ตอนที่ 33 : Mad Dog : Chapter 28
สายลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่าน ชวนให้ต้นหญ้าและใบไม้ต่างแข่งกันพลิ้วไหว ราวกับกำลังเต้นระบำในงานเฉลิมฉลอง แสงอาทิตย์ถูกบดบังด้วยก้อนเมฆ ทำให้บรรยากาศของกรีนเลคเต็มไปด้วยความร่มรื่น และเหมาะแก่การออกมาเดินเล่นเป็นอย่างยิ่ง
ในช่วงเช้าของวันหลังจากที่ทั้งเธียร์และแมดส์ออกไปทานอาหารเช้า เบต้าหนุ่มน้อยเจ้าของรอยยิ้มสว่างไสวก็ไม่ลังเลที่จะพุ่งปรี่เข้ามาหาคุณหนูตัวขาว ก่อนจะเอ่ยขออนุญาตทรูอัลฟ่าหนุ่มด้วยเสียงสดใส ในขณะที่เธียร์นั้นได้แต่พยักหน้าหงึกหงักตามอีกฝ่าย เพราะไม่อาจปฏิเสธได้
“นายทำงานของนายได้เต็มที่เลยแมดส์ เดี๋ยวฉันจะดูแลพี่เธียร์ให้เอง”
หนุ่มน้อยเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเอ่ยบอก แมดส์ ไทเลอร์ พลางหันไปส่งยิ้มให้กับคนที่ตัวเองจับมืออยู่ ใบหน้าจิ้มลิ้มของเพียวโอเมก้าตัวขาว ทำให้เด็กหนุ่มนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา จนไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นที่จะได้พาอีกฝ่ายไปพบเจอไว้ไม่มิด
“จะไปเล่นซนที่ไหนกัน?” แมดส์ ไทเลอร์ กอดอกมอง ควินน์ เดอเกล ที่ดีใจจนหางโผล่อย่างพิจารณาท่าทางประหลาดของอีกฝ่าย
“ฉันโตแล้วน่าแมดส์ อีกอย่าฉันก็จะไม่ได้พาพี่เธียร์ไปเล่นซนเสียหน่อย” ควินน์ เดอเกล เถียงทรูอัลฟ่าหนุ่มคอเป็นเอ็น ก่อนจะหันไปส่งสายตากดดัน วินซ์ คลาเวน ให้ช่วยพูดอะไรเสียหน่อย ไม่ใช่ยืนมองเฉย ๆ แล้วส่งยิ้มเช่นนี้ “ไม่เชื่อก็ถามวินซ์ได้”
“มาวุ่นวายอะไรกับฉันอีกล่ะ” วินซ์ คลาเวน อดบ่นไม่ได้ เมื่อเด็กหนุ่มโยนภาระมาให้ตัวเองตอบคำถามของแมดส์ “อย่าห่วงไปเลย นายก็รู้ว่าอย่างควินน์ไปไหนไม่ได้ไกลหรอก”
“อันนี้ฉันว่านายหลอกว่าฉันอยู่นะวินซ์” ควินน์ถึงกับขมวดคิ้วทันที เมื่อตีความประโยคของอัลฟ่าผมเทาเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ต้องหน้าหงิกยิ่งกว่าเดิม เมื่อมีใครอีกคนเข้ามาร่วมผสมโรง
“ใครว่าวินซ์หลอกว่านายกัน หมอนี่ว่านายตรง ๆ เลยต่างหาก” เมเลค ฟิทซ์รอย นั่นเองที่เป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย ซ้ำยังปล่อยระเบิดลูกย่อมให้เบต้าหนุ่มน้อยได้หูแดงเล่น ๆ เพราะความโกรธ
“ถ้านายไม่พูด ฉันคงคิดว่านายไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้นะเมเลค” แต่คิดหรือว่าเบต้าที่เด็กสุดในวงสนทนานี้จะยอมแพ้ง่าย ๆ ไม่มีทางเสียหรอก
“มันเอาเรื่องจริง ๆ นะไอ้เจ้าเด็กคนนี้” เมเลค ฟิทซ์รอย เอ่ยพลางหัวเราะลั่น ก่อนจะยื่นมือไปขยี้หัวของควินน์ จนผมของอีกฝ่ายยุ่งเหยิง
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วเถอะ”
“อีกไม่กี่ปีก็โตเป็นหนุ่มแล้วนี่ ฉันลืมไป ต้องขอโทษด้วย” เมเลคแสร้งเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่กลับเต็มไปด้วยความกวนประสาทที่อัดแน่นเต็มประโยค
“จริงใจชะมัด” ควินน์ว่าก่อนจะร้องเหอะออกมาเบา ๆ พลางกลอกตาเบื่อหน่าย
“ห้ามพากันออกไปนอกเขตของกรีนเลค ถ้าเป็นไปได้อยู่แถวหมู่บ้านจะดีที่สุด เข้าใจใช่ไหมควินน์?” แมดส์เอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง พลางมองหน้าเบต้ารุ่นน้องด้วยสายตาจริงจัง ซึ่งมันก็ทำให้ควินน์เห็นถึงความน่ากลัวในดวงตาของแมดส์ ดูท่าทางว่าไทเลอร์คงจะหวงคู่ชีวิตของตัวเองมากกว่าที่ควินน์คาดคิดไว้เสียอีก
“มั่นใจได้ว่าฉันจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน”
“ถ้าได้แผลหรือเจ็บตัวกลับมา ฉันจะสั่งให้วินซ์ลงโทษทั้งคู่..”
“เฮ้! นายจะส่งบทใจร้ายมาให้ฉันหน้าตาเฉยได้ยังไงกัน” วินซ์ คลาเวน ร้องท้วงก่อนจะชกไหล่ของทรูอัลฟ่าผิวเข้มด้วยความหมั่นไส้
“มันหน้าที่นาย”
วินซ์ คลาเวน แทบอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ แต่มันก็ไม่ใช่นิสัยของเจ้าตัวสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นอัลฟ่าผมสีเทาจึงได้แต่ยกยิ้มบาง ๆ และเอ่ยประโยคที่ทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มหันขวับมามองตัวเอง
“แต่พอเอาเข้าจริง ๆ นายก็เป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดอยู่ดีไม่ใช่หรือแมดส์”
อัลฟ่าหนุ่มรู้ดีว่าแมดส์ไม่ชอบการเป็นผู้นำใครสักเท่าไหร่ ด้วยเพราะนิสัยที่มักจะปลีกตัวออกไปอยู่คนเดียว และปฏิเสธในการเข้าสังคม จึงทำให้เจ้าตัวค่อนข้างจะรักสันโดษเกินกว่าที่จะเข้ามาเป็นผู้นำ
“ไร้สาระ” แมดส์ ไทเลอร์ ตอบอย่างไม่แยแส ก่อนจะหันไปมองหน้าเพียวโอเมก้าตัวขาวที่ได้แต่มองพวกเขาพูดคุยกัน “ดูแลตัวเองด้วย” ทรูอัลฟ่าหนุ่มเอ่ยสั้น ๆ กับอีกฝ่าย แต่มันก็มากพอจะทำให้เธียร์ยกยิ้มจนตาปิด
“เราจะดูแลตัวเองแล้วก็ดูแลน้องด้วย” เจ้าของเสียงน่าฟังเอ่ย พลางหันไปยิ้มให้กับคนอายุน้อยกว่าอย่างเป็นมิตร
“ฉันว่านายคิดผิดนะแมดส์ที่ปล่อยคุณหนูไว้กับเด็กแสบแบบนี้” เมเลคยังไม่วายบ่นเบา ๆ ก่อนจะลอยหน้าลอยตาทำเป็นมองไม่เห็นสายตาไม่พอใจของควินน์
“แต่ควินน์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากกว่านาย”
ควินน์ เดอเกล หลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อได้ยินประโยคของแมดส์ที่พูดกับเพื่อนสนิท จนอัลฟ่าผิวสีแทนนั้นมองตัวเองตาเขียว
“มันจะดูถูกฉันเกินไปแล้วนะเพื่อน”
“ลอยไปลอยมาแบบนาย ฉันไม่ไว้ใจ” แมดส์ยกเหตุผลเสริม จนทำให้เมเลคเถียงไม่ออก และได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้กับคุณหนูตัวขาว
“จะบอกว่าไม่ไว้ใจใครเลยนอกจากตัวเองว่างั้นเถอะ” ฟิทซ์รอยยังคงต่อปากต่อคำกับไทเลอร์ ก่อนที่จะเอี้ยวตัวหลบขาของทรูอัลฟ่าที่หมายจะเตะก้นตัวเอง “นอกจากจะปากไวแล้วยังเท้าไว ฉันล่ะเชื่อเขาเลย”
“พูดมากขึ้นทุกวัน” แมดส์ถอนหายใจหนัก ๆ อย่างท้อใจ เมื่อเพื่อนสนิทของตัวเองไม่มีทีท่าว่าจะกวนประสาทน้อยลงเลยสักนิด
“ถ้าว่าง ๆ ฉันจะแวะไปหาแล้วกันนะคุณหนู” เมเลคขยิบตารวมถึงส่งยิ้มทะเล้นให้เธียร์อย่างเจ้าชู้ แน่นอนว่าอัลฟ่าหนุ่มผิวแทนย่อมโดนหมาบ้าเตะก้นแรง ๆ ไปตามระเบียบ เรียกได้ว่าหลบยังไงก็ไม่พ้น เพราะไทเลอร์ดันเตะมาอย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว
“ฝากด้วยแล้วกันคลาเวน”
“ฉัน?” อัลฟ่าผมสีเทาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง คิ้วได้รูปของอีกฝ่ายเลิกขึ้นเพราะความตกใจ ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อจู่ ๆ ตัวเองก็ได้หน้าที่ใหม่มาอย่างช่วยไม่ได้
“ฉันกับฟิทซ์รอยจะออกไปตัดไม้เสียหน่อย ยังไงก็ฝากนายช่วยดูแลหน่อย”
“ฉันบอกตอนไหนว่าจะออกไปตัดไม้กับนายวะไทเลอร์” คนผิวสีแทนถามเสียงสูงเพราะความงงงวย อยู่ ๆ ก็ได้งานมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แถมยังเป็นงานหนักเสียด้วย แค่ฟังก็รู้แล้วว่าหมาบ้าต้องการกันตัวเองออกจากคุณหนูตัวขาว ไม่งั้นคงไม่มัดมือชกให้เขาออกไปทำงานด้วยเช่นนี้
“นายไม่ได้บอก แต่ฉันนี่ล่ะบอก”
“ฉันชักจะสงสัยแล้วสิวินซ์ ปกติแล้วหมาบ้ามันหวงเจ้าของเป็นด้วยหรือ?” เมเลคหันไปเอ่ยถามวินซ์ด้วยน้ำเสียงคล้ายประชดประชัน ก่อนที่จะขยับตัวไปยืนใกล้ ๆ คุณหนูตัวขาว เพื่อหลบการประทุษร้ายจากหมาบ้า “กล้าหรือไทเลอร์ ถ้าพลาดโดนคุณหนูขึ้นมา ฉันไม่รู้ด้วยนะ”
“พวกนายโตกันขนาดนี้แล้ว ยังจะมาเถียงกันเป็นเด็ก ไม่อายฉันบ้างหรือไง” ควินน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเต็มทน มือขาวโบกมือไล่สองเพื่อนสนิทที่ทำตัวเป็นเด็ก ๆ ให้ไปทำงานกันเสียที ก่อนที่จะต้องได้ลงไม้ลงมือกันเพราะคำพูดกวนประสาท
“หวังว่าฉันคงมองนายไม่ผิดนะควินน์” ทรูอัลฟ่าหนุ่มยังไม่วายย้ำให้เบต้าเด็กหนุ่มได้จดจำเอาไว้
“ถึงฉันจะพึ่งรู้จักพี่เธียร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรังเกียจเขา”
คนที่ถูกพูดถึงไม่กล้าแม้แต่จะยิ้มออกมาเลยสักนิด ความจริงที่เธียร์รู้ดีว่ามันคืออะไร ทำให้เจ้าตัวไม่กล้าสบตากับเด็กน้อยตรงหน้า ดวงตาคู่สวยเสมองไปทางทรูอัลฟ่าอย่างต้องการหาที่พึ่ง รอยยิ้มเล็ก ๆ ของแมดส์ที่ถูกส่งมาให้ ส่งผลให้เธียร์รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทันใดนั้นริมฝีปากสีระเรื่อก็ยกยิ้มน้อย ๆ พอให้ควินน์รู้สึกดีไปด้วย
“เห่อเพื่อนใหม่ล่ะสิไม่ว่า” วินซ์ คลาเวน เอ่ยหยอกเด็กหนุ่มอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะหันไปพูดคุยกับแมดส์เบา ๆ จนทำให้คนที่ยืนอยู่ห่างไม่สามารถได้ยินได้
ทรูอัลฟ่าหนุ่มมองหน้าอัลฟ่าผมเทานิ่ง ๆ ก่อนที่จะยอมพยักหน้ารับในที่สุด ดวงตาสีอ่อนของแมดส์ลากสายตามาหยุดมองที่เพียวโอเมก้าอีกครั้ง แม้จะไม่ได้พูดอะไรอีกกับเธียร์ แต่มันก็ทำให้คนตัวขาวรับรู้ได้ว่าตัวเองจะต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ยามที่อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ใกล้ตัวเองอย่างเช่นทุกที
“ไว้เจอกันตอนมื้อเย็น ท่าทางวันนี้ฉันคงต้องกลับมากินข้าวสักสองสามชามแล้วล่ะ” เมเลคยังไม่วายเอ่ยลาคนที่อยู่ในหมู่บ้าน
“ฉันว่ามันก็เรื่องปกติของนายนะ” วินซ์ว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบลูกแอปเปิ้ลที่อัลฟ่าผิวสีแทนขว้างใส่ “อย่าไปกวนประสาทไทเลอร์ จนโดนฆ่าหมกป่าเสียล่ะ”
“ขนลุกน่า เกิดหมอนั่นทำจริง ๆ ขึ้นมา นายจะเสียใจที่ขาดฉันไป” เมเลค ฟิทซ์รอย ก็เป็นแบบนี้เสมอ คำพูดคำจาที่กวนประสาทและมักจะหยอกเย้าคนอื่นไปเรื่อย มันย่อมเป็นเรื่องคุ้นชินดีสำหรับคนที่รู้จัก
“ไปกันได้แล้วฟิทซ์รอย” เมเลคกลอกตาอีกรอบและยอมเดินตามเพื่อนสนิทไปแต่โดยดี ท่าทางกวน ๆ พวกนั้นของอัลฟ่าผิวสีแทนสร้างเสียงหัวเราะเบา ๆ ให้กับคนที่ยืนมองอยู่ได้ไม่น้อย
“ช่วงเช้าฉันมีงานต้องทำอยู่นิดหน่อย ยังไงก็อยู่แถวนี้ก่อนจะดีกว่า เผื่อเกิดอะไรขึ้นฉันจะได้จัดการได้”
“ได้ยังไงกันล่ะ ฉันอยากพาพี่เธียร์ไปนั่งเล่นที่ทุ่งหญ้าตรงหุบเขาชะมัด” หนุ่มน้อยเอ่ยด้วยใบหน้าหงอย ๆ เมื่อดูท่าแล้วแผนการที่วางไว้จะล้มเหลว ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มต้นเลยสักนิด
“ไว้บ่าย ๆ ค่อยไปนั่งเล่นก็ยังไม่สาย ฉันจะได้ออกไปด้วย” อัลฟ่าผมสีเทาเสนอทางเลือกอีกทางหนึ่งให้กับควินน์ และแน่นอนว่าเบต้าหนุ่มน้อยก็ไม่ลังเลที่จะคว้าโอกาสนั้น “ได้ข่าวว่าบ้านของแฮนนาห์มีลูกแมวคอกใหม่ เห็นว่าคลอดออกมาได้เกือบจะสองเดือนแล้ว นายได้ไปดูหรือยังล่ะควินน์”
“ลูกแมวหรือ?” เป็นเพียวโอเมก้าตัวขาวที่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จนทำให้ทั้งวินซ์และควินน์หัวเราะออกมาเบา ๆ
“อยากลองไปดูไหมล่ะ ฉันจะพาไป” ควินน์ว่า
“จะรบกวนนายหรือเปล่า”
“ฉันว่าคงไม่ใช่แค่คุณหนูหรอกที่อยากไปดู..” สายตาเป็นประกายของควินน์เองก็ไม่ต่างจากเพียวโอเมก้าเสียเท่าไหร่นัก “ควินน์เองก็คงอยากไปเหมือนกัน”
“อย่ามารู้ทันกันน่า”
“แค่อ้าปากก็รู้ไปถึงไหนแล้วว่านายคิดอะไรอยู่”
“บางทีหมอนี่ก็ชอบพูดเกินจริง อย่าไปฟังมากล่ะ” ควินน์ เดอเกล ไม่วายแขวะคนอายุมากกว่า ก่อนจะรีบจับจูงมือของเธียร์ให้เดินตามตัวเองไปยังบ้านของแฮนนาห์
เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มพยายามข่มความกลัวลึก ๆ ของตัวเองลงไปอีกครั้ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนในหมู่บ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การต้อนรับและคำทักทายที่เต็มไปด้วยความยินดี ย่อมทำให้เธียร์คลี่ยิ้มจาง ๆ แทนที่จะทำหน้าหงอย ยิ่งเห็นเจ้าพวกลูกแมวตัวเล็กที่เดินเล่นกันให้ทั่วพื้นที่ที่ให้พวกมันอยู่ ก็ยิ่งทำให้เจ้าตัวยิ้มกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ชอบใช่ไหมล่ะ?” ควินน์เอ่ยถามคนตัวขาวที่เอาแต่มองเจ้าพวกลูกแมวไม่วางตา และคำตอบที่เบต้าหนุ่มน้อยได้ก็เป็นเพียงหัวกลมที่พยักหน้ารับ พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาคู่สวยกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว
ลูกแมวตัวขาวที่มีขนสีขาวนุ่มขึ้นปกคลุมร่างกาย ย่อมน่ารักน่าชังเสียจนเธียร์อดไม่ได้ที่จะใช้มือสัมผัสมันเบา ๆ ดวงตาสีฟ้าใสดึงดูดให้เพียวโอเมก้าไม่สามารถหยุดมองมันได้ พอ ๆ กับที่ทำให้ความรู้สึกของตัวเองนั้นอิ่มเอมไปด้วยความสุขเล็ก ๆ
“ถ้าเธอชอบ ฉันจะยกมันให้เธอสักตัวหนึ่งดีหรือไม่” เบต้าหญิงที่มีอายุประมาณหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของแมวคอกนี้เอ่ยบอกคนน่ารัก ก่อนจะส่งรอยยิ้มเอ็นดูให้กับเจ้าตัว
“เราว่าเราคงเลี้ยงมันไม่ได้..” แม้จะดีใจไม่น้อยที่ได้ยินเช่นนั้น แต่เธียร์กลับไม่กล้าที่จะเลี้ยงสัตว์ตัวเล็กเช่นนี้เลยสักนิด
“เราช่วยเลี้ยงมันด้วยกันก็ได้นี่” ควินน์ เดอเกล เอ่ยสนับสนุนก่อนจะชี้นิ้วไปยังลูกแมวตัวเล็กที่เข้ามาคลอเคลียกับเธียร์ตั้งแต่แรก ๆ “ท่าทางเจ้าตัวนี้ดูจะชอบพี่นะ..”
