใจที่พวกเขาซึ่งเป็นผู้ให้ก็มีไม่น้อยไปกว่าแฟนๆเลย
หมวกขนรูปหมีสีขาวสะบัดไปมาตามจังหวะการโยกหัวของแบคฮยอนที่ยังร้องเพลงกระโดดไปมาไม่เลิก เขาแหย่คนนู้นคนนี้เล่นรอบห้องแต่งตัว ถึงแม้จะโดนบ่นโดนตีแต่ก็ฉุดความอารมณ์ดีให้น้อยลงมาไม่ได้จริงๆ
ทำไมน่ะเหรอ...ก็วันนี้คริสมาสต์อีฟไง!
เผื่อจำไม่ได้ เมื่ออาทิตย์ก่อนคริสเปรยๆกับเขาเรื่องวันคริสมาสต์ นี่แอบคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วว่าต้องมีอะไรแน่ๆ...อะไรแบบที่เขารอมาตั้งหลายเดือนน่ะ เพราะแบบนั้นแทนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับไปพัก แบคฮยอนเลยเอาแต่นั่งหมุนเก้าอี้หน้ากระจกเล่น
ติ๊ง
จนสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างหน้าส่งเสียงร้องเตือน แบคฮยอนชะโงกหน้ามองแจ้งเตือนบนล็อกสกรีน เขายิ้มกว้างมองข้อความที่ถูกส่งผ่านโปรแกรมแชท
อยากได้ของขวัญมั้ย? เปิดประตูแล้วเดินมาเรื่อยๆสิ
ร่างเล็กลุกขึ้นทำตามอย่างที่คริสบอกทันที สองขาของแบคฮยอนเดินออกมาจากห้องแต่งตัวอย่างไม่เร่งรีบ บริเวณทางเดินไม่มีใครอยู่แม้แต่สตาฟฟ์สักคน
เข้ามาสิ
ข้อความนั้นอยู่ในกระดาษเอสี่แผ่นหนึ่งที่แปะลงบนบานประตูสุดทางเดิน ปลายนิ้วเรียวสวยแตะมันเบาๆพร้อมกับที่ริมฝีปากเล็กถูกเจ้าตัวขบกัด แบคฮยอนเปิดประตูออกช้าๆ ความมืดเป็นสิ่งเดียวที่เห็น แต่คนตัวเล็กก็ไม่รีรอที่จะก้าวเท้าเข้าไป
“โอ๊ะ จับได้อะไรเนี่ย ลูกหมาเหรอ หน้าตาน่ารักซะด้วย...”
“ฮยองตกใจหมด!”
แบคฮยอนถองศอกใส่คนที่โอบเขาจากทางด้านหลังข้อหาทำให้ตกใจ ได้ยินเสียงคริสแกล้งร้องโอดโอยเหมือนว่าเจ็บนักหนาก็ยิ่งหมั่นไส้อยากจะหยกให้แขนเขียว แต่เขาดันถูกอีกคนเอาคืนโดนการก้มลงมางับปลายจมูกแทน พอแบคฮยอนทำท่าจะสู้ก็ถูกรัดเอวจนขยับไม่ได้ แถมด้วยการบีบพุงกะทิน้อยๆจนคนตัวเล็กหัวเราะคิกคักบอกให้คริสหยุดเล่น
“มีอะไรจะขอมั้ย ซานต้าคริสอยู่ตรงนี้แล้วนะครับ”
คนที่ออกตัวเป็นซานต้าก้มลงกระซิบชิดผิวแก้มขาว แบคฮยอนเหลือบตามองใบหน้าหล่อเหลาที่เกยอยู่บนไหล่ตน ก่อนจะรีบหันหน้ากลับมาอย่างเดิม เพราะทั้งจมูกและปากของคริสฝังลงบนแก้มเขาเต็มๆ คราวนี้ก็ได้แต่นึกขอบคุณที่ห้องนี้มันมืดจนอีกคนไม่มีทางเห็นริ้วเลือดฝาดบนแก้มเขาแน่ๆ
“เร็วสิ ถ้าแบคฮยอนขออะไร ฮยองจะให้หมดเลย”
“หมดเลยจริงเหรอ”
“อืม แน่นอนอยู่แล้ว”
ร่างเล็กของแบคฮยอนถูกจับหมุนมาเผชิญหน้ากับคนตัวสูง คริสจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังขมวดคิ้วราวกับกำลังค้นหาความปรารถนาสูงสุดของตัวเองเพื่อตอบเขา ฝ่ามือใหญ่จับประคองที่ผิวแก้มขาว และบังคับให้แบคฮยอนสบตา
“นึกออกยัง”
