ตอนที่ 32 : Mad Dog : Chapter 27
Note : ควินน์ เดอเกล = เฉินเล่อ
นับตั้งแต่คุณหนูเยลเวอร์ตันถูกเชื้อเชิญให้เข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัว เจ้าตัวก็ได้แต่นั่งเงียบเพื่อฟัง แมดส์ ไทเลอร์ สนทนากับ วินซ์ คลาเวน จะมีบ้างที่อีกฝ่ายจะหันมาซักถามคนตัวขาว แต่เจ้าตัวก็พยายามที่จะเอ่ยถามเขาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้เขารู้สึกเกร็งมากจนเกินไป
“เราจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเธียร์คือคนจากตระกูลเยลเวอร์ตัน นายเข้าใจใช่ไหมคลาเวน” ใบหน้าของแมดส์ดูจริงจังกว่าทุกครั้งที่เธียร์เคยได้เห็น เจ้าตัวดูคาดหวังไม่น้อยกับคำตอบของอัลฟ่าผมสีเทาที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตัวเอง
“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าคู่แห่งโชคชะตาของนายจะเป็นพวกเยลเวอร์ตัน” วินซ์เหลือบมองเพียวโอเมก้าตัวขาวนิ่ง ๆ “อาจจะดูใจร้ายเกินไปหน่อย.. แต่ฉันคงตอบพูดตามตรงว่าคนที่อยู่ในกรีนเลคล้วนแล้วแต่มีความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับตระกูลของคุณหนู” ประโยคหลังที่เอ่ยออกมา วินซ์ตั้งใจเอ่ยให้คนตัวขาวได้ฟัง แน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นย่อมทำให้เธียร์หน้าเสียไปไม่น้อย
เธียร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าครอบครัวของตนเคยสร้างความลำบากให้กับคนกลุ่มไหนบ้าง ตั้งแต่เขาเกิดมาจนรู้ความ ฮาร์เดนเจอร์ที่ตระกูลของเขาปกครอง มันก็เต็มไปด้วยความมั่นคงและสุขสบาย เกินกว่าที่จะทำให้เธียร์ได้ฉุกคิดสิ่งที่ครอบครัวของตัวเองได้มา มันต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง
“ทุกคนที่นี่จะรู้จักเธียร์ในฐานะคุณหนูจากฟลัม ไม่ใช่คุณหนูเยลเวอร์ตันจากฮาร์เดนเจอร์” แมดส์เป็นคนเอ่ยสรุป ฝ่ามือใหญ่ของเจ้าตัวบีบหน้าขาของคนตัวเล็กข้างกายเบา ๆ เพื่อให้เจ้าตัวไม่ต้องกังวลในสิ่งที่วินซ์พูดไปก่อนหน้านี้
“เป็นไปไม่ได้”
“….”
“ยิ่งนายบอกแค่ชื่อ ทุกคนก็ยิ่งจะสงสัยว่าคุณหนูมาจากตระกูลไหน”
วินซ์ คลาเวน เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ก่อนจะหลับตาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง หากจะรับคุณหนูเยลเวอร์ตันเข้ามาอยู่ในกรีนเลค เขาเองในฐานะผู้ที่มีอำนาจสูงสุดก็ย่อมต้องหาเหตุผลที่เหมาะสม เพื่อทั้งตัวคุณหนูเยลเวอร์ตันและเพื่อชาวบ้านในกรีนเลคเองก็ด้วย
เธียร์ เยลเวอร์ตัน ได้แต่ก้มมองมือใหญ่ที่วางอยู่บนหน้าขาของตัวเอง ความรู้สึกละอายใจพวกนั้นมันกลับมาอีกแล้ว หากขึ้นชื่อว่าอยู่ในตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ก็ย่อมถูกเหมารวมเหมือนกันหมด หากใครคนหนึ่งทำเรื่องอะไรลงไป
“เราขอโทษ..”
