คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : EPISODE 8 | TRULY
DARK HOUSE
間違えている箇所もあります。
….
e i g h t
ข้างหน้าไม่มีปลายทาง
ข้างหลังไม่มีที่ยืน
เสียงแอร์หึ่งๆเป็นสิ่งแรกที่ลอยเข้าโสตประสาทเมื่อสติกลับมาทำงานอีกครั้ง ความเย็นที่เคยคงอุณหภูมิเดิมในทุกเช้าหนาวเหน็บผิดปกติ ทั้งที่ตั้งใจว่ายังไม่อยากตื่นเต็มตา หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่เพิ่งดังเป็นทำนองเพลงสากลและแรงสั่นเบาๆบนผืนเตียงกลับน่าหงุดหงิดเสียยิ่งกว่าอะไรดีเมื่อรู้ตัวว่าทุกอย่างคงไม่เป็นไปตามใจแล้ว แขนยาวทอดออกไปข้างๆเพื่อควานหาต้นเหตุวนใจสะเปะสะปะ แต่แล้วเปลือกตาก็ต้องลืมขึ้นตามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าความว่างเปล่าไม่ใช่สิ่งที่ควรเจอบนที่นอนข้างกัน
ปาร์คชานยอลดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เลิกสนใจเสียงโทรศัพท์กวนใจและบนเตียงที่มีเพียงหมอนกับผ้าห่ม ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นก้าวไวๆไปทั่วห้อง ทั้งเปิดประตูห้องน้ำ เปิดม่านดูที่ระเบียง จวบจนหยุดอยู่หน้าครัวที่ไม่มีวี่แววของใครบางคนอย่างที่หวังไว้
“....” ในใจตีรวนด้วยความสับสนและหวาดหวั่น อันที่จริง แบคฮยอนควรยังอยู่ในห้องนี้ ไม่ว่าจะนอนข้างกันหรืออยู่ตรงส่วนใดส่วนหนึ่งก็ตามแต่ ครั้นกลับมาที่เตียงและกดข้ามสายที่ไม่ได้รับซึ่งแสดงชื่อหัวหน้าวง ชายหนุ่มก็ต้องหงุดหงิดใจอีกครั้งเมื่อพบว่าในเครื่องไม่มีเบอร์ใหม่ของใครอีกคนอยู่เลย
ชานยอลทิ้งตัวนั่งบนเตียง มือใหญ่ยกขึ้นลูบหน้าแรงๆอยู่สองทีแล้วจึงคิดได้ว่าควรติดต่อกลับอี้ฟานด้วย อย่างไรเสียก็เดาได้ไม่ยากว่าอดีตคนรักจะกลับไปที่ไหน
“ว่าไง”
( อย่าบอกนะว่าเพิ่งตื่น ) อี้ฟานดักคอ คำทักแรกเสมือนเตือนให้ปาร์คชานยอลดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง ( เมื่อคืนคงเมามากสิท่า )
“อืม” คนถูกถามตัดบทกลายๆ ถึงไม่เมาจนน็อคไปอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ แต่เขาคิดว่าที่เป็นอยู่ก็คงไม่ต่าง “ขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวอีกครึ่งชั่วโมง”
( ฉันตกลงกับพี่มินซอกว่าให้แวะไปรับสองคนนั้น ส่วนคอนโดนายเป็นทางผ่านฉันอยู่แล้ว )
เขาตอบรับด้วยเสียงในลำคอ จากนั้นจึงเอนแผ่นหลังลงราบกับผืนเตียงหลังวางสายของหัวหน้าวง ตัดทอนเอาเวลาสักห้านาทีมาอยู่กับตัวเองเงียบๆ ใช้สมองครึ่งคิดและรำพึงถึงเรื่องเมื่อคืนเท่าที่ใจอยาก ทั้งความหอมหวานของความคิดถึง ถวิลหา และรสจูบที่เป็นความจริงหาใช่ฝันลมๆแล้งๆอย่างเคย หากแต่ในความรู้สึกดีนั้นชานยอลมีความหวาดกลัวเต็มเปี่ยม แน่นอนว่าแบคฮยอนไม่ใช่คนเดาทางยาก แต่สองปีที่ฝ่านมาต่างหากที่ยากจะเดาว่ามันทำให้อะไรเปลี่ยนไปบ้าง
ถ้าเซ็กส์เมื่อคืนแทนคำยืนยันว่าเราสามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ก็คงดี เพราะชานยอลหวังไว้เช่นนั้น และเขาคงไม่ต้องรอคำตอบนานนัก ในเมื่อบ่ายวันนี้ เราคงได้เจอกันอีกที่สตูดิโอเพื่อเตรียมตัวขึ้นแสดงไลฟ์ของเอ็มแคปติเวท
ถึงตอนนั้น จะมองกันด้วยสายตาแบบไหนกันนะ?
เขาไม่อยากห้ามยิ้มตัวเองแบบนี้เลย ให้ตายเถอะ
“พี่ว่าเราควรจะมีผู้จัดการวงไหม”
เด็กหนุ่มบ่นกระปอดประแปดขณะเลือกเสื้อผ้าตัวเก่งจากตู้อย่างพิถีพิถัน ถึงแม้จะรู้ว่าคงได้ใส่มันไม่เกินสองชั่วโมงก็ตามที นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เซฮุนคิดว่าเขาจะหัดเลือกชุดในวันรุ่งขึ้นเสียตั้งแต่คืนวันก่อนหน้า กระทั่งคว้าได้เชิ้ตยีนส์แขนยาวตัวหนึ่งและหันมองคนตรงหน้ากระจก ถึงรู้อีกว่าแบคฮยอนไม่มีทีท่าจะได้ยินประโยคคำถามเมื่อครู่เลย
โยนเสื้อลงกับเตียงแล้วสอดสองแขนเข้าจับขนาบเอวอีกฝ่ายทั้งท่อนบนเปลือยเปล่า ไม่ต้องใช้เวลาคิดวิธีหยอกเย้านานนัก เซฮุนก็รู้ว่าทำอย่างไรแบคฮยอนถึงจะกลับมาสนใจเขาได้ ร่างเล็กสะดุ้งเบาๆ น่าแปลกใจเหลือเกินทั้งที่เห็นคนข้างหลังเต็มตาในกระจก แต่นักร้องนำของดาร์คฮอร์สกลับไม่รับรู้ถึงอีกฝ่ายมาก่อน
“เหม่ออะไรครับ” มือขาวขยับจากช่วงเอวไปกุมมืออีกข้างของตัวเองเอาไว้ราวกับเข็มขัดที่รัดคนพี่ให้อยู่กับตัว ยิ่งพอสังเกตเห็นแววตาสั่นไหวซึ่งหลุบหนีกันอย่างนั้น เด็กหนุ่มก็ยิ่งแน่ใจว่านี่คืออาการขวยเขินอย่างเคย “แล้วแบบนี้จะร้องเพลงถูกเนื้อเหรอแบคฮยอน”
“ฉัน --” ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ขณะเดียวกับที่ตาเรียวรีของคนด้านหลังสังเกตเห็นอะไรเข้า เซฮุนนิ่งไปเล็กน้อย หากความคิดในแง่ดีของเขาทำงานเก่งกว่าอีกด้านเป็นไหนๆ
“ไปโดนอะไรมา” คนถามยิ้มขณะมองรอยช้ำต่ำลงไปใต้กกหู ตัดตัวเลือกที่จะทำให้รำคาญใจออกไปจนหมดสิ้น “ผมทายาให้ไหม”
“ไม่เป็นไร” แบคฮยอนรีบตอบปัดโดยไม่มองตา ยกมือขึ้นจับต้นคอตัวเองแก้เก้อก่อนจะเดินฉับๆไปที่ประตูแล้วก็เดินกลับมา ไม่บ่อยนักที่เซฮุนจะเห็นแบคฮยอนลืมสัมภาระอย่างกระเป๋าเป้คู่ใจที่มีทั้งกระเป๋าเงิน ที่ชาร์ตโทรศัพท์และหูฟัง “ป่านนี้สองคนนั้นรอแย่แล้ว นายเองก็รีบเข้าเถอะ”
ไม่จริงหรอก เซฮุนอยากเถียง ก็ตอนที่แบคฮยอนอาบน้ำอยู่ สองคนนั้นที่ว่ายังเมาคอพับจนเขาต้องไปปลุกอยู่เลย ตั้งแต่มาที่โซล มันเหมือนว่าเราทั้งคู่กำลังเกิดความรู้สึกแปลกๆต่อกัน ทั้งในทางดีและทางไม่ดีที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ เซฮุนรู้สึกถึงความอึดอัด หากแต่เขาคิดว่าเอาชนะมันได้
ท้ายแล้วเด็กหนุ่มก็ตกลงปลงใจที่เชิ้ตยีนส์จากเมียงดง เปิดประตูไปปะกับคยองซูที่รีบออกมาจากห้องนอนทั้งที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยดี ใบหน้าของหนุ่มรุ่นพี่เหมือนกับคนที่ยังไม่สร่าง แต่ถึงอย่างนั้น คยองซูก็มีความรับผิดชอบมากพอที่จะไม่ทำตัวอ้อแอ้และงอแงตั้งแต่การขึ้นไลฟ์สัปดาห์แรก และเพราะไม่ได้นอนมาแทบจะทั้งคืน คนเด็กสุดในวงถึงเอาแต่หาวหวอดจนกระทั่งขึ้นรถตู้
