ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fate/Grand Order] วันๆ ณ คาลเดียกับยูมิ [END]

    ลำดับตอนที่ #20 : ช็อปปิ้งทั้งทีมีแต่ความวุ่นวาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 329
      17
      15 ก.ย. 63

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     

    ช็อปปิ้งทั้งทีมีแต่ความวุ่นวาย

    ----------------------------------------------------

    หลายวันต่อมา

    หลังจากที่พาเหล่าเซอแวนท์ทั้งหกเข้าลุยชาเล้นจ์ในอีเว้นท์กุดะกุดะภาค 3 ช่วงเช้าเรียบร้อย ความรู้สึกโล่งใจก็ได้เพิ่มพูนอย่างเต็มเปี่ยม ถึงแม้จะไม่เท่าตอนลุยชาเล้นจ์ในภาคสองที่แก๊งค์หมา(แลงสาบ)ไม่ถูกโจมตีเลยก็เถอะ ซึ่งครั้งนี้ฉันจัดทีมเป็นคูจังนำหน้าก่อนที่จะตามหลังด้วยนักบุญจอร์จ, เมอลิน(ชาวบ้าน), เชอร์ล็อก โฮล์มส, โอคาดะ อิโซ และซากาโมโต้ เรียวมะ เซอแวนท์คลาสไรเดอร์ตัวแจกประจำอีเว้นท์

    บางทีก็อยากจะถามจากใจจริงเหมือนกันว่าทำไมเหล่าตัวแจกส่วนใหญ่ต้องเป็นคลาสนี้ด้วย เท่าที่ดูมานี่ไม่มีคลาสไหนเยอะไปกว่าไรเดอร์เลยนะ

    เอ...หรือเพราะฉันมาช้าเกินจนไม่ได้เข้าร่วมอีเว้นท์เก่าๆ ทำให้รู้ข้อมูลไม่มากกันหว่า

    ส่วนเรื่องบอสประจำด่านดันกลายเป็นโอดะ โนบุนากะสี่คลาสเฉย (อาเชอร์-แอสซาซิน-ไรเดอร์-แคสเตอร์) ตอนแรกคิดว่าจะเป็นโอกิตะ โซวจิ อัลเตอร์ เลยล่อจัดทีมหมาสี่ช่า เมอลินและมาชูล่วงหน้าอย่างเต็มที่เลย เหตุผลมันสืบเนื่องจากอีเว้นท์ไต่ปราสาท 100 ชั้นนี่แหละ เพราะคราวก่อนโทโมเอะ โกเซนอยู่ฝั่งเดียวกันแล้วค่อยอยู่ฝั่งศัตรูในด่านชาเล้นจ์ภายหลัง

    คือแบบ...พอเจองี้ปุ๊บถึงกับต้องรีบสลับทีมทันทีทันใด

    ในระหว่างนั้นเอง เซอแวนท์หนุ่มคนหนึ่งอันน่าคุ้นเคยเดินสวนทางมาแล้วหยุดอยู่คุยกับพวกฉันทั้งห้าคนก่อน

    เหนื่อยหน่อยนะครับสำหรับศึกครั้งนี้ เขายิ้มกว้างให้เหมือนทุกทีที่เคยทำหลังได้ฟาร์มไอเทมหรือลุยศึกใดๆ จบ

    เอ่อ...ค่ะ แต่ก็ขอขอบพระคุณเรื่องการล่อเป้าสละชีพเพื่อลงคำสาปใส่ศัตรูด้วยละกันนะคะ ฉันโน้มตัวขอบคุณอีกฝ่ายด้วยความสุภาพนอบน้อมแล้วยิ้มอ่อนพร้อมหัวเราะเบาๆ ที่ตัวเองฉุดกระชากลากถูเขาให้สละชีพอีกครั้ง

    ถ้าเพื่อปกป้องทุกคนล่ะก็...ผมพร้อมน้อมรับคำบัญชาอยู่แล้วครับ เรื่องแค่นี้ถือว่าไม่หนักหนาสาหัสอะไรมากมายเลย

    พวกเราต่างยิ้มให้แล้วแยกทางกันทำธุระของตัวเองต่อไป ซึ่งฉันได้บอกให้เซอแวนท์สี่คนพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าห้องครัว เตรียมหาขนมนมเนยไว้กินเล่นในมายรูมสักเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังจากด้านหลังมาติดๆ พอลองหยุดเดินและหันกลับไปมองปุ๊บ แทบไม่ต้องสืบเลย

    “...” เซอแวนท์หนุ่มเจ้าของฮู้ดสีม่วงยืนมองด้วยสายตาเรียบนิ่งตามปกติและใช้หางตัวเองโอบเอวพร้อมยื่นมือขวามาจับมือซ้ายฉันไว้ราวกับไม่อยากให้เดินห่างออกไกล

    เอ่อคือ...คูจัง นั่งรอที่มายรูมก่อนก็ได้นะ ฉันขอตัวหยิบเสบียงจากห้องครัวแป๊บเดียวเอง

    แล้วถ้าเจ้าเดินคนเดียว จะมีใครดักหน้าเล่นอะไรแผลงๆ ใส่รึเปล่า...

    ห๊ะ? จู่ๆ เขาเป็นอะไรไปนิ คราวก่อนก็ไม่เห็นถามแบบนี้เลยสักครั้ง

    ไม่หรอก ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมดนี่นา อีกอย่างเอมิยะเป็นเหมือนแม่แห่งคาลเดีย ไม่น่าเล่นอะไรแผลงๆ ขนาดนั้นหรอก...มั้ง...ฉันพูดจนเกือบจะจบประโยคแล้วค่อยยกมือขวาปิดปากตัวเอง เพราะเพิ่งนึกออกว่า เอมิยะเองก็คงแอบคิดอะไรบางอย่างเกินคาดอยู่

    แน่ใจ? แสดงความเป็นห่วงเป็นใยดูเหมือนแม่ แต่ทั้งกาย-ใจเป็นผู้ชายเต็มร้อยนะ แถมเซอแวนท์รอบตัวเจ้าส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชายอีก ระวังไว้สักหน่อยน่าจะดีกว่าฝ่ายตรงข้ามแกะมือบนใบหน้าออกด้วยมือซ้ายและจับเชยคางขึ้น ดวงตาสีแดงของเขาจ้องมองลึกเข้ามาอย่างไม่ละสายตา

    อย่าบอกนะว่าเขากำลัง...แอบหึง?

