ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {FIC EXO} DISABLE..พิการ [ChanBaek] Yaoi

    ลำดับตอนที่ #15 : - Disable - 14

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.26K
      130
      18 ส.ค. 57

     

     

    FOURTEEN

     

     

     

     

    แบคฮยอนนอนมองหน้าชานยอลมาหลายคืน หลายต่อหลายคืนที่เขาหมางเมินใส่ชานยอลแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายเองก็พอจะรู้บ้างเหมือนกันจึงไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับเขาเพียงแต่คอยช่วยเหลืออย่างที่เคยทำ และหน้าที่สำคัญที่ชายหนุ่มไม่เคยลืม

    คือการนอนลูบท้องของเขาไปพร้อมกับเล่านิทานกล่อม เพียงแต่เขาไม่ได้นอนหลับอย่างที่อีกคนเข้าใจ

    แบคฮยอนมองใบหน้าคมที่นอนหลับตาพลิกตัวไปมา ไม่ได้นอนสบายอย่างที่เจ้าตัวได้เคยนอนสักคืน แบคฮยอนนอนมองมาได้เกือบๆสองสัปดาห์เต็มๆแล้ว

    เขาไม่อยากจะใจอ่อนแล้วเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่อยากคาดหวังแล้วตกลงมา มันเจ็บเกินไป แต่เชื่อไหมแค่อ้อมกอดที่อีกฝ่ายเคยกอดเมื่อนานมาแล้วเขากลับโหยหามันเหลือเกิน

    แบคฮยอนปาดน้ำตาออกจากหางตาตัวเองเบาๆ พยายามไม่ทำอะไรให้เกิดเสียงเท่าไหร่ ไม่อยากให้ชานยอลต้องตื่นขึ้นมา เห็นคนตัวโตนอนพื้นอย่างนี้ใช่ว่าเขาชอบใจ ที่ไล่ให้ชายหนุ่มกลับไปก็เพราะอยากให้กินอยู่อย่างสบาย กลางวันชานยอลไปทำงานแต่ก็ทิ้งเซฮุนหรือไม่ก็จงอินไว้กับเขาแต่ถ้าวันไหนไม่มีงานเจ้าตัวก็จะมาอยู่เอง

    ถ้าเพื่อเขาตัวเปล่าๆคนเดียว ชานยอลจะยอมทำถึงขนาดนี้ไหมนะ ถ้าเขาไม่ได้ท้องลูกของชานยอลล่ะ พระเจ้าไม่เข้าข้างเขาเลยที่ทำให้เรากลับมาเจอกันอีกครั้งเพื่อตอกย้ำว่าเขารักคนตรงหน้าจริงๆทั้งที่ไม่ควรรัก  ยิ่งมีลูกยิ่งรู้สึกผูกพัน อยากให้เขามาเป็นทั้งพ่อเด็กและคนรัก ไม่อยากให้เลือกรักใครเพียงแค่คนเดียว

    ดวงตาเรียวมองไปยังคนที่นอนพลิกตัวกลับมาหาเขาทั้งที่ดวงตายังปิดสนิท พื้นที่นอนแข็งๆนั่นมันคงจะเย็นเอาการอยู่เหมือนกัน มีเพียงแค่ผ้าบางๆปูจะไปอุ่นอะไร แขนขายาวๆก็ดูจะขยับติดขัดไปหมด ทั้งโต๊ะทั้งตู้วางโทรทัศน์

    นอนมาได้ยังไงกันสองสามอาทิตย์

     

    “คุณชานยอลฮะ..”เสียงเรียกเบาๆทำให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างง่ายดายตามประสาคนความรู้สึกไว

    “ทำไมยังไม่นอน”ชายหนุ่มถามกลับ ใบหน้าคมติดเหมือนจะดุคนตัวเล็กในที อดแปลกใจไม่ได้ที่อีกคนนอนมองเขาพร้อมกับเรียก ทั้งๆที่ผ่านมาทำหมางเมินมาตลอด

    “ผมนอนไม่หลับครับ”คนตัวเล็กบอกเบาๆ

    “เดี๋ยวสุขภาพไม่ดีนะ เดี๋ยวมันจะกระทบกูซึลหรอก”ชายหนุ่มพูดทั้งๆที่ยังมองหน้าของอีกคน ไม่เข้าใจความหวั่นไหวในดวงตาที่จ้องมองเขา

    “คุณนอนสบายไหมครับ”แบคฮยอนไม่ตอบรับกับคำบอกของชานยอลแต่เลือกที่จะถามอย่างอื่นกลับแทนที่

    “ฉันนอนได้”ชานยอลพูด เขานอนได้จริงๆมันไม่ได้แย่อะไรนักอาจจะไม่สบายตัวบ้างในบางที

    “กลับไปนอนที่บ้านคุณเถอะครับ ที่นั่นมีเตียงสบายๆ มีผ้าห่มอุ่นๆให้นอน”แบคฮยอนออกปากเสียงเบาทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น

    “ทำไมเธอถึงชอบไล่ฉันไปไกลๆ ไหนบอกว่าไม่เกลียด”

    “ไม่ได้เกลียดหรอกครับ แต่มันนอนไม่สบายจริงๆ ผมแค่อยากให้คุณได้นอนสบายๆ”แบคฮยอนบอกเสียงอ่อนเบา

     

    ทำไมแบคฮยอนถึงเหมือนคนโง่เง่าได้แบบนี้นะ โง่เง่าที่สุดจริงๆ ทำไมถึงได้รักเขาทั้งๆที่ไม่เชื่อใจ..ทั้งๆที่ยังกลัวแต่ก็ยังเป็นห่วง ก็ยังอยากให้เขาอยู่ตรงนี้ อยากนอนมองใบหน้าของผู้ชายคนนี้ทั้งยามหลับหรือตื่น

    แบคฮยอนมีทางเลือกหรือเปล่านะ แต่คิดว่าไม่มีหรอก..ใจกับสมองมันแยกกันเสมอ ใจเขาบอกว่ารักและให้อภัย แต่สมองบอกว่าให้ระแวงระวัง

