คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #169 : บทที่164: กระต่ายโอเวอร์โหลด
บทที่164 กระต่ายโอเวอร์โหลด
“นี่ แล้วเธอตามชั้นมาได้ยังไงน่ะ” มาตาร์ถามหญิงสาวผมม่วงออกมาตรงๆ หลังจากที่เขาไปส่งภารกิจเรียบร้อยแล้ว กำลังเดินออกจากอาคารของระบบ
“อะไรกัน ปกติเค้าถามเรื่องความสามารถของคนอื่นกันด้วยเหรอ ละลาบละล้วงเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวผมม่วงตอบกลับพร้อมกับเดินตามชายหนุ่มหัวฟูไป
“...” มาตาร์มองกลับมาแบบเคืองๆทันทีที่ได้ยินคำตอบของหญิงสาว ‘แปลว่าเธอถามคนอื่นได้แต่คนอื่นห้ามถามเธอสินะ’
“บอกให้ก็ได้ เพราะเดี๋ยวนายก็จะเห็นชั้นใช้มันอีกอยู่ดี มันคือความสามารถเคลื่อนที่ในพริบตาไงล่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มกลับไปที่ชายหนุ่ม
“...เหรอ” มาตาร์ตอบกลับแบบแกนๆ เขาก็คาดว่ามันต้องเป็นความสามารถประเภทนั้นอยู่แล้ว แต่ที่อยากจะรู้จริงๆคือเงื่อนไขการใช้งานต่างหาก ‘คงไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนมาไหนอย่างอิสระหรอกนะ ขนาดทะลวงศูนย์ของเรายังได้แค่ระยะตามองเห็นเท่านั้นเอง แต่ยัยนี่เหมือนจะเคลื่อนได้ไกลกว่านั้น’
“แหม แอฟโรก็ ถ้าอยากเห็นก็เอานี่ไปนะ” หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มอีกพร้อมกับส่งไพ่ใบหนึ่งมาให้เขา
“หืม? ...ไพ่?” มาตาร์รับไพ่มาแล้วก็พลิกมันไปมา ก็เห็นว่ามันเป็นไพ่พลาสติกแบบธรรมดาใบหนึ่ง ‘สองดอกจิก?’
“เชิญนายวิ่งหนีชั้นไปได้เลย แต่ว่าอย่าทิ้งไพ่นะ” หญิงสาวยังยิ้มไม่หุบ
“...หรือว่า เธอเคลื่อนที่ตามไพ่ใบนี้ได้” มาตาร์เข้าใจทันทีว่าวิโอล่าหมายความว่าอย่างไร เพราะการบอกว่าไม่ให้ทิ้งไพ่หมายความว่าไพ่นี่แหละที่เป็นสิ่งของที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่
“ใช่แล้วล่ะ” หญิงสาวผมม่วงยอมรับแต่โดยดี
“แปลว่าเธอเอาไพ่มายัดใส่ให้ชั้นเหรอเนี่ย!” มาตาร์พูดแล้วก็คลำไปตามร่างกายทันที แปลว่าครั้งแรกที่หญิงสาวผมม่วงตามเขามาได้เพราะเธอแอบสอดไพ่ไว้ที่ตัวเขาแน่นอน แล้วก็แวบตามมาเมื่อเขามาถึงอาคารของระบบนี้
“หาให้ตายก็ไม่เจอหรอก ไพ่ที่ใช้แล้วมันก็หายไปน่ะสิ” หญิงสาวผมม่วงกล่าว
“หายไปเหรอ? อย่างนี้ก็ไม่เหลือหลักฐานด้วยน่ะสิ” มาตาร์กกล่าวอย่างตกใจ ‘ความสามารถบ้าอะไรเนี่ย อย่างนี้ถ้าซ่อนไพ่เอาไว้ก่อน แล้วอยากจะกลับไปที่ไหนก็ไปได้ง่ายๆเลยน่ะสิ’
“มันหมายความว่าไพ่ที่ใช้จะลดลงไปเรื่อยๆต่างหากล่ะ ถ้าใช้บ่อยๆพอไพ่หมดก็ใช้ไม่ได้แล้ว แถมมีระยะจำกัดด้วยนะ ไม่ใช่ว่าไกลแค่ไหนก็ใช้ได้ ...จริงๆก็ไม่เคยวัดระยะหรอกนะ แต่ก็น่าจะภายในรัศมีสิบกิโลเมตรมั้ง” หญิงสาวเฉลยความสามารถของเธอออกมาโดยไม่ต้องร้องขอ ทำเอามาตาร์แปลกใจไปเหมือนกันว่าทำไมหญิงสาวคนนี้ถึงได้ยอมบอกง่ายๆ
