ตอนที่ 6 : Chapter 5
Chapter 5
ค่ำคืนของงานแทศกาลดอกไม้ไฟเต็มไปด้วยผู้คนที่สวมใส่ชุดยูกาตะรวมทั้งผมด้วย แสงสีส้มจากหลอดไฟของร้านค้าจำนวนมากดูมีมนต์เสน่ห์ดึงดูดให้พวกเราต้องเดินเข้าไป ผมยืนมองเด็กชายตัวเล็กที่อยู่ในชุดยูกาตะกำลังนั่งช้อนปลาทองในอ่าง ไม้ที่ใช้ช้อนปลานั้นทำจากกระดาษบางๆไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะตักปลาทองในอ่างได้
“อ๊ะ เสียดายจัง...”
มือเล็กยกไม้ช้อนปลาขึ้นมาดู มันเหลือเพียงแค่ด้ามจับส่วนปลายที่ใช้ช้อนปลาดันเป็นรูโหวจนไม่สามารถนำมันมาใช้ได้อีก เด็กชายตัวเล็กมองขันใส่น้ำที่ว่างเปล่าของตัวเองด้วยความเสียดาย ‘ก็เพราะว่าเด็กคนนี้ช้อนไม่ได้สักตัวเลยน่ะสิ’
ผมยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเด็กชายตัวเล็กก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ
“ให้พี่ชายช้อนมันให้มั้ย?”
เด็กชายตัวเล็กหันมามองหน้าผมแล้วพยักหน้าขึ้นลงสองสามที ท่าทางน่ารักของเด็กคนนี้ทำให้ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ผมจ่ายเงินเจ้าของร้านแล้วหยิบไม้ช้อนปลาขึ้นมาถือก่อนจะลงมือช้อนปลาทองที่กำลังแหวกว่ายไปมาอยู่ในอ่าง
“พี่ชายสุดยอดไปเลย!”
ผมยื่นขันที่ใส่ปลาทองจำนวนไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัวให้เจ้าของร้านนำใส่ถุงก่อนจะส่งมอบมันให้เจ้าหนูตัวน้อย
“ขอบคุณฮะคุณพี่ชายใจดี”
เด็กชายยิ้มกว้างแล้วโค้งขอบคุณผมก่อนจะวิ่งจากไปพร้อมถุงใส่ปลาทอง ‘เด็กๆนี่ร่าเริงดีจริงๆ’ พอมองเด็กคนนี้แล้วผมอดที่จะนึกถึงตัวเองตอนเป็นเด็กไม่ได้ ผมน่ะไม่เคยช้อนปลาทองได้สักตัวเลยนะ จนผมเลิกพยายามที่จะช้อนมัน ไม่ว่าไปเที่ยวงานที่ไหนก็ตามผมจะเดินผ่านซุ้มช้อนปลาทองและทำเป็นมองไม่เห็นมัน พอคิดถึงตรงนี้แล้วก็อดขำนิสัยเด็กๆของตัวเองไม่ได้ มันตลกดีว่ามั้ย?
ผมมองร้านขายหน้ากากที่ตั้งอยู่ข้างๆ หน้ากากจิ้งจอกสีขาวแดงดูสะดุดตาผมมากที่สุด ผมเดินไปจ่ายเงินแล้วซื้อมันออกมา พอลองสวมที่หน้าแล้วมันดูเท่ไปเลยใช่มั้ย? เหมือนเป็นพวกนินจาหรือพวกภูตในหนังสือการ์ตูน ผมหัวเราะให้กับความคิดของตัวเอง
‘ในตอนนั้นนายคิดอะไรอยู่กันแน่นะจงออบ’
ฤดูร้อนที่สิบเจ็ดได้ดำเนินมาถึงช่วงเทศกาลดอกไม้ไฟ ผมลื้อตู้เสื้อผ้าหาชุดยูกาตะสีน้ำตาล แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ‘มันน่าจะอยู่ในนี้นี่นา’
“แม่ครับเห็นชุดยูกาตะของผมมั้ย?”
