ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #205 : บทที่ 198 บุกปราสาทแวมไพร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.35K
      41
      3 มี.ค. 67

    บทที่ 198 บุกปราสาทแวมไพร์

     

    “ปราสาทนั่นแหละ ที่เหลือจัดการกันเอาเองนะ” ชายผมขาวในชุดแดงพูดกับคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา

    “ขอบคุณมากครับคุณดันเต้” ชายชุดดำในกลุ่มคนด้านหลังกล่าว

    “เออ ๆ ถึงจะไม่คุ้มเท่าไหร่แต่ก็ดีกว่าอยู่เฉย ๆ แหละนะ” ดันเต้ตอบกลับพร้อมกับออกเดินไปทางอื่นทันทีปล่อยให้กลุ่มคนที่เหลือจัดการธุระของพวกเขาต่อไป

    คนกลุ่มนั้นมีกันห้าคน ประกอบด้วยชายสามคน หญิงหนึ่งคน และกะเทยอีกหนึ่งคน พวกเขาคือทีมโซล่าร์ซิสฯ เรนเจอร์นั่นเอง

    “โอเคกราไฟต์ พวกเราพร้อมลุยทุกเมื่อแล้ว” คริมซั่น ชายในชุดแดงกล่าวกับชายชุดดำพร้อมกับกระชับหอกในมือ

    “จะบุกเข้าไปตรง ๆ เลยเหรอฮ้า ไม่ต้องมีการวางแผนก่อนเหรอ” มาเจนต้า กะเทยในชุดสีบานเย็นเตือน

    “นั่นสิคริมซั่น จะบุกเข้าปราสาทแวมไพร์ด้วยคนห้าคนแบบไม่มีการวางแผนเนี่ยนะ ฆ่าตัวตายชัด ๆ” โรส หญิงสาวในชุดสีชมพูเห็นด้วยกับกะเทยสาว ...เอ่อ ครึ่งสาว

    “ถ้างั้นพวกผู้ชายลุยเข้าไปตรง ๆ ส่วนสาว ๆ ลองหาทางก่อกวนทางอื่นดูละกัน มันอาจจะง่ายกว่าที่คิดก็ได้ ถ้าแวมพ์รู้ตัวว่าพวกเราบุกเข้ามาหาเธอ” แอชเชอร์ชายในชุดฟ้าพูดหลังจากวางแผนด้วยความรวดเร็ว

    ทุกคนพอได้ฟังแอชเชอร์พูดแล้วก็มีท่าทางเห็นด้วยขึ้นมา เพราะว่าถึงจะเตรียมแผนบุกเข้าไปอย่างไร แต่ข้อมูลที่น้อยเกินไปก็ทำให้ไม่สามารถวางแผนที่รัดกุมได้อยู่ดี แผนที่ภายในปราสาทก็ไม่รู้ จำนวนศัตรูก็ไม่รู้ ที่สำคัญ ในปราสาทนี้จะเห็นพวกเข้าเป็นศัตรูหรือมิตรก็ยังไม่รู้เลย

    และพวกเขาต้องแข่งกับเวลาด้วย เมื่อเวลาในการตามหาแวมพ์ลดลงเรื่อย ๆ จริง ๆ ค่าความภักดียังเหลืออยู่เกินครึ่งด้วยซ้ำ แต่ว่าเป็นความร้อนใจของบรันโด้เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าระหว่างที่ความภักดียังไม่หมดไปแม่แวมไพร์สาวจะยังมีความทรงจำเดิมเหลืออยู่

    “งั้นมาเจนต้า เราลองแอบเข้าไปทางอื่นกันเถอะ มันต้องมีประตูหลังหรือประตูลับอะไรแน่ ๆ เลย” โรสกล่าวแล้วก็ชวนแม่กะเทยบานเย็นไปทางอื่นทันที

    “โอเค งั้นพวกเราเข้าไปแบบตรง ๆ เลยละกันนะ” คริมซั่นเอ่ยพร้อมกับเดินไปยังปราสาทหลังนั้น

