คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : SF : You Are My Sunshine. KookJin. EP 03 150 %
ซอกจินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงดึก
ร่างเล็กสะลืมสะลือขยับกายลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบห้อง
แสงไฟจากระเบียงด้านนอกที่ส่องเข้ามาทำให้มองเห็นได้บ้างแบบสลัวๆ
เลื่อนสายตาลงไปมองยังเอวตัวเองที่มีท่อนแขนของใครอีกคนพาดอยู่พลันปากอิ่มก็คลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ
อาจองกุกนี่ติดหมอนข้างเนอะ..
ละสายตาจากร่างที่นอนหลับแล้วหันไปตามเสียงธรรมชาติที่ดังอยู่ด้านนอก
เสียงคลื่นซัดหาดทรายดังกึกก้องไปทั่วบริเวณเรียกความสนใจจากคนตัวเล็กได้ไม่น้อย
จัดการนำแขนหนักๆของอีกคนวางให้พ้นตัวแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินมาเกาะอยู่ที่กระจกบานใหญ่อย่างสนอกสนใจ
แสงจันทร์ยามค่ำคืนส่องกระทบผืนน้ำเกิดเป็นประกายริยิบระยับ
ปากอิ่มระบายยิ้มชอบใจกับภาพตรงหน้าเพราะมันทั้งสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ
ปกติเคยเห็นแค่ในทีวี
พอได้มาเห็นของจริงแล้วมันสวยกว่าในทีวีอีกเนอะ แถมบรรยากาศก็ดีด้วย
ซอกจินน่ะ… ชอบทะเลที่สุด
โดยเฉพาะทะเลที่มีอาจองกุกอยู่ด้วย
“ฮื่ออ.. ซอกจิน”
เสียงทุ้มต่ำคล้ายคนละเมอดังขึ้นมาจากด้านหลัง
พอหันไปดูก็พบว่าคนบนเตียงกำลังใช้มือตบปุๆไปทั่วเหมือนกำลังควานหาหมอนข้างมากอด
ยิ่งหาไม่เจอคนละเมอก็ยิ่งตีสีหน้ายุ่งกว่าเดิม ทั้งยังเรียกหาหมอนข้างที่หายไปอยู่อย่างนั้น
คล้ายกับว่าหากขาดไปคงนอนไม่หลับ
“ซอกจิน…”
ปากอิ่มอมยิ้มขำกับท่าทางหลุดๆของคนบนเตียง
ยิ่งหาไม่เจอก็ยิ่งควานหาหนักเข้าจนผ้าห่มผืนหนานั่นร่วงไปอยู่บนพื้น
ลำบากคนตัวเล็กต้องเข้าไปหยิบมาคลุมตัวให้ใหม่ กายบางทิ้งตัวลงข้างเตียง
วางมือไว้ที่มือแกร่งแผ่วเบา
และเหมือนคนละเมอจะหาหมอนข้างเจอจึงเคลื่อนตัวมานอนหนุนตักแล้วใช้แขนกอดรอบเอวบางเอาไว้
มือบางลากสัมผัสไปตามโครงหน้าคมแผ่วเบา
ตั้งแต่หน้าผากมน คิ้วหนาเข้ม เปลือกตาสีหม่นที่ซ่อนดวงตาแสนอันตรายเอาไว้
เรียวจมูกโด่งเป็นสัน จนถึงรีมฝีปากเรียวสวยที่เจ้าตัวชอบใช้ดุใช้ว่ายามเขาทำผิด
บ้างก็ใจร้าย
บ้างก็ใจดี
แต่ถึงอย่างนั้น… เขาก็รัก
รักผู้ชายคนนี้
ผู้ชายที่มีสายตาดุดันแสนน่ากลัว ผู้ชายที่มีน้ำเสียงแข็งกร้าว
ผู้ชายใจร้ายที่ชอบดุว่าให้ตัวเองเสียใจ ผู้ชายใจร้ายที่ไม่เคยรักเขาซักนิด
อาจองกุกเกลียดเขา..
