คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : - Disable - 12
TWELVE
วันนี้อากาศดีกว่าที่เคยมีในหน้าฝนเพราะเมื่อคืนฝนตกหนักจนแบคฮยอนต้องกอดตัวเองแน่น ลุกขึ้นมาหาถุงเท้าหนาๆเพื่อสวมเท้าให้อบอุ่น หานมร้อนอุ่นๆมาดื่มคลายความหนาวเย็น มันช่วยเขาได้อย่างดี
แต่เมื่อตื่นเช้าขึ้นมากลับพบว่าแสดงแดดยามเช้าส่องสว่างสดใสจนแทบแสบตา ลมพัดเย็นๆกับแดดอุ่นมันเข้ากันได้ดีกับเช้าวันนี้แบคฮยอนบอกกับตัวเองว่าเขาจะต้องออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าให้ได้ ออกไปต้องแดดและลมให้ร่างกายได้สร้างภูมิตามธรรมชาติเพื่อเด็กที่เกิดมาจะมีภูมิมากมาย
แบคฮยอนจับจองม้านั่งตัวยาวที่สะอาดสะอ้านอยู่ใกล้กับที่เล่นทรายของเด็กๆ ซึ่งตอนนี้มีเด็กอยู่สามสี่คนที่ผู้ปกครองพามาเดินเล่นและทำกิจกรรมยามเช้า
คนตัวเล็กมองแล้วนึกภาพไปถึงเมื่อยามที่เขาได้จับมือกูซึลน้อยมาเดินเล่นบ้าง
"วันนี้อากาศดีมากเลยรู้ไหมคะลูกหมูตัวน้อย แม่พาหนูมาออกมารับแสดงแดดรับลมบ้างเพราะแม่อยากให้คนเก่งของแม่แข็งแรง การที่หนูได้รับอากาศรอบตัวจะทำให้ร่างกายของหนูมีภูมินะลูกนะ”มือเล็กลบท้องนูนของตนวนไปมาอย่างนั้น
"กูซึลจ๋าหนูรู้ไหมว่าพ่อจ๋าหล่อมากเลยนะคะ เขามีตากลมโตสวยที่สวยมาก จมูกก็โด่งสวยด้วย หนูจะต้องมีดวงตาและจมูกเหมือนพ่อจ๋ารู้ไหมคะ ส่วนปากเล็กกินจุน่ะของแม่จ๋าเองนะลูกนะ ลูกหมูของแม่ต้องเป็นเด็กที่สวยที่สุดเลยนะ"แบคฮยอนเกริ่นอย่างที่เขาเริ่มทำทุกวัน
"ลูกจ๋าลูกของแม่ แม่จะพูดกับหนูเหมือนทุกวันนะคะคนเก่ง แม่ขอโทษที่ต้องพรากหนูจากคุณพ่อ แต่อย่าเกลียดแม่เลยนะคะคนดี ชีวิตนี้นอกจากเขาแม่เหลือแค่หนูคนเดียวแล้วลูกนะ"เด็กหนุ่มลูบแผ่วอย่างหวังว่าจะสัมผัสได้ถึงเด็กตัวน้อย
และเรื่องราวต่างๆยังถูกถ่ายทอดออกมาเช่นทุกวันเป็นปกติของแบคฮยอนที่จะสื่อสารกับเด็กตัวเล็กที่นอนแนบแอบอิงในท้องของเขา ครรภ์นั้นใหญ่ขึ้นอีกแล้วตอนนี้กูซึลน้อยมีอายุห้าเดือนกับอีกสองวันอีกเพียงไม่นานเกินรอเขาสองคนจะได้พบกัน แบคฮยอนหัวเราะเบาๆเพียงแค่เล็กน้อยเมื่อคิดถึงตรงนี้
หากภาพนี้มันจะสมบูรณ์หากมีคนเป็นพ่อช่วยยืนประคองคุณแม่ตัวน้อยในเวลานี้ เพียงแต่คนเป็นพ่ออย่างปาร์ค ชานยอลได้แต่ยืนนิ่งอยู่ใกล้กับม้านั่งตรงนั่น ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาฟังแบคฮยอนพูดกับลูกแบบนี้แต่นี่เกือบครบสัปดาห์แล้วที่ชานยอลยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อขอให้ได้เห็นมันในทุกๆวัน พยายามทำใจให้กล้าพอที่จะเดินเข้าไปหา
“ถ้ายังไม่มีใครนั่งตรงนี้ จะเป็นไรไหมถ้าฉันขอนั่งด้วยคน”ชานยอลพูดให้คนตอบรับเขาเบาๆแต่ดวงตายังมองภาพเด็กเล่นกันโดยไม่สนใจเขา ชายหนุ่มนั่งลงทิ้งระยะห่างจากแบคฮยอนเล็กน้อยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนโดนคุกคาม
แบคฮยอนยิ้มจนฟันซี่เล็กเรียงชิดกันสวยเมื่อเด็กคนหนึ่งเผลอล้มลง หากก็ไม่แรงมากเจ้าตัวเล็กนั้นหัวเราะเบาๆจนเพื่อนๆอีกสองสามคนหัวเราะตามแทนที่จะร้องไห้
