ตอนที่ 23 : Mad Dog : Chapter 20
แม้การเดินทางขึ้นไปยังทางตอนเหนือของแดนใต้จะมีอุณหภูมิที่ต่ำลงเรื่อย ๆ มันก็ไม่ได้ทำให้ทรูอัลฟ่านักฆ่านั้นรู้สึกลำบากแต่อย่างใด แต่สำหรับคุณหนูเยลเวอร์ตันที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างกายของเจ้าตัวในตอนนี้ กลับดูไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวสักเท่าไหร่นัก สังเกตได้จากการขดตัวเข้าหากัน จนคนที่ตื่นมาในตอนก่อนรุ่งเช้านั้นคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมให้อีกฝ่ายเพิ่มอีกผืน
เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มยังคงหลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ทั้งอากาศเย็นและความนิ่มของผืนเตียง เป็นตัวขับกล่อมให้คุณหนูเยลเวอร์ตันยังจมอยู่กับห้วงนิทรา ลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอคงเป็นผลมาจากความอ่อนเพลียในการเดินทางตลอดสองวันที่ผ่านมา ก่อนที่พวกเขาสองคนจะมาถึงที่โรสต์ และนี่ก็เป็นเรื่องดีไม่น้อยที่จะทำให้ไทเลอร์สามารถออกไปจากห้องได้โดยไม่ต้องกลัวว่าอีกคนจะตื่นขึ้นมา
คุณหนูเยลเวอร์ตันหลับลึกชนิดที่ว่าไม่สามารถรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ว่าคนข้างกายได้ลุกออกจากเตียงและก้าวออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ เจ้าของใบหน้าคมยังคงหันมามองคนตัวขาวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่คนผิวเข้มจะหันหลังและก้าวเดินต่อไปโดยที่ไม่หันมามองคนที่อยู่ข้างหลัง
เจ้าดอกแม็กโนเลียที่กำลังหลับสนิท คงจะตื่นมาเหี่ยวเฉาน่าดู เมื่อพบว่าเจ้าของกลิ่นไม้หอมที่เคยขับกล่อมตัวเองมาตลอดคืนนั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
การเดินทางของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน มันอาจจะจบลง แต่สำหรับแมดส์แล้ว โรสต์ไม่ใช่สถานที่เป้าหมายในการเดินทางของเจ้าตัวในครั้งนี้ เพราะแท้ที่จริงแล้วเป้าหมายของนักฆ่าหนุ่มก็คือหน่วยป้องกันเดอะฮิลล์ สถานที่ที่แมดส์ไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ช่วงเวลาก่อนรุ่งสางเช่นนี้ แม้จะมีผู้คนบางบ้านเรือนตื่นมาบ้างแล้ว แต่ก็ใช่ว่าคนเหล่านั้นจะทันได้สังเกตความเคลื่อนไหวอันเงียบเชียบของทรูอัลฟ่าหนุ่มเสียเมื่อไหร่ และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากของคนที่อยู่ในเงามืดมาตลอดอย่างแมดส์เลยสักนิด ในการที่จะออกจากโรสต์โดยรอดพ้นสายตาคนของราเชลที่คอยเฝ้าเจ้าตัวและเพียวโอเมก้าอยู่ตลอด
ถึง ราเชล สแตนลีย์ จะเป็นลูกน้องของ เชส ไทเลอร์ ก็จริง แต่แมดส์เองก็ต้องเสี่ยงที่จะฝากตัวเธียร์ไว้กับเจ้าตัวอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อทางนี้มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณหนูเยลเวอร์ตัน
‘ควรจะทำอย่างไรต่อไปกับคุณหนูเยลเวอร์ตันกัน..’
นั่นเป็นสิ่งที่ แมดส์ ไทเลอร์ ได้แต่คิดอยู่ในใจของตัวเองในระหว่างที่ออกเดินทางอีกครั้ง ม้าสีสะอาดที่เป็นม้าของเจ้าตัวยังคงทำหน้าที่ในการเป็นพาหนะได้ดีอยู่เสมอ จนสามารถพาทรูอัลฟ่าหนุ่มไปหยุดอยู่ที่บริเวณหนึ่งของป่าที่ค่อนข้างใกล้กับเดอะฮิลล์
นับว่าเป็นข้อดีของทรูอัลฟ่าอย่างพวกเขาที่สามารถอำพรางกลิ่นของตัวเองได้ดั่งใจ และในตอนนี้ไทเลอร์เองก็จัดการกับกลิ่นประจำตัวของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย เพื่อป้องกันคนในหน่วยเดอะฮิลล์ที่อาจจะได้กลิ่นของตัวเอง รวมไปถึงพวกเกรย์วูล์ฟของน้องชายที่มักจะออกมาลาดตระเวนในป่าแถบนี้อยู่ตลอด
ช่วงเวลาที่แสงแดดยังสาดส่องเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เวลาในการลงมือของแมดส์สักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ปล่อยให้ช่วงเวลานั้นเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ พื้นที่ของป่าโดยรอบเดอะฮิลล์นั้นถูกสำรวจไปทีละนิด จนแมดส์สามารถประกอบมันขึ้นมาเป็นแผนที่ในหัวได้อย่างไม่ยาก รวมไปถึงการเฝ้ามองเดอะฮิลล์ลงมาจากทางด้านบนภูเขาขนาดย่อมเองก็เช่นกัน
การป้องกันของเดอะฮิลล์ที่ถือว่าแน่นหนาสมเป็นหน่วยป้องกัน ทำให้แมดส์อดชื่นชมคนเป็นน้องชายอย่างช่วยไม่ได้ มันก็สมแล้วในฐานะหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่มีความรอบคอบ และสามารถควบคุมลูกน้องของตัวเองให้ทำงานได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“ต่อให้ป้องกันแน่นหนาแค่ไหน มันก็ขวางฉันไม่ได้…”
แมดส์ ไทเลอร์ ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงต่อสู้กับคนพวกนี้เลยด้วยซ้ำ ในเมื่อเขาสามารถทำอะไรที่มันง่ายกว่านั้นได้ แต่ก่อนอื่นเขาก็คงต้องหาช่วงเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน ในการที่จะเข้าไปทักทายกับคนของน้องชายตัวเอง
อัลฟ่าแดนเหนือจากตระกูลเลสลีย์ที่ใครต่างพูดถึง จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วเมืองที่อยู่ในแถบนี้
“คำสัญญามันก็แค่ลมปากจริง ๆ”
หาก เชส ไทเลอร์ นั้นหลงลืมสัญญาที่เคยให้ไว้กับพี่ชายฝาแฝดของตัวเองเอาไว้แล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดที่แมดส์จะทำอะไรก็ได้ ตามที่ใจของเจ้าตัวต้องการโดยไม่ต้องสนใจน้องชายฝาแฝด
‘ฉันไม่มีวันญาติดีกับพวกเลสลีย์..’
