ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) DARK HORSE | chanbaek hunbaek

    ลำดับตอนที่ #10 : EPISODE 8.5 | WE CALLED IT 'SECRET'

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.45K
      17
      23 ต.ค. 59








     



    DARK HOUSE

         間違えている箇所もあります。

    ….

    8.5

    we called it  ‘ s e c r e t ’

     

     




     

     

     

    ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ลู่หานยังมีเพียงตัวตนเดียวคือนักร้องนำที่เปรียบเสมือนด่านหน้าของอาร์ค วงอัลเทอร์เนทีฟร็อคที่ขึ้นชื่อว่าทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงห้าปีหลัง และแน่นอนว่าลู่หานเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่ยังติดโซเชียล ชอบดูหนังเอวีอันมีลอร่า มิซากิเป็นนางเอก ลีลาเด็ดดวงของหล่อนช่วยตอกย้ำเวลาว่างสุดแสนจะน้อยนิดบนบัลลังก์ศิลปินเหงาได้เยี่ยมยอด แต่ก็นั่นแหละ นอกจากเพื่อนร่วมวงอีกสามคนที่เหลือและผู้จัดการวงแล้ว ลู่หานก็แทบไม่ค่อยได้เจอใครในสังคมอื่นนัก

     

     

    ห้องอัดบ้านอี้ชิงมักจะเป็นตัวเลือกสำหรับอาร์คมากกว่าสตูดิโอที่บริษัท โปรดิวเซอร์ชาวจีนสามารถเบิกค่าสถานที่และค่าไฟได้ในเรทราคาเดียวกับที่ปล่อยเช่า หนำซ้ำพวกเขายังได้ความเป็นส่วนตัว แน่ใจว่าจะไม่มีใครที่ไหนเข้ามาวอแวหรือว่าต้องแชร์เวลากับศิลปินคนอื่น

     

     

    เขานั่งกระดกน้ำเปล่าจากขวด นึกอิจฉาไอน้ำเย็นๆที่เกาะรอบแก้วของจงอินซึ่งคงจะสดชื่นน่าดูตอนมันไหลลงคอ แต่ก็นั่นปะไร เขาดื่มมันตอนนี้ไมได้ แม้ว่าการใช้เสียงจะทำให้เหนื่อยสายตัวแทบขาด ตอนนี้ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว หากยังไม่มีทีท่าว่าจางอี้ชิงจะรู้สึกพอในวัตถุดิบที่มีอยู่ อีกคนที่กระตือรือร้นไม่แพ้กันคืออี้ฟาน หัวหน้าวงที่กำลังศึกษาและหันมาทุ่มเทให้กับการเป็นโปรดิวเซอร์เบื้องหลัง เข้าขากับอี้ชิงด้วยคำว่า เดี๋ยวลองอีกรอบ ตั้งแต่บ่ายสามโมงมาจนตอนนี้

     

     

    “หิวโคล่าโคตรๆ” หนุ่มหน้าหวานโอดครวญ ทิ้งทั้งร่างลงนอนเอื่อยเฉื่อยบนโซฟา ทว่าไม่มีใครสนใจเขานัก อย่างน้อยก็จนกว่าอี้ชิงจะบอกว่าอยากให้อัดเพลงบางท่อนอีกสักรอบ “คิมจงอิน”

     

     

    “อือ” คนถูกเรียกขานรับส่งๆ สายตายังให้ความสนใจกับเกมคุกกี้รันยอดฮิตโดยขยับมือเป็นระวิง ลู่หานกลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย ขอทีเถอะ ไอ้เกมบ้านี่เขาติดตามกระแสอยู่ไม่ถึงสัปดาห์ก็เบื่อแล้ว แต่นี่ผ่านมาตั้งหลายเดือน มือกลองผู้ยิ่งใหญ่ท่านยังไม่เลิกเจียดเงินในบัญชีไปเติมเกมซื้อเพชรเลย มันจะมีอะไรสนุกไปกว่าการสนใจเพื่อนฝูงแล้วก็ถกประเด็นหุ่นลอร่าอีก

     

     

    พอดีกับที่ความเบื่อหน่ายระเบิด เจ้าของความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรก็เปิดประตูบานโตออกมาจากห้องอัดพร้อมกีต้าร์ไอบาเนซตัวใหม่เอี่ยม ทางค่ายบอกว่านี่เป็นรางวัลสำหรับผลงานที่ดีเยี่ยมในอัลบั้มแรก ซึ่งก็ใช่ ปาร์คชานยอลกลายเป็นเจ้าชายของอาร์ค ครองใจหญิงชายน้อยใหญ่ครึ่งค่อนประเทศเสียจนอยู่หมัดในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี

     

     

    ลู่หานดีดตัวลุกขึ้น มองอี้ฟานที่สะพายเบสวอร์วิกเข้าไปในห้องอัดแล้วพูดพึมพำกับอี้ชิงเกี่ยวกับท่อนเบรกดาวน์ เอาเป็นว่าส่วนนี้มันช่างห่างไกลตัวเขา เพราะอย่างนั้นถ้าตัดคิมจงอินที่กำลังเมามันส์กับเกมโทรศัพท์แล้ว การออกไปนั่งคุยเรื่อยเปื่อยกับน้องใหม่ของวงคงเป็นสิ่งที่เข้าที่สุด