“ไม่ออก ไว้ค่อยขอดีกว่า ถึงตอนนั้นต้องให้ผมจริงๆนะ”
“ก็ได้ งั้นฮยองขอบ้าง”
“อะไรเล่า ผมไม่ใช่ซานต้าเสียหน่อย”
“เพราะเป็นแบคฮยอนนั่นแหละที่จะทำตามคำขอของฮยองได้ ซานต้าให้ไม่ได้หรอก”
แบคฮยอนขมวดคิ้วเมื่ออีกคนจบประโยค คริสอมยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างเอ็นดู เขาเลื่อนสายตาไปตามปลายนิ้วตัวเองที่ลากอ้อยอิ่งอยู่บนผิวเนียนละเอียด สายตาอยากรู้นั่นน่ารักน่าชังจนคนมองอดจนประทับริมฝีปากลงข้างขมับไม่ได้ คริสยังไม่ได้พูดอะไร เขาจรดเลื่อนสัมผัสอุ่นจัดลงมาที่ผิวแก้มขาว แบคฮยอนอุ่นมากจนแทบร้อน ดวงตาเรียวรีนั้นหลับลง เป็นวินาทีเดียวกับที่ไฟที่ประดับแต่งต้นคริสมาสต์นอกหน้าต่างเริ่มสว่างขึ้น และเขาก็ได้เห็นว่าแบคฮยอนน่ารักเพียงไร
“คบกันนะครับ”
ทุกสิ่งของแบคฮยอนหยุดลงตอนนั้น เขามองแพขนตาสีเข้มที่อยู่ไม่ห่างจากตนนัก มองเข้าไปในแก้วตาสีน้ำตาลและกอบโกยเอาความอบอุ่นที่คริสเพียรส่งผ่านมา แสงไฟหลากสีกระทบเสี้ยวหน้าหล่อเหลา ดวงดาวสีเหลืองสดบนยอดต้นคริสมาสต์สว่างขึ้นเป็นลำดับสุดท้าย เหมือนหัวใจของเขาที่ถูกทำให้สว่างไสวไปด้วยไฟแห่งความยินดี
ทั้งสวยงามและอบอุ่นไปในคราวเดียวกัน
อานุภาพของประโยคนั้นทำให้จังหวะการเต้นของอวัยวะสำคัญถี่รัวมากยิ่งกว่าเดิม...หากแต่อานุภาพของริมฝีปากหยักที่ประทับลงบนเรียวปากบางมันรุนแรงมากยิ่งกว่า แบคฮยอนรู้สึกถึงสัมผัสบางเบาราวกับขนนกแตะ สมองมึนเบลอ รู้ตัวอีกทีก็ไม่อาจเบนสายตาไปมองสิ่งอื่นได้อีก
“ครับ”
แบคฮยอนตอบกลับเพียงเท่านั้น แผ่วเบาทว่าคริสได้ยินมันอย่างชัดเจน เขาแย้มรอยยิ้มกว้างกระชับกอดอดีตน้องชายที่เพิ่งเลื่อนสถานะกลายเป็นแฟนหมาดๆเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว ลูกหมาตัวน้อยของเขาตัวแข็งทื่อ ดูท่าจะเขินไม่เบา ท่าจะลืมไปแล้วว่าตัวเองนะเคยบอกชอบเขาแบบหน้าตายมาแล้ว
“ฮยองมีอะไรจะให้ด้วย”
คริสว่า พร้อมกับดึงผ้าพันคอสีแดงสดบนลำคอตัวเองออกมา แล้วค่อยๆพันมันลงบนลำคอของอีกคนแทน ฝ่ามือหนาจับไหมพรมที่ปิดไปถึงปากแบคฮยอนให้ลงมาอยู่ใต้คาง คริสจับชายผ้าสีสวยที่ทิ้งตัวลงขึ้นมาประทับจูบแผ่วเบาลงไป มันมีตัวอักษร KB สีขาวถักทอปนกันสีแดงสดอย่างสวยงาม
“เอาไว้ใช้เวลานึกถึงฮยองนะ มันเป็นของเรา ฮยองก็เป็นของเรา”
“งื่อ...”
แบคฮยอนพูดไม่ออก เขาเดินเข้าหาคนตัวสูงกว่า และโถมตัวกอดคนที่เขารักแน่นๆแทนคำขอบคุณ แทนความรู้สึกดีๆที่ตอบรับมา แทนการดูแลเอาใจใส่ที่ทำมาตลอด แทนทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาไม่อาจพูดมันออกมาได้
“ฮยองรักเรานะ”
“ผมก็รักฮยอง คริสมาสต์นี้ผมขอพร...”