ผมเลื่อนบานประตูโผล่หัวออกไปถามคุณแม่ที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
“อ่อ พอดีแม่เข้าไปทำความสะอาดห้องแล้วเจอมันเข้า ดูเหมือนตรงแขนเสื้อของมันจะขาดนิดหน่อยนะ”
คุณแม่ชูผ้าที่กำลังเย็บอยู่ขึ้นมาให้ผมดู มันเป็นชุดยูกาตะสีน้ำตาลที่ผมกำลังหาอยู่ ผมเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆเธอ มองดูเธอที่กำลังเย็บแขนเสื้อชุดยูกาตะอย่างบรรจง เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและใจดีแต่ถ้าโกรธนั่นก็อีกเรื่องนึง ไม่ว่าจะผมหรือคุณพ่อก็คงไม่มีใครอยากจะทำให้คุณแม่โกรธล่ะนะ
“เสร็จแล้วจ๊ะ”
ผมเอื้อมมือไปรับชุดยูกาตะที่คุณแม่ยื่นให้ รอยเย็บที่แขนนั้นดูประณีตบ่งบอกถึงความตั้งใจของคนทำ
“ขอบคุณนะครับ”
“จะไปเที่ยวงานเหรอเราน่ะ”
“ครับ”
“นัดกับสาวที่ไหนไว้สินะ”
คุณแม่มองผมอย่างจับพิรุธ ผมเอ่ยปฏิเสธข้อกล่าวหานั่นทันที
“ผมนัดกับเพื่อนต่างหากล่ะครับ”
ใช่ผมนัดกับจงออบไว้ว่าวันนี้จะไปดูดอกไม้ไฟด้วยกัน
“ฮ่าๆๆๆ แม่ก็ล้อเล่นไปงั้นแหละ ลูกแม่โตเป็นหนุ่มแล้ว ยังไงก็ขอให้เที่ยวสนุกนะจ๊ะ”
เธอหัวเราะที่เห็นผมทำท่าลุกลี้ลุกลน คุณแม่ดูมีความสุขที่ได้แกล้งผม จากนั้นเธอก็อาสาช่วยเปลี่ยนชุดให้ผม พอลองมองตัวเองในกระจกผมรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินกับชุดนี่ไงก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะว่าผมไม่ค่อยจะได้ใส่มันเท่าไหร่ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าต้องใส่มันไปเจอใครบางคน...
“ลูกแม่ดูดีจัง หล่อเหมือนพ่อของลูกตอนหนุ่มๆเลย”
ผมเปิดประตูออกมานอกบ้าน มือเรียวของผมวางรองเท้าเกี๊ยะลงกับพื้นแล้วใส่มัน รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ ทั้งๆปีที่ผ่านๆมาผมแทบไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นกับงานแบบนี้เลยสักนิด แค่คิดว่าจะได้ดูดอกไม้ไฟกับจงออบทำเอาผมยิ้มไม่หุบเลยล่ะ
รถบัสโดยสารพาผมมาถึงที่หมาย ผมใช้เวลาสักพักเดินจากสถานีที่รถบัสจอดไปยังสถานที่จัดงานบริเวณริมแม่น้ำ ผมยกโทรศัพท์ฝาพับสีน้ำเงินของตัวเองขึ้นมาดูเวลา ‘รู้สึกว่าจะมาถึงก่อนเวลานัดสิบนาที’
ผมยืนรอจงออบอยู่บริเวณทางเข้างานประมาณสามสิบนาทีได้ ร่างโปร่งที่แสนคุ้นเคยในชุดยูกาตะสีน้ำเงินกำลังวิ่งตรงมาทางที่ผมยืนอยู่
“แฮ่กๆ ทะ...โทษที รอนานมั้ย?”
“ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอกงานเพิ่งเริ่มเอง”
สายตาของผมจ้องมองร่างของคนตรงหน้าที่กำลังยืนหอบหายใจอยู่ สีน้ำเงินของเนื้อผ้าตัดกับสีผิวขาวทำให้จงออบดูดีมากเลยทีเดียว
“ฉันใส่ชุดแบบนี้แล้วพอจะดูได้มั้ย?”
จงออบพูดขึ้นแล้วหมุนตัวให้ผมดู
“ดูดีมากเลยล่ะ แต่ดูเหมือนมันจะหลวมไปหน่อยนะ”
เพราะคอเสื้อมันดูกว้างจนเห็นผิวเนื้อที่หน้าอก มันทำให้ใบหน้าของผมรู้สึกร้อนแปลกๆ
“ชุดของคุณพ่อน่ะ นึกว่าจะใส่ได้พอดีซะอีก”
ร่างโปร่งตรงหน้ายิ้มให้ผมก่อนจะคว้ามือลากผมเข้าไปในงาน ภายในงานประดับไปด้วยโคมไฟจำนวนมาก แสงไฟสีส้มจากไฟของร้านค้าเองก็ช่วยเพิ่มสีสันให้กับงาน จงออบมองดูภาพเบื้องหน้าด้วยความตื่นเต้น
“ว้าว ครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้มาเที่ยวงานแบบนี้”
“แหงล่ะ ก็นายเป็นคนเกาหลีนี่”
“นี่ๆ เซโล่อันนั้นน่าเล่นดีอ่ะ”
ผมมองตามนิ้วชี้ของจงออบที่ชี้ไปยังซุ้มช้อนปลาทอง ไม่อยากบอกว่าผมเกลียดไอ้ซุ้มนี้ที่สุด จะว่าไงดีล่ะ? ก็ตอนเด็กๆผมไม่เคยช้อนมันได้เลยนี่นา เล่นยากจะตายไป
“ไปเล่นอย่างอื่นดีกว่า”
“ไม่เอาจะเล่นอันนี้”
จงออบลากให้ผมเข้ามานั่งมองปลาทองในซุ้มด้วย ผมนั่งมองจงออบที่ช้อนปลาทองเกือบหมดอ่างด้วยความรู้สึกที่เหลือเชื่อ
“ผมไม่เอามันไปหรอกครับ”
มือเรียวเทขันปล่อยปลาทองลงอ่างตามเดิม ด้วยเหตุผลที่ว่าบ้านของตัวเองมีปลาทองเยอะแล้ว และเกรงว่าคนอื่นจะไม่ได้ช้อนมัน
“นายทำมันได้ไงน่ะ”
“จะว่าไงดีล่ะ ต้องมือเบาๆล่ะมั้ง”
ตอนนั้นผมคิดว่ามือของจงออบต้องเบามากๆแน่ ไม่งั้นช้อนปลาทองเกือบหมดอ่างแบบนี้ไม่ได้หรอก
“เท่ป่ะเซโล่?”
ผมมองจงออบที่ซื้อหน้ากากจิ้งจอกสีขาวแดงมาเล่น ผมไม่ค่อยชอบซื้อของพวกนี้เท่าไหร่เพราะมันทำให้ดูเหมือนเด็กยังไงก็ไม่รู้ แต่มันก็ดูดีเมื่ออยู่บนหน้าของจงออบล่ะนะ
“คิดว่าตัวเองเป็นนารุโตะรึไง”
“เป็นคาคาชิต่างหาก”
“กินแตงกวาดองมั้ย?”
ผมยื่นแตงกวาดองเสียบไม้ที่ซื้อมาในราคาสองร้อยเยนให้จงออบ มันถูกทาด้วยมิโสะและโรยด้วยเกลือเล็กน้อย รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว
ฟิ้ววว ปั้ง!
ดอกไม้ไฟหลากหลายสีได้ถูกจุดขึ้น ผมกับจงออบรีบวิ่งแหวกผู้คนจำนวนมากไปที่ริมแม่น้ำ ยามที่ผิวน้ำสะท้อนแสงจากดอกไม้ไฟมันดูสวยสุดๆ
“สุดยอด”
“นี่แหละดอกไม้ไฟของญี่ปุ่น”
ฟิ้ววว ปั้ง!
