ตอนที่ 31 : Mad Dog : Chapter 26
Note : วินซ์ คลาเวน = เหรินจวิ้น
หากงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา การพบเจอก็ย่อมมีการจากลาเช่นกัน หลังจากงานแต่งงานของน้องชายฝาแฝดผ่านพ้นไป แมดส์ ไทเลอร์ ก็เตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปยังกรีนเลคในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น แม้จะถูกคัดค้านจากแฝดน้อง แต่คำพูดของเชสก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจของแมดส์ได้
เช้าวันรุ่งขึ้นในอีกไม่กี่วันถัดมา บรรยากาศช่วงเช้าที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ มันช่างเป็นบรรยากาศที่เป็นใจให้กับการจากลาที่กำลังมาถึง เมื่อทรูอัลฟ่าผิวเข้มพร้อมจะออกเดินทางจากเดอะฮิลล์ ข้าวของที่จำเป็นบางส่วนถูกนำขึ้นม้าเป็นที่เรียบร้อย รวมไปถึงคุณหนูเยลเวอร์ตันที่นั่งรออยู่บนหลังม้าก็ด้วย จะเหลือก็แต่ฝาแฝดไทเลอร์ที่ยืนพูดคุยกันอยู่ทางด้านล่าง เพื่อกล่าวอำลากันอย่างที่ควรจะเป็น
“ระวังตัวด้วย..”
ทรูอัลฟ่าผิวเข้มที่ยืนอยู่ข้างม้าตัวใหญ่บริเวณหน้าเดอะฮิลล์ รับแรงสวมกอดของน้องชาย หลังจากที่ได้ฟังอีกฝ่ายเอ่ยอวยพรให้ตัวเองในการเดินทางที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
“ฉันไม่มีตายง่าย ๆ แน่” แฝดผู้พี่ตอบก่อนจะตบบ่าแฝดน้องของตัวเองหนัก ๆ ใบหน้าที่ถอดแบบมาเหมือนกันของเชสนั้นเต็มไปด้วยความกังวล และมันก็แสดงออกมาชัดเจนเหลือเกินกว่า เชส ไทเลอร์ กำลังกลัวว่าเขาอาจจะเจอโชคร้ายที่กำลังรออยู่ในการเดินทางข้างหน้านี้
เขาเห็นความเป็นห่วงของน้องชายที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน รวมไปถึงอีกหลายสิ่งที่อีกฝ่ายมัดมือชกให้เขารับไว้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น
“ฉันรู้ว่านายทำได้อย่างที่พูด” หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์มองหน้าแฝดผู้พี่ของตัวเอง ก่อนที่จะยกยิ้มจาง ๆ ให้อีกฝ่าย “แต่ถึงอย่างไรฉันก็ยังหวังว่าเราจะได้พบกันอีก”
“ฉันไม่สัญญาอะไรทั้งนั้น”
ถ้า แมดส์ ไทเลอร์ มีสัญญาให้ใครนี่สิ ถึงจะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด อีกฝ่ายไม่เคยรับความคาดหวังจากใครเท่าไหร่นัก เพราะลึก ๆ แล้วเจ้าตัวเองก็ไม่อยากให้ใครต้องมาผิดหวังในตัวเองเพราะความคาดหวังที่มากจนเกินไป
“แค่นายรับน้ำใจของฉันในครั้งนี้ ก็นับว่ามากพอ”
หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์มองเลยไปยังด้านหลังของแมดส์ ก่อนจะพยักหน้าให้กับใครอีกคนที่อยู่บนหลังม้า อัลฟ่าตัวสูงในชุดทะมัดทะแมงและพร้อมที่จะออกไปทำงานด้านนอกนั่นคือ ลูอิส เชอร์ชิล รวมไปถึงทหารอีกสองนายของเดอะฮิลล์ที่จะออกเดินทางไปพร้อม ๆ กับลูฟด้วย
“ตามที่ตกลงกันไว้ ไอ้ลูกหมาของนายจะตามฉันไปได้แค่ก่อนจะถึงทางเข้ากรีนเลค”
“เฮ้ ๆ พูดให้มันดี ๆ หน่อยนะแมดส์ ฉันไม่ใช่ลูกหมาอย่างที่นายว่าสักนิด” ลูฟที่ได้ยินแฝดพี่ของหัวหน้าเอ่ยเรียกตัวเองเช่นนั้น ก็ถึงกับรีบเอ่ยแทรกก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง
“ฉันคงไม่ถอนคำพูด” แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยตอบอย่างไม่คิดจะใส่ใจ ก่อนจะเดาะลิ้นคล้ายจะกวนประสาทอัลฟ่าตัวสูง เพราะรายนั้นท่าทางจะเคืองใจไม่น้อยที่ถูกเรียกว่าลูกหมา