    มันคือปราสาทหินขนาดใหญ่ รอบ ๆ ปราสาทมีบรรยากาศที่ดูทึม ๆ ล้อมรอบไปด้วยสวนหินที่มีหญ้าสูง ๆ ดูรกเหมือนกับไม่มีคนดูแล

    ชายหนุ่มทั้งสามเดินผ่านสวนหินมาสู่ประตูไม้ขนาดใหญ่ที่สูงประมาณห้าเมตร ด้านหน้ามีที่เคาะประตูเป็นรูปหัวของตัวประหลาดรูปร่างเป็นสัตว์ร้ายที่มีฟันแหลม ๆ กำลังคาบห่วงโลหะสำหรับเคาะ

    ชายหนุ่มในชุดดำไม่รอช้า เขาเคาะประตูทันทีที่เดินมาถึง

    ต๊อก! ต๊อก! ต๊อก!

    โลหะกระทบกันส่งเสียงดังกังวาล

    “มีธุระอะไร”

    เสียงหนึ่งดังขึ้นมาทันที ซึ่งทำให้ทั้งสามหันไปมาเพราะไม่เห็นว่าใครเป็นผู้พูด หรือบางทีผู้พูดอาจจะอยู่หลังประตูก็เป็นได้

    “ผมมารับตัวแวมพ์กลับครับ” ชายหนุ่มในชุดดำตอบกลับ

    “ที่นี่ไม่มีใครที่ชื่อแวมพ์ เจ้ามาผิดที่แล้ว” เสียงนั้นตอบกลับมาอีกครั้ง

    “ไม่จริง พวกเราตรวจสอบมาแล้ว แวมพ์อยู่ที่ปราสาทนี้แน่ ๆ” ชายในชุดดำเสียงแข็งขึ้น เขาคิดว่าพวกคนในปราสาทนี้แย่งผู้ติดตามของเขาไป ก็คงต้องพยายามกันเขาทุกวิถีทางไม่ให้เขาไปพบแวมไพร์สาวแน่ ๆ

    “ถ้าอยากนั้นเจ้าก็ตรวจสอบมาผิดพลาดแล้ว ที่นี่ไม่มีใครที่ชื่อแวมพ์” เสียงนั้นตอบกลับอีกครั้ง

    “จะผิดได้ยังไงเล่า เราไม่ได้ใช้วิธีหาข้อมูลหรือถามคนอื่น ๆ นะ แต่ใช้เวทตรวจสอบเฟ้ย จะโกหกอะไรก็ทำให้มันเนียน ๆ หน่อยสิ” ชายในชุดแดงพูดขึ้นมาบ้างเมื่อเหตุการณ์ไม่เป็นไปดั่งใจเขา

    “กลับไปซะ เจ้าพวกพูดไม่รู้เรื่อง!” เสียงนั้นดังขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

    “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ร้อนตัวล่ะสิ” ชายในชุดแดงตอบกลับเมื่อเห็นว่าน้ำเสียงของผู้พูดเริ่มมีอารมณ์

    ทันใดนั้นหัวสัตว์ประหลาดที่ประตูก็เรืองแสงขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกายสีแดง พร้อมกับเปิดปากของมันขึ้นมา

    แกว้ก!!

    เจ้าสัตว์ประหลาดร้องออกมาพร้อมกับหัวที่ค่อย ๆ โผล่ออกมานอกประตูมากขึ้นเรื่อย ๆ รูปร่างมันคล้ายลิงตัวใหญ่ ร่างดูผอมโปร่งสีเทาด้าน ๆ ดูคล้ายหิน สูงสามเมตร มีปีกเหมือนค้างคาวขนาดใหญ่

    กากอย

    ระดับ 300

     

    ตูม!!