นั่นคือความจริงที่ร่างสูงมักเน้นย้ำมันอยู่เสมอ
อาจองกุกบอกว่าเพราะสงสารเลยเลี้ยงเอาไว้ เพราะหากปล่อยให้ตายคงใจร้ายเกินไป
เพราะฉะนั้นซอกจินจึงเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูที่ทำไปเพราะความจำเป็น
ไม่ได้ทำเพราะความรัก ซึ่งแม้แต่ความสงสารเห็นใจก็ไม่เคยได้รับ
น่าแปลกที่ตัวเขาเองไม่เคยนึกโกรธร่างสูงเลยซักครั้ง
มีเพียงความน้อยอกน้อยใจเท่านั้นที่มักประดังมาเวลาถูกทำร้าย
และถึงแม้หัวใจจะบอบช้ำแค่ไหนมันก็ยังคงอดทนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
รู้ไหม… หัวใจของเขาแข็งแรงมากนะ เจ็บหนักขนาดไหนก็ไม่เคยแตกสลายซักครั้ง
ยังคงทำตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอเพื่อที่จะได้เก็บกักความรู้สึกน้อยๆของตัวเองเอาไว้
ซึ่งนั่นก็คือความรู้สึกรัก… เป็นความรู้สึกที่ต้องเก็บให้ลึกจนสุดขั้วหัวใจ
ทุกคนเอาแต่บอกว่าซักวันนึงเขาต้องไปจากอาจองกุก
ซักวันนึงถ้าอาจองกุกยังทำนิสัยแย่ๆอยู่แบบนี้ก็อาจต้องเสียเขาไป
ซอกจินไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมคนอื่นต้องพูดแบบนั้น
แต่ความคิดที่อยากจะไปจากผู้ชายคนนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเขาซักนิด
เขาจะอยู่ตราบที่อาจองกุกอยากให้อยู่
และจะไป…
เมื่อมันต้องไป
มือบางลูบผมนุ่มเบาๆพลางระบายยิ้มสุขใจ
เหมือนฝันเลยแฮะที่ได้มาอยู่แบบนี้
ทั้งที่เมื่อก่อนอาจองกุกไม่แม้แต่จะให้เขาแตะต้องตัว
แต่ในตอนนี้ร่างสูงกลับมานอนหนุนตักแล้วโอบเอวเขาเอาไว้
ไม่ใช่จะบ่อยหรอกนะที่เขาได้อยู่ใกล้อาจองกุกขนาดนี้ ได้มองเห็นทุกส่วนสัดของใบหน้าที่ตนเองหลงรัก
ได้สัมผัสองค์ประกอบแสนงดงามที่บางครั้งก็นึกอิจฉา
“อะ….อา….จอง..ก…กุก”
เสียงเบาหวิวคล้ายใบไม้ต้องลมดังขึ้นมาท่ามกลางความมืด
มันทั้งแผ่วเบาและพร่าเลือนจนแทบกลืนไปกับเสียงแอร์ในห้อง
มือเล็กยกขึ้นมาลูบปากตัวเองอย่างอึ้งๆกับเสียงที่หลุดออกไปเมื่อครู่ เป็นครั้งแรกที่เขานึกอยากจะพูดมันก็เปล่งเสียงออกมาได้ เพราะปกติกว่จะเปล่งเสียงได้แต่ละคำพี่หมอจีมินก็ต้องบิ้วแทบแย่
แต่ตอนนี้ก็พูดบางคำออกมาเองได้โดยไม่ต้องให้พี่หมอช่วยแล้ว
คงเป็นเพราะเขาตั้งใจรับการรักษาจากพี่หมอล่ะมั้ง ทั้งการฝึกพูด การสะกดจิต รวมถึงการรักษาทางจิตเวช
ตั้งแต่มีพี่หมอจีมินซอกจินรู้สึกได้ว่าตัวเองฝันร้ายน้อยลง มีความสุขมากขึ้น
และที่น่าดีใจสุดๆคือเขากำลังจะกลับมาพูดได้
น่าดีใจจังเลยเนอะ…
“ซอกจิน”
กายบางสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ดีๆคนหลับก็ลืมตาขึ้นมาแล้วเอ่ยเรียก
ตากลมหลบสายตาเลิ่กลั่กพลางเม้มปากแน่นเพราะกลัวถูกดุ อาจองกุกเอาแต่นอนจ้องเขาอยู่อย่างนั้นโดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมาซักนิด
แล้วยิ่งสายตาคมๆที่คาดเดาอะไรนั่นไม่ได้อีก
เกร็งชะมัด…
“ตื่นมาทำอะไร”
“นอนไม่หลับเหรอ”
ส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงปฏิเสธ
นึกโล่งใจที่คนบนตักไม่ได้ดุหรือว่าอย่างที่เคยคิด แต่ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อคนแก่กว่านั้นผละตัวออกจากตักแล้วดึงให้เขาลงไปนอนบนเตียง
