ตอนที่ 2 : เดอะแก๊งค์เสื้อช็อป : Chapter 2
NOTE:ขออภัยสำหรับคำผิดค่ะ
Note:ขออภัยสำหรับคำผิดค่ะ
Chapter 2
หลังจากตอนเที่ยง ผมได้แต่กินข้าวด้วยหน้าร้อนๆ อายเป็นบ้า!! พอเงยหน้ามองไปทีไร เห็นเขามองมาทุกที แถมยิ้มๆทำท่าเหมือนจะขำผมอีกต่างหาก
เขาคิดอะไรอยู่ ขำผมรึไงที่ผมเป็นแบบนี้ ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองมาก ในเมื่อผมเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นเหมือนกันสักหน่อย เขาอาจจะขำผมอยู่ก็ได้ ที่ริอาจไปทำท่าเหมือนจะตกหลุมรักเขาเสียเต็มประดาแบบนั้น
เอมก็เป่าหูผมเหลือเกินว่าเขาต้องชอบผมแน่ๆ ผมออกจะน่ารักขนาดนี้ แต่เฮ่ย์ ผมน่ารักแล้วไง? ผมเป็นผู้ชาย เขาก็เป็นผู้ชาย เอมก็บอกว่าอย่าคิดมาก มันจะทำให้ผมเครียดแล้วหมดความมั่นใจ
ก็จริงนะ ตอนนี้ผมรู้สึกไม่มั่นใจเอาเสียเลย...
ผมกลับมานอนที่หอได้ซักพัก ไม่ว่าจะรู้สึกแย่แค่ไหน ผมก็หลับไปพักใหญ่ ในเมื่อมีองค์ประกอบครบชุดที่จะทำให้ผมหลับได้ ก่อนจะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แม๊กซ์นั่นเอง คงโทรมาตามให้ไปกินข้าว
"ว่าไง"
/อยู่ไหนวะ/
"อยู่หอมีไร"
/วันนี้ไปกินข้าวหลังมอกัน/
"เอมไปด้วยปะ"
/ไป เอ้อ เดี๋ยวมีเพื่อนธันวาไปกินด้วยนะ/ ธันวา.. เมทของแม๊กซ์นั่นเอง
"ได้ๆแค่นี้นะ"
/อืม เดี๋ยวเอมขับรถไปรับนะ บาย/
ผมตัดสายออกพลางเอาหน้าซุกหมอน ฮือออ หน้าเขาลอยเต็มไปหมด ทางนั้นก็มี ทางนี้ก็มี ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะงัดตัวเองขึ้นมาจากเตียง ชักจะไม่อยากลุกละ ที่นอนจ๋าเดี๋ยวกลับมานะ
ผมหยิบกระเป๋าตัง กุญแจห้อง แล้วโทรศัพท์ ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนเดินออกมาจากห้อง ผมใส่เสื้อผ้าสบายๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ลากรองเท้าแตะ นั่งรออยู่หน้าหอสักพัก แล้วเอมก็มาถึง BMW รุ่นใหม่ป้ายแดง จอดเทียบกับริมทางก่อนผมเปิดประตูเข้าไปก็เจอคุณหนูเอมคนน่ารัก ยิ้มแฉ่งมาให้อย่างสดใส
"แม๊กซ์โทรมา" เอมว่า
"มีไรอะ"
"แม๊กซ์บอกจะมีเซอไพร์สให้พวกเราสองคน"
"เซอไพร์สไรอะ วันเกิดเอมเหรอ ก็ไม่นี่" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ
"ไม่รู้ บอกมาถึงก็จะรู้เอง เตรียมตัวเตียมใจไว้ละกัน หึหึ" เอมพูดเลียนแบบเสียงแม๊กซ์
รู้เลยว่าเพื่อนตัวโย่งมันต้องคิดเล่นอะไรแผลงๆอีกแน่ ไม่ใช่จะให้พวกผมเล่นเกมกินเหล้าอีกเหรอ โห่ ตอนนั้นผมนี่เมาหัวราน้ำ แพ้เขาซะทุกตา คอไม่ได้อ่อนมากหรอก แต่ต้องกินแทนคุณหนูเอมด้วยเนี่ยสิ