คำขอโทษของคุณหนูเยลเวอร์ตันที่แมดส์ได้ยินบ่อยครั้ง และทุกครั้งที่ได้ยินมันก็มักจะเป็นความผิดที่ไม่ใช่ของเจ้าตัว มันก็ทำให้ทรูอัลฟ่าผิวเข้มอดคิดถึงเรื่องของเลสลีย์ไม่ได้เช่นกัน และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แมดส์ฉุกคิดได้ในวันที่พูดคุยกับคุณหนูเยลเวอร์ตัน
“แต่จะว่าไป เรื่องนี้มันก็พอมีทางออกอยู่บ้าง” เจ้าของดวงตาเรียวที่หลับตาเมื่อครู่ เปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะจ้องมองทรูอัลฟ่าและเพียวโอเมก้าตรงหน้าตัวเอง บนใบหน้าของ วินซ์ คลาเวน ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มละมุน ชวนให้อยากสนทนาอย่างไม่รู้จักเบื่อ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอัลฟ่าผมสีเทาจะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนกับหน้าตาที่ไร้พิษภัย
“แล้วทางออกที่นายว่ามันคืออะไร”
“ถึงตอนนี้นายกับคุณหนูจะยังไม่ได้จับคู่กัน แต่ก็ถือว่าเป็นคู่แห่งโชคชะตาของกันและกัน เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าไม่น่าจะแปลกอะไรไม่ใช่หรือ ถ้าหากคุณหนูจะเปลี่ยนมาใช้สกุลของนาย”
เจ้าของผมสีเข้มที่นั่งฟังอยู่ด้วยถึงกับนั่งนิ่งงัน แววตาคู่สวยสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ทางด้านแมดส์เองก็นิ่งไปเช่นกัน แต่ทว่าเมื่อมองสายตาที่แน่วแน่ของเจ้าตัวแล้ว วินซ์เองก็มั่นใจว่าทรูอัลฟ่าตรงหน้าจะไม่มีวันปฏิเสธทางออกนี้อย่างแน่นอน
“แต่เรากับไทเลอร์ไม่ได้เป็นอะไรกัน..” คุณหนูเยลเวอร์ตันเอ่ยออกมาเสียงเบาหวิว แม้ว่าความสัมพันธ์ของตัวเองและอีกฝ่ายจะดีมากขึ้นกว่าเดิม แต่เขาสองคนก็ไม่เคยพูดถึงสถานะพวกนั้น
“หากทำแบบนั้น มันไม่เท่ากับว่าฉันไปผูกมัดคุณหนูหรอกหรือ”
“หรือทุกวันนี้นายไม่ได้ผูกมัดกันล่ะ?” วินซ์ คลาเวน ย้อนถามแมดส์ด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะลากสายตาไปหยุดที่มือของแมดส์ซึ่งวางอยู่บนหน้าขาของคุณหนูเยลเวอร์ตัน “แล้วคุณหนูล่ะ รังเกียจหรือเปล่าที่จะต้องใช้สกุลของไทเลอร์”
เพียวโอเมก้าตัวขาวเลือกที่จะเงียบและไม่พูดอะไรออกมา พอถึงจุดที่ควรชัดเจน มันก็กลับทำให้เธียร์กลัวคำตอบจากปากของแมดส์เสียอย่างนั้น
“….” เขาไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าตัวเองจะต้องตอบคำถาม วินซ์ คลาเวน อย่างไร.. เพราะฉะนั้นเขาจึงได้แต่หลบตาอีกฝ่าย แต่ประโยคถัดไปที่ถูกเอ่ยขึ้นของคนข้างกาย ก็ทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันเงยหน้าขึ้นในทันที
“ที่นี่จะไม่มีใครรู้จัก เธียร์ เยลเวอร์ตัน ทุกคนจะรู้จักแค่ เธียร์ ไทเลอร์ เท่านั้น”
“ค่อยสมกับเป็นนายหน่อยแมดส์” วินซ์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ “ทีนี้ก็เลิกโทษตัวเองได้แล้วนะคุณหนู เพราะต่อไปนี้คุณหนูจะไม่ใช่เยลเวอร์ตันในสายตาฉันหรือใครอีกต่อไป”
“หากเราอยู่ที่นี่ เราจะไม่เป็นตัวสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเขาใช่หรือเปล่า” แต่มากกว่าความตกใจจากประโยคของแมดส์ สิ่งที่ทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันกังวลก็คงจะไม่พ้นปัญหาที่อาจจะตามทีหลัง หากคนพวกนี้ช่วยเหลือเขา
“หากปัญหามันจะเกิด มันย่อมไม่เลือกที่” วินซ์ คลาเวน ตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ สายตาอ่อนโยนของอีกฝ่ายจ้องมองเพียวโอเมก้าตัวขาวด้วยความเอ็นดูอยู่ไม่น้อย “อย่าได้กังวลไปเลย.. อีกอย่างที่นี่เองก็ไม่ใช่ที่ที่จะสามารถเข้ามาได้ง่าย ๆ”
“แต่ฉันว่ามันผิดปกติ” แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “และฉันก็ไม่คิดด้วยว่าตัวเองจะแค่รู้สึกไปเอง”
“นายหมายความว่ายังไง?”
“ก่อนที่จะเข้ามากรีนเลค ฉันเห็นรอยเท้าของคนและรอยเท้าของม้าอยู่แถว ๆ ชายป่าถัดจากนอกเมืองมา ดูจากรอยแล้วฉันคิดว่าน่าจะไม่เกินสองสามวันก่อนหน้านี้..”
แม้จะไม่ใช่ในบริเวณเขตของกรีนเลค แต่บริเวณนั้นก็ถือว่าเป็นต้นทางของการเข้ามาถึงที่นี่ และโดยปกติแล้วก็ไม่มีใครที่ไหนแวะเวียนผ่านมาในบริเวณนั้นอย่างแน่นอน เพราะมันไม่ใช่เส้นทางการค้า และไม่ใช่เส้นทางในการเดินทาง
“ฉันรู้สึกไม่ยินดีเท่าไหร่ที่ได้ยินอะไรแบบนี้” แม้จะยังคงใบหน้าที่แสนสุภาพ และมีรอยยิ้มจาง ๆ ประดับบนริมฝีปาก แต่เธียร์กลับรับรู้ได้ถึงความจริงจังผ่านคำพูดของอีกฝ่าย
“ปัญหาคือเราไม่รู้ว่ามันเป็นใคร?”
“พอจะเดาไว้บ้างไหมว่าพวกมันเป็นพวกไหน”
“ก็อาจจะเป็นคนของเยลเวอร์ตันหรือไม่ก็พวกที่กำลังล่าตัวฉันอยู่”
“ท่าทางว่ากรีนเลคคงต้องเตรียมรับมือกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ ” แม้จะกังวลไม่น้อย แต่วินซ์ก็ยังไม่อยากคิดวิตกจนเกินไป ถึงยังไงเขาเองก็ไม่สามารถไว้วางใจได้
“บางทีฉันอาจจะต้องออกไปข้างนอกอีกรอบ เพื่อสำรวจอะไรสักหน่อย”
“ฉันไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้..” วินซ์ คลาเวน เอ่ยขัด “มันเสี่ยงเกินไปสำหรับนาย อีกอย่างเราก็ยังไม่รู้ว่าพวกมันคือใครกันแน่?”
“ฉันไม่มีทางอยู่เฉยแน่ นายก็น่าจะรู้”
“ในสถานการณ์แบบนี้ต่อให้นายใจร้อนไป มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา” อัลฟ่าผมสีเทายกเหตุผลขึ้นมาพูดให้ทรูอัลฟ่าผิวเข้มได้ฟัง “อีกไม่กี่วันคนของเราจะเข้าไปในเมือง ฉันว่าเราควรจะใช้คนของเราให้เป็นประโยชน์”
“มันเสี่ยงเกินไปสำหรับพวกเขา..”
“ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน” แมดส์ ไทเลอร์ ล่ะขนลุกกับรอยยิ้มของ วินซ์ คลาเวน ทุกทีที่ได้เห็น หวังว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้คิดวิธีอะไรแปลก ๆ ที่ทำให้เขาปวดประสาทหรอกนะ “คุณหนูอย่าได้กังวลไป”
ใบหน้าของเธียร์ไม่สามารถแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มได้อีก ลางสังหรณ์บางอย่างมันกำลังบอกเธียร์ว่าจะต้องเกิดความวุ่นวายที่นี่ในอีกไม่ช้าอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะไปที่ไหน เขาก็เหมือนเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทุกคน มันไม่ผิดจากที่คนเหล่านั้นเคยตราหน้าพวกเพียวโอเมก้าไว้เลยสักนิด
หลังจากที่พูดคุยกับคลาเวนเป็นที่เรียบร้อย ทั้งเธียร์และแมดส์ก็ได้รับอนุญาตให้ไปพักผ่อนได้ตามสบาย คำถามของคนในหมู่บ้านยังคงเป็นคำถามซ้ำ ๆ เดิม ๆ เมื่อพวกเขาเดินผ่าน ในทำนองที่ว่าเขาคือใครและเป็นอะไรกับไทเลอร์
“นี่ ควินน์ เดอเกล เด็กนี่จะคอยช่วยดูแลคุณหนู” แมดส์ ไทเลอร์ แนะนำเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่วิ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่ “ควินน์.. นี่เธียร์ ยังไงเสียระหว่างนี้ ฉันคงต้องฝากนายดูแลเขาด้วย..”
“เรียกเราว่าพี่ก็ได้นะควินน์” คนตัวขาวเอ่ยตอบเด็กหนุ่มตัวขาวที่ส่งยิ้มกว้างมาให้ตัวเอง ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินวนสำรวจรอบคุณหนูเยลเวอร์ตันพลางกอดอกพิจารณา จนเจ้าตัวรู้สึกประหม่าไม่น้อยกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเด็กหนุ่ม
“คิดยังไงถึงเลือกมาอยู่ที่นี่กัน?” ทว่าคำถามจากปาก ควินน์ เดอเกล กลับทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันหุบยิ้มของตัวเองในทันที ส่วนแมดส์ที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นักกับนิสัยของควินน์
“เธียร์เป็นคู่แห่งโชคชะตาของฉัน ถ้าไม่ให้อยู่กับฉัน แล้วนายคิดว่าเธียร์ควรไปอยู่กับใคร?” แมดส์เป็นฝ่ายเปิดปากพูดแทนเธียร์ที่อ้ำอึ้งกับคำถามของควินน์
“ฉันก็แค่ถามเฉย ๆ ท่าทางแบบนี้ ดูแล้วไม่น่าใช่พวกลูกคุณหนูธรรมดา ๆ ใช่หรือเปล่า” ควินน์ เดอเกล สังเกตทั้งการแต่งกายและท่าทางของคนที่ถูกเรียกว่าเป็นคู่ชีวิตของ แมดส์ ไทเลอร์ ด้วยสายตาจับผิด เด็กหนุ่มค่อนข้างแปลกใจไม่น้อย เมื่อทรูอัลฟ่าผิวเข้มกลับมาพร้อมกับใครอีกคน ซ้ำยังอยู่ในฐานะที่พิเศษสำหรับแมดส์อย่างไม่น่าเชื่อ
“นายขี้สงสัยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ใคร ๆ ก็สงสัยเหมือนฉันกันทั้งนั้น อยู่ ๆ นายก็พาใครเข้ามาโดยไม่บอกพวกเราก่อนสักคำ” เด็กหนุ่มยังคงเอ่ยพร้อมกับยกยิ้มไปด้วย “แถมยังเป็นเพียวโอเมก้าอีกด้วย..”
“แต่ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าเพียวโอเมก้าที่ว่าคือใคร”
“เฮ้อ! นายจริงจังจนฉันไม่กล้าเล่นอะไรแล้วนะแมดส์” ควินน์ เดอเกล ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเกาหัวตัวเองแกร่ก ๆ เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของแมดส์ “ฉันก็แค่อยากลองทำตัวเข้ม ๆ ดูบ้าง แต่ดูแล้วน่าจะยากสำหรับฉันเกินไป สู้เป็นตัวของฉันเองเสียยังดีกว่า”
“เล่นอะไรไม่รู้เวล่ำเวลา” แมดส์เอ่ยบ่นเด็กหนุ่มด้วยความหัวเสีย ก่อนจะหันไปมองคุณหนูเยลเวอร์ตันที่คงจะสับสนไม่น้อย “ควินน์แค่แกล้งเล่น ๆ หมอนี่ไม่ได้จริงจังอะไรหรอก” แมดส์หันไปบอกเธียร์อย่างหน่าย ๆ กับพฤติกรรมของควินน์
เบต้าหนุ่มน้อยเจ้าของผมสีน้ำตาลอ่อนยักไหล่น้อย ๆ อย่างเมินเฉยต่อสายตาคมกริบของแมดส์ เจ้าตัวถือวิสาสะเดินเข้ามาใกล้เพียวโอเมก้าที่ตัวเองเข้าใจว่าเป็นคนของไทเลอร์ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้คนตัวขาวได้สบายใจ
“ฉันล้อเล่นน่า ไม่ทำหน้าแบบนั้นสิ”
“เลิกเล่นเสียที นายควรจะกลับบ้านไปได้แล้ว..”
