คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ห้า : ประชุม
บทที่ห้า
ประชุม
โอ้พระเจ้าด็อกกี้...ณ เวลานี้
ลูคัสอยากจะแลกลูกแก้วสีส้มๆเจ็ดลูกกับความปราถนาเหมือนในตำนานบางเรื่องซึ่งพระมารดาผู้บังเกิดเกล้าเคยเล่าให้ฟังจากตำนานที่นางชื่นชอบ
ลูคัสไม่ใช่คนโลภมากอยากได้อะไรมากมายนัก
โดยเฉพาะเวลานี้สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงแค่อยากเดียวเท่านั้น
“นี่มันอะไรกัน..หูของพวกสุนัขกระดิกได้น่ารักอะไรอย่างนี้ครับ!...ดูนี่สิ..ดูสิ...หางนี่ก็ด้วย..สุดยอดไปเลยครับ!
จะว่าอะไรไหมครับถ้าหลังจากเลิกประชุมผมอยากจะชวนคุณไปดื่มชาที่ห้องผม?”
คุณหมอโรคจิตประจำราชสำนักเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงเป็นนิจ...ความหล่อเหลามีออร่าประกายไม่ได้ทำให้ลูคัสรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
กลับกัน ขนสวยๆของเขากลับลุกชัน
อยากจะหนีแต่ก็หนีไม่ได้เนื่องจากเขานั่งอยู่บนตักของเจ้าหมอโรคจิตนาม “ครูส
บาสเตียน” ซึ่งบัดนี้เขาหมายหัวมันไว้แล้วว่าเป็นบุคคลอันตรายี่สุดในแดนมนุษย์!
ลูคัสสาบาน ถ้าหากเทพเจ้ามังก—มีจริง
ได้โปรด..ต่อให้ต้องแลกด้วยลูกแก้วหนึ่งร้อยลูก เขาก็ยินดีห้ามาให้
ได้โปรดเถอะ...ช่วยเขาจากอ้อมแขนน่ากลัวนี้ที!
แค่ถูกจับมานั่งตักลูคัสก็ขนลุกจะตายอยุ่แล้ว
แต่นี่มือใหญ่ดันมาลูบส่วนต่างๆ ทั้งหูและหางของเขา มันดันโผล่ออกมาเพราะความตกใจ
ทำให้ยิ่งจุดประกายรอยยิ้มให้หมอหนุ่มคนนี้มากขึ้น
แถมด้วยความถูกใจไปอีกหลายร้อยเท่านับทวีคูณ
“ปล่อย..ปล่อยฉัน..”
ลูคัสว่าเสียงเย็นเหยียบ..แต่มันกลับไม่สะทกสะท้านผิวพรรณอันเปร่งปลั่ง
และใบหน้ารื่นรมย์นั้นเลย
“ไม่ครับ...นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ในฐานะผู้ถูกเลือกที่คุณต้องทำนะครับ”
ไอ้หมอตอแหล!
โกหกชัดๆ แถมโกหกหน้ายิ้มอีกด้วย! จุดประสงค์ของแกมันก็แค่อยากจะจับเขาไปทดลองหรือทำอะไรน่าขนลุกไม่ใช่หรือไง!
“ไม่เอาเว้ย! ปล่อย! ปล่อยสิวะ เดี๋ยวพ่อก็จับแช่ซะหรอก!”
“ถ้าคุณจับผมแช่
ผมจะใช้มีดกรีดเสื้อคุณให้ขาดตรงนี้ และเราจะเริ่ม ‘ผ่า’ รวมถึง ‘ตรวจ’ ร่างกายของคุณให้ครบ
‘ทุกซอกทุกมุม’ ตอนนี้แน่ครับ”
ครูสเอ่ยด้วยรอยยิ้ม..รอยยิ้มเคลือบยาพิษ
ลูคัหน้าซีดเผือก จากตอนแรกซึ่งพยายามดิ้นแทบเป็นแทบตาย เวลานี้เขาชะงัก
ยอมนั่งนิ่งๆเหงื่อไหลกาฬเป็นทาง
จริงอยู่ว่าคนอย่างลูคัสไม่ยอมอะไรง่ายๆ..
เพียงแต่ตอนนี้..ลางสังหรณ์มันบอกว่าเจ้าหมอนี่..เอาจริง
เท่านั้นไซบีเรียน
ฮัสกี้ก็ยอมอยู่นิ่งๆให้มือของคุณหมอโรคจิตลูบคลำไปมา
เพล้ง!
“ใบที่ 34” โยชิเอ่ยเสียงเรียบๆ
ขณะนำเศษแก้วซึ่งแตกกระจายมากองรวมๆกัน
และค่อยๆนำมันมาต่อเล่นบนโต๊ะอย่างไม่สนใจฆาตกรผู้ทำร้ายและคร่าชีวิตแก้วใบน้อยๆผู้น่าสงสารไปถึง
34 ใบเลยแม้แต่น้อย
ณ
เวลานี้...ดิแอนด์กำลังอารมณ์ไม่ดี..