    พอคิดได้เช่นนั้น ฉันก็หลบสายตาออกข้าง แอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนที่จะยกมือขวาขึ้นลูบแก้มเขาเบาๆ

    ตั้งแต่เริ่มคบกับฉันเนี่ย...ดูเหมือนความเป็นอัลเตอร์จะเริ่มหายทีละนิดเลยแฮะ

    คิดไปเองน่า...มองมุมไหนตัวข้าก็ยังเป็นอัลเตอร์อยู่ดีไม่ใช่เหรอ แต่เอาเถอะ...เขาหยุดเว้นช่วงประโยคพักใหญ่แล้วค่อยๆ ปล่อยมือออกจากคางพร้อมเปลี่ยนเป็นลูบหัวแทน ข้าแค่มาบอกว่า ระวังตัวด้วย เพราะเจ้าเอมิยะเพิ่งส่งโทรจิตขอร้องให้เรย์ชิพไปซื้อเสบียงเพิ่มเมื่อกี้นี้เอง

    ซื้อเสบียง? อ้าว...งั้นในตู้เย็นก็ไม่มีอะไรเหลือเลยอ่ะดิ

    อ่อ...อื้ม แสดงว่าคูจังเองก็...

    ไม่หรอก ข้าถูกดา วินชี่สั่งให้รับหน้าที่ชั่วคราวหนึ่งวันแทนนักดาบสองคนก่อนน่ะ สรุปง่ายๆ คือ...เจ้าพวกนั้นจะช่วยซื้อเสบียงด้วยไงล่ะ

    อืมม...แปลว่าเอมิยะกับดา วินชี่ต่างร่วมมือยอมให้มิทสึทาดะกับมุทสึโนะคามิได้หยุดงานแล้วออกเดินทางร่วมกันสินะ

    ฉันพยักหน้าตอบรับให้คูจังแล้วส่งท้ายก่อนแยกทางโดยการเขย่งขาขึ้นเพื่อพยายามประทับจูบบนแก้มซ้าย เขาแอบหัวเราะในลำคอพร้อมใช้มือทั้งสองจับนวดและดึงแก้มอย่างเพลิดเพลิน แถมยังก้มหน้าลงงับต้นคอหยอกเล่นจนทำให้รู้สึกจั๊กจี้ทั้งตัว

    ง่า...ไม่เอา ไม่เล่นตอนนี้สิ คูจังคนบ้า~

    บ้าแล้วรักมั้ยล่ะ...ยูมิ

    ประโยคคำถามเมื่อครู่ทำเอาแก้มของฉันเริ่มร้อนผ่าวทันทีทันใด มือสองข้างกำหมัดทุบรัวๆ แก้อาการเคอะเขินทั้งที่รู้ดีว่ามันไม่เคยได้ผลแม้แต่นิดเดียว ในจังหวะนั้นเองก็ได้มีเสียงเซอแวนท์หนุ่มคนอื่น(ที่เดินผ่านทางมา)โห่ร้องในเชิงแซวและหมั่นไส้จัดอย่างบอกไม่ถูก

    โอ๊ยยย!!! หมั่นไส้คนมีแฟนแถวนี้จริงโว้ยยย!!!” < คูสามคน

    แหมๆ ยังหวานด้วยกันไม่เปลี่ยนแปลงเลยแฮะ” < มิทสึทาดะ

    เอ่อ...นายท่าน ถ้าจะทำล่ะก็...ช่วยเข้ามายรูมก่อนนะขอรับ” < โคทาโร่

    อุหวา...มันคือหวานกันคักแท้น้อ” < มุทสึโนะคามิ

    นะ...นี่พวกเจ้าสองคนไม่คิดละอายคนรอบข้างบ้างรึไงเนี่ย!” < อิโซ

    ทำไมรู้สึกหมั่นไส้จนอยากใช้สเตล่าอัดใส่จังน้า” < อราช

    อ้าวเฮ้ย...เหมือนมีอะไรบางอย่างผิดแปลกนะ สังหรณ์ใจไม่ดีซะแล้วสิ

    พอลองหันไปมองทางเจ้าของโฮกุ สเตล่า อย่างอราชปุ๊บ พบว่าออร่าสีฟ้าเริ่มเปล่งประกาย เหงื่อไหลทั่วร่าง มือสองข้างเรียกธนูมาจับด้วยท่าทีที่กำลังฝืนตัวเองจนกระทั่งเขาค่อยๆ ง้างศรธนูเล็งมายังฉันและคูจังอย่างตั้งใจ

    คือการพูดชื่อโฮกุของอราชถือเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับคาลเดียแห่งนี้เลยก็ว่าได้ จะยอมให้แค่ตอนเรย์ชิพไปต่อสู้กับพวกศัตรูเท่านั้น ขนาดตอนเก็บลูกแก้วดราก้อนบอลเสร็จแล้วมุทสึโนะคามิพูดถึงขนมคาสเตล่าครั้งก่อน พวกเราต้องมาซวยเพราะเขาคนเดียวเลย

    แถมตอนนี้!! ยังไม่ใช่เวลาจะอธิบายต่ออีกด้วย พวกเราทั้งเก้าต่างกันรีบทำหน้าที่ของตัวเองให้ไว ซึ่งทางรองหัวหน้าแก๊งค์หมาห้าช่าอย่างคูแลนเซอร์ขออาสาแบกร่างอราชและมุ่งตรงไปยังคาลเดียเกทเพื่อทิ้งบอมบ์กลางสนาม ส่วนพวกฉันที่เหลือก็วิ่งตามดูสถานการณ์ว่ามอนสเตอร์ผู้เป็นเหยื่อเหล่านั้นจะเป็นคลาสอะไร

    ตู้มมม!!

