[OS] It's Cold,You Know ? [Hiroomi x Akihito]
ผู้เข้าชมรวม
1,248
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Title : [OS] It’s Cold , You Know ?
Pairing : Hiroomi x Akihito [Kyoukai no Kanata]
Rate : PG
Genre : Comedy
Writer : SaNooKiiZ
เบื่อ...ในหัวตอนนี้มีแต่คำๆ นี้เท่านั้น วิชาที่เรียนนี่มันน่าเบื่อสุดๆ บอกตรงๆ ว่าผมแทบจะหลับตั้งแต่ได้ยินเสียงลากสลิปเปอร์ของอาจารย์แล้วด้วยซ้ำ อ่า...น่าเบื่อจริงๆ ในเวลาแบบนี้ควรจะทำอะไรดีนะ ?
และในชั่วขณะนั้น ผมก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ อะไรบางอย่างที่สัมผัสนุ่มมือ และอุ่นยิ่งกว่าการเอามือไปอังในไมโครเวฟ (?)
ใช่แล้ว เอวของอัคกี้ยังไงล่ะ !
แค่นึกถึงสัมผัสนุ่มๆ หยุ่นๆ นั่นก็แทบจะทำให้ผมนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว ไม่ได้การ ต้องไปตามหาอัคกี้เดี๋ยวนี้เลย !
“ขอโทษครับ ผมมีธุระด่วน !” ผมยกมือขึ้นบอกกับอาจารย์ที่เพิ่งจะเข้ามาสอนได้ไม่ถึงสิบนาทีพร้อมกับพุ่งออกจากห้องไปอย่างรีบร้อนโดยไม่รอฟังคำอนุญาตของอาจารย์ เพราะจริงๆ ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าอาจารย์แกคงจะพูดตามหลังผมว่า...
“เฮ้ย ธุระอีกแล้วเรอะ นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วฮะ นาเสะ !” นั่นไงล่ะ พูดยังไม่ทันขาดคำ แต่เอาเถอะ ถ้าได้จับเอวอัคกี้ ถึงจะแค่เสี้ยววินาทีก็เถอะ โดนแค่นี้มันก็คุ้มค่าล่ะนะ
เอาล่ะ สำหรับที่ๆ อัคกี้น่าจะอยู่ก็มี ห้องชมรม แต่นี่มันเวลาเรียน คิดว่าคงไม่น่าใช่ ดาดฟ้ากับโรงอาหารนี่ตัดไปได้เลย งั้นตัวเลือกก็เหลือแค่ห้องเรียนสินะ อ่า แต่จะให้ไปหาถึงห้องเรียนเพื่อขอจับเอวเนี่ยมันก็...นะ
แต่เดี๋ยวก่อน จะว่าไป ยังมีอีกที่นึงนี่ ที่ๆ อัคกี้น่าจะอยู่...
ผมยิ้มให้กับความฉลาดหลักแหลม (ในเรื่องไร้สาระ) ของตัวเอง ก่อนจะคลายผ้าพันคอออกนิดหน่อยเพื่อลดความอึดอัดที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อผมไปถึงที่นั่น ก็นะ มันก็ไม่ใช่ที่ดีๆ นักหรอก ตรงกันข้ามเลยล่ะ
ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ผมก็มาถึงสถานที่ที่ว่า กลิ่นอันไม่น่าพิสมัยที่เป็นเอกลักษณ์เป็นตัวบอกได้อย่างดีว่าที่นี่คือ “ห้องน้ำชาย” ระเบียงทางเดินนั้นร้างผู้คน แต่ประตูตรงหน้านั้นมีเสียงที่บ่งบอกว่ามีคนกำลังใช้งานอยู่ภายใน ก็ขอให้ผมเดาถูกแล้วกันนะ
ผมกลั้นใจเปิดประตูเข้าไป พร้อมกับสอดส่ายสายตาไปรอบๆ แล้วก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างๆ หนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตาล้างมืออย่างเอาเป็นเอาตายจนผมนึกกลัวว่ามือของเขาจะเปื่อยยุ่ยคาอ่างไป ดูท่าทางว่าอีกฝ่ายจะเก็บเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาคิดให้รกสมองอีกแล้วล่ะมั้ง อัคกี้เนี่ย เป็นแบบนี้เสมอเลยน้า...