ทั้งสี่คนมีสภาพไม่ต่างกันนัก ทุกอย่างล้วนเป็นผลพวงมาจากศึกหนักกับอาร์คเมื่อคืนนี้ เว้นเสียแต่บยอนแบคฮยอนที่นั่งกำมือปิดปากและทอดสายตาไปนอกหน้าต่าง จากที่ไม่ค่อยร่วมวงพูดคุยเรื่องไร้สาระอยู่แล้ว วันนี้เซฮุนสังเกตว่านักร้องนำยิ่งเงียบผิดปกติ
รถตู้ต้องแวะที่บริษัทเพื่อรับเอาสไตลิสต์และช่างแต่งหน้าพร้อมเสื้อผ้าสำหรับการแสดงวันนี้ พวกเขาคิดว่าจะได้ลงจากรถไปเจอจงแดสักหน่อย แต่เพราะสไตลิสต์กับทีมงานอีกคนหนึ่งพูดว่าสายมากแล้ว รถตู้ถึงได้บึ่งออกจากตึกอีกครั้งทั้งที่ล้อยังไม่หายร้อน สตูดิโอของเอสทีวีอยู่ห่างไปอีกประมาณสองเขต ซึ่งเชื่อเถอะว่าตั้งแต่ออกจากคอนโดมิเนียมมา แบคฮยอนรู้ว่าใจเขายังไม่สงบลงเลยแม้แต่นาทีเดียว
สองมือเกี่ยวเข้าด้วยกันก่อนจะประสานจนแนบแน่น เขาไม่ชอบตอนที่มือชื้นเหงื่ออย่างนี้ หากแต่มันก็เป็นทางเดียวที่พอจะช่วยกลบเกลื่อนความรู้สึกหลังเหตุการณ์เมื่อคืนได้ ไม่ว่าจะไปทางไหน นั่งข้างใคร ก็คล้ายกับกลิ่นโคโลญจน์ของปาร์คชานยอลยังติดจมูก คล้ายกับสองขายังขยับรับร่างผู้ชายคนนั้น และริมฝีปากเราก็เชื่อมกันอย่างดูดดื่มทั้งที่ห่างกันมาไกลหลายกิโลเมตรแล้ว ซึ่งมันน่าตลกสิ้นดีที่ไม่มีเวลาให้แบคฮยอนอยู่คนเดียวมากพอจะจัดการตัวเอง
โชคดีว่าอาร์คยังมาไม่ถึงที่นี่ ดังนั้น ห้องแต่งตัวจึงเป็นปราการปกป้องนักร้องนำวงดาร์คฮอร์สจากความสับสนอลหม่านในใจได้เป็นอย่างดี
แล้วใจทั้งดวงก็ต้องหล่นวูบ เมื่อประตูถูกเปิดเข้ามาโดยพลการจนไม่รู้จะทำสีหน้าอย่างไร
“เฮ้เซฮุน นายกลับไปตอนไหนน่ะ” อาร์คคงเพิ่งมาถึงหลังดาร์คฮอร์สไม่นาน นอกจากจงอินแล้วไม่มีวี่แววของใครมาให้ลำบากใจอีก
“จงอิน” เจ้าของชื่อถอยออกจากบานประตูหลังเสียงเรียกชื่อตามมารยาท เขารอกระทั่งเซฮุนเดินมาถึงธรณีด้วยตัวเอง เรือนผมสีบลอนด์ถูกเซ็ทเป็นทรงหน้าม้าเปิดหากแต่ยังไม่แต่งหน้า “ผมกลับมาตอนเช้ามืด ได้นอนไปไม่ถึงสามชั่วโมงเลย”
“ไม่ต่างกัน” คนฟังหัวเราะเบาๆ “ลู่หานยังไม่สร่างเมาด้วยซ้ำ ก่อนออกมานี่ก็อ้วกไปอีกรอบ”
“อ้าว แล้วแบบนี้จะไหวเหรอครับ” เซฮุนแสดงความเป็นห่วงอย่างสัตย์จริง เห็นสภาพคยองซูก็ว่าเป็นห่วงแล้ว แต่เขารู้ว่าลู่หานน่ะดื่มหนักกว่าใครเพื่อน
“ไม่รู้สิ” จงอินหมายความตามที่ว่า “แต่มีช่วงหนึ่งก็เป็นอย่างนี้บ่อยอยู่ หมอนั่นสุดโต่งแบบนี้เสมอนั่นแหละ”
ถึงตรงนี้ มือกีต้าร์วงดาร์คฮอร์สก็ไม่รู้จะตอบอะไรคนตรงหน้าแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บยอนแบคฮยอนที่เอาแต่ภาวนาไม่หยุดให้เซฮุนรีบปิดประตูนั่นเสีย เขายังไม่พร้อมเจอใครบางคนตอนนี้ แต่ดูเหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจสักเท่าไรนัก เมื่อใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ว่าโผล่เข้ามาในกรอบสายตา ยืนซ้อนข้างหลังคิมจงอินด้วยเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำให้โอเซฮุนเขินตายไปเสียก่อน
“ชานยอล!” เด็กหนุ่มผมทองยิ้มร่า ชานยอลยิ้มตอบพอเป็นมารยาทเหมือนเคย และเท่าที่จำได้ หมอนั่นเคยรักษามารยาทดีกว่านี้มาก
ขายาวก้าวฉับๆเข้ามาภายในห้องแต่งตัว สวนเซฮุนและจุนมยอนที่ได้ทักทายกันอยู่สองสามประโยค คยองซูซึ่งยังพะอืดพะอมอยู่ตรงโซฟาฝืนยิ้มให้เพื่อยืนยันว่าไม่ได้เก็บเรื่องของเกลย์มาติดใจจริงๆแล้ว ท่ามกลางความตื่นตระหนกที่ปาร์คชานยอลก้าวไปจนประชิดตัวนักร้องนำคู่อริ ทุกคนต่างพากันกลั้นหายใจราวกับว่ามวยคู่เอกจะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า
เพียงแต่ผิดแผนไปหน่อย เมื่อใบหน้าหล่อเหยียดรอยยิ้มบางออกมา “ไปสูบบุหรี่ด้วยกันไหม”
นั่นเป็นข้ออ้างที่ห่วยแตกเป็นบ้า!
ถ้ามีใครสักคนพนันว่าบยอนแบคฮยอนจะหันมาด่าอดีตมือกีต้าร์ร่วมวงจนเสียศูนย์เหมือนที่ผ่านมา เชื่อว่าไม่มีใครคาดคิดเรื่องที่จะหมดตัวในวันนี้หรอก “ไม่ว่าง”
ชานยอลพูดเสียงเบาลงจนเป็นกระซิบ “เรามีเรื่องต้องคุยกัน แบคฮยอน”
“....”
ONE OK ROCK - Pierce
เซฮุนไม่รู้ว่าสิ่งที่ทุบอยู่ในอกซ้ายคืออะไร อีกแล้วที่ความรู้สึกแปลกๆเล่นงานเด็กหนุ่มจนไม่รู้จะกลั่นกรองคำพูดใดออกมาระหว่างนี้อีก ตั้งแต่เข้าวงดาร์คฮอร์สมา เซฮุนอยู่กับความลับ -- ไม่สิ ก็แค่เรื่องที่ไม่มีใครพูดถึงมาตลอด ใครสักคนเคยพูดว่าชานยอลกับแบคฮยอนค่อนข้างสนิทกัน แต่เขากลับคิดต่างออกไปนิดหน่อย มันมีช่องว่างเหมือนกับสุญญากาศ... ที่ถึงแม้จะเป็นความมึนตึงเช่นที่แล้วมา เซฮุนก็คิดว่ามันเป็นช่องที่ไม่มีใครแทรกกลางได้ และที่สำคัญ แบคฮยอนสูบบุหรี่เสียเมื่อไร
“ฉันก็อยากสูบุหรี่พอดี” จงอินโพล่งขึ้น คล้ายกับว่าสิ่งที่อยู่ในหัวเขาไปโพล่งออกทางปากชายผิวแทนคนนี้อย่างไรอย่างนั้น ถ้าเป็นลู่หานล่ะก็ เซฮุนคงจะจำกัดความสายตาอีกฝ่ายตอนนี้ว่าวิบวาว แต่เพราะว่าเป็นจงอิน ทุกอย่างถึงยังดูเป็นปกติและไม่มีใครรู้สึกถึงความอึดอัดนี้เว้นเสียแต่ชานยอลกับแบคฮยอน
ร่างสูงยังยืนนิ่ง มองลาดไหล่ของอดีตคนรักที่ไม่ยอมหันมาสบตา
“ทำไมเมื่อคืนถึงกลับไปก่อนโดยไม่บอก”
ปาร์คชานยอลตัดบททุกอย่างด้วยคำถามทะลุเข้าตรงกลางปล้อง และมันได้ผลทีเดียว เมื่อใบหน้าขาวมึนตึงของคู่สนทนาหันขวับกลับมาแทบจะทันที โอ... แน่ล่ะ ตอนนี้บยอนแบคฮยอนโมโหแน่ๆแล้ว เขาไม่ชอบเลยที่ตัวเองกลายเป็นเป้าสายตาท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนที่เหลือ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนึ่งในนั้นคือโอเซฮุน
เขารู้อีกว่าอะไรที่สามารถทำให้ทุกอย่างจบไวที่สุด ร่างเล็กจึงหันกลับเดินฮึดฮัดออกไปทางประตูโดยที่ไม่ได้เปิดปากกับใคร แน่นอนว่าชานยอลเดินตามไปติดๆ ทั้งยังสร้างกำแพงมหึมาชนิดที่ไม่ต้องการให้ใครเสนอหน้าเดินตามถ้าไม่ถูกชวนด้วย
เซฮุนไม่ชอบให้ตัวเองเป็นอากาศ ถึงแม้ว่าอีกสามคนที่เหลือจะไม่ได้ปล่อยให้เขารู้สึกอย่างนั้นเพียงลำพัง
“อย่าพูดแบบนั้นต่อหน้าทุกคนอีก” แบคฮยอนว่าทันทีที่ทั้งคู่เลี่ยงมายังทางเดินแคบๆด้านหลัง บันไดหนีไฟไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก เพราะความลับจะก้องไปยังคนตรงชั้นอื่นๆอย่างกับเดินไปบอกเอง
“ไม่มีใครคิดอะไรหรอกน่า”
“....”
