ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {FIC EXO} DISABLE..พิการ [ChanBaek] Yaoi

    ลำดับตอนที่ #14 : - Disable - 13

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.37K
      142
      14 ส.ค. 57

     

     

    THIRTEEN

     

     

     

     

    แบคฮยอนตื่นมาอีกทีเกือบห้าโมงเย็นเขามักจะนอนในช่วงกลางวันการมีบุตรทำให้ร่างการของเขาต้องการการพักผ่อนมา ฝนคงหยุดตกไปสักพัก  แสงแดดยามเย็นจึงส่องเข้ามาจากหน้าต่างที่ปลายเท้าได้อย่างเต็มที่นั่นคงเป็นสิ่งที่ปลุกให้เขาตื่น ดวงตาเล็กปรือปรอยเล็กน้อย ช่วงนี้ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เหลืองานประดิษฐ์ตุ้มหูอีกแค่กล่องเดียวและการนั่งนานๆก็ไม่ดีนัก ทำให้ขาของเขาชาๆชอบกล

    ภาพแรกที่เขาเห็นคือผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กของเขา ผู้ชายคนนั้นอ่านหนังสืออยู่โดยที่ยังไม่รู้ว่าเขาตื่นแล้ว ใบหน้าคมดุขมวดเคร่งเครียดดูไม่เข้ากับหนังสือแม่และเด็กในมือของเขาสักนิด หากชายหนุ่มกลับอ่านอย่างตั้งใจเสียงเพลงแว่วหวานยังดังอยู่เรื่อยๆบอกให้รู้ว่าตลอดเวลาที่เขานอนไปนั้นไม่มีใครขยับไปปิดมัน

    แบคฮยอนมองภาพตรงหน้าอยู่นาน มองแล้วคิดว่ามันจะดีมากแค่ไหนถ้าหากไม่มีเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นมาตั้งแต่แรก ไม่มีเรื่องทั้งหมดเลย ไม่มีความเกลียดชัง ไม่มีเรื่องราวเลวร้ายที่ทำให้เขาไม่ไว้ใจผู้ชายตรงหน้า

    เราอาจไม่ได้เจอกันเลย หรือรักกันมากมายเขาเองก็ตอบไม่ได้

     

    “ฝนหยุดตกแล้วยังไม่กลับอีกหรอครับ หรือเขายังไม่มารับ”แบคฮยอนขยับตัวเล็กน้อยแล้วดึงผ้มห่มออกจากตัวเองเล็กน้อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนเอามาห่มให้ คิดแล้วก็ยิ้มให้กับตัวเองเบาๆแต่ก็พยายามเตือนตัวเองว่าของบางอย่างให้ดูกันไปยาวๆ

    “ไม่มีใครมาหรอก”ชายหนุ่มละสายตาออกจากหนังสือ มองหน้าคนตัวเล็กที่นอนมองเขาอยู่ นึกอยากเอามือลูบหัวแต่ก็ห้ามใจเอาไว้

     

    ชานยอลเป็นคนใจร้อน อยากได้ก็ต้องได้เดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้ แต่เรื่องนี้เขาต้องใช้ความพยายามในการห้ามตัวเอง ความอดทนสำหรับการที่จะได้อะไรมาโดยชอบธรรม มันจะผิดก็ผิดที่เขาทำตัวเลวเองตั้งแต่เริ่มต้น จะโทษใครได้ถ้าหากไม่ใช่ตัวเขาเอง

    แบคฮยอนขมวดคิ้วฉับอยากแปลกใจในรูปประโยค แววตาใคร่อยากรู้แล้วสงสัยทำให้ชานยอลเลือกที่จะขยายความออกมา

     

    “ฉันคงต้องนอนที่นี่ เซฮุนกับจงอินไปทำธุระที่ฮ่องกงสองสามวัน”ชายหนุ่มออกจะเป็นคนขวานผ่าซากตามนิสัยของเขา ไม่ได้มีความหวานอะไรมาก ด้วยไม่เคยทำ..แต่กับลูกกลับเป็นไปเองด้วยซ้ำ

    “เอ่อ..แล้วคุณจะนอนยังไงที่ไหนครับ มันแคบ”แบคฮยอนพยุงตัวขึ้นนั่งเบาๆ ถามด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก

     

    บ้านเขาก็มีแค่นี้จะต้อนรับชานยอลก็กลัวอีกคนจะอึดอัดอยู่ไม่สบาย แบคฮยอนเองก็ไม่ใช่ตัวเล็กๆจะมานอนอยู่ที่ตรงไหน หมอนผ้าห่มน่ะพอมีแต่จะนอนยังไง เบาะเขาก็เป็นเพียงเบาะนอนคนเดียว

    สีหน้ากังวลของแบคฮยอน คนตัวใหญ่กว่าสามารถรับรู้ได้ด้วยสายตาของเขา แบคฮยอนดูน่ารักแม้จะกำลังท้องลูกอยู่แบบนี้ ท่าทางกระวนกระวายทำให้ชายหนุ่มเห็นว่าความหวังกับเขายังคงมี อย่างน้อยแบคฮยอนมักแสดงความห่วงใยเขาเสมอ

     

    “ฉันนอนตรงไหนก็ได้”ชานยอลพูดเพียงแค่นั้น

    “ไม่ได้หรอกครับ จะตรงไหนก็ได้ ได้ยังไงครับ พื้นแข็งจะตายเดี๋ยวคุณจะนอนไม่สบายตัว ห้องน้ำก็คับแคบ ไหนจะเสื้อผ้าของคุณอีก คุณเตรียมมาหรือครับ”ด้วยความที่ตอนนี้แบคฮยอนเป็นแม่คนแล้ว เขาจึงเริ่มติดนิสัยคิดอะไรมากมายหลายขั้นหลายตอน