    มันทำงานไม่ผสานกันเอาเสียเลย

    ชานยอลมองใบหน้าของเขาอยู่เช่นกันในสายตากลมดุของชายหนุ่มกำลังมองเห็นอะไร เห็นใบหน้าของ บยอน แบคฮยอนหรือเห็นเพียงแค่ ปาร์ค กูซึล เด็กน้อยในท้องของเขาเพียงอย่างเดียว

     

    “เป็นอะไร”ชายหนุ่มถาม ขยับตัวลุกขึ้นนั่งหันมามองเขา ผมที่เคยเป็นทรงชี้ไปมาไม่เป็นท่า ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ใส่ใจจะจับมัน

    “เปล่าครับ”แบคฮยอนส่ายหน้าเบาๆบอกปัดอีกครั้งหากคราวนี้ชานยอลกลับไม่เชื่อเท่าไหร่

    “เธอ..เมินฉันมาเป็นอาทิตย์แล้วนะแบคฮยอน”ชานยอลถอนหายใจออกมาแรงๆ เขาตัดสินใจพูด เขารู้ดีว่าเขาอาจคิดมากไปเองแต่มันก็ไม่ใช่เลย

    “ผ…ผม..”แบคฮยอนพูดติดขัดเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าคิดมาก

     

    ชานยอลไม่ใช่คนเฉยชาอย่างที่ทุกคนคิด เขาเองก็มีมุมอ่อนไหวและคิดมาก ที่เขาเงียบไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจแบคฮยอนแต่คนอย่างเขาไม่รู้จะง้อแบคฮยอนอย่างไรเขาทำไม่เป็น ได้แต่ทำเป็นวนเวียนใกล้ๆบางครั้งก็โดนไล่ออกมา บางครั้งก็ไม่ได้รับการพูดคุย

    ที่เขาไม่อยากถามเพราะกลัวอดทนไม่พอ จนเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปแล้วจะผิดใจกันยกใหญ่ คนแข็งกระด้างอย่างเขาคนนี้พยายามอ่อนลงให้แบคฮยอนอยู่แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืน

     

    “ฉันอาจจะยังรู้จักเธอไม่ได้ดีพอ แต่ฉันก็พยายาม ถ้าเธอไม่บอกฉันคงไม่รู้”ชานยอลบอกเสียงอ่อนลง ใบหน้าค่อนข้างกังวลทำให้ลมหายใจของแบคฮยอนขาดห้วง

    “ผมกลัว..”แบคฮยอนเบาออกมาน้อยๆ เสียงนุ่มสั่นเทาเบาๆเหมือนเป็นการเริ่มต้นของการเสียน้ำตา

    “กลัวอะไร..หือ”ชานยอลขยับเขาใกล้อีกคนมากขึ้น พูดกับเด็กหนุ่มด้วยเสียงที่อ่อนลงอีกนิด

    “ค..คุณ..ไม่ได้..มา..ดีกับผม..ฮ..ฮึก เพราะ..จ..ฮึกเอากูซึล..ไป..ใช่ไหม”แบคฮยอนบอกด้วยถ้อยคำขาดๆหายๆหากชานยอลเองก็เข้าใจได้อย่างดี

     

    ชานยอลรู้สึกเจ็บในอกข้างซ้ายของเขา มันเหมือนมีอะไรมากระแทกเข้าไปรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อทั้งๆที่ไม่มีใครทำอะไรเขาแม้แต่ปลายผม มันเป็นแค่คำพูดของคนตรงหน้า

    แบคฮยอนกำลังหวาดระแวง และไม่เชื่อใจเขา นั่นคือสิ่งที่ทำให้ชานยอลเจ็บจนหัวใจชา แต่ยังดีที่เขารู้ว่าทำไมแบคฮยอนถึงเมินเขาแบบนี้ ดีกว่าปล่อยให้มาเรื้อรัง

     

    “อะไรทำให้คิดอย่างนั้น”ชานยอลพยายามถามอย่างใจเย็นทั้งที่เขาไม่ใช่คนอย่างนี้เลย

    “เพราะ..ค..คุณ…ไม่ได้..ฮึก..รักผม”แบคฮยอนกำลังกรีดหัวใจตัวเองเพื่อพูดมันออกมา ในเมื่อตอนนี้เราตัดสินใจคุยกันแล้ว เขาเองก็คิดว่าควรพูดออกมาให้หมด เขาอยากทำใจ ไม่อยากอยู่กับความกลัวแบบนี้อีก มันทรมาน ยิ่งตอนนี้เขาเป็นแม่คนอารมณ์ยิ่งอ่อนไหวกว่าที่เคยเป็นมากนัก

     

    อย่างไรก็ตามแบคฮยอนก็เป็นเพียงแค่เด็กผู้ชายอายุ18ปีเท่านั้น ไหนจะยังเจอเรื่องอะไรมามากมาย แถมยังต้องถูกผลักดันให้เป็นผู้ใหญ่ก่อนวัยอันควร ไหนจะต้องมีความรับผิดชอบในชีวิตของเด็กที่กำลังจะเกิดมา ทั้งๆที่คนในวัยเดียวกันกำลังสนุกสนานกับชีวิตวัยรุ่น ชานยอลลืมคิดไปว่าแบคฮยอนกำลังกลัวมากแค่ไหน

    เขาเองก็ไม่ชัดเจนเอาเสียเลย จุดนี้จะว่าแบคฮยอนเองก็ไม่ได้ ไม่ใช่ไม่อยากทำหรอกนะ..แต่บางทีเขายังไม่รู้จักแบคฮยอนมากพอที่จะหาทางเข้าหาอีกฝ่าย

    มือหนาเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าเล็ก ปาดเอาน้ำตาที่มันไหลออกมาราวกับไม่มีวันหมดสิ้น น้ำตาแต่ละหยดที่ออกจากดวงตาดำขลับที่จ้องมองเขามันกำลังตกกระทบที่ใจของชานยอล ทำให้รู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อแบคฮยอนมันมีมากเพียงใด 

     