    ลูกเหล็กร้อยโซ่พุ่งเข้าไปที่หน้าของเจ้าอสูรเฝ้าประตูทันทีโดยไม่มีการเตือนจนเจ้าอสูรเฝ้าประตูหน้าหันไปทางหนึ่งทันที ทั้ง ๆ ที่ร่างของมันยังไม่หลุดพ้นจากประตูเลย

    เป็นชายชุดน้ำเงินของกลุ่มนั่นเองที่เริ่มเปิดฉากโจมตีก่อน

    “เฮ้ยแอชเชอร์ ชั้นกำลังจะอุทานเรื่องเจ้ากากอยนี่ นายโจมตีแทรกก่อนทำไมเล่า” คริมซั่นบ่นขึ้นมาเพราะเขากำลังตกใจกับรูปร่างและระดับของอสูรเฝ้าประตูนี่ แต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อเพื่อนของเขาเปิดฉากโจมตีแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “จะรอให้มันออกมาทั้งตัวก่อนแล้วค่อยโจมตีเหรอไง” ชายชุดน้ำเงินกล่าวพร้อมกับดึงโซ่เรียกลูกตุ้มเหล็กกลับมาทันที

    “แก!! บังอาจ” เจ้ากากอยพูดออกมา ที่แท้เจ้าของเสียงที่พูดกับพวกโซล่าร์ซิสฯ มาตลอดก็คือตัวมันนี่เอง

    “โซล่าร์ ลูน่าร์ แปลงร่าง!!” ชายในชุดดำเรียกใช้ความมสามารถของแมลงของเขาแล้วใช้ขวานสั้นคู่ในมือระดมต่อยเข้าไปที่ลำตัวของเจ้ากากอยทันที

    ตูม!! ตูม!! ตูม!! ตูม!! ตูม!!

    เจ้ากากอยถูกโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว ร่างของมันได้แต่กระตุกไปตามแรงโจมตีเท่านั้นเอง มันพยายามจะฝืนง้างกรงเล็บอันแหลมคมของมันโจมตีตอบโต้กลับบ้าง ...แต่

    “หอกพิฆาตอสูร!!” คริมซั่นตะโกนขึ้นมาบ้างพร้อมกับกระโดดพุ่งตัวเสยคมหอกเข้าไปที่ส่วนหัวของเจ้ากากอย

    ท่าของคริมซั่นมันก็คือท่ากระโดดแทงหอกธรรมดา ๆ นั่นแหละ เพียงแต่พอตะโกนชื่อท่าแล้วมันให้ความรู้สึกเร้าใจขึ้นเท่านั้นเอง แต่ทว่านี่คือเทคนิคการใช้พลังจิตประกอบการโจมตีชนิดหนึ่ง ถึงคริมซั่นจะไม่รู้ แต่การที่พวกโซล่าร์ซิสฯ มักจะตะโกนชื่อท่าขึ้นมาก่อนก็ทำให้ประสิทธิภาพของการโจมตีเพิ่มขึ้นมาจริง ๆ

    ฉึก!!

    หอกของคริมซั่นปักเข้าไปที่ใต้คางของกากอย ก่อนที่ร่างของคริมซั่นจะแวบหายไปแล้วไปปรากฏตัวอีกทีที่ด้านหลังของเจ้ากากอย

    แกว้ก!! ฉูด~~~!

    เจ้าอสรูรเฝ้าประตูส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากบาดแผลใต้คาง

    การโจมตีแบบประสานของพวกโซล่าร์ซิสฯ ยังคงร้ายกาจเสมอ ถึงแม้เจ้าสัตว์อสูรจะมีระดับสูงกว่าหรือสถานะสูงกว่า แต่เมื่อถูกรุมแบบสามต่อหนึ่งด้วยการประสานงานที่ยอดเยี่ยมก็ย่อมจะเสียเปรียบ

     

    “พวกนั้นเป็นใครน่ะ” หญิงสาวผมทองเอ่ยขึ้นมา เมื่อเธอมองเหตุการณ์ผ่านหน้าต่างที่อยู่บนหอคอยของปราสาทแวมไพร์หลังนี้

    “ก็แค่พวกมนุษย์ที่นาน ๆ ชอบมารังควานพวกเราสักทีนั่นแหละ” ชายผมดำยาวหยักศกตอบพร้อมกับมองไปที่กลุ่มคนเหล่านั้นด้วยสายตาเหยียด ๆ

    “ถ้าอย่างนั้นให้ข้าออกไปเล่นกับพวกมันหน่อยดีมั้ย” หญิงสาวผมทองพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย

    “ไม่ต้องหรอกอนาเธียร์ ให้พวกกูลข้างล่างจัดการก็ได้ คนแค่นี้ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก” ชายผมหยักศกตอบพร้อมกับใช้มือของเขาจับไหล่หญิงสาวเอาไว้

    “แต่ข้าเบื่อนี่นา วัน ๆ ข้าก็อยู่แต่ในปราสาทนี่ ไม่ได้ออกไปไหนเลย” หญิงสาวผมทองกล่าว

    “เจ้าไม่จำเป็นต้องออกไปไหน ที่นี่มีทุกอย่างที่เจ้าต้องการอยู่แล้ว” ชายผมดำกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นมาเล็กน้อย

    “...พี่ไม่ต้องขึ้นเสียงใส่ข้าหรอกน่า ข้าไม่เคยขัดคำสั่งท่านอยู่แล้ว” หญิงสาวผมทองตอบกลับเรียบ ๆ พร้อมกับใช้ดวงตาสีแดงของเธอจ้องกลับไป

    “ดีแล้วอนาเธียร์ จำเอาไว้ว่าข้านี่แหละที่หวังดีกับเจ้าที่สุด” ชายผมดำหยักศกกล่าวพร้อมกับจ้องตากลับไป ดวงตาของเขาเหมือนมีมนตร์สะกดให้หญิงสาวเหม่อลอยไปทีเดียว

    แล้วชายหนุ่มผมดำก็เดินออกจากห้องของอนาเธียร์บนหอคอยไป

    “พวกเจ้าเฝ้าประตูเอาไว้ให้ดี อย่าให้ใครเข้าใกล้ห้องของอนาเธียร์ได้เด็ดขาด” ชายหนุ่มกล่าวกับทหารเฝ้ายามสองนายที่สวมเกราะเหล็กแบบเต็มชุดแบบคลุมไปทั้งศีรษะและถือขวานด้ามยาวเอาไว้ในมือ

    แกร็ก! แกร็ก!

    พวกทหารเกราะเหล็กขยับตัวตรงเหมือนกับเป็นคำตอบรับ

     

    อีกด้าน หนึ่งสาวและครึ่งสาวก็กำลังเดินอยู่ในทางใต้ดินที่เชื่อมมาจากบ่อน้ำโทรม ๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างจากปราสาทมากนัก

    “มันจะไปถึงปราสาทได้จริง ๆ เหรอมาเจนต้า” หญิงสาวชุดชมพูเอ่ยถามขณะเดินตามกะเทยในชุดบานเย็นที่กำลังถือลูกแก้วที่ส่องสว่างอยู่ในมือในทางเดินที่เหมือนจะถูกสร้างขึ้น

    “เชื่อเดี๊ยนเถอะฮ่าหนูโรส ถ้าแถวนี้จะมีทางลับอะไรมันก็ต้องเชื่อมกับปราสาทนั้นนั่นแหละ มันถึงจะสมกับเป็นเกมไงฮ้า” มาเจนต้าตอบกลับด้วยความมั่นใจ

    “อืม~ คงจะอย่างนั้นล่ะมั้ง” โรสเอ่ย แม้เธอจะไม่มั่นใจนัก แต่ถ้าอยู่กับทีม เธอก็ไม่กังวลหรอก

    ทางเดินใต้ดินนี้สูงประมาณสองเมตรกว่า ๆ ไม่เล็กมาก แต่ก็ไม่ใหญ่ขนาดที่จะเคลื่อนไหวได้สะดวก แค่ชูมือขึ้นก็แตะเพดานได้แล้ว

     

    พวกโซล่าร์ซิสฯ สามารถหาปราสาทแห่งนี้เจอ เนื่องจากพวกเขาได้เจอกับผู้ที่มีเวทสำรวจขั้นสูงนั่นเอง ซึ่งจากรายละเอียดที่สำรวจได้ บอกเป็นชื่อสถานที่ที่พวกโซล่าร์ซิสฯ ไม่รู้จักเลย สุดท้ายแล้วผู้ที่มีเวทสำรวจนั้นก็ต้องเป็นคนนำทางมาจนถึงที่นี่ และผู้ที่มีเวทสำรวจคนนั้นก็คือผู้เล่นเผ่ามารชุดแดงแห่งแก๊งแม่สี ‘ดันเต้’ นั่นเอง