    “ไม่เป็นไรหรอก เซฮุนเอามาให้แล้วก่อนบิน”ทั้งหมดที่ผ่านปากชายหนุ่มมาคือคำโกหกทั้งเพ มีเรื่องจริงแค่เรื่องเดียวคือเซฮุนเอาเสื้อผ้ามาให้เขาจริงๆ

     

    แต่เซฮุนและจงอินไม่ได้ไปฮ่องกง อย่าว่าแต่ต่างจังหวัดเลย สองคนนั้นก็ไม่ได้ไปไหนไกลยังคงคอยดูความปลอดภัยของนายเหนือหัวเขาอยู่เสมอ ความจริงคือ บอดี้การ์ดทั้งสองเช่าห้องอยู่ถัดไปแค่เพียงสองชั้นเท่านั้นเอง ทั้งหมดเป็นข้ออ้างแค่เพียงเพราะ เขาอยากมาอาศัยอยู่กับแบคฮยอนเท่านั้น จงอินเลยได้เสนอแผนแบบนี้มาให้และเขาก็เห็นว่าดี

    ดังนั้นเมื่อชานยอลขัดสนหรือต้องการสิ่งใดแค่โทรศัพท์บอกนิดเดียวเดียวสองคู่หูนั้นก็บันดาลมาให้เขาได้ในสามนาทีเองแหละ

     

    “คุณจะลำบาก”

    “ไม่ลำบาก”ชายหนุ่มบอกทันควัน สีหน้านิ่งเฉยเป็นเครื่องยืนยันที่ดีว่าเขาจะไม่ไปไหน แบคฮยอนรับรู้ได้แน่ๆว่าเขาไม่มีทางโน้มน้าวคนเอาแต่ใจคนนี้ให้ออกจากห้องของตนได้แน่นอน

    “ทำไมพูดยากจังเลยครับ”แบคฮยอนบอกเสียงอ่อนทั้งนี้ทั้งนั้นเขาแค่อยากให้ชานยอลกลับไปนอนสบายๆที่ห้อง เขาไม่ได้ห้ามชายหนุ่มแวะเวียนมาเสียหน่อย

     

    ไม่เห็นต้องถึงกับมานอนที่นี่เลย นี่ที่กล่าวมาแบคฮยอนยังไม่ได้พูดถึงเรื่องอาหารการกินของชายหนุ่มเลยนะว่าจะกินอะไรยังไง จะถูกปาก จะทานได้ไหม

    อีกอย่างคนที่บ้านชานยอลก็ไม่ได้มีแค่เซฮุนกับจงอินสักหน่อย คนใต้บังคับบัญชามีเป็นร้อยเป็นล้านๆ ไหนจะพี่โซราก็ด้วยแค่จะกลับบ้านตัวเองก็ไม่น่าจะลำบากต้องรอสองคนนั้นมารับเลยนี่นา ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวเลยต้องทำใจยอมรับไปก่อน

     

    “ฉันจะไม่ทำให้เธอลำบาก”แต่คำพูดนั้นก็ไม่ได้ทำให้แบคฮยอนสบายใจเท่าไหร่นัก

    “ก็ได้ครับ แล้วอย่ามาบ่นเรื่องห้องของผมทีหลังก็แล้วกันนะครับแบคฮยอนพูดเพียงเท่านี้แล้ว

     

    ถึงเขาจะให้โอกาสชานยอลแล้วก็จริงแต่อีกคนก็ดูจะรุกหนักไปนิดหนึ่งทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อย เหมือนกับว่าคนที่ไม่เคยญาติดีต่อกันแต่ต้องมานั่งทำดีต่อกันมันอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้

    แบคฮยอนค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นนั่งหยิบผ้าห่มมาพับเอาไว้ให้เรียบร้อย ขยับไปปิดเพลงที่อยู่ใกล้กับที่นอนของเขา โดยที่ชานยอลเพียงแค่มองเท่านั้น แบคฮยอนกระเถิบตัวมาห้อยขาลงจากเตียงตัวเองก่อนคิดว่าวันนี้เขายังไม่ได้เริ่มทำงานส่วนสุดท้ายเลย เพียงแค่เพราะว่าชานยอลอยู่คงไม่สะดวกนัก

    คนตัวเล็กมองนาฬิกาที่บอกเวลาสายๆ ต้องหาอะไรลงท้องบ้างแล้ว

     

    “งั้นวันนี้เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทานก่อนแล้วกันนะครับ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าคุณอยากกินอะไรดีกว่านี้ค่อยว่ากัน”แบคฮยอนกะเวลาว่ากว่าจะทำอาหารเสร็จก็คงปาไปเกือบหกโมงเย็นแล้วออกไปไหนตอนนี้ก็คงไม่สะดวก

    “ตามใจเธอเลย”ชานยอลตอบเพียงแค่นั้น เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนกำลังจะลุกขึ้นจึงเข้าไปช่วยดึงอีกคนขึ้นมา

     

    แบคฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีมือใหญ่ของชายหนุ่มมาพยุงเขาเอาไว้ แน่นนอนปกติกว่าเขาจะลุกขึ้นนั่งขึ้นยืนได้ต้องใช้เวลา คนมีครรภ์จะเข้าใจได้เป็นอย่างดี