“เป็นลูกหมาก็น่ารักเหมือนกันนะเชอร์ชิล” คุณหนูเยลเวอร์ตันที่นั่งฟังบทสนทนาอยู่เอ่ยเป็นเชิงติดตลก เพื่อปลอบอัลฟ่าตัวสูงที่ถูกแมดส์กวนประสาท และท่าทางว่ามันจะได้ผลเสียด้วยเมื่อคำเรียกนั้นหลุดออกมาจากปากใครอีกคน อย่างน้อยความรู้สึกที่ถูกคุณหนูเยลเวอร์ตันเรียกว่าลูกหมา มันยังดูเอ็นดูมากกว่าคำพูดที่ตั้งใจกวนประสาทของแมดส์เป็นไหน ๆ ซ้ำรอยยิ้มของคุณหนูเยลเวอร์ตันเองก็ทำให้บรรยากาศดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ
แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดและมิดชิดมากกว่าเดิม จนเห็นแค่เพียงเสี้ยวหน้าบางส่วน แต่ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธรอยยิ้มของคุณหนูเยลเวอร์ตันได้
“ไอ้-ลูก-หมา” แมดส์ ไทเลอร์ หันไปเอ่ยประโยคนั้นโดยไร้เสียง ก่อนจะหันกลับมาสนทนากับน้องชายของตัวเองต่อ
“ฉันต้องบ้าตายเข้าสักวัน” ลูฟบ่นกระปอดกระแปดพลางทึ้งหัวตัวเอง จนแอชเชอร์ที่ยืนมองอยู่ได้แต่ส่ายหน้า และหัวเราะออกมากับท่าทางของเชอร์ชิล
“นายมั่นใจใช่ไหมว่าคนของฮาร์เดนเจอร์จะไม่เข้าไปวุ่นวายที่นั่น”
“พวกมันไม่มีทางเข้าไปถึงที่นั่นได้” แมดส์ตอบอย่างมั่นใจ
“นายก็น่าจะได้ยินข่าวลือ ถึงกับตั้งค่าหัวนายไว้สูงขนาดนั้น ฉันว่าพวกมันไม่มีทางหยุดตามหาคุณหนูเยลเวอร์ตันแน่”
“ต่อให้หาเจอ พวกมันก็ไม่มีวันได้ตัวคุณหนูไป”
“หากมีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ ฉันยินดีช่วยเหลือเสมอ”
“….”
“ฉันไม่เถียงหรอกว่านายเอาตัวรอดเก่ง แต่อนาคตมันก็ไม่เคยแน่นอน”
“ฉันว่านายคงคุยกับเบลเลอมอนท์มากเกินไป จนทำให้คิดไม่ตกได้ขนาดนี้”
“พวกเราเป็นห่วงนายนะแมดส์” เชส ไทเลอร์ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่นั้นยังคงดูไม่ใส่ใจในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป
“หากมันเกินกำลังของฉันจริง ๆ ฉันคงต้องขอความช่วยเหลือจากนาย” แมดส์ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจ แต่ก็ไม่ยินดีรับไว้สักเท่าไหร่นัก เพราะหากคิดดูดี ๆ แล้ว น้องชายของเขาไม่สมควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเขาเองสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะด้วยในสถานการณ์ใดก็ตาม
“ด้วยความยินดี”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันว่าฉันควรต้องรีบออกจากที่นี่” แมดส์ว่า เมื่อคิดคำนวณเวลาคร่าว ๆ ที่ต้องใช้ในการเดินทางครั้งนี้ หากมัวแต่ชักช้าและร่ำลาอยู่เช่นนี้ อาจจะทำให้พวกเขาเดินทางล่าช้า และผิดแผนจากที่วางไว้เป็นแน่
“เดินทางปลอดภัย..”
หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์กวาดตามองความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะส่งยิ้มให้แฝดพี่ด้วยความจริงใจเป็นครั้งสุดท้ายและเอ่ยคำอวยพรสำหรับการเดินทาง เมื่อแมดส์ขึ้นไปนั่งบนหลังม้าเป็นที่เรียบร้อย
“ดูแลหลานฉันให้ดี..” แมดส์เอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะลากสายตาไปมองที่นายน้อยเลสลีย์ ด้านคนถูกมองก็พยักหน้ารับน้อย ๆ ต่อให้ยังรู้สึกไม่ชอบใจน้องสะใภ้คนนี้ของตัวเอง แต่แมดส์ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเลสลีย์คือคนที่กำลังอุ้มท้องหลานแท้ ๆ ของตัวเอง
“ถ้านายพูดแบบนี้ ฉันว่านายคงต้องกลับมารับขวัญหลานแล้วล่ะ”
“….”
“หรือไม่ก็กลับมาพร้อมหลานของฉันเหมือนกัน..”