เรามาถึงบริเวณหลังมหาลัยที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านเหล้า ผมไม่ค่อยได้มาจุดนี้เท่าไหร่ เพราะบริเวณหอผมก็มีของกินเยอะแล้ว เอมจอดรถหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริเวณร้านจัดไว้ดีมาก เป็นร้านที่ทำด้วยไม้มีสองชั้น มีดอกไม้และต้นไม้ให้ความร่มรื่น ที่จอดรถก็มี ผมเห็นมอเตอร์ไซค์ของแม๊กซ์จอดไว้ใกล้ๆบันไดร้านด้วย เราเดินลงมาจากรถแล้วก็ได้ยินเสียงพูดคุยเสียงดังมากมาจากด้านบน
"พวกนั้นคงอยู่ข้างบนกัน ขึ้นไปกันเถอะ" เอมว่าก่อนจะจูงมือผมเดินขึ้นไป
ผมสัมผัสได้เลยว่าข้างบนคงมีคนไม่ต่ำกว่าสิบคนแน่ แต่ก็เดาไม่ได้ว่าเป็นพวกแม๊กซ์หรือเปล่า อาจจะเป็นคนอื่นๆก็ได้ ผมก้าวขึ้นบันไดขั้นสุดท้าย เราหยุดมองรอบๆพักนึง แล้วพบว่าทั้งร้านมีอยู่โต๊ะเดียว โต๊ะที่มีผู้ชายหลายคนกำลังส่งเสียงดังกัน และเสียงโวยวายนั้นหยุดลงทันทีก่อนทุกคนจะมองที่เราเป็นจุดเดียวกัน ผมหันหน้าไปมองเอมที่หันมาทำหน้าหวาดๆใส่ แล้วกระซิบรอดไรฟันให้ได้ยินกันสองคนว่า “ใช่เพื่อนแม๊กซ์เหรอ พวกนี้เถื่อนๆนะว่ามะ”
"แม๊กซ์! นั่นเพื่อนมึงป่าว!!" ผู้ชายใส่เสื้อบอลสีแดงตะโกนใส่แม๊กซ์ที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ
"เออ ใช่ๆ นี่ทุกคน นี่เอม และนี่ใบไม้ เพื่อนที่คณะกูเอง"
ทันใดนั้นร่างผมก็ชาวาบ และแก้มของผมก็ร้อนขึ้นมาอย่างทันที
ไม่จริง...
ผู้ชายคนนั้น...
เดวิดของผม...
เขานั่งอยู่ตรงนั้น...
เขากำลังมองมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากที่ทำผมใจเต้นแรงอีกครั้ง...
จะทำไงดี...ผม..ต้องใจสั่นตายตอนนี้แน่ๆTT
_________________________________________________________________________
ผมกำมือแน่นอย่างรู้สึกอึดอัด จนรู้สึกได้ถึงเหงื่อชื้นๆที่ซึมออกมา มัน...ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรขนาดนั้น แค่รู้สึกว่ามันหายใจไม่ออกจนอึดอัด แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นชื่อจอมทัพ ตามที่เพื่อนๆของเขาเรียก มือเล็กๆสั่นเล็กน้อยตอนเงยหน้าไปเจอคนที่แต่งตั้งเป็นพรมลิขิตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังมองมาที่ตัวเอง และก็รู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่เห็นเขาคนนั้นยิ้มและได้ยินเขาหัวเราะกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน
บ้าจริงๆใบไม้ เขาก็แค่ยิ้มและหัวเราะเอง
พวกผู้ชายตัวใหญ่ที่หัวเราะและพูดคุยกันเสียงดังราวกับทั้งร้านเป็นของตัวเอง ถึงจะเจอกันครั้งแรก เพื่อนของแม๊กซ์ต้อนรับเราอย่างดี อย่างสนิทสนมราวกับว่ารู้จักกันมา10ปี