    มันเลยทำให้คิดว่าการมีพ่อ แม่ และลูกมันเติมเต็มให้กันได้จริงๆ แต่ก็ยังไม่อยากหวังอะไรสักอย่างในตอนนี้นัก พยายามข่มใจว่าอย่าได้ดีใจอะไรมาก กลัวจะต้องเสียใจ ชานยอลเคยทำร้ายเขาเอาไว้มาก ไม่รู้ว่ามาครั้งนี้จะแค่มาทำดีหวังลูกหรือเปล่าเขาเองก็เดาใจไม่ถูก

    แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆก็คงเสียใจมาก

     

    “ให้ช่วยไหม”เสียงทุ้มต่ำเจ้าของขายาวที่เดินก้าวเพียงสองก้าวก็ถึงครัว ในห้องเล็กของเขา

    “ไม่เป็นไรครับ ผมทำเองสะดวกกว่า”แบคฮยอนเอ่ยปัด การมีอีกคนมาวนเวียนใกล้ๆอย่างนี้ทำให้เขาไม่มีสมาธิ คนตัวเล็กแกล้งทำเป็นไม่เห็นท่าทางซึมจากชานยอล ลึกๆก็อดนึกขันไม่ได้กลับมุมบางมุมที่เขาไม่เคยเห็น

     

    เสียงทำอาหารดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ชานยอลเดินกลับมานั่งที่เดิมของเขาอีกครั้งหยิบหนังสือคู่มือแม่และเด็กขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ทั้งๆที่ในใจอยากไปมองคนตัวเล็กทำอาหารแต่เมื่อกี้ก็โดนไล่ออมาแล้ว ออกจะเก้อเล็กๆที่ไม่รู้จะทำอะไรดี

    เพราะทั้งชีวิตมีแต่เซฮุนและจงอินคอยเป็นมือเป็นเท้าให้ จะทำอะไรได้บ้างก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆไม่โดนไล่ออกจากห้องก็พอแล้ว

    ชานยอลถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนเบนสายตาไปที่ตัวหนังสือที่เขาอ่านค้างเอาไว้บอกตัวเองให้มีสมาธิ เพราะตั้งแต่เขาอ่านมันมาสักพักมีเรื่องสำคัญมากมายที่เขาไม่เคยรู้เกี่ยวกับคนท้องอีกเยอะที่ต้องจำ โดยเฉพาะคนช่วงใกล้คลอด

     

    “ทำไมมันเยอะ”เขาอดเปรยออกมาเบาๆไม่ได้ นึกทั้งชื่นชมคุณแม่น้อยที่สามารถประคองตัวเองมาด้วยตัวคนเดียวจนท้องใหญ่ขนาดนี้ ควบคู่ไปกับความรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นพ่อแต่ก็ไม่เคยได้ดูแลเลย

     

    ความเงียบโรยตัวลงมาอีกครั้งหากก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างที่มันเคยเป็น แค่คนสองคนที่ยังไม่ได้เรียนรู้กันดีพอที่จะหาบทสนทนามาชวนกันคุย แบคฮยอนที่พยายามตั้งรับกับชานยอลเองก็ไม่ได้เบาใจ พอกับที่ชานยอลเองก็ต้องหาทางเข้าหาอีกคนด้วยหลายวิธีเช่นกัน

    ตอนนี้มันอาจจะยังมีช่องว่างอยู่บ้างแต่ชานยอลเองก็ต้องพยายามแม้เขาจะไม่เคยคาดคิดว่าในชีวิตต้องมาทำอะไรแบบนี้ก็ตาม แต่เรื่องของชีวิตคู่ ความรัก และครอบครัวไม่มีใครทำแทนกันได้หรอกนะ

     

     

     

      

    แบคฮยอนเรียนรู้ว่าการที่ชานยอลมาอยู่ที่นี้ก็ไม่ได้สร้างความลำบากอะไรมากไปกว่าพยายามช่วยแล้วทำให้ทุกอย่างมันดูยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทำอาหาร งานบ้าน หรืองานที่แบคฮยอนต้องแลกเงิน มันไม่ได้แย่มากนักกับการที่ชานยอลช่วย..เรียกว่าไม่ได้ถึงกับเป็นหายนะ แต่มันก็ทำให้อะไรช้าลงและยุ่งยากขึ้น

    คนตัวเล็กไม่ได้ว่ากล่าวอะไรชานยอลเพราะนั่นเป็นธรรมชาติของชายหนุ่มที่ถูกเลี้ยงให้เป็นแบบนี้ ไม่ต้องทำอะไรนอกจากทำงานของตนเองให้ออกมาดี

    ชายหนุ่มที่มาอาศัยได้สองคืน และดูเหมือนจะยึดพื้นที่ข้างเตียงของเขาเป็นมุมของตัวเองไปแล้ว ซึ่งเขามักไล่ให้ชายหนุ่มไปนั่งรอยามเขาต้องเข้าครัวหรือทำอะไรก็ตามแต่

    เขาเชื่อว่าเขาเองก็ไม่ได้ใจร้ายกับชานยอลเลยสักนิด ที่กีดกันพ่อคนตัวโตจากงานต่างๆของเขา เพราะผ่านไปหนึ่งคืนเขาพบว่างานที่ชายหนุ่มทำได้ดีมีเพียงแค่อย่างเดียว ชานยอลสามารถเล่น พูดคุย หรืออ่านนิทานให้ลูกและเขาได้อย่างน่าฟัง จนเขาอดประหลาดใจไม่ได้