    “น่าเบื่อจังน้า” ดันเต้บ่นขึ้นมาลอย ๆ หลังจากที่เขาแยกกับพวกโซล่าร์ซิสฯ แล้ว

    ตอนนี้เป็นเวลาหัวค่ำ ดวงอาทิตย์เพิ่งจะลับขอบฟ้าไป ดวงจันทร์ห้าถึงหกดวงเริ่มส่องแสงนวล ๆ ออกมาตามสีของพื้นผิวของดาวบริวารเหล่านั้น บางดวงสีเขียว บางดวงสีฟ้า บางดวงสีแดง ...แต่ก็มีอยู่สองดวงในคืนนี้ที่ส่องสว่างออกมาผิดปกติ

    “โอ้ คืนนี้ดับเบิ้ลฟูลมูนเหรอเนี่ย” ดันเต้เอ่ยขึ้นเมื่อมองไปที่ดวงจันทร์เต็มดวงทั้งสองดวง “เหมือนว่าคืนที่มีพระจันทร์เต็มดวงสองดวงมันจะมีอะไรซักอย่างน้า ...ช่างมันเถอะ”

     

    ตูมม!!! โฮกก!!!

    “แกว้กก~~!!!”

    เจ้ากากอยร้องโหยหวนขึ้นมาก่อนที่ร่างของมันจะถูกบดขยี้ด้วยกำลังอันรุนแรงจากมนุษย์หมาป่าสีทองตัวใหญ่

    แควก~~!! ฉูด!!!

    สุดท้ายแล้วเจ้าหมาป่าก็ใช้กรงเล็บของมันฉีกร่างของเจ้ากากอยออกเป็นสองเสี่ยงจนเลือดสีแดงฉานสาดกระจายไปทั่วบริเวณ

    “เยี่ยมเลยกราไฟต์!! ลุยเข้าไปทั้งอย่างนี้เลย” คริมซั่นส่งเสียงชื่นชม ดูเหมือนร่างหมาป่าสีทองนั่นคือชายหนุ่มชุดดำที่แปลงร่างจากทักษะมนุษย์หมาป่าทองคำของเขาเอง ...แต่ทว่า

    โฮก!!

    เจ้าหมาป่าสีทองคำรามออกมาแล้วพุ่งตัวเข้ามาหาชายหนุ่มชุดแดงทันที

    ตูมม!!

    “เฮ้ย!!”

    เจ้าหมาป่าพุ่งเข้ามาโจมตี แต่ลูกเหล็กร้อยโซ่ก็พุ่งเข้ามาขวางเอาไว้ได้อย่างทันท่วงทีอีกครั้ง ทำเอาคริมซั่นตกใจขึ้นมาทันที ทั้งตกใจที่ผู้ร่วมทีมของเขาเข้ามาโจมตี และลูกเหล็กที่โจมตีออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนเดิม

    “คริมซั่น!! กราไฟต์ในร่างนี้น่าจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว พูดด้วยไม่รู้เรื่องหรอก” แอชเชอร์กล่าวเตือน

    “ก็แล้วจะให้ทำไงเล่า” คริมซั่นตะโกนถามพร้อมกับก้าวถอยออกมาจากร่างของเจ้ามนุษย์หมาป่านั้น

    “เราบุกเข้าไปทั้งอย่างนี้แหละ!” แอชเชอร์พูดจบก็เหวี่ยงลูกเหล็กไปที่ประตูปราสาททันที

    ตูมม!!!

    “ไป!!” ชายหนุ่มสีฟ้าเอ่ยพร้อมกับกระโดดพุ่งเข้าไปในปราสาททันที

    “เฮ้ย! เอาจริงเด่ะแอชเชอร์” คริมซั่นถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็พุ่งร่างตามเพื่อนของเขาเข้าไปทันที

    ภายในปราสาท สัตว์อสูรที่รูปร่างคล้ายคนแต่หน้าตาน่าเกลียดตั้งชบวนรออยู่แล้ว

    กูล

    ระดับ 200

     

    “โหย ระดับสองร้อยทั้งนั้นเลย” คริมซั่นเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับส่งสายตาตื่น ๆ

    “ไม่ต้องสู้กับพวกนี้จริงจังก็ได้ เพราะเรามีผู้ช่วยชั้นดีอยู่แล้ว จริงมั้ย” แอชเชอร์กล่าวพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ

    “หมายถึง...” คริมซั่นเหมือนจะสงสัยว่าหมายถึงใคร แต่ก็คิดได้ในเวลาอันรวดเร็ว

    ตูมม!! โฮก~~ก!

    เจ้าหมาป่าสีทองพังกำแพงปราสาทเข้ามาทันที ถึงแม้ว่าประตูจะเปิดคาเอาไว้อยู่แล้วก็เถอะ

    “ท่าทางจะอาการหนักแฮะ ใช้ไม่เป็นแม้กระทั่งประตูเหรอเนี่ย” คริมซั่นเอ่ยออกมา ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมทีมชุดดำของเขาจะเสียสติโดยสมบูรณ์แล้ว

    ตูม!! ตูม!! ตูม!! ตูม!!

    แล้วสงครามสัตว์ประหลาดก็เริ่มขึ้น เมื่อร่างของกูลหลายสิบตัวพุ่งเข้าโจมตีมนุษย์หมาป่าตัวใหญ่ ในขณะที่เจ้าหมาป่าก็ตบสัตว์อสูรเหล่านั้นกระเด็นออกไปเป็นแถบ ๆ อย่างง่ายดาย

    ส่วนคริมซั่นกับอาเชอร์ก็ใช้วิธีสู้ไปถอยไป ไม่เน้นเข้าแลกกับพวกกูลมากนัก เพราะมีตัวชนชั้นดีอย่างเจ้ามนุษย์หมาป่าสีทองอยู่ ถึงแม้จะไม่มีสติก็เถอะ โดยพวกเขาหลอกล่อให้เจ้ามนุษย์หมาป่าเคลื่อนที่ลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ในปราสาท

     

    “ที่นี่มัน?” โรสเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย เมื่อพวกเธอทั้งสองเดินเข้ามาถึงส่วนที่กว้างกว่าเดิม มันไม่ใช่ทางเดินอีกแล้ว แต่กลับกลายเป็นห้องห้องหนึ่ง

    “ดูเหมือนจะเป็นคุกใต้ดินนะฮ้า” มาเจนต้าตอบเมื่อเธอเห็นประตูเหล็กที่เรียงกันอยู่หลายสิบบานใกล้ ๆ กัน

    “คุกเหรอ ...เอาไว้ขังใครล่ะเนี่ย” โรสพยายามคิดถึงสิ่งที่น่าจะถูกขังอยู่ในคุก “ทำไมถึงต้องขังเอาไว้ด้วยล่ะ”

    “เพราะนี่มันเป็นโลกที่ความตายไม่ใช่จุดจบไงล่ะฮ้า น่าจะเป็นวิธีจำกัดอิสรภาพของศัตรูที่ดีที่สุด เพราะถ้าฆ่าให้ตาย สุดท้ายแล้วเดี๋ยวก็ฟื้นขึ้นมาใหม่อยู่ดี” มาเจนต้าให้เหตุผลตามที่เธอคิด

    “พวกเจ้าเป็นใครน่ะ เข้ามาที่นี่ได้ยังไง” เสียงหญิงสาวดังขึ้นมา

    มาเจนต้าและโรสระวังตัวขึ้นมาทันที เพราะพวกเธอไม่คาดคิดว่าจะมีใครอยู่ที่นี่ และเมื่อมองไปยังต้นเสียงก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ท่าทางสวยสง่า

    อนาเธียร์ระดับ 250

     