เรียกว่าบูดจนถึงขั้นปล่อยรังสีอาฆาตออกมา
เขามองไปทางลูคัสซึ่งนั่งนิ่งสงบเสงี่ยมปล่อยให้เจ้าหมอโรคจิตที่พึ่งเจอกันได้ไม่ถึงห้าชั่วโมงลวนลามโดยไม่แม้แต่จะขัดขืนหรือหวีดร้อง(?)ขอความช่วยหลือใดๆทั้งสิ้น..
นี่ตกลงแล้วเจ้านั่นสมยอม(?)ให้มันแต่โดยดีงั้นเหรอ!?
ดิแอนด์กัดฟันกรอด..มือควานหาอะไรบางอย่างหวังบีบเพื่อระบายอารมณ์..เขาไม่ใช่คนโง่
เพราะจะบีบแก้วแตกเขาก็มีเวทย์รักษา..ถึงจะมีเลือดก็รักษาให้มันกลับเป็นดังเดิม
ดังนั้นเรื่องแผลไม่ใช่ปัญหา เมื่อเห็นมือกำลังควานหาอะไรบางอย่างของลูคัส
ดวงตาวาววับของใครบางคนก็แสยะยิ้ม ดันบางอย่างเข้าไปในมือของดิแอนด์
ด้วยความเคยชินเขาจึงเผลอบีบมัดโดยไม่รู้ตัว
“อึ่ก..!?” ดิแอนด์กัดฟัน...มองบางสิ่งในมือของตน..มันเป็นกระบองมีหนามอันเล็กๆทำจากเศษแก้วแกะสลักสวยงาม...แน่นอนว่าพ่อบ้านไม่มีทางส่งแก้วแบบนี้มาให้เขา..นอกจาก..
“หึ..โง่..” เจ้าแมวดวงตาสีเทาฝั่งตรงข้ามเอ่ยเยาะแย้ยด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
ลูคัสยิ้มมุมปาก ด้วยผลของเวทย์รักษาทำให้แผลบนมือของเขาหายไป..
“ก็ยังดีกว่าแมวบางตัวที่เอาแต่จ้องลอบกัดคนอื่นแบบไร้ศักดิ์ศรีนะครับ”
“แต่หมาบางตัวก็ดันโง่ให้ถูกลอบกัดเอง..มันช่วยไม่ได้”
ใช่..การลอบกัดจากแมวเรือนผมสีเทาแซมดำ
แถด้วยการแต่งตัวเซอร์ๆ
เป็นการลอบกัดจากองค์รักษ์ฝ่ายมาเรย์ซึ่งกำลังนั่งด้วยท่าทีสบายๆ
เอาเท้าข้างนึงพาดไว้บนหัวเข่าแถมด้วยสายตาเฉียบคมนามอาร์คิลัส..องค์รักษ์จากดิอาร์อย่างลูคัสได้แต่ส่งยิ้มให้เท่านั้น
เนื่องจากถ้าลงมือตอนนี้จะเป็นการเสียมารยาทต่อองค์หญิงแห่งแดนมนุษย์..
ดวงตาทั้งสองสบตากัน..จ้องด้วยแววตากินเลือดกินเนื้อ..
“ขออีกสิ....ฉันขอเนื้ออีกสิ
หิวจะตายแล้ว!” สุนัขสาวไซบีเรียน ฮัสกี้ว่าอย่างเอาแต่ใจ
เธอแบมือนอเนื้อจากพ่อบ้านผู้สุขุมอย่างเกวน..พ่อบ้านหนุ่มรับคำก่อนสั่นกระดิ่งเรียกให้แม่บ้านอีกหลายคนนำรถเข็นบรรจุเนื้อมากมายบนจานเข้ามา
แม่สาวไซบีเรียนยิ้มกว้างรับเนื้อมากินอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้เบื่อ
“น่าแปลกใจจริงๆ
หางนี่...”
เอียนกำลังพยายามดึงหางของตนเองจากเจ้าสุนัขพันธุ์ร็อคไวเลอร์ไม่สมประกอบแถมยังหน้าตาอย่างเนริมเต็มที่
เจ้าสุนัขผมสีดำจ้องมองหางของเขาในมือของมันด้วยแววตาสนใจแต่ใบหน้านิ่งเรียบสุดซึ้ง
อีธานพยายามดึงหางของตนกลับมา ผมสีน้ำเงินยุ่งเพราะพึ่งกัดกับเจ้าหมาข้างกายมาหมาดๆ
เกิดมาเขาไม่เคยจนมุมขนาดนี้มาก่อน..เอียนขอสาบาน!
โดยเฉพาะกับเจ้าหมาพันธุ์ร็อตไวเลอร์สติไม่เต็มนี่!
“ปล่อย..ปล่อยหางฉัน!” เขามีประสาทการรับรู้เร็วเป็นพิเศษ
เขาไม่ชอบให้ใคมาจับหางแบบนี้..