     

     

    ซึ่งถ้าว่าการตามตรง ปาร์คชานยอลนี่แหละคือคนที่คุยเรื่อยเปื่อยด้วยยากที่สุด

     

     

    อากาศข้างนอกหนาวพอสมควร กลิ่นเมนทอลอ่อนๆลอยคลุ้งมากับควันที่ลู่หานตัดผ่าน เขาทิ้งตัวลงข้างคนในชุดเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ที่นั่งขวางทางบันไดหน้าประตู รอยขาดบนกางเกงสีดำตรงหัวเข่ากลายเป็นแฟชั่นยอดฮิตของผู้ชายส่วนหนึ่งในเกาหลีใต้ไปโดยปริยาย ชานยอลเป็นคนที่ทำอะไรก็ดูดี ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยพูด ผิดกับภาพลักษณ์เริ่มต้นที่อาร์คคาดหวังเอาไว้ตอนชวนเข้าวง กระนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หนึ่งคือเขาและจงอินเข้ากับคนง่าย ส่วนอี้ฟานก็บอกว่าในวงมีความเอิกเกริกมากพอแล้ว (ซึ่งลู่หานรู้ตัว เขาถูกแซะ)

     

     

    “ขอตัวหนึ่งสิ” นักร้องนำเริ่มเปิดบนสนทนา ควันจางๆลอยออกจากปากแม้ไม่ต้องมีตัวช่วยอย่างแท่งนิโคติน และการเรียกร้องความสนใจก็ได้ผล ชานยอลหันมามองเขา ก่อนน้ำเสียงราบเรียบจะถูกส่งออกมาตามมาตรการของคิมมินซอก ผู้จัดการวงที่ค่อนข้างจะเฮี้ยบเอาเรื่อง

     

     

    “เลิกบุหรี่มาตั้งหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ”

     

     

    ชานยอลทำท่าจะเขยิบหนีเพราะรู้ว่าการรมควันให้ดมนั้นไม่ต่างอะไรจากเจ้าตัวสูบเอง หากลู่หานกลับรั้งต้นแขนเอาไว้ก่อนจะปล่อยออกเมื่อคนสูงกว่ายอมแพ้แต่โดยดี ชานยอลถอนหายใจ ออกมานั่งทั้งอากาศแบบนี้เดี๋ยวก็คอแห้งจนเสียงเสีย หวังให้อี้ชิงไม่ต้องเรียกนักร้องของวงเข้าไปอัดเพลงแก้อีกรอบ ไม่อย่างนั้นล่ะคงพังน่าดู

     

     

    “เลิกเพราะมาเป็นนักร้องนี่แหละ” ลู่หานตอบขณะเอนตัวไปข้างหลังโดยใช้มือเท้าพื้นบันไดไว้ คิดถึงช่วงเวลาสุดเหวี่ยงเมื่อตอนมัธยมยิ่งกว่าอะไรดี “ให้ฉันเลิก แต่นายกับอี้ฟานก็ดูดเอาๆ มันจะไม่ทรมานกันเกินไปหน่อยหรือไง”

     

     

    ชานยอลคิดว่าเรื่องนี้ตัวเองไม่เกี่ยว แน่ล่ะว่าเขาเข้ามาทีหลัง แถมไม่ได้อยากรู้บุหรี่รสโปรดของอีกฝ่ายด้วย

     

     

    ลู่หานกลืนน้ำลายลงคอ สูดกลิ่นบุหรี่เย็นด้วยความโหยหาและสมองก็ทำท่าอยากปิดตัวเองเต็มทน ไม่รู้ว่าเพราะการเลิกบุหรี่ไม่ขาดมันดูน่าสมเพชเกินจะทนหรือเปล่า ปาร์คชานยอลถึงได้เหลียวมองกลับไปข้างหลัง ก่อนจะหยิบเอาซองบุหรี่ข้างตัวมายื่นให้เขาหยิบไปตามที่ขอ มันค่อนข้างน่าแปลกใจ ไม่เคยมีใครเกิดอยากแยกแยะว่าลู่หานจะพูดจริงหรือเล่น แต่ตอนนี้มือกีต้าร์คนใหม่กำลังเป็นอย่างนั้น ชานยอลรู้ว่าน้ำลายแต่ละอึกของเขาเหนียวหนืดคอ

     

     

    “ขอบใจ”

     

     

    นี่คือความลับแรกระหว่างเขากับชานยอล

     

     

    ชายหนุ่มหยิบเจ้ามวนสีขาวออกมามือสั่น คาบมันไว้กับปากแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าควรขอไฟแช็กด้วย แต่ปาร์คชานยอลก็เป็นงานอีกนั่นแหละที่ยื่นมันมาจุดไฟให้เขาถึงปาก เมื่อปลายแท่งลุกวาวไปด้วยสีแดง ดวงตาคมก็หันกลับไปมองเลื่อนลอยออกไปตรงหน้า ลู่หานไม่เข้าใจว่านอกจากกำแพงบ้านสีขาวและท้องฟ้าไร้ดาวแล้วยังมีอะไรน่าดูอีก