“หรือว่านายคิด?”
“หุบปากไป ปาร์คชานยอล” คนถูกถามสวน ซึ่งคนได้คำตอบก็ถือเอาว่าการต่อปากต่อคำเป็นพัฒนาการที่ดี มันคล้ายกับตอนที่เราเคยเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระไม่มีผิด
“นี่แบคฮยอน เรื่องเมื่อคืน --”
“มันไม่มีความหมายอะไร”
คนตัวสูงนิ่งไปถนัดตา ถึงอย่างนั้น ภูมิต้านทานในเรื่องนี้ของชานยอลก็ยังทำงานดีจนน่าตกใจ เขาสงบนิ่ง รอจนแบคฮยอนพูดอีกประโยคหลังการสูดลมหายใจลึกให้จบ
“ฉันหมายถึง... มันไม่ได้หมายความว่าเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
แววสั่นไหวในดวงตาทำให้ชานยอลก้ำกึ่งระหว่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คงไม่มีคนรักเก่าที่ไหนยอมมีเซ็กส์กันทั้งที่ไม่รู้สึกอะไร และถึงเขาจะรู้ แบคฮยอนรู้ ก็ใช่ว่าคนตัวเล็กจะแสดงออกว่าสามารถยอมรับมันได้เสียเมื่อไร
“เอาเถอะ” มือกีต้าร์วงอาร์คถอนหายใจ “แค่จะเอาของที่ลืมไว้มาคืน”
แบคฮยอนขมวดคิ้วหลังฟังจบ ที่แน่ๆคงไม่ใช่กระเป๋าเงินหรือว่าโทรศัพท์ แล้วเขาก็คิดไม่ออกว่ามีอะไรที่พกติดตัวจนสามารถไปลืมไว้ที่ห้องนั้นได้อีก จากนั้น คำตอบจากปริศนาที่ชานยอลพูดออกมาถึงได้รับคำเฉลย จี้กุญแจและสร้อยแบบหนังสีดำห้อยลงจากมือใหญ่ ส่องแสงวาววับสะท้อนเข้ากับตาเรียวรีจนเป็นภาพตรงหน้า อกซ้ายบีบรัดแน่นจนน่ากลัวว่าหัวใจคงเล็กกว่ากำปั้นเสียแล้วเมื่อเห็นว่าผิวสแตนเลสยังมีรอยเหงื่อขุ่นๆจากมือของเขาและอีกฝ่ายชัดเจน
“....”
อาจจะสักนาที ครึ่งนาที หรือแค่ห้าวินาทีที่ต่างฝ่ายต่างเงียบใส่กันอย่างนั้น ไม่รู้ว่าควรต้องรู้สึกอย่างไร ลมหายใจติดขัดจากความสับสนที่ตีรวนข้างใน ซึ่งบยอนแบคฮยอนยอมรับอย่างสัตย์จริงว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เขายิ้มออกเช่นที่คนตรงหน้าอยากได้
“มันไม่เหมือนเดิมแล้ว” ที่สำคัญ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ปาร์คชานยอลให้ความรู้สึกเหมือนโปสเตอร์สักใบบนผนัง แจ็กเก็ตหนังที่สวมอยู่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนวงเมทัลลิก้าไม่ผิดเพี้ยน ทว่ามันไร้ตัวตนเกินไป “ความรู้สึกที่ฉันมีให้นายมันไม่เหมือนเดิม”
“แบคฮยอน”
ชานยอลคิดว่าแบคฮยอนอ่อนลงแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่ดีขึ้น
“เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว” เสียงนั้นแข็งขึ้นอีกครั้งเมื่อพวงแก้มกำลังจะถูกปลอบประโลมด้วยสัมผัสอุ่นๆจากมือของใครอีกคน ตรงกันข้ามกับดวงตาที่รังแต่จะหลุบลงเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ไม่ใช่อย่างนี้ที่มือกีต้าร์ของอาร์คต้องการ
“เพราะอะไร” ชานยอลอดทนถาม ลดมือที่ถือสายสร้อยลงไว้ข้างตัวช้าๆ
เพราะอะไร -- อะไรที่ทำให้เราเป็นอย่างนี้
ฉัน นาย คนที่สาม หรือว่าโลกนี้
ถ้าแสดงความเกรี้ยวกราดออกไปเสีย แบคฮยอนก็คงจะหนีจากสถานการณ์ตรงนี้ได้ไม่ยาก แต่เขาเหนื่อยเกินกว่าจะเล่นละครอย่างนั้นเพื่อผลักไสไล่ส่งแล้วเชื้อเชิญคนตรงหน้ากลับมาใหม่แล้ว
“แบคฮยอน”
ถึงอย่างนั้น แบคฮยอนก็ไม่ได้ต้องการตัวช่วยชั้นดี
“ฝ่ายสเตจเรียกเรา เหมือนจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรสักอย่าง”
โอเซฮุนอยากแสดงออกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจมาอยู่ที่นี่ แต่เด็กหนุ่มโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าอะไรที่ทำให้นักร้องนำตรงหน้ายอมเชื่อคำลวงโง่ๆแบบนี้ หลังความตื่นตระหนกทางสายตา ร่างเล็กไม่แม้กระทั่งจะมองอะไรนอกจากทางเดินและก้าวฉับๆสวนเขาไป ซึ่งถ้าเป็นเวลาปกติ เซฮุนคงเลือกได้ยากว่าจะอาศัยโอกาสนี้จับจ้องไอดอลในดวงใจนานๆหรือตามรุ่นพี่ร่วมวงไปดี
แต่ที่ว่างในใจเขาไม่ได้มีมากขนาดนั้น ยิ่งในตอนที่เดินตามแบคฮยอนไปติดๆหลังละสายตาจากจี้ลูกกุญแจในมือใครอีกคนได้ แล้วเห็นรอยช้ำสีแดงใต้กกหูคอยกวนใจไม่ให้อยู่สุข เรื่องเมื่อคืนผิดไปถนัด แบคฮยอนไม่ได้หมางเมินโทรศัพท์เพราะเมาหลับอยู่ที่ห้องอย่างที่ปล่อยให้เขาเข้าใจ
เซฮุนอยากกลับไปเป็นเด็กมองโลกในแง่ดีคนเดิม หากเขากลัว -- กลัวเหลือเกินว่าโลกในความจริงจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้น เช่นความรู้สึกประดังประเดที่โถมเข้ามาจนต้องกระชากคนข้างหน้าเข้ามากอดอย่างไร้เหตุผล
กอดเหมือนกับเมื่อเช้า แต่ต่างกันที่บยอนแบคฮยอนทิ้งน้ำหนักให้เขาทำตามใจทั้งร่างกายสั่นเทา
Because we can see how it's going to end.
“ไง”
ลู่หานเงยหน้าขึ้นจากยาดมที่ถืออังจมูก สีหน้าอิดโรยถูกซ่อนไว้ภายใต้เครื่องสำอางหนาเตอะ แล้วก็น่าแปลกใจนิดหน่อยที่นักร้องนำวงอาร์คอยู่ในห้องแต่งตัวเพียงลำพัง แต่ไร้วี่แววของคิมจงอินกับอู๋อี้ฟานที่เดาว่าคงหายไปเตรียมความพร้อมเรื่องเครื่องดนตรี แจ็กเก็ตเซนต์ลอเรนซ์ถูกพาดอยู่บนพนักโซฟาข้างๆ ชานยอลจึงเลือกนั่งลงยังที่ว่างอีกฝั่ง
“ไหวไหม” เขาไม่ได้กลิ่นบุหรี่ของตัวเอง ซึ่งคงตรงข้ามกับลู่หานที่ไม่รู้ว่าพะอืดพะอมเพราะอาการแฮงค์เดิมๆหรือกลิ่นเหม็นไหม้นี้กันแน่
“คิดว่าไหว”
มือกีต้าร์ไม่ได้ตอบว่า ให้มันจริงอย่างที่พูด แต่ลู่หานก็พอเดาได้จากสีหน้า
“เดี๋ยวจงอินกับอี้ฟานก็กลับมา ว่าแต่นายแต่งหน้าเสร็จหรือยัง”
“คิดว่าเสร็จแล้วนะ” ปาร์คชานยอลมองตัวเองผ่านกระจกติดผนังเหนือเคาน์เตอร์ที่ทอดยาวเต็มฝั่งหนึ่งของห้อง ปากเขาซีดกว่าทุกทีนิดหน่อย คงจะเป็นผลจากบุหรี่ที่พร่องไปค่อนซองในกระเป๋ากางเกง เมื่อนึกขึ้นได้ก็ยกสะโพกขึ้นเล็กน้อยเพราะกลัวจะทับมันหักไปเสียก่อน บุหรี่กลิ่นเมนทอลถูกวางไว้บนโต๊ะเตี้ยใกล้ๆรวมกับซิปโป้สีเงินที่ได้เป็นของขวัญจากแฟนคลับเมื่อไม่นานมานี้ ชานยอลเพิ่งเอาไปเติมน้ำมัน แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นตัวเลข 1992 ตรงก้น
“โว้ว ราคาเท่าไหร่เนี่ย” ลู่หานคงเพิ่งเห็นมันเช่นกัน
“ไม่รู้สิ ได้มาน่ะ”
“ให้ตายเถอะ ถ้าเกิดว่าจงอินเห็นล่ะก็ --” อีกฝ่ายหัวเราะเสียงดังลั่น “ระวังหายก็แล้วกัน เผลอๆคงประมูลได้แพงกว่าค่าตัวเราทั้งเดือนอีกมั้งเนี่ย” แฟนคลับของอาร์คทุ่มเสมอ สำหรับคนเคยจนแล้ว ชานยอลนึกภาพไม่ออกหรอกว่าคนพวกนั้นไปหาเงินมาจากไหนมากมาย
สิ้นบทสนทนาเรื่องซิปโป้ พวกเขาก็ไม่รู้จะคุยอะไรกันต่อ หรืออันที่จริงคงเป็นเพราะลู่หานเงียบกว่าปกติมากกว่า เราไม่ได้สนิทกันมากพอจะเดาได้ในทันทีว่าคนข้างตัวมีอะไรในใจ นอกจากแบคฮยอนแล้ว ปาร์คชานยอลก็ไม่ใช่พวกที่จะเปิดปากถามเรื่องของคนอื่นเอาดื้อๆด้วย
“เมื่อคืน” คนตัวสูงใจเย็นพอที่จะรอจนอีกคนเปิดบท “นายไปต่อกับแบคฮยอนสินะ”
ถึงจะกรึ่มๆอยู่ในรถแท็กซี่ แต่ลู่หานก็จำได้ว่าภาพสุดท้ายที่เห็นคือชานยอลกำลังง่วนอยู่กับรถตู้ของดาร์คฮอร์ส หนำซ้ำยังอยู่กับบยอนแบคฮยอนที่แสร้งทำเป็นเกลียดอาร์คนักหนาเสียด้วย ยอมรับว่าเขานิสัยไม่ดีสักเท่าไร แล้วก็ไม่ใช่ผู้ชายประเภทแมนๆอย่างที่ว่าจะมองเรื่องของคนอื่นผ่านแล้วเลยไป เขาจึงสนใจในความสัมพันธ์แปลกประหลาดระหว่างดาร์คฮอร์สกับชานยอล และจำกัดวงแคบลงที่คนสองคนไว้ที่ความพิเศษ ยิ่งพอมือกีต้าร์ไม่ตอบอย่างนี้แล้ว มันก็น่าสนุกดีถ้าเขาจะก้าวผ่านความเป็นส่วนตัวเข้าไปอีกหน่อย
“รู้ไหม ฉันเพิ่งจะนึกเรื่องที่นายเคยบอกออกเมื่อกี้นี่เอง” บุหรี่และซิปโป้ยังว่างนิ่งอยู่บนโต๊ะ ซึ่งถ้าทำได้ ลู่หานคิดว่าชานยอลคงอยากให้มันหายจากตรงนั้นไปคาบอยู่ที่ปากแน่ “ผิดคาดเหมือนกันนะที่เป็นคนแบบนั้น”
“....”