     

    “นายคนนั้นเขามาที่นี้แล้วหรอ”คยองซูถามในขณะที่นั่งช่วยแบคฮยอนทำงานเล็กๆน้อยๆที่เขาใช้แลกเงิน ซึ่งวันนี้เขามาเป็นแขกแค่เพียงคนเดียวเนื่องจากลู่หานติดงานที่คณะของทางมหาวิทยาลัย เลยไม่สามารถมาเยี่ยมเยียนได้

    “เหมือนเขารู้ว่าคุณโดจะมา เขาเลยเพิ่งออกไปเมื่อเช้านี้”แบคฮยอนว่าพูดแซวเพื่อนรักไป ยังไม่ลืมที่อีกคนไปฝากรอยสวยๆไว้บนหน้าของชานยอลเสียมากมาย

    “สงสัยผีราหูจะบอก แล้วนี่หมอนั่นมาแล้วเป็นไงบ้าง”คยองซูถามเหมือนไม่ใส่ใจเท่าไหร่นักเขาเองก็ไม่ได้นึกชอบชานยอลเป็นทุนเดิมเพราะมาทำเพื่อนรักเขาเอาไว้เยอะ เพียงแต่แบคฮยอนน่ะรักนายคนนี้เขาก็เลยไม่อยากจะพูดอะไรให้มากมาย

    “ผีราหูอะไรกันคุณโด เอาเป็นเขาก็พอช่วยเราบ้างแหละ จะว่าเขาก็ไม่ได้เพราะเขาก็ถูกเลี้ยงให้เป็นคุณชายจะทำอะไรมากก็ไม่เป็นหรอก”แบคฮยอนบอกอย่างอารมณ์ดี งานในมือเสร็จไปเยอะมากพอสมควร

    “ก็หัดซะซิ ทำอะไรไม่เป็นก็ต้องหัดให้เป็นจะมาสบายๆนั่งๆนอนๆบ้านคนอื่นเขาหรือไง”คยองซูเบะปากออกมาจนปากเล็กหยักลงดูตลก

    “ก็พูดไปนั่นอีกแน่ะคุณโด จะไปหัดให้เขา เราก็ไม่ถนัดหรอกท้องใหญ่แบบนี้เราก็สอนอะไรไม่ได้มาก เขาก็มีงานของเขาต้องทำ..งานบ้านอะไรพวกนั้นมันเป็นงานของเราอยู่แล้วจะไปให้เขาทำได้ยังไง”แบคฮยอนยิ้มให้กับเพื่อนของตัวเอง

    “นายก็ดีแต่ปกป้องเขาแหละ นี่ขนาดปากบอกว่าไม่เอาเขาแล้ว ไม่ยอมใจอ่อนหรอกนะ แล้วมันอะไร..นี่ถ้าดีกันแล้วไม่ยิ่งยอมเขาหรอคุณบยอน”คยองซูละมือจากงานเอานิ้วมือมาจิ้มหน้าผากเนียนไปสองสามทีไม่แรงมากแต่คนโดนเองก็ทำหน้ายุ่งเล็กราวกับโดนแกล้ง

    “เราแค่อยากให้กูซึลมีความสุข”แบคฮยอนอ้อมแอ้มบอก

    “อย่ามาอ้างเดี๋ยวจะโดนตีอีกคน”คยองซูจึงแค่ทำท่าเหมือนจะตีหากก็ไม่ได้ทำจริงๆเหมือนอย่างที่พูด

     

    แบคฮยอนลูบหัวตัวเองปรอยๆ เขาเองก็นึกถึงตอนที่มีชานยอลอยู่ในห้อง..เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็อุ่นใจ บางครั้งอยู่ตัวคนเดียวมันก็เหงาแม้จะมีลูกอยู่ด้วยก็ตาม

    แม้บางทีเขาจะเห็นว่าชานยอลก็ไม่ได้สบายตัวกับการต้องมานั่งพื้นแข็งๆ อยู่เฉยๆอ่านหนังสือดูโทรทัศน์บ้าง แต่อีกคนเองก็ไม่ได้บ่นอะไร ถึงชานยอลจะไม่ได้ช่วยเขาทำงาน แต่ทุกครั้งคนตัวโตจะคอยอยู่ใกล้ๆช่วยหยิบจับหรือประคองเขาลุกนั่งโดยไม่ต้องเรียกหรือบอกเหมือนคอยจับตาดูเอาไว้อยู่ตลอด แต่สิ่งที่ทำให้เข้ายิ้มได้มากที่สุดคือ การที่มีใครสักคนมานอนข้างๆเล่านิทานให้ลูกฟังแทนเขามันทำให้แบคฮยอนสบายใจหลับง่ายกว่าปกติ

     

    “ยิ้มอะไร..แค่เขามาสองวันทำเป็นยิ้ม ไม่ใช่เขามาหายต๋อมไปเลยนะเราจะหัวเราะให้ฟันหลุดเลย”คยองซูบอกด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวเล็กอย่างเป็นกำลัง หากคราวนี้แบคฮยอนเลือกจะวางเฉย รู้ว่าต่อล้อต่อเถียงไปกับคยองซูก็คงไม่ชนะแน่แท้ ปล่อยให้คนตัวเล็กเพื่อนเขาพูดไปเถอะ

     

    ก๊อกๆๆๆๆๆ

    เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจของคนทั้งคู่หากคนที่เสมือนเจ้าของบ้านอย่างคยองซูเป็นคนเดินไปเปิดเนื่องจากคุณเจ้าของบ้านตัวจริงจะไม่สะดวกในการลุกนั่ง