ผมค่อยๆ เดินเข้าไปด้านหลังของอีกฝ่าย หยุดยืนในตำแหน่งที่เหมาะสม พร้อมทั้งยื่นมือออกไปสัมผัสเอวนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายได้สำเร็จ
อ่า...นี่มัน สุดยอดจริงๆ ให้ตายสิ สัมผัสแบบนี้ ความอุ่นแบบนี้มันหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ผมนี่ช่างเป็นคนที่โชคดีอะไรอย่างนี้นะ แย่ล่ะ พอได้สัมผัสแบบนี้แล้วก็รู้สึกอยากจะใช้ฝ่ามือนี้ขยำให้เต็มแรง อยากจะสัมผัสความอุ่นมากกว่านี้อีก !
หา ? คิโม่ย ?? ไม่นะ พูดเรื่องอะไรกัน ผมไม่ใช่คนแบบนั้นซักหน่อย ที่สำคัญ พูดแบบนั้นหยาบคายนะครับ
หลังจากที่จับจนพอใจ อีกฝ่ายก็ยังไม่มีท่าทีตกใจอะไร ก็แน่ล่ะ คนที่ทำแบบนี้น่ะมีแต่ผมคนเดียวนี่ ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองสบตากับอัคกี้ที่ก็จ้องผมกลับเช่นกันจากเงาในกระจกตรงหน้า แต่สิ่งที่สายตาสื่อออกมานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง...
“เฮ้ย ทำอะไรเนี่ย ฮิโรโอมิ” เสียงไม่สบอารมณ์สุดๆ เลยนะเนี่ย แต่อัคกี้เวลาโกรธน่ะน่ารักสุดๆ เลยล่ะ เวลาโวยวายก็น่ารัก คนแบบอัคกี้คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ก็บอกแล้วไงว่าผมน่ะ โชคดีสุดๆ
“เอ๋ ก็จับเอวอัคกี้ไง เอวอัคกี้เนี่ยถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์เลยนะ ทั้งอุ่นทั้งนุ่มนิ่ม ทั้งที่ดูยังไงก็เป็นแค่เด็กผอมแห้งแท้ๆ แต่เอวกลับนิ่มอย่างไม่น่าเชื่อ พอได้จับทีนึงก็ติดใจเลยล่ะ ยิ่งอากาศเย็นๆ แบบนี้ ช่วยทำให้มืออุ่นสุดๆ เลยนะ”
“หา ? ถ้าหนาวมือนักล่ะก็ ทำไมไม่เอามือล้วงกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงเล่า มายุ่งอะไรกับเอวฉันเนี่ย น่าขนลุกชะมัด” พูดพลางทำท่าขยะแขยงอย่างน่ารัก (?) เจ้าตัวใช้แขนถูๆ ส่วนที่ผมเพิ่งจับไปเมื่อครู่อย่างเอาเป็นเอาตายจนผมหลุดขำ
“ถ้าเอามือล้วงกระเป๋าตัวเองแล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไรกันล่ะ อย่างน้อยก็ต้องล้วงกระเป๋ากางเกงอัคกี้นะ เพราะอัคกี้น่ะตัวอุ่นแถมบริสุทธิ์ผุดผ่อง”
“พอเลย นายนี่มันสุดยอดในหลายๆ ความหมายจริงๆ ฉันไปล่ะ มาทำอะไรแบบนี้ในห้องน้ำนี่มันทุเรศสิ้นดี แค่กลิ่นก็ไม่เหมาะแล้วเฟ้ย !” ตะโกนออกมาจนเสียงก้องห้องน้ำก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกไปเหมือนเคย ผมเองก็เคยสงสัยนะว่าทำแบบนี้บ่อยๆ เนี่ยเป็นเด็กโกงอายุมาเรียนม.ปลายรึเปล่า แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ ขืนพูดออกไปสิ ผมคงได้ลงไปนอนกับพื้นจมกองเลือดกำเดาเพราะโดนตั๊นหน้าแน่ๆ
ผมเดินอมยิ้มออกมาจากห้องน้ำราวกับไปเจอแบงค์หมื่นเย็นตกอยู่ในโถส้วม (อย่างน้อยคนที่เดินสวนกับผมเมื่อกี้คงคิดแบบนั้น) ใครไม่เป็นผมคงไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนี้แน่ๆ ก็อากาศแบบนี้น่ะ ก็ต้องเอามือไปซุกกับของอุ่นๆ สิครับ แล้วเอวของอัคกี้นี่แหละที่อุ่นที่สุดตั้งแต่เคยเจอมา แต่ว่า เอวอัคกี้น่ะ เป็นของผมคนเดียวนะ ไม่ยกให้ใครทั้งนั้นไม่ว่าจะชายหรือหญิง ! อัคกี้สุดยอด ! เอวอัคกี้สุดยอดคูณสอง !