ปรกติเอียนจะตีสีหน้าหยอกล้อและยิ้มบางๆเพื่อเป็นหน้ากากเอาไว้ตลอดเวลา..เพียงแต่หน้ากากของเขามันดันใช้ไม่ได้ผลกับเจ้าร็อตไวเลอร์หน้าตาย...
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
อย่าขี้งกสิครับ นิสัยไม่ดีนะ”
“คนอย่างคุณที่เอาแต่มาจับทั่วตัวผมตั้งแต่เมื่อกี๊ไม่มีสิทธิ์พูด!”
มันยังมีหน้ามาว่าเขานิสัยเสีย! เอียนหมดแล้วซึ่งความสุขุมหรือขี้แกล้ง
ในเวลานี้เขากลับเหมือนโดนแกล้งเสียมากกว่า
พระเจ้า..หรือนี่คือบทลงโทษที่เขาไปแกล้งคนอื่นมามากมาย?
“โหดร้ายครับ มาจำกัดสิทธิ์การพูดแบบนี้
คนเราทุกคนมีสิทธิ์จะพูดนะครับ..ว่าแต่แถวนี้มีร้านตัดผมไหมครับ ผมจะพาคุณไป
วคุณดูยุ่งๆควรจะตัดนะครับ” เนริมพูดหน้าตาย
“แค่หวีก็พอครับ! แล้วสาเหตุนั่นมันคุณไม่ใช่เหรอไง!”
บรรยากาศการทะเลาะอันสนหรรษายังคงดำเนินต่อไป
โยชิเปรยตามองทั้งองค์รักษ์ฝั่งของตนหรือพวกแมว
อีกทั้งยังสหายคนสนิทอย่างเนริมที่เปิดฉากทะเลาะกับเจ้าแมวหัวสีน้ำเงินเสียงดัง..เธอมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ
ท่าทางกิริยาอันแสนสง่างามของแมวสาวพันธุ์เทอร์คิชแองโกล่าอย่างอนาสตาเซียทำให้เขารู้สึกอยากแกล้งขึ้นมานิดๆ..ไม่รู้เหมือนกัน
หรือมันจะเป็นความรู้สึกขี้เล่นของน้องหมาสายพันธุ์โกลเด้นเช่นเขา?
เอาจริงๆ..เขาไม่ค่อยมีนิสัยเหมือนสายพันธุ์ตัวเองเท่าไรหรอกนะ..
“โอ๊ะ..ชาหก..”
โยชิแกล้งปัดกาน้ำชาไปหกกระเด็นไปทางฝั่งแมวสาว
อนาสตาเซียขยับออกห่างหลบไปได้ทันทำให้มันไม่ถูกหน้าเธอ
ดวงตาสองสีของแมวสาวผมสีบลอนด์ตวัดมองชายหนุ่มหน้าหวาน
โยชิยิ้มบางๆ
“ขอโทษด้วยนะ มือมันลื่น”
“ทีหลังก็หัดทำอะไรดูสถานที่บ้าง..ไม่ใช่สักจะทำแต่เรื่องไร้มารยาท”
อนาสตาเซียว่าพลางจิบชา
โยชิมองแมวสาวด้วยแววตาเฉียบคม
“นั่นสินะ..บางทีผมก็ควรจะระวัง..เพราะก็ลืมไปว่าแมวแถวนี้เป็นพวกปากพล่อยถ้ามันมากระทบโดนผมมากๆคงจะแย่จนไขขึ้นแน่เลย”
โอ้...มายบุตดา..คู่ที่สามเริ่มแล้ว..
ถ้าหากนี่ไม่อยู่ในห้องประชุม
เกวนคิดว่าสองคนนั้นคงจะเปิดศึกกันแน่ๆ
แต่เขาไม่มีทางยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด..เพราะแค่การที่พวกเขาพูดคุยกันโดยไม่สนใจองค์หญิงตัวน้อยซึ่งกำลังจิบชาอยู่หัวโต๊ะก็นับว่าเสียมารยาทมากพอแล้ว..แต่องค์หญิงกลับไม่ว่าอะไร
แถมยังดูฉากการทะเลาะของสองเผ่าพันธุ์ด้วยแววตาสนุกสนาน
เกวนไม่เข้าใจ..ไม่เข้าใจพวกปีศาจเลยจริงๆ
ดวงตาของพ่อบ้านหนุ่มมองไปทางอีกคน..เด็กสาวนามฮันนี่กำลังยัดเนื้อมากมายเข้าปากจนเขาไม่แน่ใจว่ากะเพาะของเจ้าหล่อนสามารถบรรจุอาหารได้กี่ตัน
อย่างน้อยๆ..มันต้องมากกว่าหนึ่งตันแน่ๆ
วันนี้เนื้อคงจะขาดแคลน..ต้องสั่งมาเพิ่ม..