“เธอว่าวันนี้อากาศดีไหม”ชายหนุ่มค่อยๆถามเพื่อดึงความสนใจของคนตัวเล็ก จนอีกคนยิ้มแล้วหันมาตอบเขา รอยยิ้มเต็มใบหน้าแรกที่ชานยอลบันทึกมันในความทรงจำ
“ครับอากาศดีมา…..มาก….คุณชานยอล!!”เมื่อพบว่าเป็นใครแบคฮยอนเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นหน้าตกใจที่ซีดเผือดเผลอผลุดตัวลุกขึ้นอย่างเสียมารยาทด้วยทำอะไรไม่ถูก
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะแบคฮยอน”ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้า ใบหน้าที่เต็มใบด้วยร่องรอย ที่หางคิ้วมีแผลลึกยาวเป็นสีม่วงจนดูน่ากลัว
“หน้าคุณไปโดนอะไรมาครับ เจ็บมากไหม”แบคฮยอนไม่ได้ตอบรับหากเอ่ยถามคนที่เดินเข้ามาใกล้อย่างไม่รู้ตัว ลืมตัวไปเสียว่าจะต้องเดินหนีไป
แบคฮยอนเคยบอกเสมอ..มันไม่ใช่ความโกรธ หรือเกลียดที่แบคฮยอนมีให้ แต่ในนั้นมันมีความรัก รักที่เขายังกลัวกับความไม่แน่นอน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่แบคฮยอนจะเป็นห่วงคนใจร้าย
“เจ็บสิ เจ็บมาก”ชานยอลพูดนิ่งๆอย่างที่เคย เขาเป็นคนแสดงความรู้สึกไม่เก่งนัก ส่วนเรื่องแผลทั้งที่จริงมันไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้นเลยแท้ๆ แต่สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยของแบคฮยอนทำให้เขาชอบมัน กระแสเสียงอ่อนโยนนั่นก็อีก การได้มาเจอกันมันทำให้รู้ว่าความคิดถึงมีค่ามากแค่ไหน
“เดี๋ยวก็คงจะหาย โถ…ไปโดนอะไรมาครับ”แบคฮยอนยืดตัวเล็กน้อยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าชานยอลเข้ามาใกล้จนสามารถประคองเอวเขาเอาไว้ กลัวว่าคุณแม่ตัวน้อยจะเผลอหกล้มไปได้
“ค่าแลกเปลี่ยนที่ฉันจะได้มาเจอเธอกับลูก”ชายหนุ่มบอกหน้าตาย นั่นคือตอนที่แบคฮยอนถูกเตือนสติอีกคนขยับตัวเบาๆออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มอย่าสุภาพและชานยอลก็ทำยอมปล่อยอีกฝ่ายแต่โดยดี
แบคฮยอนมองชายหนุ่มอีกครั้งด้วยเต็มตาของเขาเอง ชานยอลที่เห็นเวลานี้ต่างจากในหนังสือพิมพ์ ชายหนุ่มในตอนนี้มีสีหน้าอิดโรย ซูบโทรมพอควร ใบหน้าที่รกไปด้วยแผลขีดข่วน บอกตามตรงมันก็ไม่ได้ลดทอนความหล่อเหลาของชานยอลลงได้เลย
แบคฮยอนประสานมือไว้ที่หน้าท้องนูนของตัวเอง การพบกันแบบไม่คาดฝันทำให้เขาตั้งรับไม่ทันในหัวสมองเล็กๆนั้นสับสนวุ่นวายจึงเลือกนึกถึงกูซึลน้อยที่พึ่งทางใจของเขา
ขาเล็กทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง แล้วมองไปข้างหน้าที่ที่ขอบฟ้าเป็นสีฟ้าสดใส โดยที่ชานยอลเองก็ทรุดตัวลงนั่งเช่นเดียวกัน
“เล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับว่าได้แผลมายังไง..”แบคฮยอนเอ่ยถามเสียงเบา
ชานยอลเองก็มองไปในทิศทางเดียวกัน ระยะห่างของทั้งสองยังคงมีเผื่อเอาไว้ เขาทั้งคู่ยังคงเว้นที่นั่งตรงกลางเอาไว้ก่อน รอยร้าวนี้ยังคงเป็นรอยร้าวใหญ่ที่มองไม่เห็นของคนสองคนที่ต่างไม่ร่วงรู้ความคิดของกันและกัน