     

     

    ริมฝีปากพ่นควันออกไปท่ามกลางลมหนาว อากาศเย็นๆแบบนี้จะมีอะไรสุขใจเท่าได้สูบบุหรี่อีก นี่ถ้าได้นั่งจิบเบียร์ไปด้วย ลู่หานคิดว่าช่วงเวลาตอนนี้จะกลายเป็นอะไรที่โคตรสมบูรณ์

     

     

    “ยังคิดถึงเกลย์อยู่หรือ” เขาปากโป้งถาม ดูจากดวงตาที่หลุบลงด้วยความเศร้าแล้วคิดว่าชานยอลคงไม่อยากตอบ “นายก็แปลกนะ อย่าทำเหมือนการมาอยู่อาร์คเป็นเรื่องน่าเศร้านักสิ ใครๆก็อยากทำงานกับเรากันทั้งนั้น”

     

     

    ผิดคาดที่ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองลู่หานแวบหนึ่งด้วยรอยยิ้ม จากนั้นมันก็หันกลับเข้าสู่ความเวิ้งว้างอันไร้ชีวิตจิตใจเช่นเดิม

     

     

    ในฐานะหนึ่งในอาร์คแล้วลู่หานไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาอยากสนิทกับคนตรงหน้า อยากให้สมาชิกใหม่ของวงเป็นพวกพูดคุยเฮฮาหรือชอบไปดื่มด้วยกัน เดือนแรกที่ชานยอลเข้ามา จงอินถึงกับเคยบ่นกับเขาว่ากดดันนิดหน่อยและไม่รู้ว่าจะไปรอดไหม โอ้ เขาเองก็กลัว เพียงแต่หลังได้เห็นรอยยิ้มเมื่อครู่นี้ บางทีอาร์กในแบบใหม่คงจะไม่แย่นัก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    การอัดซิงเกิ้ลเฉพาะกิจสำหรับโฆษณาผ่านไปได้ด้วยดี มิวสิควีดีโอมีกำหนดถ่ายทำตอนต้นเดือนหน้าหลังจากเพลงทำเสร็จ จากนั้นก็จะออกในสิ้นเดือนเดียวกันตามกำหนดการที่ทางค่ายตกลงกับลูกค้าเอาไว้ อาร์คกลายเป็นศิลปินที่มีค่าตัวแพงหูฉี่ การแสดงสดของพวกเขามีราคาเริ่มต้นต่องานไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้านวอนด้วยเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง แซงหน้าวงรุ่นพี่อย่างฟลายอิ้งไลท์ที่ครองอันดับหนึ่งของค่ายจนถึงเมื่อสามปีก่อนแบบไม่เห็นฝุ่น

     

     

    ลู่หานชอบใจทรงผมสีน้ำตาลของตัวเอง เขาเสยหน้าม้าแบบยาวเล่นเป็นทรงต่างๆขณะรอฝ่ายการตลาดเข้ามาในห้องประชุมจนครบ กำหนดการแบบคร่าวๆของอาร์คยิงยาวไปจนถึงครึ่งหลังของปีหน้า ซึ่งก็เป็นเรื่องดีเล็กๆที่พอกระแสจากอัลบั้มล่าสุดซาลง พวกเขาจะมีเวลาพักให้หายเหนื่อยราวสองเดือนโดยประมาณ ประเด็นหลักของการประชุมครั้งนี้คือคอนเซปท์อัลบั้มและเลือกเพลงที่จะใช้โปรโมต พอได้ฟังอาร์ตไดเรคเตอร์อธิบายแนวคิดแรกเริ่มและช่วยกันต่อยอดจนเริ่มเติมเต็มเป็นภาพ ก็นึกอยากให้ถึงกำหนดการของแทร็ปไวๆ ปีหน้าคนทั้งเกาหลีใต้ต้องตกหลุมกับดักของอาร์คแน่นอน

     

     

    หลังจากนั้นสามวัน รถตู้คันใหญ่ก็หมุนล้อออกจากโซลในตอนบ่ายสองโมงและถึงแทกูก่อนฟ้ามืดเล็กน้อย สมาชิกวงและทีมงานช่วยกันขนสัมภาระส่วนตัวขึ้นไปบนโรงแรมที่มีห้องพักสำหรับอาร์คอยู่สองห้อง และเพราะช่วงหลังเขาสามารถคุยกับชานยอลได้มากกว่าใคร สถานะรูมเมทหนึ่งคืนจึงจับคู่นักร้องนำและมือกีต้าร์เอาไว้โดยไม่มีใครขัด

     

     

