ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #206 : บทที่ 199 ผู้ถูกคุมขัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.29K
      45
      3 มี.ค. 67

    บทที่ 199 ผู้ถูกคุมขัง

     

    อนาเธียร์หรือแวมพ์นั้น แม้ความทรงจำของเธอขณะที่ผจญภัยกับบรันโด้จะหายไปแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกแปลก ๆ กับการถูกบังคับให้อยู่แต่ในปราสาทอยู่ดี ดังนั้นขณะที่ในปราสาทกำลังมีปัญหาอยู่ เธอเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะหนีออกไปข้างนอกบ้าง เท่านั้นเอง โดยใช้ทางลับที่อยู่ในคุกใต้ดินของปราสาทนั่นเอง

    ไม่คาดคิดว่าผู้บุกรุกจะแยกออกเป็นสองทางแล้วแอบลอบเข้ามาทางคุกใต้ดินพอดีเหมือนกัน การต่อสู้จึงเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด

    แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายมากที่สุดก็คือ มีใครบางคนถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน และบัดนี้ทั้งผู้บุกรุกและผู้หลบหนีต่างถูกคนที่อยู่ในคุกนั้น ‘ตรึง’ ให้อยู่กับที่ด้วยแรงดึงดูด

     

    วูบ~

    แรงดึงดูดที่ทำให้ทุกคนตัวลอยไปติดกับประตูคุกค่อย ๆ เบาบางลงจนหายไปในที่สุดพร้อมกับเสียงหญิงสาวที่เอ่ยผ่านประตูออกมาอีก

    “ถ้าจะทำอะไรกันก็ให้มันเบา ๆ หน่อย เค้าเหนื่อยแล้ว ขอนอนก่อนนะ”

    เมื่อเหตุการณ์สงบลง ทั้งสามสาวได้แต่ตั้งท่าระวังตัวกันเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าจะสู้กันแบบเงียบ ๆ ได้ยังไง ถ้าขืนส่งเสียงดังขึ้นมาอีกคนหลังประตูได้ส่งพลังออกมาระงับการต่อสู้อีกแน่ ๆ

    แต่แล้วทันใดนั้น เพดานด้านหนึ่งก็ถล่มลงมาพร้อมกับเสียงดังสนั่น

    ครืนน~~!!

    พร้อมกันนั้นร่างของชายในชุดแดงกับน้ำเงินและมนุษย์หมาป่าสีทองก็ร่วงลงมา

    “คริมซั่น! แอชเชอร์!” กะเทยบานเย็นตะโกนออกมาด้วยความตกใจที่เห็นร่างเพื่อนร่วมทีมซึ่งดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บด้วย

    “อะไรน่ะ! กราไฟต์แปลงร่างเหรอ ...คืนนี้ดับเบิ้ลฟูลมูนเหรอเนี่ย” หญิงสาวสีชมพูเห็นร่างมนุษย์หมาป่าสีทองก็จำได้ เพราะเธอเคยเห็นมาแล้ว ร่างของกราไฟต์ตอนเปลี่ยนเป็นมนุษย์หมาป่ามีสถานะที่สูงมาก แต่ว่าสติสัมปัชญญะก็ไม่มีเหมือนกัน วิธีจัดการกับกราไฟต์ตอนแปลงร่างทำได้อย่างเดียวคือหนีไปเรื่อย ๆ จนกว่าพระจันทร์จะหายไปสักดวงนั่นแหละ

    ร่างของทั้งสามกลิ้งลงมาอย่างทุลักทุเล แต่เจ้ามนุษย์หมาป่าก็ยันกายขึ้นได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับแยกเขี้ยวไปทางด้านบนที่มันร่วงลงมาพร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมา

    “โฮกก!!!” เจ้าหมาป่าคำรามออกมาด้วยความโทสะ พร้อมกับกางกรงเล็บแล้วพุ่งกลับขึ้นไปตรงโพรงที่มันตกลงมาทันที

    แต่ทว่ากลับมีบางอย่างพุ่งลงมาแทน มันคือเศษซากของอาคารและฝุ่นที่พุ่งมาเป็นกลุ่มก้อนเหมือนกับงูยักษ์ มันพุ่งเข้าโจมตีเจ้าหมาป่าสีทองขณะที่มันกระโดดสวนขึ้นไปพอดี

    ตูม~~!!!