    เสียงเอฟเฟกต์ระเบิดของสเตล่าดังสนั่นลั่นคาลเดียเกทก่อนที่จะเผยศัตรูตรงหน้าที่ทำเอาแทบเอ๋อแดกบวกเสียดายหลายวินาที เพราะกลุ่มมอนสเตอร์ดันกลายเป็นแลนเซอร์ซึ่งอราชในคลาสอาเชอร์ดันแพ้ทางจนทำดาเมจได้ไม่มากและไม่ตายสักตัว

    มันเจ็บ...นะเฟ้ย...

    โธ่เอ๊ย...สรุปชื่อโฮกุของข้ากลายเป็นของต้องห้ามไปแล้วใช่มั้ยเนี่ย...แอ่ก

    นักธนูบอมเบอร์พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดเล็กน้อยแต่แฝงด้วยความปลงในชีวิตตัวเองสูงก่อนที่จะสลบลงพื้นดับอนาจ ทางคูแลนเซอร์เองก็เจ็บหนักไม่แพ้กัน ตัวเขาในสภาพมอมแมมค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างทุรนทุรายโดยการจับหอกทิ่มพื้นเพื่อยกร่างตัวเองไม่ให้ล้มลง

    จากนั้นคูแคสเตอร์ก็วิ่งเข้าไปช่วยลากพลหอกน้ำเงินเพื่อพาส่งห้องพยาบาลเร่งด่วนแล้วขอร้องให้พวกเราที่เหลือช่วยจัดการมอนสเตอร์ทั้งหมด

    อะไรคือการที่ต้องชุลมุนวุ่นวายก่อนซื้อเสบียงเพราะอีแค่สเตล่าเรื่องเดียวเนี่ย...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ


    ผ่านไปหลายนาที พวกเราทั้งเจ็ดคนก็จัดการเหล่ามอนสเตอร์ประจำคาลเดียเกทหมดราบคาบพร้อมได้รับใบ Exp. เป็นของแถม แต่คือดีแค่ไหนแล้วที่สเตล่าของอราชไม่ถล่มทลายตัวคาลเดียเหมือนครั้งก่อน เอาซะจนอยากจะวิ่งไปห้องพยาบาลและกราบเท้าคูแลนเซอร์ในท่าเบญจางคประดิษฐ์เพื่อขอบคุณสักสามรอบในภายหลังเหลือเกินแล

    ฉันก้มลงหยิบรวบรวมพวกมันขึ้นมาพร้อมฝากคูโปรโตไทป์ช่วยเก็บเข้าคลังที่มายรูม ต่อมาจึงเริ่มถามว่า นอกจากมุทสึโนะคามิกับมิทสึทาดะแล้ว มีใครจะร่วมซื้อเสบียงวันนี้ด้วยกันอีกรึเปล่า คำตอบที่ได้คือ โคทาโร่ และอิโซ

    สรุปไปด้วยกันห้าคนเนาะฉันถามเช็คยอดจำนวนคนทั้งหมดเพื่อความแน่ใจก่อนที่พวกเขาจะพยักหน้าตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ทีนี้เรื่องสำคัญคือ เสื้อผ้า พวกเราจะเรย์ชิพเข้าเมืองในยุคปัจจุบันด้วยชุดยุคเก่าๆ แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะงั้นขอให้ไปอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทก่อนแล้วค่อยรวมตัวกันที่ห้องเรย์ชิพนะ

    ว่าจบพวกเราทั้งหมดต่างแยกย้ายกันเตรียมตัวทางใครทางมัน ส่วนคูจังก็ยังคงจับมือรั้งไว้ไม่ปล่อย สายตาของเขาจ้องมองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพามุ่งหน้าเดินทางอย่างไว ในใจคาดว่าน่าจะต้องเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทธรรมดาคล้ายกับชุดที่ใส่ช่วงวันสงกรานต์แน่ๆ เพราะแฟชั่นของฉันไม่เคยมีแนวชุดกระโปรงหรือแนวผู้หญิงจ๋าเลย

    แต่การคาดหมายเมื่อครู่ก็แตกหักภายในหนึ่งวินาทีเมื่ออีกฝ่ายจูงมือจนถึงมายรูมพร้อมบอกให้ฉันนั่งรอบนเตียง เขาเดินไปหยิบชุดใหม่ในตู้เสื้อผ้าก่อนที่จะวางไว้บนตัก ซึ่งมันดันกลายเป็นยูนิฟอร์มคาลเดียแทน

    ใส่ชุดนี้ซะ...เพราะชุดแฟชั่นของเจ้าส่วนใหญ่มีแต่พวกขาสั้น เสื้อกล้ามกับเสื้อยืดคอวี ขืนใส่ไปมีหวังไม่รอดจากเงื้อมมือโรคจิตแน่ๆคูจังคุกเข่าลงพื้น จ้องมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จับมือทั้งสองข้างไว้แน่นแล้วลูบรอบสัญลักษณ์เรย์จูบนหลังมือขวาด้วยนิ้วโป้งเบาๆ

    อะ...อื้ม แต่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถ้ามีโรคจิตแถวไหนมุ่งทำร้าย ฉันจะรับมือกับพวกนั้นเอง

    แต่ข้าเป็นคนรักของเจ้านะ...จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไง

    คำพูดคำจาจากเซอแวนท์ผู้เป็นอัลเตอร์ตรงหน้ามันทำให้รู้สึกประหลาดใจมากกว่าเก่าแม้รู้ดีว่าเขาจะแอบแสดงท่าทีอ่อนโยนและคอยปกป้องเกือบตลอดเวลา แถมตอนนี้เขาก็กำลังสร้างความตกตะลึงอีกหลายเท่าโดยการเข้าสวมกอดพร้อมซุกใบหน้าบนอกฉันไว้

    คูจัง...?”