เชส ไทเลอร์ เอ่ยหยอกแฝดพี่ของตัวเอง จนได้รับสายตาต่อว่าจากแมดส์ ผิดกับคุณหนูเยลเวอร์ตันที่นั่งอยู่ทางด้านหน้า และกำลังขยับตัวยุกยิกจนถูกแมดส์เอ่ยดุเบา ๆ
ประโยคกำกวมชวนให้คิดของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ ใช่ว่าคุณหนูเยลเวอร์ตันจะไม่เข้าใจความหมายเสียเมื่อไหร่ เพราะนอกจากจะเข้าใจอย่าชัดเจนแล้ว เจ้าตัวก็ยังเห็นรอยยิ้มล้อเลียนของอดีตนายน้อยเลสลีย์ที่มองมายังตนเอง เล่นเอาใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นร้อนผ่าว จากความคิดที่เตลิดไปตามประโยคชวนคิดพวกนั้น
“อย่าไปฟัง” แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยบอกคนที่นั่งไม่นิ่งอยู่ด้านหน้าตัวเอง ก่อนจะกระชับสายบังเหียนให้ถนัดมือของตัวเอง “แก้มแดงเสียขนาดนี้ คิดตามมันไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ เด็กแก่แดด”
“เราไม่ใช่เด็กแล้วนะไทเลอร์” คุณหนูเยลเวอร์ตันเอ่ยแย้งด้วยใบหน้าง้ำงอ แต่ทรูอัลฟ่าหนุ่มกลับหัวเราะอยู่นั่น จนทำให้เธียร์ได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในใจ
ปีนี้เขาก็อายุยี่สิบเอ็ดจนจวนจะเข้ายี่สิบสองแล้ว หากเทียบเคียงอายุกับการใช้ชีวิตจริง ๆ เขาย่อมไม่ใช่เด็กอย่างที่อีกฝ่ายว่าเลยสักนิด
“แค่จูบเก่งขึ้น มันไม่ได้แปลว่าคุณหนูไม่เด็กหรอกนะ”
แมดส์ ไทเลอร์ จงใจพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน ถึงแม้เสียงของทรูอัลฟ่าผิวเข้มจะเบามากแค่ไหน แต่มันก็ทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันเม้มปากแน่นด้วยความเผลอตัว ยิ่งฟังที่สองพี่น้องไทเลอร์พูดมันก็ยิ่งทำให้เธียร์คิดตาม ทั้งที่หัวหน้าเดอะฮิลล์พูดจนชวนให้คิดไปถึงไหนต่อไป หรือแม้กระทั่งคำพูดของแมดส์ที่ทำให้นึกถึงจูบครั้งก่อน
แม้จะถูกเอ่ยชมแต่มันกลับไม่ได้ทำให้เธียร์มั่นใจเลยสักนิด ทุกวันนี้เธียร์เองก็ยังไม่กล้ามองปากของแมดส์ด้วยซ้ำเวลาที่พูดคุยกัน
“ไม่ต้องใกล้กันขนาดนั้นก็ได้มั้ง ฉันว่าคุณหนูคงไม่ตกจากหลังม้าง่าย ๆ หรอกจริงไหม?” แอชเชอร์ เลสลีย์ หรือ แอชเชอร์ ไทเลอร์ ที่ยืนดูอยู่อดพูดออกมาไม่ได้ ขนาดยืนมองจากตรงนี้ เขายังเห็นใบหน้าแดงก่ำของคุณหนูเยลเวอร์ตันอย่างชัดเจน อีหรอบนี้ก็คงไม่วายโดนแกล้งเป็นแน่
“ขนาดคนดีของฉันขี่ม้าเป็น ฉันยังนั่งชิดจนหลังติดอกเลย...” หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะยักคิ้วให้พี่ชายฝาแฝดของตัวเอง ส่วนนายน้อยเลสลีย์หรือหิมะแรกของเดอะฮิลล์ในยามนี้กลับพยายามอดทนอย่างสุด ๆ เพราะนอกจากที่เชสจะไม่เข้าข้างตนแล้ว ก็ยังไปรวมหัวกับพี่ชายของตัวเองอีก
หิมะแรกได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของตัวเองอย่างอดกลั้น ในขณะที่คุณหนูจากฮาร์เดนเจอร์ได้แต่กำแผงคอม้าสีสะอาด พลางก้มหน้าหนีคนที่โน้มตัวลงมาหาตัวเอง
“เลิกแกล้งเราได้แล้วไทเลอร์”
“ฉันว่าทางที่ดีคุณหนูควรจะนั่งนิ่ง ๆ ดีกว่า”
หากยิ่งขยับตัวยุกยิกไปมาแบบนี้ ในระยะห่างที่แทบจะไม่มี คนที่เดือดร้อนมากที่สุดก็คงจะไม่พ้นเป็น แมดส์ ไทเลอร์
“เราจะนั่งนิ่ง ๆ” คนตัวขาวเอ่ยเสียงเบา พลางเงยหน้าขึ้นเหลือบมองคนที่อยู่รอบข้าง จนไปสบสายตาเข้ากับหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ ความรู้สึกอับอายที่ตัวเองเสียมารยาทในวันนั้นมันมีมากเกินกว่าที่จะทำให้เธียร์กล้าสู้หน้าเชสได้ แม้เวลาจะผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วก็ตาม และนั่นก็ทำให้ทรูอัลฟ่าผิวเข้มรับรู้ได้ถึงแผ่นหลังของคุณหนูที่เบียดเข้าหาอกตัวเอง
“เป็นอะไรไป..”