    เศษฝุ่นและเศษหินพุ่งเข้ากระแทกแล้วกวาดร่างของเจ้ามนุษย์หมาป่าให้กลืนหายไป ราวกับแม่น้ำอันเชี่ยวกรากที่พัดพาเอาร่างของผู้เคราะห์ร้ายให้จนไปในกระแสน้ำจนไม่สามารถผุดขึ้นมาได้

    การโจมตีนี้ยังกวาดเอาร่างของผู้ที่อยู่ภายในห้องโถงนี้ไปทั้งหมดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพวกโซล่าร์ซิสฯ หรือแม่แวมไพร์สาว

    “โซล่าร์ซิสฯ บาเรีย!!” เสียงชายในชุดแดงตะโกนสวนขึ้นมาท่ามกลางฝุ่นควัน

    พวกโซล่าร์ซิสฯ ที่เหลือเมื่อได้ยินเสียงก็รวมกลุ่มกันอย่างรวดเร็วแล้วใช้พลังจิตสร้างเกราะป้องกันขึ้น

    ครืน~!! โครม!!

    แต่ทว่าการโจมตีนี้ยังไม่หยุดลงง่าย ๆ เมื่อเศษฝุ่นและก้อนหินเคลื่อนที่ราวกับมีชีวิตไหลไปรอบ ๆ ห้องพร้อมกับสร้างรอยขีดข่วนไปตามพื้นผิวที่มันเคลื่อนผ่าน

    จนสุดท้าย เมื่อผ่านไปห้านาที เจ้างูยักษ์ก็สงบลง เศษฝุ่นฟุ้งไปทั่วห้องพร้อมกับความวอดวายของห้องโถงนี้

    “ฮึ ๆ ๆ ๆ เป็นไงล่ะลูฟ สะใจแกรึยังล่ะ” เสียงของผู้โจมตีเอ่ยขึ้น พร้อมกับร่างของเขาที่ลอยลงมาจากด้านบนช้า ๆ เขาคือชายผมดำยาวหยักศก พี่ชายของแวมไพร์สาวนั่นเอง

    แต่ทันใดนั้นการโจมตีที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อร่างของหญิงสาวสีชมพูพุ่งเข้ามาประชิดชายผมดำ

    “กุหลาบแย้ม!!” โรสตะโกนขึ้นพร้อมกับใช้ปราณน้ำแข็งยึดเท้าของเธอให้ติดพื้นแล้วพุ่งไหล่พร้อมท่อนแขนเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว

    “อึ๊!” ชายผมดำไหวตัวทัน เขาอุทานออกมาพร้อมกับกระโดดถอยออกมาได้อย่างทันท่วงที แต่ทว่าการโจมตีอื่นก็สอดประสานขึ้นมาทันที ลูกตุ้มหล็กพุ่งสวนเข้ามาจากทางด้านหลัง

    ตูม!!

    ร่างของชายผมดำโดดนลูกเหล็กกระแทกจนเซไปข้างหน้าทันที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวสีชมพูตวัดดาบของเธอออกมาต่อจากการโจมตีแรกของเธอ

    “ดาบความเร่ง!!” โรสตะโกนพร้อมกับเหวี่ยงดาบสั้นของเธอออกมาทันที

    ฉัวะ!

    คลื่นดาบสีขาวพุ่งเข้าไปที่ลำตัวของของชายผมดำเต็ม ๆ

    แต่การโจมตีก็ไม่ได้จบลงแค่นั้น เมื่อแม่กะเทยสีบานเย็นสะบัดมีดออกมา

    “พญาหงส์สะบัดปีก!!” มาเจนต้าตะโกนพร้อมกับปามีดออกไปแบบต่อเนื่อง มันเป็นท่าไม้ตายของแม่กะเทยสาวนั่นเอง

    ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!

    มีดบินหลายเล่มปักเข้าไปที่ร่างของเป้าหมายจนเป็นเม่น แต่ว่าการโจมตีของพวกโซล่าร์ซิสฯ ก็ยังไม่จบเมื่อชายในชุดแดงพุ่งร่างเข้าไปพร้อมกับเสยหอกของเขาเข้าไป

    “หอกดาวตก!!” คริมซั่นตะโกนขึ้นพร้อมกับไฟที่ลุกออกมาตามทางที่เขาเคลื่อนผ่าน

    และในจังหวะเข้าปะทะ ร่างของชายหนุ่มชุดแดงเหมือนกับกลายเป็นลูกธนูดอกหนึ่งที่พุ่งทะลวงเป้าหมายอย่างแม่นยำ

    ฟุบ! ฉัวะ!!

    ร่างของคริมซั่นเหมือนพุ่งทะลุผ่านชายผมดำแล้วมาหยุดห่างจากจุดปะทะเล็กน้อย ก่อนที่จะเก๊กท่าจบสุดเท่พร้อมกับไฟที่ลุกขึ้นมาเป็นเส้นตรงด้านหลังของเขา

    “ฮึ ๆ ๆ ๆ เป็นไงล่ะ ท่าประสานสุดเท่ของพวกเรา” ชายในชุดแดงเอ่ยออกมาพร้อมกับเก๊กหล่อเต็มที่

    “สุดยอดไปเล่ยฮ่า~~” กะเทยสีบบานเย็นเอ่ยชมพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า เพราะการโจมตีประสานสุดสวยแบบนี้ไม่ได้สำเร็จกันได้ง่าย ๆ

    แต่ทว่า

    ตูมม!!

    ร่างของคริมซั่นปลิวไปทางหนึ่งทันที เมื่อชายที่ถูกโจมตีต่อเมื่อครู่หันหลังกลับมาแล้วใช้หลังมือปัดร่างของชายหนุ่มชุดแดงออกไปง่าย ๆ

    “อ๊อก!!” คริมซั่นปลิวไปชนกำแพงด้านหนึ่งพร้อมกับกระอักเลือดออกมา

    “คริมซั่น!!” เหล่าโซล่าร์ซิสฯ ประสานเสียงออกด้วยด้วยความเป็นห่วงและตกใจ

    “นี่มันไม่เป็นอะไรเลยเหรอ!” แอชเชอร์เอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่ามีดบินที่ปักอยู่บนร่างของชายผมดำร่วงลงมาบนพื้นทั้งหมดแล้วเผยให้เห็นร่างที่ไม่มีบาดแผลอยู่เลย

    “การโจมตีกระจอกแบบนี้โดนเท่าไหร่ก็ไม่บาดเจ็บหรอกน่า” ชายผมดำพูดออกมาเรียบ ๆ พร้อมกับส่งสายตาเหยียด ๆ ไปใส่เหล่าผู้บุกรุก

     

    อีกด้านหนึ่งเจ้ามนุษย์หมาป่าสีทองก็เพิ่งจะลุกขึ้นมาจากเศษซากความวอดวายที่เกิดขึ้นในตอนแรก ร่างของมันเต็มไปด้วยบาดแผลเพราะว่าการโจมตีแรกนั้นมันรับเข้าไปเต็ม ๆ ใต้ร่างของมันยังมีหญิงสาวผมทองคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีสีหน้าตื่นตกใจ

    ‘มนุษย์หมาป่า!’ อนาเธียร์คิดขึ้นมาอย่างตระหนกเพราะมนุษย์หมาป่าถือเป็นศัตรูของเธอตามสัญชาตญาณ ‘ดูเหมือนมันจะไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงนี้’

    “โฮก!!” เจ้าหมาป่าคำรามขึ้นมาครั้งหนึ่งพร้อมกับหันหน้าไปทางชายผมดำที่เป็นศัตรูทันที

    ‘เอ๊ะ!!’ แวมไพร์สาวเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วเหมือนจะระลึกอะไรออกมาได้ ‘หมาป่าสีทองกับอนาเธอร์?’