    “อย่าร้องไห้”ชานยอลบอกเบาๆ เกลี่ยมือลงที่แก้มเนียนชื้นของคนตัวเล็กที่ทำท่าจะสะอื้นอีกครั้งเขาทำได้เพียง เปล่งเสียงเบาๆเป็นสัญญาณให้อีกคนเงียบลง

     

    ชายหนุ่มจับคนตัวเล็กขึ้นมานั่งตักของเขา กดให้หัวเล็กอิงซบไปกับอกแกร่งตวัดผ้านวมนิ่มมาคลุมทับและกอดอีกฝ่ายเอาไว้เป็นอย่างสุดท้าย อากาศหนาวๆแบบนี้เดี๋ยวคุณแม่ตัวน้อยของเขาจะไม่สบายไป

     

    “แน่นอน..ฉันรักลูกอยากได้ลูกอยู่แล้วแบคฮยอน ในเมื่อฉันเป็นพ่อของเขา”ชานยอลพูดเสียงทุ้มนุ่มหากคนฟังนั้นได้ยินแล้วแทบจะปล่อยโฮออกมา

    “อย่าเพิ่งร้องเด็กดี ในเมื่อฉันมีลูก ฉันก็ต้องอยากได้แม่ของลูกเหมือนกันไม่อย่างนั้นเราจะเป็นครอบครัวได้ยังไง”ชายหนุ่มบอกต่ออีกครั้งน้ำอ่อนโยนทำให้แบคฮยอนคลายสะอื้นลงเล็กน้อยหากน้ำตามหาศาลยังคงไหลริน

    “เพราะฉะนั้น อย่าคิดมากเลย..ถ้าฉันพูดว่ารักเธอตอนนี้เธออาจจะยิ่งระแวงเดี๋ยวจะหาว่าฉันบอกว่ารักเพื่อจะซื้อใจ ที่ฉันห่วงลูกเพราะถ้าลูกเจ็บเธอก็เจ็บ ลูกป่วยเธอเองก็จะป่วย ฉันเป็นห่วงทั้งคู่นั่นแหละ เข้าใจใช่ไหมแบคฮยอน”ชานยอลลูบหลังเล็กเบาๆอธิบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่รำคาญ

    “ต..แต่ค…คุณใจร้าย..ก..กับผม”แบคฮยอนสะอื้นบอกเสียงอู้อี้ที่อกของเขาทำเอาชานยอลหัวเราะหึหึในลำคอออกมาเล็กน้อย

    “เธอพูดถูก..ฉันใจร้ายกับเธอจริงๆ ร้ายมากๆเลย ก็จะไม่ขอแก้ตัว..แต่ตอนนี้มันผ่านมาแล้วฉันจะทำวันข้างหน้าให้ดีกว่าแทน”ชานยอลกระชับกอดเข้ามาอีกนิด

     

    แบคฮยอนได้ยินเสียงหัวใจของชานยอลกำลังเต้นในอก จังหวะเร็วระรัวนั้นทำให้ใจของเขาเต้นแรงจากน้ำคำหวานที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากชายตรงหน้า

     

    “คนนิสัย..ไม่ดี”เหมือนยังไม่พอใจเลยว่าเข้าให้อีกที เพียงแต่ชานยอลแค่พยักหน้ารับเท่านั้น

    “ในชีวิตของฉันเธอเป็นคนแรกเลยนะที่กล้าว่าฉันแบบนี้”ชานยอลบอกเอื่อยๆทำให้แบคฮยอนเบะปากเล็กๆบอกไม่ถูกว่าเขาควรดีใจหรือไม่

     

    หากเป็นชานยอลเท่านั้นที่ได้แต่คิดว่าเวลาแบคฮยอนงอแงแบบนี้เขาก็ว่ามันน่าเอ็นดูไม่น้อย

     

    “สบายใจขึ้นหรือยังแบคฮยอน”ชานยอลถาม แต่แบคฮยอนกลับยังเงียบ..ในใจของเขาตอนนี้ม่านหมอกนั้นเจือจางจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม มันยังไม่ได้สลายไปจนหมดหรอกนะ เพียงแค่จางไปมากแล้ว แรงพยักหน้าทำให้ชานยอลใจชื้นมากขึ้น

    “งั้นนอนเถอะ แบคฮยอนดึกแล้วนอนนะ ฉันจะอยู่ตรงนี้จนกว่าเธอจะหลับดีไหม”ชานยอลถาม เพียงแต่คราวนี้คุณแม่ตัวเล็กกลับส่ายหน้าไปมาเบาๆ ทำให้ชานยอลก้มลงไปมองใบหน้าขาวของคนในอ้อมอก

     

    ใบหน้าขาวที่แดงเรื่อน้อยๆ ปลายจมูกโด่งรั้นแดงเล็กจากการร้องไห้มาหมาดๆทำให้เขาอยากงับมันแรงๆ พอๆกับอยากฟัดแก้มจูบซับน้ำตาจากใบหน้าอีกคน เขาทำได้เพียงแค่คิดและห้ามใจ

    สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือเขาเอามือของตัวเองเช็ดหยาดน้ำที่ยังตกค้างอยู่บนผิวบางไม่ให้มันกัดกร่อนผิวขาวๆของแบคฮยอนจนเกิดริ้วรอยด้วยความอ่อนโยน

    และมันก็อ่อนโยนมากจนแบคฮยอนจะร้องไห้ เขาอยากให้เวลานี้อยู่กับเขานานเท่านาน อยากให้ชานยอลคนนี้อยู่กับเขาตลอดไป ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นคนใจร้ายอีก

     

    “ตอนนี้..ผมยังไม่พร้อมจะยอมรับ..ทุกอย่าง คุณคงไม่รำคาญใช่ไหม”แบคฮยอนพูดอย่างกล้ากลัวๆ ชานยอลจึงลูบไปที่กรอบหน้าของอีกคนเบาบาง สบดวงตาหวานเศร้าของอีกคนด้วยใจอยากลบความเศร้านั้นออก