“เพื่อนเธอมือหนักมาก คนที่ตัวเล็กๆชื่อคยองซู”ชานยอลบอกเสียงเรียบไม่มีแววเครียดขึงให้แบคฮยอนอึดอัดใจ คนฟังหัวเราะเบาๆเสียงใสเมื่อนึกถึงเพื่อนตัวเอง ชานยอลจึงเล่าต่อ
“ฉันไปขอร้องพี่โซราเขาบอกให้มาคุยกับเพื่อนเธอ ฉันเลยไปคุกเข่าที่หน้าบ้านของคยองซูกับลู่หานมา หัวคิ้วนี่โดนแจกันกับที่แก้มข้างนี้โดนรองเท้าของคยองซู ส่วนอีกข้างนี้หมัดล้วนๆของลู่หาน”คนตัวสูงเล่ามันสบายๆเหมือนเป็นการสนทนาเรื่องดินฟ้าอากาศเพียงแต่แบคฮยอนกลับค่อยๆหันไปมองหน้าชายหนุ่ม
ใบหน้าคมคายที่นิ่งเฉยเองก็หันมาสบตาแบคฮยอนเช่นกัน เขายิ้มที่มุมปากเพื่อให้อีกคนสบายใจแม้มันจะไม่ได้มากมายแต่แบคฮยอนก็สังเกตได้ถึงรอยยิ้มนั้น
“ฉันทำอยู่สามวัน พวกเขาคงจะเหนื่อยเลยยอมบอก แต่มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรนัก”ชานยอลเห็นร่องรอยแห่งความกังวลในสายตาคู่นั้น มันมีค่ากว่าเงินทองหรืออำนาจที่ชานยอลเคยคิดว่าจะสำคัญ
แบคฮยอนบอกตัวเองว่าเขาดีใจเหลือเกิน ดีใจจนในอกที่มันวาบโหวงส่วนหนึ่งได้รับการเติมเต็ม จากการทำของชานยอลที่ยอมลดศักดิ์ลงมาเพื่อที่จะได้พบกันกับเขา แต่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะชายหนุ่มอยากเจอเขา อยากเจอลูก หรือทั้งคู่กันแน่
“คุณชานยอลครับ ถ้าหากการมาในวันนี้เป็นการบอกให้ผมกลับไปผมคงต้องปฏิเสธ”แบคฮยอนกลั้นใจพูดแม้เขาจะเสียใจเองก็ตาม
นั่นทำให้สิ่งที่ชานยอลเตรียมมาล่มไม่เป็นท่า ถึงแม้จะเตรียมใจไว้แต่ก็ไม่คิดว่าจะเขาจะโดนปฏิเสธทั้งๆที่ยังไม่ได้ถามอะไรเลยสักคำเดียว
“เธอเกลียดฉันขนาดนั้นเลยหรือ”ชานยอลทำให้ภายนอกของเขาดูนิ่ง หากภายในกลับสั่นไหว
เขาไม่มีสติเมื่อสองสัปดาห์ก่อน แต่ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่อง..วันที่ตัวสิ้นท่าเหมือนเด็กที่ร้องงอแงหาแบคฮยอนราวกับคนบ้า ยังจำทุกคนได้แม่กระทั้งคำพูดที่เขาคุยกับลูกก็จำได้ดี
แต่ชานยอลเรียนผูกเขาก็ต้องเรียนแก้เองให้ได้
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่เคยเกลียดคุณเลยสักนิด ผมแค่กลัว..ในความสัมพันธ์ของเรา”แบคฮยอนยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มเศร้าที่ชานยอลเคยเห็นมาก่อนเมื่อยามแบคฮยอนต้องอดกลั้นอะไรสักอย่างไว้ในใจ
“ปล่อยผมกับลูกไปเถอะนะ”เสียงหวานพูดแผ่วเบา ราวกับว่าความจริงแล้วเขาไม่อยากให้อีกฝ่ายปล่อยเขาไปจริงๆ
“ผมอยู่ท่ามกลางความกลัวแบบนี้ต่อไปไม่ได้..มันทรมาน”ดวงตาคู่เล็กเงยสบชานยอล น้ำสีใสเม็ดเล็กกำลังเรียงตัว เอ่อคลอขึ้นมาอยู่ขอบตาจนมันรู้สึกร้อนผ่าวไปตามกระบอกตา
“ผมกลัว..ก…กลัวว่าคุณจะ..ฮึก..ใจ..ร้าย..กับผม..อีก”
ชานยอลเจ็บแปลบที่หัวใจ คิ้วเข้มขมวดเกร็งขึ้นทันทีที่เห็นแบคฮยอนร้องไห้ ก่อนหน้านั้นมันเคยเจ็บแต่ไม่เจ็บเท่ากับตอนนี้ที่รู้ว่าแท้จริงตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้แบคฮยอนต้องทุกข์ทรมานจุดใต้ตำตอของเรื่องทั้งหมดคือ ตัวชานยอลเอง