อ่ะ...แย่ล่ะสิ เผลอแสดงท่าทางมากไปหน่อย แต่ผมไม่ใช่คนแปลกๆ หรือน่าสงสัยอะไรหรอกนะครับ เชื่อผมสิ
วันพรุ่งนี้ อากาศจะหนาวอีกมั้ยนะ ? แล้วผม จะหาข้ออ้างตอนจับเอวอักกี้ยังไงดีนะ ? เฮ้อ อยากให้พรุ่งนี้มาถึงเร็วๆ จังน้า ~
เบื่อ...วันนี้มันน่าเบื่อจริงๆ เหมือนกับว่าความรู้สึกแบบนี้มันวนลูปกลับมาเหมือนเมื่อวาน เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างออกไป เพราะวันนี้ตัวผมกำลังปั้นหน้ายิ้มใส่เพื่อนร่วมห้องสาวพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเธอที่มาล้อมโต๊ะของผมพร้อมกับส่งเสียงแหลมน่ารำคาญที่ผมพอจับใจความได้ว่าอยากจะชวนไปคาราโอเกะที่เพิ่งเปิดใหม่หลังเลิกเรียน
เหอะ เสียงถอนหายใจของมิสึกิยังเพราะกว่าเสียงพวกเธอตั้งเยอะ
“อ่า โทษทีนะ วันนี้ฉันมีธุระเรื่องน้องสาวน่ะ เธอก็เห็นว่าน้องสาวของฉันน่ะน่ารักขนาดไหน เพราะงั้นก็เลยต้องไปให้ได้ไงล่ะ” อืม เหมือนผมจะพูดอะไรแปลกๆ ออกไปนะ แต่ช่างเถอะ แค่สลัดยัยพวกนี้ให้หลุดก็พอแล้ว
“เอ๋ ธุระอีกแล้วเหรอ นาเสะคุงเนี่ยธุระเยอะจริงๆ เลยน้า ว่าแต่ ธุระเรื่องน้องสาวเนี่ยมันอะไรเหรอ หรือว่านาเสะคุงเป็นซิสค่อน ?!” พอเธอพูดจบพวกเพื่อนๆ ของเธอก็หัวเราะคิกคักดูท่าทางสนุกสนาน แต่ผมเนี่ยสิ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรในหัวมันขาดดัง ‘ปึ่ด’
ฉันไม่ใช่ซิสค่อนนะเฟ้ย ฉันน่ะก็แค่รักน้องสาวแล้วแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้นแหละ ที่สำคัญ คนที่เรียกฉันว่าไอ้ซิสค่อนหรือไอ้โรคจิตได้มีแค่อัคกี้กับมิสึกิเท่านั้น !
แน่นอนว่าผมก็แค่คิดในใจเท่านั้นแหละ เพราะในความจริง ผมแค่ยิ้มให้พวกเธอแบบสุภาพและเก็บอารมณ์สุดๆ แล้วเดินเลี่ยงออกมาจากห้อง เฮ้อ ในที่สุดก็หลุดจากสถานการณ์น่าอัดอึดนี่ซักที พวกผู้หญิงนี่น่าเหนื่อยใจชะมัดเลย อ๊ะ แต่ยกเว้นมิสึกิไว้คนนึงนะ.