    “ผู้เล่น?...ไม่ใช่ เป็น NPC สินะ” โรสเอ่ยขึ้นมาเมื่อสำรวจไปที่ร่างบางนั้น

    อนาเธียร์เป็นหญิงสาวผิวขาวซีด มีผมสีทองที่เกล้าเอาไว้อย่างเรียบร้อย นัยน์ตาของเธอมีสีแดงสดที่ดูเหมือนมีมนตร์สะกดทุกคนที่ได้เพ่งมอง เธอใส่ชุดเกาะอกเป็นหนังสีดำดูเซ็กซี่ และมีกระโปรงลากยาวออกมาถึงข้อเท้า แต่กลับผ่าซะสูงจนถึงต้นขา สวมบู้ทยาวเลยเข่า ส้นสูงสีดำเข้าชุดกับถุงมือยาวสีดำที่ยาวเลยศอกมาจนถึงต้นแขน

    อนาเธียร์คนนี้ก็คือแวมไพร์สาวที่พวกโซล่าร์ซิสฯ ตามหาอยู่นั่นเอง ดูเหมือนความทรงจำของเธอจะหายไปแล้ว เพราะเธอจำบรันโด้ไม่ได้เมื่อมองจากหอคอยลงมา แต่จะว่าไปบรันโด้ที่อยู่ในร่างไรเดอร์ก็มีลักษณะต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ส่วนพวกโซล่าร์ซิสฯ ก็ไม่มีใครรู้สักคนว่าแวมพ์นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร บรันโด้ก็ไม่รู้ชื่อดั้งเดิมของแวมไพร์สาวด้วย ดังนั้นจึงหาทางเชื่อมระหว่างอนาเธียร์กับแวมพ์ไม่ได้เลยในขณะนี้ แล้วยิ่งตอนนี้บรันโด้กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าที่ขาดสติไปแล้วยิ่งไปกันใหญ่

    “พวกแวมไพร์แน่ ๆ เลยฮ่า รูปร่างหน้าตาแบบนี้” มาเจนต้าเอ่ยพร้อมกับตั้งท่าต่อสู้ขึ้นมาทันที

    “แก พวกผู้บุกรุกเหรอ!” อนาเธียร์เอ่ยออกมาอย่างตระหนกพร้อมกับเรียกแส้หางม้ามาใส่มือเตรียมต่อสู้เหมือนกัน

    เพียะ!! ฟิ้ว!! ฟิ้ว!! ฟิ้ว!! ฟิ้ว!!

    แวมไพร์สาวฟาดแส้ลงกับพื้นหนึ่งครั้ง แล้วไอสีดำก็ฟุ้งกระจายออกมาพร้อมกับวัตถุสีดำที่พุ่งเข้ามาโจมตีสองสาวโซล่าร์ซิสฯ เป็นกลุ่ม ๆ

    “โล่น้ำแข็ง!!” โรสตะโกนพร้อมกับยกแขนซ้ายขึ้นมาป้องกัน แล้วน้ำแข็งก็แผ่ขยายออกมาจากแขนเธอกลายเป็นโล่ป้องกันการโจมตีทันที

    ปึ้ง! ปึ้ง! ปึ้ง! ปึ้ง!

    เสียงวัตถุพุ่งกระทบโล่ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง

    ฉัวะ!!

    “โอ๊ะ!”

    แต่กลับมาวัตถุบางส่วนพุ่งอ้อมโล่น้ำแข็งมาโจมตีโรสได้ และเมื่อเธอมองไปที่เจ้าวัตถุนั่นเธอก็เห็นว่ามันคือค้างคาวตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง

    เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ!

    อนาเธียร์ฟาดแส้อีกหลายครั้ง ทุกครั้งที่เธอฟาดแส้กลุ่มควันสีดำนั่นก็ฟุ่งกระจายไปทั่ว แล้วค้างคาวตัวเล็ก ๆ เป็นสิบ ๆ ตัวก็พุ่งเข้ามาโจมตีจากไอความมืดสีดำนั่น

    “โรส ประสานปราณลมฮ่ะ” กะเทยบานเย็นวิเคราะห์การโจมตีแล้วรีบเรียกโรสให้ใช้ท่าประสานทันที

    แล้วโรสกับมาเจนต้าก็พุ่งเข้าหากันก่อนจะยืนหันหลังชนกันแล้วสร้างปราณลมออกมาล้อมรอบร่างของพวกเธอเอาไว้ทันที ก่อนที่เหล่าค้างคาวจะพุ่งเข้ามาถึงตัว

    “ไดมอนดัส!!!” ทั้งสองสาวตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน แล้วปราณลมที่หมุนรอบตัวทั้งคู่ก็รุนแรงขึ้นพร้อมกับเกล็ดสีขาวเป็นประกายที่แทรกอยู่ในพายุ

    ฉัวะ!! ฉัวะ!! ฉัวะ!! ฉัวะ!!