เสียงท้องร้องเบาๆเรียกสายตาของคุรันให้ตรงไปยังเนื้อกองโตฝั่งตรงข้าม..เธอแทบไม่ได้กินอะไรมาแต่เช้ายกเว้นแค่น้ำเปล่า..ตอนนี้ก็เป็นเวลาสายแล้วทำให้แมวสาวทะเลทรายยิ่งหิวมากขึ้น
“ยุ่งยากชะมัด” เธอพึมพำอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก
กับแค่ต้องมาอยู่ท่ามกลางที่แบบนี้
ที่ๆมีแต่พวกสุนัขขนเหม็นก็รังเกียจจะแย่...
นี่ยังต้องมาหิวอีก..จะสั่งอาหารกับพ่อบ้านนั่นก็กระไร..สู้หาบางอย่างเล่นสนุกเพื่อแก้เบื่อก่อนหาอะไรลงท้องก็ไม่เลว..
คุรันนึก..ก่อนมือจะเอื้อมไปหยิบเนื้อฝั่งตรงข้าม
เพี้ยะ!
“หยุดอยู่ตรงนั้น”
กระดูกชิ้นเล็กๆลอยตีมือของเธอซึ่งกำลังจะหยิบเนื้อน่อง...สายตาเธอมองเด็กสาวพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้เจ้าของเนื้อบนโต๊ะทั้งหมดด้วยแววตาเฉียบคม..ขณะที่ท้องกำลังร้องและถูกจับได้มันยิ่งทำให้รู้สึกอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่..คุรันไม่สนใจทำท่าจะหยิบอีกครั้งแต่กระดูกก็ถูกโยนเข้ามาอีกรอบหวังจะไล่มือของเธอให้ออกห่าง..
คุรันใช้มือจับกระดูกชิ้นเล็กๆนั่นไว้
ก่อนโยนกลับคืนไปจนไปกระทบแก้มของฮันนี่..
สุนัขสาวขมวดคิ้ว
“อย่ามาแย่งเนื้อของฉันนะ!”
“ไม่มีป้ายชื่อติดไว้ ฉะนั้นนี่เป็นของสาธารณะ”
ฮันนี่ผุดลุกขึ้นทันที
เตรียมจะร่าเวทย์เริ่มต้นการต่อสู้อีกครั้งด้วยความหวงเนื้อตรงหน้า
แต่ก่อนจะได้ลงมือเสียงหัวเราะจางคนหัวโต๊ะก็ดังขึ้น
“ฮึๆๆ...เป็นบรรยากาศน่าสนุกสนานจริงๆ..แต่เราคิดว่าทุกคนควรจะหยุดได้แล้วละ...”
เสียงขององค์หญิงแห่งแดนมนุษย์เอ่ย
เพียงแต่ดวงตาขอเธอมีแรงกดดันบางอย่างทำให้พวกเขาทั้งหมดต่างขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เสียงทุกอย่างเงียบลงไปทันที
สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปยังองค์หญิงผู้มีความน่ากลัวอันร้ายกาจ ดวงตาคู่สวยตวัดไปมองฮันนี่
“กรุณานั่งลงให้เรียบร้อยด้วย”
ฮันนี่ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดิแอนด์ก็ห้ามเอาไว้ “นั่งก่อนเถอะครับ..มันเป็นการเสียมารยาทนะครับ”
ฮันนี่ยอมนั่งลงแต่โดยดี
เด็กสาวพองแก้มอย่างไม่สมอารมณ์เท่าใดนัก
“เกวน..ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะอยู่ในความสงบแล้ว..ช่วยทีนะ”
เมื่อเห็นทุกคนต่างนั่งเงียบเรียบร้อยองค์หญิงเวริซิก้าจึงเอ่ยกับพ่อบ้านข้างกาย
“ครับ..องค์หญิงเวริซิก้า”
เกวนอยากจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเป็นล้านๆครั้ง..ในที่สุดทุกอย่างก็เงียบได้สักที..เขาเดินไปบังมุมห้อง
หยิบศิลาสีดำก้อนขนาดเท่าฝ่ามือมาวางเบื้องหน้าองค์หญิง
เวริซิก้ายื่นมือทัง้สองข้างไปวางขนาบก้อนหิน พึมพำภาษาบางอย่าง จากนั้น
ศิลาสีดำก็พลันมีประกายแสงสว่างเกิดขึ้น มันกลายเป็นรูปภาพทรงสี่เหลี่ยม
มันมีภาพของมงกุฎสีขาวสวยงาม ตกแต่งด้วยอัญมณีและเพชรพลอย
เมื่อภาพฉายขึ้น เวริซิก้าขึงเอ่ย
“นี่คือมงกุฎแห่งสามอาณาจักร..ที่พวกเจ้าจะทำการแย่งชิงกันในครั้งนี้...โดยปัจุบันมันเป็นของราชาแห่งสามอาณาจักรบนเกาะลอยฟ้าอย่างที่ทุกคนทราบกันดี”
เธอยืนขึ้นพลางผายมือไปยังภาพ “ที่เราให้พวกท่านดูไม่ใช่เพราะต้องการโชว์หรือเป็นการกระตุ้นอะไรทั้งนั้น
เพราะมีเรื่องสำคัญกว่าการให้พวกท่านดูภาพนี้...ทุกคนพอจะรู้จักท่านพี่ของเรา
เวนซ์เซนต์ รอวซ์เซินต์ บ้างใช่ไหม?”