    “...” เบอเซิกเกอร์หนุ่มเงียบปากแล้วยังคงโอบกอดต่อ จนกระทั่งเริ่มนึกอะไรบางอย่างออก โทษที...ดันทำให้เจ้าเสียเวลาจนได้ เอาเป็นว่าตอนนี้ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนละกัน เดี๋ยวข้าต้องทำงานแทนสองคนนั้นแล้ว

    ฉันรู้สึกตกใจจนไม่รู้จะพูดยังไงอยู่นานหลายวินาทีก่อนที่จะพยักหน้าตอบรับเบาๆ แล้วเตรียมเปลี่ยนชุดจากแอตลาสเป็นยูนิฟอร์มคาลเดียดั้งเดิม

    ตั้งแต่พวกเราสองคนได้เริ่มคบกันตอนลุยชาเล้นจ์รอบสองในอีเว้นท์ Saber Wars ที่ฉันเป็นลมชักกำเริบเพราะเกิดอาการเดจาวู เขาก็เริ่มแสดงความรู้สึกภายในใจของตัวเองมากขึ้น พยายามทำให้ฉันมีความสุข ตามปกป้องจนปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ บางครั้งก็แอบอ้อนนู่นนี่อย่างลูบหัวเล่นๆ หรือกอดจากด้านหลังแบบไม่ทันตั้งตัว ที่สำคัญคือเริ่มหวงมากขึ้น แทบไม่ยอมให้ใครทำอะไรเลยหากไม่จำเป็น

    พอคิดไปคิดมาแล้วก็เขินนะ...เซอแวนท์ร่างอัลเตอร์ที่ภายนอกดูเป็นคนเข้าหายากแท้ๆ แต่กลับขโมยหัวใจฉันจนได้

    ให้ตายเถอะ...

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ณ ห้องเรย์ชิพ

    เอาล่ะๆ ทีนี้ก็มาครบทุกคนแล้วเนาะ เดี๋ยวฉันจะเปิดระบบเรย์ชิพให้ละกัน ขอให้อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องขยับเขยื้อนไปไหนนะ

    สาวสวยไซส์ใหญ่อย่างดา วินชี่ซักถามพวกเราทั้งห้าคนเพื่อความแน่ใจก่อนที่จะเริ่มดำเนินการเปิดระบบเรย์ชิพภายในทันที ซึ่งตอนนี้ทุกคนได้เปลี่ยนลุคเป็นชุดไปรเวทของตัวเองเรียบร้อย แต่คือมันแปลกตรงที่ว่าทุกคนร่วมใจกันใส่ชุดของมิทสึทาดะเวอร์ชั่นถอดเกราะหนังหมดเลย ขนาดอิโซที่ชอบใส่ชุดเก่าๆ ก็ยังยอมร่วมด้วยอีกคน

    เอ่อ...ไม่ทราบว่าพวกท่านจะไปสมัครงานที่ไหนแห่งใดรึเปล่าคะ ทำไมแต่งตัวดูเป็นพิธีจังฉันเปิดปากถามเหล่าเซอแวนท์หนุ่มพร้อมแสดงสีหน้าเงิบแดกสุดๆ

    ก็แหม...ข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องสาธยายลักษณะชุดของแต่ละคนเยอะเกินไปนี่นา ถ้าร่วมกันใส่รูปแบบเดียวกัน อธิบายแป๊บๆ ถือว่าจบปิ๊งละ

    เดี๋ยว...นั่นมุกหรืออะไรคะ คุณแม่มิทสึ

    นานๆ ทีจะได้เปลี่ยนลุคใหม่แบบนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีมากเลยนะขอรับ

    ไม่เห็นต้องซีเรียสอะไรมากมายไม่ใช่เรอะ มาสเตอร์ แม้จะอยู่ในชุดอื่นแต่สถานะของทุกคนก็ไม่เปลี่ยนแปลงนิ ขนาดตัวข้ายังเป็นนักฆ่าเหมือนเดิมเลย

    เอิ่ม...จ้ะ โอเคจ้ะ ตูผิดเองแหละที่ถามอะไรแปลกๆ ไป

    แต่เอาเถอะ เพราะทางโคทาโร่กับอิโซยังใส่ผ้าพันคอของตัวเองอยู่ ถือว่าให้อภัยละกัน

    ไหนๆ เจ้าโชคุไดคิริก็มีชุดเยอะแล้ว ถ้าร่วมใจกันใส่ทุกคน จะได้ลดทอนเวลาไปในตัวด้วยไงล่ะ นายท่านมุทสึโนะคามิเดินเข้ามาตบบ่าฉันพร้อมยิ้มแฉ่งจนเห็นเขี้ยวอันมีเสน่ห์ แถมชายผ้าสีไข่ยังกระดิกไปมาเหมือนหางหมาอีกด้วย

    เฮ้ย...เมื่อกี้ดา วินชี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าขยับเขยื้อนน่ะ

    อุย...โทษที งั้นขออยู่แบบนี้ตอนเรย์ชิพละกันน้อดาบหนุ่มที่เพิ่งรู้สึกตัวเกือบจะสะดุ้งออกจากตัว แต่พอรู้ว่าต้องอยู่เฉยๆ เขาก็ถือวิสาสะโอบไหล่ค้างไว้เลย

    วินาทีที่จะได้เรย์ชิพจริงจังนั้นเอง ฉันเริ่มสัมผัสถึงพลังงานบางอย่างจากด้านหลัง เมื่อลองมองด้วยหางตา พบว่ามีร่างของเซอแวนท์หนุ่มใส่ฮู้ดสีม่วงกำลังยืนกอดอกพิงกำแพงและส่งสายตานิ่งๆ อยู่

    ชิบละ...คูจังกำลังจับตามองการเคลื่อนไหวของฉันอยู่นี่หว่า

    เขาเปลี่ยนจ๊อบเป็นสโต๊กเกอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย!