มือใหญ่เอื้อมไปจับไหล่บางที่สั่นสะท้านของคนตัวเล็ก ที่ครั้งก่อนเขาไม่เคยปลอบประโลมมีแต่ยิ่งทำให้เจ็บช้ำใจ สัมผัสอีกคนอย่างแผ่วเบากลัวใจว่าอีกตนจะปฏิเสธหากแต่แบคฮยอนกลับยังนิ่งและร้องไห้อยู่ เขาจึงตัดสินใจรวบคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมกอด
สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอกที่ใบหน้าเล็กแนบอยู่ น้ำตามากมายกำลังไหลซึมเข้ามาทิ่มแทงใจของชานยอลหยดแล้วหยดเล่า
“ฉันผิดเอง ฉันขอโทษ”ชานยอลพูดได้เพียงแค่นี้ เขาปลอบใครไม่เก่งและแข็งกระด้างหากก็กำลังพยายาม อกเขาปวดหนึบ ในใจของเขาอยากร้องไห้ตามแบคฮยอนแต่ในความจริงเขาทำได้เพียงนิ่งและกอดอีกคนเอาไว้
มันเป็นอ้อมกอดที่สั่นไหว แบคฮยอนสัมผัสได้ว่ามันไม่ได้เย็นชืดเหมือนที่เคยเป็นในวันเก่าๆแต่ทว่ามันอบอุ่น เพียงแต่ความกลัวกำลังกอบกุมหัวใจดวงน้อยให้ปิดตาย
“คุณกลับไปเถอะนะ..อย่ามาเจอกันอีกเลย”แบคฮยอนผละตัวออกมาเล็กน้อยช้อนตาขึ้นมองชานยอลด้วยใบหน้าน่าสงสาร บอกว่าเขาเจ็บและเสียใจ
คำไล่นั่นทำให้ความหวังของเขาดูริบหรี่ ความจริงเขาจะฝืนใจแบคฮยอนแล้วพากันกลับไปเลยก็ย่อมได้ เพียงแต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
มันจะมีอะไรที่สามารถนำมาซื้อความกลัวของแบคฮยอนได้บ้าง ชานยอลเองก็ยินดีทำทุกอย่างเพราะมันถึงจุดที่เขาไม่อาจเสียแบคฮยอนกับลูกไปเช่นกัน
“อย่าไล่ฉันเลยนะ ถ้าเธอไม่อยากกลับไปก็ไม่เป็นไร แต่อย่าพูดอย่างนี้อีกเลย”นิ้วโป้งยาวเขี่ยไปตามแก้มนวลที่เปรอะน้ำตาอีกคน พยายามยิ้มให้คนตัวเล็กหากมันก็ฝืดเฝื่อน
แบคฮยอนไม่ได้ตอบรับหรือบอกปัดชานยอลในคำขอร้องของเขา ชานยอลมองว่ามันนทั้งแย่และดีในเรื่องนั้นหากก็พยายามให้กำลังใจตัวเอง
เขากำลังเป็นไอ้ขี้แพ้ คนขี้แพ้ที่แพ้ใจตัวเอง แต่เรื่องนี้ชานยอลเองก็ยอมแพ้
ชานยอลลุกขึ้นก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าของแบคฮยอน ให้อีกฝ่ายอยู่เหนือเขา คนตัวเล็กตกใจในคราแรกหากเมื่อเห็นสายตาคมจ้องมองที่ท้องเขาจึงนิ่งเลยเฝ้ารอการกระทำของชายหนุ่ม
“ฉันได้ยินว่าเธอเรียกลูกว่ากูซึล”คำว่าลูกที่ออกจากปากชานยอลทำให้ใจของเขาที่สั่นเบานั้นสงบ
“ครับ..เขาเป็นสิ่งล้ำค่าของผม ของมีค่าเดียวที่ผมเหลืออยู่”ชานยอลมองใบหน้าเล็กที่ผ่อนคลายลงยามเมื่อพูดถึงสิ่งมีชีวิตน้อยๆที่อยู่ในท้อง ทำให้เขาเห็นปลายทางของตัวเองที่แม้จะไกลและริบหรี่หากก็ยังพอมีหวัง
หวังที่แบคฮยอนอาจจะเลิกกลัวความไม่แน่นอนของเขา
“กูซึลคะ..นี่พ่อนะคะคนสวย หนูจำเสียงพ่อได้ไหม”ชานยอลพูดกับเด็กตัวเล็กที่เขายังมองไม่เห็น ท่าทางประหม่าเบาๆ ทำให้แบคฮยอนคิดถึงเรื่องคืนนั้น จนต้องเม้มปากกลั้นน้ำตา
“ในที่สุดเราก็ได้เจอกันนะคะ เพราะหนู...พ่อเลย...กูซึลอา..เป็นเพระาหนูพ่อถึงมีกำลังใจตามหาแม่ของหนู หนูเก่งที่สุดในโลกเลยรู้ไหมคะ”กระแสเสียงของความอ่อนโยนที่ได้ยินกับหูวันนี้มันต่างจากวันที่แบคฮยอนได้ยินทางโทรศัพท์มาก ชานยอลที่เคยเป็นคนใจร้าย กำลังทำสีหน้าอ่อนละมุนยามที่กำลังคุยกับเด็กหญิงตัวน้อยในท้องของเขาเหมือนที่เขาชอบทำ
