ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องสมุดรวบรวมตัวละครของ Eagle Sonic

    ลำดับตอนที่ #245 : Reborn Hero - เกิดอีกที ครั้งนี้ต้องลุย(1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 65
      1
      31 ส.ค. 64

     

     

     

    เครดิต: https://leodorization.tumblr.com/tagged/ah-sahm

    “หุบปาก อย่ามาเรียกฉันว่า อากิ”

     

    ชื่อ : อากิระ

    เพศ : ชาย

    เป็น : ผู้เกิดใหม่

    อายุตอนตาย : 18 ปี

    สัญชาติ : ไทย

    เชื้อชาติ : ญี่ปุ่น-ไทย

    อายุขัยของร่าง : 80 ปี 

    อาชีพ : นักเรียนมัธยมปลายปีสาม(อดีต)/ทหารรับจ้าง(ปัจจุบัน)

    ประวัติ :

    อากิระ

    “แม่ขอโทษนะ ลูก”

    คือชื่อของฉัน

    คืนนั้นเป็นคืนที่มืดมากและฝนก็ตกหนัก ตอนนั้นฉันยังเป็นเด็กเลยจำไม่ค่อยได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง สิ่งเดียวที่ยังคงจำได้ก็มีแค่อ้อมกอดอันอบอุ่นของแม่ที่ฉันเองก็ลืมไปแล้วว่าหน้าของเธอเป็นยังไง

    “แม่ขอโทษ”

    แม้กระทั่งเสียงของเธอเองฉันก็จำไม่ได้แล้วเช่นกัน

    ซ่าาาาาา

    และฉันไม่รู้เลยว่าเธอพูดอะไร เพราะเสียงสายฝนมันดังมากจนกลบเสียงหมด 

    รู้แค่ว่าในวินาทีต่อมา เธอก็วางฉันไว้ในตระกร้าที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ประทับริมฝีปากลงบนกลางหน้าผากของฉัน มองอยู่เพียงครู่เดียว แล้วเดินจากไป หายไปพร้อมกับสายฝน…

    ทิ้งให้ฉันเผชิญหน้ากับโลกอันโหดร้ายเพียงลำพัง

    อากิระเป็นเด็กกำพร้า เขาถูกแม่ของเขาทิ้งไว้ที่หน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพ….ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมเด็กๆที่ถูกพ่อแม่ทิ้งที่ค่อนข้างมีปัญหาเอาไว้ด้วยกันตั้งแต่ยังเป็นเด็กแบเบาะ สิ่งเดียวที่เขารู้มีเพียงแค่ชื่อของตัวเองที่แม่ปักไว้บนผ้าห่มในตะกร้า แต่ด้วยความที่อากิระเป็นลูกครึ่งเขาจึงถูกเด็กๆคนอื่นในบ้านเด็กกำพร้ารังแกแทบทุกวัน ด้วยวิธีการรุนแรงเช่นทำให้ผ้าปูที่นอนเปียกเหมือนกับว่าเขาฉี่รดที่นอน แอบเอาพริกใส่สบู่ตอนที่เขาอาบน้ำ ทว่าเด็กน้อยก็ยอมอดทนเพราะอยากจะเป็นเพื่อนกับทุกคนก็เลยไม่ยอมบอกใคร จนกระทั่งหลายปีต่อมา เขาก็ได้หมดความอดทนลงหลังจากที่ถูกกลั่นแกล้งมาเป็นเวลานาน หลังจากในคืนที่เขาถูกเด็กเกเรที่อายุแก่กว่าจับหัวเขากดลงชักโครกจนเกือบจะจมน้ำตาย

    ผัวะ!

    ทำให้เขาโต้ตอบเพื่อนที่ชอบกลั่นแกล้งเขากลับเป็นประจำครั้งแรกจนถูกเจ้าของบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าลงโทษ

    เพี๊ยะ!!

    เขาต้องทนรับไม้เรียวที่หวดขาด้วยความอดทน แม้ว่าจะเจ็บมากแค่ไหนก็ไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมา แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจเจ็บกว่าคือการที่ผู้ใหญ่ตรงหน้ารู้อยู่แล้วว่าเด็กพวกนั้นทำอะไรกับเขาบ้าง แต่กลับปฎิบัติลำเอียงไม่ลงโทษพวกนั้น ให้ความรักและความผูกพันที่มีกับเด็กกลุ่มนั้นมากกว่าเขาอย่างไร้ซึ่งความยุติธรรม อีกทั้งเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทำให้คนที่จะมาอุปถัมภ์เขาเปลี่ยนใจที่จะไม่รับเขาไปเลี้ยงดู..ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ว่าทำไมต่อให้เป็นผู้ใหญ่อากิระก็ด่าหมด

    และนั่นก็คือวินาทีที่ทำให้อากิระเปลี่ยนไป

    เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากเมื่อก่อนที่ยอมอดทนถูกรังแกมาโดยตลอด ได้เปลี่ยนกลายเป็นเด็กที่ใครรังแกมาก็ซัดมันกลับทันที ต่อให้ถูกผู้ใหญ่ลงโทษเขาก็ไม่แคร์อีกแล้ว จัดการใครก็ตามที่ทำร้ายเขา จนกลายเป็นหัวโจกประจำบ้านที่ทุกคนต้องยอมก้มหัวให้ ยอมสยบแทบเท้า…

    และมันก็คงจะดีกว่านี้ ถ้าไอ้หมอนั่นมันไม่ย้ายเข้ามาตอนที่เขาอายุ 11 ปี

    ‘จาง เสี่ยวหลง’

    ไอ้หน้าตี๋จากแดนมังกรที่มีอายุเท่ากันกับเขาและสูญเสียพ่อแม่ไปจากอุบัติเหตุรถยนต์ในระหว่างที่กำลังมาเที่ยวที่ประเทศไทย เพราะไม่มีญาติพี่น้องที่นั่นเหลืออยู่ เขาก็เลยถูกพามาที่นี่ ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน อากิระก็รู้สึกหมั่นไส้หน้าตาทุเรศๆของเขาทันทีจนลืมตัวตนเดิมที่เขาเคยเป็นมาก่อนไป..

    อากิระได้ใช้ให้พรรคพวกไปข่มขวัญเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารคนนั้น

    ทว่าเสี่ยวหลงคนนี้กลับไม่ใช่คนที่อ่อนแออย่างที่ทุกคนคิด

    ป้าบ!!