     

    ณ เมืองเกียวโต

    ในที่สุด...ฉัน มุทสึโนะคามิ มิทสึทาดะ โคทาโร่ และอิโซก็เรย์ชิพมาถึงเมืองที่ต้องซื้อเสบียงจนได้ ตอนแรกตั้งใจจะไปฟุยุกิแหละ แต่พอนึกได้ว่าเคยประกวดแฟชั่นร่วมกับสองราชาจนเป็นที่โด่งดังในเมืองนั้น เลยรีบตัดใจ จนกระทั่งดาบหนุ่มชาวโทสะขอร้องให้เรย์ชิพที่บ้านเกิดตัวเอง สุดท้ายผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น

    น่าคิดถึงจังน้อ เมืองเปลี่ยนไปจากสมัยยังอยู่ในฮงมารุเยอะมากเลยมุทสึโนะคามิพูดด้วยความตื่นเต้นยิ่งกว่าคนอื่นแล้วมองรอบตัวเมืองที่กำลังยืนอยู่ ณ ตอนนี้

    แต่มันก็ดูสงบดีมากกว่าที่คิดไว้หลายเท่าจริงๆ สมัยฉันยังเป็นซานิวะนี่เรียกว่าวุ่นวายพอควร เพราะมีกองทัพข้ามเวลามาบุกโจมตีเพื่อเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของซากาโมโต้ เรียวมะไม่ให้หนีพ้นจากตำรวจของรัฐบาลโชกุนได้

    แถมพวกเขาสองคนยังบังเอิญเจอกันอีก...ไม่สิ เรียกว่ายอมเผชิญหน้าน่าจะถูกกว่า มุทสึโนะคามิยอมเข้าไปช่วยเรียวมะพร้อมพาส่งที่คฤหาสน์ซัทสึมะจนสำเร็จลุล่วง แล้วตั้งแต่ตอนนั้นมา การเจอกันก็จบสิ้นลง และจู่ๆ ฝันของดาบหนุ่มกลับกลายเป็นจริงเมื่อมีอีเว้นท์กุดะกุดะภาค 3 ที่เจ้านายเก่าปรากฏตัวอีกครั้ง

    ก็เราเรย์ชิพเข้ายุคปัจจุบันนี่นา ทุกอย่างมันย่อมมีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

    เรื่องนี้ข้ารู้อยู่แล้ว แต่เอาเถอะ...ภารกิจสำคัญของพวกเราคือการซื้อเสบียงกลับคาลเดีย เพราะงั้นรีบไปห้างสรรพสินค้ากันเลยดีกว่าเน้อ

    ว่าจบดาบหนุ่มชาวโทสะก็เดินนำหน้าเซอแวนท์ที่เหลือ เหมือนลืมว่าตัวเองไม่ได้เป็นมาสเตอร์หรือหัวหน้ากลุ่มพวกเขาทั้งหมดเลยสักนิด และในระหว่างนั้นฉันดันสังเกตเห็นความตุงจากผ้าพันคอของอิโซ แถมยังขยับไปมาราวกับกำลังดิ้นรนออกข้างนอกให้ได้

    เอ่อคือ...ฉันอดใจที่จะถามนักฆ่าหนุ่มไม่ไหวจนต้องเดินตามไปสะกิดไหล่ให้หยุดเดินก่อน นายไม่รู้สึกอะไรแปลกๆ ที่หลังคอบ้างเลยเหรอ อิโซ

    ห๊า? มันจะมีอะไรแปลกๆ กันเล่า---

    ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ สิ่งนั้นก็ปรากฏตัวออกจากผ้าพันคออย่างช้าๆ ทำเอาแทบช็อกสลบลงพื้น เพราะเจ้านั่นคืองูหลามไซส์เล็กตัวจริง!!

    กรี๊ดดด!!!” ฉันกรีดร้องแทบลั่นเมืองพร้อมหลบหลังมิทสึทาดะด้วยเนื้อตัวที่สั่นระริกแล้วชี้นิ้วไปทางสัตว์เลื้อยคลานตัวนั้น งะ...งะ...งูน่ะ งู๊วววว!! เอามันออกไปเดี๋ยวนี้น้าา!!!”

    “อ้าวเฮ้ย! นี่แกมาอยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!” อิโซทำหน้าตกใจสุดฤทธิ์พร้อมรีบถอดผ้าพันคอออกและโยนทิ้ง จากนั้นค่อยเรียกดาบมาตวัดฟาดฟันงูเป็นส่วนๆ ภายในเสี้ยววินาทีก่อนที่จะก้มตัวหยิบผ้าพันคอขึ้นมาสะบัดให้พอใส่ได้ ให้ตายเถอะ...ตอนข้าใส่มาก็ไม่เห็นมีเลยนี่นา

    ก็แล้วทำไมไม่ยอมตรวจสอบให้ดีก่อนเรย์ชิพวะคะ! ถ้ามันเผลอกัดคอนายหรือพุ่งใส่ชาวบ้านขึ้นมาจะทำยังไงเล่า!”

    เอาน่า...นายท่าน ดีแค่ไหนแล้วที่ตัวนี้ไม่มีพิษร้ายแรงมุทสึโนะคามิเดินเข้ามาลูบหัวฉันเชิงปลอบใจให้หายกลัวแล้วตบบ่าดาบหนุ่มอีกคนเบาๆ พร้อมยิ้มแฉ่งเหมือนไม่มีความทุกข์ร้อนใดๆ อ้อ...งั้นมื้อถัดไปขอเป็นงูผัดเผ็ดละกันเน้อ โชคุไดคิริ! ท่าทางจะแซ่บไม่ใช่น้อยเลย

    แต่ฉันไม่ชอบกินงูนะ มุทสึคุง

    กระผมเองก็ขอไม่ร่วมด้วยนะขอรับ...

    เจ้าชวนเรียวมะกับยัยโอเรียวกินด้วยกันแทนเหอะ แล้วอย่านึกพิเรนทร์ดึงข้าไปร่วมวงซะล่ะ

    ทั้งฉัน โคทาโร่และอิโซต่างร่วมใจกันปฏิเสธด้วยสีหน้าเรียบนิ่งโดยมิได้นัดหมายจนอีกฝ่ายต้องหัวเราะร่าพร้อมบอกว่า เดี๋ยวจะเป็นคนกินอาหารจานนั้นทั้งหมดเอง ต่อมาเขาก็รีบวิ่งไปร้านค้าที่อยู่ห่างจากพวกเราประมาณ 10 เมตรและคุยอะไรบางอย่างกับพ่อค้า

    แต่คือ...อันนี้แปลกจริง ในคาลเดียเราเคยมีงูเข้ามาพักพิงอาศัยด้วยงั้นเรอะ! อยู่มาสองปีไม่เคยเห็นมันเลื้อยเพ่นพ่านหรือแม้กระทั่งโผล่ในส้วมเลยนะ!