เลสลีย์เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ แมดส์ ไทเลอร์ ต้องใช้ชีวิตเช่นนี้มาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสิบ ๆ ปี ความทรงจำอันเลวร้ายที่ไม่อาจลบเลือนมันยังวนซ้ำไปซ้ำมา จนทำให้มือใหญ่เผลอกำเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว
“มันก็สมควรที่เลสลีย์จะได้รับผลจากการกระทำของตัวเอง”
สงสารก็แต่คนเป็นลูกที่ต้องรับกรรมแทนหัวหน้าตระกูลเลสลีย์ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่อง แมดส์ ไทเลอร์ จะต้องเดือดร้อนกับมันเลยสักนิด ในเมื่อยามที่เขาตกต่ำจนถึงที่สุดคนพวกนั้นก็กลับสุขสบายจนน่ารังเกียจ
ความเน่าเฟะของตระกูลเลสลีย์ที่ทะนงตนว่าเหนือกว่าคนอื่น มันคือความภูมิใจที่หลอกลวงสิ้นดี หากย้อนมองถึงการกระทำอันน่าสะอิดสะเอียนพวกนั้นในอดีต
แมดส์ ไทเลอร์ ยังใจเย็นพอที่จะรอเวลาอันเหมาะสมในการเข้าไปในเดอะฮิลล์ การหยอกเย้าเหยื่อให้หวาดกลัวเล่น ๆ มันเป็นเรื่องที่แมดส์ถนัดยิ่งกว่าอะไร
คิดภาพไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าอัลฟ่าจากแดนเหนือนั่นจะมีวิธีรับมือกับหมาบ้าแบบไหนกัน.. หากรับมือได้ก็คงเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ถ้าหากไม่มันก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจสำหรับหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์
ไฟตามบ้านเรือนต่าง ๆ ในเดอะฮิลล์ต่างค่อย ๆ ดับลงไปทีละดวง จนเหลือก็แต่เพียงบ้านพักของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่ยังคงสว่างจ้า หลังจากที่คนภายในบ้านนั้นเงียบหายเข้าไปพักใหญ่ บทสนทนาระหว่างอัลฟ่าแดนเหนือและพี่ชายคนโตของไทเลอร์ ทำให้คนที่ยืนหลบมุมในเงามืดไม่ใกล้ไม่ไกลเหยียดยิ้มด้วยความสมเพช
ใบหน้าที่แม้จะแสดงออกถึงความนิ่งเฉย แต่แววตาที่สะท้อนกลับดูบิดเบี้ยว เมื่อพยายามสู้สายตาของ รีส เบลเลอมอนท์ มันดูอวดดีเป็นบ้าสมกับเป็นเลสลีย์โดยแท้
หลายวันที่ผ่านมานี้ แมดส์ ไทเลอร์ ได้ลอบสังเกตความเคลื่อนไหวของทั้ง เชส ไทเลอร์ และ แอชเชอร์ เลสลีย์ จนรับรู้ถึงกิจวัตรประจำวันของคนทั้งคู่ จวบจนกระทั่งหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ได้ออกเดินทางไปยังแบล็คฟอเรสต์ และทิ้งอำนาจในการควบคุมคนในหน่วยไว้ให้กับอัลฟ่าผมสีเพลิง หรือ ผู้ปกครองฟลัม
“น่าสมเพช” ทรูอัลฟ่าหนุ่มที่ยืนกอดอกอยู่เอ่ยเบา ๆ ก่อนที่จะเหลือบมองเกรย์วูล์ฟตัวใหญ่ที่กระดกหัวขึ้นมามองหาต้นเสียงที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าจะมองเท่าไหร่มันก็ไม่สามารถหาต้นตอของเสียงที่มันสงสัยได้ จนกระทั่งดวงตาของมันสบเข้ากับดวงตาดุของแมดส์ที่ยืนจ้องมองมันอย่างไม่วางตา แววตาของนักล่าที่อยู่ในร่างมนุษย์ข่มเกรย์วูล์ฟตัวโตภายในเสี้ยววินาที จนมันหูตกและหมอบต่ำลงพร้อมครางเบา ๆ ในลำคอ
เชส ไทเลอร์ อาจจะไม่เคยสั่งสอนให้พวกมันรู้จักเกรงกลัว แต่สำหรับ แมดส์ ไทเลอร์ แล้วนั่นมันคงไม่ใช่วิธีที่เจ้าตัวจะใช้กับพวกมันเป็นอย่างแน่