“ปะ เปล่า” เมื่อมองตามสายตาของคุณหนูเยลเวอร์ตันเมื่อครู่ ก็ทำให้แมดส์เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นอะไร
“เชื่อฉันเถอะว่าเชสมันไม่ได้โกรธคุณหนูเลยสักนิด”
หลังเดินทางออกจากเดอะฮิลล์มาเป็นเวลาวันกว่า ๆ ถัดจากป่าสนผืนขนาดย่อมที่ออกมาจากเดอะฮิลล์ กลายเป็นที่ราบลุ่มเขียวชอุ่มจนผ่านไปถึงเหมืองแร่อย่างโรสต์ และเลี่ยงผ่านเมืองอย่างโวกันด้วยการลัดเลาะออกออกไป จนกระทั่งใกล้เข้าเขตชานเมืองของฟลัม และมันก็ถึงเวลาที่ ลูอิส เชอร์ชิล จะต้องแยกกับ แมดส์ ไทเลอร์ ตามข้อตกลงของฝาแฝดไทเลอร์ที่ได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้
“แยกกันตรงนี้ล่ะ” แมดส์ ไทเลอร์ ควบม้าให้หมุนตัวกลับมาด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยบอกทหารของเดอะฮิลล์ รวมทั้งเพื่อนสนิทของน้องชายที่เดินทางร่วมกันมาในครั้งนี้ด้วย
“แล้วนายจะไปทางไหนต่อ นี่มันก็เข้าใกล้ฟลัมขึ้นมาทุกที”
“ฉันจะเลาะออกไปทางนอกเมืองและค่อยเข้าไปในกรีนเลค เส้นทางตรงนั้นมีแค่พวกฉันที่รู้ นายไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ถ้านายมั่นใจขนาดนั้น ฉันก็คงขัดอะไรไม่ได้” เชอร์ชิลคงต้องยอมแพ้ความตั้งใจของแมดส์แล้วจริง ๆ แม้ในตอนแรกเจ้าตัวนั้นตั้งใจอยากจะเสนอน้ำใจในการเดินทางไปส่งอีกฝ่ายให้ได้มากกว่านี้ก็ตาม
“ขอบใจพวกนายมากที่มาส่งพวกเราถึงขนาดนี้”
“ยังไงก็ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกัน สถานการณ์แบบนี้นายไม่ควรประมาท”
“เป็นคำแนะนำที่ฉันจะรับฟังไว้แล้วกันนะไอ้ลูกหมา” แมดส์ ไทเลอร์ ยังไม่วายกวนประสาทเชอร์ชิลเป็นครั้งสุดท้าย แม้ตลอดการเดินทางวันกว่า ๆ จะทำให้เชอร์ชิลรู้ว่าพี่ชายฝาแฝดของเพื่อนสนิทนั้นค่อนข้างเป็นคนที่น่าคบหาไม่น้อย เมื่อได้รู้จักและพูดคุยจริง ๆ
“ดูเอาเถอะคุณหนู” เชอร์ชิลว่าก่อนจะเหลือบมองคุณหนูเยลเวอร์ตันที่กำลังเช็ดหน้าเช็ดตาของตัวเอง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังถูกคนด้านหลังมองอย่างไม่วางตา
“เมื่อคืนยังคุยกันดี ๆ อยู่แท้ ๆ วันนี้กลับมาเถียงกันอีกแล้วหรือ” เธียร์เอ่ยตอบ ก่อนจะหันหน้าไปมองคนด้านหลังที่เมื่อคืนนั่งดื่มอยู่กับเชอร์ชิล ซ้ำยังพูดคุยกันถูกคออีกด้วย
“เสียเวลาต่อปากต่อคำ” เชอร์ชิลหัวเราะหึในลำคอก่อนจะทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ไทเลอร์ “ยังไงก็ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยล่ะคุณหนู มีดพกที่ฉันให้ไว้ก็เก็บเอาไว้ป้องกันตัวเอง”
เพียวโอเมก้าเหลือบมองมีดเล่มเล็กที่เชอร์ชิลมอบให้กับตัวเองเมื่อคืนนี้ คนตัวขาวซ่อนมันใต้เสื้อของตัวเองเป็นอย่างดี ตามคำแนะนำของทั้งเชอร์ชิลและไทเลอร์ เมื่อคิดได้แบบนั้นคนตัวขาวก็เงยหน้าขึ้นไปส่งยกยิ้มเล็ก ๆ ให้กับอัลฟ่าตัวสูง ด้วยความรู้สึกขอบคุณในน้ำใจเหล่านั้น
“เราจะเก็บมันไว้อย่างดี”
“อย่าลืมสอนคุณหนูให้ใช้มีดเสียล่ะ อย่างน้อยก็ควรจะฝึกไว้ป้องกันตัวเองบ้าง” เชอร์ชิลเอ่ยบอกด้วยความหวังดี แม้จะมีอาวุธติดกาย แต่หากใช้ไม่เป็นหรือใช้ไม่ถูกวิธีก็คงไม่ช่วยอะไรนัก
“ฉันคงไม่สอนแค่ให้แทงที่แขนเหมือนนายหรอกเชอร์ชิล”
“…..”