    เพราะลูกสมุนที่เขาส่งไปทุกราย ล้วนถูกเสี่ยวหลงใช้วิชาหมัดมวยจีนซัดกลับจนหน้าหงายหมด จนอากิระที่เป็นหัวหน้าของพวกเขาต้องออกโรงสู้แทน

    แต่สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้กลับลงเอยที่ทั้งคู่เสมอกัน

    คือสู้กันไปสู้กันมา ไอ้คนหนึ่งก็หมาบ้า(อากิระ)โดนซัดมาก็ลุกขึ้นต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้ ใช้ทุกวิธีจัดการกับไอ้อีกคนที่โคตรเก่งแต่ก็ไม่ทันเล่ห์ของอีกคน(เสี่ยวหลง) สรุปเลยโดนทำทัณฑ์บนทำความสะอาดลานสนามเด็กเล่น

    ซึ่งที่นั่นเองคือที่ที่เด็กหนุ่มทั้งสองคนได้เอ่ยปากพูดคุยกันกับอีกฝ่ายที่เขาไม่เคยคิดที่จะคุยกันเลยตั้งแต่ในวินาทีแรกที่เจอกัน(อันที่จริงอากิระเป็นฝ่ายหนีเขาเองแหละ)

    “ทำไมคุณถึงเกลียดฉัน?”เสี่ยวหลงเป็นฝ่ายถามก่อนขณะกวาดใบไม้บนพื้น

    “ฉันเกลียดหน้าตาแก”

    และนั่นก็คือคำตอบที่อากิระให้อีกฝ่ายกลับไป

    “เกลียดหน้าตาใสซื่อของแกที่ทำเหมือนกับว่าโลกบ้าๆนี่มันสวยไปหมด”

    เสี่ยวหลงเงียบไปเล็กน้อย

    “เหตุผลแค่นี้?”

    แต่เขากลับไม่ได้มีท่าทีโกรธอากิระเลยสักนิดเดียว

    “เวลาเกลียดใคร จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรอ?”

    บังเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะก่อนที่เสี่ยวหลงจะหัวเราะออกมา

    “ขำอะไรว่ะ?ตลกมากรึไง?”

    “เซี่ยเซี่ย(ขอบคุณ)”

    ทว่าในเวลาต่อมาอากิระก็ต้องชะงักเล็กน้อย หลังจากที่เสี่ยวหลงเอ่ยขอบคุณเขาเป็นภาษาจีน และยิ่งต้องประหลาดใจไปอีกเมื่อเห็นรอยยิ้มและคราบน้ำตาเล็กๆที่เปื้อนอยู่บนบริเวณขอบตาของเสี่ยวหลง

    นี่หัวเราะจนน้ำตาไหลเลยหรอ? 

    อากิระแอบคิดในใจ

    “คุณสู้ได้ดีมากเลยนะ อากิ”

    ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะได้รับคำชมเป็นครั้งแรกในชีวิต..จากปากของคนที่เขาเกลียดที่สุด

    “หุบปาก อย่ามาเรียกฉันว่า อากิ”

    และหลังจากวันนั้น อากิระก็ไม่แกล้งเสี่ยวหลงอีก ทว่าอย่างไรก็ตามการได้พูดคุยกันในวันนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างความผูกพันอันลึกซึ้งของอากิระที่มีต่อเสี่ยวหลงได้ ตอนนี้เขายังรู้สึกว่าเสี่ยวหลงเป็นแค่เพื่อนร่วมบ้านที่ดีคนหนึ่งก็เท่านั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านี้ จนกระทั่งในตอนที่ทั้งคู่ขึ้นมัธยมต้นปีสามที่โรงเรียนเดียวกัน

    อากิระกับเสี่ยวหลงอยู่ห้องเดียวกัน แต่อากิระนั้นเป็นเด็กหลังห้องและชอบไปจับกลุ่มกับพวกนักเลง ผิดกับเสี่ยวหลงที่เป็นเด็กเรียนดีและมีความประพฤติดีจนคุณครูคนอื่นในโรงเรียนต่างพากันชื่นชม และในช่วงเวลานั้นเองก็ได้มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่ได้เปลี่ยนความรู้สึกของอากิระที่มีต่อเสี่ยวหลงโดยไม่รู้ตัว

    ตึกๆ

    วันนั้นเป็นวันที่อากิระกับแก๊งยกพวกไปรุมตีพวกเด็กอีกโรงเรียนคู่อริที่อยู่ใกล้กัน เนื่องจากเด็กจากโรงเรียนนั้นบังอาจมาหยามเกียรติและรังแกเพื่อนๆของเขา แต่ศึกนี้จบลงที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายต้องใส่เกียร์หมาหนีตำรวจที่ขับรถตามมาเคลียร์พื้นที่เนื่องจากมีพลเมืองดีที่อยู่แถวนั้นไปแจ้งเข้า โชคดีที่อากิระเป็นหนึ่งในคนที่หนีรอดจากการถูกจับกุมได้ แต่เขาได้รับบาดเจ็บจนอาบโชกไปด้วยเลือด ทว่าตอนนั้นเขากำลังสนใจเรื่องที่จะไปช่วยคนอื่นยังไงจนไม่สนใจบาดแผลที่เจ็บปางตายเลย

    “ซวยชะมัด ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วยว่ะ..”

    อากิระสบถ ขณะพยุงแขนที่ถูกฟันจนเลือดอาบเอาหลังพิงกำแพงด้วยท่าทางที่ดูอิดโรย แต่ก็ไม่สามารถเดินไปไหนได้ไกลเพราะความอ่อนล้า

    “เจ็บเป็นบ้าเลย..”