    “ไม่เป็นไร นั่นเป็นหน้าที่ของฉันนี่”ชายหนุ่มจรดริมฝีปากที่หน้าผากขาวเบาๆ เป็นค่ามัดจำของเขาที่แบคฮยอนเองก็รับมาอย่างเต็มใจ

     

    คนตัวโตประคองร่างเล็กของคุณแม่มือใหม่เอาไว้ก่อนวางลงบนฟูกนอนที่เดิม เวลานี้มันดึกมากแล้วเกินกว่าที่จะคุยกัน เขาอยากให้คนคิดมากได้นอนเสียที ชายหนุ่มวางตัวแบคฮยอนลงโดยหันตัวแบคฮยอนเข้ากับผนังห้องเพื่อที่จะได้สามารถเอาหมอนรองครรภ์นูนใหญ่ได้อย่างสบายตัว

     

    “คุณชานยอลฮะ..”เสียงเรียกเบาบางทำให้ชานยอลที่ตั้งท่าจะล้มตัวลงนอนต้องขานรับ

    “ว่าไง”ชายหนุ่มลุกขึ้นมาอีกครั้งเพื่อรอดู

    “ขึ้นมานอนด้วยกันเถอะครับ มันเบียดหน่อยก็จริงแต่มันก็นอนได้”แบคฮยอนอ้อมแอ้มบอกเล็กน้อย ชานยอลได้ยินก็ยิ้มโดยที่อีกคนไม่เห็น

     

    เขาไม่ได้ปฏิเสธอีกฝ่ายหรือตอบรับแต่สัมผัสที่ยุบตัวของฟูกนอนทำให้แบคฮยอนรู้ว่าอีกคนขยับตัวเข้ามาใกล้แล้ว มันมาพร้อมกับความอบอุ่นที่โอบกอดเขาเอาไว้ รวมถึงสัมผัสเบาที่ลูบไปที่หน้าท้องของเขาด้วย

     

    “นอนได้แล้วทั้งแม่ทั้งลูกเลย”ชานยอลบอกและแบคฮยอนจึงหลับตาทั้งที่หัวใจเขายังเต้นแรง

     

    บอกกับตัวเองว่าหากชานยอลเป็นยาพิษ ชายหนุ่มจะเป็นยาพิษที่หวานที่สุดที่เขาเคยได้รับและทำให้เขาเสพติดมันไปเรื่อยๆจนกว่าจะตายอย่างทรมานหากไม่ได้รับพิษของมัน เพียงแต่ว่าเขาเองก็จะยอมเป็นฝ่ายที่จะดื่มยาพิษนี้เข้าไปด้วยมือของเขาเอง

     

     

      

     

    วันนี้ชานยอลอารมณ์ดีมากพอจะตื่นมามองใบหน้ายามหลับพริ้มของแบคฮยอน และซึมซับผิวเนื้อสัมผัสบริเวณท้องของคนตัวเล็กที่เขาจับลูบคลำอยู่ มันเต้นตุบๆรับสัมผัสของเขาอย่างดี มันคือความสุขที่เขาพูดไม่ถูก ชายหนุ่มเก็บความตื่นเต้นไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉยของเขาเสมอ

    แต่ที่เก็บเอาไว้ไม่อยู่คือหัวใจที่เต้นแรงของเขา

    ชานยอลมองทุกอย่างด้วยรอยยิ้มอ่อนของตัวเองที่เขาไม่คิดว่ามันจะมีวันนี้ ย้อนไปเมื่อประมาณครึ่งปีที่ผ่านมา ก่อนจะเจอแบคฮยอน..คำว่าครอบครัว ลูก หรือคู่ชีวิตไม่เคยแล่นเข้ามาในหัวของเขาเลยสักนิด มีเพียงงาน เงินและอำนาจเท่านั้น

    ยิ่งเมื่อเจอแบคฮยอนก็ไม่เคยคิดว่าจะรัก…แต่กลับได้รัก ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ดูจะเหลือเชื่อแต่มันก็เป็นจริง

    อบอุ่นมากเลยซินะในห้องแคบๆ เตียงนอนแข็งๆ กาแฟรสชาติแปร่งๆ ห้องน้ำเล็กเท่าแมวดิ้นตาย มันไม่ใช่ที่ของชานยอลเลยสักนิด ไม่ใช่เลย…แต่เขากลับอบอุ่นอย่างที่เขาบอก อบอุ่น สงบ จนเรียกได้ว่ามีความสุขที่สุดกว่าที่เคยมีมาในชีวิต

     

    “แบคฮยอนฉันไปทำงานก่อนนะ”ชานยอลกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูเล็ก เบาเสียจนไม่ได้ทำให้อีกคนตื่นแต่มันคงดังไปจนถึงในความฝันที่อีกคนกำลังเพลิดเพลิน

     

    ชานยอลลุกขึ้นมาอย่างไม่ได้อยากทำ ยืดตัวเต็มความสูงจัดการอาบน้ำตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนกลับออกมาอีกครั้งในสภาพพันผ้าขนหนูผืนเดียว โดยมีจงอินและเซฮุนยืนอยู่ในห้องนี้แล้ว

    แน่นอนว่าทั้งคู่มีกุญแจสำรองห้องแบคฮยอน ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม แบคฮยอนเป็นคนท้องแก่หกเดือนแล้ว จะทำอะไรก็ลำบาก หากมีอะไรปัจจุบันทันด่วนมากๆเข้าจะไม่ได้ต้องรีรอที่จะเข้ามาช่วยเหลือได้ทันที

    เซฮุนยื่นเสื้อผ้าให้เจ้านายของเขาสวมใส่ จนอีกคนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว หากเซฮุนในชุดอยู่บ้านตามปกติที่แตกต่างจากคนทั้งสองจึงหันกลับมายื่นกระเป๋าทำงานให้จงอินเป็นอย่างสุดท้าย กิจกรรมทั้งหมดเงียบเสียงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นในห้องเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่เป็นผู้ชายตัวโตสามคนร่วมกันทำด้วยซ้ำ แต่เพราะไม่อยากรบกวนคนที่ต้องการเวลาหลับอย่างสบายจึงต้องทำให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    “ฝากด้วยนะเซฮุน”ชานยอลเอ่ยปากบอกก่อนเดินออกไปเช่นที่ทำทุกวัน ซึ่งเซฮุนก็ได้แต่นั่งอยู่ตรงบริเวณแถวห้องครัว โดยเขามีเก้าอี้ประจำเป็นของตัวเองเพื่อรอเวลาให้แบคฮยอนตื่น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องมาทำแบบนี้ ซึ่งมันก็กลายเป็นเรื่องเคยชินเสียแล้ว