“เพราะถ้าฉันสอน ฉันจะสอนให้แทงที่คอ”
ลูอิส เชอร์ชิล ถึงกลับลอบกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว ซ้ำยังรู้สึกเสียวคอตัวเองแปลก ๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น ไอ้คำแนะนำที่เขาให้คุณหนูเยลเวอร์ตันไปเมื่อคืน มันคงจะดูพื้นฐานไปเลยด้วยซ้ำ หากนำไปเทียบกับวิธีต่อสู้ของหมาบ้า
“สอนแค่ป้องกันตัวก็พอมั้ง ถ้าให้ฆ่าคน ฉันว่ามันมากไปสำหรับคุณหนู”
แล้วคิดหรือว่าแมดส์จะยอมสอนวิธีฆ่าคนให้กับคุณหนูเยลเวอร์ตันจริง ๆ
“ฉันรู้ว่าควรทำอะไร”
“ยังไงก็โชคดี หวังว่าเราคงจะได้พบกันใหม่ และนายก็จะเลิกเรียกฉันว่าลูกหมานะไทเลอร์”
“อย่าหวัง”
หลังจากแยกทางกับเชอร์ชิลแล้ว แมดส์ ไทเลอร์ ก็ควบม้าเร็วเพื่อมุ่งหน้าเลาะออกไปทางนอกเมืองของฟลัม เพื่อเข้าสู่เส้นทางที่จะเดินทางไปยังกรีนเลค วิวทิวทัศน์ของธรรมชาติดึงดูดความสนใจของเธียร์ได้อย่างเต็ม ๆ จนเจ้าตัวไม่สามารถหยุดมองสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเองได้ เนินเขาเล็กที่สลับกันเมื่อมองไปไกล ๆ ก็จะเห็นตัวเมืองอยู่ ความงดงามของฟลัมยังคงเป็นเอกลักษณ์และสามารถจดจำได้อย่างง่ายดาย
ในช่วงที่พระอาทิตย์เริ่มใกล้จะลาลับแสง แมดส์ ไทเลอร์ ก็สามารถลัดเลาะมาถึงบริเวณทางเข้าไปยังกรีนเลคได้อย่างปลอดภัย ทางข้างหน้าคือภูเขาลูกใหญ่สลับซับซ้อนทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา เป็นโชคดีของทั้งแมดส์และเธียร์ที่มาถึงที่นี่ก่อนจะค่ำ ไม่เช่นนั้นคืนนี้พวกเขาคงต้องเสี่ยงพักในเขตของฟลัม ซึ่งนั่นก็ถือว่าไม่ปลอดภัยสักเมท่าไหร่สำหรับพวกเขาในตอนนี้
“อีกไกลมากไหมกว่าเราจะถึงที่นั่น”
“ถ้าใช้ม้าเร็วสลับกับวิ่งปกติ ก็น่าจะเป็นช่วงเย็นของพรุ่งนี้” แมดส์ว่า “การเดินทางในวันพรุ่งนี้อาจจะอันตรายเสียหน่อย ยังไงก็ขอให้คุณหนูอดทนไว้”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไปในคอที่แห้งผาก แค่เห็นเส้นทางที่อยู่ข้างหน้าตัวเอง เขาก็พอจะเดาได้แล้วว่ามันคงจะอันตรายมากไม่น้อย แม้จะมีเส้นทางสำหรับเดินม้าแต่ขึ้นชื่อว่าภูเขาก็ย่อมมีทางชันและเหวลึก
“นายกำลังทำให้เรากลัว”
“ต่อให้ไม่มีอันตรายจากคน ก็ย่อมมีอันตรายจากธรรมชาติ”
“แล้วตอนนี้เราเปิดหน้าได้หรือยัง..” เพียวโอเมก้าตัวขาวเอ่ยถาม ก่อนที่จะยกมือขึ้นจับหมวกคลุมที่ปกปิดใบหน้าของตัวเอง
“ก็เปิดเสียสิ” แดดที่เริ่มอ่อนลงเสียขนาดนี้ คงไม่มีทางทำให้ผิวสีน้ำนมของคุณหนูเยลเวอร์ตันขึ้นซับสีระเรื่ออย่างแน่นอน เมื่อได้รับอนุญาตให้เปิดสิ่งที่ปิดบังเสี้ยวหน้าของตัวเอง แต่เธียร์ก็มือไวไม่เท่าแมดส์ที่เอื้อมมาดึงหมวกคลุมออกให้
“ไม่ต้องปิดหน้าแบบนี้แล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยล่ะ”
คนตัวขาวว่าพลางฉีกยิ้มกว้างให้กับคนที่อยู่ทางด้านหลัง ก่อนจะชี้มือไปทางภูเขาลูกเล็กที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล มันเต็มไปด้วยต้นหญ้าสีเขียวขจีที่กำลังโอนอ่อนไปตามแรงลมที่พัดผ่าน แสงอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับทำให้สีเขียวขจีถูกย้อมไปด้วยสีของยามเย็น
“เราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”
หุบเขาที่เต็มไปด้วยความสวยงามของมันดึงดูดสายตาของคนมอง จนไม่อาจที่จะละสายตาได้ ยิ่งขยับเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นถึงความงดงามของมัน ภาพเขียนที่ว่าสวยงามก็ยังไม่อาจเทียบได้กับสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตา
“เพราะคุณหนูไม่เคยออกไปที่ไหน นอกจากจะอยู่ที่ปราสาทนั่น”
“เราจะไม่มีวันกลับไป..”