อาร์คิลัสตอบเสียงเรียบ “ฉันเคยได้ยินข่าวลือมาบ้าง...ว่าเจ้าชายแห่งแดนมนุษย์เป็นบุตรชายเพียงคนเดียว
ดูเหมือนพระราชาจะฝากฝังให้เขาเป็นผู้คัดเลือกตำแหน่งราชา..และระหว่างทางที่มาฉันก็ได้ยินข่าวลือแปลกๆด้วย..”
เวริซิก้ายิ้ม “ข่าวลือที่ว่า..คือข่าวลือของท่านพี่สินะ..ข่าวลือที่ว่าท่านหายตัวไป”
“ฮะๆๆ ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับนี่?” โยชิพูดยิ้มๆ
ด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง
“ข่าวลือก็แค่ข่าวลือไม่ใช่หรือไง..จะว่าไปมันก็น่าสงสัยนะคะว่าทำไมเจ้าชายถึงไม่ยอมมาเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้...หรือว่ามันจะเป็นจริง?”
อนาสตาเซียเอ่ยถามเสียงสูงเล็กน้อย..เธอรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ..
“เจ้าชายหนีไปแอบกินหมูย่างแน่ๆครับ!” เนริมพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“เขาไม่ใช่คุณนะครับ!
เลิกพูดอะไรใกล้ๆผมทำให้มันน่าปวดหัวซะทีเถอะครับ” อีธานหรือเอียนต่อว่าอีกฝ่ายด้วยท่าทีเหลืออดเต็มทน
ฉากการประชุมก็กลายเป็นการเถียงไปอีกครา
เกวนกำลังจะตักเตือนแต่องค์หญิงเวริซิก้าก็ห้ามเอาไว้ก่อนพลางส่งสายตาเป็นเชิงว่าอย่า
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ถ้าเราบอกว่าใช่..พวกท่านจะว่ายังไงละ?”
ทุกสายตาหันไปมองผู้พูดทันใด...เวริซิก้ายังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า
หากแต่พวกน้องหมาและน้องหมวในห้องต่างไม่ยิ้มไปด้วย
พวกเขาเบิกตากว้างน้อยๆเป็นเชิงว่าข่าวลือไร้สาระเป็นจริง...เนื่องจากตอนมาถึงที่นี่พวกเขาไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าใดนัก
หรือเพราะในเมืองไม่มีการประกาศตามหาเจ้าชายอย่างแน่ชัดกันแน่..
เกวนคาดการ์ณไว้แล้ว..ที่เมืองนี้ไร้ซึ่งป้ายประกาศตามหาใดๆก็เพราะเป็นคำสั่งโดยตรงจากพระราชา..เนื่องจากไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายมากไปกว่านี้
แต่ข่าวก็คงไม่มีทางปิดได้มิด..มันรั่วไหลออกไปจนชาวเมืองต่างก็รู้กันดี
นับว่าคงไม่มีทางแก้ไขอะไรได้อีกแล้วนอกจากไปตามหาตัวเวนเซนต์กลับมา..
วังว่าคงไม่ไปนอนสลบอยู่ที่ไหนอีก..แค่คิดก็ชักจะเป็นห่วง...
“จริงหรือครับ?”
ดิแอนด์ถามย้ำทำลายความเงียบ
“แน่นอน..ข่าวลือเป็นความจริง..ท่านพี่เวนเซนต์หายตัวไปจากพระราชวัง..หรือต้องเรียกว่าหนีก็ได้...นี่คือสิ่งสำคัญว่าที่เราต้องการจะบอก”
“แล้วแบบนี้การคัดเลือกละจะว่ายังไง...ผู้คัดเลือกหายตัวไปซะแล้ว..หรือว่าเธอจะมาทำหน้าที่แทนพี่ชาย?” อาร์คิลัสเอ่ยถาม
เขาเองก็ขัดใจไม่น้อย..
“ไม่มีทาง..เราไม่ได้รับมอบหมายตำแนห่งนี้จากองค์ราชา
และในตอนนี้ท่านกำลังทรงประชวรอยู่..ดังนั้นในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดในยามนี้ เราจะขอยืดเวลาการคัดเลือกเพื่อทำบางสิ่ง”
องค์หญิงเวริซิก้าว่า..สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมายังเธอ..แต่เด็กสาวไม่มีท่าทีเกร็งเลยแม้แต่น้อย
เธอหันไปทางคุณหมอหนุ่มซึ่งกำลังกอดเจ้าหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ในอ้อมกอด
“ครูส...จากนี้เกมก่อนการคัดเลือกจะเริ่มขึ้น..ช่วยทำหน้าที่ของเจ้าด้วย”
ครูสแย้มยิ้มก่อนอุ้มร่างของลูคัสขึ้นในท่าเจ้าหญิง “รับทราบครับ..องค์หญิงเวริซิก้า”
“เฮ้ย! แกจะพาฉันไปไหน! ปล่อยนะเว้ย!”