     

    แบคฮยอนเองก็ชินพอสมควรที่บางครั้งตื่นมาจะมีเซฮุนเข้ามาอยู่ในห้องพร้อมอาหารที่ตั้งโต๊ะไว้แล้ว มันกลายเป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันไปเสียสนิท อาหารส่วนใหญ่แน่นอนว่าเซฮุนไม่ได้ทำเองแต่จุนซูจะให้คนจากบ้านใหญ่มาส่งให้ถึงที่พร้อมกับรายงานความเคลื่อนไหวไปตลอดเพราะสถานการณ์บ้านใหญ่ตอนนี้เองก็ไม่ใช่ว่าจะสงบ

    หลังจากที่ตรวจเจอเครื่องมือดักฟังได้ราวสามสัปดาห์เขาก็สามารถหาต้นตอได้ว่ามันจากที่ไหน ซึ่งมันเป็นของบริษัทคู่แข่งแห่งหนึ่งที่เป็นคู่ค้ากับทางคิมกรุ๊ป และมีการสืบประวัติแล้วว่าเป็นบริษัทเครือญาติกันแต่หลักฐานนั้นยังไม่สามารถรองรับเอาผิดได้ในทางกฏหมายดังนั้นเขาจึงต้องรอให้เรื่องเงียบไปก่อน แล้วชานยอลจะหาทางจัดการทีหลัง

    สืบเนื่องมากจากการยิงถล่มที่เกิดขึ้นมาหลายเดือนก่อน ชาลยอนจัดกรปั่นหุ้นและดึงหุ้นส่วนของคิมกรุ้ปออกตัดทางหากินในบริษัทที่เป็นบริษัทส่งออกรถยนตร์และตัดการลำเลียงสินค้าโดยการติดสินบนกรมการท่าไม่ให้มีการขนถ่ายของออก นั่นทำให้ธุรกิจคิมกรุ๊ปเกือบล้มละลายเพราะเงินหมุนนั้นชะงัก แต่มันก็ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับการที่ คิม มยองซูจะมาเอาชีวิตขอชานยอลเลยซักนิดเดียว

     

    “อื้อ…”เสียงขยับตัวเล็กน้อยทำให้เซฮุนหลุดจากความคิดเดินขยับเข้าไปใกล้คนที่เพิ่งตื่นเผื่อจะได้ช่วยพยุงอีกฝ่ายขึ้นมา เพียงแต่เมื่อแบคฮยอนหันมาเจอเขาออกจะชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเก้อเขินให้อย่างที่เคยทำมาหลายต่อหลายวัน

    “คุณชานยอลล่ะครับ”แบคฮยอนถามเบาๆขยับมือให้อีกฝ่ายดึงขึ้นมายืนโดยที่เซฮุนก็พยายามประคองโดยไม่ใกล้ชิดกับคนตัวเล็กนักเพื่อพาอีกคนไปส่งที่หน้าห้องน้ำ

    “เข้าประชุมครับ คุณชายจะกลับมาอีกทีช่วงบ่ายสองครับ คุณแบคฮยอน”เซฮุนตอบออกมาก่อนที่อีกคนจะหยุดเดินเล็กน้อยก่อนคิดอะไร

    “บ่ายสองหรอครับ..อืม ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งครับ”แบคฮยอนเปรยกับตัวเอง

    “มีอะไรหรือเปล่าครับ”เซฮุนถามก่อนที่จะปิดประตูห้องน้ำ หากแบคฮยอนเองก็มีสีหน้าลังเล

    “คือ พี่ยงฮวาปกติพี่เขาจะมาสอนหนังสือผม ทุกวันอังคารกับพฤหัสฯใช่ไหมครับ แต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่เขาไปสัมนาวิชาการที่ญี่ปุ่นมาเลยไม่ได้มาสอนน่ะครับ แต่ว่าพี่เขากลับมาแล้ววันนี้เลยจะสอนหนังสือผมต่อน่ะฮะ”แบคฮยอนบอกเล็กน้อย

     

    นึกกังวลเรื่องที่ว่าบ้านของทางพี่โซราโดนดักฟังแล้วจะมีปัญหาไหมในเมื่อยงฮวายังไงก็เป็นคนนอกอาจจะต้องโดนตรวจสอบหรือมันอาจดูไม่ดีที่สถานการณ์ไม่ปลอดภัยแล้วเขายังพาคนนอกเข้ามาวุ่นวายอีก

     

    “คือผมก็รู้นะครับว่าเราไม่ควรไว้ใจใคร แต่..ผมก็เกรงใจพี่เขาคือเขามาสอนฟรีและเขาก็ช่วยมาตลอดตั้งแต่ผม…เอ่อ..ออกจากบ้านมาน่ะครับ”เห็นเซฮุนเงียบไปเล็กน้อยแบคฮยอนเลยว่าสัมทับอีกนิด คืออันที่จริงเขาอยากเรียนจริงๆต่อให้เขาท้องก็ใช่ว่าจะเรียนไม่ได้ เป็นอีกเหตุผลว่าทำไมยงฮวาถึงเทียวไปเทียวมาบ่อยๆอย่างนี้

    “ไม่หรอกครับ คุณแบคฮยอนทำธุระส่วนตัวก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะจัดการอาหารเช้าให้”ชายหนุ่มตอบรับเพียงแค่นั้นโดยที่แบคฮยอนแค่ส่งยิ้มอ่อนๆให้เขา

     