“สิบกิโลเหรอ ...ถ้ายังอยู่บนแอตแลนติสนี่ก็คือหนีเธอไม่พ้นสินะ” มาตาร์กล่าว เขาไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ เขาบอกเธอไปตรงๆเลยว่าคิดจะหนี
“ช่าย หนียังไงก็ไม่พ้นหรอก” หญิงสาวยิ้มรับตรงๆเหมือนกัน การที่เธออธิบายความสามารถของเธอให้ชายหนุ่มหัวฟูนี่ฟังอาจจะต้องการบอกเขาว่าอย่าคิดหนีดีกว่า
ความสามารถไพ่เคลื่อนย้ายของวิโอล่าเกิดจากพลังจิต ซึ่งก็ยังมีเงื่อนไขที่เธอไม่ได้บอกมาตาร์อีกก็คือ ถ้าอยากจะวาร์ปไปหาไพ่เป้าหมายได้ ต้องจับคู่ไพ่ให้รวมกันได้สิบ อย่างเช่นมาตาร์ถือไพ่สองดอกจิกอยู่ วิโอล่าก็ต้องใช้ไพ่เบอร์แปดเท่านั้น ซึ่งจะเป็นดอกอะไรก็ได้ ถ้าไพ่เป็นขอบ พวกแจ๊ค ควีน หรือคิง ก็ต้องจับคู่กับไพ่หน้าเหมือนกันเท่านั้น หรือพูดง่ายๆว่า มีกฎแบบเดียวกับการเล่นไพ่ผสมสิบนั่นเอง โดยไพ่ใหญ่กว่าเท่านั้นถึงจะวาร์ปไปหาไพ่ใบเล็กได้ ซึ่งวิโอล่าสามารถให้เป้าหมายถือไพ่ใบใหญ่แล้วเธอถือไพ่ใบเล็กก็ได้ ซึ่งจะเป็นการเรียกเป้าหมายกลับมาหาเธอแทน ส่วนไพ่ขอบ หมายเลขห้า และหมายเลขสิบนั้นใช้ได้ทั้งสองกรณี ซึ่งเมื่อวาร์ปครั้งหนึ่งแล้วไพ่ทั้งคู่ก็จะหายไป เมื่อหญิงสาวใช้ไพ่หมดแล้ว เธอก็แค่หยิบสำรับใหม่ออกมาใช้เท่านั้นเอง แต่ต้องใส่ความสามารถลงไปในไพ่สำรับใหม่ทุกครั้งด้วย ซึ่งก็ต้องเสียพลังวิญญาณและพลังจิตเยอะพอสมควร
“ก็ไม่แน่หรอก ถ้าชั้นอยากจะหนีจริงๆ จะเก็บไพ่เอาไว้กับตัวทำไมล่ะ” มาตาร์พูดพร้อมกับเสียบไพ่เอาไว้ที่ข้างเอว
“ชั้นก็ซ่อนไพ่เอาไว้สิ เรื่องอะไรจะบอกล่ะว่ายัดไพ่ใว้แล้ว ...ที่สำคัญ ชั้นโกหกว่าใช้ไพ่รึเปล่าก็ไม่รู้ บางทีอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ โฮะๆๆๆ” หญิงสาวพูดดักทางมาตาร์เอาไว้ด้วย ซึ่งมันก็เป็นการบลัฟของเธอเท่านั้นแหละ
“...” มาตาร์เงียบไม่ต่อคำอีก ‘นั่นน่ะสิ ยัยนี่จะมาเฉลยความสามารถของตัวเองให้เรารู้ทำไม’
ซึ่งมาตาร์ก็ติดกับเข้าเต็มๆ และอาจจะเป็นเพราะเขาขี้เกียจคิดมากด้วย ตอนนี้หญิงสาวผมม่วงคนนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อนอะไร ดังนั้นถึงจะโดนหลอกก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครน่ะ” หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่พูดขึ้น
“วิโอล่า เพิ่งเข้ามาในแอตแลนติสนี่เมื่อเดือนที่แล้ว ปกติก็ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครเท่าไหร่ด้วย” เสียงหญิงสาวอีกคนหนึ่งตอบกลับมา
“ดูท่าทางผู้หญิงคนนี้จะมีเป้าหมายอะไรซักอย่างนะ ...นายแอฟโรนี่ด้วย ภารกิจมีเป็นร้อยไม่เลือก ไปเลือกภารกิจทำความสะอาดท้องเรือ คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก” หญิงสาวที่เก้าอี้หนังพูดขึ้นอีก
“จะให้ชั้นตามประกบเลยมั้ย ถ้าทั้งคู่เข้าสู่พื้นที่ท้องเรือได้แล้วเราจะขาดการติดต่อนะ” หญิงสาวอีกคนกล่าว
“ยังไม่ต้องหรอกสปีน่า ท้องเรือไม่ได้ไปกันง่ายๆ เอาไว้อีกสามสี่วันก็ได้” หญิงสาวบนเก้าอี้หนังกล่าว
“อืม แต่เจ้าหัวฟูนี่มีฝีมือดีกว่าที่คิดนะ ถ้าเทียบกับระดับแค่นี้แล้ว ฆ่าสัตว์อสูรระดับมากกว่าตัวเองเกินร้อยได้ง่ายๆเลย แถมเล่นกำลังล้วนๆด้วยไม่ใช่วิชาต่อสู้” สปีน่ากล่าวพร้อมทั้งหลับตาแล้วนั่งเพ่งสมาธิต่อไป
“อืม” หญิงสาวบนเก้าอี้หนังขานรับเรียบๆพร้อมกับมองเข้าไปในลูกแก้วที่อยู่ในมือของสปีน่า ซึ่งฉายภาพชายหญิงคู่หนึ่งกับเด็กหญิงอีกคนหนึ่ง ที่กำลังเดินลึกเข้าไปในพื้นที่สัตว์อสูรของแอตแลนติส
ปั้ก! ตูม!
ไพ่ปักเข้าไปที่ร่างของสัตว์อสูรเขี้ยวยาวตัวหนึ่ง แล้วก็ระเบิดขึ้น ส่งผลให้เจ้าสัตว์อสูรนั่นร่างแตกกระจายออกมาทันที
“ไพ่นี่มันเป็นอาวุธวงศ์อะไรเหรอ” มาตาร์ถามขึ้นมาหลังจากเห็นหญิงสาวใช้ไพ่ได้อย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่เขาก็คอยดูการต่อสู้ของเด็กหญิงอยู่ห่างๆ
“มีด ...ไม่สงสัยบ้างเหรอว่าทำไมไพ่ถึงระเบิดได้น่ะ” หญิงสาวผมม่วงถามขึ้นมาบ้าง เพราะเห็นว่าชายหนุ่มหัวฟูนี่ก็ช่างสงสัยเหมือนกัน
“เออ ...จะว่าไป ทำไมไพ่ถึงระเบิดได้ล่ะ ใส่ดินปืนเอาไว้เหรอ หรือว่าใช้เวทระเบิด” มาตาร์นึกว่าเป็นเรื่องปกติเสียอีกที่สามารถทำให้ไพ่ระเบิดได้ แต่ดูเหมือนเขาจะเข้าใจผิดไปเมื่อหญิงสาวเสนอขึ้นมาเอง
“ใช้เวทระเบิดสิ สะดวกกว่าตั้งเยอะ แค่เขียนอักขระเวทลงไปบนไพ่ก็เรียบร้อย” หญิงสาวเฉลย ดูท่าทางเธอก็ไม่ค่อยจะมีความลับอะไรสักเท่าไหร่เหมือนกัน
“เธอเขียนอักขระเวทเป็นด้วยเหรอเนี่ย เห็นเจ้าของร้านเวทมนตร์เคยบอกว่าไม่ค่อยมีคนใช้ เพราะมันยุ่งยาก” มาตาร์ยังจำได้ดีถึงตอนที่เขาซื้อหมึกเวทมนตร์และหนังสืออักขระเวทเบื้องต้นให้โมเรน่า การใช้อักขระเวทมนตร์ต้องจำลายและอักขระซึ่งยุ่งยากมากถ้าเทียบกับการใช้ผลึกเวทหรือสายเวทตามปกติ
“นายไม่ได้รู้เลยล่ะสิ ว่าจริงๆแล้วอักขระเวทเนี่ยถือว่าเป็นเวทบริสุทธิ์ที่แท้จริงของเกมนี้เลยนะ” หญิงสาวผมม่วงเอ่ยออกมาอย่างผู้ทรงภูมิ ในขณะที่ปาไพ่ใส่สัตว์อสูรที่เข้ามาใกล้ๆไม่ได้หยุด
“เหรอ หมายความว่าอักขระเวทนี่มันเจ๋งมากใช่มั้ย” มาตาร์ก็เคยเขียนอักขระเวทล้างป่าแมลงมาแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่พิเศษแต่อย่างใด
“นายรู้มั้ย ถ้าเปรียบเทียบสายเวทคือภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีหลายภาษาแล้ว อักขระเวทก็คือภาษาพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ ที่ไม่ว่าภาษาคอมพิวเตอร์จะหลากหลายขนาดไหน แต่จริงๆแล้วมันก็จะต้องแปลให้เป็นภาษาพื้นฐานนี้ก่อนคอมพิวเตอร์ถึงจะทำตามคำสั่งได้” หญิงสาวผมม่วงยกตัวอย่างเปรียบเทียบอักระเวทมนตร์กับสายเวทมนตร์
“หมายความว่า อักขระเวทสามารถทำได้ทุกอย่างใช่มั้ย ไม่ว่าสายเวทใดใด อักขระเวทก็ใช้แทนได้หมด” มาตาร์พูดพร้อมกับนึกถึงโมเรน่าที่เคยเขียนอักขระเวทให้ออกมาเป็นเวทดนตรี
“ก็มีเวทบางสายแหละที่แทนไม่ได้ พวกเวทอัญเชิญที่ต้องทำสัญญาหรือต้องเรียกตัวอะไรออกมาซักอย่างนั่นแหละ” หญิงสาวผมม่วงให้ข้อมูลต่อไป
‘อืม เวทอสูรของเราใช้อักขระเวทแทนไม่ได้สินะ’ มาตาร์คิดขึ้นมาเมื่อได้ยินข้อมูล
ไพ่ของวิโอล่านั้นไม่ได้เป็นการโจมตีที่รุนแรงอะไรมากนัก แต่เมื่อประกอบกับอักขระเวทระเบิดแล้ว กลับเป็นอาวุธที่ทั้งรุนแรงและรวดเร็ว เมื่อหญิงสาวผมม่วงสามารถปาไพ่อออกมาได้พร้อมกันหลายใบ และไพ่แต่ละใบก็ระเบิดได้รุนแรงมากไม่ต่างกับลูกระเบิดตามปกติเลย
ซึ่งวิโอล่าก็ต้องเตรียมไพ่ทุกใบหลังจากซื้อมาด้วย โดยการเขียนอักขระลงบนไพ่ทุกใบ ซึ่งคงจะต้องเสียเวลามากแน่ๆในแต่ละครั้งที่ไพ่หมด แต่ก็นับว่าคุ้มค่าอยู่เมื่อเห็นผลลัพธ์ของมันแล้ว
เวลาห้าทุ่ม มาตาร์ เลดี้ และวิโอล่าก็ตะลุยสู้กับสัตว์อสูรไปเรื่อยๆ ซึ่งระดับของสัตว์อสูรจะอยู่ที่ร้อยยี่สิบถึงร้อยห้าสิบ ซึ่งยังพอสู้ได้สบายอยู่สำหรับเลดี้ ที่ตอนนี้ระดับก็เลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ
“ไฮยย่า!!”
แม่เต่าทองน้อยตะโกนพร้อมกับซัดหมัดคู่ที่ใส่ทั้งพลังไฟและสายฟ้าใส่เป้าหมายจนมันกระเด็นออกแล้วแน่นิ่งไปทันที
“แอฟโร ชั้นว่าวันนี้พอแค่นี้เถอะ” หญิงสาวผมม่วงกล่าว
ขณะนี้ทั้งสามอยู่ในพื้นที่ที่เหมือนเป็นห้องในปราสาททึมๆ เพดานสูงและกำแพงที่ก่อด้วยหิน ทางเดินกว้างๆและมีเสาพังๆงอกขึ้นมาจากพื้นบ้าง
“เอ๋? เพิ่งลุยมาสี่ห้าชั่วโมงเองนะ” มาตาร์เพิ่งฟื้นขึ้นมาเมื่อห้าชั่วโมงที่แล้ว จึงยังไม่เพลียมากนัก ถึงจะเหนื่อยบ้างแต่ก็ไม่ได้ง่วงนอนพักสักครู่ก็หายเหนื่อย ผิดกับหญิงสาวผมม่วงที่ไม่ได้ตายมาเหมือนกับมาตาร์ แต่ใช้ชีวิตตามเวลาปกติ
ฟิ้ว! ปึ้ก!
หญิงสาวปาไพ่ใบหนึ่งไปปักบนเพดานของทางเดิน โดยไม่สนใจสายตาช่างสงสัยของชายหนุ่มหัวฟูเลย
“ถ้าอย่างนั้นชั้นไปพักคนเดียวละกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ” หญิงสาวพูดจบก็ชักไพ่ขึ้นมาใบหนึ่งทันที
ฟุบ! แวบ!
แล้วร่างของหญิงสาวผมม่วงก็หายวับไปทันที
“... เนี่ยเหรอความสามารถในการเคลื่อนที่ข้ามมิติ สะดวกสุดๆ” มาตาร์เห็นสิ่งที่วิโอล่าทำกับตาแล้วก็รู้สึกทึ่งขึ้นมา
“พี่สาวเค้าไปไหนเหรอแอฟโร” เลดี้ถามขึ้นมาบ้าง เธอยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมวิโอล่าถึงหายไป แล้วทำไมถึงต้องปาไพ่ไปปักบนเพดานด้วย
“ยัยนั่นคงจะวางไพ่เอาไว้ในเมืองล่ะสิ ก็เลยกลับเข้าเมืองไปแล้วด้วยไพ่เคลื่อนย้าย แล้วไพ่ที่ปาขึ้นไปปักบนเพดานนั่นก็คงจะเอาไว้แวบกลับมามั้ง” มาตาร์ตอบคำถามของแม่เต่าทองน้อย
“อ้าว? แอฟโรก็มีแล้วใบนึงนี่นา ทำไมต้องเพิ่มอีกใบด้วยล่ะ” เลดี้สงสัย
“คงจะไม่ไว้ใจเราน่ะสิ ไพ่ใบที่ปาขึ้นไปนั่นเพื่อรับประกันว่า อย่างน้อยเธอก็สามารถกลับมาตรงจุดนี้ได้อีกแม้ว่าพวกเราจะทิ้งหรือทำลายไพ่ใบนี้ไป” มาตาร์พูดพร้อมกับชูไพ่สองดอกจิกที่เขาได้รับมาประกอบการอธิบาย
“เหรอ เห็นพี่สาวเค้าออกจะพูดมาก ไม่นึกว่าจะยังระแวงเราอยู่นะเนี่ย” เลดี้ตั้งข้อสังเกต
“มันเป็นเรื่องปกติเลดี้ แม้แต่พี่ก็ยังระแวงแม่นั่นอยู่ ถึงจะเห็นว่าพูดมากปากไม่มีหูรูดแบบนั้น แต่อาจจะเป็นการแกล้งทำก็ได้” มาตาร์ก็ไม่ได้ประมาทเขาเผื่อเอาไว้เหมือนกันว่าอาจจะถูกหลอก ถึงแม้รู้ว่าไม่มีอะไรจะเสียก็เถอะ
เพราะการเข้าหาของวิโอล่าช่างประหลาด เธอวิ่งหนีเจ้าหมูเขี้ยวตันมาหาเขา ทั้งๆที่จริงๆแล้วเธอมีฝีมือพอจะฆ่าเจ้าหมูนั่นได้ แม้ว่ามันจะมีระดับที่สูงกว่าเธอก็ตาม เพราะไพ่ระเบิดของวิโอล่าสามารถซัดเจ้าหมูที่พุ่งเข้ามาสุดแรงให้กระเด็นออกไปได้ ในขณะที่เขาทำไม่ได้ด้วยซ้ำ จะว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือที่เธอมาเจอเขาเข้าพอดี แล้วเขาก็มีความสามารถในการสู้กับเจ้าหมูนั่นได้ด้วย ตามปกติแล้วจะมีคนมาข้อร้องผู้เล่นที่ดูท่าทางกระจอกอย่างเขาให้ช่วยสู้กับสัตว์อสูรที่ท่าทางจะเก่งมากๆอย่างนั้นด้วยหรือ เพราะมาตาร์และเลดี้ก็แค่ใส่เสื้อผ้าราคาถูกกับติดผลึกเวทแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง คิดอย่างไรก็ประหลาด
“เลดี้หิวรึยังล่ะ” มาตาร์ถามแม่เต่าทองน้อย
“อื้อ หิวแล้วค่ะ” เลดี้ขานรับ
“งั้นลองย่างเนื้อของเจ้าพวกที่ตายแถวๆนี้กินดูละกันนะ” มาตาร์กล่าวพร้อมกับมองไปทั่วบริเวณที่มีซากของสัตว์อสูรที่พวกเขาเพิ่งจะฆ่านอนตายอยู่เกลื่อนกลาด
หลังจากพักกินอาหาร โดยการเก็บซากสัตว์อสูรเอามาย่างกิน ซึ่งมาตาร์ก็กินเข้าไปเยอะมากเพราะต้องการสะสมอาหารเอาไว้ ทั้งคู่ก็เดินลึกเข้าไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอกระต่ายฝูงหนึ่ง
“หืม? กระต่าย?” ชายหนุ่มหัวฟูอุทานออกมาอย่างแปลกใจ
“กระต่ายทำไมเหรอแอฟโร” เด็กหญิงผมแดงสงสัยว่ามันแปลกตรงไหน
“ไม่นึกว่าสัตว์อสูรธรรมดาแบบนี้จะมาอยู่บนแอตแลนติสนี่น่ะสิ” ชายหนุ่มแอฟโรกล่าว
ฟิ้วว! ปึ้กก!! อั้กก!!
แต่พริบตานั้น กระต่ายตัวหนึ่งก็กระโดดพุ่งเข้าใส่มาตาร์ทั้งตัวที่ท้อง แรงกระแทกของเจ้าสัตว์อสูรร่างเล็กนั่นทำเอาชายหนุ่มกระอักเลือดออกมาทันที
แต่ด้วยประสบการณ์การต่อสู้ที่มี ชายหนุ่มเกร็งปราณเข้าต้านเอาไว้ เขาเกร็งท้องแล้วดีดร่างเจ้ากระต่ายนั้นให้ลอยขึ้น ก่อนจะทิ้งตัวเหวี่ยงหมัดใส่ทันที
ปึ้กก!! ตูม~ม!
ร่างของเจ้ากระต่ายปลิวออกไปอย่างแรง กระแทกเข้ากับพื้น แล้วไถลไปไกล เห็นเป็นทางพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นมา
“อุก! กระต่ายอะไรวะเนี่ย ยังกับลูกปืนใหญ่” มาตาร์กระอักเลือดออกมาเล็กๆก่อนจะสำรวจกระต่ายฝูงนั้น
กระต่าย | ระดับ 1 | พลังชีวิต 100000/100000 | พลังวิญญาณ 100/100 | ||||
กาย 100000 | คล่อง 100000 | อึด 100000 | สมาธิ 10000 | ใจ 10000 | โชค 10000 | ||
“เฮ่ย!! กระต่ายบ้าไรเนี่ย!!” มาตาร์ตกใจจนเก็บอาการไม่อยู่เมื่อเห็นค่าสถานะของเหล่ากระต่ายตัวจ้อย
“ทำไมเหรอคะแอฟโร” เลดี้อดสงสัยไม่ได้
“ระดับแค่หนึ่ง แต่ค่าพลังชีวิตเป็นแสนเลย พลังทางกายภาพก็เป็นแสน” มาตาร์ไม่เคยเห็นใครมีค่าสถานะเยอะขนาดนี้มาก่อน อันที่จริงเขาเพิ่งจะมีความสามารถในการสำรวจค่าสถานะของคนอื่นได้ก็เลยไม่เคยสำรวจใครมาเยอะนัก แต่ความไม่สมดุลของค่าสถานะนี่สิที่ทำให้เขาแปลกใจ
สัตว์อสูรที่มีระดับตัวละครต่ำ แต่ค่าสถานะสูงนั้น ถูกเรียกว่าพวก ‘โอเวอร์โหลด’ จัดว่าอันตรายอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่พวกมันมักจะปะปนอยู่ในพื้นที่ที่มีสัตว์อสูรระดับสูงอยู่กัน โดยพวกโอเวอร์โหลดนี้จะไม่ให้ค่าประสบการณ์กับผู้เล่นเลย เพราะระดับตัวละครที่ต่ำของพวกมัน เงินก็ให้น้อย ร่างกายก็ไม่ใช่วัตถุดิบชั้นดี แต่กลับปราบได้ยากมาก เป็นกลุ่มสัตว์อสูรที่ผู้เล่นทั้งหลายพยายามเลี่ยงไม่สู้ด้วย เพราะสู้แล้วไม่คุ้มนั่นเอง
ด้วยระดับตัวละครที่ต่างกันเยอะ ทำให้ความรุนแรงของการโจมตีของพวกกระต่ายลดลงเหลือ 1% ก็จริง แต่ความคล่องที่สูงขนาดนี้ ถ้าไม่อาศัยค่าสมาธิ ยังไงก็จับไม่อยู่ แถมความอึดกับโชคยังสูงด้วย เกิดพวกมันบังเอิญปล่อยหมัดฟลุคออกมารับรองว่าถึงตายแน่
“เลดี้มาอยู่ใกล้ๆพี่!” มาตาร์ตะโกนบอกแม่เต่าทองน้อยทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังอยู่ท่ามกลางดงปืนใหญ่มีชีวิต
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แต่ยังไม่ทันขาดคำ กระต่ายอีกหลายตัวก็พุ่งเข้าใส่ทั้งชายหนุ่มหัวฟูและเด็กหญิงผมแดง แล้วชายหนุ่มก็เข้าสู่ห้วงสมาธิเพื่อรับมือ
วิ้งง
ในห้วงเวลาที่ไหลไปอย่างเชื่องช้า มาตาร์จับทิศทางของเจ้ากระต่ายกว่าสิบตัวที่พุ่งเข้ามา
ชายหนุ่มหัวฟูก้าวเท้าไปทางเด็กหญิงผมแดงอย่างเชื่องช้าพร้อมกับชักทอนฟาขึ้นมาเตรียมฟาดเหล่ากระต่ายที่พุ่งเข้าใส่น้องสาวของเขาออกไปให้พ้นทาง
แล้วชายหนุ่มจะออกจากห้วงสมาธิ
ฟุบบ!