“แม่บอกหนูจะได้ยินที่พ่อพูด พ่อเองก็เชื่อนะคะ พ่อขอโทษ..ขอโทษนะคะที่ก่อนหน้านี้พ่อไม่ได้ดูแลหนูเลย กูซึลอา”แบคฮยอนไม่ได้หลอกตัวเองเขาชอบฟังน้ำเสียงที่ชานยอลใช้เรียกชื่อลูกในตอนนี้มันเพราะจับใจ
“จากนี้ไปให้พ่อดูแลหนูกับแม่นะคะ พ่อสัญญาว่าพ่อจะดูแลให้ดีที่สุด”ชานยอลเท้าแขนลงที่ตักเล็กซึ่งแบคฮยอนก็อนุญาตเพื่อที่อีกคนจะได้คุยกับลูกได้ถนัด
ชายหนุ่มเงยดวงตาคมดุที่แบคฮยอนคิดว่ามันสวยและมีพลังขึ้นมามอง ดวงหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากเขาไม่มากเท่าไหร่นัก ดวงตาคมนั้นมีประกายบางอย่างที่แบคฮยอนอยากเชื่อใจเพียงแต่เขาทำไม่ได้
หากชานยอลเองก็รับรู้ได้ถึงความไม่แน่ใจในดวงตาเรียวที่ตอบกลับมา ใจของเขามันเจ็บอีกแล้ว
“แบคฮยอนเรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ คำว่ารักอาจเร็วไปสำหรับเราสองคน แต่มันคงไม่สายไป ถ้าเราจะลองศึกษากันใหม่อีกครั้ง..”ชานยอลจับมือบางนั้นเอาไว้ วางมืออีกข้างทาบเบาๆลงกับหน้าท้องที่นูนยื่นออกมากของแบคฮยอน
“อ๊ะ!!”แรงสั่นสะเทือนทำให้แบคฮยอนสะดุ้งเมื่อชานยอลวางทาบมือลงไป ชานยอลเองก็รู้สึกเช่นกันเขาลนลานทันทีอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นมาดเจ้าพ่อเป็นอย่างนั้น
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรลูกนะ เธอ..เธอ..เป็นอะไรไหม”ชานยอลที่มีสีหน้าเครียดขึ้นทำให้แบคฮยอนนึกยิ้มได้ แล้วมือที่วางอยู่ก็สั่นสะเทือนอีกครั้งชานยอลแทบจะดึงมือออกทันที แต่มือเล็กกลับจับมือใหญ่เอาไว้อย่างแผ่งเบาแล้ววางมันกลับลงทีเดิม
“ลูกไม่ได้เป็นอะไรครับ เขาแค่ดิ้น..ดิ้นเป็นครั้งแรก”แบคฮยอนที่แม้ดวงตายังชื้นๆอยู่หากก็ตอบให้ชานยอลได้คลายกังวล
ดวงตาโตของคนฟังเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยราวกับว่ามันมหัศจรรย์ กลับจุดรอยยิ้มที่มุมปากของอีกคนให้โค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“กูซึล..เด็กไม่ดี หนูช่วยพ่อหรอคะ ไม่เห็นใจคุณแม่เลยหรอลูกหมูน้อย”แบคฮยอนคิดเอาเอง เขาคิดว่าเขาและกูซึลสัมผัสถึงกันและกูซึลเองก็คงต้องการพ่อ นั่นคือสัญญาณที่เจ้าตัวเล็กบอกและเขาเองก็จะเคารพมัน เพราะลูกมักทำให้เขาพบแต่สิ่งที่ดีดี
“ผมจะให้โอกาสคุณนะฮะ..ผมไม่รับปากว่ามันจะนานแค่ไหนหรืออาจเป็นไปไม่ได้แต่..ก็มาพยายามเพื่อลูกละกันนะครับ”แบคฮยอนตอบชานยอลได้ดีที่สุดเพียงแค่นี้
ชานยอลเองก็รับรู้และเข้าใจ ชายหนุ่มกดจูบลงที่หน้าท้องอีกคนผ่านเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวมใส่โดยไม่ได้สนใจว่าจะมีใครมองมาหรือไม่ ทำเอาอีกคนหน้าแดงกล่ำ แบคฮยอนเป็นคนขี้อายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“ขอบคุณ..”ชานยอลตอบรับ ใจเขาอาจจะยังปวดหนึบกับคำว่าอาจเป็นไปไม่ได้ แต่เขาจะทำให้มันเป็นไปให้ได้ต่อให้ต้องใช้เวลามากเท่าไหร่ก็ตาม