เธียร์เหลือบมองลูกแมวที่เข้ามาคลอเคลียตัวเองบ่อย ๆ ด้วยความเอ็นดูปนลำบากใจ หากเขาตกปากรับคำเจ้าหล่อนไป มันอาจจะทำให้ แมดส์ ไทเลอร์ ไม่เห็นด้วยก็ได้ ทางที่ดีถ้าหากเขาอยากจะเลี้ยง เขาเองก็ควรจะพูดคุยกับไทเลอร์เสียก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป
“เราคงต้องขอคุยกับแมดส์ก่อน” เธียร์เอ่ยตอบเจ้าหล่อน เธอเองก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจดี เพราะจากสถานะที่เจ้าหล่อนได้รับรู้ โอเมก้าตรงหน้าก็เป็นคู่ชีวิตของไทเลอร์ที่เธอรู้จักมานาน
“ฉันว่าไทเลอร์จะต้องเข้าใจเธอ”
บางที แมดส์ ไทเลอร์ อาจจะไม่ชอบการที่มีสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าไปวุ่นวายในชีวิตตัวเองก็ได้ ใครจะรู้กัน..
ในช่วงเช้าของวัน ทั้งควินน์และเธียร์ต่างใช้เวลานั่งเล่นกับพวกเจ้าลูกแมวและแม่แมวที่บ้านของแฮนนาห์ เจ้าหล่อนเอ่ยชวนพวกเขาทานอาหารที่บ้านด้วยความยินดี ซ้ำยังเอ่ยชวน วินซ์ คลาเวน ที่แวะมาดูควินน์และเธียร์ให้ร่วมทานอาหารเที่ยงด้วย
วินซ์ คลาเวน ยืนพูดคุยอยู่กับแฮนนาห์อีกนิดหน่อย หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารกันเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหล่อนเอ่ยถามถึงเพียวโอเมก้าที่เข้ามาใหม่ด้วยความสงสัย
“ฉันหวังว่าการตัดสินใจเลือกคู่ของไทเลอร์ จะไม่ใช่เรื่องผิดพลาด”
“มันคงถึงเวลาที่เขาจะเริ่มต้นใหม่..” วินซ์ตอบเจ้าหล่อน ริมฝีปากกระจับจุดยิ้มเล็ก ๆ ให้บทสนทนานั้นดูผ่อนคลายแทนที่จะเป็นเรื่องเครียด
“จุดเริ่มต้นนี่ล่ะคือสิ่งที่ยากที่สุดในการใช้ชีวิตด้วยกัน…”
“….”
“ฉันเห็นความแตกต่างในตัวพวกเขาทั้งสองคน จนอดคิดไม่ได้ว่าความแตกต่างนี้จะเป็นปัญหาเข้าในสักวันหนึ่ง”
“งั้นฉันจะภาวนาให้สิ่งที่เธอคิดไม่เกิดขึ้นกับพวกเขาทั้งสองคน”
“ที่นี่เป็นความลับสุดยอดของเราเลยนะพี่เธียร์” ควินน์กระซิบบอกเพียวโอเมก้าตัวขาว ก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปยังทุ่งหญ้าด้านหน้า เมื่อมองออกไปจากทุ่งหญ้าก็จะเห็นหุบเขาซึ่งห่างออกไป ดอกไม้หลากชนิดขึ้นสลับกับต้นหญ้า ยังคงเป็นความงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา จนทำให้คนมองยากที่จะละสายตา
แสงแดดในยามบ่ายคล้อยทำให้บรรยากาศของบริเวณนี้ร่มรื่นกว่าทุกที ลมเย็นพัดผ่านให้รู้สึกสบายเนื้อสบายตัว พอให้ใบไม้และใบหญ้าได้พลิ้วไหว เจ้าของเส้นผมสีเข้มยังคงเดินทอดน่องมองสิ่งรอบตัวเงียบ ๆ ในขณะที่ฟังเสียงเจื้อยแจ้วของควินน์เล่าเรื่องต่าง ๆ นานาให้ตัวเองฟัง
ทางด้านคนที่เอามือไพล่หลังและเดินตามอยู่เงียบ ๆ อย่าง วินซ์ คลาเวน ก็ยังคงคอยสังเกตท่าทีของคุณหนูตัวขาวด้วยความระมัดระวัง เพราะหากใช้สายตาจ้องมองอีกฝ่ายมากเกินไป มันก็คงจะทำให้เจ้าตัวนั้นอึดอัดไม่น้อยที่ต้องถูกจับตามอง แต่ด้วยสายตาของอัลฟ่าผมเทาที่มักจะมองใครต่อใครด้วยความสุภาพ ก็ย่อมทำให้เธียร์ไม่รู้สึกอึดอัดในยามที่ถูกจ้องมองเท่าไหร่นัก แม้อีกฝ่ายจะเป็นอัลฟ่าที่ตัวเองพึ่งจะรู้จักได้ไม่นาน
“อยู่กับวินซ์ไปก่อนนะ เดี๋ยวเราไปหาอะไรมาให้ดู รอแป๊บเดียว” ควินน์ เดอเกล เอ่ยบอกคนที่เดินอยู่ข้างตัวเองรัว ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบวิ่งออกไปทางอีกด้านหนึ่ง เพื่อหาสิ่งที่ตัวเองตั้งใจจะเอามาอวดอีกฝ่าย
“ให้พี่ไปด้วยก็ได้..” แต่ทว่าเสียงของเธียร์คงไม่สามารถหยุดควินน์ได้ ในเมื่อเจ้าตัวเล่นหายตัวไวเสียขนาดนี้
“คงจะไปหาอะไรมาอวดอีกตามเคย เจ้าเด็กนั่นก็เป็นแบบนี้ล่ะ” วินซ์เอ่ยบอกคนที่ทำหน้างุนงง ก่อนจะผายมือเชิญให้อีกคนได้เดินต่อไป
“จริง ๆ แล้วนายไม่ควรอยู่ใกล้เราเลยคลาเวน” เธียร์เอ่ยบอกอัลฟ่าผมเทาตามตรง ช่วงเวลาที่ผ่านมาสักพักใหญ่หลังจากที่เธียร์ฮีทครั้งล่าสุดไป มันทำให้เจ้าตัวต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เมื่อต้องอยู่กับอัลฟ่าอื่นที่ไม่ใช่คู่ของตัวเอง
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกคุณหนู ฉันกินยามาแล้ว”
“นายรู้?”
“แมดส์เข้ามาคุยกับฉันตั้งแต่ก่อนทานข้าวเมื่อเช้าแล้วล่ะ” วินซ์ คลาเวน เอ่ยตอบข้อสงสัยของคุณหนูตัวขาว “หมอนั่นเป็นห่วงคุณหนูมากนะ”
เธียร์ระบายยิ้มออกมาน้อย ๆ พลางเลือกที่จะทรุดนั่งลงบนพื้นหญ้าที่นิ่มจนแทบไม่รู้สึกว่าตัวเองนั่งอยู่บนพื้น ทางด้านอัลฟ่าผมเทาเองก็หยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ในระยะที่ห่างพอสมควร เพื่อไม่ให้เป็นการคุกคามเพียวโอเมก้ามากจนเกินไป
เสี้ยวหน้าด้านข้างของคุณหนูเยลเวอร์ตันถูกไล้ไปด้วยแสงแดดอ่อน ๆ จนทำให้เห็นเงาของแพขนตายาวที่ประกบเข้าหากันยามที่อีกฝ่ายกะพริบตา รวมไปถึงสันจมูกโด่งเองก็รับกันได้ดีกับริมฝีปากกระจับซึ่งเชิดขึ้นน้อย ๆ
“นายกับไทเลอร์รู้จักกันนานแล้วหรือยัง?” เธียร์เอ่ยถามคนข้าง ๆ ในขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องไปยังภาพหุบเขาทางด้านหน้าของตัวเอง
“ถ้านับ ๆ ดูแล้วก็น่าจะเป็นสิบปีได้”
“ได้ยินแบบนี้ มันก็ทำให้เรารู้สึกดีว่าอย่างน้อยเขาก็ยังมีพวกนาย”
“รู้เรื่องพวกนั้นด้วยหรือ?” วินซ์ คลาเวน หันมามองคนที่ยังมีรอยยิ้มประดับริมฝีปากของตัวเอง ก่อนที่อัลฟ่าหนุ่มจะขมวดคิ้วเข้าหากัน จนทำให้ใบหน้าหล่อเคร่งขรึมขึ้นมา
“เราอาจจะไม่ได้รู้อะไรมากมายเท่านายหรอก แต่ที่เราสัมผัสได้มันคือความสนิทสนมของพวกนาย”
“คงด้วยเพราะอายุที่ใกล้เคียงกัน”
“แต่การเป็นคนที่ทำให้ไทเลอร์ไว้ใจได้ ก็ย่อมต้องเป็นคนที่เขาวางใจได้ในระดับหนึ่งไม่ใช่หรือ”
“มันก็จริงอย่างที่คุณหนูพูด ถ้านอกจากฉันกับเมเลคแล้ว ก็คงจะมีแค่ควินน์ที่หมอนั่นจะไว้ใจ”
“ในความโชคร้ายของเขามันก็ยังมีโชคดีอยู่เสมอ..” เธียร์กล่าวยิ้ม ๆ
“บางทีคนที่เราคิดว่าโชคร้ายที่สุด อาจจะเป็นคนที่โชคดีที่สุด”
คำพูดของวินซ์ทำให้เธียร์เงยหน้ามองคนที่ยืนถัดไปไม่ห่างจากตัวเอง สายตาอ่อนโยนของอัลฟ่าผมเทาที่จ้องมองมายังเขา มันยังคงเป็นความรู้สึกที่แสนสุภาพแต่ก็กลับมีความดุดันแฝงอยู่เสมอ เส้นผมสีสว่างของอีกฝ่ายยังคงพลิ้วไหวตามสายลมที่พัดผ่าน
“นั่นสินะ..”
“แล้วคุณหนูไม่คิดบ้างหรือว่าตัวเองคือความโชคดีที่เข้ามาในชีวิตของไทเลอร์?”
“คงเป็นไทเลอร์มากกว่าที่เข้ามาเป็นเรื่องโชคดีในชีวิตเรา”
มันคงเป็นเรื่องที่บ้ามากจริง ๆ ที่อยู่ ๆ เธียร์ก็ดันร้อนวูบที่บริเวณข้างแก้มอย่างช่วยไม่ได้ ยามเมื่อนึกถึงสัมผัสจากริมฝีปากร้อนที่กดจูบลงบนแก้มของตัวเองเมื่อคืนนี้ ก่อนที่เขาจะหลับและนอนอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายจนถึงเช้าตรู่
“เคยได้ยินไหมว่าคนเราอาจจะไม่ต้องการคนที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง..”
“….”
“แต่คนที่เราต้องการคือคนที่เหมาะสมและเข้ากันได้ดีกับเรา..”
“….”
“แล้ว แมดส์ ไทเลอร์ จัดอยู่ในประเภทแรกหรือประเภทที่สองกันล่ะในความรู้สึกของคุณหนู”
เธียร์รู้คำตอบอยู่แก่ใจดี เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องตอบคำถาม วินซ์ คลาเวน เลยสักนิด เพราะในเมื่อคำตอบในใจเธียร์ มันยังคงเป็นคำตอบเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ยังไงเสีย แมดส์ ไทเลอร์ ก็ยังคือคนเดียวที่เข้าใจเขาอย่างที่คนอื่นไม่มีวันเข้าใจ...
“พี่เธียร์! มาทางนี้เร็ว!” เป็นเสียงโหวกเหวกโวยวายของควินน์ เจ้าตัวโผล่มาโบกไม้โบกมือเรียกเธียร์เป็นกระต่ายกระโดด ทางอีกด้านหนึ่งของทุ่งหญ้ากว้าง
“ช่วงนี้เหนื่อยหน่อยนะคุณหนู ท่าทางควินน์จะเห่อเพื่อนใหม่ไปอีกพักใหญ่”
คุณหนูเยลเวอร์ตันหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อได้ยินวินซ์แอบบ่นเบต้าหนุ่มน้อยอย่างขำ ๆ ท่าทางว่าสองคนนี้คนจะสนิทสนมกันไม่น้อยเชียวล่ะ
“บางทีอาจจะเป็นเราก็ได้นะที่เห่อเพื่อนใหม่..” วินซ์ คลาเวน คงอาจไม่รู้อะไรมากนักว่าทั้งชีวิตของเธียร์ แท้จริงแล้วมีเพียงแค่ใครไม่กี่คนเท่านั้น
“แต่ฉันว่าหลังจากวันนี้ไป คุณหนูอาจจะไม่ได้ออกมาเจอควินน์อีกสักพักใหญ่..”
“?”
“อาจจะดูเสียมารยาทไปหน่อยนะคุณหนู แต่ฉันคงต้องขอถามตรงตรงว่าคุณหนูฮีทครั้งล่าสุดเมื่อไหร่กัน?”
“…..”
กลิ่นหอมของเพียวโอเมก้าที่เริ่มเข้มขึ้นกว่าปกติ ค่อนข้างจะรบกวนอัลฟ่าผมเทาที่ได้กลิ่นอยู่ไม่น้อย แม้เจ้าตัวจะกินยามาแล้วก็ตาม
“ยังไงเดี๋ยวฉันจะให้ไทเลอร์เอายาไปให้คุณหนูก็แล้วกัน”
ต่อให้ได้ยาจากคลาเวนมา ทั้งเขาและแมดส์ต่างก็รู้ดีว่ามันคงเป็นเรื่องที่สูญเปล่า
“ขอบใจนะคลาเวน..”
น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเธียร์ ทำให้วินซ์เอะใจไม่น้อย เจ้าตัวได้แต่มองตามแผ่นหลังบางที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ พร้อมกับกลิ่นหอมหวานที่จางลงไปทุกที
“เมื่อกี้ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ” อัลฟ่าผมเทาได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะเดินตามไปดูเบต้าตัวแสบและเพียวโอเมก้าตัวขาวอยู่ห่าง ๆ เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าเย็นนี้ตัวเองจะไม่โดนหมาบ้าบ่นจนหูชา
ทั้งสามคนเดินกลับเข้ามาในหมู่บ้านตอนช่วงเกือบเย็นย่ำ มันยังพอมีแสงสว่างให้ได้เห็นอยู่บ้าง รวมไปถึงแสงสว่างจากคบเพลิงที่ถูกจุดขึ้นตามบริเวณต่าง ๆ ภายในหมู่บ้าน
“ไว้ค่อยทำพรุ่งนี้ต่อก็ได้น่า วันนี้นายทำมาทั้งวันแล้วนะแมดส์” เมเลค ฟิทซ์รอย ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ทำมาจากลำต้นของต้นไม้เอ่ยบอกเพื่อนสนิท ทั้งที่เย็นขนาดนี้แล้วแมดส์เองก็ยังคงขะมักเขม้นในการทำงานตรงหน้าไม่ยอมหยุด จนเมเลคได้แต่สงสัยว่าเจ้าตัวไปเอาเรี่ยวแรงพวกนี้มาจากไหน
วันทั้งวันนี้พวกเขาออกไปตัดไม้บางส่วนและเก็บไม้มาใช้เป็นฝืน มันย่อมเป็นงานหนักที่ทำเอาอัลฟ่าผิวแทนบ่นไม่ยอมหยุด ผิดกับไทเลอร์ที่เอาแต่ทำงานเงียบ ๆ แต่ก็มีบ้างที่จะอ้าปากด่าเพื่อนสนิทเพราะความรำคาญ
เจ้าของไหล่กว้างยังคงเหวี่ยงขวานลงไปที่ไม้ตรงหน้าจนแยกออกไปสองซีก ก่อนจะโยนมันไปที่เท้าของเมเลค เล่นเอาอัลฟ่าผิวแทนชักขาหลบแทบจะไม่ทัน
“พูดมาก”
“ดูเอาเถอะคุณหนู หมอนี่มันฟังฉันที่ไหนกัน” เมเลคหันไปฟ้องคนตัวขาวที่เดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ตัวเอง เพื่อหาพรรคพวกซึ่งเธียร์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยในตอนนี้
ยิ่งเหลือบไปมองสิ่งที่อยู่ในมือของเธียร์แล้ว เมเลคก็ได้แต่กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม คุณหนูเยลเวอร์ตันดูลังเลไม่น้อยว่าจะทำเช่นไรกับผ้าขนหนูที่ถูกชุบหน้ามาหมาด ๆ ดูแล้วคงตั้งใจจะเอามาให้แมดส์อย่างแน่นอน
“ระ เราหิวแล้วนะไทเลอร์”
คำพูดสมกับเป็นคุณหนูเยลเวอร์ตันจริง ๆ อย่าเข้าใจผิดไปเสียล่ะว่าเมเลคกำลังหมายถึงเรื่องของกิน แต่ที่บอกว่าสมกับเป็นคุณหนู ก็ตรงที่เจ้าตัวรู้ดีว่าถ้าหากเอ่ยเช่นนี้ออกไป แมดส์ ไทเลอร์ จะต้องหยุดทุกอย่างเป็นแน่
“จะใจร้ายรอให้คุณหนูหิ้วท้องรอนายกินข้าวจริงหรือ..” เมเลคไม่วายเอ่ยปั่นคนที่ยอมหยุดทำงานตรงหน้า
“อย่ายุ่งน่า..” ทรูอัลฟ่าผิวเข้มที่ร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้คนตัวขาว “เช็ดหน้าให้ฉันหน่อยสิเธียร์”
“อื้อ!” เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มพยักหน้ารับ ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่ย่อตัวให้ตัวเองเล็กน้อย เพื่อให้เธียร์ได้เช็ดหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบสกปรกและเหงื่อที่ไหลบริเวณกรอบหน้าคม จนคราบสีเข้มที่เลอะบนใบหน้าถูกเช็ดออกด้วยความเบามือ จนเผยให้เห็นใบหน้าของทรูอัลฟ่าหนุ่มอย่างชัดเจน
ทางด้านคนที่ตั้งใจเช็ดหน้าให้กับคนตัวสูงกว่า คงไม่ทันได้สังเกตสายตาของทแมดส์ที่ไล่มองใบหน้าน่ารักอย่างเงียบ ๆ และคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มันก็ไม่พ้นเป็นเมเลคที่ยังคงนั่งมองอย่างไม่คิดจะเมินหน้าหนี
ก็แหม.. นาน ๆ ทีจะได้เห็นเพื่อนของตัวเองเป็นแบบนี้ มันก็ต้องเก็บไว้เป็นความทรงจำเสียหน่อย กว่าหมาบ้าจะเชื่องกับเจ้าของได้มันไม่ใช่ง่าย ๆ หรอกนะ
“คุณหนูนี่น่ารักไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ นะ ดูสิ ขนาดเอาผ้ามาเช็ดหน้าให้ไทเลอร์ ยังไม่วายหยิบมาเผื่อฉันด้วย”
อัลฟ่าผิวแทนแสร้งหยิบผ้าที่ได้รับมาจากมือคุณหนูเยลเวอร์ตัน ก่อนจะบรรจงเช็ดไปตามใบหน้าของตัวเอง ด้วยท่าทางที่กวนประสาทไม่น้อยจนทำให้แมดส์เดาะลิ้นในปากตัวเองเบา ๆ
“ถ้าปากมันว่างขนาดนั้น ฉันว่านายหาอะไรมาล้างปากบ้างก็ดีนะฟิทซ์รอย”
“แล้วการที่ฉันชมคุณหนูมันผิดตรงไหนกัน?” เมเลคยังคงลอยหน้าลอยตาเถียงกับแมดส์
“….”
“ใจเย็นน่า ฉันจะล้างปากตามที่นายว่าเลยเพื่อน ฉันนี่มันปากไม่ดีจริง ๆ ” เมเลคแสร้งตีปากตัวเองเบา ๆ
“….”
“แต่ถ้าจะให้ฉันล้างปาก ฉันคงต้องขอล้างด้วยเอลแล้วกัน น้ำเปล่ามันไม่น่าจะเหมาะกับฉันสักเท่าไหร่”
“แบบนั้นมันไม่ได้เรียกว่าล้างปาก” แมดส์ว่า
“วันนี้ฉันทำงานมาทั้งวัน ยังไงก็ขอดื่มสักหน่อยเถอะ นายจะเอาด้วยไหมล่ะเพื่อน”
“ดื่มแล้วก็ตื่นมาทำงานให้ไหวด้วยล่ะ อย่าให้ฉันต้องตาม”
“แต่จะว่าไป ฉันว่าวันนี้ปากคุณหนูดูบวม ๆ นะ”
คนตัวขาวที่ถูกทักถึงกับยืนนิ่งและหยุดมือที่กำลังเช็ดใบหน้าของคนผิวเข้ม กลายเป็นว่าใบหน้าขาวนั้นขึ้นซับสีระเรื่อในทันที
“ท่าทางนายคงไม่อยากเก็บปากไว้กินเอลคืนนี้จริง ๆ สินะ” เมเลค ฟิทซ์รอย ถึงกับรีบยกมือยอมแพ้ ก่อนที่ปากของตัวเองจะได้แตกจริง ๆ เพราะดันไปกวนประสาทหมาบ้ามากจนเกินไป
“ดูแลหมาบ้าหน่อยนะคุณหนู อย่าให้มันหลุดมากัดฉันล่ะ” เจ้าของผิวแทนเอ่ย แล้วเลี่ยงเดินออกไปจากตรงนั้น เพื่อปล่อยให้ทั้งคู่ได้พูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว
มือใหญ่ของแมดส์ฉวยเอาผ้าในมือของคุณหนูเยลเวอร์ตันมาเช็ดหน้าต่อเอง ก่อนจะขยับออกห่างคนตัวขาวมาระยะหนึ่ง ส่วนเธียร์เองก็ได้แต่มองอีกฝ่ายเงียบ ๆ
“วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” คนตาดุถามเสียงเรียบ แต่มันก็ทำให้คนถูกถามฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด
“ตอนเช้าควินน์พาเราไปเล่นกับลูกแมวที่บ้านแฮนนาห์ ส่วนตอนบ่ายเราออกไปเดินเล่นแถวทุ่งหญ้าทางด้านหลังหมู่บ้าน คลาเวนก็ออกไปกับพวกเราด้วย นายสบายใจได้”
“ควินน์ไม่ได้สงสัยอะไรใช่หรือเปล่า” แมดส์เอ่ยถามต่อ
“ไม่นะ.. ควินน์ดีกับเรามาก ๆ แถมวันนี้ยังจับกระต่ายมาให้เราดูด้วย” เธียร์นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงบ่ายที่ควินน์เรียกตัวเองไปหา เพื่ออวดกระต่ายตัวอ้วนฉุ ท่าทางว่าเด็กหนุ่มคงจะให้อาหารกระต่ายพวกนั้นเป็นประจำ ถึงทำให้พวกมันดูไม่กลัวคนสักเท่าไหร่ มิหนำซ้ำยังยอมให้ควินน์อุ้มอย่าง่ายดายอีกด้วย
“ดีแล้ว” แมดส์ว่าก่อนจะส่งผ้าคืนให้กับอีกฝ่าย แล้วดันไหล่ให้คนตัวขาวเดินนำหน้าตนเองไปยังบ้านของวินซ์ เพื่อทานมื้อเย็นในวันนี้ “จะว่าไปปากคุณหนูนี่หายบวมช้าเหลือเกินนะ…”
“แมดส์!”
“ทำตัวเองทั้งนั้น” ทรูอัลฟ่าเจ้าของกลิ่นไม้หอมเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย ในขณะที่เพียวโอเมก้าตัวขาวนั้นหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าผลแอปเปิ้ลสุก
“เพราะนายต่างหาก..”
สัมผัสของมือร้อนผ่าวที่กอบกุมบริเวณหลังคอของเธียร์เมื่อคืน มันยังชัดเจนอยู่เสมอจนถึงตอนนี้ แรงกดหนักเบาของฝ่ามือตามอารมณ์ของที่ถูกริมฝีปากเล็กปรนเปรอมันคือคำตอบที่ชัดเจน
“ไว้คราวหน้าฉันจะสอนก็แล้วกันว่าคุณหนูควรทำอย่างไร..”
วงแขนใหญ่ของไทเลอร์โอบไหล่ของคนตัวเล็กกว่าอย่างคุ้นเคย ซ้ำยังก้มหน้าลงมากระซิบคำพูดที่ทำให้เธียร์ก้มหน้างุด จนเห็นแต่เพียงแก้มฟูที่แดงก่ำจนน่ากัด
สัมผัสจากลิ้นสาก ๆ ที่โดนแก้มของคนที่กำลังนอนหลับสนิท ย่อมปลุกให้ร่างขาวรู้สึกตัวตื่น ก่อนที่จะค่อย ๆ เปิดตาขึ้นมามองว่าอะไรที่เป็นต้นเหตุรบกวนช่วงเวลานอนของตัวเอง
ทันทีที่ดวงตาของคนที่นอนซุกอยู่บนเตียงได้ปรับสายตาจนชัดเจน ก็ทำให้เจ้าตัวเผลอลุกพรวดขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยความตกใจ ก่อนที่จะหันไปมองใครอีกคนที่ยืนปลือยท่อนบนพิงกรอบประตูห้อง มองตัวเองด้วยท่าทีขบขัน
“นะ นี่มันอะไรกัน” เธียร์เอ่ยถามแมดส์ที่เอาแต่ยืนมองตัวเอง และไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา ทั้งที่คนตัวขาวนั้นสับสนกับสถานการณ์ตรงหน้าไปหมด
“เมื่อวานวินซ์บอกฉันว่าคุณหนูอยากเลี้ยงแมว..” แมดส์มองเจ้าสัตว์ขนปุยที่กำลังตะกายอยู่บนผ้านวมผืนใหญ่ ขนาดตัวของมันที่ต่างกับผ้า ทำให้มันแทบจะจมหายไปในกองผ้า หากไม่ได้มือของเธียร์นั้นโอบอุ้มมันขึ้นมา
“เราไม่ได้..” คนตัวขาวกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ก็ต้องกลืนคำพูดลงไปในลำคอ เมื่อแมดส์จ้องใบหน้าตัวเองนิ่ง
“แฮนนาห์เองก็เต็มใจยกเจ้านี่ให้กับคุณหนู”
“แล้วนายยินดีหรือที่จะให้ฉันเลี้ยงมัน?” เธียร์เอ่ยถามอีกฝ่ายเพื่อความสบายใจของอีกคน แม้ตอนนี้ตัวเองจะดีใจแทบแย่ที่ได้เจ้าตัวเล็กที่ปีนป่ายอยู่บนตักมาเป็นของตัวเอง
“ดูแลมันให้ดี” แมดส์ไม่ได้ตอบรับ แต่กลับบอกให้เธียร์เลี้ยงมันให้ดี ซึ่งนั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้รังเกียจเจ้าตัวเล็กสี่ขานี่สักนิด
“เรานึกว่านายไม่ชอบสัตว์เสียอีก” ตัวอย่างของร็อคกี้ที่มักจะโดนแมดส์ไล่ตะเพิด ทำให้เธียร์ไม่มั่นใจนักว่ามุมมองของแมดส์ที่มีต่อสัตว์เป็นเช่นไร
“ที่ฉันไม่ชอบให้ร็อคกกี้ยุ่งกับคุณหนูตอนอยู่ที่เดอะฮิลล์ ก็เพราะฉันรู้ว่าวูล์ฟด็อกมันแรงเยอะและเล่นแรง”
“นายเป็นห่วงเรา?”
“คิดเอาเอง” แมดส์ตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทั้งที่คำตอบของอีกฝ่ายนั้นทำให้คนตัวขาวแอบอมยิ้มกับตัวเอง
ปากร้ายแต่ใจดี คงเป็นประโยคที่เหมาะกับ แมดส์ ไทเลอร์ ที่สุดแล้ว…
“ว่าแต่นายตั้งชื่อให้มันหรือยังไทเลอร์?” คนที่กำลังสนใจเจ้าลูกแมวตัวขาวเอ่ยถาม ก่อนที่จะเงยหน้ามองไทเลอร์อย่างต้องการคำตอบ ดวงตาใสแจ๋วของเธียร์ยังคงสดใสแม้กระทั่งตอนตื่นนอน จนคนมองอดนึกอิจฉาในใจอย่างช่วยไม่ได้
“คุณหนูเป็นเจ้าของ ก็ลองตั้งชื่อให้มันเสียสิ” แมดส์ว่า
“อืม…” คนตัวขาวครางรับในลำคอ ก่อนจะมองหน้าเจ้าตัวขาวที่มีดวงตาสีฟ้าใสเหมือนกับร็อคกี้ไม่มีผิด แต่ต่างกันตรงที่เจ้านี่เป็นแมวตัวเล็กไม่ใช่วูล์ฟด็อกตัวใหญ่แบบร็อคกี้
“ฉันพึ่งเคยเห็นคุณหนูจริงจังครั้งแรกก็วันนี้ล่ะ” ทรูอัลฟ่าอดเอ่ยแซวคนที่ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมอย่างอดไม่ได้
“เรากำลังใช้ความคิดนะไทเลอร์” ท่าทางจะจริงจังเอาเรื่อง ถึงได้เอ่ยดุไทเลอร์เสียจนอีกฝ่ายได้แต่ส่ายหัว “ถ้าตัวสีขาวทั้งหมดแบบนี้ น่าจะต้องตั้งชื่ออะไรที่นึกถึงสีขาว แต่เราก็อยากตั้งชื่อให้คล้าย ๆ กับชื่อเรา”
“…..”
“นายว่าให้เจ้าตัวเล็กนี่ชื่อโซเฟียดีไหมไทเลอร์…”
“โซเฟียกับเธียร์ก็ฟังดูเข้าท่าเหมือนแม่ลูกกันดี”
“….”
“คิดเหมือนฉันไหมล่ะคุณหนู”
HASHTAG #maddogmn
TALK : วันเกิดน้องเจโน่แจมินให้อะไรไม่รู้ แต่นายแมดส์ให้แมวกับน้องเธียร์นะคะ ขอบคุณชื่อน้องแมวน่ารักๆจากนุ้งเตยด้วยค่ะ ;-; เอาของขวัญวันเกิดล่วงหน้ามาให้ก่อนแล้วกันนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พอเป็นแมดส์แบบนี้แล้วจะหลง ฮืออออ
ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาา
แล้วเนี่ยตอนที่ตั้งชื่อโซเฟีย นายแมดส์จะยอกว่าตัวเองเป็นพ่อป่ะคะ ว้ายย
เมลิคเอาอีกชงอีกขยี้อีกกกกก