     

    “เชิญ!!”เสียงเรียกแขกห้วนๆทำให้แบคฮยอนนึกสงสัยเลยพยายามเอี้ยวตัวไปดู เพียงแต่คนมาใหม่ทำให้แบคฮยอนแปลกใจไม่น้อย

     

    ชานยอลในชุดสูทเต็มยศเหมือนวันที่เขาเคยเจอเมื่อครั้งแรกก้าวเข้ามา ทรงผมที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดีหากตอนนี้มันกลับหลุดลุ่ยลงมาบ้างบางส่วน ใบหน้านิ่งเฉยพร้อมคนติดตามอีกสองคนทำให้แบคฮยอนนึกถึงภาพยนตร์มาเฟียที่เขาเคยดูผ่านๆตา ชายหนุ่มก้มลงเอามือสอดช้อนตัวของแบคฮยอนขึ้นมาโดยไม่บอกกล่าวทำให้คนตัวเล็กตกใจผวาคว้าคออีกคนเอาไว้ ในขณะที่คยองซูกำลังจะเดินเข้ามาหากลับถูกจงอินคว้าตัวแล้วปิดปากเอาไว้เสียก่อน

     

    “อ..อะไรกันครับ..”แบคฮยอนถามเสียงเบาหน้าตาเลิ่กลั่กเป็นกังวลของเจ้าตัวให้ชานยอลถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

    “ชู่ว..แป่บเดียว ”ชายหนุ่มปลอบคนตัวเล็กในอ้อมแขน สั่งเพียงการพยักหน้าครั้งเดียวเป็นการเรียก ซึ่งเซฮุนเองก็พยักหน้ารับเบาๆอย่างรู้งาน

     

    กระเป๋าเหล็กถูกเอามาวางกางเปิดออก ข้างในมีเครื่องมืออิเล็คทรอนิคบางอย่างมากมายที่แบคฮยอนไม่รู้ว่ามันคืออะไร หากเซฮุนที่เป็นคนหยิบจับอย่างชำนาญ เครื่องคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องถูกเปิดออกต่อเชื่อมสายลอยเอาไว้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของชายหนุ่ม พอเรียบร้อยแล้วเจ้าตัวก็ลุกขึ้นยืน

    บอดี้การ์ดหนุ่มเดินไปทั่วห้องทำท่าก้มๆเงยๆมองหาอะไรบางอย่างแบบละเอียดถี่ถ้วน ไม่เว้นแม้แต่ในครัว ในห้องน้ำ ตามหลังโทรทัศน์ ตู้ทุกๆตู้ชั้นวาง หรือแม้กระทั่งหนังสือที่เรียงกัน

    แบคฮยอนมองหน้าชานยอลตลอด ดวงตาตระหนกของคนตัวเล็กทำให้เขาไม่สบายใจหากก็ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ตอนนี้ คนตัวเล็กจึงได้แต่จ้องหน้าหล่อเหลาเอาไว้จึงได้เห็นเม็ดเหงื่อที่ชื้นขึ้นมาบนหน้าผากและลมหายใจถี่ของชานยอลเองก็บอกได้ว่าดูเหมือนอีกคนเพิ่งผ่านการรีบร้อนทำอะไรมาสักอย่าง มือเล็กจึงเอาแขนเสื้อยาวของตัวเองซับไปที่หน้าผากของคนตัวโตโดยที่เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่ามือมันไปเองเสียอย่างนั้น

    ชานยอลที่มองอีกฝ่ายอยู่ก่อนแล้วไม่ได้มีท่าทีปัดป้อง ใจที่รีบร้อนของเขาเมื่อก่อนที่จะเหยียบลงบนพื้นห้องนี้ดูจะสงบลงอย่างรวดเร็ว

     

    “ไม่พบอะไรผิดปกติ ที่นี่ปลอดภัยดีครับคุณชาย”เซฮุนบอกก่อนเก็บอุปกรณ์เทคโนโลยีของตัวเองลงกระเป๋าเรียบร้อย ห้องทั้งห้องก็มีสถาพดังเดิมเหมือนก่อนที่จะถูกรื้อค้น

     

    ชานยอลเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้นแล้วจึงวางคนตัวเล็กลงบนเตียงตามเดิม ในขณะที่จงอินเองก็ปล่อยตัวของคยองซูที่สะบัดออกแล้วหันไปมองอย่างคาดโทษเช่นกันเพียงแต่นอกจากชายหนุ่มจะไม่กลัวแล้วยังยิ้มทะเล้นใส่อีกแน่ะ เล่นเอาเล็กพริกขี้หนูอย่างคยองซูอยากกระโดดเตะก้านคอไปเสียที

     

    “นี่เกิดอะไรขึ้นครับ”เสียงแบคฮยอนเป็นเสียงแรกท่ามกลางความเงียบ

    “ใช่ อะไรของคุณ…อยู่ๆก็เข้ามาค้นๆๆๆ ไม่พูดไม่จาถ้าแบคฮยอนหัวใจวายขึ้นมาจะทำยังไง”คราวนี้กลายเป็นคุณเพื่อนรักที่เต้นแทนอีกแล้ว

     