ผมแปลกใจเล็กน้อยที่รู้ว่า เพื่อนแทบทุกคนไม่ได้อยู่คณะเดียวกัน จะมีเพียงแม๊กซ์เท่านั้นที่เรียนเศรษฐศาสตร์ ส่วนคนอื่นๆก็เรียนวิศวะ วิทยาศาสตร์ นิติศาสตร์ แถมบางคนก็เป็นรุ่นพี่อีก และมันก็ทำให้รู้ว่าจอมทัพก็ก็เป็นรุ่นพี่ แน่ล่ะก็เป็นเพื่อนของพี่เตวินนี่นา
แต่ทุกคนก็พูดคุยอย่างสนิทสนม ในเมื่อเป็นทั้งเพื่อนของเมทและเพื่อนของเพื่อน เพราะฉะนั้นเราทุกคนเลยต้องเป็นเพื่อนกัน เหตุผลนี้เตวินเป็นคนพูดในตอนเปิดงานสังสรรค์มื้อเย็นอย่างเป็นทางการ นั่นทำให้เอมกล่าวชื่นชมถึงความใจกว้างของคนดวงใจ จนพาลทำให้หลายคนหมั่นไส้เตวินกันไปหมดที่ถูกผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มชม
“แม๊กซ์ ทำไมไม่บอกล่ะว่ารู้จักกับจอมทัพอะ” ผมหันไปกระซิบแม๊กซ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ แม๊กซ์ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงมากระซิบกลับ
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปดูบอลกับเพื่อนธันวาก็ไม่เห็นว่าพวกนั้นจะพามาด้วย รุ่นพี่พวกนั้นก็พวกพี่ๆของพวกเพื่อนมันแหละ มันบอกมีเพื่อนที่คณะกับเพื่อนของเพื่อนละก็พี่ของเพื่อนมาด้วยจะไปรู้เหรอว่าเป็นสุดที่รักของนาย”
“บ้า อย่ามามั่วเหอะ สุดที่รักที่ไหนกัน”
“กะว่าจะเชื่ออยู่ แต่เห็นหน้าแดงๆของนายแล้วไม่เชื่อดีกว่า”
“อ..อะ..ไอ้บ้าเอ๊ย” ผมตีแม๊กซ์ไปหนึ่งที ก่อนที่ตานั่นจะหัวเราะออกมาที่ได้แกล้งผมได้
“ฉันน่ะ แต่งตัวก็ไม่ดี หัวก็ฟู หน้าโทรมสุดๆ แย่ๆ” ดวงหน้าน่ารักเบะปากร้องไห้หนึ่งที ก่อนแม๊กซ์จะหัวเราะเบาๆแล้วก้มลงไปใกล้พร้อมคำพูดที่ทำให้ผมต้องเงยหน้าไปมองคนตรงข้ามแล้วหน้าร้อนทันที
“ทำหน้าแบบนั้นแล้วยังจะมาคุยใกล้ๆกับฉันอีก คนบางคนเขามองอยู่ก็อาจจะเข้าใจผิดก็ได้”
ซึ่งมันจริงเมื่อเงยหน้าไปมองแล้วเห็นจอมทัพมองมาอยู่ ร่างสูงและร่างบางสบตากันเล็กน้อยจนรู้สึกหน้าร้อนต้องหลบตาลงมาผลักแม๊กซ์ออกแล้วหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าแทน
เอมดูเป็นที่รักของทุกคนมากที่สุดเพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม แถมยังเข้ากับเพื่อนของแม๊กซ์ได้ดีมากๆ เพราะตอนนี้คุณหนูเอมของเรากำลังพูดคุยเรื่องฟุตบอลอย่างออกรส แน่ล่ะ พวกนั้นคงจะตะลึงน่าดูที่ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง จะห้าวและบ้าคลั่งฟุตบอลได้ขนาดนั้น ผมก็ออกความเห็นบ้างเล็กน้อยหรือไม่ก็ได้แค่ยิ้มกับหัวเราะตามเท่านั้น
“อะ...”