ลูคัสโวยวายไม่หยุดเมื่อจู่ๆก็ถูกอุ้มในท่าเสียศักดิ์ศรี อยากจะหนีก็หนีไม่ได้
เพราะดวงตาน่าขนลุกทำให้ทั้งร่างสั่นไปหมด หมอหนุ่มอุ้มร่างของลูคัสเดินออกไปจากห้อง
ก่อนเวริซิก้าจะหันมายิ้มให้ทุกคนอย่างซื่อๆ
“เอาละ..จากนี้เราจะมีเกมให้พวกท่านได้เล่นก่อนการคัดเลือก..”
“ถ้าพวกเราไม่เล่นละ?” อนาสตาเซียเอ่ยอย่างทะนง
“นั่นก็เรื่องของท่าน..เราไม่อาจขัด..เพียงแต่ท่านจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการเป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือกก็เท่านั้น”
เธอตอบเสียงไม่ยี่ระ อนาสตาเซียกัดฟัน “นี่เธอ..”
“เกมๆนี้มันสำคัญกับการคัดเลือก..ถ้าหากพวกท่านไม่คิดจะเล่น..ก็จะไม่มีใครผ่านการคัดเลือดของการเป็นราชาแห่งสามอาณาจักร..โดยปรกติคนที่คัดเลือกก็คือผุ้ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่อย่างท่านพี่เวนซ์เซนต์...แต่ในยามนี้ท่านพี่ไม่อยู่..”
“เกมที่ว่าก็คือ..การตามหาตัวเจ้าชายเวนเซนต์ รอวซ์เซินต์
ไม่มีรางวัลอะไรทั้งนั้น..ข้อกำหนดคือายในเวลาสองเดือน พวกท่านจะต้องนำตัวท่านพี่กลับมาได้..ไม่อย่างนั้น..”
เวริซิก้าเก็บศิลาทำให้รูปภาพของมงกุฎหายไป
“ก็จะไม่มีใครในที่นี้ได้ดำรงตำแหน่งราชาแห่งสามอาณาจักร..และเราจะทำการคัดเลือกผู้อื่นแทน..ที่ไม่ใช่สองอาณาจักรอย่างพวกท่าน”
คำประกาศิตถูกตั้งขึ้นมา..
จะเหลือก็แค่..รอดูโชว์สนุกๆก็เท่านั้น
เวริซิก้าหัวเราะในใจ
อื้อ...ยกโทษ ไม่ยกโทษ ยกโทษ ไม่ยกโทษ..
“ข้าขอโทษ..ข้า...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว พอกันที!”
แค่นี้ข้าก็เจ็บช้ำมากพอยู่แล้ว..ฮือออ
ถามว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่ถึงได้เปิดมาก็คร่ำครวญตลอดเวลา
เหอะ..พวกเจ้าไม่เคยเจอชะตากรรมอันแสนโหดร้ายแบบข้า พวกเจ้าไม่รู้หรอก! มันเจ็บปวดมากขนาดไหนรู้ไหม..การที่จะโดนใครสักคนที่เชื่อใจหักหลังแถมทรยศความไว้ใจ(ที่ข้าไม่เคยมี)ตั้งแต่แรก!
....เมื่อวานข้าพึ่งจะตกหลังคา..ไม่สิ..ต้องบอกว่าถูกเจ้าคนสะเพร่ามือลื่นจนทำให้ตัวข้ากลิ้งออกจากอ้อมอกของเขาดิ่งพสุธาสู่พื้นโลก
ในตอนนั้นข้าสวดมนต์แทบตาย
ภาวนาให้ตนเองไม่ตาย..อย่างน้อยถ้าตายก็ศพสวยๆไม่ต้องเละมากนักจะได้พอดูได้ให้ท่านพ่อไม่ทุกข์ใจตายเพราะเห็นว่าข้าตายอย่างทรมานด้วยสภาพศพเละสุดอนาถ
แต่ในตอนนั้นเงอที่เจ้าบ้าซิลเวอร์เข้ามาช่วยข้าไว้ทัน มันใช้พลังน้ำแข็งสร้างเบาะรองรับให้ข้า
ส่วนตัวมันก็กระโดดข้ามหลังคาดิ่งตามข้ามาติดๆแถมคว้าตัวข้าไว้ในอ้อมแขนและใช้ตัวรองรับความเย็นๆของเบาะรองน้ำแข็งที่มันสร้างขึ้นอีก
ทำให้ข้าไร้ซึ่งบาดแผล
แต่ข้าโกธร!