คนพูดเลิกคิ้วมอง อยากรู้ว่าชานยอลจะมีปฏิกิริยาใดหรือเปล่า ใจหนึ่ง ลู่หานก็คิดว่ามันสนุก แต่อีกใจที่ไม่ปดกับตัวเองแล้ว มันค่อนข้างน่าหงุดหงิดพอสมควรเลยเมื่อไม่ได้รับคำปฏิเสธ
ร่างผอมขยับยุกยิก เท้าเข่าเอาไว้ข้างหนึ่งก่อนจะตวัดขาพาตัวไปคุกเข่าคร่อมหน้าขาอีกฝ่ายเอาไว้ในท่าล่อแหลม ดวงตากลมโตหลุบมองชานยอลที่เผลอยกมือขึ้นเกาะเอวเขาโดยอัตโนมัติ ถึงแม้จะตกใจ กระนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ยังราบเรียบสมกับคอนเซปท์ที่แฟนๆหลงใหล โอ้ ลู่หานไม่เคยนึกอยากเอาตัวเองลงไปรวมด้วยเลยสักครั้ง ซึ่งมันคงจะดีเหลือเกินถ้าอะไรต่อมิอะไรเป็นไปตามที่คิดเสียหมด
“ใช่จริงๆสินะ” มือเรียวเลื่อนไปเสยเรือนผมที่ไม่ถูกเซ็ทแข็งเป็นทรงเปิดหน้าผาก ชานยอลไม่ได้จริงจังนักกับการเล่นหัว นี่เป็นอีกหนึ่งในหลายเรื่องที่ชายหนุ่มอะไรก็ได้ “แบคฮยอนคนนี้นี่เอง”
ลู่หานไม่เคยกลัวสายตาของคนตัวสูงกว่า ยิ่งเป็นในตอนที่มันไม่สู้ความจริงจากปากเขาอย่างนี้แล้ว
“ถ้าไม่อยากให้รู้ก็โกหกสิ” เสียงของนักร้องนำแข็งขึ้น
เขาพอใจที่ตาสั่นไหวคู่นั้นมองตอบ ใบหน้าของคนสองคนอยู่ใกล้เสียจนลู่หานจำต้องนึกถึงความลับข้อนั้นอีกครั้ง หากมันก็ตามมาด้วยความหงุดหงิดเหลือคณาจนต้องหัวเราะกลบเกลื่อน แสร้งกลับคืนสู่ความปกติและปล่อยให้ความใกล้ชิดนี้ว่างเปล่าอย่างที่ควรจะเป็น
“นาย --”
“ดีขึ้นหรือ --”
คิมจงอินยั้งเสียงเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะถลาไปข้างหน้าเล็กน้อยเมื่อแผ่นหลังถูกชนโดยร่างที่สูงกว่าอย่างอู๋อี้ฟาน หากแต่พอหัวหน้าวงเงยขึ้นมองไปยังเป้าสายตาเดียวกัน จงอินก็แน่ใจว่าไม่ใช่เขาคนเดียวแน่ที่กำลังปากค้างกับภาพที่เห็น ลู่หานเอี้ยวตัวกลับมามองตอบโดยไร้อาการตกใจ ส่วนชานยอลก็ -- ใช่เลย นิ่งเฉยอย่างทุกที
“ฉันมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า” จงอินไม่แน่ใจนัก ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากรีบตีโพยตีพายไปเพียงเพราะแค่เห็นผู้ชายสองคนกำลังคร่อมกันในท่าล่อแหลม ฟิคชั่นคู่ยอดฮิตในบอร์ดแฟนคลับคงไม่มีมูลความจริงกระมัง
“แค่แกล้งกันเล่นน่ะ” ลู่หานถอยตัวออก เหยียบเท้าลงกับพื้นก่อนจะเหยียดตัวยืนเต็มความสูง ใบหน้าเบือนหนีไปหาคนมาใหม่ราวกับคนบนโซฟาไม่อยู่ในความสนใจมาก่อน “ยังมีเวลาอีกพักใหญ่ๆใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน”
อี้ฟานกระแอมไอ “ยังไม่ดีขึ้นอีกหรือ”
“จะอ้วก”
นอกจากจะไม่หยุดฝีเท้าแล้ว นักร้องนำยังพาตัวเองเดินสวนไปทางประตูแล้วปิดให้เรียบร้อย ทิ้งคนขี้สงสัยสองคนไว้กับคำตอบโลกแตกและความอึมครึมที่ตกค้างอยู่กับมือกีต้าร์ มือเรียวยกขึ้นปิดปากหลังสิ้นเสียงปิดประตู มันไม่ใช่เพราะเขายังคลื่นเหียน แต่เพราะลู่หานรู้สึกโมโหตัวเองมากเกินไปต่างหาก ใบหน้าปรากฏริ้วแดงก่ำอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็น ซึ่งให้ตายเถอะ อย่าว่าแต่ใครคนนั้นเลย ลำพังให้มองตัวเองตอนนี้ยังไม่กล้าด้วยซ้ำ
อดทนอีกนิด แค่ทำเหมือนเดิมก็พอแล้ว ถึงจะบอกตัวเองอย่างไร แต่ไอ้ความคุกรุ่นที่กำลังดิ้นเร่าข้างในนี่สิที่เป็นปัญหา ลู่หานไม่ชอบให้ใครมีอิทธิพลต่อความรู้สึก
ไม่ชอบ
เขาแน่ใจว่าอย่างนั้น ทั้งที่รู้
โอเซฮุนพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แต่การสงบใจในระหว่างสแตนด์บายช่างเป็นเรื่องยากสิ้นดีในเมื่อสายตายังเอาแต่เฝ้าสังเกตบยอนแบคฮยอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความกังขา จะทำอย่างไรดี หลายครั้งที่ในหัวเอาแต่พ่นพูดคำนี้โดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง
แบคฮยอนดื่มน้ำเปล่าจากขวดที่สตาฟนำมาให้ไปอึกใหญ่ สีหน้ามุ่งมั่นนั้นเคลือบแคลงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างเช่นที่เซฮุนกำลังเป็น เรื่องของปาร์คชานยอลกำลังรบกวนจิตใจเขา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ถอดแหวนออกจากนิ้ว การโต้เถียง หรือแม้แต่เรื่องที่เด็กหนุ่มคิดเองเออเองไปเมื่อคืนก่อนจะรู้ว่ามันตรงกันข้าม เกินกว่าคำว่าคาดไม่ถึง เซฮุนกำลังรู้สึกบางสิ่งบางอย่างที่รุนแรงยิ่งกว่า
ก่อนขึ้นซ้อมรอบแรก เขาจับมือของแบคฮยอนและลูบไปมาบริเวณรอยสักตรงนิ้วนางข้างซ้าย เซฮุนอยากสักมันคู่กัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ความว่างเปล่าของเขามีความคิดบังเกิดขึ้นมา หากรอยสักนี้มีความหมายอยู่แล้ว หากจุดที่โอเซฮุนยืนมันเป็นที่ของใครมาก่อน เขาไม่แน่ใจว่าทำไมถึงคิดแบบนี้ มันไม่ดีเลย เซฮุนรู้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถดับความฟุ้งซ่านบ้าๆบอๆแบบนี้ได้ แล้วเขาต้องการอะไร อยากรู้อะไรอย่างนั้นหรือ เด็กหนุ่มถามตัวเอง แต่ใจกลับตอบว่า นายไม่ได้ต้องการคำตอบจริงๆหรอก
“เฮ้ เตรียมตัวขึ้นเวทีได้แล้ว” คยองซูสะกิด ไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้าน้องเล็กเอาแต่ทำสายตาเลื่อนลอยทั้งที่พวกเขามีโอกาสซ้อมแค่ยี่สิบนาที “วันนี้ทั้งวันเวทีไม่ใช่ของเรานะ”