‘เกร้งงง’
ผมทำช้อนตกเสียงดัง เมื่อผมยื่นมือไปโดนกับมืออุ่นๆของคนตรงหน้าที่ยื่นมือออกมาตักอาหารพอดี แล้วรีบชักมือกลับทันทีก่อนก้มหัวขอโทษทุกคนที่ทำตัวเสียมารยาท โดยมีแต่แม๊กซ์และเอมที่ส่งสายตาล้อเลียน และจอมทัพก็อมยิ้มขึ้นมาก่อนจะก้มหน้ากินข้าวเหมือนเดิม
บ้าเอ๊ยยย ผมต้องแสดงพิรุธออกไปแน่ๆ
เล่นหน้าแดงใส่เขาแบบนั้น
“ใบไม้ดูคุยไม่ค่อยเก่งเลย” เพื่อนคนที่ชื่อต้นหันมาถามผม ก่อนมาร์คเพื่อนอีกคนจะพูดออกมาผสมโรง
“พวกเราทำใบไม้อึดอัดรึเปล่า”
“ไอ้เตวิน มึงแย่งเพื่อนกินหมดเลยใช่ปะ” เพื่อนอีกคนนั่งอยู่นั่งอยู่หัวโต๊ะอีกฟากตะโกนบอกเตวินที่นั่งอยู่นั่งอยู่หัวโต๊ะใกล้ๆเรา
“เหี้ยไรรร กูก็คุยๆของกูอยู่ดีๆ มึงมาโทษอะไรกู”
“ไอ้แทน มึงนั่นแหละพูดมาก เห็นไหม เพื่อนคุยไม่ทัน” และอีกมากมายที่ทำให้ยิ้มและหัวเราะออกมา พวกนี้คุยเก่งกันจริงๆ คุยอย่างนี้ใครจะไปคุยทัน
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ฟังพวกนายพูดแล้วมันสนุกดีเลยนั่งฟังเฉยๆดีกว่า” ผมยิ้ม ก่อนจะสะดุดเล็กน้อยที่หันไปเจอจอมทัพที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังส่งยิ้มมาให้อีกแล้ว อีกแล้ววว รอยยิ้มนั้นคืออะไร สายตานั้นคืออะไร ฮื่ออ
“โทษจอมทัพสิ มึงดูมัน มึงอยากคุยกับเขาก็คุยดิวะ จ้องใบไม้อยู่ได้ รู้ว่าคุยไม่เก่ง แต่เล่นนั่งจ้องอย่างนี้ น้องเขาก็กลัวมึงดิ เป็นกูก็อึดอัดแหละ” เป็นเตวินนั่นเองที่โพล่งออกมา
ทุกสายตาจ้องไปที่จอมทัพที่ทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นเท่านั้น ใบไม้หัวเราะออกมาน้อยๆตอนที่เขาทำหน้าเป๋อเหลอ เพราะเพื่อนทุกคนกล่าวโทษเขาที่เป็นตัวการที่ทำให้เพื่อนใหม่อึดอัด ก่อนแก้มของผมแดงขึ้นมาอีกครั้งตอนที่จอมทัพหันมามองหน้าตรงๆ หลังจากที่เพื่อนทุกคนลงความเห็นว่าเราควรแนะนำตัวกัน เรามองกันเล็กน้อย เกิดความเงียบขึ้นมาก่อนที่เป็นที่จะจอมทัพที่เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนด้วยเสียงทุ้มๆ
“จอมทัพ วิศวะเครื่องกล ปี3”
“เอ่อ บ..ใบไม้ เศรษฐ ศา..สตร์ ปี2ครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ย..ยินดีที่ได้รู้ จ..จัก”
เรารู้จักกันแล้ว เรารู้จักกันจริงๆแล้ว!
เรายิ้มให้กัน ก่อนเขาจะขำออกมาเบาๆเมื่อเห็นผมหน้าแดงจนไปถึงใบหู ผมก็ได้แต่เพียงเกาแก้มร้อนๆเบาๆ ก่อนจะหันไปเห็นสายตาล้อเลียนของเอมและแม๊กซ์ที่ทำให้ผมหน้าแดงไปอีกสิบเท่า
ผมต้องขอพูดคำเดิมว่า ผมต้องเป็นโรคหัวใจแน่ๆ ฮือออ
__________________________________________________________________________________
Talk วันละนิดจิตแจ่มใส่
รู้จักกันแล้วววววว ><
พี่ท่านก็จ้องน้องซะเหลือเกิน น้องก็เขินแย่สิ ฮิฮิ
ขอบคุณสำหรับยอดวิว คนกดfavและคอมเมนท์แรกนะคะ
แค่นี้ก็รู้สึกดีมากแล้ว ขอบคุณค่ะ C:
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารักกกก