ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #170 : บทที่165: การโจมตีด้วยค่าสถานะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.06K
      98
      2 เม.ย. 55

    บทที่165 การโจมตีด้วยค่าสถานะ

    “โฆเซ่ ผมจะสู้กับไอ้พวกนั้นได้ยังไงเหรอ” มาตาร์เอ่ยถามพ่อบ้านของเขาทันทีที่รู้สึกตัวขึ้นมาในห้องสีขาว ส่วน ไอ้พวกนั้นที่ชายหนุ่มหมายถึงย่อมต้องเป็นเหล่ากระต่ายเดนตายที่ค่าสถานะสูงปี๊ดพวกนั้นนั่นเอง

    “วิธีตามปกติก็คือฝึกค่าสถานะให้สูงกว่าพวกนั้นครับ ถ้าคุณมาตาร์เลิกใส่เข็มขัดไรเดอร์ก็คงจะใช้วิธีนี้ได้” พ่อบ้านผู้รอบรู้กล่าวพร้อมกับยื่นนมแก้วหนึ่งให้เด็กหญิงผมแดงที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์

    “แล้ววิธีไม่ปกติล่ะ” มาตาร์เอ่ยถามเรียบๆ เพราะรูปประโยคของพ่อบ้านชี้นำมาขนาดนี้แล้ว พร้อมกับเดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์อีกคน

    “จริงๆแล้ววิธีที่ถือว่าฉลาดที่สุดก็คือการหนี หรือเลี่ยงไม่ไปเจอกับพวกนี้นะครับ” พ่อบ้านกล่าวพร้อมกับเริ่มผสมเครื่องดื่มหลายชนิดใส่กระบอกเขย่า

    “จริงๆก็ควรจะทำอย่างนั้นแหละนะ แต่ไอ้ตัวแบบนี้มันหนีกันยังไงเหรอ” ชายหนุ่มซึ่งเห็นค่าสถานะของเจ้ากระต่ายพวกนั้นคิดไม่ออกจริงๆว่าจะหนีรอดจากสัตว์อสูรที่มีค่าสถานะสูงกว่าเขาเป็นร้อยเท่าได้อย่างไร แถมมีเป็นร้อยตัวเลยด้วย

    “อีกวิธีก็คือพัฒนาเทคนิคที่ใช้สู้กับสัตว์อสูรพวกนี้ให้ได้ครับ” พ่อบ้านหน้ายิ้มเอ่ยเข้าประเด็นในที่สุด พร้อมกับวางแก้วใส่เครื่องดื่มสีเขียวสดใสลงตรงหน้าชายหนุ่มผมแดง

    “นี่แหละที่ผมต้องการโฆเซ่” มาตาร์เอ่ยแล้วก็กระดกแก้วเครื่องดื่มนั้นเข้าปากจนหมดรวดเดียว พร้อมกับทำหน้าเบ้ “อ๋ายย! เปรี้ยว”

     

    ในห้องฝึก โฆเซ่แยกร่างเจ้าเดียมอนออกมาให้ต่างหากเหมือนเดิมแล้วให้เลดี้ไปเล่นด้วย

    “นี่เดียมอน อยากเล่นเหมือนเดิมมั้ย” เด็กหญิงผมแดงถามเจ้าปีศาจสีดำร่างใหญ่

    “...” เดียมอนไม่ตอบอะไร มันเอาแต่ยืนเฉยๆอยู่อย่างนั้น

    “หืม?” แม่เต่าทองน้อยสงสัยว่าทำไมเดียมอนไม่คึกเหมือนปกติ

    “นี่มันอะไรกัน” เจ้าอสูรดำเอ่ยขึ้นเรียบๆ

    “อะไรเหรอ?” เลดี้สงสัยถึงพฤติกรรมของเดียมอนที่เปลี่ยนไป ปกติเดียมอนจะไม่ช่างเจรจาอย่างนี้นี่นา

    “มันอะไรกัน!! ข้ากำลังอยู่ที่ไหน!! แล้วทำไมต้องอยู่กับพวกแกตลอดด้วย!!” เดียมอนแผดเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่มันเข้ามาอยู่ในแมนชั่นแห่งความตาย ตั้งแต่ครั้งที่มันกลายเป็นแขนซ้ายของมาตาร์มันก็หมดสิ้นแล้วซึ่งอิสรภาพ ถูกลากไปลากมาหลับๆตื่นๆ ต่อให้มันโง่กว่านี้ก็สมควรจะโวยวายขึ้นมาได้แล้ว

    “เดียมอนก็...”

    “เพราะแกกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของชั้นไปแล้วไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ” มาตาร์แทรกขึ้นมาก่อนที่เลดี้จะพูดอะไรออกมา

    “อะไรนะ!! กลายเป็นสัตว์เลี้ยงเรอะ!!” เดียมอนส่งสายตาอาฆาตมาให้มาตาร์ทันที การที่จ้าวอสูรอย่างมันกลายเป็นสัตว์เลี้ยงนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่อัปยศเป็นอย่างมาก เพราะโดยปกติอสูรร้ายอย่างมันควรจะเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนสิ

    ผัวะ!! อั้กก!

    “ใช่ และแกก็ทำอะไรชั้นไม่ได้ด้วย ก็แค่สัตว์เลี้ยงกระจอกๆที่ไร้ค่า”

    มาตาร์ปล่อยหัตถ์พระเจ้าเข้ากระแทกหน้าของเดียมอนจนมันปลิวไปทางหนึ่งก่อนจะเริ่มระบายความอัดอั้นที่เขามีเหมือนกัน เขาไม่ชอบใจเลยสักนิดที่มีแขนซ้ายที่ควบคุมไม่ได้ แถมยังเป็นสาเหตุให้ตายบ่อยๆด้วย ถ้าเพียงแต่มีแขนซ้ายที่ใช้งานได้ตามปกติก็คงไม่ตายง่ายๆแบบนี้หรอก คือสิ่งที่มาตาร์คิดขึ้นมา

    และในขณะที่ชายหนุ่มผมแดงเตรียมตัวพุ่งเข้าไปซ้ำเจ้าเดียมอนนั้น เด็กหญิงผมแดงก็กระโดดเข้ามาขวางทันที

    “แอฟโรพอเถอะ!! ทะเลาะกันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร” เลดี้พูดเสียงดังออกมาเมื่อเห็นเจ้านายกับ เพื่อน’ ทะเลาะกัน

    “...” มาตาร์ได้สติขึ้นมาทันที เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรจริงๆในการมาทะเลาะกับเดียมอนในแมนชั่นแห่งความตายนี้ ทำร้ายกันก็ไม่ได้ เสียเวลาเปล่าๆ

    แต่ที่สำคัญกว่านั้น คนที่ทำให้ชายหนุ่มคิดได้คือเด็กหญิงตัวกระเปี๊ยกเดียวนี่สิ

    “อืม ...งั้นเลดี้ช่วยเล่นเป็นเพื่อนเดียมอนหน่อยละกันนะ พี่ขอฝึกวิชาหน่อย” มาตาร์พูดขึ้นมาเรียบๆพร้อมกับลูบหัวเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน

     

    “ผมว่าคุณมาตาร์ควรจะทำให้เดียมอนเชื่อฟัง ดีกว่าเป็นศัตรูกันนะครับ ไหนๆก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา” พ่อบ้านแสนสุภาพแนะนำ

    “ถ้าผมรู้ว่าจะเอามันออกไปได้ยังไง ผมขอเลือกทางนั้นดีกว่านะ” มาตาร์พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา

     

    วิธีแยกเดียมอนออกไปอาจจะทำได้ โดยตัดแขนส่วนที่เดียมอนสิงอยู่ออกไป แล้วก็รอเวลาอีกสามสิบวัน เพื่อรับภารกิจอวัยวะเทียมใหม่ แต่ชีวิตช่วงนี้ของมาตาร์เริ่มวุ่นวายอีกแล้ว ไม่เหมือนตอนอยู่บนเกาะไรเดอร์ จะได้มีชีวิตที่ไม่ตายเลยตลอดสามสิบวัน ขนาดแค่อยู่บนแอตแลนติสไม่ถึงวันเขายังตายไปแล้วสามครั้งเลย ซึ่งทุกครั้งที่ตายเดียมอนก็จะกลับมาเป็นแขนของเขาเสมอ ทำให้ตัดกันไม่ขาด

     

    “แล้วเราจะฝึกอะไรกันดีล่ะ” มาตาร์กลับเข้าสู่โหมดฝึกฝนทันที เพราะเสียเวลากับเจ้าเดียมอนไปหน่อยหนึ่งแล้ว ไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้

    “อืม คุณมาตาร์คิดว่าจะสู้กับสัตว์อสูรโอเวอร์โหลดพวกนั้นยังไงล่ะครับ” พ่อบ้านผู้รอบรู้ถามกลับ

    “โอเวอร์โหลด? หมายถึงกระต่ายพวกนั้นน่ะเหรอ” มาตาร์เพิ่งเคยได้ยินคำว่าโอเวอร์โหลดเป็นครั้งแรก

    “ครับ สัตว์อสูรที่มีค่าสถานะสูงผิดจากระดับตัวละครมีชื่อเรียกว่าโอเวอร์โหลด” พ่อบ้านผู้รอบรู้ให้ข้อมูล

    “แปลว่าไม่ได้มีแค่กระต่ายฝูงนั้นน่ะสิ แต่จะเป็นตัวอะไรก็ได้” มาตาร์รู้สึกว่าพวกโอเวอร์โหลดนี่มันมีไว้แกล้งผู้เล่นชัดๆ ระดับต่ำ ค่าสถานะสูง สู้ก็ยาก แถมไม่ได้ค่าประสบการณ์อีก มันมีอะไรดีบ้างเนี่ย

    “ครับ พวกโอเวอร์โหลดจะเป็นตัวอะไรก็ได้ แต่คุณมาตาร์นี่มีโชคเรื่องเจอสัตว์อสูรหายากนะครับ ตั้งแต่อยู่บนเกาะเริ่มต้นแล้ว” พ่อบ้านหน้ายิ้มกล่าว

    “เหรอ” มาตาร์ตอบกลับแห้งๆ เรื่องโชคนี่อาจจะใช่ แต่คงจะเป็นโชคร้ายมากกว่านะ

    มาตาร์คิดถึงสัตว์อสูรที่เขาเคยเจอบนเกาะเริ่มต้น ที่ผู้เล่นหลายคนไม่มีโอกาสได้เจอ อย่างเช่นแมวเสือในป่าแมวเปลี่ยว มนุษย์หมาป่าในป่าหมาหมู่ นกแร้งในป่าฝูงนก ซึ่งจัดเป็นสัตว์อสูรชั้นสูงสุดในป่าทั้งสามทีเดียว แถมยังเจออย่างละไม่ต่ำกว่าสองครั้งด้วย

    แล้วคราวนี้ดันมาเจอกระต่ายโอเวอร์โหลด

    “ทุกครั้งที่เจอสัตว์อสูรเก่งๆ คุณมาตาร์ก็พัฒนาขึ้นทุกครั้งเลยนี่ครับ” พ่อบ้านหน้ายิ้มกล่าว

    “อื้อ คงงั้นมั้ง ...ถ้าเจอเจ้าพวกนั้นคราวหน้า เอ่อ ...อยากอัดพวกมันให้ปลิวอ้ะ” ชายหนุ่มผมแดงยอมรับง่ายๆแล้วเข้าเรื่องฝึกต่อไป

    “ยังไม่ชัดเจนนะครับ ด้วยวิธีไหนดีล่ะครับ อัดให้ปลิวเนี่ย” พ่อบ้านแสนสะดวกกล่าวเรียบๆ

    “เอ้อ! จะว่าไปมีครั้งนึงตอนอัดกระต่าย ที่ทอนฟาของผมแทงทะลุตัวมัน ทั้งๆที่ปกติทำได้แค่กระแทกมันออกไปแท้ๆ” มาตาร์นึกถึงเจ้ากระต่ายตัวที่ตายแบบแปลกๆนั่น

    “อืม ปราณนั้นนอกจากจะแปลงเป็นธาตุได้แล้ว ยังสามารถแปลงคุณสมบัติได้ตามใจผู้ใช้ด้วยนะครับ อย่างที่คุณมาตาร์ใช้ทอนฟาแทงทะลุร่างของกระต่ายได้ก็เป็นเพราะคุณมาตาร์อยากจะให้ทอนฟาทำอย่างนั้น” พ่อบ้านผู้รอบรู้ให้ข้อมูล

    “เหรอ แต่จริงๆแล้วผมอยากจะเสียบกระต่ายทุกตัวเลยนะ ทำไมมันเสียบได้แค่ตัวเดียวเองล่ะ” ชายหนุ่มผมแดงตั้งข้อสังเกต

    “เพราะคุณมาตาร์ยังไม่รู้ถึงวิธีเปลี่ยนคุณสมบัติของปราณโดยละเอียดไงล่ะครับ ที่ใช้ออกมานั่นก็เหมือนกับเป็นความบังเอิญ แบบตอนที่ใช้ทะลวงศูนย์ได้ครั้งแรก” พ่อบ้านผู้รอบรู้กล่าว

    “อืม ถ้าอย่างนั้นมันใช้กันยังไงล่ะ ไอ้การเปลี่ยนคุณสมบัติปราณเนี่ย” มาตาร์ถามเข้าประเด็นทันที

    “โดยการใช้ค่าสถานะจิตใจช่วยไงครับ” พ่อบ้านเฉลย

    “เอ๋?”

     

    “นี่เดียมอน ไม่อยากเล่นเหรอ” เด็กหญิงผมแดงถามขึ้นเมื่อนั่งลงข้างๆเจ้าอสูรสีดำที่นั่งสงบนิ่งอยู่กลางห้องฝึกอันกว้างขวางนี้

    “ไร้สาระ” เดียมอนกล่าวเรียบๆ

    “ก็ฝึกการต่อสู้ไง จะได้เก่งๆ” เด็กหญิงกล่าวเสียงใส

    “จะเก่งไปทำไม ถูกขังอยู่อย่างนี้ จะเอาไปสู้กับใคร แล้วราชาอสูรอย่างข้าทำไมต้องฝึกให้เก่งกว่านี้ด้วย ข้าน่ะเก่งที่สุดอยู่แล้ว” เดียมอนดูจะหลงตัวเองอยู่ไม่คลาย

    “เหรอ งั้นเดียมอนก็ฝึกให้เลดี้ละกัน เลดี้จะได้เก่งๆไง” เด็กหญิงยิ้มให้เดียมอนอย่างสดใส

    “จะฝึกให้เจ้าเหรอ! ฮ่าๆๆๆ” เดียมอนหัวเราะออกมาอย่างดูถูก แต่แล้วมันฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ ...จะว่าไป อาจจะดีก็ได้ ถึงข้าจะถูกขัง แต่ยัยหนูนี่ไม่ได้ถูกขังนี่นะ จะได้ใช้วิชาของข้าไปอัดไอ้หนุ่มนั่น ฮ่าๆๆๆ

    “ข้าจะฝึกให้เจ้าก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าอย่าให้ไอ้หนุ่มนั่นรู้นะ” เดียมอนกล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย

    “ไม่ให้แอฟโรรู้เหรอ? ...เอ่อ...” เลดี้ลังเลใจเพราะปกติเวลามีอะไรเธอก็อยากจะให้เจ้านายของเธอรับรู้ด้วย

    “ไม่อย่างนั้นข้าจะหาเรื่องไอ้หนุ่มนั่นทุกครั้งที่โดนปลุกเลยล่ะ รับรองว่ามันจะต้องเสียใจ ถ้าเจ้าเอาวิชาที่ข้าฝึกให้ไปบอกมัน” เดียมอนขู่

    “ถ้าอย่างนั้นเลดี้ไม่ฝึกก็ได้ เลดี้ให้แอฟโรฝึกให้ก็เก่งเหมือนกัน” เด็กหญิงกล่าว

    เจ้าอสูรดำรู้สึกผิดแผนขึ้นมาทันที ไม่นึกว่ายัยเด็กน้อยคนนี้จะห่วงเจ้านายของเธอขนาดนี้

    “ถ้าอย่างนั้นก็เก็บไว้เป็นความลับจนกว่าจะสำเร็จก็พอ แต่พอสำเร็จแล้วต้องลองไปแสดงให้เจ้านั่นดูชัดๆนะ เอาให้มันรู้ซึ้งด้วยร่างกายเลย มันจะได้ตกใจไง เซอร์ไพรซ์น่ะ ฮี่ๆๆๆ” เดียมอนหมายความว่าให้เลดี้ไปอัดมาตาร์หลังสำเร็จวิชาแล้วนั่นแหละ

    “เหรอ เอาอย่างนั้นก็ได้” เลดี้ยอมรับ ดูเหมือนว่าเธอจะคิดว่ามันเป็นของขวัญที่ทำให้มาตาร์ประทับใจ เหมือนกับจัดเซอร์ไพรซ์ปาร์ตี้ให้ถ้ารู้ว่าเธอใช้วิชาของเดียมอนได้

    แล้วเดียมอนก็สอนการต่อสู้สไตล์เดียมอนให้เลดี้ในช่วงเวลาตลอดชั่วโมงนั้นนั่นเอง

     

    เวลาเที่ยงคืนครึ่ง ร่างของชายหนุ่มหัวฟูกับเด็กหญิงผมแดงก็ปรากฏขึ้นที่พื้นที่พิเศษของแอตแลนติส

    “เราไปหาเสื้อผ้าแล้วก็ผลึกเวทมาใช้กันก่อนดีกว่าเนอะ แล้วก็เข้าไปลุยในถ้ำเหมือนเดิม” ชายหนุ่มหัวฟูพูดพร้อมกับหยิบผ้าคลุมยาจกมาห่มให้เด็กหญิงและตัวเขาเอง

    “อื้อ” เด็กหญิงหัวแดงขานรับ

     

    หลังจากที่มาตาร์และเลดี้ไปซื้อเสื้อผ้า อาวุธและผลึกเวทมาใส่แล้ว ทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในพื้นที่สัตว์อสูรทันที

    “ก่อนอื่นเราก็มาฟื้นระดับและค่าสถานะกันนิดหน่อย เจอตัวอะไรซัดให้หมด ก่อนจะไปเจอเจ้าพวกกระต่ายนั่นจะได้เก่งขึ้นบ้างนะ” มาตาร์บอกแผนที่เขาวางเอาไว้ให้แม่เต่าทองน้อยฟัง

    หลังจากที่ตายครั้งล่าสุดนี้ ระดับของมาตาร์ลดจาก 137 เหลือ 123 ซึ่งเขาไม่ได้กังวลกับระดับตัวละครมากนัก เพราะที่แย่กว่านั้นคือระดับทักษะที่ไม่ได้ใช้งานเลยเพราะมัวแต่ฝึกให้เลดี้อยู่ ทำให้ค่าสถานะของชายหนุ่มลดลงฮวบฮาบด้วย ดังนั้นเขาจึงวางแผนจะกลับไปซัดแหลกอีกครั้ง โดยคิดว่าเลดี้ก็คงพอจะเอาตัวรอดได้ เมื่อระดับของเธอสูงไม่ต่างจากสัตว์อสูรแถวนี้ และค่าสถานะของเธอก็เยอะขึ้นมากแล้วด้วย

     

    แวบ! ตูมม! ตูม! ปึ้ก! กร๊อบบ!

    ชายหนุ่มหัวฟูตรงเข้าประชิดเจ้าอสูรเขี้ยวยาวทันทีที่เห็นร่างมัน แล้วก็โจมตีใส่ไม่ยั้งด้วยพลังพิเศษสามอย่าง โดยเล่นงานแบบทรมานสัตว์อสูร โดยโจมตีส่วนที่เป็นแขนขาของพวกมันก่อน ทั้งฟาด ทั้งต่อย ทั้งหักกระดูก ก่อนที่จะต่อยหมัดพร้อมทอนฟาเข้ากระแทกที่สีข้างของเจ้าสัตว์อสูรโชคร้ายนั้นอย่างแรง

     

    “คุณมาตาร์ไม่สงสัยเหรอครับ ว่าวิธีใช้ค่าสถานะจิตใจเค้าทำกันยังไง” พ่อบ้านพูดขึ้นก่อนจะเริ่มฝึกการแปลงคุณสมบัติปราณ

    “...เอ้อ...” มาตาร์ถึงกับนิ่งอึ้งไปเหมือนกัน เขานึกว่าเขารู้วิธีใช้ค่าสถานะจิตใจอยู่แล้วนะ เพราะทุกครั้งที่ใช้ปราณ เวทมนตร์หรือพลังจิต ค่าสถานะจิตใจจะเป็นตัวร่วมคำนวณในความแรงของการโจมตีนั้นเสมอ แต่ฟังจากประโยคที่พ่อบ้านพูดแล้วก็ทำให้เขาต้องมาทบทวนว่า หรือว่านั่นไม่ใช่การใช้ค่าสถานะจิตใจหว่า

    “เวลาใช้สมาธิ ค่าปัจจุบันจะลดลงใช่มั้ยล่ะครับ เวลาใช้ความอึด ค่าปัจจุบันก็ลดลง นั่นคือการใช้ค่าสถานะครับ” พ่อบ้านให้ข้อมูลหลังจากเห็นปฏิกิริยาของมาตาร์

    “เอ้อ จะว่าไป ค่าปัจจุบันของสถานะจิตใจไม่เคยลดลงจริงๆด้วยแฮะ” มาตาร์เริ่มเข้าใจแล้วว่าการใช้ค่าสถานะหมายถึงอะไร

    “ที่ผ่านมาค่าสถานะจิตใจเพิ่มขึ้นได้เพราะการใช้ร่วมในการคำนวณค่าความรุนแรงของการโจมตีที่ไม่ใช่กายภาพทั้งหลายนะครับ ซึ่งมันไม่ใช่การใช้งานค่าสถานะโดยตรงเลย” พ่อบ้านผู้รอบรู้ให้ข้อมูล

    “แล้วผมจะใช้งานมันยังไงล่ะโฆเซ่” ชายหนุ่มถาม

    “จินตนาการครับ” พ่อบ้านกล่าว

     

     “ค้อน!!” มาตาร์ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับซัดทอนฟาใส่ร่างเจ้าสัตว์อสูรจนมันกระเด็นไปเหมือนถูกท่อนซุงกระแทก

    ตูมมม!!

    เจ้าอสูรเขี้ยวยาวกระเด็นกระดอนตีลังกาหลายตลบไปตามพื้นเป็นทางยาวพร้อมกับขาดใจตายไปทันที

     

    “วิธีที่ง่ายที่สุดก็ลองตะโกนออกมาเป็นคำพูด พร้อมกับใช้ค่าสถานะจิตใจครับ หลังจากที่ชินแล้วอาจจะไม่ต้องตะโกนอีก” พ่อบ้านกล่าว

    “เอ่อ ...เหมือนกับตะโกนชื่อท่าไม้ตายขณะปล่อยท่าเงี้ยเหรอ” มาตาร์กล่าวพร้อมกับนึกถึงพวกโซล่าร์ซิสฯขึ้นมาด้วยสีหน้าละเหี่ยใจ

    “แบบนั้นแหละครับ ถ้าคิดว่าอยากจะให้ปราณมีคุณสมบัติในการตัดก็อาจจะตะโกนออกมาว่า ตัด ตรงๆเลยก็ได้ อย่างกระต่ายโอเวอร์โหลดที่คุณมาตาร์เจาะร่างของมันก็อาจจะเพราะคุณสมบัติของการทะลุทะลวง อาจจะตะโกนว่า ทะลวงออกมาก็ได้” พ่อบ้านกล่าว

    “รู้สึกเหมือนจะง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยากเหมือนกันแฮะ” มาตาร์ไม่เคยมีนิสัยที่ต้องตะโกนก่อนโจมตีเลย เพราะเขาไม่เข้าใจว่าจะประกาศให้ศัตรูรู้ตัวทำไม โจมตีแบบเงียบๆไม่ให้มันรู้ตัวยังง่ายซะกว่า

    “และเมื่อแปลงคุณสมบัติสำเร็จแล้ว ค่าปัจจุบันของจิตใจจะลดลงนะครับ ซึ่งจะใช้เยอะเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติที่แปลง บางอย่างอาจจะใช้เยอะบางอย่างอาจจะใช้น้อย คุณมาตาร์ต้องศึกษาเอาเองนะครับ และถ้าค่าปัจจุบันหมดก็ต้องรอให้ฟื้น แต่ร่างไรเดอร์ของคุณมาตาร์คงแทบจะไม่รู้เลยมั้งครับว่าค่ามันลดลงไป” พ่อบ้านกล่าว

    “อื้ม เข้าใจล่ะ จะลองดูนะ” มาตาร์ขานรับ

    “แต่ผมว่าจริงๆแล้วเรื่องสำคัญไม่ใช่วิธีโจมตี แต่เป็นเรื่องวิธีหลบหลีกมากกว่านะครับ” พ่อบ้านบอกสิ่งที่มาตาร์จำเป็นต้องฝึกมากกว่า ถ้าคิดจะสู้กับฝูงกระต่ายโอเวอร์โหลด

     

    “ไฮยย!!

    เปรี้ยงง!!

    เด็กหญิงผมแดงตะโกนออกมาพร้อมกับซัดหมัดคู่เข้าใส่สัตว์อสูรเขี้ยวยาวที่ตัวใหญ่กว่าเธอเท่าตัวจนมันลอยขึ้นมา ก่อนที่จะร่วงลงมากระแทกพื้นพร้อมกับกระอักเลือดออกมาแล้วแน่นิ่งไป ซึ่งมันเป็นการโจมตีเพียงครั้งเดียวที่เจ้าอสูรเขี้ยวยาวโดนด้วย

    “แฮก แฮก โอย เวลาใช้จริงทำไมมันเหนื่อยจังเลยล่ะเนี่ย” เด็กหญิงบ่นขึ้นมาหลังจากที่เธอลองใช้วิชาที่เดียมอนสอนให้เธอ ซึ่งมันทำให้เธอซัดเจ้าเขี้ยวลากดินตายในครั้งเดียวอย่างที่เธอไม่เคยทำได้มาก่อน

     

    “นี่ยัยหนู ข้าจะสอนวิธีซัดแบบสุดแรงให้นะ” เดียมอนเริ่มบรรยายวิธีการต่อสู้ของมัน

    “ปกติเลดี้ก็ต่อยแรงอยู่แล้วนะ เสริมปราณเข้าไปก็ได้ไม่ใช่เหรอ” เลดี้สงสัยว่ามันจะมีประโยชน์อะไร อยากจะต่อยสุดแรงก็แค่ออกแรงเยอะขึ้นเท่านั้นไม่ใช่เหรอ

    “นี่ยัยหนู ข้ากลืนกินผู้เล่นเก่งๆมาหลายคน แต่ละคนถือว่าเป็นสุดยอดทั้งนั้น และข้าก็ได้รับรู้วิธีต่อสู้ของพวกมันขณะกลืนพวกมันมาด้วย ดังนั้นสิ่งที่ข้าพูดออกมาย่อมเจ๋งที่สุด อย่ามาเถียง” เดียมอนเล่าถึงที่มาของวิชาที่มันจะสอนให้แม่เต่าทองน้อย

    ก่อนที่เดียมอนจะถูกผนึกโดยช่างตีเหล็กผมขาว มันสู้กับผู้เล่นที่ถือว่าเป็นสุดยอดทั้งนั้น เพราะผู้เล่นที่หามันเจอได้ย่อมต้องอาศัยฝีมือที่เหนือธรรมดา แต่บรรดาผู้เล่นเหล่านั้นกลับเสียท่าให้เดียมอนโดนกลืนกินจนหมด ซึ่งประสบการณ์การต่อสู้ทั้งหลายที่พวกผู้เล่นเหล่านั้นสร้างขึ้นมาได้ถูกถ่ายทอดมาให้เดียมอนทั้งหมด ดังนั้นเดียมอนจึงถือว่าเป็นคลังความรู้ด้านวิชาการต่อสู้อันสุดยอดได้ ...ถ้ามันยอมบอกออกมานะ

    “วิชานี้ง่ายสุด เห็นผลเร็วสุด และยังช่วยเจ้าฝึกฝนร่างกายได้อย่างรวดเร็วด้วย” เดียมอนกล่าวอย่างภูมิใจราวกับว่ามันเป็นเจ้าของวิชา

    “อื้อ ทำยังไงเหรอ” เด็กหญิงผมแดงถาม

    “ง่ายมาก! เจ้าก็แค่โจมตีโดยให้รู้สึกว่ากำลังดันกำแพงหนักๆอยู่ตลอดเวลาเท่านั้นเอง” เดียมอนกล่าว

    “เอ๋? แค่นั้นเองเหรอ” เลดี้ฟังเคล็ดวิชาแล้วรู้สึกว่ามันง่ายเกินไปรึเปล่า

    “นี่ยัยหนู ปกติดันก้อนหินหนักๆให้เคลื่อนไปข้างหน้านี่เจ้าทำได้รึเปล่า” เดียมอนเริ่มอธิบายหลักการแบบเสียไม่ได้ เพราะถ้าไม่ยกตัวอย่างเสียหน่อยเดี๋ยวยัยเด็กนี่จะคิดว่าเป็นวิชากระจอก

    “เอ่ ถ้าไม่หนักเกินไปก็ทำได้สิ” เลดี้กล่าว

    “ตามหลักการแล้ว คนที่มีน้ำหนักเบาจะเคลื่อนสิ่งที่มีน้ำหนักมากกว่าไม่ได้หรอกนะยัยหนู” เดียมอนกล่าวอย่างมีหลักการ

    “ไม่จริงมั้ง ถ้าอย่างนั้นคนตัวเล็กๆจะดันหินหนักๆให้เคลื่อนที่ได้ยังไงล่ะ” เด็กหญิงผมแดงเถียง ซึ่งเธอมั่นใจว่าเธอสามารถดันก้อนหินที่หนักกว่าตัวเธอนิดหน่อยได้ด้วย

    “เพราะว่าคนตัวเล็กนั่นเพิ่มน้ำหนักตัวเองให้หนักกว่าขณะที่ออกแรงดันหินไงล่ะ” เดียมอนกล่าว

    “เพิ่มน้ำหนัก? ทำได้ด้วยเหรอ” เลดี้สงสัย จู่ๆคนเราจะเพิ่มน้ำหนักขณะดันก้อนหินได้ยังไง

    “ก็ออกแรงยกแล้วรับน้ำหนักของก้อนหินมาใส่ตัวเองยังไงล่ะนังหนู ทิศทางของแรงจะทำให้ก้อนหินเบาลงแล้วคนออกแรงหนักขึ้น ดังนั้นคนตัวเล็กจึงสามารถดันหินก้อนใหญ่ได้ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับกำลังของเจ้าคนตัวเล็กนั่นด้วยล่ะนะ ว่าจะรับน้ำหนักไหวรึเปล่า ฮี่ๆๆ” เดียมอนอธิบาย

    จริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นเรื่องเข้าใจยากอะไร เมื่อชีวิตประจำวันของทุกคนก็ต้องเคยยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากๆอยู่แล้ว เปรียบคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนพื้นลื่นๆ อยากจะดันวัตถุที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวเอง ถ้าแรงดันเป็นไปแบบตรงๆคือแนวระนาบเดียวกับพื้นผิว ไม่ว่าจะออกแรงเยอะแค่ไหนวัตถุก็จะไม่เคลื่อน เพราะน้ำหนักของผู้เคลื่อนนั้นเบากว่าผลก็คือเท้าของคนที่ออกแรงไถลไปมาเท่านั้นเอง

    แต่ถ้าเพิ่มแรงเสียดทานลงไปที่พื้นเท่านั้นผลลัพธ์ก็จะต่างออกไป เพราะผู้ที่ออกแรงสามารถถ่ายน้ำหนักลงพื้นได้ ถ้าสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าน้ำหนักของวัตถุ วัตถุนั้นก็จะเคลื่อนที่ไปได้

    หรือถ้าไม่เพิ่มแรงเสียดทาน ก็ทำได้โดยการเปลี่ยนทิศทางของแรงเท่านั้น โดยต้องเพิ่มแรงยกเข้าไป หรือออกแรงยกวัตถุนั่นเอง วิธีนี้ไม่ว่าผู้ออกแรงจะมีน้ำหนักเบาขนาดไหนก็สามารถเคลื่อนวัตถุขนาดใหญ่ได้ เพียงแต่ว่าผู้ที่ออกแรงยกต้องแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของวัตถุนั้นได้เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นก็ถูกน้ำหนักกดทับจนแบน

    “ไม่ค่อยเข้าใจแฮะ แต่หมายความว่าซัดศัตรูขึ้นไปก็พอใช่มั้ย” เลดี้ขี้เกียจคิดตามสิ่งที่เดียมอนกล่าว เธออยากจะปฏิบัติมากกว่าไม่ใช่มาฟังการบรรยายน่าเบื่อแบบนี้

    “ชิ! เจ้าก็แค่ซัดศัตรูไปในทิศทางที่ตัวเองจะไม่เลื่อนไปมาด้วยความรู้สึกเหมือนดันกำแพงหนักๆเท่านั้นแหละ” เดียมอนบอกวิธีการแบบรวบรัดที่สุดเมื่อเห็นเด็กหญิงผมแดงที่ท่าทางไม่ค่อยชอบคิดอะไรยากๆ

    “ก็แค่เนี้ยะ ไม่เห็นจะยากเลย” เลดี้ได้ยินแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างแจ่มใส

    “งั้นไหนลองทำให้ข้าดูหน่อยซิ ไอ้แค่เนี้ยะของเจ้าน่ะ” เดียมอนท้าแม่เต่าทองน้อย

    วืดด! ฟุบ!

    ทันใดนั้นเลดี้ก็ซัดหมัดเฉียงขึ้นฟ้าอย่างเร็วหนึ่งหมัดด้วยเคล็ดไร้เงาของเธอ

    “บู~~!! ไม่เห็นรู้สึกว่าแบกอะไรหนักๆเลย” เดียมอนกล่าว ดูเหมือนว่าแค่หมัดเร็วๆจะไม่ใช่ความต้องการของมัน

    “แบกหนักๆตลอดเวลาเหรอ” เลดี้ทวน

    “ช่าย มันยากตรงนี้แหละ ...แต่อันนี้ก็วิชาที่ง่ายที่สุดแล้วนะ ฮี่ๆๆๆ ถ้าทำแค่นี้ไม่ได้ก็ไม่ต้องฝึกวิชาอื่นแล้วล่ะนังหนู” เดียมอนเอ่ยออกมาอย่างดูถูก ดูเหมือนมันจะลืมไปแล้วว่าจะสอนวิชาให้เลดี้ไปเพื่ออะไร กลายเป็นการแกล้งเลดี้เล่นแทนซะอย่างนั้น

    “อืม” เด็กหญิงหลับตาแล้วรวบรวมสมาธิทันที เธอทำท่าย่อตัวแล้วออกแรงผลักแขนทั้งสองข้างในทิศทางเฉียงขึ้นฟ้าทันที

    แล้วเลดี้ก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเข้าสู่ห้วงสมาธิ

    หนัก ต้องรู้สึกว่าหนักกว่านี้เวลาออกท่า เลดี้คิดขึ้นมาพร้อมกับใส่แรงมากขึ้นในห้วงสมาธินั้น

    แต่แล้วเมื่อเธอออกแรงไปสักพัก เธอก็รู้สึกถึงความเบาที่เข้ามาแทนที่ ซึ่งเกิดจากแรงเฉื่อยในการเคลื่อนที่นั่นเอง

    ไม่ได้! ต้องหนักเลดี้คิดขึ้นมาพร้อมกับใส่แรงเพิ่มขึ้นไปอีก

    พอผ่านช่วงหนักไปได้ เธอก็รู้สึกเบาอีกครั้ง เพราะแรงเฉื่อยเหมือนเดิม

    อะไรเนี่ย! อย่างนี้ก็ต้องออกแรงเพิ่มตลอดเวลาน่ะสิ ถ้าอยากให้หนักตลอดน่ะ เลดี้เข้าใจถึงความยากของวิชาขึ้นมาในที่สุด

    จริงๆแล้วมันคือการเคลื่อนที่แบบความเร่งนั่นเอง เพียงแต่หลักการนั้นแตกต่างกับหมัดความเร่งอยู่ เมื่อหมัดความเร่งเน้นที่การส่งต่อกำลังเป็นทอดๆ แต่ท่าที่เดียมอนสอนเลดี้นี้เน้นที่ผลลัพธ์โดยไม่สนวิธีถ่ายพลัง ซึ่งการเคลื่อนที่แบบความเร่งนี้เปรียบเสมือนจรวดที่เคลื่อนที่ด้วยความเร่งเพื่อที่จะหลุดพ้นแรงดึงดูดของดวงดาว ที่ผู้ใช้วิชาต้องใส่แรงทั้งหมดโถมเข้าไปที่การโจมตีครั้งเดียว

    ตึงง!!

    เสียงที่เหมือนกับอากาศถูกดันดังขึ้นมาหลังจากเลดี้เหยียดแขนทั้งสองข้างจนสุดแล้ว

    “โฮ่ๆๆ ใกล้เคียงนี่นังหนู แต่ยังไม่สำเร็จนะ ฝึกไปเรื่อยๆก็น่าจะทำได้แหละนะ” เดียมอนกล่าว

    “นี่ แล้วเดียมอนทำได้รึเปล่า” เด็กหญิงถามอาจารย์จำเป็นของเธอบ้าง

    “ข้าเป็นคนสอนนะ มันก็ต้องทำได้อยู่แล้วเซ่” เดียมอนตอบกลับเสียงแข็ง ถามอย่างนี้มันดูถูกกันชัดๆ

    “เหรอ ทำให้เลดี้ดูหน่อยสิ เลดี้อยากเห็นว่าของจริงมันเป็นยังไงน่ะ” เด็กหญิงเอ่ยเสียงใส ดูเหมือนที่เธอถามเดียมอนเพราะต้องการจะเรียนวิชาเท่านั้นเอง ไม่ได้ต้องการจะดูถูกอะไร

    “เฮอะ! ครั้งเดียวนะนังหนู ดูแล้วจำเอาไว้ด้วย” เดียมอนได้ยินคำกล่าวที่ใสซื่อของเลดี้แล้วก็ใจอ่อนขึ้นมา

    แล้วเจ้าอสูรสีดำก็ง้างกรงเล็บข้างขวาของมันขึ้นมาระดับอก หลังจากนั้นมันก็เหวี่ยงกรงเล็บนั้นฟาดใส่พื้นทันที ตรงหน้าเด็กหญิง

    ตึง! เปรี๊ยะ!

    แล้วพื้นบริเวณกรงเล็บของเดียมอนก็แตกร้าวออกมาทันที

    เลดี้รับความรู้สึกได้ตั้งแต่ได้ยินเสียงตึง เหมือนกรงเล็บของเดียมอนจะฟาดถูกอะไรสักอย่างก่อนที่จะฟาดใส่พื้นเสียอีก ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นความหนักในเคล็ดวิชานั่นเอง

    และเป็นที่น่าแปลกใจที่เดียมอนซึ่งมีแต่ค่าสถานะทางร่างกายเท่านั้นสามารถสร้างการโจมตีแบบนี้ขึ้นมาได้

    “โห เดียมอนเก่งจังเลย” เลดี้เอ่ยชมออกมาอย่างแจ่มใส

    “ฮ่าๆๆๆๆ แน่นอนอยู่แล้ว” เดียมอนรับคำเยินยอเข้าไปเต็มๆ

    วิชาที่เดียมอนสอนเลดี้นี้ มันคือการโจมตีโดยอาศัยค่าสถานะพลังกายนั่นเอง เมื่อตามปกติถ้าแบกของหนักหรือใช้อาวุธที่กินค่าพลังกายจะทำให้ค่าปัจจุบันของพลังกายลดลง แต่วิชานี้แม้ใช้มือเปล่าค่าสถานะก็จะลดลงไปเหมือนกับแบกของหนัก ดังนั้นจึงเป็นวิชาที่ใช้ทั้งโจมตีและฝึกค่าสถานะได้พร้อมๆกัน ซึ่งผลลัพธ์ของท่านี้ แม้ไม่พึ่งปราณก็ส่งผลออกมารุนแรงเทียบเท่ากับการใช้ปราณในปริมาณความเข้มข้นที่เท่ากันเลยทีเดียว (คือเทียบเท่ากับทักษะเสริมปราณระดับ10)

     

    “ฮูวว! แรงก็จริงแต่ไม่ค่อยสะดวกเลยแฮะ ใช้แล้วต้องพักด้วยอ้ะ” เด็กหญิงบ่นออกมาเมื่อเธอต้องรอพักเพื่อฟื้นค่าพลังกายที่ใช้หมดในการโจมตีเพียงครั้งเดียว โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่า สถานะพลังกายของเธอจะสูงขึ้นทุกครั้งที่ใช้ท่านี้ออกมา

     

    จริงๆแล้วเดียมอนนี่มีคาแรกเตอร์คล้ายๆกับโทร่าในเรื่องล่าอสูรกายนะ ส่วนหน้าตาก็นึกถึงวีน่อมก็แล้วกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×