เซฮุนพยักหน้ากับคำเตือน เขารู้ว่าถ้าพังตั้งแต่การขึ้นไลฟ์ครั้งที่สองจะเป็นอย่างไร แล้วก็แทบไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในการแสดงจริงๆด้วย แม้แต่พวกไอดอลที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลาก็เถอะ เด็กหนุ่มไม่อยากพลาด เขาจึงพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จะสลัดแบคฮยอนออกจากหัวภายในเวลาที่เหลืออยู่ กระทั่งอีกฝ่ายขืนมือเล็กน้อยเพื่อขออิสระ เซฮุนจึงยอมปล่อยให้การกอบกุมเป็นหมันแต่โดยดี
เด็กหนุ่มแค่นหัวเราะ คว้ากีต้าร์ไอบาเนซสีขาวขึ้นสะพายแล้วก้าวตามพี่ในวงขึ้นบนเวที
น่าแปลกอีกที่เสียงกรี๊ดฮือฮาจากกลุ่มผู้ชมไม่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น นี่ไม่ใช่การถ่ายทอดสดจริง ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็แน่ใจว่าจุนมยอนให้ความสำคัญกับยี่สิบนาทีมากเหลือเกินเมื่อมีผู้ชมร่วมอยู่ในฮอลล์ด้วย ซึ่งใช่ เขาก็ให้ความสำคัญกับมันเช่นกัน ทว่ายิ่งฝืนดึงตัวเองกลับมาเท่าไร ใจที่ยิ่งอยากตะกายไปหาบยอนแบคฮยอนก็ยิ่งออกแรงมากขึ้นจนน่าโมโห
แม่งเอ๊ย มีสมาธิหน่อยสิโว้ย เซฮุนสบถปรามตัวเอง
กระทั่งคล็อคสไตรค์กำลังจะเข้าท่อนฮุค เสียงแปร่งจากกีต้าร์ไฟฟ้าก็ดังขึ้นกลบทุกอย่าง
“If we could realize that --”
โอเซฮุนนิ่งไป ดวงตาคมช้อนขึ้นมองรุ่นพี่ในวงอย่างช้าๆ ประสานเข้ากับสายตาของนักร้องนำที่ราวกับจะร้องถามเหตุสุดวิสัยซึ่งเกิดขึ้น จุนมยอนทำท่าจะเดินเข้ามาปลอบน้องเล็กถ้าไม่ติดว่าเบสสเปคเตอร์คู่ใจกำลังต่อสายเชื่อมกับเครื่องมือบนเวที กระทั่งเป็นคยองซูที่ผุดจากตำแหน่งกลองมาถึงตัวไวกว่า เสียงทุ้มกระซิบถามเซฮุนท่ามกลางความงุนงงจากคนทั้งฮอลล์
“ไปเปลี่ยนสายกีต้าร์ก่อนไหม”
เขาไม่ถูกตำหนิที่ลืมเช็กสายก่อนขึ้นซ้อม หรือจะเป็นเรื่องที่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ห่วยแตกบรม หนึ่งในสต๊าฟรีบวิ่งคั่นเดดแอร์เข้ามาตำแหน่งมือกีต้าร์ ก่อนจะเสนอทางเลือกว่าให้สลับเอาวงต่อไปขึ้นมาซ้อมก่อน ดาร์คฮอร์สจะได้มีเวลาซ่อมแซมเครื่องไม้เครื่องมือของตนเอง
หากทันทีที่ลงมาถึงด้านล่างเวที เด็กหนุ่มตัวสูงก็ถอดเครื่องดนตรีออกจากตัวและดิ่งหายไปท่ามกลางสายตาคนในวง คยองซูได้ยินเซฮุนพึมพำว่าขอเวลาสิบนาที ซึ่งพอบอกออกไปอย่างนั้น จุนมยอนจึงช่วยเสริมว่าสิบนาทีที่เหลือก็น่าจะพอสำหรับเปลี่ยนสายเช่นกัน
แบคฮยอนอธิบายกิริยาคิ้วขมวดบนใบหน้าว่าแค่ไม่พอใจสถานการณ์ มันเกิดขึ้นต่อหน้าแฟนคลับและทำให้เสียเวลาไปอีกโข กระนั้นการจะโทษเซฮุนก็คงใจร้ายเกินไป ความผิดพลาดของอุปกรณ์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อช่วงหลังพวกเขาซ้อมหนักวันละหลายชั่วโมง อย่างไรเสียก็ดีกว่าไปขายหน้าตอนถ่ายทอดสด
ถ้าให้เปรียบความรู้สึกของโอเซฮุนในตอนนี้ เอาเป็นว่าเขาเสียศูนย์เหมือนกับเจ้าไอบาเนซคู่ใจไม่มีผิด ระบบยืดหยุ่นในใจเขาไม่ยอมทำงาน มันขึงตึงสภาพอารมณ์จนห่างไกลคำว่าปกติไปโข เพียงแต่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในห้องซ้อมที่เขาจะหยุดเล่นเมื่อไรก็ได้ เซฮุนไม่มีบ้านให้กลับ ไม่มีมุมเมืองอับๆให้เขาคุ้นเคยพอจะเตะกระป๋องน้ำอัดลมใส่กำแพงจนสาแก่ใจ
การเก็บงำมันช่างทรมาน ยิ่งโตขึ้นเท่าไรความเป็นจริงข้อนี้ก็ยิ่งเด่นชัด
“อ้าว ไม่ได้ซ้อมอยู่หรอกเหรอ”
โอ ให้ตายเถอะ ขอเลยว่าเขายังไม่อยากพบใครตอนนี้ ถึงแม้คนๆนั้นจะเป็นนักร้องนำของวงดังก็ตาม เซฮุนสูดลมหายใจลึก มองผ่านกระจกหน้าอ่างล้างมือไปถึงคนที่เพิ่งเข้าห้องน้ำชายมา ลู่หานหยุดยืนใช้อ่างล้างมือข้างๆ ปลายนิ้ววักน้ำจากก๊อกไปลูบหน้าลูบคอจนน่ากลัวว่าจะล้างเอาเครื่องสำอางออกมาด้วย
“ครับ” เขาตอบแบบขอไปที “มีเหตุสุดวิสัยน่ะครับ พี่สต๊าฟเลยให้ยูนีคขึ้นซ้อมก่อน”
“อ้อ” ลู่หานพยักหน้ารับ พยายามนึกหน้าวงน้องใหม่ที่ชื่อยูนีคจนพอคุ้นว่าอาจจะมาจากค่ายบีทเบค
เซฮุนเหลือบมองลู่หานที่จงอินบอกว่าเมาเละ ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆในเมื่อเจ้าตัวพ่นลมหายใจผ่อนอากาศพะอืดพะอมออกมาหนึ่งทียาวๆ ทั้งสีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก อาจจะแย่กว่าเขาที่มีปัญหาด้านอารมณ์และสมาธิด้วยซ้ำไป
“คุณไหวหรือเปล่า”
คนถูกถามหันมามอง จากนั้นลู่หานก็แค่นหัวเราะเบาๆตามประสา “ไม่ไหวแล้วทำอะไรได้ล่ะ แคนเซิลงานแล้วยอมโดนหักค่าตัวงั้นเหรอ”
ที่พูดมามันก็ถูก เซฮุนไม่แน่ใจว่าตอนนี้ถึงสิบนาทีที่เขาขอไว้หรือยัง
“เซฮุน” ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรใหม่ คนข้างตัวก็ส่งเสียงเรียกให้เขาหันไปต่อบทสนทนาอีกรอบ “คืนนี้ไปดื่มกันอีกไหม”
“ผมน่ะนะ” เขายกนิ้วชี้ตัวเอง ใจเอาแต่พะวงเรื่องเวลาและการเก็บงำอารมณ์เพื่อกลับไปเจอบยอนแบคฮยอน ซึ่งก็ดูเหมือนลู่หานจะรู้ นักร้องนำของอาร์คถึงได้จงใจว่าประโยคต่อมาทะลุเข้ากลางปล้องเหมือนมือธนู