“นอนกันเถอะ”
“ดึกแล้ว”
และทันทีที่แผ่นหลังบางสัมผัสกับเตียงนุ่ม
ร่างของคนด้านข้างก็ล้มตัวลงนอนตามแล้วเอื้อมแขนมาเกี่ยวเอวเขาเอาไว้ อีกครั้งที่ร่างนุ่มนิ่มถูกดึงเข้าไปกอด
สองร่างนอนหันหน้าเข้าหากันและในระยะประชิดเช่นนี้เด็กน้อยอย่างซอกจินจึงหายใจลำบาก
ก็อาจองกุกไม่ยอมหลับตาซักที
ได้เขาเป็นหมอนข้างแล้วก็นอนซักทีสิ
…เอาแต่จ้องกันอยู่ได้
ใจดวงน้อยเต้นแรงจนน่ากลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน
ซอกจินกลัวความรู้สึกตัวเองเหลือเกิน
เขาไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง แต่เพราะรู้และเข้าใจในความเป็นไปต่างหากถึงได้กลัว
กับผู้ชายใจร้ายคนนี้…
ที่บางครั้งก็ใจร้ายจนตัวเองก็นึกโกรธจนอยากเกลียด
แต่ก็ไม่เคยทำได้
กลัวจะรัก… แต่มันก็เผลอรักไปเสียแล้ว
ทั้งที่รู้สถานะตัวเองดี
รู้ทั้งรู้ว่ามันคงไม่มีวันนั้น ไม่มีวันที่อาจองกุกจะคิดแบบเดียวกับเขา
ไม่มีวันที่ผู้ชายคนนี้จะสนใจเด็กที่ตัวเองเก้บมาเลี้ยง
แค่ให้เลิกเกลียดกันคงเป็นไปได้ยากเลยมั้ง
และในความจริง
พอถึงวันนึงอาจองกุกก็ต้องมีคนของตัวเอง นึกแล้วก็น่าอิจฉาผู้หญิงคนนั้นจังนะ
หรือจะเป็นเด็กหนุ่มน่ารักคนไหนซักคนก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่เอาเป็นว่าหากวันนั้นมาถึงเมื่อไหร่
ซอกจินก็ต้องเตรียมใจและยอมรับ
และไม่แน่… นั่นอาจเป็นเวลาที่เขาควรออกไปจากชีวิตผู้ชายคนนี้
ซักวัน
ไม่เร็วไม่ช้า แน่นอนว่ามันต้องมาถึง
“นอนตาแป๋วอยู่อีก”
“หลับได้แล้ว”
เสียงทุ้มพูดออกมาทั้งที่ยังจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น
ตากลมมองใบหน้าคมคายอย่างอึ้งๆเพราะรู้สึกเหมือนระยะห่างเริ่มลดลงเรื่อยๆ
ซอกจินมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ขยับตัวเพราะฉะนั้นคนที่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้คงมีแค่อาจองกุก
สัมผัสอุ่นนุ่มที่ทาบทับลงมาบนริมฝีปากทำให้ร่างบางนิ่งงัน
สติที่มีอยู่เริ่มเลือนรางไปทีละน้อย รับรู้เพียงแค่แรงดูดดึงเบาๆที่ริมฝีปากเท่านั้น
และมันเริ่มรุกล้ำขึ้นเรื่อยๆเมื่อเจ้าของริมฝีปากเรียวนั้นสอดลิ้นเข้ามาด้านใน
ตากลมค่อยเคลื่อนปิดลงพร้อมรับรสจูบนั้นโดยไร้การขัดขืน ยื่นมือไปกำชายเสื้ออีกคนเอาไว้แน่นเพื่อกลัดกลั้นเสียงบางอย่างที่อาจดังออกมาจากลำคอ
จูบนุ่มละมุนเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์ชักพา
กายหนาเคลื่อนคล่อมทับร่างเล็กเอาไว้แล้วประครองโครงหน้ามนปรับเอียงองศาให้พอดีเพื่อที่จะสามารถรับรสจูบได้ถนัด
รสชาติหวานละมุนของเด็กน้อยทำให้ลิมิตในการหักห้ามใจนั้นลดลง
จากที่อยากลิ้มลองความหวานจากริมฝีปากเฉยๆแต่ในตอนนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เขาอยากได้คิมซอกจิน… อยากกลืนกินเด็กน้อยใต้ร่างแทบบ้า
จูบร้อนแรงจำต้องถอนออกมาเมื่อเด็กน้อยทำท่าจะหายใจไม่ออก
แก้มนุ่มที่เห่อแดงทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปประทับจูบพร้อมสูดดมกลิ่นหอมละมุนที่ฝังอยู่ตามผิวเนียนนุ่ม
อกบางหอบกระเพื่อมโกยอากาศเข้าปอดเต็มที่พร้อมกันนั้นที่ตากลมก็พยายามปรับโฟกัสภาพตรงหน้าให้ชัด