ชานยอลเดินมาส่งแบคฮยอนที่ห้องพักแน่นอนว่าเซฮุนและจงอินก็ตามมาด้วยเหมือนเงาตามตัว แบคฮยอนเองก็มีโอกาสทักทายทั้งสองคนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อกันมากนัก
หากคนตัวสูงกลับยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องเป็นนานสองนาน แม้แบคฮยอนจะเข้าห้องไปแล้วก็ตาม ประตูยังเปิดคาอยู่มันเป็นภาพที่ดูออกจะตลกเล็กน้อยเมื่อหัวชานยอลเกือบชนขอบประตูด้วยความสูงของเขา
“คุณจะไม่เข้ามาหรอครับ”แบคฮยอนหันมามองชายที่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ก้าวเข้ามาเสียที ชานยอลมองมาที่เขาอยู่ได้ไม่วางตา แบคฮยอนแขวนเสื้อคลุมเข้ากับราวในห้องของเขา
“มันดูอึดอัดไปหรือครับ”แบคฮยอนบอกอย่างนั้น ชานยอลอาจอึดอัดเพราะที่นี่คับแคบเกินไป
ห้องสตูดิโอเล็กๆที่มีครัวและห้องน้ำในตัวอาจทำให้ชานยอลไม่อยากเยื้องย่างเข้ามาเขาอาจรังเกียจพื้นที่เล็กๆของแบคฮยอนที่ไม่กว้างขวางอย่างบ้านของเขา
“ไม่ใช่ แต่เธอไม่ได้เชิญ”ชายหนุ่มบอกหน้าตายแต่แบคฮยอนกับหัวเราะเบาๆจนท้องสะเทือนกับคำพูดของชายหนุ่ม ชาวบ้านอย่างเขาเองบางทีก็ไม่เข้าใจเลย
“เชิญครับ คุณชานยอล”แบคฮยอนเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายเข้ามา ในห้องของเขาที่ที่เป็นของแบคฮยอน
ชายหนุ่มสำรวจห้องสี่เหลี่ยมจตุรัสเล็กๆ คิดเอาเองว่าห้องน้ำบ้านเขายังใหญ่เสียกว่าหากก็ไม่ได้วิจารณ์อะไรออกไป มุมหนึ่งเป็นที่นอนแบบเบาะสูงครึ่งฟุต มีผ้านวมและหมอนสีขาวพับไว้อย่างเรียบร้อย ตรงกลางมีโซฟาขนาดเล็กหนึ่งตัวแบบสามารถพับเก็บได้วางคู่กับโต๊ะเตี้ยๆอีกตัวและโทรทัศน์เครื่องเล็กที่พอดูได้
อีกฟากผนังก็เป็นเตียงเด็กหลังเล็กๆที่เอาเด็กอ่อนนอนได้และข้าวของเครื่องใช้ของเด็กอ่อนอีกมากมายที่เป็นของเด็กผู้หญิง ทุกอย่างถูกล้างสะอาดแล้วดูจากการนำออกมาจากหับห่อแล้วนำมาวางอย่างเป็นระเบียบ บอกได้ว่าคนทำใส่ใจมันมากแค่ไหน เสื้อผ้าไม่กี่ชุดนั้นถูกแขวนที่ราวข้างผนัง ถึงห้องจะเล็กแต่เจ้าของก็จัดระเบียบอย่างดี
“คับแคบหน่อยนะครับ ผมไม่มีแขกที่ไหนยกเว้นเพื่อนๆน่ะครับ”แบคฮยอนบอกเบาๆเขากำลังชงชารับแขกเอาไว้สามที่นึกเผื่อถึงบอดี้การ์ดอีกสองคน หากมาเพิ่มมากกว่านี้ก็จะชงเพิ่มอีก
“ไม่หรอก น่าอยู่”ชานยอลคิดอย่างนั้นจริงๆจากใจ ที่นี่มีแต่กลิ่นผ้าเด็ก มีกลิ่นอ่อนๆกลุ่นแดดเหมือนผ้าสะอาดที่เด็กเล็กมักสวมใส่ กลิ่นของแบคฮยอน มันให้ความรู้สึกเหมือนเขากำลังกลับถึงบ้านหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน
หากมันเป็นอย่างที่เขาได้คิดเอาไว้ ชานยอลคงมีความสุขมากๆ
“นี่ครับชา มีแต่ของราคาถูกคุณคงไม่ว่าอะไรนะครับ..เอ่อ..แล้วคุณเซฮุน กับคุณจงอินล่ะครับ ผมชงชามาเผื่อ”แบคฮยอนบอกเล็กน้อยชานยอลจึงคว้าชาขึ้นดื่ม
“กลับไปแล้ว”ชานยอลตอบแค่นั้นแบคฮยอนจึงทำตาใสมองอีกคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“กลับไปแล้ว กลับไปไหนครับ”แบคฮยอนเอียงคออย่างน่าเอ็นดู ชานยอลอยากดึงมาขยี้ปากเล็กเพียงแต่ทุกอย่างต้องเก็บไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งของเขา ชายหนุ่มไม่สามารถทำรุ่มร่ามอะไรกับแบคฮยอนได้เลย