    ก่อนที่ในวินาทีต่อมาเขาจะทรุดตัวลงไปนอนกองกับพื้นและสลบไป

    จมลงสู้ห้วงความมืดและในคืนนั้นอากิระก็ได้ฝันประหลาด ฝันว่าเขาตื่นขึ้นมาบนแผ่นหลังอันอบอุ่นของใครบางคนที่กำลังแบกเขาอยู่

    “ได้โปรด..”แต่จะเรียกว่าฝันก็เรียกได้ไม่เต็มปากเพราะมันดูสมจริงมากจนแยกไม่ออกว่าเขากำลังอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือโลกแห่งความฝันกันแน่

    ซ่าาาาา

    เพราะในฝันนั้นเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกจากสายฝนอันเย็นเฉียบที่อาบร่างของเขาราวกับกำลังได้สัมผัสมันจริงๆ

    “อย่าเป็นอะไรไปนะ”

    และเสียงที่คุ้นเคย เสียงของใครบางคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดี แต่ภาพที่อยู่ในฝันนั้นเลือนรางมาก เลือนรางมากจนมองเห็นไม่ชัด และในวินาทีต่อมาเขาก็ถูกความมืดปกคลุมอีกครั้ง

    พอรู้สึกตัวอีกทีเขาก็ตื่นขึ้นมาบนโรงพยาบาลเสียแล้ว

    หมอบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ต้องพักฟื้นตัวอยู่หลายวัน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าใครเป็นคนพาเขามาที่นี่ และนั่นก็ทำให้อากิระเลยไม่ได้ไปโรงเรียน จนเสี่ยวหลงกับ ยัยอัญชัน เพื่อนสาวเพียงคนเดียวของเขาที่เรียนห้องเดียวกันต้องเป็นคนเอาการบ้านที่อาจารย์สั่งในชั่วโมงเรียนมาสอนให้อากิระ

    จ๊อกกกกก

    และในวันหนึ่งขณะที่เสี่ยวหลงและอากิระอยู่ด้วยกันเพียงสองต่อสองนั้น จู่ๆท้องของอากิระก็ร้องดังโครกเมื่อเห็นลูกชิ้นที่เสี่ยวหลงซื้อมาจากร้านขายลูกชิ้นปิ้งหน้าโรงพยาบาล และท้องของเขามันก็ร้องขึ้นมาพอดีกับที่ลูกชิ้นกำลังจะเข้าปากเสี่ยวหลง ซึ่งแน่นอนว่าเสี่ยวหลงเองก็สังเกตเห็น

    “อากิระ?”

    “ไม่ต้องพูดเฟ้ย ฉันรู้น่า”

    แต่ทว่าเสี่ยวหลงกลับไม่ได้ว่าอะไรสักคำ เขากลับส่งยิ้มให้อากิระ ก่อนจะยื่นลูกชิ้นที่กำลังจะกินอยู่ให้อย่างหน้าตาเฉย โดยแอบเหล่มองหน้าต่างเล็กน้อยเพื่อดูว่าทางสะดวกรึเปล่า

    “ถ้าอยากกินก็บอกมาเถอะ”

    สีหน้ายิ้มแย้มของของคนตรงหน้า ทำให้อากิระเกิดความคิดชั่วร้ายอะไรบางอย่างออก 

    “ป้อนหน่อยดิ”

    “หา?”

    อยู่ๆก็นึกแผนแกล้งนายเสี่ยวหลงเปาขึ้นมาได้ซะงั้น

    “อะไรเล่า ก็ฉันเป็นคนป่วยนะ ตามใจหน่อยไม่ได้หรอ?”บังเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะในห้องพักผู้ป่วย แน่นอนว่าอากิระก็ไม่ได้คาดหวังหรอกว่าเสี่ยวหลงจะทำตามที่เขาขอ

    “ช่างเถอะ ฉันล้อเล่น…”

    ควับ

    แต่ที่เขาคาดไม่ถึงก็คือเสี่ยวหลงจะยื่นลูกชิ้นให้เขาจริงๆ

    “?!”ยื่นลูกชิ้นในตอนที่เขากำลังอ้าปากพูดพอดี ทำให้อากิระตั้งตัวไม่ทัน

    “แค่ลูกเดียวนะ”

    แน่นอนว่าอากิระที่รู้สึกตกใจกับการกระทำของเสี่ยวหลงเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากกินลูกชิ้นที่เสี่ยวหลงส่งให้ถึงปากเขาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

    “นั่นอะไรน่ะ?”

    “หือ?”

    ง่ำ ก่อนจะฉวยโอกาสตอนที่เสี่ยวหลงเผลอเขมือบลูกชิ้นทั้งหมดไม้นั้นจนเหลือเพียงแค่ลูกชิ้นครึ่งลูก เพราะตอนที่เขากำลังจะกินอีกครึ่งลูกเสี่ยวหลงได้หันหน้ากลับมาและจับได้เสียก่อน

    “….”เสี่ยวหลงนิ่งเงียบไปเล็กน้อยหลังจากที่เห็นไม้ลูกชิ้นที่เปลือยล่อนจ้อนกับลูกชิ้นอีกครึ่งเดียวด้วยฝีมือของไอ้ตัวแสบที่อยู่ตรงหน้า

    “ฉันบอกว่าแค่ลูกเดียว”

    “ก็เหลือไว้ให้ลูกหนึ่งแล้วไง”

    ทำให้เสี่ยวหลงได้แต่ส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ

    “เฮ้อ ช่างเถอะ ฉันกินแค่นี้ก็ได้”

    พูดจบก็กินลูกชิ้นครึ่งสุดท้ายที่อากิระกินเหลือไว้ทันที 

    “มีอะไรหรอ?”

    เสี่ยวหลงถามเมื่อเห็นอากิระนิ่งเงียบไป จ้องมาที่เขาด้วยท่าทางที่ดูตกใจกับภาพที่เห็น

    “อ๋อ เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”แต่อากิระก็ไม่ได้บอก เขาเพียงแค่ส่ายหัว ก่อนที่ในวินาทีต่อมาเสี่ยวหลงจะยกมือขึ้นมาคลำหน้าผากของเขา จนทำเจ้าตัวเผลอสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกอีกคนสัมผัสโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

    “ทำอะไรของนาย?”

    “ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่?”

    เสี่ยวหลงเอนหัวเล็กน้อยด้วยความสงสัย

    “วันนี้นายดูแปลกๆไปนะ อากิ”

    แต่แล้วเสียวหลงก็ต้องรีบปิดปากทันที หลังจากที่รู้ตัวว่าได้เผลอเรียกคนตรงหน้าด้วยชื่อเรียกที่เขาไม่ชอบที่สุด

    “ข-ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

    ทว่าแทนที่จะโกรธ อากิระกลับตอบกลับมาเพียงคำเดียวว่า

    “ไม่เป็นไร”

    และแล้วเวลาก็ได้ผ่านไป จนกระทั่งเสี่ยวหลงและอากิระย่างเข้าสู่วัยสิบแปด เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยวหลงได้ไปเป็นนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนที่สหรัฐอเมริกา

    “อย่าลืมซื้อขนมอร่อยๆที่นั้นกลับมาฝากฉันด้วยนะ หลง”

    “ได้เลย อัญ”เสี่ยวหลงบอกกับเพื่อนสาวคนสนิทของเขาก่อนจะชำเลืองมองอากิระที่อยู่ด้านหลังเธอ

    “แล้วนายล่ะ?”