ท้องฟ้าอันมืดมิดถูกแต่งแต้มด้วยสีสันจากดอกไม้ไฟมันดูงดงามมากเลยทีเดียว ช่างทำดอกไม้ไฟของที่นี่ต่างต้องการที่จะแสดงฝีมือของตัวเองให้เหล่าผู้คนจำนวนมากได้ชื่นชมมันในค่ำคืนนี้
' สำหรับผมแล้วแววตาของจงออบที่สะท้อนแสงของดอกไม้ไฟช่างดูน่าหลงใหลไม่ต่างจากผิวน้ำหรือบนท้องฟ้า'
ดอกไม้ไฟลูกสุดท้ายถูกจุดขึ้นมันแตกกระจายและหายไปเพียงชั่วพริบตา ผู้คนต่างมองมันด้วยความเสียดาย การแสดงดอกไม้ไฟในค่ำคืนนี้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้คนต่างแยกย้ายกันไป พวกเราเองก็เดินเลาะริมแม่น้ำเล่นกันไปเรื่อยๆ
จงออบยกหน้ากากจิ้งจอกขึ้นมาสวม ผมเดินตามแผ่นหลังเล็กของคนตรงหน้า ผิวน้ำยามค่ำคืนสะท้อนแสงของดวงจันทร์ให้ได้เห็น พวกเราสองคนเดินกันไปเรื่อยๆ จงออบเดินนำหน้าส่วนผมเดินตามหลัง สายตาของผมนั้นไม่อาจละไปจากแผ่นหลังของคนตรงหน้าได้จริงๆ
“ฉันไม่อาจลืมเวลาที่ได้อยู่กับเธอเมื่อฤดูร้อนครั้งสุดท้าย
ความฝันที่วาดไว้ในอนาคต ความหวังที่ยิ่งใหญ่ของเรา
ฉันเชื่อว่าในเดือนสิงหา อีก 10 ปีข้างหน้านับจากนี้
เราจะได้เจอกันอีกแน่นอน
ความทรงจำอันแสนล้ำค่าของฉัน~”
เสียงทุ้มนุ่มเปล่งออกมาเป็นเสียงเพลงอันไพเราะ ทำนองของเพลงดูเศร้าสร้อยและเหงาจับใจ ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าจงออบร้องเพลงได้ไพเราะขนาดนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพลงจบของอนิเมะที่พวกเราเคยดูกันก็เถอะ
“รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านไปไม่นานที่เรานั้นพบกัน
ที่สี่แยกระหว่างทางกลับบ้าน
เธอส่งเสียงเรียกฉันว่า ‘กลับบ้านด้วยกันเถอะ’
ฉันเขินอายเหลือเกิน จนต้องซ่อนใบหน้าตัวเองหลังกระเป๋านักเรียน
แต่จริงๆแล้วฉันมีความสุขที่สุด ~”
ผมร้องต่อท่อนของจงออบ เสียงที่ดูเพี้ยนๆทำให้คนตรงหน้าหัวเราะขึ้น ผมเกาหัวตัวเองแก้เขิน ทำไงได้ล่ะผมเองก็ไม่ค่อยจะได้ร้องเพลงให้ใครฟังสักเท่าไหร่
“เซโล่นี่ก็ร้องเพลงใช้ได้เหมือนกันนะ ฮ่าๆ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ!”
“อา... ดอกไม้ไฟที่เปล่งประกายบนท้องฟ้าช่างสวยงามจับใจ
แม้มันจะแฝงไปด้วยความเศร้า
อา... ตอนนี้สายลมได้พัดผ่านไปแล้ว~
มันช่างมีความสุขและสนุกสนานมากเลยนะ
เราได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามากมาย
ณ ที่แห่งความลับของเราสองคน~”
“.....”