แค่เพียงแบคฮยอนยอมให้โอกาสเขาได้เข้าใกล้ต้องบอกตัวเองว่าดีแค่ไหน
ชานยอลอยากยิ้มออกมาแต่เขาไม่ใช่คนที่ยิ้มบ่อย ชานยอลไม่เคยลงให้ใคร ไม่เคยอดทนแต่พอเป็นคนตรงหน้าคือแม่ของลูก แบคฮยอนดูทำมันอย่างง่ายดาย
เหมือนดังเขาเป็นอสูรที่เชื่องต่อเจ้านายตัวเอง
“กลับบ้านไปน่ะ”
“แล้วเขาจะกลับมารับคุณใช่ไหมครับ”คนตัวเล็กเริ่มขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม แว่วเสียงฝนที่กำลังสาดซาที่หน้าต่างแบคฮยอนเหลือบตาไปมองด้านนอก
ฝนเม็ดใหญ่กำลังค่อยๆเทตัวลงมาอย่างหนัก แบคฮยอนขมวดคิ้วจนชนกันแน่น แล้วก็ก้มหน้ากอดถาดใส่ชาที่ถือมาให้ชานยอลเอาไว้ยังไม่ยอมวาง
คนตัวเล็กกำลังคิดว่ามันคงไม่ปลอดภัยถ้าหากว่าชานยอลจะกลับเวลานี้หรือเร็วๆนี้ มันอันตรายมากทั้งคนที่กำลังกลับหรือคนที่ขับรถมารับไม่ว่าทางไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น
“อย่าเพิ่งกลับหรือให้คนมารับเลยครับมันอันตราย”แบคฮยอนหันมาว่า ก่อนเก็บแก้วทั้งสองแก้วที่ไม่มีคนกินใส่ถาดก่อนจะเดินไปวางไว้ที่อ่างล้างจาน เตรียมขนมมาวางไว้ด้วย
“เป็นห่วงหรือไง”ชายหนุ่มถามหากแบคฮยอนกลับสะดุดลมหายใจตัวเองไปชั่วขณะ
“เอ่อ..ก็ ก็ห่วงทุกคนน่ะครับ”หาทางแถไปได้ก็ก้มหน้างุดๆไปเปิดเพลงที่ชอบฟังประจำ เพลงสำหรับเด็กอ่อน เพลงที่ชานยอลเองก็เคยฟัง
แบคฮยอนกระเถิบตัวขึ้นไปนั่งพิงผนังตรงฝั่งหัวเตียงบนที่นอนของตัวเอง หันหน้ามองออกนอกหน้าต่างที่มีสายฝนโปรยปราย เขาเขินจนไม่รู้จะมองหน้าชานยอลอย่างไร เพียงถ้าเขาหันกลับมาสักนิดจะเห็นรอยยิ้มและสายตาที่กำลังมองตนเองอยู่ในตอนนี้
เสียงเพลงบรรเลงถ่วงทำนองของการเดี่ยวเปียโนดังประกอบกับสายฝน ทำให้คนฟังผ่อนคลายไปทั้งตัว แบคฮยอนแค่เพียงหลับตาลงเบาๆ ในขณะที่ชานยอลเองก็เอนกายพิงกับโซฟาข้างเตียงยืดปลายขาตามความยาวของพื้นที่
สำหรับชานยอล เพลงที่แว่วเข้าหูของเขากลับไม่เศร้าเหงาอย่างที่มันเคยเป็นและต่อให้ฝนข้างนอกโปรยปรายและฟ้าจะมืดครึ้มชวนให้ใจเปล่าเปลี่ยว แต่เขากลับอบอุ่น เพลงที่เปิดให้ลูกที่อยู่ในครรภ์ของคุณแม่ เพียงคิดว่าวันนี้คนที่จำเป็นต้องฟังก็อยู่ที่นี้ด้วยแล้ว มันช่างอบอุ่นในใจ
และสำหรับแบคฮยอน ทุกครั้งเวลาที่ฟังเพลงเขาต้องตัดเก็บข่าวคราวของคุณพ่อกูซึล หากในวันนี้คนในหน้าหนังสือพิมพ์นั้นกลับไม่ได้ทำเพียงแค่ยิ้มนิ่งในรูปภาพ มีชายหนุ่มมานั่งลงอยู่กับเขาแล้วในตอนนี้
แม้จะไม่มีบทสนนทนาต่อกันแต่รับรู้ได้ในบรรยากาศว่ามันอุ่นในใจ
“ฉันคุยกับลูกได้ไหม”ชานยอลไม่รู้ว่าเขาจะมีเวลาแบบนี้ไปชั่วชีวิต หรือแบคฮยอนจะไล่เขาไปเมื่อไหร่ เขาแค่อยากตักตวงมันเอาไว้ให้มาก
แบคฮยอนอาจไม่รู้ก็ได้ว่าเขากำลังสอนอะไรหลายๆอย่างให้กับชานยอล ซึ่งครั้งนี้แบคฮยอนกำลังทำให้ชานยอลเรียนรู้การอยู่กับความไม่แน่นอนของความสัมพันธ์มันทรมานมากแค่ไหน ไม่รู้ว่าเราควรอยู่หรือว่าจะต้องไป