    เหล่าฝูงค้างคาวที่บินเข้ามาต่างโดนเกล็ดน้ำแข็งสีขาวกรีดจนร่างหลุดเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่มีทางป้องกัน

    “ฮึ้ย!” แวมไพร์สาวอุทานขึ้นมาเมื่อเห็นเหตุการณ์ไม่เป็นไปดั่งใจ

    “เสร็จล่ะฮ่า พายุสายฟ้า!!” มาเจนต้าเห็นดังนั้นก็ตะโกนชื่อท่าไม้ตายออกมาก่อนจะปล่อนสายฟ้าแทรกออกมาจากพายุเตรียมตัวโจมตีใส่แวมไพร์สาว

    เปรี๊ยะ!! เปรี๊ยะ!! เปรี๊ยะ!! เปรี๊ยะ!!

    สายฟ้าแลบออกมาจากพายุ ผ่าใส่พื้นเป็นทางเข้าใกล้แวมไพร์สาวขึ้นเรื่อย ๆ ความเร็วของสายฟ้าและทิศทางที่ออกมาจากพายุทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะผ่าไปตรงไหนบ้าง ทำให้แวมไพร์สาวได้แต่ยืนมองด้วยความตื่นตระหนก

    แต่แล้วทันใดนั้น ก็มีกลุ่มก้อนพลังงานสีดำลอยออกมาขวางทั้งสามคนเอาไว้ก่อนที่มันจะดูดเอาสายฟ้าที่แลบออกไปทั้งหมด

    วูม~~!!

    “อะไรน่ะ แบล็กโฮลด์เหรอ!?” มาเจนต้ารู้ดีว่าก้อนกลม ๆ นั้นคืออะไร

    แล้วก้อนพลังงานสีดำก็ลอยเข้าไปที่ประตูคุกบานหนึ่ง ก่อนจะขยายขนาดขึ้นมาแล้วส่งแรงดึงดูดมหาศาลออกมาทันที

    “อ๊าย!!”

    “โอ๊ย!!”

    ร่างของสาว ๆ ทั้งสามคนถูกแรงดึงดูดนั้นลากจนตัวลอยเข้าไปกระแทกกับประตูเหล็กอย่างรุนแรง แรงดึงดูดนี้ทำเอาแต่ละคนขยับตัวแทบไม่ได้เลย

    “อะไรกันเนี่ย เจ้าเป็นใคร” อนาเธียร์ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ในคุกตอนนี้ด้วย

    “มาเจนต้า! นี่มันพลังความมืดใช่มั้ย!?” โรสถามด้วยความตระหนก

    “ใช่! นี่มันปราณความมืดสายแรงดึงดูดแน่ ๆ ฮ่ะ ไม่คิดว่าจะมีใครใช้ได้รุนแรงแบบนี้นะเนี่ย” มาเจนต้าตอบออกมาด้วยความตระหนกพอกัน เพราะตอนนี้เท่ากับว่าพวกเธอถูกจับตัวได้ซะแล้ว

     

    “นี่ ...เงียบ ๆ กันหน่อยไม่ได้เหรอไง คนจะหลับจะนอนนะ”

    เสียงดังขึ้นมาจากหลังประตูเหล็กนั่น มันเป็นเสียงที่ฟังดูเหมือนจะเป็นเสียงผู้หญิง

    เธอเป็นใครกันแน่ แล้วทำไมถึงถูกขังอยู่ในคุกแบบนี้

     

    ใบ้ให้ว่าไม่ใช่ตัวละครใหม่
    แล้วก็ขอเปลี่ยนเสียงชื่อ อาเชอร์ เป็น แอชเชอร์ ให้ถูกต้องนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×