    เซฮุนเดินกลับเข้ามาในครัวอีกครั้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปในชื่อของชานยอลเพื่อพิมพ์ข้อความหากแต่ก็ยังชะงักมือเอาไว้ อันที่จริงเขาไม่ได้กังวลเลยเรื่องความปลอดภัยอะไรทั้งหลายทั้งปวงที่แบคฮยอนยกขึ้นมาพูด แม้สักนิดเดียวเขาก็ไม่คิด

    เพราะการตรวจสอบประวัติอย่างถี่ถ้วนกระบวนความของยงฮวาน่ะถูกตรวจสอบหมดแล้วว่ามีญาติสัมพันธ์อะไรกับคิมกรุ๊ปหรืออาจจะเป็นสปายสายสืบจากใครที่ไหนไหม ทั้งใช้คนสืบและคอยตามดูพฤติกรรมอยู่เป็นเดือนก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องด้วยซ้ำ ปรากฏชัดว่าไม่มีจึงไม่ได้เป็นที่น่ากังวล

    คิดแต่เรื่องว่าคุณชายของเขาที่ช่วงนี้ใจเย็นขึ้นแล้ว จะโดนลมเพชรหึงตีเข้าใส่หรือเปล่าต่างหาก..นี่ล่ะสำคัญที่สุด

    ที่เห็นชานยอลใจเย็นอย่างนี้มาได้หลายสัปดาห์นี่ก็แทบจะเรียกว่าปาติหาริย์แล้วนะ ขนาดที่มีเรื่องให้มึนกันสองคนก็ใช่ว่าเซฮุนจะไม่รู้เรื่องนะ ถึงได้บอกว่าที่ชานยอลนิ่งได้ขนาดนี้โดยไม่โวยวายก็เรียกว่าไม่ธรรมดา

    เซฮุนถอนใจก่อนจะแต่งปั้นคำของตัวเองก่อนพิมพ์ไปบอกเจ้านายของตัวเอง เขากดข้อความบอกอยู่พักหนึ่งเพราะรู้ว่าชานยอลคงติดการประชุมทางธุรกิจสำคัญอยู่และมันจะยาวไปจนถึงบ่ายสองโมง แต่ข้อความที่เขาได้รับกลับมามีเพียงแค่ประโยคเดียวหลังจากที่เขาส่งไปเสียยาวยืดเลยคือ

     

    ‘จะกลับไปภายในสามสิบนาที’

     

    หมายความว่างานของเซฮุนที่ต้องทำคือการยกเลิกการประชุมช่วงบ่ายออกให้หมดโดยไม่มีข้อถกเถียงใดๆทั้งสิ้นซึ่งผู้บริหารฝ่ายทุกคนจำเป็นต้องเข้าใจ หากไม่เข้าใจเซฮุนมีสิทธิ์เทียบเท่าชานยอลในการเชิญให้ไปไม่เข้าใจที่อื่น

     

    “คุณเซฮุนครับ เดี๋ยวพี่ยงฮวาจะมาแล้วน่ะครับ แล้วประมาณเที่ยงๆก็กลับครับ”แบคฮยอนมองนาฬิกาตอนนี้บอกเวลาเกือบสิบโมงแล้ว

    “ได้ครับ คุณแบคฮยอน คุณไปเตรียมตัวเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องน้ำและขนมเอง”นั่นคือที่เซฮุนตอบรับแต่ไม่ได้บอกว่าชานยอลจะกลับมาเร็วกว่าปกติ

    “ขอบคุณมากนะครับ”แบคฮยอนบอกพยุงตัวไปหยิบข้าวของมาตั้งบนโต๊ะเตี้ย แล้วจึงพยุงตัวนั่งลงพลางคิดว่าอีกหน่อยเขาคงจะไม่สามารถนั่งเรียนได้แล้วอีกสักพักเพราะท้องของเขามันไม่เอื้อกับการนั่งนานๆและหน้าท้องเขาก็ติดกับขอบโต๊ะแล้วด้วยซิ

     

    และเมื่อตรงเวลาสิบโมงตรงยงฮวาก็มาถึงพอดี ชายหนุ่มยิ้มหวานเดินเข้ามาแต่ก็ต้องยิ้มค้างเมื่อเจอกับเซฮุนที่นั่งอยู่ในห้องก่อนแล้ว เซฮุนแค่ลุกขึ้นและไปนั่งที่ประจำของตัวเองโดยให้ยงฮวานั่งลงแทนที่

     

    “เอ๋..นี่มัน คนของคุณชานยอลนี่”ยงฮวาบอกเสียงสูงด้วยความตกใจมีเพียงแบคฮยอนที่ยิ้มหวานๆให้เท่านั้น

    “ใช่ครับ คือเขามาหาผมสักพักแล้วครับ”แบคฮยอนเอามือลูบท้องเล็กน้อย ยิ้มอ่อนแบบไม่สบตาของยงฮวา

     

    ทำให้ชายหนุ่มรู้ดีว่ารอยยิ้มอ่อนหวานนี้คงไม่ได้เป็นของเขา ดวงตาที่เคยมีแววโศกเศร้ายามเมื่อที่พูดถึงชายหนุ่มตอนนี้มันหายไป แค่เพียงช่วงเดียวแต่มันก็หายไป

    เขารู้มาตั้งแต่เริ่มต้นแล้วว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นคนคนนั้นของแบคฮยอนได้เลย

     

    “ถ้าหากมันเป็นความสุขของน้องแบคฮยอน พี่ก็ดีใจด้วย”ยงฮวาว่า แบคฮยอนแค่ยิ้มรับเท่านั้น

    “ไม่หรอกครับ เรายังแปลกหน้าต่อกันพอสมควร”แบคฮยอนเอ่ยปฏิเสธทั้งๆที่ยังไม่ยอมมองหน้าอีกคนแต่รอยยิ้มยังระบายมากมายบนใบหน้า

    “มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกพี่นะ ถือซะว่าพี่เป็นพี่ชายคนนึง”ยงฮวาว่าโดยที่แบคฮยอนเพียงแค่ยิ้มรับ

     