ผมเดินขึ้นมาถึงดาดฟ้าแล้วตรงไปที่มุมประจำของตัวเองก่อนจะเริ่มผ่อนคลายด้วยการนอนแบบทุกครั้ง แต่จริงๆ ก็ได้แค่นอนพักสายตานั่นแหละนะ เพราะพอช่วงที่กำลังเคลิ้มๆ ก็จะ...
“เฮ้ย ฮิโรโอมิ ตื่นเลยนะ !”
อย่างที่คิดเลย เป็นแบบนี้ทุกครั้ง เพราะอัคกี้รู้ที่ๆ ผมจะไปทั้งหมดเหมือนเป็นสตอกเกอร์เลยล่ะ แต่อย่าไปพูดให้ได้ยินล่ะ เดี๋ยวฝ่ายนั้นเค้าจะโกรธเอา
ผมค่อยๆ ลุกขึ้นมาด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนเคย ซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิดกับท่าทีของผม แต่ผมก็ชอบนะ ก็อัคกี้เวลาหงุดหงิดโวยวายน่ะ น่ารักจะตาย...
“มีอะไรเหรออัคกี้ เสียงดังแบบนี้มันเสียมารยาทกับคนกำลังนอนนะ” ผมยิ้มบางๆ ให้คนตรงหน้าที่กำลังคิ้วขมวดด้วยความหงุดหงิด อ่า อยากจะใช้นิ้วโป้งคลึงหว่างคิ้วนั้นจริงๆ เลย
“นายน่ะ ลืมกางเขตแดนอีกแล้วใช่มั้ย นี่จงใจรึเปล่าฟะ แบบนี้มันจะลืมบ่อยเกินไปแล้ว !”
“ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของฉัน ที่สำคัญ ถึงจะลืมแต่ก็มีหน่วยเก็บกวาดมาจัดการอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย อัคกี้น่ะเลิกกังวลเรื่องหยุมหยิมได้แล้ว เดี๋ยวแก่เร็วนะ” พูดแหย่อีกฝ่ายไป และก็ดูเหมือนจะได้ผลดีซะด้วยสิ
“ฉันจะแก่ยังไงมันก็เรื่องของฉันเฟ้ย ว่าแต่นายน่ะ เรียกอัคกี้ๆ อยู่ได้ ถึงจะแค่เรียกให้สั้นลงแต่ทำแบบนี้ชื่อฉันกำลังโดนดูถูกเหยียดหยามอย่างร้ายกาจอยู่นะ !”
“งั้นอัคกี้เองก็เรียกฉันว่า ‘ฮิโระคุง’ บ้างสิ จะได้หายกันไง แบบนี้แฟร์ๆ ดีจะตาย” ผมลองยื่นข้อเสนอไป ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่าต้องเป็น ‘ไม่ !!!’ แน่นอน 100 %
อีกฝ่ายนิ่งไปเหมือนกำลังคิดหนัก เป็นปฏิกิริยาตอบรับที่น่าสนใจดีอยู่หรอก แต่ตอนนี้มือผมมันเย็นอีกแล้ว...ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
“อ่ะ นั่นมัน คุริยามะ มิไร ไม่ใช่เหรอน่ะ ?” ผมชี้มือชี้ไม้ไปมั่วซั่ว แต่อีกฝ่ายก็เชื่อซะด้วยสิ ซื่อจริงๆ เลยให้ตาย
พออัคกี้หันไปให้ความสนใจกับทิศที่ผมชี้ ผมก็เริ่มปฏิบัติการตามสเต็ปเดิม เดินเข้าไปข้างหลัง แล้วสอดมือเข้าไปที่เอวของอีกฝ่าย ทันทีที่สัมผัส ความอบอุ่นที่คุ้นเคยก็แผ่ซ่านมาที่มือของผม อ่า ความรู้สึกนี้มัน...
“ไม่เห็นจะมี – เฮ้ย ทำอะไรเนี่ย !” อีกฝ่ายโวยวายออกมาอย่างน่าพึงพอใจ ผมเองก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเช่นกัน ก็แหม เวลาโดนอัคกี้โวยวายใส่เนี่ย มีความสุขจริงๆ นะ แต่ผมก็ไม่ได้เป็นเอ็มหรอกนะครับ อย่าเข้าใจผิดกันล่ะ...