    อากิระนิ่งเงียบเล็กน้อยหลังจากถูกหลงถาม

    “อะไรก็ได้ แล้วแต่ที่นายสะดวกเลย”

    เขากล่าว

    “โชคดีล่ะ”

    ทว่าอากิระกลับไม่รู้เลยว่า การแยกจากกันในคราวนั้นจะเป็นการแยกจากกันของเขาและเสี่ยวหลงตลอดกาล

    ตุ้บ!!

    เพราะหลายเดือนต่อมาก็ได้เกิดเหตุการณ์อันน่าสลดขึ้น อากิระได้ถูกพบเป็นศพในเขตไซต์ก่อสร้างร้าง ส่วนสาเหตุการตายเกิดจากการพลัดตกจากที่สูงและถูกเสียบเข้ากับเหล็กจนทะลุ ทุกคนคิดว่าเขาถูกฆาตกรรม ทว่าจริงๆมันกลับไม่ใช่

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่ ธันวา?”

    เพราะแท้จริงแล้วในตอนก่อนที่เขากำลังจะตาย เด็กหนุ่มได้ถูกลูกของนักการเมืองที่มีอิทธิพลในไทยซึ่งโกรธแค้นที่เขาทำให้ลูกสมุนของมันได้รับบาดเจ็บ จัดฉากการตายนี้ขึ้นเพื่อแก้แค้นให้สาสมแก่ใจที่มันต้องการ

    โดยใช้เงินซื้อตัวเพื่อนสนิทของอากิระที่เขาไว้ใจที่สุดหลอกพาเขามาฆ่าที่นี่

    “ขอโทษนะ อากิระ”

    ซึ่งนั่นก็คือธันวา สหายร่วมแก๊งที่กำลังเอาปืนจ่อหัวเขาอยู่นั่นเอง

    “ฉันไม่มีทางเลือก”

    อากิระถึงกับหัวเราะลั่นทันทีด้วยความตลกขบขัน

    “นายไม่กล้าหรอก”

    แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าตอนนี้หัวใจของเขาแตกสลายไปแล้ว

    “ฉันรู้จักนายดี..”

    ตึกๆ เด็กหนุ่มก้าวเท้าถอยหลังไปจนสุดขอบดาดฟ้าตึก ท่ามกลางความประหลาดใจของเพื่อนที่อยู่ตรงหน้า

    “อากิระ?”

    “เพราะงั้นฉันจะทำเอง”

    วืดดดดด 

    พูดจบอากิระก็ได้ส่งยิ้มให้ธันวา และก่อนที่อีกคนจะได้ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มก็ได้ทิ้งตัวดิ่งลงจากตึกไปเสียแล้ว

    “อากิระ!!”

    เพื่อนของเขากรีดร้องด้วยความตกตะลึงขณะวิ่งพุ่งไปเพื่อคว้ามือของอากิระ แต่ก็ช้าไปเพียงก้าวเดียว ร่างของอากิระได้ล่วงลงสู่พื้นก่อนจะถูกเหล็กที่อยู่ด้านล่างเสียบทะลุร่างในทันที

    ฉึก!!

    ความเจ็บปวดได้แล่นผ่านเข้าไปในกายของเขา ทุกวินาทีที่ผ่านไปมันช่าง..เนิ่นนาน และทุกข์ทรมานอย่างสาหัสสากรรจ์ เจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว เจ็บเจียนตาย สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวของสีแดงสดไหลอาบไปทั่วทั้งร่าง

    จริงๆแล้วเขากลัว เขากลัวความตาย อากิระกลัวความตาย

    แต่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับเขายิ่งกว่าคือการถูกทรยศ

    เขาเคยถูกแม่ทอดทิ้ง ถูกเพื่อนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลอกใช้ ถูกผู้ใหญ่ที่ตัวเองเคยให้ความเคารพทรยศความเชื่อใจ และตอนนี้เขาก็ถูก..เพื่อนที่เขารักอีกคนทรยศอีก

    “อ่อก”

    อากิระกระอักเลือด เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งกายและใจ เปลือกตาของเขาค่อยๆเลื่อนปิดลง สติเริ่มเลื่อนลอย ทว่าในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต…

    ลาก่อนนะ

    ภาพของใครบางคนก็ได้ผุดขึ้นมาในหัวเขา

    เสี่ยวหลง…

    แล้วโลกทั้งใบของอากิระก็ได้มืดลง…

    .

    .

    .

    “เฮือก!!”

    ก่อนที่ในเวลาต่อมาอากิระจะได้สติอีกครั้งบนเตียงในห้องสีขาวแห่งหนึ่ง สิ่งที่เขาสัมผัสได้หลังจากตื่นขึ้นมาคือความเจ็บระบมไปทั่วทั้งร่างที่ถูกแทง และบาดแผลบนร่างกายที่เป็นเครื่องหมายที่ยืนยันว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน

    “นี่ฉันยังไม่ตายหรอ?”

    แอ๊ดดด

    จากนั้นไม่นานนักประตูก็ได้เปิดออก

    “ฟื้นแล้วหรอ?”

    แล้วชายแปลกหน้าวัยกลางคนที่อากิระไม่รู้สึกคุ้นหน้าก็ได้เดินเข้ามาทักทายเขา

    “แผลขนาดนั้นที่จริงเธอควรจะตายไปแล้วนะ”

    “คุณเป็นใคร?”