    “...”

    เอาเป็นว่าเรื่องนี้ค่อยถามดา วินชี่ตอนเรย์ชิพกลับคาลเดียละกัน

     

    ณ ห้างสรรพสินค้าดอกบัว

    เฮ้อ...สุดท้ายมุทสึคุงก็เก็บงูใส่ถุงจริงๆ สิเนี่ย

    คือตอนที่มุทสึโนะคามิวิ่งไปร้านค้า เหตุการณ์ต่อจากนั้นคือ เขาขอถุงพลาสติกสีดำจากพ่อค้าแล้วรีบแจ้นกลับมาหยิบซาก(?)งูหลามเก็บใส่ถุงไว้พร้อมหย่อนลงในกระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่เตรียมใส่เสบียงตามลิสต์ของเอมิยะ ซึ่งคนที่ถือลิสต์รายการเหล่านั้นจะเป็นใครได้นอกจากคุณแม่มิทสึนั่นเอง

    และขณะนี้พวกเราก็แยกกันหยิบเสบียงในแต่ละอย่างเพื่อไม่ให้เสียเวลากับการตามหาทีละชิ้น โดยแยกเป็นมุทสึโนะคามิ-อิโซ(คู่บ้านนอก) ฉัน-โคทาโร่(คู่คนเตี้ย?) ส่วนมิทสึทาดะตามหาคนเดียว ตอนแรกฉันชวนให้เดินด้วยกันแล้ว แต่เหมือนเขาจะปิดบังอะไรบางอย่าง จึงจำเป็นต้องแยกตัวออกไป

    จะว่าไป...นายท่านกลัวงูเหรอขอรับ ตอนนั้นดูตัวสั่นและหน้าซีดมากเลย

    เอ๊ะ!? ปะ...เปล่าจ้ะ แค่ตกใจที่จู่ๆ มันก็โผล่หัวมาเท่านั้นเอง

    แหม่...ความหน้าด้านที่ฉาบปูนซีเมนต์สิบชั้นนี่มันอะไรกัน...

    นินจาผมแดงจ้องหน้าด้วยความสงสัยในตัวฉันอยู่หลายวินาทีก่อนที่จะรีบจูงมือตามหาเสบียงต่อให้ครบ พอหันไปทางคู่บ้านนอกแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะพวกเขาดูเข้าขากันดีมากเนื่องจากอยู่บ้านเดียวกัน พูดสำเนียงเดียวกัน แถมเรียวมะยังเป็นเพื่อนอิโซอีก

    เรียกว่ายิงปืนหนึ่งนัดได้นกถึงสามตัวเลยนะนี่...

    พอเวลาผ่านไปประมาณห้านาที พวกเราทั้งห้าคนก็ได้เดินรวมตัวกันกลางห้างเพื่อวางเหล่าเสบียงห้าประเภทลงตะกร้าสีส้มหมายเลขห้า (ทำไมมีแต่เลขห้า) โดยมีลิสต์รายการเรียงดังต่อไปนี้

    1. ผัก (โคทาโร่)

    2. ผลไม้ (ยูมิ)

    3. เนื้อหมู/วัว/ไก่ (มิทสึทาดะ)

    4. ขนมขบเคี้ยวยามว่าง (มุทสึโนะคามิ)

    5. เครื่องดื่มทั้งดื่มเล่นและประกอบมื้ออาหาร (อิโซ)

     โอเค ทีนี้พวกนายไปยืนรอข้างนอกก่อนเนาะ เผื่อมีเหตุร้ายแถวนั้นจะได้ช่วยเหลือทัน

    เซอแวนท์หนุ่มทั้งสี่พยักหน้าตอบรับพร้อมกันแล้วเดินแยกย้ายออกนอกห้างสรรพสินค้าโดยทางมิทสึทาดะหยิบกระเป๋าเงินใบหนึ่งและยิ้มอ่อนให้ฉันก่อนจากด้วย ต่อมาจึงรีบหิ้วตะกร้าเตรียมจ่ายเงินค่าเสบียงในวันนี้

    แต่จู่ๆ ปัญหาก็เริ่มเกิด เพราะเมื่อหันหน้ามองราคาทั้งหมดตรงเครื่องแคชเชียร์ปุ๊บ มันกลับสูงเกินที่จะคำนวณไว้ ฉันขออนุญาตเปิดถุงพลาสติกเพื่อตรวจสอบดู พบว่ามีขวดสาเกกับขนมคาสเตล่าบรรจุอยู่เยอะมาก!

    เอ่อ...อะ...โอเคค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ แหะๆฉันยิ้มกว้างและหัวเราะแห้งๆ แล้วยอมควักเงินในกระเป๋าจ่ายให้ทางแคชเชียร์ก่อนที่จะรีบหอบหิ้วใส่ถุงผ้าใบใหญ่แล้วออกจากห้างอย่างไว

    ไอ้บ้าคู่บ้านนอก! พวกแกทำอย่างงี้กันทำไมฟร้าา!!

    กรี๊ดดดดดด!!”