“นี่เซโล่”
“.....”
“ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่หน้าร้อน เราจะยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมใช่มั้ย...”
ผมไม่เข้าใจว่าตอนนั้นจงออบกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมไม่ลังเลที่จะตอบคำถามนั้นเลย
“แน่นอน”
ฟิ้ววว ปั้ง!
ผมยืนมองดอกไม้ไฟหลากสีที่แต่งแต้มท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ แตงกวาดองยังรสชาติเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผิวน้ำที่สะท้อนแสงของดอกไม้ไฟก็ยังคงสวยงาม
เมื่อสิ้นสุดการแสดงดอกไม้ไฟผมก็เดินเลาะริมแม่น้ำเล่นไปเรื่อยๆ แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาบนผิวน้ำยังคงดูเหมือนวันนั้น
‘วันที่ผมเดินตามแผ่นหลังของจงออบ’
ผมยกหน้ากากจิ้งจอกที่ห้อยอยู่ที่คอขึ้นมาสวม ที่นี่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม จะต่างจากวันนั้นก็ตรงที่ข้างหน้าผมมีเพียง ‘ความว่างเปล่า’
“ฉันไม่อาจลืมเวลาที่ได้อยู่กับเธอเมื่อฤดูร้อนครั้งสุดท้าย
ความฝันที่วาดไว้ในอนาคต ความหวังที่ยิ่งใหญ่ของเรา
ฉันรู้ว่างานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา
เธอตะโกนจากหัวใจว่า ‘ขอบคุณนะ’
ถึงตอนสุดท้ายที่เราต้องแยกจากกัน
ฉันต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วบอกลาด้วยรอยยิ้ม
มันช่างเศร้าเหลือเกิน
ความทรงจำอันแสนล้ำค่าของฉัน…”
จบไปอีกหนึ่งตอนค่ะ ฮืออออ
เพลง secret base ลองกดเข้าไปฟังกันดูค่ะ เผื่อได้ฟีลของเซโล่ อิอิ
ลงไว้ก่อนไปต่างจังหวัดค่ะ แหะๆ^^;;
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยค่ะ เราใช้อากู๋ช่วยหาข้อมูล.__.
สุดท้ายแม้จะมีคนอ่านเพียงน้อยนิดเราก็จะเขียนเรื่องนี้ต่อไป สนองนี้ดตัวเอง55555
เยิ้บๆคนที่หลงเข้ามาอ่านค่ะ
#ซากุระโล่ออบ @Bangxx2
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่ไม่เป็นไร ในความเศร้ายังมีอะไรที่น่าสนใจนั่นก็คือนมน้องมุน! เอ้ย ชุดยูกาตะ(หลวม ๆ)ของน้องมุน วรั้ยยยย แค่คิดภาพก็ใจสั่น ไหน ๆ เอามาให้แม่ดูหน่อยว่าหลวมจริงเปล่า เดี๋ยวแม่ผูกให้ใหม่... -.,-
ตอนนี้น้องมุนน่ารักม๊วกกกกกกกก น่ารักที่สุดในสามโลก อยากจะจับมาฟัดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เด็กน้อยสุด แงงงงงงงงงงงงง /กรีดร้องให้กับความตั้ลลัค
เหมือนตัวจริงของจงออบเลย แบบว่าน้องมีอะไรให้ประหลาดใจเสมอ
รักจงออบมาก//ได้ข่าวว่าไม่เกี่ยวกะฟิค ฮ่าๆๆๆๆๆ
ว่าแต่ ออบจะฟื้นตอนไหนเนี่ย? มาบอกให้พี่รอคอยหน่อยจิ
คือ อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าน้องจะฟื้นตอนไหนอ่า ไม่อยากหวังลมๆแล้งๆ
แต่ถ้าน้องตาย ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพี่ให้หงส์ขาวฮิมชานไปช่วยชุบชีวิตให้/แบบนี้ก็ได้นะ ฮ่าๆๆๆๆ