    แบคฮยอนรู้เสมอว่ายงฮวาชอบเขามาก ทั้งคอยเอาใจใส่เสมอไม่เคยขาดเลยเพียงแต่แบคฮยอนเองก็ไม่สามารถที่จะตอบรับความรู้สึกดีดีนั้นได้ เลยทำได้เพียงยิ้มรับและบอกปัดไปบ้างตามที่เขาเห็นว่ามันจะไม่กระทบจิตใจยงฮวาจนเกินไป กระทั่งเขาท้องกับชานยอลชายหนุ่มเองก็ยังดีกับเขาเสมอ

     

    “ครับ ขอบคุณมากจริงๆ”ในคำขอบคุณนั้นกลับฟังดูเหมือนคำขอโทษในตัวของมันเอง

     

    สุดท้ายทั้งคู่จึงเริ่มเรียนหนังสือ ยงฮวาสอนในส่วนที่เขาขาดไปและบอกแบคฮยอนว่าอีกสองสามสัปดาห์เขาจะให้อีกฝ่ายลองทำบททดสอบก่อนจะได้วัดระดับจริงๆเนื่องจากการเรียนที่บ้านของเขาใช้เวลามากกว่าคนอื่นในวันหนึ่งๆเขาจะเรียนแค่วันละสองวิชาเท่านั้นจึงช้ากว่าปกติมาก

    แบคฮยอนเองก็หัวไวอยู่พอสมควรจากการตอบคำถามหาโจทก์มาให้ทำ เด็กหนุ่มทำผิดบ้างถูกบ้างแต่ก็เพียงส่วนน้อยแต่จากความรู้ที่มีตอนนี้น่าจะผ่านชั้นมัธยมปลายปีห้าไปได้อย่างสบายๆ

     

    “ตรงนี้แบคฮยอนลองลงสูตรให้พี่ดูอีกสักรอบซิ พี่ว่าแบคฮยอนใช้สูตรลัดจะช่วยได้เยอะกว่า”ยงฮวาบอกเล็กน้อย เนื่องจากวันนี้เขาเรียนวิชาคณิตศาสตร์

     

    ในขณะที่แบคฮยอนเองก็พยักหน้ารับหงึกหงักตอบรับก่อนหยิบกระดาษขึ้นมาทำแล้วจึงส่งให้โดยใช้เวลาที่เร็วขึ้นกว่าข้อเดิม ซึ่งยงฮวาตรวจตราดูอย่างถี่ถ้วนและได้ผลอย่างที่เขาคาดการณ์ ยงฮวาอดไม่ได้ที่จะยื่นมืออกไปลูบหัวทุยของคนขยัน

     

    “ทำดีมากเลยน่ะแบคฮยอน”

    “จะดีกว่านั้นถ้าคุณห่างออกมาอีกหน่อย”ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ โดยไม่มีใครคาดคิด

     

    ยงฮวาชักมือกลับแทบไม่ทันในขณะที่แบคฮยอนได้แต่ทำหน้าตาสงสัย ดวงตานิ่งเรียบกรุ่นโกรธแบบที่เขาเคยเห็นเมื่อตอนอยู่ที่บ้านหลังนั้นฉายชัดในดวงตาของชานยอลทำให้แบคฮยอนนึกกลัวขึ้นมาจนในอกเริ่มสั่นระรัวด้วยความกลัว

     

    “เอ่อ สวัสดีครับคุณชานยอล”ยงฮวาเอ่ยทักทายเพียงแต่ชายหนุ่มกลับตวัดสายตามองยงฮวาเพียงแว่บเดียวแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไปสักนิด ทำเอายงฮวาเขยิบตัวออกห่างคนที่เดินเข้ามาหาแบคฮยอนที่มีสีหน้าหวาดๆ

     

    ใบหน้าเฉยมองมาทางแบคฮยอนทำเอาคนตัวเล็กเริ่มตัวสั่นเล็กๆ ความรู้สึกเหมือนกับตอนที่เขาถูกอีกฝ่ายทำร้ายค่อยๆสาดชัดเข้ามาในความคิดทำเอาใจสะท้านกลัว ไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนวันนั้นอีกแล้ว เขากลัวเหลือเกินและตอนนี้ชานยอลกำลังทำให้กลัว

    ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้แบคฮยอนมากขึ้นจนคนตัวเล็กอยากกระถดตัวหนีแต่ก็ทำไม่ได้ แต่ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาจับลงบนหัวของเขาก่อนลูบเบาๆ

     

    “กินข้าวกลางวันหรือยัง”ชายหนุ่มถามน้ำเสียงห้วนพยายามไม่มองหน้าแบคฮยอนเท่าไหร่นัก

    “ก..กินแล้วครับ”แบคฮยอนตอบเสียงอ่อน

    “เรียนเสร็จหรือยัง”ชานยอลถามอีกครั้งเสียงยังคงความไม่สบอารมณ์นัก

    “ก็เหลืออีกไม่มากหรอกครับคุณชานยอล”ยงฮวาเป็นคนตอบเพียงแต่คราวนี้ชานยอลมองเขาอย่างไม่พอใจนัก เพียงแต่คนโดนมองก็ทำท่าลอยหน้าลอยตาบอกเช่นกัน

     

    ผู้ชายก็คือผู้ชาย ยงฮวาเองก็เหมือนคนทั่วไปถึงเขาจะหลีกทางให้ชานยอลก็เถอะแต่ความหมั่นไส้มันก็ต้องมีกันบ้าง จะให้ยอมทั้งหมดมันก็ดูเสียเชิงชายไปสักหน่อย

     

    “เซฮุนส่งแขก”นี่ถือเป็นการไล่อย่างออกนอกหน้าและไร้เหตุผลที่สุด แต่แน่นอนเซฮุนเองก็ต้องทำ

     

    ยงฮวาทำท่าไม่อยากไปนักแต่หากเขาขัดอารมณ์ชานยอลไม่แน่ว่าคนที่มีปัญหาอาจจะเป็นแบคฮยอนเขาเลยจำเป็นต้องเดินไปก่อนอย่างไม่เต็มใจนัก จงอินเองก็รู้หน้าที่มากพอที่จะเดินนำแขกของห้องออกไปด้วยทิ้งให้เหลือแต่คนสองคนในห้อง