    ชายวัยกลางคนนิ่งเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า

    “คนที่ช่วยชีวิตเธอไง”

    แล้วหลังจากนั้น ชายวัยกลางคนก็ได้เล่าเรื่องบางอย่างให้อากิระฟังเกี่ยวกับเรื่องของโอปปาติกะกับอะไรก็ไม่รู้หลายอย่างที่อากิระไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก เขาคนนั้นได้ยื่นข้อเสนอแผนการแก้แค้นให้อากิระโดยมีข้อแลกเปลี่ยนตรงที่อากิระจะต้องทำงานให้กับเขาและรัฐบาล ชายคนนั้นได้สร้างเรื่องราวจัดฉากเหมือนกับว่าอากิระนั้นได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วจริงๆเพื่อให้อากิระได้ทำงานในโลกเบื้องหลังสะดวกขึ้น และหลังจากที่แก้แค้นได้สำเร็จ อากิระก็ได้รับการฝึกฝนอย่างหนัก จนกลายเป็นหนึ่งในสายลับทหารรับจ้างและเครื่องจักรสังหารที่แกร่งที่สุดของรัฐบาลในยุคนั้น คอยกำจัดเรื่องสกปรกโสมมที่อยู่ในโลกเบื้องหลัง

    แต่โชคชะตาของเขากลับเล่นตลกอีกครั้งเพราะความอิจฉาของคู่หูเพื่อนร่วมงานที่ใส่ร้ายเขาทำให้เขาตกเป็นแพะรับบาปในข้อหาแอบทำการสังหารอดีตหัวหน้าขององค์กรนักฆ่าทหารรับจ้าง(ซึ่งรวมพวกผู้เกิดใหม่ฝีมือดีเอาไว้ด้วย)ที่เขาเคารพดุจดั่งพ่อแท้ๆ(ซึ่งก็คือชายวัยกลางคนที่ได้ช่วยชีวิตเขา)และคนในองค์กรก็เชื่อสนิทว่าเป็นฝีมืออากิระด้วยเหตุนี้เองอากิระจึงต้องหลบหนีจากการตามล่าขององค์กรรวมถึงต้องสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของหัวหน้าเขาด้วยเช่นกัน

    พลังพิเศษ :

    [สะท้อนกลับ] เมื่อถูกศัตรูโจมตี ตนเองจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่คนที่โจมตีจะเจ็บปวดเป็นสองเท่ามากกว่าแรงที่โจมตีอากิระเสียอีก ซึ่งพลังนี้มีประโยชน์ทำให้อากิระสู้ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ด รู้จักเหนื่อย อีกทั้งยังช่วยให้เวลาต่อสู้ อากิระสามารถตั้งรับการโจมตีได้ทันท่วงที ราวกับว่าร่างของเขาแข็งแกร่งคงกระพันดุจเหล็ก

    สิ่งที่ต้องแลก : 

    [สมอง] คือแกนสำคัญในการควบคุมพลังสะท้อนกลับ ดังนั้นคนใช้จึงต้องมีสมาธิมากในระหว่างที่ต่อสู้ เพราะหากสมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลังสะท้อนกลับก็จะไม่ทำงานให้ และถ้าในระหว่างใช้พลังเกิดวอกแวก(เช่น ถ้าระหว่างสู้มีคนที่ตัวเองห่วงอยู่ได้รับบาดเจ็บ หรือตอนโกรธจนสติขาด) ระดับความเจ็บปวดที่ได้รับจากการโจมตีจะทำให้เจ้าของพลังได้รับความเจ็บปวดมากกว่าสองเท่ายิ่งกว่าไฟนรกแผดเผาและมีเพียงการตายเท่านั้นที่จะหยุดความเจ็บปวดเขาได้(ไม่ต้องห่วง แค่ตายแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ฟื้น เหมือนให้สมองพักผ่อนนอนหลับน่ะ หมอนี่ทำแบบนี้บ่อย..ทว่าต้องใช้ในยามจำเป็นเท่านั้นจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะตื่นช่วงเวลาหรือวันไหน ขอแค่รอให้เขาฟื้นขึ้นมา เขาก็จะกลับมาหาคุณเอง โดยที่ไม่ต้องตามหา) โดยในระหว่างที่ไม่อยู่ในช่วงการต่อสู้ เขาสามารถได้รับบาดแผลได้ รู้สึกเจ็บได้แบบเดียวกับมนุษย์ทั่วไป และด้วยเงื่อนไขนี้เขาก็เลยไม่ค่อยอยากใช้สมองคิดอย่างอื่นมากนัก เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น

    อุปนิสัย :

    -หัวร้อน เป้าหมายมีไว้พุ่งชน ชอบลุยแหลก บ้าบิ่น กฎดีๆมีไว้แหก คือนิยามบุคลิกของอากิระ เขาเป็นคนที่ไม่เคยอยู่ในกรอบเกณฑ์ กฎสำหรับอากิระนั้นเปรียบเสมือนการกดขี่และมันก็ไม่สามารถควบคุมเขาได้ เขาไม่เคยทำตามแผนชาวบ้านชาวช่องเขาเลย ทำแผนคนอื่นพังตลอดโดยการบุกเดี่ยวเข้าไปในถิ่นศัตรู ลำบากพระเอกกับเพื่อนให้เข้าไปช่วยตลอด และมันก็จะจบลงที่ตัวของอากิระถูกทุกคนบ่นหลังจากที่ช่วยมาได้(ถึงจะรอดมาได้ทุกครั้งแต่ก็ทำตัวเองกับทุกคนสะบักสะบอมเกือบตาย) แต่เขาก็ไม่ได้แคร์เลยสักนิด เอะอะอะไรก็ใช้กำลังตลอด โคตรเอาแต่ใจตัวเองจริงๆ

    -ฉลาด แต่อย่างไรก็ตามอากิระก็ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำคนอื่น เพราะความอารมณ์ร้อนของเขาที่จะนำพาความซวยมาเยือน เขาทำตามได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำตามก็เท่านั้น (เอาใจยากกว่าที่คิด) นอกจากนี้อากิระเป็นคนที่ต่อสู้โดยใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ ต่อให้เป็นวิธีสกปรกเขาก็ทำ จึงบอกได้ว่าในเรื่องการต่อสู้เขาก็เป็นคนเจ้าเล่ห์คนหนึ่งเหมือนกัน เพราะเขาสามารถพลิกแพลงวิธีการต่อสู้ของเขาได้

    -ปากหมา จะหญิงหรือชาย จะเด็กหรือคนแก่…ก็ไม่เว้น ด่าได้โคตรเจ็บ แต่คำด่าบางคำก็ใช่ว่าจะไม่ถูกซะทีเดียว เขาเป็นคนโผงผาง ไม่ไว้หน้าใคร ทว่าพอถูกคนอื่นด่าจี้ใจดำบ้างกลับหัวร้อนจนฉุดไม่อยู่ ถ้าไม่มีคนมายับยั้ง เขาคงประเคนหมัดใส่คนที่ด่าเขาไปแล้ว

    -สบถเก่ง โดยเฉพาะตอนที่โกรธ เขาจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ปล่อยให้ความโกรธครอบงำ และสิ่งที่แถมมาคือคำหยาบที่พ่นออกมาแต่ละคำที่ต้องถูกเซ็นเซอร์เอาไว้เพื่อไม่ให้น้องๆนักอ่านนำไปทำตามเป็นเยี่ยงอย่าง

    “ไอ้ XXX แกคิดว่าตัวเองเป็นใครว่ะ ไอ้สมองหมาปัญญาอ่อน ไอ้฿!@#$%^&*(_+):}<{]”

    -เส้นลึก อากิระเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานมุขตลกทุกแบบ ดังนั้นต่อให้เป็นมุขที่ตลกที่สุด เขาก็ไม่ขำ มีสีหน้าเดียวตลอดคือเคร่งขรึมทำหน้าอย่างกับไปโกรธใครมา(ถึงแม้ว่าจริงๆนั่นจะเป็นสีหน้าปกติที่เขาแสดงออกมาก็ตาม) เผลอๆคนที่เล่นด้วยจะถูกเขาถามตอกกลับมาด้วยซ้ำ

    “ตลกมากหรอ?”

    และหน้าของเขาก็จะยังคงตายด้านไร้อารมณ์ จนทำให้เสียงหัวเราะของทุกคนหายไปแทนที่ด้วยความเงียบกริบแทน สรุปหมอนี่คือตัวทำมุขกร่อย พอมาที่ไรทำวงเขาแตกทุกที

    -ไม่เชื่อใจใครง่ายๆ ดังนั้นการจะเข้าหาและทำความสนิทสนมกับอากิระนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ทั้งนี้เป็นเพราะว่าอากิระนั้นเคยมีปมที่ถูกคนอื่นทรยศอยู่หลายครั้ง ครั้งแรกคือเด็กๆในบ้านเด็กกำพร้าที่เขาอยากสนิทด้วย ครั้งที่สองคือการถูกเพื่อนในแก๊งที่สนิทที่สุดหลอก และอีกครั้งก็คือคู่หูเพื่อนร่วมงานของเขาเอง ดังนั้นอากิระจึงตัดสินใจเลือกที่จะไม่สร้างสายสัมพันธ์กับใครอีกแล้ว เพราะเขากลัว กลัวว่าจะถูกทรยศอีกเหมือนกับในอดีต ดังนั้นเขาจึงพยายามออกห่างจากทุกคน รวมถึง เสี่ยวหลง และถึงแม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มพระเอก เขาก็ยังไม่เชื่อในตัวพระเอกกับเพื่อนๆอยู่ดี และเป็นคนเดียวที่ชอบแยกตัวกับคนอื่น หากจะพูดว่าเป็นคนรักสันโดษและโลกส่วนตัวสูงก็คงจะไม่ผิดหนัก

    -อย่าเรียกว่า อากิ เพราะนี่คือชื่อที่เขาเกลียดที่สุด การเรียกชื่อเขาห้วนๆโดยไม่เติมคำว่า ระ เข้าไป คือสิ่งที่ทำให้อากิระแทบจะปรี๊ดแตก ทั้งนี้เป็นเพราะเขารู้สึกว่าชื่อ อากิ นั้นเหมือนเป็นชื่อของเด็กผู้หญิง และนั่นก็เหมือนเป็นการหยามและดูถูกเขา ว่าเขาเป็นพวกอ่อน ยิ่งพอเติม จัง เข้าไปด้วยล่ะก็ เตรียมตัวโดนเขาต่อยฟันร่วงหมดปากได้เลยครับ เพราะคนสุดท้ายที่เรียกเขาแบบนี้มักจะดับอนาถทุกราย(?)

    -เด็ดขาด อากิระเป็นคนที่ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้(ถึงแม้จริงๆเอ็งจะตายไม่ได้อยู่แล้วก็ตามอ่ะนะ) อากิเป็นคนที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา เขาจะไม่ปล่อยให้เหยื่อตายอย่างทุกข์ทรมาน คือลงมือเสร็จสรรพ ปลิดชีพทันที ไม่มัวมานั่งทรมานพวกศัตรู เรียกได้ว่าเป็นคนใจเด็ดเลยทีเดียว ข้อเสียคือมันทำให้พระเอกลำบากเวลาที่ต้องเค้นข้อมูลลับจากศัตรู ไอ้หมอนี่มันก็ดันชิงลงมือฆ่าซะอย่างกับคนร้อนตัว(ซึ่งจริงๆไม่ได้ร้อนตัวอะไรเลย แค่มือมันไปไวเกินไปหน่อย) 

    “ยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว จะทรมานให้มากความทำไม?”

    เวลาคนอื่นถาม เขาจะพูดแบบนี้ ทว่าจริงๆมันมีเหตุผลมากกว่านั้น เพราะแม้ภายนอกจะเป็นคนแข็งกระด้าง แต่ในใจลึกๆ อากิระก็ยังเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่ยังคงมีความรู้สึกอ่อนไหวแบบมนุษย์ เขาไม่ชอบการเห็นคนอื่นทุกข์ทรมาน เพราะมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความเจ็บปวดที่ตัวเองเคยได้รับในตอนที่กำลังจะตายเป็นครั้งแรก ดังนั้นการทำให้คนอื่นจากไปอย่างสงบจึงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาไม่นึกถึงความเจ็บปวดในวันนั้น

    แต่นั่นมันก็ต้องแลกกับการที่เขาต้องถูกคนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นไส้ศึกให้กับทางพวกรัฐบาลด้วยเช่นกัน

    สรุป การฆ่าของอากิระ คือการฆ่าด้วยความเมตตา แม้อีกฝ่ายจะทำเลวมากแค่ไหน อากิระก็จะทำให้เขาคนนั้นได้จากไปอย่างสงบและหมดห่วงได้ในทันที ทั้งนี้เป็นเพราะเขาไม่อยากให้คนอื่นต้องมาทนทุกข์และเจ็บเหมือนกับเขา

    -ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน อากิระไม่เคยข่มตาหลับให้สนิทได้ลงเลยสักคืน เพราะทุกครั้งเวลาที่เขาหลับ ภาพของคนที่เขาฆ่าจะตามมาหลอกหลอนเขาเสมอ แต่อีกเหตุผลที่เขาไม่ยอมหลับเป็นเพราะ เขากลัวความตาย แม้ว่าจะเป็นผู้เกิดใหม่แล้ว เขาก็ยังกลัวอยู่ดี กลัวว่าถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งเขาเผลอหลับไป เขาอาจจะไม่ตื่นกลับมาอีกเลย และเมื่อเขาไม่ตื่น เขาก็จะไม่รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่เขารักบ้าง ดังนั้นเขาจึงต้องคอยเตรียมพร้อมและเตรียมตัวอยู่ตลอดเวลา

    -ปากไม่ตรงกับใจ ชอบทำตรงข้ามกับสิ่งที่ใจคิด ในใจเป็นห่วง แต่ก็ไม่ยอมแสดงออกมา(ซึ่งถูกแทนที่ด้วยความปากหมาของเขาแทน) สีหน้าของเขาแทบมีเพียงแค่หน้าเดียว(นอกจากตอนโกรธ) แต่ว่าใครจะไปรู้ล่ะว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนที่แสดงความรู้สึกออกผ่านแววตา แต่น้อยคนนักที่จะสังเกตเห็น อย่างตอนที่เขาถูกคนที่สนิทที่สุดใส่ร้าย แววตาของเขาที่มองไปที่คนนั้นจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่ก็พยายามกลั้นไว้กลบเกลื่อนไม่ให้คนอื่นเห็นความอ่อนแอของตัวเอง ยกเว้นเพียงแค่อารมณ์โกรธเท่านั้นที่เขาสามารถแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนและจริงๆจังๆ มักจะชอบทำตัวแกร่งๆแต่ไม่เคยเปิดเผยด้านที่อ่อนแอของตัวเองเลยสักนิดเดียว

    -ไม่เคยแก้ตัว อากิระยอมรับทุกข้อกล่าวหา แม้ว่าคุณจะใส่ร้ายเขาก็ตาม ถึงเขาจะไม่ใช่คนทำ แต่เขาก็ไม่เคยพูดแก้ต่างให้ตัวเอง ปล่อยให้คนเข้าใจผิดดีกว่า เพราะแต่ไหนแต่ไรในสายตาคนอื่นเขาก็เป็นแค่เด็กมีปัญหาคนหนึ่งที่ไม่เคยมีคนสนใจอยู่แล้วนี่ แต่อีกเหตุผลที่เขาไม่แก้ต่างเพราะเขาเคยมีประสบการณ์เพราะไม่ว่าจะพยายามแก้ตัวสักแค่ไหนก็ไม่เคยมีใครเชื่อเขา..และบางทีเสี่ยวหลงเองก็อาจจะไม่เคยเชื่อเขาด้วยเหมือนกัน

    -เก็บทุกอย่างไว้ในใจเพียงลำพัง ไม่เคยระบายให้ใครฟัง ยอมเก็บความเจ็บปวดและความรู้สึกที่อยู่ในใจเอาไว้โดยไม่ยอมปรึกษาคนอื่น ทำได้เพียงแค่แอบมองหมอนั่นอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วงที่ยังไง…เขาคนนั้นก็คงไม่มีวันได้เห็นอีกแล้ว

    โอเค สรุปคีย์ทั้งหมด อากิระเป็นชายหนุ่มที่พยายามทำตัวแกร่งต่อหน้าคนอื่น แต่ลึกๆในจิตใจของเขาก็ยังมีความอ่อนแอที่ถูกซ่อนอยู่ เขาไม่ใช่ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ เป็นตัวละครที่ออกแนวน่าหมั่นไส้ และนั่นก็ขึ้นอยู่กับไรต์ว่าไรต์จะทำยังไงให้เขาเปิดใจกับทุกคน แต่ขอแบบให้ค่อยเป็นค่อยไปนะ

    อาวุธประจำตัว : มีดสั้นและปืนทุกชนิด แต่ปืนหลักๆที่ใช้คือ ปืนสไนเปอร์และปืน Glock 17

    เพิ่มเติม :

    -สไตล์การต่อสู้ของอากิระจะเป็นแนวสตรีท(ข้างถนน)คือ หมัด ขา และ อะไรก็ตามที่หยิบจับมาได้เขาจะใช้มันเป็นอาวุธหมด ขวดแก้ว เสาในรถไฟใต้ดิน ยันดินสอแบบ John Wick (สรุปง่ายๆบู๊โหดเรียกพี่เลยล่ะครับ)

    -ทักษะการยิงปืนของอากิระนั้นมีทั้งระยะใกล้และไกล เขาสามารถลอบยิงจากที่ไหนก็ได้ แต่กระสุนทุกนัดของเขาไม่เคยพลาดเป้าและมันก็จะปักตรงกลางหัวใจ ปลิดชีพเหยื่อทุกรายของเขาภายในคราวเดียว และที่สำคัญกว่านั้นไม่มีใครจับได้ว่าเขาเป็นคนทำเพราะกระสุนไม่สามารถตามตัวเขาได้

    -หลังจากที่อากิระก้าวเข้าสู่วงการทหารรับจ้าง เขาก็เหมือนกับคนไร้ตัวตน ประวัติแทบจะไม่เคยถูกบันทึกเอาไว้ ทุกการเคลื่อนไหวของเขานั้นเงียบสงัดราวกับไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้ รู้ตัวอีกทีคนที่ตกเป็นเหยื่อของเขาก็ถูกฆ่าโดยที่ไม่ทันตั้งตัว จนทำให้เขาได้รับสมญานามในวงการนี้ว่า เพชรฆาตเงา เพราะทำตัวกลมกลืนเหมือนกับเงาตามติดชีวิตเหยื่อเลยก็มิปาน

    -อากิระ มีตาชั้นเดียว แต่ดวงตาของเขานั้นกลับแฝงไปด้วยเสน่ห์ดั่งสายตาของจิ้งจอก หุ่นของเขานั้นแข็งแรงและกำยำตามประสาของคนที่เป็นทหารรับจ้างที่ฝึกฝนมาดี ทว่าโหงวเฮ้งของใบหน้าออกไปทางตัวร้ายซะงั้น แต่ถึงกระนั้นหากเขาเป็นวายร้ายจริง เขาก็คงเป็นวายร้ายที่หน้าตาดีกว่าตัวเอก(โดนเตะ) เขาชอบที่จะไว้หนวดไว้เคราให้ดูน่าเกรงขามมากกว่า ข้อเสียคือเจ้าตัวไม่ค่อยชอบจัดทรงผมของตัวเองแค่หวีแบบสักให้เสร็จๆ พอไปวัดไปวาได้ ดังนั้นภาพก็เลยออกมาอย่างที่เห็น