แต่มันก็พร่าเลือนเสียเหลือเกิน
“นอนซะ”
“ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว”
ร่างบางถูกดึงไปกอดอีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นการกอดจากด้านหลัง
ใครอีกคนที่เป็นเจ้าของอ้อมกอดซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอขาวแล้วปิดตาลงเพื่อหลับต่อ
ต่างจากเด็กอีกคนที่ยังคงนอนหน้าแดงอยู่อย่างนั้นเพราะยังมึนงงกับสัมผัสเมื่อครู่ที่ร่างสูงปรนเปรอให้
อาจองกุกจูบเขา…
แล้วก็บอกให้เขานอนก่อนตัวเองจะทนไม่ไหว
แล้วไอ้ทนไม่ไหวนี่มันทนอะไรกันล่ะ
เขาอยากรู้…
::: You're my sunshine :::
เปลือกตาบางเปิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบปิดลงเพราะแสงสีขาวที่แยงตา
จนเมื่อเริ่มคุ้นชิ้นกับแสงวันใหม่จึงเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆ ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือใบหน้าของใครอีกคนที่อยู่ห่างไปไม่ถึงคืบ
ปากอิ่มคลี่ยิ้มบางเบายามได้มองใบหน้าที่ตนเองนั้นแสนหลงใหล ใบหน้าคมคายที่ประกอบไปด้วยเครื่องหน้าอันทรงเสน่ห์
เปลือกตาสีเข้มที่ปกปิดสายตาดุดันเอาไว้
ไหนจะปลายจมูกโด่งสันที่กำลังเป่าลมหายใจรดหน้าผากเขาอยู่ตอนนี้
อาจองกุกหล่อดีเนอะ…
ไรหนวดบางๆทำให้เด็กน้อยอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบไล้เล่น นิ้วเรียวแตะลงที่โครงหน้าคมแผ่วเบาแล้วไล้สัมผัสตั้งแต่เปลือกตาสีขุ่นจนมาถึงริมฝีปากเรียวนุ่ม
ที่คนใจร้ายแสนเย็นชาใช้มันดุว่าและพูดจาใจร้ายใส่เขานับไม่ถ้วน
นอกเหนือจากความใจร้ายที่เคยได้รับ…
ก็ยังมีความหวานแสนวาบหวามที่เขาได้สัมผัสมาแล้วว่ามันชวนให้ใจสั่นแค่ไหน
จูบที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร กว่าจะรู้ตัวอีกทีสติมันก็ถูกพรากไปเกือบหมด
หัวสมองขาวโพลนแถมใจยังเต้นแรงสุดๆอีกด้วย
“ทำอะไร”
ตกอยู่ในภวังค์ความคิดอยู่นาน
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ใครอีกคนนั้นตื่นขึ้น
ไม่รู้ว่าร่างสูงตื่นแล้วนอนจ้องเขาอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่สายตาที่คาดเดาอะไรไม่ได้นี่น่ากลัวชะมัด
จะดุเขาไหมนะที่เอานิ้วไปจิ้มหน้าเล่น
ใบหน้าหวานส่ายเบาๆพลางคลี่ยิ้มน้อยๆอย่างคนจำนนในความผิด
กำลังจะลุกออกแต่ก็พบว่าแขนแกร่งของใครอีกคนยังคงโอบกอดเอวตัวเองเอาไว้แน่น
และไม่มีท่าทีที่จะปล่อยแม้แต่นิดจนมือบางต้องยื่นไปแกะออก
แต่ยิ่งแกะก็เหมือนจะถูกรวบเข้าไปกอดแน่นกว่าเก่าจนคนตัวเล็กยอมแพ้แล้วล้มตัวลงนอนไปอีกครั้งอย่างจำยอม
อาจองกุกกอดแน่นเกินไปแล้ว
ทั้งแน่นทั้งใกล้จนได้กลิ่นกายเฉพาะที่แผ่ออกมาจากกายหนา ต่างคนต่างสูดดมกลิ่นเฉพาะของกันและกัน
ความหอมละมุนจากกายหนาเป็นสิ่งที่แสนจะน่าหวาดกลัวทั้งยังคงมีอำนาจต่อตัวเขาเสมอ
ทว่าในขนาดเดียวกัน..
มันก็เป็นกลิ่นที่ซอกจินฝันถึงอยู่หลายครั้ง
แก้มกลมที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะฝังปลายจมูกลงไปอย่างหมันเขี้ยว
ฟอดดดดดด
และฝังลงไปที่แก้มใสอีกข้างอย่างเต็มแรง
ฟอดดดดด
จนคนถูกหอมได้แต่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้นอย่างอึ้งๆ
สัมผัสอุ่นร้อนจากจูบเมื่อครู่ยังคงหลงเหลืออยู่ที่แก้มทั้งสองข้าง
การกระทำแปลกประหลาดที่มาพร้อมกับสายตาอบอุ่นเช่นนี้เป็นสิ่งที่คิมซอกจินไม่ชินซักนิด
หน้าร้อนแปลกๆแฮะ
ระ…รู้สึกไม่ค่อยดีแล้วก็ใจสั่นแปลกๆ ไม่สิ
มันเต้นแรงเลยต่างหาก แรงจนน่ากลัวว่าอาจองกุกจะได้ยินมันเข้า
โครงหน้ามนถูกประคองแผ่วเบาก่อนริมฝีปากเรียวจะเคลื่อนมาทาบทับ
เยลลี่สีหวานถูกละเลียดชิมอีกครั้งอย่างอ่อนโยน
แรงดูดดึงแผ่วเบาทว่ากับสร้างสัมผัสร้อนผ่าวอยู่ทั่วร่างไปหมด อีกทั้งเรียวลิ้นหนาที่กำลังสอดเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นเล็กมันก็ทำให้เด็กน้อยเผลอครางเสียงพร่าออกมาอย่างลืมตัว
จนมือบางต้องกำชายเสื้อของใครอีกคนเอาไว้เพื่อกลัดกลั้นเสียงน่าอายไม่ให้หลุดออกมาเป็นรอบที่สอง
จนเมื่อได้รับความหวานจากปากอิ่มจนหนำใจจึงยอมถอนจูบออก
อกบางหอบกระเพื่อมพลางโกยอากาศเข้าปอดอย่างไวต่างจากใครอีกคนที่มีท่าทีสบายๆทั้งยังนอนมองเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มอยู่อย่างนั้น
หน้าผากเกลี้ยงเกลาถูกกดจูบ
ปลายจมูกโด่งรั้นก็ด้วย
รวมถึงริมฝีปากที่เพิ่งถูกรังแกไปเมื่อครู่ก็ถูกจรดจูบลงมาอีกครั้งก่อนจะผละออก
ไม่ได้ล่วงล้ำแต่ก็ลึกซึ้ง
มอนิ่งคิสของอาจองกุกน่ะ… ทำปากของเขาบวมไปหมดแล้ว
ความใสบริสุทธิ์ในดวงคู่สวยทำให้คนมองละสายตาไปไหนไม่ได้
ทว่าในขนาดเดียวกันเจ้าของดวงตากลมสวยนั้นก็ละสายตาออกจากความดุดันนั้นไม่ได้เช่นกัน
‘หมันเขี้ยว’
คงเป็นความรู้สึกเดียวที่เขารู้สึกกับคิมซอกจินในตอนนี้
และมันมากขึ้นทุกทีเมื่อได้สัมผัส
จนอดไม่ได้ที่จะต้องฝังปลายจมูกลงไปที่แก้มนุ่มอีกรอบเพื่อระบายความหมันเขี้ยวของตัวเองให้เบาลง
ลองนับดูสิ… เช้านี้เขารังแกเด็กน้อยด้วยจูบไปกี่ครั้งแล้วนะ
“ฉันอยากได้ยินเสียงนายนะ”
“อย่าทำให้ฉันต้องทรมานนักได้ไหม”
ใบหน้าหวานพยักเบาๆทั้งพยายามหลบสายตาหวานเชื่อมที่ใครอีกคนกำลังส่งมาให้
ไม่ชินซักนิดกับอาจองกุกในโหมดนี้ ปกติโหดร้ายและดุดันกับเขาจะตายไป
ทั้งที่เกลียดเขาขนาดนั้นแต่อยู่ๆมาทำดีด้วยแบบนี้ใครกันจะไปชิน
ตึกตัก
ตึกตัก
เสียงหัวใจไม่รักดีสั่นระรัวอย่างห้ามไม่ได้
น่าเจ็บใจที่ก้อนเนื้อในอกยังคงชุ่มชื่นทุกครั้งที่ได้รับสายตาแบบนั้น
ทั้งน้ำเสียงอ่อนหวานและการกระทำแสนนุ่มนวล
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นต้นเหตุที่ทำให้เด็กน้อยยิ่งรู้สึกกลัวมากกว่าเก่า
กลัวว่าจะรัก…แต่น่ากลัวว่ามันจะไม่ทัน และคงจะรักมากขึ้นเรื่อยๆไปอีกล่ะมั้ง
“ลองออกเสียงหน่อยได้ไหม”
ร่างสูงเอ่ยถามพลางเคลื่อนนิ้วไปคลึงที่ปากนุ่มแผ่วเบา
เขาพอรู้มาจากโฮซอกบ้างว่าซอกจินพอจะออกเสียงได้บ้างเล็กน้อย
และถ้าเป็นอย่างนั้นร่างเล็กก็คงไม่ต้องไปฝึกกับไอ้หมอคิดไม่ซื่อคนนั้นอีก
เด็กน้อย…
ฉันจะไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับนายอีกแล้วนะ
ฉันจะรักษานายด้วยตัวเอง… รักษานายด้วยความรักของฉัน
“อะ…อา..จอ..ง..กุก”
น้ำเสียงเบาไหวดั่งใบไม้ต้องลมดังออกมาจากปากอิ่ม
ถึงจะเบาจนแทบกลืนไปกับเสียงคลื่นทะเลแต่ถึงกระนั้นมันก็ชัดเจนเหลือเกินสำหรับคนที่รอคอยมาตลอด