    ชายยอลเลยได้แต่มองเพื่อนที่แสนดีของแบคฮยอนอย่างอ่อนใจ หากเขาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรนักรู้ดีว่าการที่คยองซูเป็นเพื่อนแบคฮยอนทำให้เขาสบายใจหลายอย่าง แม้จะมีรำคาญไปบ้างในความเจ้ากี้เจ้าการ แต่ก็พูดไม่ได้เลยว่าคยองซูดีแค่ไหนที่อยู่กับแบคฮยอนตลอดเวลาที่เขาไม่เคยมาดูแล

     

    “รถส่วนตัวพี่โซราถูกติดตั้งเครื่องดักฟัง”ชายหนุ่มพูดเพียงแค่นั้น ทำให้คยองซูที่ตั้งท่าเอาเรื่องชะงักไปเปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจได้อย่างรวดเร็ว

    “หา!!! ทำไมเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นล่ะ”คยองซูชิงถามออกมาอีกรอบจนจงอินนึกขำแต่ก็พยายามรักษาท่าทางเอาไว้ก่อน

    “เราเองก็ยังไม่ทราบสาเหตุหรอกครับ คุณคยองซูแต่เพื่อความปลอดภัยที่เรากำลังหาตัวคนทำอยู่เราจะคอยเช็คเรื่อยๆน่ะครับ”จงอินพูดตามแบบของตัวเอง เซฮุนแค่เพียงเหลือบตามองและคิดว่ามันก็พูดรู้เรื่องเหมือนคนปกติเป็นด้วย

    “ไปตรวจที่บ้านคนรู้จักของแบคฮยอนให้หมดแล้วด้วย”ชายหนุ่มพูดแค่นั้น ทรุดตัวลงนั่งที่ประจำของเขา

     

    เซฮุนและจงอินมองเจ้านายตัวเองอย่างงงๆ สารภาพตามตรงว่าไม่เคยเข้ามาในห้องนี้ ครั้งที่แล้วก็ไม่ได้เข้าแค่มาส่งหน้าห้องเท่านั้น แต่ดูจากสภาพห้องแล้วไม่คิดว่าชานยอลจะสามารถอยู่มาได้ถึงสองคืน

     

    “อ้าว..ตรวจเสร็จพวกนายก็กลับไปซิ!! มานั่งอะไรห้องคนอื่น”คยองซูออกปากไล่ ชานยอลเพียงแค่เหลือบตาแล้วถอนหายใจเท่านั้น

    “ฉันขอพักเหนื่อยหน่อย”ชานยอลบอกนิ่งๆแค่นั้น แบคฮยอนจึงทำท่าจะลุกขึ้นแต่คนที่ไวกว่าอย่างชานยอลเองก็รีบลุกขึ้นมาพยุงอีกคนขึ้นทันที ทั้งๆที่ตัวเองบอกว่าจะพักเหนื่อย

    “จะไปไหน”ชานยอลถาม ไม่มีแววคุกคามในน้ำเสียงหากชานยอลไม่ใช่คนที่อ่อนโยนเป็นทุนอยู่แล้ว

    “ผมแค่จะไปเอาน้ำมารับแขกครับ”แบคฮยอนบอกยิ้มๆ

    “ไม่ต้องหรอก”ชายหนุ่มบอก

    “ไม่ได้ครับ ไหนๆผมก็ลุกแล้ว มีคนมาบ้านแบบนี้ไม่รับจะเสียมารยาท”ชานยอลจึงได้แต่ปล่อยมือ รู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูกที่แบคฮยอนมองว่าเขาเป็นเพียงแค่แขก แต่ก็พูดอะไรไม่ได้มากจึงต้องปล่อยอีกคนไป

     

    คงต้องให้เวลาช่วยเยียวยาความรู้สึกกันอีกสักพักใหญ่กันเลยทีเดียวจะเร่งรัดเอาตอนนี้ก็คงไม่ได้ แต่สถานการณ์อันตรายแบบนี้เขาเองก็ไม่อยากให้เรื่องยืดเยื้อเลย

     

     
     

    “ว่าแต่ เมื่อไหร่ จะกลับไปเสียทีครับคุณปาร์ค ชานยอล”คยฮงซูเบะปากออกมาเพราะยังไม่เห็นชานยอลขยับไปไหนหรือทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือแม่และเด็กแต่คนอื่นนี่ยังพอมีประโยชน์ มานั่งทำตุ้มหูประดิษฐ์ช่วยเจ้าของห้องกันมือเป็นระวิงจนอีกไม่กี่คู่ก็ใกล้จะเสร็จทั้งหมด

     

    ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรนัก แต่ความจริงแล้วที่คยองซูรำคาญน่ะไม่ใช่เพราะคุณชายหน้าเดียวหรอกนะแต่เพราะว่าระหว่างที่เขาทำงานอยู่จงอินที่มือทำงานแต่ตาแพรวพราวนั้นจ้องเขาอยู่ได้ เจอกี่ครั้งกี่หนก็ทำแบบนี้

     

    “คุณชายเขาไม่กลับหรอกครับ เพราะสถานการณ์แบบนี้เลยคิดว่าจะมานอนที่นี่สักพัก”เซฮุนเป็นคนตอบแทนหากแบคฮยอนนี่แหละที่เงยหน้าขึ้นมาทันที

    “จริงหรือเปล่าครับ”แบคฮยอนไม่ได้ถามเซฮุนแต่ถามชานยอล

    “อืม มันอันตราย”ชานยอลบอกแค่นั้น ตอนนี้เขาให้เซฮุนไปซื้อหนังสือเรื่องการดูแลเด็กในครรภ์มาเพิ่มอีกสองสามเล่มเพื่อใช้อาศัยศึกษา