ผมโดนผลักออกมาเหมือนทุกครั้งและอัคกี้ก็ใช้แขนถูๆ บริเวณที่โดนผมสัมผัสแบบทุกครั้งเช่นกัน ท่าทางน่ารักๆ แบบนั้นน่ะ พอเถอะนะอัคกี้ ~
“อัคกี้เนี่ย ชอบถามทุกครั้งเวลาที่โดนฉันจับเอวเลยนะ ชินได้แล้วน่า ก็บอกแล้วไงว่าฉันแค่มือเย็นเวลาอากาศหนาวน่ะ พอมือเย็นฉันก็อยากจะซุกกับอะไรอุ่นๆ บ้างแค่นั้นเอง”
“ฉันว่าฉันก็บอกไปแล้วเหมือนกันว่าให้ซุกกับกระเป๋าเสื้อ ไม่ก็กระเป๋ากางเกงแทนน่ะ ทำแบบนี้มันน่าลำบากใจสุดๆ เลยนะ !”
“งั้นอัคกี้ก็สละกระเป๋าเสื้อกับกระเป๋ากางเกงให้ฉันสิ ถ้าแบบนั้นล่ะก็ ฉันจะเลิกเอามือมาซุกเอวอัคกี้ไปตลอดชีวิตเลยนะ”
“ฝันเถอะ ! แล้วก็เลิกเรียกว่าอัคกี้ด้วย นายกำลังดูถูกชื่อสุดแสนไพเราะและมีเกียรติของฉันอยู่นะ”
“ก็ได้ๆ งั้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน นายเองก็เรียกฉันว่า ฮิ-โระ-คุง ซะ แต่ถ้าไม่ ฉันจะเรียกนายว่า อัค-กี้-จัง โอเคมั้ย ?”
“หา ? แบบนั้นฉันก็เสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่องเลยไม่ใช่เหรอน่ะ” อัคกี้พยายามจะต่อรอง แต่คิดเหรอว่าผมจะยอมอ่อนให้
“งั้นฉันเปลี่ยนใจแล้ว ต่อไปฉันจะเรียกนายว่า อัค-กี้-จัง เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เอาล่ะ อัค—“ ก่อนที่ผมจะพูดจนจบ อีกฝ่ายก็เอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน ทำไมกันล่ะ ทั้งที่ชื่อแบบนี้มันน่ารักกว่าแท้ๆ เลยนะ
“โอเคๆ ยอมแล้วๆ เรียกก็ได้ !”
“เห ? จริงเหรอ งั้นเอาเลยสิ เอ้า เอาเลย ฮิ-โระ-คุง” ผมเน้นทีละคำเพื่อกวนโมโหอีกฝ่ายเล่นๆ แต่เจ้าตัวดูจะเขินปนหงุดหงิดแฮะ น...น่ารัก
“ฮ...ฮิโระคุง..”
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พูดออกมาแล้ว พูดออกมาแล้วล่ะ ถึงเสียงจะเบาไปหน่อยแต่ก็พูดออกมาแล้ว อีกรอบ ขออีกรอบได้มั้ยนะ ?!
“หืม อะไรนะ เมื่อกี้นายพูดเบาน่ะ ไม่ค่อยได้ยินเลย พูดอีกทีสิ คราวนี้จะตั้งใจฟังอย่างดีเลย เอ้า”
“ฮ..ฮิโระคุง” คราวนี้เสียงดังกว่าเดิม แถมอัคกี้ยังเขินกว่าเดิมด้วย ให้ตาย นี่ถ้าถ่ายรูปเก็บไว้ได้ล่ะก็ ผมทำไปแล้ว !