    พวกเขามีเวลากินข้าวหนึ่งชั่วโมงและจะต้องรีบไปให้ถึงร้านของลูกค้าภายในสองทุ่ม ตอนที่ขับรถผ่านเพื่ออ้อมเข้าทางด้านหลัง เขาเห็นป้ายขายบัตรเข้าชมอาร์คในราคาที่สูงจนน่าขนลุกถ้าเทียบกับดนตรีสดจากศิลปินในแวดวงเดียวกัน หนำซ้ำบริเวณทางเข้ายังเต็มไปด้วยคนที่ยืนออจนแน่นขนัดเพราะไม่สามารถจองโต๊ะได้ทัน

     

     

    อากาศเย็นๆท้ายหน้าหนาวทำให้อี้ฟานจามออกมาเสียงดัง ใบหน้าคมเข้มนั้นติดจะเขินอายหน่อยๆที่ไม่สามารถกลั้นอาการเอาไว้ได้ต่อหน้าทีมงานคนอื่น แต่ก็ไม่มีใครคิดจะใส่ใจ ลู่หานเองก็เพิ่งหายหวัดที่ติดมาจากจงอินเมื่อราวสองสัปดาห์ก่อน เหลือก็แต่ชานยอลไม่ทุกข์ไม่ร้อนสักเท่าไร อ้างว่าอาการบ้านเกิดเย็นกว่าในโซลหลายเท่าตอนฤดูหนาว

     

     

    สถานที่ขึ้นแสดงคืนนี้เป็นผับแบบเปิด ท่ามกลางอากาศเย็นๆในช่วงปลายปีแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อการร้องเพลงระยะยาวเลย ลู่หานอาจต้องดื่มน้ำมากกว่าปกติและพึ่งเสียงคอรัส เพราะแค่ให้ยืนตากลมนานๆ มือไม้ก็แทบจะแข็งเป็นหินแล้ว

     

     

    เป็นโชคดีที่ทางเจ้าของร้านมีห้องพักหลังเวทีเป็นตัวอาคาร ชานยอลกับอี้ฟานง่วนอยู่กับเครื่องดนตรีของตัวเอง ส่วนจงอินเล่นคุกกี้รันรอทีมงานเซ็ทกลองเสร็จ ที่ว่างจริงๆก็คงเป็นลู่หาน เขาไม่มีอะไรให้ทำนอกจากดื่มน้ำและเล่นโทรศัพท์เรื่อยเปื่อย รออยู่ไม่นานนัก หนึ่งในสต๊าฟก็เข้ามาแจ้งว่าอุปกรณ์บนเวทีเตรียมพร้อมแล้ว ให้อาร์คสแตนด์บายได้เลย

     

     

    ลู่หานเกลียดการเซ็นบนเสื้อยืด แต่ก็ต้องทำเช่นนั้นเมื่อสวนกับนักดนตรีท้องถิ่นที่ขึ้นแสดงวงก่อนหน้าบริเวณหลังเวที เขาปั้นยิ้มเซลฟี่จนเมื่อย นึกสงสารคนสุดท้ายที่ไม่ทันได้ถ่ายรูปด้วยเพราะถึงเวลาแสดงของอาร์คเสียก่อน

     

     

    ร่างผอมกระชับแจ็กเก็ตแบบหนาห่อตัวเองขณะทอดสายตาสังเกตบรรยากาศข้างนอก เมื่อพิธีกรจ้างของผับพูดเปิดตัววงอาร์ค เสียงโห่ร้องด้วยความคลั่งไคล้ก็ดังกระหึ่มกลบดนตรีจนแทบไม่ได้ยิน นักร้องนำสูดลมหายใจลึก เป็นโชคดีที่แปลนของที่นี่ไม่ค่อยมีลมโบก ฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องขึ้นไปยืนตัวสั่นสะท้าน แล้วอี้ฟานก็เกร็งน่าดูเพราะกลัวจะเผลอจามออกไปอีก

     

     

    ลู่หานยิ้มให้คนด้านล่างเวที มือก็จับขาตั้งไมค์เย็นๆโยกไปมาระหว่างรอคนในวงสวมเครื่องดนตรีจนเข้าที่ เมื่อชานยอลดีดกีต้าร์เริ่มสัญญาเพลงดังในอัลบั้มล่าสุด เขาก็จำต้องลืมทุกความคิดในหัวแล้วเปลี่ยนตัวเองไปเป็นราชาของโลกทั้งใบในทันที ดนตรีของอาร์คคือพลัง เป็นสัญญาลักษณ์ของอำนาจที่ทะลุทะลวงอย่างดุดันสู่ความเป็นที่หนึ่ง พวกเขาไม่จำเป็นต้องปิดแววตาของความกระหาย การทะเยอทะยานคือคุณสมบัติหนึ่งของการแสดงที่ดี

     

     

    ครั้นกลับมาถึงห้องพัก ลู่หานเป็นคนแรกที่ทิ้งตัวลงบนโซฟาห้องนั่งเล่น โดยชานยอลซึ่งตามเข้ามาทีหลังทำหน้าที่ปิดประตูล็อกและถอดรองเท้าวางไว้บนชั้นเสร็จสรรพ ร่างสูงหายเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะออกมาพอดีกับเสียงเคาะประตูเรียก เป็นหนึ่งในทีมงานที่อากาไปซื้อเบียร์ให้นั่นเอง