คิดว่าช่วยข้าแล้วข้าจะหายโกธรเจ้า!? ฝันไปเถอะ อย่าทำตัวเป็นพระเอกให้ข้าหมั่นไส้หน่อยเลย
เจ้าตัวสร้างน้ำแข็งไม่สมประกอบ
“ไม่ต้องมายุ่งกับข้า!”
“นี่เจ้าโกธรข้าจริงๆหรือ..ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ได้ตั้งใจ..”
ความไม่ตั้งใจของเจ้ามันจะส่งข้าไปยมโลก!
ข้ายังไม่อยากไปรายงานตัวกับยมบาลตัวแดงในยมโลกตอนนี้
หรือไม่ว่าจะเป็นยมทูตถือเคียวข้าก็ไม่พิศวาทมันทั้งนั้น
ตอนนี้ข้ากับซิลเวอร์กำลังนั่งอยู่ในทุ่งหญ้าติดกับหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเป็นหมู่บ้านซึ่งห่างไกลจากหมู่บ้านที่ข้าเจอซิลเวอร์พอสมควร
ฤดูกาลมันต่างกันลิบลับเพราะแถวนี้มันไม่ค่อยธรรมดา..เนื่องจากเปนหมู่บ้านพิเศษที่ไม่เคยมีหิมะ
มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ตลอดปี เพราะเทพเจ้าแถวนี้ไม่ค่อยความหนาวเหน็บ
ช่างปะไร..ขอแค่ไม่หนาวตายข้าก็พอใจ
เจ้าซิลเวอร์มันลงทุนลงแรงใช้เวทย์ข้ามมิติพาข้ามาที่นี่
ทำให้ตัวมันหมดพลังชั่วคราวเนื่องจากเวทย์นี้ต้องใช้พลังเยอะ
มันเลยต้องหยุดพักเป็นวันสองวัน แต่ข้าไม่สน ในเมื่อข้าไม่ได้ใช้สักหน่อย..
แถมมันยังมาง้อข้า
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันเมินข้าไม่สนใจข้าแทบตาย ดังนั้นข้าขอใช้ให้คุ้มหน่อยเถอะ!
“แต่เจ้าทำข้าเกือบตาย..ถ้าตอนนั้นเจ้ามารับข้าไม่ทันข้าคงได้ไปเกิดแน่”
“แต่ข้าก็รับเจ้าทันไม่ใช่หรือ? เลิกงอนไร้สาระเหมือนผู้หญิงสักที”
“ข้าไม่ใช่ผู้หญิง! เจ้ามันตัวสร้างน้ำแข็งโหดร้ายป่าเถื่อนที่สุด!”
...ใช่..โหดร้ายแม้กระทั่งกับเจ้าชายผู้น่ารักเช่นข้าได้
โหดร้ายที่สุด...ซิลเวอร์ถอนหายใจราวกับเหนื่อยใจ
มันมองไปรอบๆเพราะเห็นว่าง้อข้าต่อไปก็คงจะไม่มีประโยชน์
รอบๆนี้เป็นทุ่งหญ้ามีดอกไม้เต็มไปหมด
ข้างหลังของพวกเราก็มีเส้นทางเล็กๆสู่หมู่บ้านสวยงาม
“เจ้าเลิกงอนอะไรไร้สาระสักที..เฮ้อ..เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นข้าจะออกไปข้างนอก
อาจจะไม่ได้กลับจนเช้าเจ้าก็นอนไปแล้วกัน..ถ้าจะเดินทางกับข้าก็อย่าสร้างความเดือดร้อนมากนัก”
ซิลเวอร์พูดด้วยสีหน้าเรียบๆดังเดิม
“เชอะ ข้าไม่ยุ่งกับเจ้าหรอก!”
ข้าสะบัดหน้าหนี..ใครจะไปสนใจกันละ..
ข้าไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว เจ้าซิลเวอร์เห็นข้ารับปากก็ไม่ว่าอะไร
ก่อนพวกเราจะพากันเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เนื่องจากเจ้าซิลเวอร์มันหาที่พักได้แล้ว
แต่ที้ขากับมันมาเล่นฉากง้อกันที่สวนก็เพราะว่าข้าโกธรจนเดิหนีมันมา
และมันก็เดินตามมาพูดกระแทกทำร้ายจิตใจข้าต่ออย่างโหดร้าย..ก่อนจะลงทุนง้อราวกับตกหัวและลูบหลังก็ไม่ปาน..
ข้าถึงได้บอก..ว่าคนอย่างซิลเวอร์มันป่าเถื่อน!
ดังนั้นพระเจ้า..ท่านควรพิจรณาใหม่
ก่อนจะให้หน้าตากับคนนิสัยเสียยอย่างมัน ควรจะเอามาให้ข้า!