ปากเรียวคลี่ยิ้มสุขใจส่งไปให้คนตัวเล็กพลางกอดกระชับร่างในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
ดีใจ
นั่นเป็นความรู้สึกที่เขากำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้
เสียใจ
นี่คงเป็นความรู้สึกที่จะติดอยู่ในห้วงความทรงจำของเขาตลอดไป
ทั้งปิดกั้น ทั้งทำร้ายและไม่เคยมอบสิ่งดีๆให้
มองข้ามความรู้สึกแสนปวดร้าวและเห็นน้ำตาเป็นสิ่งน่ารำคาญ ภาพในอดีตแสนเลวร้ายพวกนั้นจองกุกยังจำมันได้ดีทั้งหมด
และความผิดพวกนี้ก็คงจะไม่มีทางลืมเลือนไปจากหัวใจ
ทำไมเขาถึงได้ทำให้เสียงหวานๆแบบนี้ต้องมีแต่เสียงร้องไห้กันนะ… ทั้งที่มันรอคอยที่จะเรียกชื่อเขาอยู่ตลอด รอคอยที่จะได้พูดหรืออธิบาย
รอคอยในสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถแสดงออกมาได้
ทำไมเขาถึงใจร้ายกับคิมซอกจินได้ขนาดนั้น
พอที… ต่อจากนี้จะไม่ทำให้เสียใจอีกแล้ว
จุ๊บ
“เก่งมาก”
ลมทะเลพัดเข้าสู่ฝั่งด้วยสายลมอุ่นๆและไม่แรงเกินไปทำให้ร่างบางรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
หลังจากอาบน้ำเสร็จซอกจินก็ออกมาเดินสูดอากาศข้างนอกโดยปล่อยใครอีกคนเอาไว้ข้างใน
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาได้เที่ยวและเล่นน้ำทะเลอย่างที่อยากเล่น
นอกเหนือจากนั้นอาจองกุกก็พาไปกินอาหารทะเลตามร้านริมชายฝั่งที่นั่งกินไปก็ได้สูดกลิ่นไปของทะเลไปด้วย
แต่พอกลับมาถึงโรงแรมคิมซอกจินก็ถูกทวงค่าพาเที่ยวเป็นจูบหวานๆจนปากแทบเปื่อย
พอจูบเสร็จก็ต้องเรียกชื่ออาจองกุกซ้ำๆ
พูดตะกุกตะกักนิดหน่อยก็ถูกจุ๊บปากเบาๆแล้วก็ถูกให้พูดใหม่
ถึงแม้การฝึกพูดของอาจองกุกจะแปลกไปบ้างแต่มันก็ทำให้เขาสามารถเรียกชื่อใครอีกคนได้ดีขึ้น
และถ้าเรียกชื่ออาจองกุกได้ชัดๆเมื่อไหร่ปากของเขาก็จะไม่ถูกรังแกแล้วล่ะ
“ออกมาทำอะไร!”
น้ำเสียงดุดันที่มาพร้อมกับแรงกระชากที่มือทำให้ร่างบางสะดุ้งตกใจ
ยิ่งได้เห็นดวงตาแข็งกร้าวกับสีหน้าเรียบสนิทที่มีแววกรุ่นโกรธนิดๆมันก็ทำให้กายบางเริ่มสั่น
รวมถึงดวงตากลมที่เริ่มร้อนผ่าวเพราะน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอทีละนิด
“ฉันถามว่าออกมาทำอะไรข้างนอก!!”
จนเสียงทุ้มเอ่ยตวาดอีกรอบหยาดน้ำที่เอ่อคลอก็ไหลออกมาเป็นสาย ขาเล็กก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัวพร้อมกันนั้นกายบางก็เริ่มสั่นสะอื้นอย่างเสียใจ
ก็นึกว่าจะใจดี… แต่เขาคงหวังมากไป อาจองกุกเกลียดเขาขนาดนี้จะใจดีกับเขาได้ยังไง
อยากจะอธิบายแต่มันก็ทำไม่ได้ อยากเปล่งเสียงออกไปแค่ไหนมันก็ส่งออกมาแค่ลม
ส่วนน้ำตาก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้และมันอาจจะทำให้เรื่องทุกอย่างหนักขึ้นกว่าเดิมเพราะร่างสูงไม่ชอบน้ำตาของเขา
ก็แค่เป็นคิมซอกจินไม่ว่าจะทำอะไรก็ผิดไปหมดนั่นแหละ
แค่ออกมาเดินเล่นข้างนอกยังถูกดุเลยเห็นไหม
ร่างเล็กพยายามแกะพันธนาการที่มือออกแต่มันกลับรัดแน่นขึ้นจนน่ากลัว
อยู่ที่นี่ไม่มีใครช่วยเขา ไม่มีป้าแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงคอยกันออกมาเวลาที่อาจองกุกโมโห
ไม่มีอาโฮซอกหรือพี่หมอจีมินคอยปลอบเวลาที่เขาร้องไห้ ไม่มีคุณนุ่มให้กอดเวลาที่เขาเสียใจ
ไม่มีใครเลย…