“ดีมาก ต่อไปนี้ก็เรียกฉันว่าฮิโระคุงตลอดไปเลยนะอัคกี้”
“แต่ฉันว่าแบบนี้มัน....เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้เรียกฉันว่าอัคกี้สินะ เฮ้ย !” อ๋า โวยวายอีกแล้ว เป็นคนอารมณ์แปรปรวนซะจริง
“แล้วฉันบอกตอนไหนว่าจะเลิกเรียกว่าอัคกี้ล่ะ แค่บอกว่า ถ้าไม่เรียกฉันว่าฮิโระคุง ฉันจะเรียกนายว่า อัค-กี้-จัง แค่นั้นเอง ไม่มีคำไหนเลยนะที่บอกว่าจะเลิกเรียกน่ะ แต่ถ้าอัคกี้โกรธล่ะก็ ฉันยอมให้จับเอวฉันคืนเป็นการไถ่โทษก็ได้นะ เอ้า มาสิ” ผมผายมือให้อัคกี้อย่างเต็มใจ แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าทางขนลุกขนชันเต็มที่ ทำไมล่ะ ผมทำอะไรผิด ?
“อยู่กับนายแล้วมีแต่บั่นทอนปัญญาสุดๆ เลย ฉันไปห้องชมรมก่อนล่ะ นายน่ะ นานๆ ทีก็มาเข้าห้องชมรมบ้างนะ ไหนๆ ก็เป็นรุ่นพี่ หัดทำตัวอย่างที่ดีให้รุ่นน้องได้เห็นหน่อยเป็นไง ?”
“ถ้ามีอารมณ์อยากเข้าล่ะก็นะ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มให้ อัคกี้นิ่งไปนิดหน่อยก่อนจะหันหลังเตรียมลงบันได แต่ก็หยุดกะทันหันก่อนจะพูดอะไรงึมงำในลำคอได้ยินไม่ค่อยชัดจนผมต้องเดินไปเงี่ยหูฟังใกล้ๆ
“...น่ะ จะพยายาม...ชิน”
“หืม อะไรนะ นายพูดในลำคอแบบนี้ฉันจะไปฟังรู้เรื่องได้ยังไง” อัคกี้ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเก่า (แค่นิดเดียว) แต่ก็ยังไม่หันมามองผมอยู่ดี
“ฉันบอกว่า เรื่องจับเอวน่ะ จะพยายามชิน” พอพูดจบอีกฝ่ายก็วิ่งลงบันไดไปปล่อยให้ผมยืนยิ้มเป็นคนบ้าอยู่อย่างนั้น ให้ตาย...อัคกี้เนี่ยจะน่ารักไปถึงไหนกัน...
รู้อะไรมั้ย อัคกี้ ที่นายพูดเมื่อกี้น่ะ มันทำให้มือฉันเย็นอีกแล้วนะ...
อ่า สงสัยว่า ผมคงต้องไปที่ “ห้องชมรม” ซะแล้วล่ะ
End.
Talk.
ทุกคนยืนขึ้น ชี้นิ้วไปทางพี่ฮิโระพร้อมกล่าวตามข้าพเจ้าสามครั้งว่า “ โม่ยจริงๆ โม่ยจริงๆ โม่ยจริงๆ ”
มันมาแล้วววววว อนิเมออกมาได้ 3 ตอนอินี่เอาแล้วววว 55555555 แบบว่า ฟีลมันมาค่ะ ชอบเวลาพี่ฮิโระจับเอวอัคกี้ ที่สำคัญ อยากแต่งฟิคพี่ฮิโระโม่ยค่ะ เพราะพี่แกออกลายมาก ถ้าแต่งออกมาโม่ยไม่สุดก็แย่เลยสิคะ ถถถถถถถถถถ
ก็หวังว่าทุกคนจะชอบฟิคเรื่องนี้นะคะ เป็นฟิคที่พยายามตลก (?) และพี่ฮิโระโม่ยแบบไม่ต้องพยายาม (??) แต่เราก็ซ่อนความหวานมุ้งมิ้งไว้ในฟิคอย่างแนบเนียน....เนียนมากจนหาไม่เจอ orz
ยังไงก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ ไว้มีฟีลแบบนี้อีกก็คงจะมีเรื่องอื่นตามมาแน่นอน ถึงตอนนั้นก็หลงเข้ามาอ่านกันให้ได้นะคะ ย่ะห์ ! *เต๊ะท่าแว่น*
ผลงานอื่นๆ ของ SaNooKiiZ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ SaNooKiiZ
ความคิดเห็น