“ก็สีหน้านายมันเหมือนกับฉันเลย” ริมฝีปากบางยกยิ้ม “หน้าตาแบบคนอยากเมา”
ถ้าให้บอกตรงๆก็คือเซฮุนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ จากเมื่อคืนที่ตั้งใจว่าคงจะได้คุยกันมากขึ้นหลังจากไปต่อ ทว่าคนที่อยู่กับเขาจนเช้าก็คือจงอิน ส่วนลู่หานคงอยากเมามากๆเหมือนอย่างปากว่าถึงได้กระดกแก้วไม่หยุด เซฮุนเห็นว่าจงอินพยายามปรามแล้ว แต่ลู่หานก็เอาชนะด้วยทำหูทวนลมอยู่ดี ซึ่งถ้าไปด้วยกันอีกคืนนี้ บวกอาการเมาค้างสะสมจากคืนวันศุกร์ลากยาวถึงเช้าวันอาทิตย์ เด็กหนุ่มมั่นใจว่าเขากับสมาชิกวงอาร์คคงได้เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยสภาพไม่ต่างจากหมาแน่นอน
ลู่หานคงดูออกอีกว่าเขาคิดหาคำขอตัว ถึงได้รีบช่วยตัดบทเพื่อประหยัดเวลาตามความต้องการของมือกีต้าร์อย่างเต็มใจ “พรุ่งนี้ไม่มีงานไม่ใช่หรือไง จะปฏิเสธคำชวนนี่จริงๆเหรอ”
ชั่วแวบหนึ่ง เซฮุนเล็งเห็นผลประโยชน์ในการเมาหัวราน้ำครั้งนี้ขึ้นมา ความคับข้องใจของเขาคงไม่มีวันหมด ตราบใดที่ยังเอาแต่ถามหาความเงียบจากแบคฮยอนซึ่งเลือกจะปิดบังบางสิ่งเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด และถ้าวัดจากสถานการณ์สั้นๆที่เซฮุนได้เห็น เป็นไปได้ไหมว่าคนในอาร์คจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมือกีต้าร์กับสมาชิกวงเก่าอย่างเกลย์ โอเค มันโคตรพาลเลยที่เขาคิดแบบนี้ แต่ถ้ามันได้ผล ก็ดีกว่าให้บากหน้าไปหาใครสักคนแล้วปรึกษาปัญหารักน่าอายออกมาเหมือนเด็กที่เพิ่งหัดมีความรักไม่ใช่หรือไง
ต่อให้ลู่หานจะตอบเขาได้หรือไม่ โอเซฮุนก็ไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว
โอเซฮุนกลับมาหลังเวทีด้วยสภาพอารมณ์ที่อดทนกว่าเก่า สบเข้ากับสายตาของนักร้องนำอย่างแบคฮยอนซึ่งกำลังดูดน้ำเปล่าจากขวด คยองซูที่เอาแต่มองนาฬิกาด้วยความกระวนกระวายสงบลงได้ ส่วนจุนมยอนที่กำลังพูดเดาว่าน้องเล็กเมาค้างก็ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้เซฮุนรู้สึกผิด อย่างไรเสียเขาก็เป็นแค่เด็กน้อยจอมฟุ้งซ่าน ไม่รู้จักแยกแยะความสำคัญและรับผิดชอบงานของตัวเองได้ไม่ดีพอ
คยองซูบอกว่าสต๊าฟมาคุยเมื่อสักครู่นี้ ดาร์คฮอร์สถูกจัดคิวไกลออกไปมากกว่าหนึ่งวง จากที่สต๊าฟคนแรกบอกว่าแค่สลับกับยูนีคเท่านั้น ส่งผลให้แบคฮยอนดูตึงเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าอาจจะต้องเจอกับอาร์คจังๆอีก ใครก็รู้ว่าปาร์ตี้เมื่อคืนไม่ดีเท่าไร (สำหรับแบคฮยอน) แต่ครั้นจะหลีกเลี่ยงกันไปก็คงทำไม่ได้ตลอดอยู่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงคาดหวังพอสมควรว่าเจ้าตัวจะเก็บกดอคติไว้ได้มากพอ
หลังจากปรับสายกีต้าร์เสร็จแล้ว พวกเขายังมีเวลานั่งรออยู่แถวหลังเวทีอีกพักใหญ่ ใกล้กันกับวงร็อคมีชื่ออีกหลายๆวงที่ผลัดกันเวียนเข้ามาพูดคุยทำความรู้จัก กระทั่งอาร์คมาถึง จุนมยอนก็จำต้องยิ้มแหยเมื่อมือกีต้าร์รุ่นเดอะจากเดอะเซคชั่นพ่นลมฮึมฮำออกมาในความหมายที่ไม่ค่อยจะดีนัก เดาว่าคงเคยมีเรื่องกันมาก่อน หรือไม่ก็เจออาร์คเหยียบหางกระมัง
เซฮุนเห็นลู่หานพยายามข่มอะการสะโหลสะเหล ส่วนจงอินหัวเราะอยู่ข้างๆ ทั้งยังหันมาโบกมือให้ดาร์คฮอร์สก่อนจะหันไปทักทายตอบวงดิเซมเบอร์ เอาเข้าจริงแล้วโลกของนักดนตรีร็อคก็ไม่ได้กว้างใหญ่นัก ส่วนใหญ่รู้จักกันทั่ว แต่พอมีเรื่องชื่อเสียงเงินทองในวงการเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว มิตรภาพก็ไม่ได้ใสสะอาดเสมอไป
โครงสร้างหัวใจเขาถูกดึงจนตึงอีกครั้งเมื่อไอดอลในดวงใจเดินรั้งท้ายคู่มากับอู๋อี้ฟาน เซฮุนไม่ได้ยินว่าทั้งคู่คุยอะไรอยู่ กระนั้นเมื่อชานยอลหันมาเห็น ดวงตาคมก็เบือนผ่านไปจนหยุดอยู่ที่คนใกล้ๆ บยอนแบคฮยอนนั่นเอง
ตอนที่ไม่คิด โอเซฮุนก็ไม่เคยมองเห็นอะไรที่จะทำร้ายจิตใจตัวเอง แต่พอความหวาดระแวงฟักตัวขึ้นมา กลายเป็นว่ามันทำให้เขารังเกียจตัวเองที่ช่างสังเกตแล้วก็คิดเล็กคิดน้อยเหมือนผู้หญิงขึ้นมาเสียฉิบ คิดได้อย่างนั้นจึงพยายามสูดลมหายใจลึกแล้วผ่อนออก อย่างน้อยความหงุดหงิดก็ตัดสายกีต้าร์ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้พังสเตจอีกรอบเพราะใจไม่อยู่กับตัวแน่
ชานยอลทำท่าจะเข้ามาทางนี้ แต่ดาร์คฮอร์สถูกเรียกให้ไปสแตนด์บายเสียก่อน
ใจของเด็กหนุ่มอยู่ไม่เป็นสุขกระทั่งคลอคสไตรค์เริ่มขึ้นเป็นครั้งที่สองของวัน เซฮุนยังจำวันนั้นได้ดี วันที่เขาช่วยแบคฮยอนเขียนเพลงคลอคสไตรค์จนเสร็จสมบูรณ์ และจูบเนิ่นนานบนเก้าอี้ล้อเลื่อน หากใครจะว่าเขาคือเด็กกะโปโลที่เป็นบ้าเพราะความรัก โอเซฮุนก็พร้อมจะน้อมรับคำกล่าวพวกนั้นแต่โดยดี ความรักขับเคลื่อนเขา แบคฮยอนสร้างตัวตน และมือกีต้าร์ที่ยืนอยู่กับดาร์คฮอร์สในวันนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
เมื่อรู้ตัวอีกที โลกทั้งใบจึงมีค่าแค่คนๆเดียว
“เฮ้ เซฮุน เดี๋ยว!”