เวลาเพียงพริบตาที่เจ้ากระต่ายพุ่งเข้ามา ชายหนุ่มเคลื่อนที่มาขวางหน้าเจ้ากระต่ายไม่ให้เข้ามาถึงเด็กหญิงได้อย่างทันท่วงที ก่อนจะสะบัดทอนฟาด้วยเคล็ดฟ้าแลบที่เร็วเหนือเสียง สร้างคลื่นกระแทกขึ้นมาเพื่อผลักเหล่ากระต่ายให้กระเด็นออกไป
ตูม~มม!!
คลื่นโซนิคบูมกระแทกเจ้ากระต่ายให้กระเด็นออกไปได้สำเร็จ แต่พวกมันก็ยังไม่หยุดแค่นั้น ดูเหมือนแค่คลื่นโซนิคบูมนี่จะไม่ได้ทำให้พวกมันบาดเจ็บมากมายเท่าไหร่เลย เมื่อค่าพลังชีวิตของพวกมันสูงมาก
“อะไรเนี่ย ระดับแค่หนึ่ง ส่วนของเราร้อยสามสิบกว่าๆ จริงๆมันต้องรับการโจมตีของเราแรงขึ้นสองเท่ากว่าๆสิ ไหงเหมือนทำอะไรไม่ได้เลยล่ะเนี่ย” มาตาร์บ่นขึ้นมาขณะที่ควงทอนฟา ปล่อยโซนิคบูมไม่หยุด
“แอฟโรไหวมั้ยคะ” เลดี้พูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง เพราะดูเหมือนเธอจะกลายเป็นภาระสำหรับเขาเสียแล้วเมื่อค่าสถานะของเลดี้ตามกระต่ายพวกนี้ไม่ทันเลย
ฟุบบ! ตูมม!!
มาตาร์เคลื่อนที่ไปรอบๆเลดี้ เพราะเหล่ากระต่ายเริ่มกระจายตัวแล้วล้อมพวกเขาเอาไว้ทุกทิศทุกทาง
ปั้กก! อ๊ายย!!
“เลดี้!!”
และในที่สุด กระต่ายตัวหนึ่งก็ฝ่าคลื่นโซนิคบูมเข้ามาโจมตีเด็กหญิงได้สำเร็จ
เลดี้ที่โดนกระแทกเข้าที่กลางหลัง เซถลาไปทางหนึ่งทันที ขณะที่มาตาร์ก็รีบเข้าช่วย
ในห้วงเวลาแห่งสมาธินั้น มาตาร์เกร็งปราณใส่ทอนฟา แล้วใช้ส่วนที่ยื่นออกมาของอาวุธนั้น ซัดเข้าใส่เป้าหมายขนาดเล็กนั่นทันที
วูบ! ฉึกก!
ปลายของทอนฟาแทรกเข้าใส่ร่างของเจ้ากระต่ายนั่นจนร่างของมันเป็นรู ก่อนที่หมัดของชายหนุ่มจะอัดตามเข้าไปจนร่างเล็กๆของเจ้ากระต่ายกระเด็นออกไป
พล็อคค!! ฉูดดด!!