     

     

    “เราจะไม่เที่ยวแทกูกันสักหน่อยจริงๆเหรอ”

     

     

    ได้ยินอย่างนั้นชานยอลก็เลิกคิ้ว หันหลังไปเอาเบียร์ใส่ตู้เย็นแล้วตอบกลับมาเสียงเรียบ “จงอินแทบจะหลับทั้งยืนแล้ว อี้ฟานเองก็ป่วย แล้วนายจะไปเที่ยวกับใคร”

     

     

    พอพูดถึงการเที่ยวก็คงไม่พ้นหมายถึงการออกไปดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำไม่ต่างจากตอนอยู่โซล ถึงอย่างนั้นลู่หานก็อยากเถียง เขารู้ว่าพวกทีมงานกลุ่มหนึ่งก็เกาะกลุ่มกันไปนั่งดื่มที่บาร์แถวๆนี้ แล้วดูราชาอย่างอาร์คเถอะ รายไหนๆก็นอนหมดสภาพอยู่ในห้องที่โรงแรม ความเหนื่อยสะสมทำให้ช่วงนี้เราค่อนข้างไร้ชีวิตชีวา

     

     

    “อีกอย่างเราก็มีเบียร์ที่นายอยากกินแล้ว ถ้านั่งกินที่นี่ได้ ฉันจะกินเป็นเพื่อน” ชานยอลยื่นข้อเสนอ ซึ่งเท่าที่มองหาหนทางที่เหลืออยู่ ลู่หานจำใจต้องยอมรับน้ำใจของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้

     

     

    มือกีต้าร์หายเข้าไปในห้องก่อนจะออกมาทั้งชุดเสื้อยืดกับกางเกงนอนขายาว ตรงกันข้ามกับลู่หานที่กลายสภาพตัวเองหลังจากนั้นให้อยู่ในชุดเสื้อฮู้ดหนาๆพร้อมจะรับลมระเบียงอย่างเต็มที่ ทั้งสองคนเลือกมุมดื่มดูวิวแทกูแบบง่ายๆจากบนห้องพัก ด้วยความที่อยู่ชั้นสูง ภาพภูมิประเทศใต้ความมืดของราตรีประดับไปด้วยแสงไฟนับร้อยพันดวงจึงดูไม่เลวเลย

     

     

    “โห มันต้องแบบนี้แหละ” ลู่หานผิวปากหลังจากได้กระดกเบียร์อึกแรก อีกแล้วที่ชานยอลทำในสิ่งตรงกันข้ามด้วยการเหม่อมองออกไปเงียบๆ หยุดเวลาของโลกทั้งใบเอาไว้ที่ตัวเองคนเดียว

     

     

    เขาตัดสินใจที่จะเงียบแข่งอีกฝ่ายในคืนนี้ อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีเรื่องให้เราคนใดคนหนึ่งเปิดปากพูดเพื่อสานต่อบรรยากาศดีๆนี้ไม่ให้กร่อยจนเกินไปนัก ลู่หานมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของสมาชิกใหม่อายุหนึ่งปี ใจก็นึกสงสัยว่าชานยอลไม่กระดากบ้างเลยหรือที่กลายเป็นเป้าสายตา หรือเจ้าตัวไม่สนใจอะไรเลย

     

     

    ไม่รู้ว่าตลอดหนึ่งปีมานี้มีสิ่งใดที่อยู่ในใจปาร์คชานยอลบ้าง อาจจะเป็นบางอย่างที่เติบโตไปตามเวลา หรือเหี่ยวฟีบจนเหลือแค่ความทรงจำอันเลื่อนลาง ขอตอบโดยสัตย์จริงว่าทั้งลู่หาน อี้ฟาน จงอิน อยากจะดันอาร์คขึ้นปกครองยังส่วนแรกอันจะเป็นที่หนึ่งในใจของมือกีต้าร์คนใหม่ อู๋อี้ฟานพูดในวันแรกที่เจอชานยอลรออยู่หน้าตึกเนเบอร์ว่านี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาด และใช่ ในบางครั้งคนเราก็ต้องเลือก ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าอาร์คอีกแล้ว

     

     

    นักดนตรีมีการผลัดเปลี่ยนวงและเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องธรรมดา หากลู่หานก็ยังไม่สามารถจำกัดความได้ว่าแล้วความยั่งยืนที่อยากอยู่ด้วยกันไปตลอดนั้นคืออะไร คงคล้ายๆกับการที่เขาคงไม่อยากร้องเพลงถ้าเพื่อนร่วมวงไม่ใช่อี้ฟานหรือจงอิน อาร์คบอบช้ำเกินพอแล้วตอนที่มือกีต้าร์คนเก่าออกไป ชานยอลไม่ควรเป็นเช่นนั้น แต่สิ่งใดเล่าจะพันธนาการชายหนุ่มเอาไว้กับบัลลังก์ของชื่อเสียงเงินทองพวกนี้

     

     