ข้าคิดระหว่างพากันเดินกลับไปโรงพักแรมกับซิลเวอร์
มันมองหน้าข้าซึ่งกำลังคิดนินทามันอยู่ในใจ “เจ้าเป็นอะไร..ท้องเสียเหรอ?”
เสียมารยาท..! หน้าข้าออกจะหล่อเหลาเหมือนเทพบุตรพึ่งจุติมาหมาดๆ
“เจ้านั่นแหละที่ท้องเสีย!”
พอเห็นมันยิ้มเยาะเย้ยข้า..ข้าก็ยิ่งอารมณ์เสียกว่าเดิม..พอมองรอบๆข้าก็เห็นว่าสาวๆทั้งหลายต่างก็มองมาที่มันด้วยความสนใจในหน้าตาแสนหล่อจนน่าคว้าตะหลิวข้างทางมาฟาดให้ยับ
ให้มันบุบเข้าไปมิดๆจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม
“ข้าได้ข่าวมาว่าตอนกลางคืนจะมีแวมไพร์ออกอาละวาดแอบเข้าบ้านคนเพื่อหาเลือด..อย่าตามข้ามาแล้วกัน
หึหึ”
ซิลเวอร์พูดพลางหัวเราะในลำคอ
คิดว่าข้าจะกลัว..? ไม่กลั๊ว! คนอย่างข้าน่ะเหรอ..ไม่มีทาง!
ข้าฉีกยิ้มมั่นใจพลางกอดอก
“หึ..ข้าไม่มีทางทำแบบนั้น..ของแบบนั้นก็แค่ข่าวลือ..”
ข้าว่าพลางส่งยิ้มให้คนในหมู่บ้านซึ่งกำลังมองพวกข้าเป็นจุดเดียว..การอยู่กลางหมู่บ้านก็ลำบากเหมือนกันนะมีแต่คนเห็นหน้าตา...แต่ส่วนใหญ่มันจะมองไปทางซิลเวอร์
ข้าได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ..รอวันดักตีหัว..
“หึ..ข้าจะรอดู..เวนเซนต์”
ตะวันตกดินอย่างรวดเร็วจนข้าแอบคิดว่ามันใช้อะไรเร่งเวลาหรือเปล่า
สายลมเย็นยะเยือกจากลมกลางคืนทำให้ข้ารู้สึกหนาวเหน็บขึ้นสมอง ทุกคนในหมู่บ้านต่างปิดประตูหน้าต่างมิดชิดไม่มีใครกล้าออกมา..เป็นจริงอย่างที่เวนเซนต์บอก
ข่าวลือว่าหมู่บ้านนี้ยามตกกลางคืนจะมีแวมไพร์ออกอาละวาด ทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัว
ก็แค่ข่าวลือจะกลัวอะไรกันนักหนา ข้าละไม่เข้าใจจริงๆ
“ฮ..ฮัดชิ้ว!” ข้าจามออกมา
แอบสะดุ้งเล็กน้อยกลัวว่าคนที่กำลังเดินอยู่ตรงถนนจะได้ยิน..
แต่พออีกฝ่ายไม่มีปฎิกิริยาตอบสนอง
แถมยังเดินต่อไปทำให้ข้าโล่งใจ..
ตอนนี้ข้ากำลังสะกดรอยตาม
เอ๊ย กำลังคอย..เอ่อ..คอยมาส่งซิลเวอร์
ข้าไม่ได้ตามเขา
ไมได้กลัวเจ้าแวมไพรือะไรทั้งนั้น! ข้าก็แค่เป็นห่วงซิลเวอร์เฉยๆเท่านั้น
บางทีมันอาจจะมีอันตราย
ยิ่งมันดูซื่อๆบื้อๆทำอะไรไม่เป็นข้าเลยต้องมาตามมาเป็นผู้ปกครองคอยตามห่วงๆอยู่ห่างๆเท่านั้นเอง..ก็แค่นั้น
ขอบอกเลยว่าพวกเจ้าไม่ต้องทำสายตาเหมือนไม่เชื่อข้า ข้าพูดความจริงหรอก
พวกเจ้าต่างหากที่ไม่เชื่อข้า!
นี่ข้าพูดความจริงนะ..หัดเชื่อข้ากันบ้าง!
ว่าแล้ว..ก็ขอจัดทรงสร้อยร้อยด้วยกระเทียมดีๆก่อน..
----------------------------------------------------------
//หลบร้องเท้าอะไรต่างๆ
กลับมาแล้วค่ะ..จะมีคนอ่านอยู่ไหมเนี่ย ฮรือออ TwT
ไม่มีอะไรจะแก้ตัว..เนื่องจากความติดเกมของไรท์เอง..บวกกับความที่ปัญหาหลายอย่างทำให้หมดฟีลหลายต่อหลายครั้ง..
แต่ไรท์จะไม่ทิ้งนะคะ!
ส่วนตอนนี้..ไม่มีอะไรมาก..อาเมนให้กับใครดี...
O W E N TM.
ความคิดเห็น