“เอาสิครับ”แบคฮยอนตอบเพียงเท่านั้นหากดวงตายังมองสายฝนที่กระทบใบไม้และต้นหญ้าด้านนอก แล้วจึงเหลือบมองท้องนูนของตน ยกมือลูบเบาๆราวกับปลุกเด็กหญิงตัวน้อยของเขา
“กูซึลคนดี หนูหลับหรือเปล่าคะ คุณพ่ออยากคุยกับหนูน่ะลูก คนดี”แบคฮยอนพูดเสียงหวานอ่อนโยน ชานยอลเพียงแค่ขยับตัวเองเข้ามาใกล้ แล้วจึงทรุดลงนั่งข้างเตียงไม่ได้ขึ้นมาเสมอแบคฮยอนเพียงแค่พาดตัวเองเอาไว้ให้ใบหน้าใกล้กับหน้าท้องอีกฝ่าย แบคฮยอนมองมันแต่ไม่ได้ผลักไสอะไร
“ฉันขอจับได้ใช่ไหม”คราวนี้แบคฮยอนไม่ตอบกุมมืออีกคนขึ้นวางเบาๆเสียแทน
“กูซึลคะ…”เสียงทุ้มใหญ่กระซิบใกล้กับที่ที่มีลูกตัวน้อยอยู่ตรงนั้น แรงสั่นเบาๆทำให้ชานยอลนึกยิ้มและแบคฮยอนเองก็แปลกใจไม่น้อย
เด็กหญิงที่นอนเร้นกายภายในร่างของเขามักตอบรับสัมผัสชานยอลเสมอเหมือนว่ายืนยันความเป็นสายใจของพ่อกับลูกสาว
“ตื่นแล้วหรอคะ ลูกสาวของพ่อ คนสวยของพ่อหลับสบายไหมคะ นอนมากๆระวังเป็นลูกหมูขี้เซานะคะคนเก่ง”คราวนี้เด็กน้อยขยับตัวแรงขึ้นจนแบคฮยอนแทบสะดุ้ง ไม่รู้ว่าแผลงฤทธิ์อวดคุณพ่อตัวเองหรือกำลังน้อยใจที่คุณว่าเธอว่าขี้เซากันแน่
“โอ๋ๆ คนเก่งไม่ทำแรงๆสิคะเดี๋ยวคุณแม่เจ็บร้องไห้แงๆนะคะ”ชายหนุ่มหยอกล้อเจ้าตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าอันที่จริงเธอจะเข้าใจที่ชายหนุ่มพูดหรือไม่ เพียงแต่คราวนี้ไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบ
“กูซึลอา พ่อไม่ได้ดุหนูนะคะ ไม่งอนนะคะคนเก่ง คนสวยของพ่อ”ชานยอลยกยิ้มอ่อนโดยที่เขาไม่รู้ตัว มือใหญ่ที่อุ่นร้อนทำให้แบคฮยอนไม่อยากจะคิดว่าชายคนนี้คือคนเดียวกับที่เคยทำร้ายเขาเมื่อครั้งก่อน
แรงเบาบางนุ่มนวลที่ลูบไปมาที่หน้าท้องตึงอย่าทะนุถนอมทำให้เขารู้สึกสบาย เสียงเพลงเปียโนที่ครางจากเครื่องเล่นแผ่วเบาที่คลอไปด้วยเสียงฝนตก แต่เสียงที่ชัดเจนคือเสียงทุ้มต่ำที่ดังไม่ขาดสายเสียงที่ชวนลูกตัวน้อยของเขาคุยแม้ลูกจะไม่มีเสียงตอบกลับมาและทำได้เพียงขยับตัวภายใต้ครรภ์ของเขาตอบรับบ้างอย่างบางเบา เสียงของชานยอลกำลังทำให้คุณแม่อย่างเขาง่วงงุน
แบคฮยอนปรือตาหลับลงอย่างเชื่องช้าบอกตัวเองว่า อยากให้เวลาหยุดเพียงเท่านี้ เขากำลังมีความสุขเหลือเกิน ไม่รู้ว่านี่คือความจริงหรือความฝัน หากเป็นฝันก็อยากนอนไปนานๆ หากเป็นความจริงจะยอมไม่หลับไหลอีกเลย
กูซึลอา..หนูเกิดมาทำให้แม่มีความสุขที่สุดเลยค่ะ เจอกันในความฝันนะคะคนดี วันนี้แม่คงไม่จำเป็นต้องเล่านิทานถึงพ่อหนูแล้วสินะ ในเมื่อตอนนี้คุณของพ่อหนูเป็นคนมาเล่าให้หนูฟังด้วยตัวของเขาเอง
***********************************************************************************************
TBC ให้ตัวละครของเราเขามีความสุขกันบ้างนะคะ อยากให้พวกเขาเติบโตไปด้วยกัน จากนี้ไปไม่สัญญาว่าจะสุขแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ เป็นเรื่องที่คนอ่านต้องลุ้นเอาเองนะคะ เอาใจช่วยกามเทพตัวจิ๋วกูซึลน้อยของเราด้วยนะฮับ #แบคพิการ
ความคิดเห็น