    เขาสะดุ้งไปเล็กน้อยเพราะเสียงล้มของกระป๋องเบียร์อันแรก ถึงแม้ทั้งระเบียงจะเต็มไปด้วยความเงียบ แต่ปากของคนที่ยอมนั่งดื่มเป็นเพื่อนเขาก็เปิดรับแอลกอฮอล์ไม่หยุด เห็นอย่างนั้นลู่หานจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาควรดื่มหนักๆบ้าง ถ้ามีแค่ใครคนใดคนหนึ่งเมาในคืนนี้คงไม่ยุติธรรมสักเท่าไร

     

     

    “ที่บ้านเกิดนายมีอะไรเหรอ” ลู่หานปากโป้งอีกแล้ว หรือฤทธิ์แอลกอฮอลล์จะมีส่วนช่วยให้เขาถามคำถามคาใจเมื่อเริ่มเข้าสู่จุดริบรอนสติสัมปชัญญะ

     

     

    จงอินเคยบอกว่าถ้าชานยอลจะเฝ้าคิดถึงแค่อะไรสักอย่าง สิ่งนั้นไม่น่าเป็นแค่เพื่อนร่วมวงดนตรีเก่าที่มีแต่ผู้ชายหรอก พนันเอาไว้ห้าหมื่นวอนเลย

     

     

    แล้วตอนนี้คนตรงหน้าก็กำกลังทำให้ลู่หานคิดเช่นนั้น เมื่อดวงตาหม่นแสงเริ่มปิดร่องรอยของความโหยหาไม่มิด ชานยอลยกเบียร์ขึ้นกระดกลงคออึกใหญ่ ก่อนจะโยนทิ้งไปข้างๆแล้วหยิบกระป๋องใหม่ขึ้นมาโดยไม่สนว่ามันแทบจะหายเย็นแล้ว

     

     

    “มีหลายๆอย่าง” เสียงทุ้มพูดตอบ “โดยเฉพาะคน”

     

     

    “ว่าแล้ว” คนฟังคิดว่าโชคดีที่จงอินไม่อยู่ตรงนี้ เขาไม่อยากให้เงินห้าหมื่นไปอยู่ในคุ้กกี้รัน

     

     

    คนตัวสูงเลิกคิ้ว ส่งสายตาแปลกใจเป็นเชิงคำถามว่าเขารู้ทันได้อย่างไร นั่นแหละ ใครไม่รู้ก็บ้าแล้ว ขนาดอี้ฟานที่น่าจะมองเรื่องนี้ไร้สาระยังเคยมาร่วมวงวิเคราะห์เลย แต่ลู่หานไม่ได้บอกเจ้าตัวว่ากลายเป็นหัวข้อพนันนิดๆหน่อยๆ ซึ่งถ้ารู้ มีหวังปาร์คชานยอลคงคิดว่าอาร์คเป็นกลุ่มคนที่เพี้ยนยิ่งกว่าที่อาจจะกำลังคิด

     

     

    “คนแบบไหน เล่าให้ฟังได้ไหม” เขาพนันในใจว่าอีกฝ่ายคงไม่เปิดปากพูด แต่ตัวแปรสำคัญอย่างเบียร์ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนไปโดยปริยาย

     

     

    ชานยอลนิ่งคิดอย่างจริงจัง ซึ่งถ้าเพ่งมองไปบนท้องฟ้า บางทีอาจจะเห็นกลุ่มดาวเกาะตัวกันเป็นภาพเหมือนใครสักคนก็ได้ “อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่น่าจะเรียกว่าปากร้ายใจดีได้”

     

     

    “โอ้โห ชอบผู้หญิงปากร้ายเสียด้วย” ลู่หานแซวทั้งเสียงหัวเราะ มือก็ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจรดริมฝีปากแล้วกะพริบตาไล่ความพร่ามัว เขารู้ตัวว่าเริ่มเมา แต่น่าจะน้อยกว่าคนเสียงอ้อแอ้ที่นั่งพูดเรื่องแฟนเก่าอยู่ข้างๆ ทั้งยังยิ้มหน้าเศร้าไปด้วย

     

     

    “ไม่ใช่หรอก”

     

     

    “ไม่ใช่อะไร”

     

     

    ชั่วอึดใจที่ชานยอลเงียบไป มือใหญ่ส่งแอลกอฮอลล์เข้าปากอึกใหญ่ๆโดยไม่สะทกสะท้านลมหนาวซึ่งพัดมาอ่อนๆ เสื้อยืดสีดำสกรีนอักษรร็อกแอนด์โรลฟุ้งกลิ่นเบียร์ที่ไหลหยดจากปลายคาง เอาเป็นว่าชานยอลคงเมามากจริงๆแล้ว ลู่หานยอมไม่พูดว่าน่าเสียดายก็ได้ถ้าหากร่างสูงอยากขอตัวไปนอน

     

     

    “ไม่ใช่ผู้หญิง”

     

     