ความสัมพันธ์ของ เชส ไทเลอร์ และ แอชเชอร์ เลสลีย์ มันจะมีน้ำหนักมากน้อยสักแค่ไหนกัน เผลอ ๆ สิ่งที่อีกฝ่ายได้รับรู้ผ่าน รีส เบลเลอมอนท์ ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
ท่าทางว่าคืนนี้ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งคืนที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มจะยังไม่ลงมือทำอะไร นอกจากคอยสังเกตการณ์เงียบ ๆ เพื่อหาช่องว่างที่จะเข้าถึงตัวอีกฝ่าย
เลสลีย์คงจะขวัญเสียน่าดูในวันนี้ แน่นอนว่าแมดส์ไม่รู้เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากนัก แต่การที่เจ้าตัวได้ยินเสียงร่ำไห้ที่แว่วออกมาให้ได้ยิน หลังจากที่เจ้าตัวพูดคุยกับผู้ปกครองฟลัม มันก็น่าคิดอยู่เหมือนกันว่าเลสลีย์นั้นรู้สึกกับน้องชายฝาแฝดของตัวเองในระดับไม่น้อยเลยสักนิด
เจ้าของร่างสูงใหญ่ก้าวออกมาจากความมืดที่เคยบดบังตัวเอง ก่อนที่จะสาวเท้าเดินรอบบ้านพักของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ด้วยความใจเย็น ฝีเท้าอันเงียบเชียบและลมหายใจที่ยังคงเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเช่นคนที่ไร้ความตื่นกลัว แม้ว่ามันจะเสี่ยงต่อการถูกมองเห็นหรือจับได้มากแค่ไหนก็ตาม
เจ้าของผิวขาวซีดที่เดินอยู่ภายในบ้านนั้นดูเหม่อลอยเกินกว่าที่จะสนใจความผิดปกติเล็กน้อยที่เกิดขึ้นรอบตัว ครู่ใหญ่เสียด้วยซ้ำที่อัลฟ่าจากตระกูลเลสลีย์เอาแต่นั่งเหม่อมองพื้นเงียบ ๆ ในขณะที่วูล์ฟด็อกตัวขาวนั้นนอนขดตัวหลับอยู่ใกล้ ๆ
แวบนึงที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มเห็นภาพของใครอีกคนหนึ่งซ้อนทับในตัวของนายน้อยจากตระกูลเลสลีย์..
เดาไม่ถูกเลยว่า เธียร์ เยลเวอร์ตัน ที่อยู่โรสต์ในตอนนี้จะเป็นเช่นไร เมื่อพบว่าตัวเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วในตอนนี้ บทสนทนาที่พูดคุยกับเจ้าตัวก่อนที่จะออกมาจากโรสต์ แมดส์เองก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกับอีกฝ่ายอย่างชัดเจนแต่อย่างใด
‘บอกเราหน่อยได้หรือเปล่าว่าทำไมนายถึงเกลียดพวกเลสลีย์ขนาดนั้น..’
‘ฉันมีเหตุผลของฉัน’
‘แต่เขาเป็นคนของน้องชายนาย..’
เธียร์ เยลเวอร์ตัน ที่พอรับรู้เรื่องของ แอชเชอร์ เลสลีย์ มาจาก มอร์แกน เรย์โนลด์ ยังคงถามทรูอัลฟ่าหนุ่มต่อ ทั้งที่เห็นแล้วว่าใบหน้าของอีกฝ่ายเริ่มจะตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
‘มันผิดกฎระหว่างดินแดน..’
‘แล้วทำไมความรักจะต้องขึ้นอยู่กับกฎที่ใครก็ไม่รู้สร้างมันขึ้นมาด้วย..’
‘….’
‘แค่เพศสภาพที่แบ่งชนชั้นการใช้ชีวิตของพวกเรา มันยังไม่มากพออีกหรือ’
‘มันไม่มีอยู่จริงหรอกความยุติธรรมพวกนั้นน่ะ’
‘เหตุผลแค่นี้มันคงไม่มากพอทำให้นายมาถึงที่นี่หรอกไทเลอร์..’
‘ความเกลียดชังของฉันที่มีกับเลสลีย์ มันมากเกินกว่าที่คนอย่างคุณหนูจะเข้าใจ’
‘นายจะทำอะไรเขากัน…’
‘กลัวว่าฉันจะฆ่าหมอนั่นหรือ?’
‘ต่อให้นายจะเกลียดเขามากแค่ไหน แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์ฆ่าเขานะไทเลอร์’
‘เลสลีย์ยังมีวิธีชดใช้ให้กับสิ่งที่เคยทำไว้กับฉันมากกว่าความตาย..’
มันแย่สิ้นดีที่เขาต้องสูญเสียชีวิตในวัยเด็กของตัวเองไปกับความรู้สึกผิดพวกนั้น..