“บอกให้ฉันดูแล แต่กลับมาไล่กันกลับบ้านเนี่ยนะ เชื่อเขาเลย!” ควินน์ เดอเกล บ่นเสียงดังอย่างตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน
“ถ้านายไม่สบายอีกเหมือนครั้งที่แล้ว ฉันว่าวินซ์คงโมโหกว่าครั้งก่อนแน่”
“อย่าเอาหมอนั่นมาขู่ฉันเลยดีกว่า” ควินน์เบะปากน้อย ๆ เมื่อนึกถึงอัลฟ่าผมสีเทาที่มักจะดุตัวเองอยู่เสมอ ๆ การเจ็บป่วยของเขาเมื่อครั้งก่อน หากไม่ได้วินซ์ออกไปหาซื้อยาในเมืองมาให้ เขาคงไม่มีทางรอดจนมายืนอยู่ในตอนนี้
“ตอนนี้ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว”
“พี่โคตรโชคร้ายเลยว่ะพี่เธียร์ หมอนี่มันเผด็จการเป็นบ้า” ควินน์เอ่ยบอกเธียร์ด้วยใบหน้าเหม็นเบื่อไม่น้อย ก่อนที่จะรีบวิ่งหนีออกไป เพราะไม่อยากรีรอให้ตัวเองโดนทรูอัลฟ่าผิวเข้มว่าเอา
“ไอ้เด็กนี่…” แมดส์ ไทเลอร์ สบถออกมาเบา ๆ “หัวเราะอะไรกันคุณหนู” เจ้าตัวเอ่ยถามคนตัวขาวที่หัวเราะออกมาเบา ๆ ซ้ำยังจ้องตัวเองไม่เลิก
“เราไม่คิดว่านายจะทะเลาะกับเด็กนี่” คุณหนูเยลเวอร์ตันเอ่ยตอบ “จริง ๆ ถ้าควินน์ไม่บอกว่าล้อเล่น เราก็คงคิดไปแล้วว่าเขากำลังจริงจัง”
“ควินน์ก็เป็นแบบนั้นล่ะ แต่เด็กนั่นไว้ใจได้” เจ้าของร่างกำยำเดินนำคนตัวขาวไปทางอีกด้านของหมู่บ้าน ป่าสนเล็ก ๆ ที่ตัดขาดกับบ้านเรือนหลังอื่น ๆ ทำให้บริเวณที่พวกเขากำลังเดินเข้าไป ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ “แต่ก็ไม่น่าไว้ใจมากพอที่จะทำให้เขารู้ว่าคุณหนูคือใคร”
“เราเข้าใจ..”
“ต่อให้คนที่นี่จะเข้าใจว่าคุณหนูเป็นคนของฉัน แต่ก็อย่าได้ไว้ใจพวกเขา”
“เรื่องที่เกิดขึ้นเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือ..”
“มันมากกว่าที่คุณหนูจะคาดคิดไว้เสียอีก” คำตอบของแมดส์ทำให้เธียร์เงียบไปอีกครั้ง และเมื่อได้หันกลับมามองอีกฝ่าย ก็ทำให้แมดส์เห็นใบหน้าแสนเหงาหงอยของอีกคน เจ้าตัวจำใจทิ้งบทสนทนาที่ค้างคาใจนั้นไว้ เพื่อรอให้ถึงบ้านพักและค่อยพูดคุยกันต่อ ใช้เวลาไม่นานพวกเขาทั้งคู่ก็เดินมาถึงบ้านพักหลังขนาดกลางที่ตั้งอยู่เดี่ยว ๆ โดยไม่มีบ้านเรือนหลังอื่นอยู่ใกล้เคียง หากเดินถัดไปอีกไม่ไกลก็จะเห็นทะเลสาบสีสวยอยู่ตรงหน้า
“อาจจะอึดอัดเสียหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าที่นี่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณหนู”
บ้านพักที่ถูกสร้างแยกออกมาจากคนในหมู่บ้าน เป็นที่พักอาศัยของ แมดส์ ไทเลอร์ ในกรีนเลค ข้าวของในบ้านยังคงดูสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนกับบ้านพักที่ไม่มีคนอยู่เสียนาน ทรูอัลฟ่าหนุ่มคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของเมเลคที่จัดแจงทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้า ก่อนที่เขาจะกลับมายังกรีนเลค
“เราจะพยายาม..” เธียร์รับปากคนผิวเข้ม “และเราก็จะจำไว้ว่าเราไม่ใช่เยลเวอร์ตันอีกต่อไป”
“คุณหนูอาจจะลำบากใจในเรื่องนี้ไม่น้อย..”
“แล้วทำไมเราต้องรู้สึกแย่ ในเมื่อโชคชะตาของเราคือนาย”
เธียร์ขยับเข้าไปใกล้คนผิวเข้ม จนเหลือช่องว่างเพียงน้อยนิดระหว่างกัน มือขาวแตะลงบนสันกรามคม พร้อมกับรอยยิ้มหวานซึ่งประดับอยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้ม ดวงตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าทรูอัลฟ่าที่เป็นคู่แห่งโชคชะตาของตัวเอง ด้วยความรู้สึกขอบคุณที่มีอยู่เต็มอก
“มันคงถึงเวลาที่เราต้องละทิ้งความเป็นเยลเวอร์ตันอย่างที่นายเคยว่า..”
น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะลงมาจากดวงตาของเธียร์ ในยามที่เจ้าตัวเอ่ยประโยคนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเต็มที มือใหญ่ของทรูอัลฟ่าหนุ่มเอื้อมมากุมหลังคอขาว ในจังหวะที่ใบหน้าของตนเองโน้มลงไปหาเธียร์ หน้าผากของพวกเขาสองคนแนบชิดกันจนทำให้จมูกโด่งคลอเคลียกันอยู่ไม่ห่าง รวมไปถึงดวงตาที่สบกันอย่างไม่มีความเขินอายเหมือนกับทุกที
“รู้ใช่ไหมว่าฉันยังสัญญาอะไรไม่ได้ตอนนี้..” แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยถามอีกคนอย่างตรงไปตรงมา
“เรารอได้”
“ขอบคุณนะเธียร์..”
สัมผัสจากริมฝีปากอุ่นของทรูอัลฟ่าที่แตะลงบนริมฝีปากสีระเรื่อ ยามเปลือกตาสีอ่อนของเธียร์ได้ปิดลง มันยังเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนและหนักแน่นดั่งเช่นทุกครั้ง แม้จะสัมผัสด้วยน้ำหนักที่บางเบาสักแค่ไหนก็ตาม อ้อมกอดจากวงแขนใหญ่ที่เธียร์คุ้นเคยไปแล้ว มันยังคงอบอุ่นอยู่เสมอ และเธียร์เองก็เลือกที่จะซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดของแมดส์อย่างไม่คิดลังเลเช่นกัน
“เราต่างหากที่ต้องขอบคุณนาย”
ช่วงเย็นของวันหลังจากที่แมดส์พาเพียวโอเมก้าออกไปทานข้าวร่วมกันวินซ์และเมเลค พวกเขาก็กลับมาที่บ้านพักก่อนที่จะมืดค่ำและแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวของตัวเอง แมดส์ ไทเลอร์ ขมวดคิ้วเข้าหากันในทันที เมื่อเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่ออกไปตรวจดูบริเวณรอบ ๆ บ้านอย่างเช่นทุกที หลังจากที่ทำธุระของตัวเองเรียบร้อย
กลิ่นหอมอันแสนคุ้นเคยที่แมดส์จะได้ดีว่ามันคือกลิ่นของคุณหนูเยลเวอร์ตัน มันเข้มขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อผ่านไปสักครู่หนึ่งกลับจางลง เข้มก้าวเท้าเดินไปตามกลิ่นหอมที่ตัวเองได้กลิ่น ก่อนจะเจอกับคุณหนูเยลเวอร์ตันที่นั่งกอดเข่าอยู่ในห้องนอน
“คุณหนู..”
คนถูกทักเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาหาตัวเอง สีหน้าไม่สู้ดีของคุณหนูเยลเวอร์ตัน พลันทำให้แมดส์รู้สึกได้ถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อพวกเขาสองคนยังอยู่ที่ฟลัม
“ระ เราไม่ได้เป็นอะไร” เธียร์เอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้มเต็มทน
“แต่กลิ่น..”
“คงเป็นเพราะยาพวกนั้นที่เรากินเข้าไปครั้งก่อน” เธียร์แค่พึ่งเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายตัวเอง แต่ความผิดปกติที่ว่านั่น มันยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าอันตรายสำหรับ แมดส์ ไทเลอร์
เธียร์ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นสัญญาณเตือนหรือเปล่า.. เพราะในตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวหรือมีอาการร้อนผ่าว เหมือนทุกครั้งที่จะมีอาการเช่นนี้ก่อนช่วงฮีทของตัวเอง
โชคดีหน่อยที่ตอนนี้กลิ่นหอมของดอกแม็กโนเลียเริ่มเจือจางลงไปบ้าง จนหลงเหลือแค่เพียงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ให้พอติดจมูกอย่างเช่นทุกที
แมดส์ ไทเลอร์ ทรุดนั่งลงบริเวณปลายเตียงขนาดกลาง และหันหลังให้กับคนตัวขาวที่นั่งพิงหัวเตียง แผ่นหลังกว้างที่ปราศจากเสื้อผ้า ถูกเปิดเปลือยให้เห็นกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน แม้จะมีร่องรอยบาดแผลบางอย่าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ร่างกายของทรูอัลฟ่าหนุ่มดูน่าเกลียดแม้แต่น้อย
“กลิ่นของคุณหนูจะต้องทำฉันเป็นบ้าเขาสักวันหนึ่ง..”
ไม่เชื่อก็คงต้องเชื่อว่ากลิ่นของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน ที่เจ้าตัวไม่สามารถควบคุมได้ในครั้งนี้ จะทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มได้รับผลกระทบเข้าอย่างจัง
“เราควบคุมมันไม่ได้” เสียงใสเอ่ยตอบ ก่อนจะมีแรงขยับยวบยามบนเตียง พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ลอยมาแตะจมูกของไทเลอร์ในระยะอันใกล้ชิด “เราทำไม่ได้เลยสักครั้ง”
“ก็ไม่แปลกที่จะควบคุมไม่ได้”
ทรูอัลฟ่าผิวเข้มเงยหน้ามองคนที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง สายตาคมกริบไล่มองตั้งแต่ปลายเท้ามาจนถึงใบหน้าจิ้มลิ้มที่ฉายความกังวล เสื้อผ้าเนื้อบางไม่ได้ช่วยปกปิดร่างกายเย้ายวนของเพียวโอเมก้าเลยสักนิด ยิ่งสะท้อนกับแสงเทียนซึ่งถูกจุดอยู่ภายในห้อง ก็ยิ่งทำให้เห็นรูปร่างของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็กลับเสสายตากับมามองพื้นเหมือนเคย แทนที่จะมองหน้าคนที่ยืนอยู่
“เป็นอะไรหรือเปล่าไทเลอร์..” คุณหนูตัวขาวเอ่ยถาม เมื่อเห็นเหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมบริเวณขมับของแมดส์ จนไรผมด้านหน้าของอีกฝ่ายชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“เปล่า..” แมดส์เอ่ยตอบด้วยเสียงที่เข้มขึ้น จนคนฟังอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร
“แล้วทำไมนายถึงไม่มองหน้าเรา..”
คุณหนูเยลเวอร์ตันทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าด้านหน้าทรูอัลฟ่าผิวเข้ม ก่อนที่มือขาวจะเอื้อมมาแตะเข่าของอีกฝ่าย พลางช้อนสายตามองคนที่ก้มหน้าหนีตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ
“ลุกขึ้นเถอะคุณหนู”
“นายก็มองหน้าเราก่อนสิ” เธียร์เอ่ยต่อรองกับอีกฝ่าย แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรต่อ ข้อมือขาวก็ถูกฝ่ามือใหญ่นั้นจับไว้ด้วยแรงไม่เบานัก และเป็นผลทำให้เพียวโอเมก้าร้องออกมาเบา ๆ
“อย่าจับตัวฉัน..”