    มือกีต้าร์แห่งวงอาร์คว่าประโยคหยุดโลก แต่ก่อนอื่นเลย มันหยุดลู่หานให้ชะงักค้างและเห็นภาพตรงหน้าชัดขึ้นมาในชั่วขณะ ชานยอลยังดื่มเบียร์รัวๆ ผิดกับเขาที่ลดมือถือกระป๋องลงพักตรงตักเพื่อหักเหความสนใจให้เรื่องน่ารู้ครั้งใหม่ของเพื่อนร่วมวง

     

     

    ร่างผอมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ถือวิสาสะทักออกไปตรงๆเกี่ยวกับประโยคเมื่อครู่ “ไม่ใช่ผู้หญิง... ก็หมายความว่าเป็นผู้ชายน่ะสิ”

     

     

    ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าสาวกเจ้าชายปาร์คมาได้ยินจะกรี๊ดสลบแล้วขาดใจตายได้ทุรนทุรายแค่ไหน ยิ่งการที่อีกคนปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบของการยอมรับกลายๆแล้ว ลู่หานก็คิดว่าแอลกอฮอลล์นี่มันเป็นเจ้าแห่งความเหลือเชื่อเสียนี่กระไร เขาอยากง้างปากชานยอล ถามให้หมดเปลือกเผื่อว่าเรื่องเปิดใจในครั้งนี้จะทำให้เราสนิทกันมากขึ้น

     

     

    แน่นอนว่านี่คงเรียกว่าความลับระหว่างทั้งคู่ครั้งที่สอง

     

     

    “แม่งโคตรเจ๋งเลยว่ะ...” นักร้องนำพึมพำ “นายแม่งเจ๋งจริงๆ ปาร์คชานยอล”

     

     

    ลู่หานไม่ได้รังเกียจผู้ชาย แล้วเรื่องแบบนี้ก็ไม่ได้น่าเหลือเชื่อจนเกินไปนักสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองคงจะเป็นเสือไบได้อย่างเขา หากสิ่งที่น่าแปลกใจก็คือความมั่นคงที่แสดงออกมานี่ต่างหาก พลันในหัวจึงคิดจินตนาการไปว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นแบบไหน ปากร้ายใจดี หล่อ น่ารัก อะไรที่ทำให้ชานยอลยอมจมตัวเองอยู่ในห้วงความคิดถึงได้นานขนาดนี้

     

     

    เสี้ยวหน้ามือกีต้าร์แดงก่ำ ดวงตาฉ่ำเยิ้มทอประกายความโหยหาอย่างเห็นได้ชัด ลู่หานไม่แน่ใจนักว่าเขาควรพูดประโยคต่อไปอย่างไร เปลี่ยนเรื่องดีไหม แต่ความคึกคะนองก็ดันผลักจินตนาการบรรเจิดส่วนลึกเกี่ยวกับลอร่า มิซากิออกมาเสียฉิบ

     

     

    “แล้วจูบกับผู้ชายนี่เป็นยังไง เหมือนจูบกับผู้หญิงไหม”

     

     

    ปาร์คชานยอลหันมามองคนถาม ไม่ถึงสิบวินาทีก็สาธิตให้ดูด้วยการจู่โจมใบหน้าเข้ามาใกล้

     

     

    รู้ตัวอีกทีเขาก็จูบอยู่กับชานยอล มันทั้งอุ่นร้อน แปร่งปร่า บีบหัวสมองจนขาวโพลนกระทั่งคิดอะไรไม่ออก ร่างสูงดูดดุนกลีบปากพลางแทรกลิ้นขณะขยับตัวเข้าใกล้ มือที่เท้ากับพื้นขนาบข้างตัวจนเขาตกอยู่ในวงแขน ปากอ้ารับและปล่อยให้ลมหายใจขาดห้วง ภาพสุดท้ายที่ลู่หานเห็นคือแพขนตาที่คุ้นเคย เขาโอนอ่อนตัวเองไปตามอีกฝ่าย รับรสสัมผัสปลายลิ้นที่จาบจ้วง จนกระทั่งข้อศอกเท้าโดนกับพื้นเย็นเฉียบทางด้านหลังขณะถูกดันราบลง พลันทั้งร่างก็ร้อนวาบ เสียวซ่านเพราะมือที่ล้วงเข้ามาในสาบเสื้อตามการเดินทางของอารมณ์

     

     

    หากเสียงแหลมเล็กของกระป๋องเบียร์ที่ล้มลงก็เรียกสติลู่หานให้กลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง ชานยอลผละตัวออกไปทันทีราวกับโดนของร้อน ริมฝีปากสบถพึมพำคำหยาบคาบเบาหวิว ซึ่งคงไม่ใช่เพราะน้ำสีเหลืองใสที่นองอยู่บนพื้นระเบียงแน่

     

     

    ร่างสูงผุดลุกขึ้นโงนเงน ไม่แม้แต่จะหันมามองลู่หานที่อยู่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน ชานยอลหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ทิ้งให้นักร้องนำของวงเงียบฟังเสียงวักน้ำกระทบใบหน้า ในหัวเต็มไปด้วยความมึนงงและร่องรอยของอารมณ์วาบหวามชั่วครู่ชั่วยาม

     

     