ความรู้สึกอัปยศที่หัวหน้าตระกูลเลสลีย์เป็นคนหยิบยื่นให้กับ แมดส์ ไทเลอร์ อย่างเลือดเย็น ๆ พร้อมกับคนเป็นแม่ที่ไร้ซึ่งการปกป้องเขา ทั้งที่เจ้าหล่อนควรจะเป็นคนที่อยู่ข้างเขาในตอนนั้น
วันที่เด็กคนหนึ่งรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบแตกสลายต่อหน้าต่อตา มันเป็นความทุกข์ที่ไม่อาจขุดคุ้ยขึ้นมาบอกเล่าให้ใครฟังได้อีก ความรู้สึกผิดของ เอเลนา ไทเลอร์ ในตอนนี้ มันจะชดใช้ให้กับความรู้สึกของลูกชายคนโตที่เสียไปได้อย่างไรกัน
คิดได้ในวันที่สายเกินไป มันก็เหมือนกับเวลาที่ไม่อาจหวนคืน ความรู้สึกเองก็เช่นกัน…
เสียงก้าวเดินย่ำเท้าที่เป็นจังหวะเกิดดังขึ้นเล็กน้อย จากความตั้งใจของผู้มาเยือนที่ปกปิดใบหน้าของตัวเองไปเกือบครึ่ง จนเหลือแค่เพียงช่วงดวงตาคมกริบ แน่นอนว่าเสียงที่เกิดขึ้นย่อมเรียกการตอบสนองจากวูล์ฟด็อกตัวขาวที่นอนเฝ้าเจ้านายของตัวเองอยู่ในห้อง เจ้าสัตว์ขนยาวตาสีฟ้าใสเยื้องย่างออกมาจากห้องด้วยท่าทางเกียจคร้านเมื่อถูกรบกวนการนอน ก่อนจะตื่นตัวเมื่อเห็นการเคลื่อนที่ไว ๆ อยู่แถวบันได และนั่นก็ทำให้มันวิ่งตามไปในทันที
คล้อยหลังที่เจ้าวูล์ฟด็อกตัวขาวนั้นติดกับดักง่าย ๆ ของผู้มาเยือน ก็ย่อมทำให้เกิดรอยยิ้มแสยะผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อคม เสียงฝีเท้าที่กลับมาเงียบเชียบดังเดิมย่อมไม่เป็นการรบกวนการนอนของอัลฟ่าแดนเหนือที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอน ร่องรอยแดงช้ำบริเวณดวงตาที่เกิดจากการร้องไห้ ดูท่าจะช้ำขึ้นมากกว่าเมื่อวานเป็นไหน ๆ
ความอ่อนเพลียและเรื่องที่ขบคิดอยู่ในหัวมากมายทำให้นายน้อยเลสลีย์หลับลึกกว่าปกติ เจ้าตัวไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้กับตัวเองเลยสักนิด จนกระทั่งได้ยินเสียงเห่าของวูล์ฟด็อกและเสียงเล็บเท้าของมันที่ขูดประตูจนเกิดเสียงดัน
แต่นั่นก็ยังช้ากว่าการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของนักฆ่าหนุ่มที่ประชิดตัวคนตัวขาว การต่อสู้ที่เกิดขึ้นในช่วงเสี้ยววินาที ย่อมเป็นเลสลีย์ที่เสียเปรียบอย่างชัดเจน ความตระหนกตกใจและการมาถึงที่ไม่ได้ทันตั้งตัว ทำให้เจ้าตัวช้ากว่าเจ้าของผิวเข้มไปมากโข
“อึก..”
ฝ่ามือใหญ่ที่กำรอบลำคอขาวได้โดยรอบด้วยมือเดียว ซ้ำยังออกแรงบีบเข้าที่ลำคออย่างไม่ลังเล ทำให้คนตัวขาวกระเสือกกระสนอย่างถึงที่สุด แววตาของผู้มาเยือนสร้างความรู้สึกที่อันตรายอย่างบอกไม่ถูก ทั้งแววตาที่เรียบเฉย และใบหน้าที่คล้ายคลึงกับใครคนหนึ่งที่เจ้าตัวรู้จักเป็นอย่างดี..
แม้จะถูกปิดบังไปเกือบครึ่งหน้า แต่นายน้อยเลสลีย์ก็จดจำลักษณะใบหน้าของ เชส ไทเลอร์ ได้ และแน่นอนว่าผู้บุกรุกตรงหน้าเจ้าตัวในตอนนี้ย่อมไม่ใช่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์
“จะเป็นคนของไทเลอร์ทั้งที ก็ลองหาทางเอาตัวรอดให้ดูหน่อยสิเลสลีย์..”
เสียงทุ้มต่ำที่เย็นเยียบสะกดให้นายน้อยเลสลีย์รู้สึกชาไปทั้งร่างกาย ยิ่งสบตากับเจ้าของดวงตาคมกริบมันก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกอึดอัดจนแทบจะตั้งสติของตัวเองไม่อยู่
ทางด้านของนักฆ่าจากกรีนเลคเองก็ยังคงจดจ้องใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำของนายน้อยเลสลีย์ หลังจากที่เจ้าตัวเอ่ยพูดเช่นนั้นออกไป
พลั่ก!
แรงกระแทกที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีทำให้แมดส์ผงะถอยออกมานิดหน่อย ก่อนที่เจ้าของร่างกายกำยำจะโยกตัวหลบคมมีดที่อยู่ในมืออีกฝ่ายด้วยความว่องไว บาดแผลที่เกิดจากของมีคมบนฝ่ามือเมื่อครู่ ไม่ได้ทำให้หมาบ้ารู้สึกเจ็บแต่อย่างใด ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งทำให้เลือดในตัวนั้นพลุ่งพล่านขึ้นยิ่งกว่าเดิม
เป็นเลสลีย์ที่พุ่งเข้าหาทรูอัลฟ่าผิวเข้มอย่างไม่ลังเล แม้จะรู้ตัวว่าเสียเปรียบมากแค่ไหนก็ตาม ขนาดตัวที่เป็นต่อและพละกำลังที่มากกว่าทำให้แมดส์สามารถพลิกตัวของนายน้อยเลสลีย์และกดคว่ำลงกับพื้นห้องได้อย่างไม่ยาก รอยเลือดบนฝ่ามือของเจ้าตัวเปรอะเปื้อนบนผิวขาว และเสื้อผ้าสีสะอาดของเจ้าตัว
“ไปฝึกมาใหม่เถอะเลสลีย์”
“….”