“...”
“ขอให้ฮยองอยู่กับผมแบบนี้ตลอดไป รักผมแบบนี้ตลอดไปนะ”
“ครับ ซานต้าคริสจะทำให้พรของแบคฮยอนเป็นจริงนะ”
ไฟด้านนอกของหน้าต่างไล่เปิดขึ้นทีละดวงเมื่อวินาทีของวันที่ยี่สิบห้าธันวาคมมาเยือน หิมะสีขาวสะอาดล่วงหล่นจากฟากฟ้าสีดำมืดราวกับต้องการเป็นพยาน ไอหมอกจางม้วนขึ้นจากพื้นดิน กอบตัวลอยสูงขึ้นวนเวียนเป็นเกล็ดสีขาวตามวัฏจักรธรรมชาติ แสงสีสวยงามด้านนอกตอบรับพรของคนทั้งคู่
“MERRY CHRISTMAS”
…
25th December 2014
“MERRY CHRISTMAS”
ประโยคสั้นๆถูกเอ่ยออกมาจากเรียวปากสีสด ควันสีขาวแสดงถึงอากาศเย็นยะเยือกได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนจ้องมองดวงดาวที่ประดับบนยอดต้นคริสมาสต์พร้อมกับรอยยิ้มจาง ไฟหลายดวงที่พร้อมใจกันสว่างต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข ภาพนั้นซ้อนทับกับภาพทรงจำในอดีตในดวงตาของเขา มือบางลูบไล้เนื้อผ้าไหมพรมสีแดงสดบริเวณที่มีตัวอักษรย่อเคบีสลักอยู่ ราวกับนิ้วเขาชา แบคฮยอนแทบจะไม่รู้ถึงสัมผัสของมันอีกแล้ว
“...”
ความเงียบกัดกินบรรยากาศเมื่อแบคฮยอนเงียบลง หยดน้ำสีใสร่วงหล่นจากแก้วตาหวานกระทบตัวอักษรเคก่อนมันจะซึมหายไปราวกับไร้ตัวตน
“ฮยอง สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งปีครับ”
“...”
เป็นอีกค่ำคืนที่แบคฮยอนถูกตัวตนของคนที่เขารักที่สุดเล่นงานจนจมกองน้ำตา คริสยังคงชัดเจนในหัวใจเสมอแม้ว่าเขาคนนั้นจะเลือกเดินจากแบคฮยอนไปแล้ว มีเพียงผ้าพันคอผืนนี้ที่ช่วยทำให้ไอจางๆในความทรงจำของเขาก่อร่างกลายเป็นตัวตน
“ฮึก ผม...ผมรักฮยองนะ”
แบคฮยอนยังคงคิดถึงคริสมาสต์ปีที่แล้ว ปีที่เขาเคยได้รับพรวิเศษ และเขามีความสุขที่สุด
โดยหารู้ไม่...ว่ามันอยู่กับเขาได้เพียงไม่นาน
สิ่งที่ยังอยู่คงเป็นความจริงที่เสียดแทงหัวใจจนเจ็บซ้ำๆทุกวัน
...เขาไม่สามารถกอดคริสได้อีกต่อไปแล้ว...
หิมะสีขาวร่วงหล่นลงมาทับเป็นชั้นหนาๆ
หิมะที่ละลายหายไป พร้อมกับตัวตนของคุณที่หายไปพร้อมฤดูหนาวนี้
...
115%
ไม่งงใช่มั้ย มันคือฟิคอิงความจริง
ซึ่งความจริงตอนนี้คริสก็ไม่ได้อยู่กับแบคฮยอนแล้ว
นี่รีบปั่นมากจนมันดูห้วนๆไงไม่รู้ แต่ตั้งใจมากนะสำหรับเรื่องนี้
รักคริสแบค
แล้วก็เอารูปวันที่อยู่ในฟิคมาให้ดู
ชุดต้นคริสมาสต์กับเขากวาง น่าเอ็นดูป่ะล่ะ
อันนี้รายการ Mnet Wild open studio เนอะ มีซับไทยด้วย ดูกันยัง น่ารักดี ><
กับหมวกหมี ใช่หมีมะ 5555
อันนี้ SMtown week 131224
และเราขี้เกียจหารูปพี่คริส สองงานนี้ไม่มีในเครื่องเรา แต่จำได้ว่าในคอนพี่เขามัดจุกครึ่งหัวอ่ะ หล่อๆ
แล้วฝากตามภาคต่อ This Christmas ด้วยนะ เป็นชานแบค
ทายซิว่าแบคจะหายเศร้ามั้ย ไปละ ><
#ficBside
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ความคิดเห็น