“…..”
“ไม่มีวัน”
“ตราบใดที่คุณหนูยังเป็นเยลเวอร์ตัน พวกนั้นจะไม่มีทางหยุดตามหาคุณหนู”
“ไม่ว่าจะเป็นหรือไม่เป็น พวกเขาก็ไม่เคยเห็นค่าความเป็นคนของเราอยู่ดี”
“แล้วเสียใจไหมที่จะไม่มีวันได้กลับไปที่นั่นอีก” แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยถามคนที่เอาแต่มองไปด้านหน้าอย่างเงียบ ๆ
“เราควรมีชีวิตเป็นของตัวเองเสียที” น้ำเสียงแสนเศร้าของเธียร์แฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ยังคงฝังลึก “และนี่ก็คือชีวิตที่เราเลือกเอง”
“….”
“เราไม่เคยอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ แต่ที่เราต้องทำก็เพราะพวกเขา”
“….”
“ขะ เขาทำร้ายเราก่อน”
ข่าวคราวของฮาร์เดนเจอร์ที่คุณหนูเยลเวอร์ตันได้รับรู้มาจากผู้ปกครองฟลัม ทำให้เจ้าเก็บมันมาขบคิดอยู่หลายวัน พี่ชายแท้ ๆ ของเขาอย่าง ดีแลน เยลเวอร์ตัน ก็กลับเป็นฝ่ายที่ต้องหมั้นหมายและแต่งงานกับ เพิร์ซ ริชมอนด์ แทนเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะเขาที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่สามารถตามหาตัวได้
เขารู้สึกผิดกับพี่ชายของตนเองเหลือเกินที่ต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง พี่ชายของเขาเป็นอัลฟ่า ดีแลนเป็นคน ๆ เดียวที่มีสิทธิปกครองฮาร์เดนเจอร์ต่อจากผู้เป็นพ่อ หากเป็นเช่นนี้แล้ว เห็นทีว่าอำนาจในมือที่ถูกส่งต่อกันมาของตระกูลเยลเวอร์ตัน คงจะสิ้นสุดที่ผู้ปกครองคนปัจจุบัน
“คนเรามีสิทธิเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น” แมดส์เอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าคุณหนูยอมเสียสละ นั่นก็เท่ากับว่าคุณหนูกำลังปล่อยให้พวกเขาเอาเปรียบตัวเอง”
“….”
“ไม่ว่าจะเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้า ค่าของความเป็นคนมันย่อมเท่ากัน”
การเดินทางลัดเลาะไปตามภูเขา เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ของวัน หลังจากที่ทั้งทรูอัลฟ่าผิวเข้มและเพียวโอเมก้าตัวขาวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เส้นทางอันตรายในบางจุดทำให้เธียร์เผลอกำแผงคอของเจ้าม้าสีสะอาดแน่น ดวงตาใสพยายามที่จะไม่เหลือบมองด้านข้างที่เป็นเหวลึก และข่มความกลัวด้วยการหลับตาหนี
“หากกลัวก็นอนหลับไปเสีย” แมดส์เอ่ยเช่นนั้น หลังจากที่ลอบสังเกตคนตัวขาวมาพักใหญ่
“ระ เราทนได้” เธียร์ตอบอีกฝ่ายได้ไม่เต็มเสียงนัก เจ้าตัวพยายามปรับลมหายใจเข้าออกให้เป็นปกติ เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มพยายามที่จะจดจำเส้นทางที่ตัวเองผ่านมาให้ได้มากที่สุด แต่มันก็ช่างน่าปวดหัวเสียเหลือเกิน ทางเข้าที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยภูเขา หากไม่รู้จักเส้นทางจริง ๆ ก็คงต้องหลงอยู่ในนี้เป็นแน่
“เห็นทะเลสาบตรงนั้นไหม..”
แมดส์ ไทเลอร์ บังคับม้าให้หยุดเดิน ก่อนที่จะหันไปทางขวามือของตน จากจุดที่พวกเขาทั้งคู่อยู่ในตอนนี้ ทำให้สามารถมองเห็นทะเลสาบขนาดย่อมที่อยู่ถัดไปอีกไม่ไกลนัก
“มันคือกรีนเลคหรือ” เธียร์ เยลเวอร์ตัน ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองกำลังได้เห็นในตอนนี้เลยสักนิด
ทะเลสาบสีฟ้าอมเขียวอันโดดเด่น ตัดกับสีของต้นไม้โดยรอบที่แข่งกันอวดสีสันยามผลิใบใหม่ สลับกับภูเขาลูกใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี หากสังเกตดี ๆ บริเวณพื้นที่รบบลุ่มซึ่งถัดออกมาจากทะเลสาบนั้นก็คือหมู่บ้านเล็ก ๆ กระจัดกระจายอยู่แถบนั้น
“นั่นล่ะกรีนเลค..”
เพียงแค่ลัดเลาะผ่านภูเขาด้านหน้านี่ไปอีกสองสามลูก และลงไปยังด้านล่าง มันก็จะพาพวกเขาสองคนเดินทางไปถึงยังจุดหมายในครั้งนี้ สถานที่ที่ใครก็ไม่อาจคาดถึงว่ามันมีอยู่จริง ความยากลำบากในการเข้าถึงและเส้นทางที่อันตราย ทำให้ไม่มีใครกล้าเสี่ยงชีวิตเข้ามาที่นี่
หากมองจากที่ไกล ๆ แล้วว่างดงามแล้ว เมื่อใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้เพียวโอเมก้าตัวขาวเบิกตากว้างด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขาเห็นทุ่งหญ้าโล่งที่เต็มไปด้วยสีเขียว มีฝูงแกะที่กำลังเล็มหญ้ากันอย่างกระจัดกระจาย เขาเห็นป้อมปราการขนาดเล็กที่ถูกสร้างสูงพอประมาณไว้โดยรอบ ควันไฟที่พวยพุ่งมาจากปล่องไฟซึ่งบ่งบอกถึงการดำเนินชีวิต
“แมดส์!”
ม้าสีขาวสะอาดหยุดยืนอยู่บริเวณหน้าประตูขนาดใหญ่ ก่อนที่มันจะถูกเปิดออกเพื่อต้อนรับการกลับมาของ แมดส์ ไทเลอร์ เป็น เมเลค ฟิทซ์รอย นั่นเองที่ยืนอยู่ด้านบนประตูใหญ่นั่น เจ้าตัวร้องตะโกนเรียกเพื่อนของตัวเอง แล้วรีบวิ่งลงมาทางด้านล่างด้วยความเร่งรีบ
“นายจะแหกปากทำไมกันฟิทซ์รอย” ทรูอัลฟ่าหนุ่มที่พึ่งลงมาจากหลังม้าเอ่ยถามเมเลคด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย พลางหันไปอุ้มเพียวโอเมก้าตัวขาวให้ลงมาจากหลังม้า
“ไม่ได้พบกันนานนะคุณหนู” แต่ทว่าคำถามของแมดส์กลับถูกเมเลคเมินเฉย เจ้าของผิวสีแทนและใบหน้าติดทะเล้นแทรกตัวเข้าไปพูดคุยกับเจ้าของผิวขาวในทันที
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะฟิทซ์รอย” คุณหนูเยลเวอร์ตันฉีกยิ้มเล็ก ๆ ให้กับคนที่เข้ามาทักทายตนเอง
“เดินทางมาตั้งไกล คงจะเหนื่อยแย่” เมเลคเป็นฝ่ายเอ่ยชวนคุณหนูเยลเวอร์ตันพูดคุย แต่ก็ไม่วายถูกเพื่อนสนิทหิ้วคอเสื้อให้ออกห่างจากเพียวโอเมก้า “เฮ้! พูดดี ๆ ก็ได้มั้งไทเลอร์ มาดึงคอเสื้อกันแบบนี้ ถ้าฉันตายขึ้นมานายจะว่ายังไง”
“อยากฝังหรืออยากเผาดีล่ะ?” แมดส์ ไทเลอร์ ถามเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่ทว่าเมเลคกลับยักคิ้วกวนประสาท พลางเล่นหูเล่นตาใส่คุณหนูเยลเวอร์ตันไม่เลิก
“ดุจริง ๆ กลับมารอบนี้ท่าจะดุกว่าเดิม”
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยฟิทซ์รอย” อัลฟ่าผิวสีแทนล่ะอยากจะหัวเราะให้ลั่นกับท่าทีของเพื่อน แต่คิดอีกทีมันก็ดูจะไม่คุ้มเสียเท่าไหร่ หากเขาต้องถูกไทเลอร์ไล่เตะขึ้นมา
“นายกลับมาไวกว่าที่พวกเราคิดนะแมดส์”
เสียงทักทายของผู้ที่เข้ามาใหม่ พร้อมกับเส้นผมสีเทาอันเป็นเอกลักษณ์ เรียกความสนใจจากคุณหนูเยลเวอร์ตันได้ทันที เสียงทุ้มน่าฟังของอัลฟ่าผมสีเทาและภาพลักษณ์ที่ดูสุภาพย่อมทำให้ วินซ์ คลาเวน เป็นที่สนใจได้อย่างไม่ยาก หากใครได้พบเห็นเจ้าตัว
“ฉันกำลังจะถามหานายอยู่พอดีเลยคลาเวน”
“แล้วนี่ใครกันล่ะ?” อัลฟ่าผมสีเทาเอ่ยถามไทเลอร์ ก่อนจะเหลือบมองคนตัวขาวด้วยความสุภาพ พลางยกยิ้มเล็ก ๆ พอเป็นพิธี เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป
“คู่แห่งโชคชะตาของแมดส์ที่ฉันเคยเล่าให้นายฟังไง” เมเลค ฟิทซ์รอย ชิงตอบก่อนที่แมดส์จะได้พูดอะไร และผลของความปากไวของเจ้าตัวก็ทำให้เมเลคได้รับสายตาคมกริบของแมดส์ไปเต็ม ๆ
“นี่เธียร์..”