บยอนแบคฮยอนเบี่ยงตัวไปทางขวา ดันเจ้าของอ้อมกอดออกจนสุดแขนก่อนจะรีบก้มมองลูกบิดประตูด้วยความร้อนรน โอ้ให้ตายเถอะ เขาคิดว่าเซฮุนเป็นบ้า บ้าไปกันใหญ่เมื่อทันทีที่ปิดประตูห้องเรียบร้อยก็ทำท่าจะปล้ำจูบกันทั้งที่ยังไม่ปลดกระเป๋ากีต้าร์ออกจากบ่าแบบนี้ เด็กตัวสูงทำท่าจะรุกคืบเข้ามาอีก ถ้าไม่เพียงแต่เขาที่มีสีหน้าเหนื่อยจัดหลังเพิ่งกลับจากเอ็มแคปติเวทยกมือขึ้นห้ามขาดก่อนอะไรๆจะบานปลายไปถึงเตียง
แบคฮยอนไม่ได้อารมณ์ดี หนำซ้ำยังไม่ใช่ช่วงที่เขานึกอยากจะตามใจเด็กนี่ในเมื่อความรู้สึกแปร่งปร่าบริเวณสะโพกยังเล่นงานให้นึกเจ็บใจตัวเองอยู่ทุกนาที จะไม่มีการเผลอใจถึงสองวันติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ชายตรงหน้าเป็นโคตรของความยุ่งยากไม่แพ้ปาร์คชานยอลด้วยแล้ว
“วันนี้นายแปลก” เขาพูด “แปลกมากๆ”
เซฮุนได้ฟังก็เลิกคิ้ว พรูลมหายใจพร้อมทั้งกลอกตาแล้วเดินไปวางกระเป๋าสกรีนโลโก้ไอบาเนซลงบนเตียง ขาตั้งกีต้าร์ตั้งอยู่ติดโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วก็เป็นกิจวัตรประจำหลังซ้อมที่เซฮุนจะต้องทำมันทุกๆครั้งด้วย เด็กหนุ่มคว้าเครื่องดนตรีคู่ใจออกจากกระเป๋าไปวางบนขาตั้ง ปากก็สวนกลับคำไม่ตกฟาก “พี่ก็แปลก แบคฮยอน”
โอเค เขาสองคนไม่ได้กำลังแข่งกันว่าใครจะประหลาดกว่าใคร ซึ่งถ้าว่ากันจริงๆแล้วแบคฮยอนต้องแพ้เห็นๆ หนึ่งคือเขายอมให้เซฮุนนอนกอดตอนเช้า สองก็ยังให้กอดเมื่อตอนอยู่ที่สตูดิโอเอ็มแคปติเวทอีก และสาม บยอนแบคฮยอนร้องไห้ อาจไม่ใช่น้ำตาที่ฟูมฟาย แต่เขาไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้ว่านั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุให้เซฮุนทำตัวแปลกตีคู่กันไปอีกตลอดทั้งวัน
ทั้งคู่มองกันนิ่ง สาดใส่ความเงียบด้วยเพราะรู้ว่าความอึดอัดในใจไม่อาจระบายออกไปได้ตรงๆ เมื่อตอนเตรียมตัวขึ้นไลฟ์ เขาไม่กล้าถามเรื่องที่เซฮุนโผล่มาขัดระหว่างการสนทนากับชานยอล เด็กนี่อาจจะได้ยินอะไรบางอย่าง และเขาก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะยกเลิกการแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะไม่มีอดีตที่ไหนกลับมาเล่นงานนักร้องนำดาร์คฮอร์สซ้ำสอง
เซฮุนรู้ตัวว่าคงอ้อล้อไม่สำเร็จ หนำซ้ำยังเหนื่อยเกินกว่าจะเล่นไปตามบทที่แบคฮยอนอยากให้เป็น เขาอยากสวมสร้อยรูปจี้กุญแจบนหน้ากระจกอีกครั้ง ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สลัดภาพรอยแดงตรงกกหูออกไปจากความคิดอันเตลิดเปิดเปิง นึกเกลียดตัวเองที่พาลดึงเรื่องทุกอย่างเอามารวมกัน เพราะแบบนี้ เพื่อนชื่อยูฮาอินที่โรงเรียนถึงได้บอกว่าเกลียดความรัก
“ผมจะกลับดึกๆนะ” แบคฮยอนไม่กล้าขัด หรือถ้าให้เดาคงไม่คิดจะพูดอะไรเลยมากกว่า “หรืออาจจะไม่กลับ”
น้องเล็กของวงเปิดประตูออกไปหลังจากเปลี่ยนเสื้อ เซฮุนคว้าเอาสร้อยบนหน้ากระจกหายไปด้วย สร้อยขี้เลียนแบบถูกยึดเอาไว้เป็นตัวประกันว่าความรู้สึกของเขาตั้งแต่เมื่อเกือบสองปีก่อนไม่เคยน้อยลง หากรังแต่จะมากขึ้น -- มากสวนกับความเป็นจริงที่ว่ามันอาจไม่มีค่าอะไรเลย
เวลาที่ลู่หานนัดจะมาถึงในอีกสามชั่วโมง เขาปล่อยให้ตัวเองยืนเคว้งคว้างอยู่หน้าลิฟท์ คิดหาที่ไปเรื่อยเปื่อยจนกว่าจะถึงตอนนั้น ภาพเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันฉายซ้ำจนถึงตอนที่เขาได้ซุกหน้ากับลาดไหล่คนในอ้อมกอด เซฮุนอยากโง่พอที่จะไม่สามารถเข้าใจได้ว่านักร้องนำร้องไห้เพราะใคร ยิ่งพยายามมองข้ามอย่างที่ผ่านมา ความรู้สึกของเขาก็ยิ่งสะเปะสะปะเหมือนโดนระเบิดแยก
ลิฟท์เปิดออกพร้อมด้วยคนที่เดินสวนออกมา เด็กหนุ่มพาตัวเองเข้าไปในกล่องสี่เหลี่ยมสีเงินวาว มือเอื้อมไปกดปุ่มลงชั้นล่างสุดด้วยความเคยชิน ยิ่งพยายามจะเรียกความมั่นอกมั่นใจที่เคยมีกลับมาให้ได้ ก็ยิ่งไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
โอเซฮุนเหมือนเด็กหลงทางไม่มีผิดเลย
“มาเร็วกว่าที่คิดนะ”
นักร้องนำของอาร์คทำตาโต มือก็เปิดประตูให้เขาเข้าไปทางด้านใน เซฮุนเห็นรองเท้ามียี่ห้อต่างไซส์ถอดระเกะระกะอยู่นอกชั้นอีกสองคู่ เป็นสนีกเกอร์สีขาวขอบฟ้าและรองเท้าหนังด็อกเตอร์มาร์ตินที่ลู่หานไม่ได้บอกว่าของใคร ถึงอย่างนั้นเมื่อเข้ามาถึงห้องนั่งเล่น คำเฉลยก็กำลังกระดกเหล้าราคาแพงรออยู่ตรงโต๊ะติดหน้าต่างเสียแล้ว
แขกคนล่าสุดนิ่งงันทันทีที่เห็นเจ้าของด็อกเตอร์มาร์ตินคู่นั้น แน่นอนว่าไม่ใช่คิมจงอินที่โบกมือเย้วๆเรียกให้ไปนั่งด้วยกัน แต่เป็นคนนั่งตรงข้ามที่ดูจะตกใจไม่แพ้กันเมื่อลู่หานไม่ได้บอกว่าเชิญคนนอกวงอีกคนมาด้วย เด็กหนุ่มนึกอยากบังคับให้ตัวเองดีใจที่ได้เจอปาร์คชานยอล หากนอกจากจะไม่แล้ว ความสงบในใจเขากลับยิ่งทิ้งไปไกลเมื่อจำต้องนั่งโต๊ะเดียวกัน
ทั้งที่เมื่อวานเขายังดีใจจนตัวสั่นแล้วยัดเยียดซีดีให้อีกฝ่าย แล้วดูตอนนี้สิ โอเซฮุนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ไม่เห็นบอกเลยว่าชวนเซฮุนมาด้วย” จงอินตัดความเงียบ มองลู่หานที่นั่งลงข้างชานยอลแล้วคว้าแก้วตัวเองขึ้นมากระดกจนหมด
“ตกใจไหมล่ะ เซอร์ไพร์สเลยสิท่า” ตัวการพูดประชดกลั้วหัวเราะ แค่ชวนเซฮุนมาด้วยมันจะต่างจากเดิมไปสักเท่าไรกัน “ที่น่าตกใจคือวิเชียส*ของเราต่างหาก”
** ซิด วิเชียส (Sid Vicious) นักดนตรีชาวอังกฤษ เป็นที่รู้จักในฐานะมือเบสผู้ทรงอิทธิพลของวงพังก์ร็อกยุค 70's ชื่อเซ็กส์พิสทอลส์
จงอินเห็นด้วยมากเสียจนต้องขอแก้วเปล่ามาชงแอลกอฮอลล์เพิ่มแล้วชนรอบวง ถึงแม้ว่าชานยอลจะเกิดมาเพื่อเป็นมือกีต้าร์ผู้ทรงอิทธิพล หาใช่มือเบสตามรอยซิดก็ตาม หากแต่แฟนคลับก็ชอบเปรียบเทียบว่ารูปลักษณ์รวมถึงคาแรคเตอร์ของทั้งคู่คล้ายกันมาก (ตัดแฟชั่น ทรงผม แล้วก็นิสัยออกไปได้เลย เหลือไว้แค่ความเท่ก็พอ) เอาเป็นว่ามันตลกดี แล้วคนในวงก็ไม่มีใครขัดด้วย
วันนี้ชานยอลดื่มเหล้าดุพอตัว ผิดวิสัยคนชอบโดดร่มรั้งอันดับแข่งกับอี้ฟาน รายนั้นรู้อยู่ว่าไม่ชอบเมา ทั้งช่วงนี้ยังมีไปเป็นโปรดิวเซอร์ให้วงเด็กปั้นใหม่ของเนเบอร์ เป็นที่รู้กันว่าหัวหน้าวงชอบงานเบื้องหลังและหวังจะทำงานเพลงไปนานๆ ส่วนมือกลองรัฐศาสตร์กับนักร้องขี้เมาก็เป็นอะไรที่ช่างล่องลอย
เซฮุนฟังสามสมาชิกอาร์คสนทนากันเรื่อยเปื่อย เขาเอาแต่ดื่มอย่างเดียวเพราะไม่รู้จะแทรกตัวเองเข้าไปตอนไหน หนำซ้ำ ความรู้สึกแย่ๆของวันก็ดันแย่งกันทำคะแนนกับความปลาบปลื้มที่มีให้คนตรงหน้าเสียด้วย ชานยอลทำตัวเป็นปกติเกินไป ต่างกับเขาที่สลัดเรื่องเมื่อกลางวันออกไปไม่ได้เลยสักนาทีเดียว และใช่ แผนที่จะหยั่งเชิงถามลู่หานก็พังไม่เป็นท่า
เขามองแหวนสีเงินบนนิ้วนางข้างขวาของอีกฝ่าย มองสร้อยรูปแม่กุญแจที่ได้ตั้งแต่มีโอกาสได้ดูการแสดงของเกลย์ครั้งแรก นึกสงสัยว่าจะมีใครเอามันมาห้อยไว้บนคอแล้วดูดีแบบนี้อีก