    “แล้วลูกน้องคุณล่ะ ใครจะดูแล คุณนอนที่นี่ไม่พอหรอกนะครับ”แบคฮยอนบอกตามจริง นี่ที่นั่งอยู่ก็แทบจะเบียดกันแย่แล้ว

    “อยู่ถัดขึ้นไปสองชั้นเองครับมีอะไรเรียกได้เลยนะครับ”จงอินบอกเสียงทะเล้นจนคยองซูทำหน้าหยี

    “ไม่ย้ายมาปักหลักกันไปเลยล่ะ ซื้อเช่าเหมาตึกไปเลยไหม”คยองซูอดค่อนขอดไม่ได้ตามนิสัยของเขา

    “ความคิดเธอดีนะ ดูจะปลอยภัย”ชานยอลเอ่ยเรียบๆขึ้นมา แต่คยองซูนี่กรอกตาแทบจะเป็นเลขแปด หันเจอหน้าจงอินที่ยิ้มหวานให้ยิ่งแล้วใหญ่

    “คนอื่นเขาลำบากหมดครับ อย่าทำอย่างนั้นเลย..ไม่มีใครมาทำอะไรผมหรอก”แบคฮยอนบอก

    “เธอมีลูกของฉันอยู่ในท้องนั้นถือว่ามีเหตุผลพอ”ชานยอลบอกและตาของเขายังจับจ้องที่หนังสืออยู่

     

    เพียงแต่เขาไม่ทันคิดว่าแบคฮยอนเริ่มคิดถึงเรื่องที่ชานยอลไม่ได้รักเขาแต่ชายหนุ่มรักลูก คนที่ชายหนุ่มอยากดูแลและปกป้องน่ะไม่ใช่เขาหรอกแต่เป็นเด็กที่อยู่ในท้องของเขาเท่านั้น คิดแล้วหัวใจมันอึดอัดจังเลย อึดอัดจนบีบรัดไปหมด

    มือเล็กยกขึ้นมาลูบท้องของตัวเองเบาๆอย่างหวงแหน เขารักลูก..และใจก็รักชานยอล แต่ถ้าหากโดนพรากลูกไปเขาคงทนไม่ไหว คนตัวเล็กพยายามส่ายหัวปัดความคิดที่ฟุ้งซ่านของตัวเองออกไป หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังสร้างกำแพงที่มองไม่เห็นขวางกั้นชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว

     

    “อ้าวเป็นอะไรน่ะแบคฮยอนไม่สบายหรอ”คยองซูบอกเพราะเห็นท่าทางแปลกๆของเพื่อนจึงถามอย่างเป็นห่วง

     

    แต่ไม่ทันจะได้ตอบอะไร มือใหญ่ของชานยอลกลับเลื่อนมาจับใบหน้าเล็กของเขา ลูบไล้มือไปตามโครงหน้าตั้งแต่หน้าผาก ปรางค์แก้มเนียนตลอดจนคอเล็ก สายตาก็จับจ้องไปที่คนตัวเล็กไม่ละไปไหนจนเจ้าตัวทำหน้าเกร็งๆ

     

    “ตัวไม่ได้ร้อนนี่ จะให้ตามหมอไหม”ชานยอลถามหากแบคฮยอนแค่เพียงหลบสายตาแล้วส่ายหน้าเบาๆปฏิเสธ

    “เธออย่ากินยาเอง มันไม่ดีกับลูก”ชานยอลบอกเล็กน้อยตามที่เขาอ่านมาในหนังสือ

    “ทราบแล้วครับ”แบคฮยอนบอกแกนๆ

     

    ชานยอลจ้องหน้าคนที่หลบตาของเขาอยู่ตอนนี้ด้วยความแปลกใจ หากเขาก็ไม่รู้ว่าแว่บหนึ่งที่เผลอสบตากับเจ้าของใบหน้าเล็ก ทำไมนัยน์ตาดำขลับนั่นกลับสื่อแววเศร้าสร้อยขนาดนั้น มันทั้งตัดพ้อ เสียใจ

     

    “ฉันว่าฉันกลับดีกว่า นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย”คยองซูสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของคนสองคนที่แปลกไป จนเขาไม่อยากเข้าไปแทรกกลางจึงตั้งท่าจะขอกลับ จังหวะเดียวกันนั้นจงอินก็ผลุดลุกขึ้น

    “จะกลับแล้วหรอ คยองซูเดี๋ยวเราไปส่ง”แบคฮยอนทำท่าจะลุกแต่คุณเพื่อนตัวเล็กกลับส่ายหน้าห้าม

    “จะลุกจะนั่งลำบาก ไม่ต้องหรอก เราน่ะเพื่อนสนิทกัน ว่าแต่นายน่ะลุกขึ้นมาทำไมจะมากลับอะไรกับฉันหรือไง”คยองซูหันไปถามคนข้างกายที่ได้แต่ยิ้มในตาหยาดเยิ้มมาให้มองแล้วสยองตูด

    “ผมแค่จะไปตรวจสอบที่บ้านคุณน่ะครับว่ามีเครื่องดักฟังอะไรไหม”บอกหน้าแป้นแล้น จนคยองซูขมวดคิ้วฉับ

    “ฉันอยู่หัว คนเข้าออกไม่ได้หรอกโว้ย”คนตัวเล็กแว่ดใส่แต่จงอินยังคงยิ้มรับ

    “นั้นแหละครับเพื่อความปลอดภัยของทุกคน โดยเฉพาะคุณแบคฮยอนกับคุณหนูน้อยเลยนะครับ หรือคุณคยองซูอยากให้คุณแบคฮยอนได้รับอันตราย”หน้ามึนสุดพลังที่สุดเลยทีเดียวไม่รู้จะทำยังไง