“แค่มีดโง่ ๆ เล่มเดียว มันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“แกเป็นใคร..” คนที่ไอโขลกและถูกกดอยู่กับพื้นห้องเอ่ยถามไม่เต็มเสียง ใบหน้าของเจ้าตัวไม่สามารถเอี้ยวมองคนด้านหลังได้เลยสักนิด เนื่องจากแรงมหาศาลที่กดทับ
“แดนใต้ไม่ใช่ที่ของเลสลีย์..” หมาบ้าเมินเฉยต่อคำถามของเลสลีย์อย่างไม่ไยดี
“อึก..” นายน้อยเลสลีย์กัดฟันแน่นเมื่อรู้สึกเจ็บแขนที่ถูกไพล่หลังเป็นบ้า
“จำเอาไว้”
ความเจ็บปวดแล่นร้าวขึ้นมาอีกครั้งจนทำให้ดวงตาของเลสลีย์ปิดลงเพื่อข่มความเจ็บ ก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นอิสระหลังจากเจ้าของร่างกายกำยำปล่อยมือออก เสียงลมที่พัดผ่านกับเสียงที่เกิดขึ้นเบา ๆ ทำให้คนที่สะบัดแขนเพื่อคลายความเจ็บหันไปมอง แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่าจากทางด้านหลังของตัวเอง
ผู้บุกรุกได้หายไปแล้ว… หลงเหลือไว้แต่เพียงรอยแดงรอบลำคอขาว และรอยเลือดที่หยดลงบนพื้นห้อง รวมไปถึงบนเสื้อผ้าของเลสลีย์เองก็ด้วย
รูปตาและโครงหน้าที่คุ้นเคยเช่นนั้น ทำไมเลสลีย์จะจำไม่ได้กันว่าคือใคร…
จะมีอีกสักกี่คนกันที่หน้าตาคล้ายกับหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ได้ถึงขนาดนี้ นอกจากพี่ชายฝาแฝดของเจ้าตัว
แมดส์ ไทเลอร์ ที่ใคร ๆ ต่างพูดถึง เข้ามาทักทายนายน้อยเลสลีย์ได้อย่างอุกอาจสิ้นดี การกระทำที่ไร้ซึ่งความลังเลเมื่อครู่ หากอีกฝ่ายพลั้งมืออีกเพียงนิดเดียว อัลฟ่าจากแดนเหนือก็เชื่อได้เลยว่าตัวเองคงจะไม่มีลมหายใจอยู่ถึงตอนนี้ได้แน่ ๆ
การทักทายของ แมดส์ ไทเลอร์ ไม่ได้จบลงเพียงแค่ครั้งเดียวอย่างแน่นอน ถึงบาดแผลที่เลสลีย์ฝากไว้ของทรูอัลฟ่าหนุ่มจะหายเร็วกว่าปกติเพราะความพิเศษของตัวเอง แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ได้ทำให้นักฆ่าหนุ่มโกรธเสียเสียเมื่อไหร่กัน มันก็ดูน่าตลกดีเหมือนกันที่คนของเดอะฮิลล์ต่างวิ่งวุ่นกันให้พล่าน หลังจากที่มีผู้บุกรุกเข้าไปในหน่วยป้องกัน และยังถึงตัวคนของไทเลอร์ได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
น่าแปลกดีที่เลสลีย์คนเล็กไม่ยอมปริปากพูดสิ่งใดออกมาให้สาวถึงตัวของไทเลอร์คนกลาง อาจจะเป็นเพราะความไม่มั่นใจหรืออะไรบางอย่างที่ทำให้เจ้าตัวเลือกที่จะเงียบ แมดส์เองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
แต่ที่แน่ ๆ สำหรับแมดส์แล้ว เขากำลังรอคอยน้องชายฝาแฝดของตัวเองอยู่ต่างหาก
เพราะหลังจากนั้นการทักทาย มันจะไม่ใช่การทักทายอีกต่อไป…
ความตั้งใจของ แมดส์ ไทเลอร์ ที่เดินทางมาเดอะฮิลล์ในครั้งนี้ ไม่ใช่การฆ่านายน้องเลสลีย์แต่อย่างใด สิ่งที่เขาต้องการก็คือการส่งตัวปัญหากลับไปในที่ที่สมควรจะอยู่
มันอาจจะดูเป็นการเหมารวมไปเสียหน่อย แต่ในมุมมองของแมดส์แล้ว ไม่ว่าจะเลสลีย์คนไหน ก็ต่างนำพาความเดือดร้อนมาสู่ไทเลอร์ด้วยกันทั้งนั้น..
ทั้งที่ เชส ไทเลอร์ ควรจะเด็ดขาดมากกว่านี้ในการรักษากฎระหว่างดินแดน แต่ทว่าเจ้าตัวกลับไขว้เขวเพียงเพราะนายน้อยจากตระกูลเลสลีย์ เรื่องนี้มันช่างน่าขำสิ้นดี…
“คิดว่า รีส เบลเลอมอนท์ มันจะช่วยเหลือแกได้สักเท่าไหร่กันน้องชาย..”