มีแต่อาจองกุกคนใจร้าย
“ฮึกก..ปะ..ปล่อย”
พยายามเปล่งเสียงเบาหวิวของตัวเองออกมาเต็มที่เพื่อขอให้ร่างสูงปล่อยมือ
และดูเหมือนหยาดน้ำตากับเสียงสะอื้นจะทำให้คนโมโหนั้นใจเย็นลงจนยอมคลายแรงบีบที่มือออกแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้แขนเล็กเป็นอิสระ
ดวงตาคู่คมจดจ้องไปทั่วใบหน้าหวานที่อาบไปด้วยน้ำตา
และเพียงครู่เดียวสายตากรุ่นโกรธก็อ่อนลง กลายเป็นความรู้สึกผิดที่เข้ามาแทนที่
มือหนาเคลื่อนไปปาดน้ำตาแต่เด็กน้อยกลับเบี่ยงตัวหลบ
ปฏิกิริยาที่ร่างเล็กแสดงออกมาทำให้ก้อนเนื้อในอกซ้ายนั้นปวดหนึบ
พอก้าวเข้าหาร่างเล็กก็ถอยหนีอย่างไม่ต้องการ ยิ่งดวงตาคู่สวยที่มีแววน้อยอกน้อยใจกำลังหลั่งน้ำตาออกมาเต็มที่
กับเสียงสะอื้นที่จะฟังดูกี่ทีก็เจ็บปวด
อีกแล้ว…
เขาทำซอกจินร้องไห้อีกแล้ว
“กลัวเหรอ”
“ไม่ต้องกลัวนะ”
“ฉันขอโทษ”
เอ่ยเสียงนุ่มพลางพยายามขยับเข้าหาคนตัวเล็กที่ยังคงสะอึกอื้นไม่หยุด
เคลื่อนมือออกไปปาดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานแล้วจึงดึงร่างน้อยเข้ามากอดแนบอกตัวเองเอาไว้แล้วลูบหลังปลอบเบาๆ
“ฉันขอโทษ”
“ไม่ร้อง”
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ดุนายแล้ว ไม่ดุแล้ว”
ทั้งกอดทั้งปลอบพลางจรดริมฝีปากลงที่หน้าผากมนเบาๆอย่างอ่อนโยน
พออออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่พบใครอีกคนนั่งอยู่ในห้องใจของเขามันก็ร้อนรุ่มไปหมด
ทั้งกลัวว่าจะมีใครมาพรากไป กลัวว่าคิมซอกจินจะหายไปไหน
ถึงจะเป็นในเขตโรงแรมก็จริงแต่มันก็ทั้งมืดทั้งเปลี่ยว
แล้วออกมาเดินเล่นมืดๆคนเดียวจะไม่ให้โมโหได้อย่างไร
แต่จากน้ำตาและแรงสะอื้นพวกนี้เขาคงโมโหมากไปจนเผลอทำร้ายจิตใจคนตัวเล็กเข้า
คงห่วงมากไปจนเผลอทำสิ่งแย่ๆใส่อย่างเช่นขึ้นเสียงและชักสีหน้า
ทั้งที่สิ่งพวกนั้นมันไม่ควรทำที่สุด ทั้งที่ท่าทางพวกนั้นมันเป็นสิ่งที่ซอกจินไม่ชอบแต่เขาก็ยังเผลอเรอแสดงมันออกมาจนได้
ก็ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะโกรธมากไหม
แต่ท่าทางผลักไสและแววตาน้อยใจที่ได้เห็นมันก็ทำเอาใจเขากระตุกวูบไปพักใหญ่
กลัวว่าจะถูกเกลียด… กลัวว่าจะไม่รัก
จนเมื่อเด็กน้อยหยุดร้องไห้จึงได้พากลับห้อง
ซอกจินนิ่งเงียบมาตลอดทางจนพาให้จองกุกใจเสีย
มาอยู่ในห้องร่างเล็กก็ขึ้นเตียงนอนโดยไม่หันมาสนใจเขาซักนิดแถมยังนอนหันหลังให้เหมือนไม่อยากให้เข้าใกล้อย่างไงอย่างงั้น
และเมื่อทนไม่ไหวร่างสูงจึงขึ้นไปนอนบนเตียง ค่อยๆสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับคนตัวเล็กอย่างเงียบเชียวแล้วกระเถิบตัวเข้าหาใครอีกคนที่นอนหันหลังให้
พาดแขนลงที่เอวบางแล้วรวบร่างเล็กเข้ามากอดแนบอก
ซึ่งซอกจินไม่ได้ขืนตัวออกทั้งยังนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นเหมือนไม่ใส่ใจอะไร
อาการแบบนี้มันทำให้เขาใจเสียยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
อย่างน้อยดิ้นหนีบ้างก็ยังดี นอนนิ่งๆแบบนี้ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
แล้วเขาเคยง้อใครที่ไหน ที่ผ่านมาก็ปล่อยให้คนตัวเล็กหายเองตลอดนั่นแหละ
แต่ตอนนี้ปล่อยไม่ได้แล้วไง..