แมดส์ยอมปล่อยข้อมือของคุณหนูเยลเวอร์ตัน หลังจากที่เอ่ยดุอีกฝ่ายเสียงเข้ม เล่นเอาคนฟังอย่างคุณหนูตัวขาวแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
“นายเป็นอะไรของนาย..”
“รู้ไหมว่าตอนนี้ฉันต้องอดทนมากแค่ไหน” สันกรามที่เด่นชัดขึ้นกว่าปกติ เป็นผลมาจากการที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มขบกรามแน่น จนได้ยินเสียงกรอด ๆ ดวงตาดุคมที่ตวัดมองมายังเธียร์มันเต็มไปด้วยความดุดัน.. จนทำให้คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าได้แต่นั่งตัวสั่น
“ระ เรา..”
“บางทีมันคงถึงเวลาที่คุณหนูต้องช่วยฉันบ้างแล้วล่ะ”
CUT อยู่บนไบโอ @ninezexsky
เนื่องจากมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ขออนุญาตอัพเนื้อหาส่วนนี้ทางReadAWrite นะคะ
ร่างนุ่มนิ่มลอยของเธียร์หวือขึ้นมานั่งบนตักของแมดส์อีกครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวจัดการสวมใส่กางเกงให้เรียบร้อย นิ้วมือติดหยาบบดคลึงริมฝีปากบวมเจ่อของคนตัวขาวอย่างพิจารณา ก่อนจะก้มลงไปจรดปลายจมูกลงบนแก้มใสที่ยังเห่อร้อนไม่หาย แม้ว่าพวกเขาจะผ่านช่วงเวลาที่แสนน่าอายมาแล้วก็ตาม
“ปากแดงไปหมดแล้วเธียร์”
ไม่เชื่อก็คงต้องเชื่อว่าสัญชาตญาณของพวกเขามันช่างเป็นสิ่งที่อันตราย เพียวโอเมก้าตัวขาวที่แมดส์คิดว่าคงเป็นแค่เพียงเด็กน้อย แต่ในความจริงแล้วสิ่งที่เจ้าตัวทำกลับไม่ได้เด็กน้อยเลยสักนิด ทั้งแววตา ทั้งท่าทาง และทุกอย่างที่เป็น เธียร์ เยลเวอร์ตัน เมื่อครู่ มันชี้ให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มเห็นความเป็นเพียวโอเมก้าที่สมบูรณ์อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
“นายไม่จำเป็นต้องอดทนเลยไทเลอร์..”
คุณหนูเยลเวอร์ตันจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าคำพูดของตัวเอง มันทำให้ แมดส์ ไทเลอร์ คิดเตลิดไปถึงไหนในยามนี้ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยังไงก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นอย่างแน่ แต่ยิ่งเขายอมรับความรู้สึกมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกปรารถนาในตัวคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองมากเท่านั้น
พวกเขาดึงดูดกันและกันจนน่ากลัวเชียวล่ะ..
HASHTAG #maddogmn
TALK : น้องเธียร์! แม่จะตี!!!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่ตอนนี้น่ะ น้อง!!!!!!!! อมก ฮ่วยยย
ตายไปเลยนะแมดส์ คึคึคึ
ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาา
กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
//น้องยังเด่ก!!! 😭😢
อ้ยน้องพี่จะเป็นลม
ฮือได้เห็นมุมนี้พร้อมกับน้องหนูแล้วรู้สึกดีจัง นายแมดส์มีความเป็นมนุษและเป็นห่วงน้องหนูมากเลยอ่ะสังเกตเขาทุกอย่างก็อย่างว่าเนาะน้องหนูเราใช้นามสกุลเขาแล้วลูกเราเป็นคนของเขาแล้วแอแงงง มาล่ะฉากคัทของเรื่องนี้เราชอบมากๆเลยอ่ะแบบไม่ต้องรีบร้อนเขาก็ถนุถนอมของเขานะคนโหดๆแบบนายแมดส์อ่ะเขินมากแงงงงน้องหนูของเราก็ไม่ใช่ย่อยแม่ไม่ผิดหวัง
ฮือน้องเธียร์ คุณแม่หัวใจจะวาย แต่ยังไงก็เป็นคู่แห่งโชคชะตากันนี่เนอะ นายแมดส์ก็ดูแลลูกฉันดีๆ ด้วย