ต่อให้เป็น รีส เบลเลอมอนท์ ก็ไม่มีทางหยุดคนอย่าง แมดส์ ไทเลอร์ ได้
สายน้ำเย็นที่ไหลมาจากเทือกเขาทางตอนเหนือลงสู่ทางดินแดนทางตอนใต้ เป็นผลทำให้ลำธารเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ข้างหมู่บ้านนั้นได้รับน้ำจากธรรมชาติเหล่านั้นไปด้วย โขดหินเล็กใหญ่และหินสีเข้มอ่อนสลับกันไปกระจัดกระจายอยู่ใต้ผืนน้ำสีใส เพียวโอเมก้าผิวขาวน้ำนมได้แต่นั่งมองเบต้าสาวที่กำลังซักผ้าอยู่เงียบ ๆ หลังจากที่เจ้าตัวถูกหล่อนชักชวนให้ออกมาสูดอากาศด้านนอกบ้าง แทนที่จะอุดอู้อยู่ในบ้านพัก
รอยยิ้มจาง ๆ ที่ประดับบนใบหน้าของคุณหนูเยลเวอร์ตัน มันดูไม่สดใสเอาเสียเลย ทั้งที่ควรจะเป็นรอยยิ้มกว้างมากกว่านี้ แต่ทว่าเจ้าตัวก็กลับไม่สามารถทำมันได้
หลายวันก่อนเจ้าตัวเดินทางมาถึงโรสต์พร้อมกับทรูอัลฟ่าผิวเข้ม แต่ในตอนนี้กลับมีเพียงคุณหนูเยลเวอร์ตันที่อยู่ที่นี่ ไร้ร่องรอยของคนที่เคยกอดตัวเองในยามค่ำคืน เหมือนเช่นดั่งที่ผ่านมา
แมดส์ ไทเลอร์ ไม่ได้บอกว่าจะไปที่ใด แต่เธียร์ก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงเดินทางไปที่เดอะฮิลล์แล้ว
หายไปอย่างไม่มีคำบอกกล่าวล่วงหน้า หายไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ตอบคำถามของเธียร์ให้ชัดเจน เพียวโอเมก้าตัวเล็กยังจำได้ดีว่าช่วงเช้าที่ตื่นมาวันนั้น เขายังหลอกตัวเองว่าอีกฝ่ายคงเพียงแค่ออกไปทำอะไรข้างนอกปกติอย่างเช่นทุกที แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก จวบจนพระอาทิตย์แทบจะตกดิน เขาก็ยังคงนั่งรออีกฝ่ายอยู่เช่นนั้น
รอทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า แมดส์ ไทเลอร์ คงไม่มีทางกลับมาในเร็ววัน ความอดทนของเขาจะถึงจุดสิ้นสุดเมื่อไหร่
เมื่อไหร่มันถึงจะพอสำหรับคนอย่างแมดส์.. ความรู้สึกดีในช่วงข้ามคืนมันจางหายไปอย่างง่ายดาย ราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น มันคงจะเป็นเรื่องจริงที่ความทุกข์มักจะอยู่กับเรานานกว่าความสุขเสมอ
“คิดอะไรกันอยู่หรือเธียร์..”
มอร์แกนเอ่ยถามเพียวโอเมก้าตัวขาว หลังจากสังเกตอีกฝ่ายมาสักพักใหญ่ แม้จะชักชวนให้เจ้าตัวออกมาข้างนอกด้วยกันได้ แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะมีรอยยิ้มเกิดขึ้นเสียเมื่อไหร่
“แค่ทบทวนอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“เดี๋ยวเขาก็กลับมา อย่าได้ห่วงไปเลย” มอร์แกนเอ่ยอย่างรู้ทัน
“เราคาดเดาความคิดไทเลอร์ไม่ได้ จนถึงตอนนี้เรายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาไปที่เดอะฮิลล์เพื่อเหตุผลอะไรกันแน่…”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน เอ่ยตอบตามตรง ก่อนที่จะขยับตัวเพื่อไปช่วยสาวเจ้าซักผ้า แต่ทว่าก็กลับถูกสายตาเฉี่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าหล่อนดุ จนต้องถอยกลับมานั่งอยู่เฉย ๆ ตามเดิม
“เคยซักผ้าหรือ มือไม้ไม่เคยทำงานมาก่อนแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้ถลอกกันหมดพอดี”
มอร์แกน เรย์โนลด์ ไม่ได้จะค่อนขอดเรื่องที่คุณหนูเยลเวอร์ตันทำอะไรไม่เป็น แต่เพราะเจ้าหล่อนเกรงว่าอีกฝ่ายจะเจ็บมือเอาเสียเปล่า ๆ ต่างหาก
“เราอยากลองทำบ้าง..” คนถูกดุเอ่ยเสียงเบา
“มันจะเจ็บมือเอาเปล่า ๆ แค่นี้เองฉันทำเองได้สบายอยู่แล้ว” สาวเจ้าว่าก่อนจะใช้มือที่เปียกน้ำเช็ดเข้ากับกระโปรงยาวของตัวเอง และจัดการมัดผมของตัวเองให้เรียบร้อย หลังจากที่เส้นผมนั้นตกลงมาปิดใบหน้าของตัวเอง
“เราอยากทำอะไรที่มีประโยชน์ มากกว่าที่เป็นอยู่แบบนี้..”
เบต้าสาวเหลือบมองใบหน้าของคุณหนูเยลเวอร์ตันอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำพูดที่ชวนฟังแล้วสะอึกไม่น้อย
“บางทีเราอาจจะต้องคุยเรื่องนี้กับราเชล…”
“ราเชลเกี่ยวอะไรกัน?”
“เมื่อหลายวันก่อนฉันเห็นว่าหมอนั่นส่งจดหมายไปที่เดอะฮิลล์ และเช้าวันนี้ฉันเห็นว่าหมอนั่นได้รับจดหมายกลับมา”
“…..”
“บางทีราเชลอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากคุณหนู”
“เราบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกเราว่าคุณหนู”
“จะให้เรียกชื่อห้วน ๆ มันก็ดูจะกระดากปากยังไงอยู่ เรียกแบบนี้น่ะดีแล้ว” คนอย่าง เธียร์ เยลเวอร์ตัน สมควรกับสรรพนามเช่นนี้ มากกว่าการเรียกชื่อห้วน ๆ
“มอร์แกน…”
“ไปกันเถอะคุณหนู”
หน้าตาจิ้มลิ้มที่แสดงใบหน้าง้ำงอเช่นนั้นน่ะหรือ จะห้ามมอร์แกนไม่ให้พูดเช่นนั้นได้ ไม่มีทางเสียหรอก เพราะนอกจากจะไม่รู้สึกกลัวแล้ว สาวเจ้ายังรู้สึกเอ็นดูเพียวโอเมก้าตัวขาวตรงเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
“ไม่ฟังเราเลยจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย”
เสียงบ่นงึมงำที่ตามหลังสาวเจ้า ทำให้เบต้าสาวหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะเริ่มวิ่งน้อย ๆ เพื่อแกล้งให้เจ้าตัวนั้นวิ่งตามกลับมายังตัวหมู่บ้าน และนั่นก็เป็นต้นกำเนิดของเสียงหัวเราะอย่างที่คุณหนูเยลเวอร์ตันสมควรจะมี
“ฉันไม่ได้บังคับคุณหนูนะว่าจะต้องไป.. เพราะพวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วทุกอย่างจะเป็นอย่างที่หัวหน้าไทเลอร์บอกหรือเปล่า”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน ที่นั่งฟังคำอธิบายของ ราเชล สแตนลีย์ มาครู่ใหญ่ ได้แต่ขมวดคิ้วแน่น พลางทบทวนเรื่องราวในหัวเงียบ ๆ เพียงคนเดียว
“แต่ถ้าเราไม่ไป มันก็เหมือนกับว่าเราไม่พยายามทำอะไรเลย”
เกือบอาทิตย์ที่ล่วงเลย ใครเล่าจะคิดกันว่า แมดส์ ไทเลอร์ จะสร้างความปั่นป่วนให้กับเดอะฮิลล์ได้อย่างน่าใจหาย
“มันก็เป็นแค่การคาดเดาถึงความเป็นไปได้ เพราะในตอนนี้คนที่รู้จัก แมดส์ ไทเลอร์ มากที่สุดมันก็คือคุณหนู”
“ไม่จริงหรอก..” คุณหนูเยลเวอร์ตันปฏิเสธ ราเชลและหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์คงมองเขาผิดไป
“แต่อย่างน้อยคุณหนูก็เป็นคนสำคัญ”
น่าตลกดีที่พอได้ยินเช่นนี้แล้วมันกลับทำให้เธียร์ได้แต่ยิ้มเจื่อนลง ก่อนจะหลบสายตาของเบต้าหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตัวเอง
“แบบไหนที่เรียกว่าสำคัญกัน..”
มันไม่ใช่คำถามที่ราเชลต้องตอบ แต่มันคือคำถามที่ แมดส์ ไทเลอร์ ควรจะตอบเธียร์ให้มันชัดเจนเสียที
“นั่นคงเป็นคำถามที่คุณหนูควรจะไปถามต่อหน้าไทเลอร์..”
“คำถามที่มันไม่เคยมีคำตอบ ถ้าเป็นนาย นายจะยังกล้าถามอยู่อีกหรือ” ยิ่งพูดมันก็ยิ่งชาไปทั้งตัว ไม่ว่าจะทั้งหัวใจที่บีบแน่นจนเจ็บ หรือแม้กระทั่งปลายนิ้วที่เย็นเยียบ
“เรายังเหลือเวลาอีกหกวัน ก่อนจะถึงการแข่งชิงธงประจำหน่วย หวังว่าวันสองวันนี้ คุณหนูจะมีเวลามากพอที่จะทบทวนและตัดสินใจทุกอย่าง”
“เราไม่เคยรู้จักพวกเขามาก่อน และเราก็เดาไม่ออกว่าแมดส์จะตัดสินใจอย่างไร บางทีเขาอาจจะแค่ยั่วโมโหเชสอยู่ก็ได้”
“แข่งชิงธงของเดอะฮิลล์ ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นหรอกนะคุณหนู”
“เราไม่เข้าใจ..”
“มันก็เหมือนการเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีของแต่ละฝ่าย เดอะฮิลล์เป็นศูนย์รวมของคนที่แข็งแกร่ง พอจะวาดภาพออกไหมล่ะว่าทุกคนที่นั่นเป็นอย่างไร..”
“….”
“ถ้าพูดในมุมของฉันที่เคยเห็นหัวหน้าไทเลอร์ต่อสู้มาก่อน หากเป็นคนอื่นฉันก็คงไม่ลังเลที่จะลงข้างหัวหน้าไทเลอร์”
“….”
“แต่เพราะเป็นหมาบ้าอย่าง แมดส์ ไทเลอร์ มันถึงทำให้ฉันไม่กล้าคิดเลยสักนิดว่าใครจะชนะ”
“หากนายพาเราไปเดอะฮิลล์ มันจะไม่ยิ่งทำให้แมดส์โกรธมากกว่าเดิมหรือ เขาสั่งให้นายดูแลเราอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ”
“หัวหน้าไทเลอร์เป็นคนที่ฉันเคารพ หากเขาเดือดร้อน ฉันเองก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ”
“ฟังจากที่นายเล่ามา เขาดูเป็นคนดีมาก ๆ เลยสินะ”
ไม่ใช่เพียงแค่ราเชลที่เคารพในตัวหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ ผู้คนในโรสต์เองก็ดูจะนับถือ เชส ไทเลอร์ ไม่แพ้กัน เรื่องราวของเจ้าตัวที่ถูกเล่าผ่าน ๆ มา ก็ยิ่งทำให้เธียร์เกิดความสงสัยในตัวของพี่น้องฝาแฝดคู่นี้เสียเหลือเกิน
“ฉันคงลืมเล่าให้คุณหนูฟังไป.. อันที่จริงแล้วฉันเองก็เคยประจำการอยู่ที่เดอะฮิลล์มาก่อน”
“นายเป็นทหาร?”
“จะเรียกแบบนั้นก็ย่อมได้..”