“ตระกูลล่ะ?” วินซ์ คลาเวน เอ่ยถามต่อ พลางพิจารณาใบหน้าของคนที่มาใหม่
“ฟิทซ์รอยน่าจะบอกนายแล้วนะว่าเราไม่ควรพูดถึงเรื่องตระกูลของคุณหนูที่นี่”
“เกรงว่าหมอนี่จะไม่ได้เล่าอะไรให้ฉันฟัง…” ใบหน้าของวินซ์ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่าก็กลับมีรังสีบางอย่างที่ทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันขยับเข้าใกล้แมดส์อย่างไม่รู้ตัว
“ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ ฉันให้นายกลับมาก่อน ก็เพื่อจัดการเรื่องที่นี่นะฟิทซ์รอย”
“มันก็มีลืมกันบ้าง อย่าพึ่งทำหน้าเหมือนจะฆ่าฉันแบบนั้นสิ” เมเลคเอ่ยติดตลก ก่อนจะหัวเราะร่าแต่ในใจก็เริ่มผวาแมดส์ไม่น้อย เกิดโดนพุ่งเข้าใส่ตอนนี้ เชื่อเถอะว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางรอด
“ท่าทางว่าเราคงมีเรื่องต้องคุยกันแล้วล่ะแมดส์” เจ้าของผมสีเทาว่าด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “คุณหนูเองก็ด้วย.. ฉันว่าเราคงต้องทำความรู้จักกันสักหน่อย”
“มันเป็นสิทธิของนายอยู่แล้วคลาเวน ใครก็ตามที่จะเข้าออกที่นี่ ย่อมต้องได้รับการอนุญาตจากนาย”
วินซ์ คลาเวน อัลฟ่าเจ้าของผมสีเทาที่ใครหลายคนสามารถสังเกตได้ คือผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในกรีนเลค แม้จะไม่ได้ถูกเรียกว่าเป็นหัวหน้าของหมู่บ้านอย่างจริงจัง แต่ในความเป็นจริงแล้ววินซ์คือคนที่ใครต่างต้องเคารพและยำเกรง
“แล้วฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับนายทีหลังฟิทซ์รอย”
ก่อนที่ แมดส์ ไทเลอร์ เดินตาม วินซ์ คลาเวน ไป เจ้าตัวก็ยังไม่วายเอ่ยขู่ฟิทซ์รอยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แทนที่พวกเขาเดินทางมาเหนื่อย ๆ แล้วจะได้พักผ่อน กลับต้องมาพูดคุยเรื่องน่าปวดหัว เพราะความสะเพร่าของเมเลคที่ใจเย็นจนเกินไป
“มาถึงก็ขู่กันเสียแล้ว ท่าทางว่าการไปเดอะฮิลล์ครั้งนี้ จะไม่ได้ทำให้นายหายบ้าเท่าไหร่นะไทเลอร์”
“เลิกแหย่แมดส์ได้แล้วเมเลค” วินซ์ปรามอัลฟ่าผิวสีแทน ก่อนที่จะผายมือเชิญให้เพียวโอเมก้าได้เดินนำหน้าตน “เชิญ คุณหนูทางนี้ดีกว่า…”
“อย่าสุภาพนักสิวินซ์” เมเลคเอ่ยขำ ๆ ก่อนจะยิ้มให้คุณหนูเยลเวอร์ตัน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะสับสนไม่น้อย “นายกำลังทำให้แมดส์ดูหยาบคายถ้าเทียบกับนายนะรู้ไหม..”
ท่าทาง เมเลค ฟิทซ์รอย คงอยากจะไปนอนวัดความลึกของทะเลสาบจริง ๆ สินะ...
HASHTAG #maddogmn
TALK : ในที่สุดก็ได้มากรีนเลค ในที่สุดเราก็ได้เจอ วินซ์ คลาเวน!!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เมเลค นายมันคนจริง5555555
ฮื่ออออออ ตอนลากันคือน่ารักปนใจหาย
ทุกคนรักแมดส์นะ
ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาา
อ้ยพี่วินซ์มาแร้วมาแค่นี้ก็หล่อแล้วอะ