เสียงทอนฟาถอนออกมาจากร่างเจ้ากระต่าย คล้ายเสียงจุกไม้ค็อกที่ถูกดึงออกจากขวดไวน์ แล้วเจ้ากระต่ายกระเด็นออกไปพร้อมกับเลือดที่สาดกระจาย เพราะแผลโดนทะลวงร่าง ก่อนร่างของมันจะกระแทกพื้นแล้วก็แน่นิ่งไป
‘อะไรน่ะ! เมื่อกี๊?’ มาตาร์คิดออกมาด้วยความแปลกใจทันทีที่เห็นผลลัพธ์
ตามปกติแล้วทอนฟาของชายหนุ่มหัวฟูควรจะกระแทกร่างเจ้ากระต่ายให้กระเด็นออกไปเฉยๆ เพราะน้ำหนักที่เบากับพลังป้องกันที่สูง ไม่ใช่ทะลวงร่างของมันแบบนี้
ปึ้กก!! อั้กก! อ๊ายย!!
แต่ว่ามาตาร์ก็ไม่มีเวลาคิดมากกว่านั้น เมื่อเจ้ากระต่ายเริ่มดุร้ายขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่จากทุกทิศทางพร้อมๆกันไม่หยุด จนในที่สุดเขาก็กันไม่อยู่และเริ่มถูกโจมตีถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ปึ้ก! ปึ้ก! ตูมม! อึ้ก! อึ้กก! ฟิ้วว! ตูมม!
เสียงเคลื่อนไหวปัดป่ายดังระงมขึ้นมาไม่ได้หยุด ทั้งมาตาร์และเลดี้ต่างถูกกระแทกจนร่างช้ำขึ้นเรื่อยๆ เจ้ากระต่ายที่กระเด็นออกมาทีละสิบตัวก็ลุกขึ้นมาแล้วกระโดดเข้ากระแทกอีกรอบ เป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาไม่ได้หยุด
จนในที่สุด หลังจากผ่านไปสิบนาที
“แอฟ..โรขา เลดี้ไม่..ไหวแล้..วอ้ะ” เด็กหญิงผมแดงทรุดร่างลงแล้วเอ่ยออกมาอย่างอ่อนแรงด้วยร่างที่ฟกช้ำและเลือดที่ไหลออกจากปากไม่หยุด
ลูบ
มาตาร์ก้มลงเอามือมาลูบหัวแม่เต่าทองน้อยอย่างอ่อนโยนด้วยสภาพร่างกายที่ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ออกจะโทรมกว่าเลดี้ด้วยซ้ำเมื่อเขาต้องรับการโจมตีแทนเด็กหญิงไปหลายครั้ง “งั้นเดี๋ยวไปพั..กก่อนนะ แล้วพี่จะต..ามไป อุก!”
ฟุบ ฟุบ ฟุบ ตูมม~ม!!!
แล้วเหล่ากระต่ายพุ่งเข้าใส่ทั้งคู่อย่างไร้ความปรานี กระสุนปืนใหญ่มีชีวิตสีขาวป่นกระดูกของคนทั้งคู่จนยับเยินในที่สุด เด็กหญิงร่วงลงไปนอนกับพื้นแล้วแน่นิ่งไปก่อนที่ร่างของเธอจะสลายไปช้าๆ ส่วนชายหนุ่มก็นอนพังพาบไปกับพื้น พร้อมกับเหล่ากระต่ายที่ยืนล้อมเขาอยู่ใกล้ๆ
“ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง พร้อมกับยกมือขวาสูงขึ้นมา
แล้วปราณสีขาวก้อนหนึ่งก็ลอยออกมาจากหมัดของชายหนุ่มที่นอนกับพื้น ก่อนมันจะแตกตัวออกอย่างแรงเป็นชั้นๆ
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม~~~ม!!!
ปราณยกกำลังกว่ายี่สิบชั้นระเบิดขึ้นมากลางวงของเจ้ากระต่าย อากาศโดยรอบถูกอัดจนบิดเบี้ยว ชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ก้อนพลังที่สุดโดนพลังอัดจนจมดิน แรงระเบิดยังอัดให้ร่างของกระต่ายหลายตัวร่างยุบลงไปเป็นแถบๆก่อนที่จะกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง พร้อมกับฝุ่นควันที่ฟุ้งไปทั่วบริเวณ
และในที่สุดหลังจากฝุ่นควันจากการระเบิดจางหายไป ก็เหลือแต่เพียงเสื้อผ้าของชายหนุ่มที่ขาดวิ่นและหลุมลึกที่เกิดจากการระเบิดเท่านั้น
“ผู้เล่นมาตาร์เสียชีวิต ท่านสามารถเข้าสู่เกมได้ในอีกหนึ่งชั่วโมง พื้นที่พิเศษสามารถออฟไลน์ได้ค่ะ”
มีแฟนเพจแล้วนะครับ ไปหาดูเอาที่หน้าแรกนะ
ความคิดเห็น