    -อากิระเน้นใส่เสื้อสีดำ โดยเฉพาะฮู้ดสีดำคือเสื้อที่เขาใส่บ่อยที่สุด คู่กับกางเกงขายาวและหมวกแก๊บ เขาไม่ค่อยแต่งตัวเยอะ แค่แต่งพอปกปิดตัวเองได้ก็พอ ทว่าถึงกระนั้น อากิระกลับดูกลมกลืนกับฝูงชนได้เป็นอย่างดี

    -อากิระชอบสูบบุหรี่ ติดบุหรี่มาก จนขาดไม่ได้ เขาสูบตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตอนกลางคืนก็สูบ ในเวลาทำงานก็เหมือนกัน(ตรงนี้เราอยากให้ไรต์ช่วยทำยังไงก็ได้ เขียนให้ช่วงหลังอากิระเลิกสูบบุหรี่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะ ค่อยเป็นค่อยไป)

    -แม้ว่าจะไม่ต้องกินข้าวก็ได้ แต่อย่างไรเสียเวลาเดินผ่านร้านขายลูกชิ้นปิ้งเขามักจะอดไม่ได้ที่จะเหมาซื้อมันกลับมากิน นั่นเป็นเพราะทุกครั้งที่เห็นมัน เขามักจะนึกถึงช่วงเวลาที่เสี่ยวหลงกับเขาอยู่ด้วยกัน (ถึงแม้ว่าปากจะบอกว่าเกลียดหมอนั่นก็เถอะ)แต่ชอบอ้างว่า พยายามทำตัวกลมกลืนกับมนุษย์ก็เลยซื้อข้าวมากินเสมอ แต่เอ็งก็ไม่เคยแบ่งลูกชิ้นสักไม้ให้เพื่อนเลย

    -ทาสสุนัข และสุนัขทุกพันธุ์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงอย่างเดียวที่ตกอากิคุง(โดนต่อย)ได้อยู่หมัด และบางครั้ง ถ้าใครโชคดีก็อาจจะได้เห็นรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นอ่อนโยนของเขาในยามที่กำลังเล่นกับน้องสุนัขอยู่ก็ได้(แต่คงไม่มีใครได้เห็นหรอก 555)

    -อากิระมีทักษะในเรื่องกีฬาฟรีรันนิ่ง เขาวิ่งได้ไวมาก ซึ่งมันมีประโยชน์อย่างมากเวลาที่ต้องใช้หนีศัตรูที่วิ่งไล่ตามเขามาจากด้านหลังและทุกทิศทาง เขาใส่รองเท้ายี่ห้อไนกี้ที่เสี่ยวหลงส่งมาให้จากอเมริกาเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุ 18 ปี และจนถึงตอนนี้ก็ยังคงใส่มันอยู่

    -อย่าให้อากิระขับรถ เพราะอากิระโคตรหัวร้อน ดังนั้นการเห็นรถที่ติดยาวเป็นขบวนหางว่าวในกรุงเทพมหานครจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เขาฟิวส์ขาด จนอยากจะบีบแตรไล่ให้คนข้างหน้าไปเร็วๆ(คือถ้าขับจริง รถชนกันแน่)

    -อดีตนักเลงหัวไม้ ตอนเรียนอยู่มีแก๊งเป็นขโยง ยกพวกไปต่อยกับโรงเรียนอื่นอยู่บ่อยๆ สไตล์การต่อสู้ระยะประชิดและการใช้อาวุธอย่างไม่ปราณีไม่เคยมีใครล้มเขาได้ คนที่มาท้าเจ็บหนักทุกราย แต่มีคนเดียวที่อากิระไม่สามารถสู้รู้แพ้รู้ชนะได้ ก็คือ เสี่ยวหลง ชายผู้อยู่ร่วมบ้านเด็กกำพร้ากับเขานั่นเอง

    -ความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวหลงและอากิระนั้นมองเผินๆก็คงจะเหมือนกับ Bromance ทว่าในความเป็นจริงมันมากกว่านั้น สำหรับอากิระ เขาไม่สามารถรักใครได้อีกแล้วนอกจาก เสี่ยวหลง จะพูดว่ายังไงดี เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเสี่ยวหลงจะเป็นชายหรือหญิง ถ้าจะพูดให้ถูกความรักของเขามันเกิดจากความผูกพันที่เขามีต่อเสี่ยวหลงโดยปราศจากปัจจัยเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง แต่เขาไม่เคยรู้ตัว ดังนั้นต่อให้อีกคนจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงหรือจะเป็นเพศอื่นๆเขาก็ไม่สนใจ หากคนคนนั้นไม่ใช่ เสี่ยวหลง ผู้ซึ่งเติบโตมาด้วยกันกับเขา(ซึ่งตรงนี้เราไม่รู้ว่ามีคำศัพท์ที่ใช้เรียกความรักประเภทนี้ว่าอะไร กลัวว่าเอามาแล้วจะไม่ตรง) แต่อย่างไรเสียอากิระก็ไม่ได้สนใจเรื่องการเสพสังวาสสักเท่าไหร่ ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นคนไม่มีอารมณ์ทางเพศก็ไม่ผิดนัก…ง่ายๆ ต่อให้ไม่มีความสัมพันธ์ทางกายเขาก็มีความรักได้ หากคนนั้นคือเสี่ยวหลง(อ๊ากกกกกกกกกก ทำไมมันบรรยายยากอย่างนี้ว่ะ!)

    -ติดกาแฟสุดๆ และเล่นฟุตบอลเก่ง

    -ใช้เรฟเยอะมาก แต่เรื่องการถูกทรยศเนี่ย ได้เรฟจาก Snake Eyes : G.I. Joe Origins. 

    -ถ้าสงสัยว่าอากิระหน้าตาเป็นยังไงก็ลองนึกถึงหน้าของคุณ Andrew Koji ดูจร้าาาา

    -ตอนนี้อากิระอายุ 25 ปี เท่ากับเสี่ยวหลง

    -มีแค่เสี่ยวหลงคนเดียวเท่านั้นที่อากิระ ยอมให้เรียกว่า อากิ คนอื่นไม่ยอมให้เรียก

    -ลองเปลี่ยนแนวบ้าง อาจจะแปลกๆหน่อยนะ

    -[Next Station: เสี่ยวหลง]

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×