    ภาพที่แวมไพร์สาวเห็นอยู่ตรงหน้านี้ เหมือนกับเหตุการณ์ที่เธอเคยเจอมาก่อนในความทรงจำที่เลือนราง แต่ว่าเธอก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นภาพนี้ที่ไหน

    “ยังไม่ตายอีกเหรอลูฟ แต่ดูจากสภาพแล้วอีกแค่นิดหน่อยก็ตายแล้วสินะ” อนาเธอร์เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นแขนมาด้านหน้าเตรียมโจมตีใส่เจ้ามนุษย์หมาป่าอีกครั้ง

    เศษฝุ่นผงและเศษหินที่อยู่บนพื้นม้วนตัวขึ้นมากลายเป็นร่างของงูตัวใหญ่อีกครั้งทันที

    “ตาย!!”

    และเมื่อชายหนุ่มผมดำเอ่ยจบ เจ้างูยักษ์นั่นก็พุ่งเข้าไปหาร่างของเจ้าหมาป่าสีทองทันที

    “หยุดนะอนาเธอร์!!” แวมไพร์สาวตะโกนขึ้นมาพร้อมกับพุ่งร่างเข้ามาขวางเอาไว้ก่อนที่เศษหินก้อนแรกจะพุ่งเข้าถึงเป้าหมาย

    “อนาเธียร์!! เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ชายหนุ่มผมดำอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าแม่แวมไพร์สาวจะมาอยู่ในห้องใต้ดินแห่งนี้

    “เพราะพี่ไม่เข้าใจข้าน่ะสิ!! ข้าไม่ได้อยากอยู่ในที่แคบ ๆ แบบในปราสาทนี้ซักหน่อย” แวมไพร์สาวตอบ

    “ข้าไม่ได้ถามความเห็นเจ้า! ถ้าข้าบอกให้อยู่ เจ้าก็ต้องอยู่” ชายผมดำหยักศกเสียงแข็งขึ้นมา

    “โฮก!!”

    “อ๊าย!!”

    วินาทีนั้นเอง เจ้าหมาป่าสีทองก็ฟาดกรงเล็บเข้าใส่แวมไพร์สาวจนเธอกระเด็นไปทางหนึ่ง

    “แก!! ลูฟ!!” อนาเธอร์เห็นดังนั้นก็ส่งพลังไปที่ร่างของเจ้าหมาป่าสีทองยกร่างของมันขึ้นทันที

    ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นจับร่างของเจ้าหมาป่าเอาไว้ แขนของมันเหมือนถูกกดเอาไว้ และไม่ว่ามันจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้

    “อย่าทำร้ายนายท่าน” แวมไพร์สาวเอ่ยออกมาเบา ๆ จากร่างที่บาดเจ็บ

    “อนาเธียร์? นี่ความจำของเจ้า!!” ชายหนุ่มผมดำเอ่ยออกมาด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก เหตุการณ์ที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุดเกิดขึ้นจนได้ ความจำของแวมไพร์สาวที่เริ่มเลือนรางกลับฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้งเสียแล้ว

    “เจ้าแยกพวกเราออกจากกันไม่ได้หรอกอนาเธอร์ เห็นมั้ยว่านายท่านมาตามข้ากลับไปแล้ว ฮึ ๆ ๆ ๆ” แวมไพร์สาวเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืนช้า ๆ

    แวมพ์

    ระดับ 250

     

    “หืม? ชื่อแม่นั่นเปลี่ยนไป ...กลายเป็นแวมพ์ไปแล้ว” กะเทยสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเธอสำรวจไปที่ร่างของแม่สาวผมทองอีกครั้ง

    “แวมพ์เหรอ ...งั้นเธอก็คือผู้ติดตามของกราไฟต์น่ะสิ” โรสเอ่ยขึ้นมา

     

    “เป็นไงบ้างคริมซั่น” อีกด้านหนึ่งแอชเชอร์ก็เข้าไปพยุงชายชุดแดงให้ลุกขึ้น

    “ไม่เป็นไร น้ำยาฟื้นพลังยังเหลืออยู่” คริมซั่นลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเลพร้อมกับจ้องไปที่ชายผมดำที่กำลังใช้พลังบีบอัดร่างของหมาป่าสีทองอยู่

    อนาเธอร์

    ระดับ 900

     

    “เฮ้ย! เก้าร้อยเลยเหรอ นายสำรวจเจ้าผมดำนั่นรึยัง!” คริมซั่นเอ่ยออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นระดับตัวละครที่สูงที่สุดเท่าที่เคยเห็น

    “อย่าบอกนะว่านายเพิ่งจะสำรวจน่ะ” แอชเชอร์เอ่ยพร้อมกับทำสายตาตื่น ๆ ใส่เพื่อนของตน

    “เอ๋า แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกเล่า” คริมซั่นสงสัย

    “ทำไมเหรอ ถ้ารู้ว่าระดับมันสูงแล้วจะได้ไม่สู้?” แอชเชอร์ถามด้วยการส่งสายตาเรียบ ๆ กลับมา

    “ก็ ...สู้อยู่ดีแหละ” คริมซั่นคิดเล็กน้อยก่อนตอบ เขามาที่นี่เพื่อจะช่วยกราไฟต์นี่นา ถึงจะเจออะไรก็ต้องสู้อยู่ดี

    “เห็นมะ บอกหรือไม่บอกก็ไม่มีผลอะไรซักหน่อย” แอชเชอร์เอ่ยพร้อมกับยิ้มออกมา

     

    “หยุดนะอนาเธอร์!!” แวมไพร์สาวเอ่ยพร้อมกับพุ่งเข้ามาขวางพี่ของเธอไม่ให้ทำร้ายร่างของเจ้านายเธอ

    “มันทำเจ้าบาดเจ็บขนาดนั้นยังจะห่วงมันอีกเหรอ!” อนาเธอร์เอ่ยออกมาด้วยโทสะพร้อมกับใช้อีกมือถึงส่งพลังบีบร่างของแม่แวมไพร์สาวเอาไว้พร้อมกับยกขึ้นทันที

    “อ๊าย! ปล่อยข้านะอนาเธอร์” แวมไพร์สาวเอ่ยพร้อมกับดิ้นไปมาไม่หยุดกลางอากาศ

    ขณะนั้นเอง ร่างของเจ้ามนุษย์หมาป่าสีทองก็มีความเปลี่ยนแปลง ใบหน้าของมันค่อย ๆ กลับมาเป็นคนพร้อมกับร่างที่เล็กลง แต่รอบ ๆ ร่างนั้นยังคงเปล่งออร่าสีทองออกมาเป็นรูปมนุษย์หมาป่าสีทองอยู่

    มันเกิดขึ้นจากจิตใจที่เข้มแข็งของบรันโด้ เขาเคยพลาดปล่อยให้หมาป่าครองร่างมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งเขาก็พยายามฝืนตัวเองเพื่อยึดร่างกลับคืนให้ได้ ซึ่งไม่เคยทำสำเร็จเลย แต่ครั้งนี้ผิดกัน เมื่อเขาเห็นเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่ตรงหน้า แวมพ์ไพร์สาวกำลังต้องการความช่วยเหลือจากเขาในตอนนี้ เขาไม่สามารถปล่อยจิตใจได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียว ด้วยความมุ่งมั่นที่แรงกล้านั้นเอง เขาจึงสามารถยึดร่างกลับคืนมาได้

    “คืนร่าง!” ชายหนุ่มชุดดำตะโกนเสียงดังขึ้นครั้งหนึ่งพร้อมกับแสงที่เข็มขัดที่สว่างวาบขึ้นมา

    บรันโด้สะบัดตัวครั้งหนึ่ง แล้วร่างของเขาก็หลุดออกจากการจับกุมของอนาเธอร์ทันที เขาเรียกขวานคู่ใส่มือแล้วรีบพุ่งเข้าไปหาร่างของชายผมดำหยักศก

    ตูม!

    ขวานมือพุ่งเข้าโจมตีใส่แขนของอนาเธอร์จนพลังของมันคลายออก แล้วร่างของแวมไพร์สาวก็ร่วงลงสู่พื้น

    “แวมพ์!!” บรันโด้ร้องเรียกผู้ติดตามของเขาพร้อมกับกระโดดไปหาเธอทันที

    “นายท่าน!!” แวมไพร์สาวร้องเรียกแล้วอ้าแขนโอบกอดเจ้านายของเธอทันทีที่เขาเข้ามาหาเธอ

    หมับ!

    ทั้งคู่กอดกันตัวกลม ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ปลอดภัยดีแท้ ๆ

     

    “เจ้าเลือกที่จะไปกับมันสินะ” อนาเธอร์เอ่ยขึ้นเรียบ ๆ หลังจากยืนดูทั้งคู่กอดกัน ดูเหมือนเขาจะครุ่นคิดอะไรอยู่ก่อนจะเอ่ยถามคำนี้ออกมา

    “ใช่” แวมพ์ตอบ

    “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?” อนาเธอร์ถามขึ้นมาอีก

    “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” แวมพ์ทวนคำเหมือนเป็นคำตอบ ใช่ ไม่ว่าอะไรเธอก็จะไปกับเจ้านายของเธอ

    “ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอยอมแพ้” อนาเธอร์เอ่ยออกมาพร้อมกับหลับตาลง

    “พี่ยอมปล่อยให้ข้าไปแล้วสินะ!” แวมไพร์สาวผมทองเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม

    “ข้ายอมแพ้ในตัวเจ้า ต่อไปนี้ข้าจะไม่ถือว่าเจ้าเป็นพี่น้องของข้าอีกแล้ว!!” อนาเธอร์ลืมตาพร้อมกับประกายตาที่แดงฉาน เต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย

    วินาทีนั้นแวมไพร์สาวมีสีหน้าสลดและตื่นตกใจขึ้นมาพร้อม ๆ กันเมื่อคิดว่าจากพี่ที่เป็นห่วงน้องเมื่อครู่เปลี่ยนไปเป็นคนที่พร้อมจะทำร้ายเธอ

    “บอลไฟ!!!!”

    ทันใดนั้นลูกบอลสีขาวประกายฟ้าก็พุ่งเข้าใส่ร่างของอนาเธอร์ทันที พวกโซล่าร์ซิสฯ พร้อมโจมตีอยู่แล้ว คริมซั่นกับโรสใช้ปราณไฟและน้ำแข็งสร้างบอลไฟสีขาวประกายฟ้าอันร้อนแรงขึ้นมา นี่ถือเป็นท่าโจมตีที่มีพลังสูงสุดของทั้งคู่ในตอนนี้

    ตูมมม!!!

    ลูกบอลไฟกระทบเป้าหมายแล้วระเบิดออกเป็นประกายไฟอันร้อนแรงกระจายออกรอบทิศทันที เปลวไฟสีฟ้าขาวเผาละลายเอาก้อนหินและกำแพงโดยรอบให้กลายเป็นของเหลว รัศมีของไฟยังแผ่ขยายไปจนครอบคลุมเกือบจะทั่วทั้งโถงแห่งนี้ทีเดียว

    พวกโซล่าร์ซิสฯ ทุกคนรวมกลุ่มกันด้วยความพร้อมเพรียงพร้อมกับสร้างกำแพงพลังจิตออกมาเพื่อป้องกันผลจากการโจมตีในครั้งนี้

    “พวกนี้เป็นใครกันคะนายท่าน” แวมพ์ถามขึ้นมาขณะที่เธอยืนอยู่หลังกำแพงพลังจิตพร้อมกับคนอื่น ๆ

    “ทีมของผมเอง พวกเค้ารวมกลุ่มกันมาเพื่อช่วยผมตามหาแวมพ์เลยนะ” บรันโด้เอ่ยออกมาด้วยความภูมิใจ

    พวกโซล่าร์ซิสฯ แต่ละคนยื่นมือมาแล้วชูนิ้วโป้งให้แม่แวมไพร์สาวพร้อมกับรอยยิ้มขณะที่ไม่หยุดกางบาเรีย ทำเอาแม่แวมไพร์สาวต้องยิ้มตอบกลับไปอย่างอัตโนมัติ

    “เดี๋ยวจบเรื่องแล้วเราไปเที่ยวด้วยกันนะฮ้า” มาเจนต้าเอ่ยชวนออกมาด้วยความยินดีตามประสาสาว ๆ

     

    และแล้วหลังจากที่พลังเพลิงสีขาวฟ้าจางหายไป สภาพห้องโถงก็กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่มีแต่รอยไหม้สีดำเต็มไปหมด พร้อมด้วยควันที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ผนังฝั่งที่เป็นประตูคุกก็ถูกความร้อนของบอลไฟเผาผลาญเหมือนกัน ประตูหลายบานที่เป็นเหล็กหลอมจนเสียรูปไปหมด ทำให้เห็นว่าประตูเหล็กแต่ละบานหนาเป็นเมตรเลยทีเดียว แต่ถึงจะหนาขนาดนั้นก็ไม่อาจต้านทานความร้อนแรงจากบอลไฟนี้ได้ บ่งบอกว่าอานุภาพของมันช่างรุนแรงยิ่งนัก

    “หึ ๆ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากหลังประตูเหล็กบานหนึ่ง

     “แก! ยังรอดอยู่อีกเหรอเนี่ย” คริมซั่นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่น ๆ

    พวกโซล่าร์ซิสฯ มองไปตามเสียงหัวเราะแล้วแทบจะทรุดลงไปทันที เพราะเจ้าของเสียงนั่นคืออนาเธอร์ ชายผมดำหยักศกผู้เป็นศัตรูนั่นเอง ดูเหมือนเขาจะใช้ประโยชน์จากความหนาของประตูเหล็กโดยเข้าไปหลบอยู่ในคุกห้องหนึ่งแล้วใช้พลังป้องกันเพียงเล็กน้อยก็แทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่เนื่องจากแรงปะทะที่เกิดขึ้นครั้งแรกสุดนั้น ทำให้เห็นว่ามีรอยไหม้อยู่ตามเนื้อตัวของเขาเหมือนกัน

    “อนาเธียร์ ข้าจะเอาเจ้ามาขังคุกไว้แบบนี้ก็แล้วกัน เพราะถ้าฆ่าเจ้าไป สุดท้ายก็สมใจเจ้าอยู่ดี” อนาเธอร์เอ่ยพร้อมกับจับร่างของผู้ที่ถูกขังอยู่หลังประตูนั่นเขย่าไปมา

    ร่างนั้นถูกแขวนห้อยหัวเอาไว้ด้วยโซ่เส้นหนา แขนทั้งคู่ถูกตรึงด้วยการใช้มีดปักทะลุแขนเข้าไป แล้วคล้องด้วยเหล็กไว้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อไม่ให้นักโทษขยับตัวหรือใช้พลังพิศดารอะไรออกมาได้

    แวมพ์จ้องไปที่ร่างนักโทษคนนั้น เพราะเธอสนใจตั้งแต่แรกว่าใครกันที่อยู่หลังประตู

    “ไม่จริงน่า!!” แวมพ์ไพร์สาวผมทองอุทานออกมาด้วยความตกใจ

    “กลัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว ข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่ ๆ” ชายผมดำหยักศกตอบกลับมาเพราะคิดว่าแม่แวมไพร์สาวกลัวการโดนขังคุกแบบนี้

    “โมเรน่า!!!” แวมพ์เอ่ยชื่อของนักโทษหลังประตูออกมา ทำเอาพวกโซล่าร์ซิสฯ แต่ละคนจ้องไปพร้อม ๆ กัน

    เธอเป็นเด็กสาวผิวเข้ม ผมสีดำ ถูกห้อยหัวอยู่ ที่แขนมีเลือดไหลซึมออกมาจากมีดที่ปักทะลุแขน ตามตัวมีร่องรอยการโดนทรมานเล็กน้อย

     

    เท่านั้นเอง พวกโซล่าร์ซิสฯ ทุกคน แม้แต่แวมพ์เองก็พุ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิตทันที พวกเขาหวังว่าจะช่วยให้เด็กสาวหลุดพ้นจากพันธนาการอันโหดร้ายนั้นโดยไม่สนใจเลยว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่

    เพราะไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร ก็ต้องช่วยอยู่ดีไม่ใช่หรือ

    “แก!!” คริมซั่นแผดเสียงออกมาพร้อมกับพุ่งหอกออกไป

    “ตายซะเถอะ!” มาเจนต้าพุ่งเข้าไปถึงคนแรกด้วยเตล็ดเท้าไร้เงา พร้อมกับง้างมีดเตรียมฟันเข้าไปที่คอของเป้าหมาย

    “ฮึ้ย~!” ลูกเหล็กพุ่งออกจากมือของแอชเชอร์ด้วยท่าขว้างมือเดียว กำลังอันรุนแรงถูกเสริมด้วยปราณดินทำให้อากาศรอบ ๆ ลูกเหล็กแตกเป็นริ้ว ๆ ตามทางที่เคลื่อน

    “ไป!!” โรสใช้ปราณน้ำแข็งเสริมดาบความเร่ง ยิงคลื่นคมดาบออกไปอย่างรุนแรง ตามปกติเธอจะไม่ใช้ท่าโจมตีแบบนี้เพราะมันสิ้นเปลืองปราณเกินไป แต่วินาทีนี้เธอไม่คำนึงถึงเรื่องนั้นอีกต่อไป

    ส่วนบรันโด้กับแวมพ์ก็พุ่งเข้าไปเตรียมโจมตีในระยะประชิด

    ตูม!!!

    “โอ๊ย!!” “อ๊ายย!!”

    เสียงปะทะดังสนั่น พร้อมกับร่างของผู้โจมตีทุกคนที่กระเด็นออกมา

    “ฮ่า ๆ ๆ ๆ” อนาเธอร์หัวเราะขึ้นมาเมื่อเขาเป็นผู้ได้เปรียบ

    “อะไรกัน ทำไมการโจมตีถูกสะท้อนล่ะ” โรสเอ่ยพร้อมกับทรุดตัวลงกุมแขนของเธอที่มีรอยกรีดพร้อมกับมีน้ำแข็งเกาะ

    “ก็แค่ท่าสะท้อนการโจมตีธรรมดา ๆ พวกเจ้าอยากจะโจมตีเข้ามาอีกกี่ครั้งก็ได้นะ” อนาเธอร์เอ่ยออกมาอย่างกระหยิ่ม

    “งั้นไม่เกรงใจล่ะนะ” เสียงชายคนหนึ่งโต้ตอบกลับไปก่อนที่การโจมตีของเขาจะเริ่มขึ้น

     

    獏 獏 獏 獏

    ตูม!! ตูม!! ตูม!! ตูม!!

    อักษรโบราณพุ่งเข้าใส่ร่างของอนาเธอร์แล้วระเบิดออกมาจนร่างของเขาสะบัดไปมาอย่างรุนแรง

    “แก!! แกเป็นใคร!!?” อนาเธอร์แค่นเสียงออกมาพร้อมกับกระอักเลือดออกมา แล้วจ้องมองไปที่ผู้บุกรุกคนใหม่ด้วยสายตาอันเคียดแค้น

    “แหม ก็พระเอกไง” ผู้บุกรุกคนใหม่ตอบ “พระเอกเค้าก็ต้องมาสาย ๆ หน่อยแบบนี้แหละ”

     

    อยากจะทิ้งท้ายให้ทายกันหรอกว่าใครมา แต่ถ้าใครไม่รู้ก็ประหลาดไปแหละนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×