    นั่นไง...มีปัญหาเกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ ท่านผู้อ่าน

    พอลองหันตามต้นเสียงกรีดร้อง ก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 30 ปีและอีกคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นผู้ชายในชุดที่ใส่ปกปิดตัวตนกำลังวิ่งกอดกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมสวนทางกับเธอ ทำให้รู้เลยว่ามีการวิ่งราวทรัพย์ซึ่งๆ หน้า

    “เกิดปัญหาใหญ่ซะแล้วสิ นายท่าน พวกเรารีบไปช่วยจบเรื่องนี้กันเถอะ” < มุทสึโนะคามิ

    แต่ว่าพวกเราต้องรีบเก็บเสบียงเข้าตู้เย็นนะขอรับ ท่านมุทสึโนะคามิ” < โคทาโร่

    ในเหตุร้ายแบบนี้ โทรแจ้งตำรวจก่อนจะดีกว่ามั้ง” < มิทสึทาดะ

    เจ้านั่นน่ะ...ฆ่าทิ้งเลยได้มั้ย” < อิโซ

    อืมม...ฉันยืนจับคางครุ่นคิดแผนการอยู่หลายวินาทีก่อนที่จะเริ่มแบ่งหน้าที่ของแต่ละคน เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง อิโซกับมุทสึคุงอยู่ช่วยที่นี่ ส่วนอีกสองคนก็หิ้วเสบียงทั้งหมดแล้วเรย์ชิพกลับไปให้เอมิยะก่อนละกัน

    แต่ว่าท่าน...

    ไม่เป็นไรหรอก...โคทาโร่คุง ปล่อยให้มาสเตอร์แห่งคาลเดียคนนี้ได้ช่วยเหลือผู้คนเถอะนะ สัญญาเลยว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย

    ฉันเดินเข้าไปลูบหัวนินจาผมแดงพร้อมส่งยิ้มบางๆ จากนั้นจึงยกถุงผ้าให้มิทสึทาดะแล้วรีบวิ่งตามหลังคนร้าย ในระหว่างนั้นก็ส่งโทรจิตให้อิโซวิ่งตามหลังคาบ้านเรือนเพื่อรอดักหน้า และให้มุทสึโนะคามิวิ่งแยกอีกทางหนึ่ง โดยแผนของเราคือการไล่ต้อนให้จนมุมหรืออย่างน้อยต้องติดในซอกหลืบสักจุด

    ชาวบ้านแต่ละคนต่างตื่นตระหนกตกใจและยืนมองมาทางพวกเรากันหมด ฉันพยายามบอกให้พวกเขาหลบอยู่ในบ้านของตัวเองด้วยความสงบ เกรงว่าจะโดนลูกหลงภายหลัง เมื่อเวลาผ่านไปหลายนาที แผนการเริ่มบรรลุหนึ่งขั้น นักฆ่าผมดำกระโดดลงดักหน้าจนทำให้คนร้ายสะดุ้งเฮือก ตามด้วยดาบหนุ่มที่วิ่งมาจากทางซ้ายมือ ฉันเห็นแล้วก็รีบออกแรงวิ่งตามให้เร็วกว่าเดิมด้วยการถ่ายโอนพลังเวทลงมายังขาสองข้าง ทำให้อีกฝ่ายลนลานวิ่งหนีไปทางขวามือทันที

    มุทสึคุง! เตรียมรับนะ!’

    หลังจากส่งโทรจิตเรียบร้อย มือขวารีบล้วงกระเป๋ากระโปรงหยิบกลัดมณีเวทย์ขึ้นมาบีบให้แตกพร้อมแสงสีฟ้าเปล่งประกายและหลอมรวมเป็นปืนยิงเข็มช็อตไฟฟ้า ต่อมาฉันก็โยนให้มุทสึโนะคามิและส่งสัญญาณให้ยิงช็อตตัวคนร้าย เขายกมือขึ้นรับมันมาเล็งเป้าหมายตรงหน้า

    ได้เลย นายท่าน! เล็งให้ดีๆ แล้วก็...ปัง!’

    นิ้วซ้ายเริ่มทำการเหนี่ยวไก เส้นสีดำสองเส้นที่เป็นตัวนำไฟฟ้าพุ่งออกจากปากปืนอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องด้วยความทรมานดังลั่นจนทำให้รู้พิกัดของผู้ชายคนนั้นอย่างชัดเจน โดยเขาอยู่ห่างจากจุดนี้ประมาณห้าเมตร

    พวกเราทั้งสามไม่รอช้ารีบวิ่งมุ่งหน้าไปหาเป้าหมายแล้วล้อมรอบร่างอีกฝ่ายที่กำลังล้มนั่งพิงกำแพงอาคาร มุทสึโนะคามิโยนปืนยิงเข็มช็อตไฟฟ้าคืนกลับมาพร้อมหยิบปืนประจำตัวขึ้นจ่อแทน อิโซเรียกดาบขึ้นจับเตรียมขู่ให้กลัว

    เอากระเป๋าใบนี้คืนมาซะ...ฉันพยายามเดินเข้าใกล้และส่งสายตาข่มขู่พร้อมยื่นมือซ้ายจับกระเป๋าสะพายไว้

    เจ้ากำลังทำผิดกฎหมายอยู่นารู้เปล่า...ถ้ายอมจำนนตอนนี้ ข้าจะไม่ปลิดชีวิตทิ้งหรอก

    คืน...หรือตาย เลือกให้ไว...นักฆ่าผมดำถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเชิงขู่ขวัญและหันคมดาบไปยังคอเพื่อรอคำตอบจากคนร้ายตรงหน้า

    “...” เขาไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น แถมยังกอดกระเป๋าไว้แน่นกว่าเดิมอีก

    ไม่ตอบสินะ...งั้นอยู่นิ่งๆ อย่างนั้นซะ

    สิ้นเสียงของฉันแล้ว มือขวาค่อยๆ ล้วงกระเป๋ากระโปรงหยิบกลัดมณีเวทย์ขึ้นมาบีบให้แตกอีกเม็ด แสงสีเทาเปล่งประกายรอบมือจนหลอมรวมเป็นมีดสั้นหนึ่งเล่ม แต่ก่อนที่จะได้ใช้มันสร้างบาดแผลบนมือเขานั้น เสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังออกจากด้านข้าง เมื่อลองหันกลับไปมองพบว่ามีนายตำรวจยืนรอประมาณสามนายพร้อมกุญแจมือในมือของตน พวกเรารีบเก็บอาวุธเข้าที่เดิมแล้วลุกขึ้นเผชิญหน้า

    สวัสดีครับ ทางเราได้รับแจ้งว่ามีโจรวิ่งราวทรัพย์ในเมืองนี้ ไม่ทราบว่าใช่พวกคุณรึเปล่าครับ