     

    ไหนจะสายตาอีกสามคู่จาก ชานยอล เซฮุน และสุดท้ายสายตาที่สำคัญที่สุดคือของแบคฮยอนเพื่อนรักของเขาที่มองมาตาแป๋วแหวว ถ้าบอกปัดนี่เท่ากับเขาใจร้ายไม่รักเพื่อน อยากให้เพื่อนประสบเหตุไม่ควร

    แต่ที่ไม่น่าไว้ใจที่สุดน่ะมันไอ้คนที่ยิ้มหน้ามึนใส่เขานี่ต่างหาก ไม่ไหวหรอกนะ ไม่ไหวหรอก!!!!

     

    “เออ..อยากตรวจอยากรื้อค้นอะไรเชิญตามสบายนายเถอะ เอาที่นายสบายใจเลย ฮึ่ย..กลับละนะคุณบยอน”ว่าห้วนๆแล้วจึงเดินออกไปทำให้เจ้าของผิวแทนได้แต่วิ่งตามไปโดยก้มหัวลาเจ้านายของเขาเล็กน้อย

    “งั้นผมขอตัวละครับ เดี๋ยวผมจะไปเตรียมอาหารเย็นให้คุณชายกับคุณแบคฮยอนด้วยนะครับจะได้ไม่ต้องใช้แรงเยอะ”เซฮุนพูดเพียงเท่านี้แล้วก็หายออกไปอีกคน

     

    ตอนนี้จึงเหลือคนสองคนในห้องอีกครั้ง ข้าวของของแบคฮยอนก็ถูกเก็บไปหมดแล้วตอนนี้จึงเหลือเพียงความเงียบของคนสองคนที่แบคฮยอนอึดอัด มันไม่เหมือนกับเมื่อวานเลยที่มันไม่อึดอัดแบบนี้

     

    “เดี๋ยวผมขอเปิดเพลงหน่อยนะครับ”เขาทนไม่ได้กับความรู้สึกแบบนี้

    “เป็นอะไร”ชายหนุ่มรั้งแขนเล็กเอาไว้ก่อนเพียงแต่แบคฮยอนกลับไม่สบตา ปิดปากเงียบไม่ยอมพูดอะไร จนชานยอลถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

    แบคฮยอนยิ่งพาลใจไม่ดี เมื่อได้ยินเสียงถอนใจของชายหนุ่ม เขาคิดว่าคนตัวโตคงเอือมเขาเต็มที ที่ชานยอลต้องทนอยู่ทุกวันนี้เพราะลูกที่บอกนักบอกหนา แม้จะไม่ได้หวังคำว่ารักจากอีกคนแต่อย่างน้อยมีใจชอบบ้างก็พอ

    คงต้องใช้ความอดทนมากเลยซินะที่ต้องมาทนทำดีกับเขา

     

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่รู้สึกเพลียๆเท่านั้นเอง”แบคฮยอนบอกแค่นั้นแต่ก็ยังไม่สบตาของชานยอล เขาไม่ไหว เขากำลังพ่ายแพ้อะไรบางอย่าง เขาอยากให้ชานยอลอยู่ที่นี่กับเขา ไม่ได้อยากกลับไปอยู่บ้านหลังนั้นกับชานยอล

    เหตุผลมีเพียงไม่มากนัก บ้านหลังนั้นมีชานยอลคนใจร้าย เขาไม่อยากกลับไป แต่เมื่อชานยอลมาที่นี่ชายหนุ่มอบอุ่นและดูอ่อนโยนมากขึ้นแม้บางครั้งจะดูเหมือนฝืนบ้างแต่ก็คงพยายามปรับตัว เพราะอย่างนั้นเขาอยากให้ชานยอลอยู่กับเขาที่นี่ อยู่ที่นี่นานๆ นานเท่าไหร่ก็ได้

    ตอนนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยากให้ชายหนุ่มยังอยู่หรือไม่

    เพราะถ้าเพียงแต่ทั้งหมดที่แบคฮยอนคิดเอาไว้มันอาจจะเป็นเพียงแค่ความคิดที่เขาคิดเองว่าชานยอลเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งๆที่อีกคนอาจจะยังเป็นคนใจร้ายคนเดิมก็ได้

    แบคฮยอนล่ะควรทำอย่างไรดี

     

    *********************************************************************************

     

    TBC มาแล้วนะคะ การ #ปาร์คไม่แคร์ และ #แบคพิการ เรื่องตอนนี้มันจะเรื่อยๆนิดนึงนะคะ ก็อยากมันปูเรื่องไป บิอาจจะยังแต่งดีไม่มากนักก็วิจารย์กันได้ ช่วงก่อนหน้านี้ค่อนข้างมีธุระติดพันและก็มีเรื่องมีราวกับรุ่นน้องอะไรต่างๆมากมาย ฟิคอาจออกมาไม่ดีพอแต่ก็ยังขอบคุณที่อ่านกันอยู่นะคะ ส่วนทวิตเตอร์ไม่ต้อง ฟอลโล่วบิก็ได้นะคะ ตัวจริงคนแต่งนิสัยไม่ค่อยดี แถมพูดจาก็หยาบคาย เลยไม่อยากให้มันทำให้ระคายตา ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อไปกับฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ 



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×