“แล้ว แอชเชอร์ เลสลีย์ เขาเป็นคนแบบไหนกันหรือ นายเคยเจอเขาบ้างหรือเปล่า”
เลสลีย์ที่แมดส์ดูจะเกลียดชังนักหนา จะเป็นคนเช่นไรกัน
“เคยสิ..” ราเชลตอบ ก่อนจะหันไปมองหน้ามอร์แกนที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโซฟา “อันที่จริงมองเผิน ๆ คุณหนูกับเลสลีย์ก็ดูคล้ายกันอยู่นะ”
“ตานายบอดแล้วล่ะราเชล ถ้าเป็นเลสลีย์คนเล็กคงไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่นอน” มอร์แกนแย้งขึ้นมา
เธียร์ เยลเวอร์ตัน ที่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ให้ความรู้สึกละมุนตา และรู้สึกถึงความอ่อนโยน จะมีทางไปเหมือนกับนายน้อยเลสลีย์ที่มีภาพลักษณ์งดงามแต่แข็งแกร่งได้อย่างไรกัน
“ฉันบอกว่าแค่คล้าย..”
“ไม่มีใครชอบถูกเปรียบเทียบว่าคล้ายกับใครหรอกนะ” มอร์แกนเอ่ยเตือนเรื่องคำพูดของราเชล แม้จะไม่ได้จริงจังแต่เธอก็อยากให้อีกฝ่ายคิดสักนิด
เพียวโอเมก้าจากฮาร์เดนเจอร์ได้แต่มองเบต้าสองคนสลับกันไปมา ก่อนที่จะคิดตามคำพูดของราเชล
“เอาเป็นว่าสำหรับฉัน เลสลีย์เป็นคนดีคนหนึ่งก็พอ..” มอร์แกนสรุปให้
“แต่ว่าไทเลอร์ดูเกลียดคนตระกูลเลสลีย์เอามาก ๆ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เรื่องนี้หรอก ขนาดเรื่องฝาแฝดของหัวหน้าไทเลอร์ ฉันเองก็ยังตกใจไม่หาย” ราเชลเป็นฝ่ายตอบ ก่อนจะยกมือนวดขมับของตัวเอง “บ้าบิ่นเป็นบ้า”
“แล้วถ้าไทเลอร์ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ เลสลีย์จะเป็นอย่างไร” เธียร์เอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย
“ตามจดหมายที่เขียนมา ข้อเสนอที่ แมดส์ ไทเลอร์ ขอแลกเปลี่ยนคือการส่งตัวเลสลีย์กลับแดนเหนือ”
“?”
“นายน้อยเลสลีย์ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับครอบครัวตัวเอง แต่คุณหนูก็น่าจะรู้ดีว่าคนฝั่งนั้น ถ้าหากจะต้องกำจัดแล้ว ก็ย่อมไม่ยอมให้เหลือรอดสักคน”
“มันอาจจะเป็นภัยภายหลัง..” เพียวโอเมก้าตัวขาวว่า “แต่นั่นมันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด”
“แดนใต้เป็นที่พึ่งเดียวของเลสลีย์ในตอนนี้”
ฟังดูแล้วก็ยิ่งทำให้เธียร์รู้สึกสงสารเลสลีย์มากขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกของการที่ต้องหนีจากการถูกตามล่า เธียร์เข้าใจมันเป็นอย่างดี
“อีกอย่าง แอชเชอร์ เลสลีย์ ก็เป็นคนของหัวหน้าไทเลอร์..”
“….”
ความรักของคนทั้งคู่ที่เกิดท่ามกลางความผิดของกฎระหว่างดินแดน นั่นว่าเป็นเรื่องที่ต้องห้ามพออยู่แล้ว ไหนจะการที่อีกฝ่ายเป็นอัลฟ่าเองก็ด้วย แล้วการที่ แมดส์ ไทเลอร์ ทำเช่นนี้ มันยิ่งไม่เป็นการสร้างความวุ่นวายเพิ่มขึ้นให้กับน้องชายตัวเองอีกหรือ
เพียวโอเมก้าตัวขาวนิ่งคิดไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกราเชลในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจมันอย่างเด็ดขาด โดยเลือกที่จะเมินเฉยคำพูดของไทเลอร์
“เราจะไปเดอะฮิลล์ตามคำเชิญของเบลเลอมอนท์”
จดหมายที่ ราเชล สแตนลีย์ ได้รับจากเดอะฮิลล์ คือจดหมายจาก รีส เบลเลอมอนท์ ซึ่งเป็นคนเขียนจดหมายฉบับนี้ แทนหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่วุ่นวายจนเกินกว่าจะสั่งการอะไรในตอนนี้ได้
และใจความสำคัญของจดหมายก็คือการเชิญคุณหนูเยลเวอร์ตันจากฮาร์เดนเจอร์ไปยังหน่วยป้องกันเดอะฮิลล์..
HASHTAG #maddogmn
TALK : ขอตัดออกเป็นสองพาร์ทก็แล้วกันนะคะ เพราะถ้ายัดตอนเดียวน่าจะยาวจนเกินไป เจอแมดส์เวอร์ชันหมาบ้ากันตอนชิงธงในตอนนหน้าค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เพราะอยากรู้เรื่องราวฝั่งหมาบ้ามากๆ 555
ทำเชสกับแอชหัวปั่นจนอยากจะบีบคอเสียจริง
ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาา
เข้าทางพี่รีสเลยย แมดส์อย่าดุน้องนะ
แต่สำหรับคนอ่าน ทางเราก็แอบอยากเห็นภาพรวมบนกระดานหมากของเบลเลอมอนท์จริงๆ
ส่วนคนที่ปั่น ปั่นเก่งอะไรนักหนา ปั่นอยู่นั่น