    แค่ผู้ชายคนนี้คนเดียวค่ะ พวกดิฉันทำหน้าที่วิ่งตามให้จนมุมและขอกระเป๋าสะพายคืนเท่านั้นฉันตอบคำถามแบบไม่ต้องคิดอะไรมากมายแล้วชี้นิ้วไปทางคนร้ายที่กำลังนั่งพิงกำแพงด้วยความทรมานจากไฟฟ้าช็อต

    งั้นเหรอครับ อืมม...จะว่าไงดีล่ะ ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณพวกคุณที่ยอมสละเวลาช่วยเหลือสังคมในครั้งนี้ละกันนะครับ ถือว่ามีพระคุณไม่น้อยเลย

    ตำรวจหนุ่มหันมาขอบคุณพร้อมยิ้มกว้างแล้วจับใส่กุญแจมือคนร้ายไว้ก่อนที่จะยื่นกระเป๋าส่งมาให้มุทสึโนะคามิ จากนั้นจึงพาตัวส่งเข้ารถตำรวจอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเราเดินออกจากพื้นที่ได้ไม่ไกลนัก ผู้หญิงคนนั้นก็ได้วิ่งเข้ามาถึงด้วยความเหนื่อยหอบ

    เอ่อคือ...น้าต้องขอขอบคุณพวกหนูจริงๆ นะจ๊ะ ตอนนั้นน้ากลัวจนทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะ

    พวกเราคืนกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมพร้อมยิ้มกว้างเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อ รวมถึงตักเตือนเรื่องความปลอดภัยในภายภาคหน้าแล้วค่อยโบกมือลาจากกันไป

    ถึงแม้วันนี้จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นมากมาย แต่พอได้ช่วยเหลือใครสักคนในเมืองมันกลับทำให้รู้สึกใจชื้นหลายเท่าตัว

    อย่างน้อย...หน้าที่ของมาสเตอร์แห่งคาลเดียครั้งนี้ก็สำเร็จลุล่วงตามหวังแล้วล่ะ

    เอาล่ะ เตรียมเรย์ชิพกลับสถานที่ของพวกเรากันเลยดีกว่าเนาะ

     

    [ ของแถม ]

    ณ คาลเดีย

    ยูมิ : นี่ๆ ดา วินชี่จัง...ในคาลเดียแห่งนี้เคยมีประวัติงูเลื้อยเข้ามาด้วยเหรอ เพราะตอนเรย์ชิพไปซื้อเสบียงฉันเห็นงูหลามตัวเล็กนอนอยู่ในผ้าพันคออิโซน่ะ

    ดา วินชี่ : หืม? ไม่มีเลยนี่ บางทีอาจมีใครแกล้งเล่นต้อนรับเด็กใหม่ก็ได้

    อิโซ : แกล้งเล่น? อย่ามาตลกสิเฮ้ย! รู้เปล่าว่าข้าเกือบโดนกัดเพราะใครไม่รู้เลยนา

    โคทาโร่ : สมมุติถ้ามีใครเลี้ยงมันแล้วเผลอปล่อยทิ้งไว้จนเลื้อยออกมาเองนี่...เป็นไปได้มั้ยขอรับ

    ยูมิ : ไม่หรอกมั้ง ขนาดคุณโอเรียวที่เป็นงูยังไม่เคย---

    มุทสึโนะคามิ : เฮ้ยยยยยยย!! นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ยยยย!!!

    ดา วินชี่ : โอ๊ะโอ! ดูท่าทางมุทสึโนะคามิคุงกำลังเจอปัญหาอะไรบางอย่างอยู่ พวกเรารีบตามไปดูกันดีกว่านะ

    ติ๊กต่อก...ติ๊กต่อก...ติ๊กต่อก... 

    ปิ๊ง! (ถึงห้องครัวเรียบร้อย)

    มุทสึโนะคามิ : นายท่าน~! ทำไมในงูตัวนี้มันมีเครื่องดักฟังด้วยอ่า~!!

    อิโซ : ห๊า!? ใครมันพิเรนทร์ใส่มันไว้ในตัวงูและดักฟังข้าฟะเนี่ย!

    ?? : ข้าเองแหละ

    ยูมิ : อ่ะ? คะ...คูจัง!?

    คูอัลเตอร์ : ว่าแต่แถวนี้มีใครที่กลัวงูจนกรี๊ดลั่นกันนะ

    ยูมิ : มะ...ไม่มีสักหน่อย คูจังบ้ารึเปล่า

    คูอัลเตอร์ : หืมม? จริงเหรอ...งั้นพิสูจน์กันเลยดีมั้ยล่ะ

    โคทาโร่ : เอ่อ...นะ...นายท่านขอรับ ขะ...ข้างล่างมีงูหลามโผล่มาอีกแล้ว...

    คนที่เหลือต่างถอยหลังออกไปและอุทานกันว่า ตัวใหญ่โพด!!!” ในขณะที่มาสเตอร์สาวเริ่มเกิดอาการกลัวถึงขั้นตัวสั่นระริก งูหลามตัวนั้นมันจ้องหน้ามองตาแล้วค่อยๆ เลื้อยเข้าหาเตรียมฉกอย่างไว

    ยูมิ : ไม่เอ๊าาาา!! อย่ามายุ่งกับช้านนนน!!! ไอ้งูผีบ้าาาา!!!

    อิโซ : ฮะ...เฮ้ยยย!! รอข้าด้วยเซ่!! มาสเตอร์!!!

    ทั้งสองคนพากันรีบวิ่งหนีรอบคาลเดียจนทำให้คูอัลเตอร์ต้องยิ้มกว้างด้วยความสะใจที่ได้แกล้ง แฟนสาว’ ของตัวเอง

    ?? : เป็นไปตามแผนการกลั่นแกล้งเรียบร้อยสินะ อัลเตอร์คุง

    คูอัลเตอร์ : อย่างที่เห็นนี่แหละ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือเรื่องจับงูละกัน...โชคุไดคิริ มิทสึทาดะ

    [ To be continued ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×