    คราวนี้เหลือแต่แบคฮยอนที่นั่งทำหน้าหงอยๆกับชานยอลเท่านั้น ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งลงข้างๆด้วยความเงียบเขาไม่ได้พูดอะไรกับแบคฮยอนและไม่ได้มองหน้าเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย

    คนตัวเล็กที่กลัวจนตัวลีบเหลือบมองใบหน้าคมเล็กน้อย ดูจากการหายใจแรงๆทำให้รู้ว่าอีกคนกำลังโมโห แต่การกระทำเมื่อกี้เขาก็พอมองออกว่าชานยอลกำลังพยายามระงับความโกรธของตัวเอง

    คุณแม่ตัวน้อยคาดเดาไปต่างๆนาๆว่า อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้บอกชานยอลว่ายงฮวาจะต้องมาสอนหนังสือเขาและนั้นอาจมีผลกระทบต่อชีวิตของคนตระกูลปาร์คและตัวเขาเอง เนื่องจากตอนนี้สถานการณ์ไม่สู้ดี ไม่แปลกเลยที่ชานยอลจะโกรธเขามากแบบนี้

    มือเล็กเขี่ยไปมาเบาๆราวกับหาทางออกของปัญหา กัดปากตัวเองน้อยแบบหนักใจ กลัวก็กลัวแต่ก็พยายามเพราะเรื่องนี้เขาผิดจริงๆที่ไม่คิดให้รอบคอบ ถ้าหากยงฮวาเป็นคนไม่ดีจริงๆ ป่านนี้แล้วทุกคนคงเป็นอันตราย

     

    “เอ่อ..ค..คุณช..ชานยอลครับ”มือเล็กเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อสูทอีกคนเอาไว้เบาๆ ชายหนุ่มรีบร้อนขนาดลืมถอดเสื้อสูทออกเลยด้วยซ้ำ

    “ค…คุณ..ชานยอลท..ทำไม..กลับมาเร็ว..ล่ะฮะ”

     

    ชานยอลเพียงแค่เหลือบมองแบคฮยอนเท่านั้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก จะว่าเขาหึงมันก็ไม่ผิดหรอกแต่เขาแค่พยายามสงบจิตใจของตัวเองเอาไว้ ครั้งก่อนๆที่เขาระเบิดอารมณ์ใส่แบคฮยอนมันเลวร้ายมากเขารู้ดี ดูจากท่าทางกลัวๆของแบคฮยอนที่เจอหน้าตอนที่เขาเดินเข้ามาในห้องก็รู้ได้

    เลยอยากเงียบปากตัวเองเอาไว้สักพัก

     

    “ผม..ขอโทษ”คนตัวเล็กกล่าวเบาๆ ชานยอลเพียงแค่พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ทำเอาอีกคนสะอึกสะอื้นทันทีที่เขาถอนใจเลยทีเดียว พูดด้วยก็ไม่พูด แค่นั้นก็ทำเอาแบคฮยอนใจไม่ดีอยู่แล้ว ถอนใจอย่างนี้ก็ยิ่งใจเสียไปกันใหญ่เลย

    “ร้องไห้ทำไม”ชายหนุ่มเอื้อมแขนข้างเดียวโอบอีกคนมาซบอกทันทีที่เห็นอีกคนสะอื้น

    “ผม…ไม่ระวัง..ทั้งๆ..ฮึก..ที่..ฮึก..อาจ..มีอันตราย..”เด็กหนุ่มสารภาพออกมาเบาๆ ชานยอลลอบส่ายหัวเพียงน้อยนิดอยากจะยิ้มออกมาแต่ก็ยิ้มไม่ได้

     

    นี่มันเข้าใจไปคนละเรื่องเลยซินะ…เขาไม่ได้ห่วงเรื่องความปลอดภัยหรอกนะเพราะเขาเชื่อว่าเขาป้องกันมันอยู่ นอกจากเซฮุนแบคฮยอนไม่มีทางรู้ว่ามีกำลังเสริมที่คนตัวเล็กไม่รู้อยู่ตรงไหนบ้าง

     

    “ไม่ใช่ความผิดเธอหรอก”ชานยอลลูบแขนเล็กปลอบ แบคฮยอนในตอนนี้อารมณ์อ่อนไหวเกินไป และเขาเองก็ควรจะมีความอดทนมากกว่านี้

    “แต่ถ้าอยากเรียนกับยงฮวาต่อ ก็ไม่ต้องนั่งใกล้กันมาก”ชายหนุ่มพูดออกมาเรียบๆ จนคนที่น้ำตานองหน้าเหลือบตามอง

    “อ..อะไร ฮึก..นะครับ”

    “มีลูกมีสามีแล้วก็อย่าไปใกล้ชิดคนอื่นเขามากนัก เข้าใจแล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มพูดออกมานิ่งๆทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าแบคฮยอนเลยด้วยซ้ำเพียงแค่กระชับอีกคนให้เข้ามาใกล้ด้วยมือข้างเดียวจนใบหน้าเล็กแนบไปกับอกอุ่น

     

    ซึ่งคนฟังเองก็ใช้สมองในการประมวลผลอยู่ไม่นาน ก่อนที่หน้าขาวที่ชื้นไปด้วยน้ำตาจะเปลี่ยนเป็นริ้วสีแดงเข้มไปทั้งหน้า แถมหัวใจยังสูบฉีดเลือดเสียรุนแรงจนมันเต้นตุบๆอย่างกับจะกระโดดออกมานอกอกได้อีกต่างหาก

     

    *************************************************************************************

     

    TBC คนซึนๆมันก็มีวิธีแบบซึนๆของมันนี่แหละนะ เหล่ #ปาร์คไม่แคร์ ใช่ไหมคะ น้อง #แบคพิการ

    หลังจากตอนนี้ไรท์อาจไม่ได้มาอัพบ่อยนะคะเปิดเทอมแล้วเวลาน้อยลงก็ขอโทษด้วยนะค้าบแต่ก็จะพยายามาลงให้บ่อยๆเท่าที่จะทำได้นะค้าบ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×