“บ้าเอ๊ย”
ถูกเรียกขึ้นจากภวังค์เพราะเสียงแก้วแตกตามด้วยการสบถของลู่หาน นักร้องนำเจ้าของปาร์ตี้เมาพอตัวแล้ว ทั้งยังพยุงร่างโงนเงนของตัวเองลุกจากเก้าอี้เพื่อจะเก็บเศษแก้วข้างโต๊ะ ร้อนถึงคนนั่งฝั่งนอกที่ยังมีสติดีอยู่อย่างเขาต้องรีบผุดไปช่วย
“เดี๋ยวผมเก็บให้ คุณนั่งเถอะลู่หาน” เซฮุนไม่เรียกใครในอาร์คว่าพี่ เพราะระยะเวลาสองวันไม่สามารถสร้างอะไรได้มากกว่าการเป็นคนที่กำลังทำความรู้จักกัน พวกเขายังห่างเหิน และคำว่าคุณก็ไม่ได้ฟังแปร่งหูสักเท่าไรนักเมื่อมันออกมาจากเด็กอายุสิบเก้าหน้าตาผู้ดี
เด็กหนุ่มเก็บเศษแก้วชิ้นใหญ่ไปทิ้งลงถังขยะแบบเก้ๆกังๆ ก่อนจะส่งเสียงถามหาไม้กวาดและได้จงอินเป็นคนตอบแทนเจ้าบ้าน ลู่หานยังโงนเงนดื่มเหล้าแข่งกับชานยอล ดวงตาคมฉ่ำแอลกอฮอลล์ กระทั่งมันค่อยๆเบิกขึ้นเพราะคนที่กำลังจัดการเศษแก้วบนพื้นด้วยไม้กวาดและที่โกยราวกับไม่เคยจับงานบ้านมาก่อน
โอเซฮุนไม่ทันตั้งตัว ว่าวันนี้เขาจะได้รู้ความหมายของสร้อยที่เคยอยู่บนใครบางคน
“เฮ้ชานยอล ดูแฟนคลับตัวยงของนายซะก่อน ลูกกุญแจนั่นต้องใส่กับสร้อยบนคอนายได้พอดีแหงแซะ”
สิ้นคำจงอิน ความเงียบโรยตัวลงมาโดยที่ไม่มีใครพยายามหยุดมันเอาไว้ เซฮุนก้มลงมองเหนืออก เพิ่งสังเกตว่าจี้ที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อโผล่ออกมา อาจเป็นจังหวะที่เขาก้มลงไปเก็บแก้วแทนลู่หาน แล้วความบังเอิญก็สร้างตลกร้ายได้เก่งกาจเกินไป เขาถึงตัดสินใจริบสร้อยคืนมาจากแบคฮยอนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเพื่อพบความจริงที่มองข้ามมาตลอด
‘ทิ้งสร้อยนั่นไปหรือยัง’
‘ไม่บอกหรอก แค่ไม่ใส่ให้เห็นก็พอแล้วนี่’
เด็กน้อยจอมฟุ้งซ่านอยากฝืนยิ้ม หากมันยากเกินไปเพราะน้ำหนักของข้ออ้างมันหลอกตัวเองได้ไม่แนบเนียนพอ
เขาเป็นของปลอม
และปาร์คชานยอลก็กลบความอึดอัดทั้งมวลด้วยการเทเหล้าจนเกือบเต็มแก้ว ตามด้วยมิกเซอร์น้ำเปล่าจนมันล้นออกมา
มือเรียวกำรอบด้ามไม้กวาดจนขึ้นเส้นเลือด น่าตกใจที่ความอดทนของเขาทำงานได้ดีเยี่ยมที่สุดในรอบสิบเก้าปี เซฮุนเอาของพวกนี้ไปไว้ที่เดิม จากนั้นจึงกลับมานั่งร่วมโต๊ะ ผสมเหล้าในปริมาณที่ไม่ได้น้อยไปกว่ามือกีต้าร์ต้นแบบแล้วยกขึ้นกระดกใส่ปากโดยไม่เว้นเวลาให้ยุงไข่ นึกสมเพชความโง่เง่าของตัวเองที่ถูกความจริงทิ่มคาตามาตลอด แต่ไม่ยักกะรู้ตัว
“ลู่หาน พอได้แล้วน่า นายเมามากแล้ว” จงอินดันแก้วของลู่หานออกได้ทันก่อนที่เจ้าตัวจะฟุบกับโต๊ะแล้วปัดหกไปอีกรอบ ไม่ทันขาดคำก็ต้องแย่งแก้วหนีปาร์คชานยอลที่ดูจะเหลือสติสตังน้อยเต็มทีแล้ว “ชานยอล นายก็ด้วย”
เซฮุนยกแก้วขึ้นดื่มต่อ หูฟังเสียงคิมจงอินบ่นเป็นผึ้งด้วยเสียงดังกว่าปกติ
“อะไรกันวะเนี่ย” เจ้าของผิวสีแทนตัดสินใจลุกขึ้นเต็มความสูง ใช้เวลาตัดสินใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินอ้อมหลังเขาไปพยุงคนสูงที่สุดในที่นี้ขึ้นอย่างทุลักทุเล “ฉันว่าจะแวะพาชานยอลไปส่งก่อน นายจะติดรถกลับด้วยกันเลยหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรครับ” เซฮุนตอบ “ผมอยากดื่มต่อ”
เหลือเขาอยู่คนเดียวบนโต๊ะนี่แหละดี ถึงอยากจะทำอย่างนั้นมากเท่าไร แต่ร่างสูงใหญ่ของปาร์คชานยอลก็สร้างความลำมากให้จงอินมากเกินกว่าที่เซฮุนจะทำเฉยและทิ้งความลำบากไว้กับมือกลองคนเดียว นึกเล่นๆว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงระริกระรี้ยินดีช่วยพามือกีต้าร์ของอาร์คไปส่งที่รถอย่างเต็มใจ เพียงแต่ตอนนี้ความรู้สึกของเซฮุนคงจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้วกระมัง เขาถึงได้แสดงน้ำใจด้วยความกล้ำกลืนสุดจะทน
ในจังหวะที่จงอินผละออกไปทางฝั่งคนขับและขอให้เซฮุนช่วยปิดประตูรถ แสงสีเงินวาวจากนิ้วนางข้างขวาก็ท้าทายให้เด็กหนุ่มพนันกับมันอีกครั้ง
โอเซฮุนกลับขึ้นมาถึงห้องลู่หานอย่างคนพ่ายแพ้ เขาไม่มีอารมณ์แม้แต่จะเดินไปให้ถึงโต๊ะตัวเดิมแล้วกรอกเหล้าลงคอไม่ยั้ง ร่างโปร่งทรุดตัวเองลงกับผนังห้องข้างประตู นึกเสียใจที่เลือกมาตามคำเชิญของลู่หานในคืนนี้ แม้ว่าสิ่งที่ได้กลับไปจะสมความปรารถนาสำหรับคำตอบแสนชัดเจนก็ตามที
ความอดทนที่มีมาตลอดทั้งวันทะลักออกมาอย่างสุดกลั้น ภาพของใครอีกคนปรากฏขึ้นวนเวียนเป็นฟิล์มสไลด์เต็มห้วงความคิด เขาคงไม่ต้องพนันกับตัวเองอีกแล้วว่ารอยจูบใต้กกหูนั้นมาจากแมลงชนิดไหน บยอนแบคฮยอนคงนอนกับปาร์คชานยอล นั่นคือสิ่งที่ความเตลิดเปิดเปิงในหัวของเขาพาท่องไปไกล
เซฮุนได้รู้สิ่งที่แบคฮยอนไม่เคยอยากให้รู้ เขาดึงสร้อยบนคอออก เขวี้ยงไปไกลสุดทางที่กลางห้อง สะท้อนกับแสงจันทร์เป็นประกายแวววาวที่ไม่ได้สวยเอาเสียเลยในตอนนี้ และเรื่องราวก็คงยิ่งใกล้เคียงความตลกเข้าไปใหญ่ ถ้าเกิดว่าเขายังหาข้ออ้างให้ความรักของตัวเองต่อไปจนเลยเถิดถึงขั้นไปสักนิ้วนางข้างซ้ายเป็นสลักสัญญากับคนพี่อย่างที่อยากจะทำ
มือเรียวยกขึ้นปิดปากเพราะกลัวว่าเสียงสะอื้นจะไปปลุกเจ้าของห้องที่เมาหลับ แต่ผิดคาดเมื่อร่างของนักร้องนำวงอาร์คเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ดวงตากลมโตเบิกมองแขกต่างวงด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ถูก เซฮุนอยากเขยิบหนีในตอนที่ลู่หานเดินเข้ามาใกล้ แต่ทั้งร่างกายและหัวใจของเขาหนักอึ้งมากเกินไป
ลู่หานทิ้งตัวนั่งลงยองๆตรงหน้า ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันไปจนสุดทางท่ามกลางห้องที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอลล์ กระทั่งเสียงสะอื้นเล็ดลอดผ่านมือออกมา สัญญาณเตือนที่ว่าโอเซฮุนจะไม่ต้องร้องไห้อย่างเด็กน่าสงสารเพียงลำพังก็เริ่มขึ้นเช่นกัน
“รู้อะไรไหม เราเหมือนคนอกหักทั้งคู่เลย”
คนพูดแค่นรอยยิ้ม จะว่าสมเพชเด็กคนนี้ก็คงใช่ เซฮุนเหมือนถอดแบบความอ่อนแอที่เขาเกลียดนักเกลียดหนาออกมาไม่มีผิด มันทำให้ลู่หานเห็นตัวเองในมุมที่ไม่อยากเห็น มือเรียวเลื่อนไปคว้ามืออีกฝ่ายออกจากใบหน้า ปากก็ขยับพูดโดยที่รู้ว่ามือกีต้าร์ของดาร์คฮอร์สต้องได้ยินมันชัดเจน
“มาแลกความลับกันเอาไหม?”
________________________________________
ไม่ได้เขียนมานานมากกกก กลัวเหลือเกินว่าจะเขียนออกมาแปลกๆ แง
คิดถึงเหมือนอย่างที่ทุกคนคิดถึงเรื่องนี้นะคะ TvT
แต่ด้วยภาระหน้าที่หลายๆอย่าง เลยทิ้งห่างการเขียนฟิคไปพอสมควร
(ก็เลยกลับมาแบบนี้แหละ จะได้ตื่นตัวกัน อิอิ)
รักกันก็ให้กำลังใจกันบ้างนะคะ อ้อน 555555555
จะคอมเมนท์หรือติดแท็ก #ficdarkhorse ก็ดีทั้งนั้นเลย
โหมไฟใส่หนูหน่อย หนูจะได้มีไฟปั่นอีกยาวๆ
ตั้งเป้าไว้ปีนี้ต้องจบ สู้ตาย !
#ficdarkhorse
M
ความคิดเห็น