ตอนที่ 8 : บทที่ ๓
นางเยาวภามองคนตอบยิ้มๆ แล้วหันไปสบตาคนพูด
“ที่มาเนี่ยว่าจะมาหารถเกี่ยวไปเกี่ยวข้าว สักวันที่สิบห้า”
“ได้สิ เดี๋ยวฉันบอกลูกชายให้ เนี่ยวันนี้พวกลูกน้องก็มารอแล้ว จะออกไปเกี่ยวแถวทุ่งหลวงชาวบ้านเขามาหาร้อยกว่าไร่” นางแย้มบอกเล่าให้อีกฝ่ายฟัง พอดีกับที่ร่างสูงของภาสกรก้าวมาสมทบเช่นเดียวกับที่แคทรียาหันไปเห็นแล้วก็ต้องเลิกคิ้วสูงทันที
“พี่ภาส”
นางแย้มมองสาวสวยแล้วหันไปมองลูกชาย ขณะที่คนตัวโตมาหยุดอยู่ข้างๆ นางมองตามสายตาของลูกชายที่สบตาสาวสวยแล้วใจกระตุก
“ไปไหนมาน้าเยาว์” ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงวัยกลางคนแต่สายตาเลื่อนมองสาวสวยแล้วยิ้มให้ จนมารดาสงสัยว่าไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน
“สองคนนี้รู้จักกันหรอกหรือ” นางเย้มเอ่ยถามลูกชาย อีกฝ่ายพยักหน้า
“รู้จักสิแม่ ก็น้องแคทเป็นน้องสาวตรัน เจอกันหลายหนแล้ว”
นางเยาวภาพยักหน้าแล้วบอก
“เมื่อวานยังพาแคทไปเที่ยวมาเลยใช่ไหมภาส น้าเห็นเอ็งขับรถเครื่องคันใหญ่ไปรับแคทที่บ้าน”
นางแย้มหันมองลูกชาย ใบหน้าเจือยิ้ม แต่แววตานั้นมีรอยตำหนิและกังวลเจือปน
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง” เอ่ยยิ้มๆ กับลูกชาย แล้วหันไปมองสาวสวยตรงหน้า คราวนี้นางมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ ทำให้ต้องยอมรับอยู่ในใจว่าผู้หญิงที่เจ้าลูกชายหายไปด้วยกันทั้งวันนั้นมีความงามแปลกและงามกว่ายุวดีอย่างไม่อาจเอามาเทียบกันได้ ทว่าเรื่องของนิสัยใจคอต่างหากที่นางยังกังขา จะนิสัยดี มีความอดทน ขยันขันแข็งมากน้อยเพียงใด คิดแล้วก็หลุบตามองมือเท้าของหญิงสาว มือบางเท้าบาง ผิวบางแบบนี้มีแต่นั่งเป็นคุณนายชี้นิ้ว ไม่เคยต้องทำงานหนัก
นางแย้มลอบผ่อนลมหายใจยาว ยิ่งเมื่อหันไปเห็นสายตาเจ้าลูกชายที่มองแม่สาวสวยตรงหน้าขณะที่กำลังพูดคุยอยู่กับนางเยาวภาก็ทำให้คนเป็นแม่เกิดความหนักใจมากยิ่งขึ้น
“น้าเยาว์จะให้ผมไปเกี่ยวให้วันไหนล่ะ ก่อนกลับเห็นใจมันบอกว่าน่าจะสัก สิบห้าสิบหก”
“สิบห้าก็น่าจะเกี่ยวได้แล้ว ว่าแต่ว่างไหม”
ภาสกรพยักหน้ายิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่แคทรียาชอบมากที่สุด เพราะเป็นรอยยิ้มจริงใจเปิดเผย
“ว่างสิน้า ผมวางคิวเอาไว้ให้แล้ว ไม่ต้องห่วง จะห่วงก็แต่ฟ้าฝน พักนี้ยิ่งเป็นผีบ้า นึกจะตกมันก็ตกไม่ลืมหูลืมตา นึกจะหายมันหายไปเลย ร้อนตับจะแตกตายอยู่แล้วเนี่ย”
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้แหละภาส งั้นน้ากลับก่อนนะ ไปแคท”
หญิงสาวหันไปไหว้ลานางแย้ม แล้วเอ่ยกับภาสกรด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานติดแปร่งตามแบบฉบับของหล่อน
“แคทกลับก่อนนะคะ”
“ครับ ว่างๆ พี่แวะไปหา อยากไปเที่ยวที่ไหนก็บอก เดี๋ยวพี่พาไป”
ชายหนุ่มขันอาสาขณะเดินไปส่งสองอาหลานที่รถเครื่อง นางแย้มมองตามพร้อมรอยยิ้ม เมื่อคนทั้งคู่กลับออกไปนางก็หันมามองลูกชายที่ยังยืนยิ้มแป้นน่าหมั่นไส้
“ที่แท้เอ็งก็พาลูกสาวพ่อกลางไปเที่ยว คิดเหรอว่าผู้หญิงแบบนั้นจะยอมทนลำบากกับคนอย่างเรา เขาอยู่เมืองนอกเมืองนา ชีวิตไม่เคยต้องลำบากแบบที่แกต้องเจอทุกวัน แล้วจะทนได้เหรอ คิดจะทำอะไรก็ดูความเหมาะสมด้วย ไม่ใช่หลงแค่รูป คนเราน่ะ ต้องคิดให้มันกว้างๆ มองให้มันไกลๆ มองไปถึงอนาคตด้วย จะเลือกใครเป็นคู่ชีวิตสักคน เลือกที่เหมาะกับเราจะดีกว่า”
ภาสกรถอนหายใจยาว เขาหันไปมองมารดาแต่นางหันหลังเดินกลับเข้าบ้านเรียบร้อย ทำให้ชายหนุ่มต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินตรงไปยังลูกน้องที่เป่าปากเฟี้ยวฟ้าวเอ่ยแซวทันทีที่เขาเดินไปถึง
“โหพี่ภาส สาวที่ไหนอะ ส้วยสวย คนนี้ตัวจริงหรือเปล่าพี่”
ทุกคำถาม กลับได้รับคำตอบเป็นความว่างเปล่า ยิ่งสีหน้าขรึมๆ และแววตาเคร่งเครียดทำให้คนที่คิดจะแซวต่อหุบปากเงียบกริบไปตามๆ กัน
“เสร็จแล้วใช่ไหม”
“ครับพี่”
“งั้นออกเดิน” ภาสกรสั่งความ แล้วเดินไปที่รถกระบะคันเก่งของตนเองทันที เมื่อลูกพี่นำหน้า ลูกน้องก็หันมามองตากัน ทำหน้าเหลอหลา ก่อนจะส่ายหัวแล้วเดินทางไปยังทุ่งนาที่นัดหมายเอาไว้
อีบุ๊ก พี่ภาส มาแล้วนะคะ ไปโหลดกันได้เลยจ้า ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและอุดหนุนนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