ฟอดดดดด
จรดริมฝีปากลงบนแก้มนุ่มแผ่วเบาแล้วผละออกมาก่อนจะเอ่ยขอโทษออกไปเสียงเศร้า
“อาจองกุกขอโทษ”
สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้คิ้วเรียวขมวดเป็นปมอย่างงงๆ
แต่ถึงอย่างนั้นเด็กน้อยก็ยังคงนอนหันหลังให้อย่างเคย
ไม่ได้มีท่าทีที่จะหันมาใส่ใจกับคำขอโทษของเขาแม้แต่นิด
จนเมื่อทนไม่ไหวกายบางจึงถูกจับให้นอนหงายก่อนที่ร่างหนาจะขึ้นไปคร่อมทับ ไล่สายตาไปทั่วดวงหน้าหานอีกครั้งก็ต้องใจอ่อนยวบเมื่อในดวงตาคู่สวยนั้นยังมีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่เต็มหน่วย
ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนที่เขาทั้งดุทั้งว่าคิมซอกจินต้องเจ็บปวดจนไปนอนร้องไห้คนเดียวมามากขนาดไหน
แต่ดูจากครั้งนี้ที่ได้เห็นกับตาชัดๆก็คงหนักพอดู
กี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ที่คนตัวเล็กต้องทนเจ็บซ้ำซากแถมยังต้องจัดการกับความรู้สึกตัวเองตั้งหลายครั้ง
กี่ครั้งที่เขามองว่าน้ำตาพวกนี้มันน่ารำคาญทั้งที่จริงๆนั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ซ่อนอยู่
ทั้งผิดหวัง
โศกเศร้า น้อยใจ และเจ็บปวด
ปากเรียวจูบซักหยาดน้ำตาที่เปลือกตาบางแล้วไล่สัมผัสมาจนถึงเรียวปากอิ่ม
ร่างเล็กเม้มปากแน่นเหมือนไม่ยอมให้เขาได้จูบจองกุกจึงยอมผละออกมาเพราะไม่อยากฝืนใจ
“อาจองกุกขอโทษ”
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”
“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้”
“เพราะเราหายไปอาจองกุกเป็นห่วงก็เลยโมโหรุนแรงแบบนั้น”
“แต่ต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนั้นกับเราอีก”
“หนูจินยกโทษให้อาจองกุกได้ไหมคะ”
เอ่ยขอออกไปเสียงนุ่มพลางจ้องมองปฏิกิริยาของเด็กน้อยด้วยความคาดหวัง
“นะ… ยกโทษให้อาจองกุกนะคะ”
และเอ่ยขอออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ร่างบางนิ่งงันไปครู่ก่อนจะพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงตอบ ทว่าปฏิกิริยาเหล่านั้นกลับเรียกรอยยิ้มกว้างจากร่างสูงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ปลายจมูกโด่งกดลงที่แก้มนุ่มทั้งสองข้างก่อนจะประกบริมฝีปากลงไปที่ปากอิ่มแล้วดูดดึงเบาๆโดยไร้การรุกล้ำ
จูบแผ่วเบา..ทว่าหวานเชื่อมจับใจ
“ไหนคนเก่ง…”
“ลองเรียกชื่ออาจองกุกหน่อยซิครับ”
“อะ..อาจองกุก”
แล้วรางวัลของคนเก่งก็คือจูบหวานที่คนด้านบนนั้นปรนเปรอให้
จูบรสหวานเริ่มลึกซึ้งและร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์ชักพา
มือหนาไล้ไปตามส่วนโค้งเว้าตั้งแต่แผ่นอกจนมาถึงเอวคอด ก้นนุ่มถูกบีบขยำอย่างหมันเขี้ยวพร้อมกันนั้นที่คนถูกกระทำก็เผลอร้องออกมาเสียงแผ่ว
ผละจูบออกมาจ้องมองใบหน้าหวานที่กำลังมัวเมาอยู่ในรสจูบ
ตากลมหยาดเยิ้มกับริมฝีปากที่เห่อบวมมันทำให้คนมองแทบทนไม่ไหว
ยิ่งกลิ่นกายหอมหวานที่ส่งออกมาจากผิวนุ่มก็ชอบรบกวนให้สติเขาขาดผึงอยู่หลายรอบ
ก็ว่าจะทนต่อไป… แต่ว่ามาถึงขนาดนี้มันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“เป็นของอาจองกุกนะคะ”
Cut.
ร่างกายหวานๆนี้มีเจ้าของแล้ว
หัวใจของเด็กน้อยคนนี้ก็มีเจ้าของแล้ว
ใช่…
คิมซอกจินเป็นของจอนจองกุกทั้งตัวและหัวใจ
“อารักหนูนะคะ..”
#shotbts
มาช้าเพราะเขียนฉากคัทอยู่ค่ะ 5555555 เป็นอะไรที่เขียนยากเวอร์ ไม่รู้จะเขียนยังไงให้มันละมุนและรีดไม่เบื่อ ฮวืออออ พยายามเต็มที่แบ๊ว ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะก๊ะ ฝากคอมเม้นและสกรีมแท็กนิดนึงนะ
ฉาก Cut. เจอกันที่เดิมค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
รัก.
ความคิดเห็น