    ไม่มีใครรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ปาร์คชานยอลขอโทษเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะนอนหันหลังให้บนเตียงคู่ขนาดคิงไซส์ แล้วก็ตลกดีที่ลู่หานดันตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร เวลาเมาก็มักจะเกิดเรื่องตลกๆแบบนี้ขึ้นเสมอ และในคืนนั้น เราต่างหันหนีกันโดยที่พยายามข่มตาหลับไปพร้อมกับความลับข้อที่สามให้ได้

     

     

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้นเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ความเป็นปกติ ก่อนพวกเขาจะเปิดประตูห้องออกไปทั้งสัมภาระ ชานยอลก็ตัดสินใจดันประตูปิด ทำหน้าตาแบบที่ลู่หานเดาได้ว่าคงอยากขอโทษเป็นครั้งสุดท้าย ที่ทำให้สุดท้ายของเมื่อคืนเป็นหมันไป และมันจะไม่รู้จบ

     

     

    ลู่หานหัวเราะออกมาเสียงดัง ตบบ่าอีกฝ่ายแล้วแกล้งพูดถึงลอร่า มิซากิขึ้นมาอีกครั้งว่าชานยอลคงเทียบหล่อนไม่ติด นั่นทำให้ลู่หานไม่หวั่นไหวอย่างที่กลัวหรอก

     

     

    “แต่ระวังเอาไว้เถอะ เดี๋ยวนี่ได้กลายเป็นโจ๊กตอนปาร์ตี้รอบหน้าแน่”

     

     

    ถึงตรงนี้ ชานยอลเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงพลางใช้สายตาหยั่งเชิงเขา แต่คงลืมคาดคะเนเอาประสบการณ์การเป็นศิลปินใส่เข้าไปในความสามารถทางการแสดงด้วย ครั้งนี้ลู่หานหัวเราะดังกว่าเก่า ยื่นมือไปหมุนเปิดบานประตูห้องออกไปเสียเอง

     

     

    “พูดเล่นน่า ให้นี่เป็นความลับของเราก็แล้วกัน” เขาพูดเช่นนั้น วอนขอให้ชานยอลยอมเชื่อและลืมมันไปเสีย

     

     

    ร่างผอมของนักร้องนำเดินลิ่วผ่านห้องของเพื่อนร่วมวงอีกสองคนมาจนถึงประตูลิฟท์ ทิ้งห่างชานยอลที่จัดการปิดประตูห้องเพื่อป้องกันไม่ให้ได้ยินเสียงหัวใจเต้นโครมครามจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอก มันบีบแน่นและแปลงอัตราการเต้นอย่างน่าประหลาด คล้ายตอนที่ลู่หานมีความรักเมื่อหลายปีก่อน หาใช่ลอร่า มิซากิอย่างที่เพิ่งใช้เปรียบเทียบไป

     

     

    รู้ว่าตัวเองในยามนี้อ่อนแอยิ่งกว่าสิ่งใด ป้อมปราการบางอย่างถูกทำลาย แล้วความรู้สึกที่ไม่ได้เจอกันมาเนิ่นนานก็กลับมาสูบฉีดจนเต็มปรอทเมื่อมีสิ่งกระตุ้น มันเรียกร้องให้หันกลับไปให้ความสนใจปาร์คชานยอลซึ่งกำลังเดินตามมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งหยุดยืนอยู่ทางด้านหลัง

     

     

    เมื่อหันไปเห็นใบหน้าหล่อเหลานั่นอีกครั้งก็เกิดเกลียดตัวเองขึ้นมาเสียดื้อๆ เป็นเช้าวันแรกที่ลู่หานมองมือกีต้าร์คนใหม่ของอาร์คเปลี่ยนไป

     

     

    รวมถึงตัวเขาเองเช่นกัน

     







     

     

     

     

     

     


     

    ________________________________________

     

    ตอนพิเศษแก้บนกดบัตรวันโอคุได้! (ถึงแม้จะไม่ได้ไปดูก็ตาม T_T)

    ซึ่งน่าตกใจมากๆที่โหวตชานลู่กันจนชนะ ฮืออออ นี่มันอะไร

    จริงๆแล้วเรื่องราวของชานลู่นี้มีอยู่ในเนื้อเรื่องอยู่แล้วค่ะ แต่ได้ปรับมาอยู่ในตอนนี้ จังหวะนี้ก็ดีเหมือนกัน

    จะได้รับกับความตื่นตกใจความลับของลู่หานเมื่อตอนที่แล้วกันไปเลย 555555555


    อะไรจะเกิดในฟิคเรื่องนี้ก็ต้องเกิด ไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ

    บางทีเราอาจจะเกิดอยากเล่นปริศนาอักษรไขว้ขึ้นมาก็ได้ #ขู่วววววว

    แต่ขอให้เชื่อมั่นและศรัทธาด้วยความเข้มแข็งกันเอาไว้ อรรถรสนะ

    ยังมีเซอร์ไพร์สอีกหลายตอน บอกแล้วว่าเพิ่งจะ 1/3 ของเรื่องเท่านั้นเอง!


     

    #ficdarkhorse












     



    M
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×