◈ธาราที่7◈
บรรยากาศบนเรือส่วนตัวขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ด้านนอกนั้นเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยดังอึกทึกจากเหล่าผู้เข้ารับการทดสอบ แน่นอนว่าพวกเขาล้วนไม่ผ่านการทดสอบเพราะไม่มีควรกล้าพอจะกระโดดลงไปต่อสู้กับไดโนเสาร์อย่างซิมโบสปอนไดลัส ส่วนด้านในตัวเรือบริเวณห้องรับแขกกลับมีบรรยากาศตึงเครียดซึ่งผมเป็นคนปล่อยออกมากระจายอยู่เต็มห้องไปหมด
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยเซโครก็พาผมพ่วงด้วยยูทาร์และลูก้ามายังห้องนั่งเล่นในตัวเรือนี่ ถึงผมจะปล่อยบรรยากาศชวนตึงเครียดออกมาแต่เซโครก็ทำเป็นไม่สนใจเอาแต่นั่งมองมายังผมกว่า10นาทีได้แล้ว
แววตาแบบนั้นต้องการให้ผมเปิดฉากก่อนสินะ
จัดให้เลย
“อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นมาเดี๋ยวนี้...ขอทั้งหมดด้วย”ผมเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน
“จะให้เริ่มจากตรงไหน...”
“ที่ว่าลูก้าเป็นเพื่อนกับซิมโบสปอนไดลัสนั่นเป็นความจริงเหรอ”ผมไม่รอให้เซโครพูดจบก็จัดการถามต่อ
“เรื่องนั้นให้เจ้าตัวตอบไม่ดีเหรอ”เซโครบอกพลางมองไปยังลูก้าที่นั่งอยู่ข้างผม
“ไม่ใช่ว่าต้องให้หัวหน้าอย่างนายพูดรึไง”ผมกวนกลับ
“เขาไม่ได้เชื่อฟังผมขนาดนั้นนี่...จริงอยู่ที่เขาอาจเคารพผมแต่ก็แค่นั้น ผมไม่มีสิทธิ์ไปสั่งว่าห้ามพูดหรือห้ามบอก...และถึงสั่งด้วยนิสัยแบบนั้นก็อาจไม่ฟังก็ได้”
“ลูก้าเป็นเด็กดี เขาเชื่อฟังในทุกอย่างที่พูดแน่นอน...อย่าเอาเขาไปรวมกับเด็กสมัยนี้ที่จะหัวรั้นไม่ฟังคนอื่นพูดนะ”ผมรีบพูดแก้ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่ลูก้าโดนว่า
ผมรู้จักลูก้าดี ถึงเขาจะเถียงแต่เขาก็รับฟัง
เป็นเด็กที่ถึงจะมีมุมดื้อก็ยังคงเป็นเด็กดี
“สาม...”
“เหมือนพ่อที่กำลังปกป้องลูกเลย...เนอะยูทาร์”เซโครหันไปกระซิบกับยูทาร์ด้วยน้ำเสียงติดตลก
“นั่นสิ”
“เซโคร”
“โทษทีนะทรี...พึ่งเคยเห็นนายออกตัวขนาดนี้ครั้งแรก ตกใจหน่อยๆเหมือนกัน”
“ก็ไม่ได้ออกตัวนี่...”แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง
“แต่สิ่งที่ผมพูดก็เป็นความจริงนะ...ถึงลูก้าจะเคารพผมแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชื่อใจ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อผมเต็มร้อย กับยูทาร์เองเหมือนจะเชื่อมากกว่าผมอยู่เยอะแต่ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็น”เซโครอธิบาย
“ที่จะบอกคือการที่ลูก้าไม่เชื่อนายหรือยูทาร์เต็มร้อยมันเป็นเรื่องแปลกงั้นสิ”
“เปล่า...การที่ไม่เชื่อเต็มร้อยมันเป็นปกติของทุกคนอยู่แล้ว จะมีก็แค่คนเดียวเท่านั้นแหละที่สามารถเชื่อได้อย่างหมดหัวใจ”
“กำลังจะบอกอะไร”
“ลูก้ามีคนที่เชื่อใจได้มากที่สุดอยู่แล้ว ซึ่งก็คือนายไงทรี”
“...ผม?”ตัวผมอ่ะนะ
“บอกตรงๆว่าผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปเป็นเพื่อนกับซิมโบสปอนไดลัสได้ยังไง มารู้อีกทีก็ตอนเห็นเขาไปว่ายเล่นในบ่อของซิมโบสปอนไดลัสแล้ว”
“ไม่ถามลูก้าล่ะ”ถ้าถามต้องบอกอยู่แล้ว
“ถามแล้ว...แต่เขาไม่บอก”เซโครตอบด้วยท่าทางสบายๆ
“ลูก้า...ไม่บอกเซโครจริงเหรอ?”ผมหันไปถามคนข้างๆ
“ก็ไม่มีความจำเป็นต้องบอกนี่”
“เขาเป็นหัวหน้านะ”
“ถ้าเป็นคำสั่งที่สมควรทำผมก็พร้อมที่จะทำตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมต้องบอกหรือทำทุกอย่างตามที่สั่ง”ลูก้าอธิบาย
“งั้นถ้าผมบอกว่าอยากรู้ว่าลูก้าไปเป็นเพื่อนกับซิมโบสปอนไดลัสได้ยังไงจะยอมเล่าให้ฟังไหม”ผมถามเสียงอ่อยโดยในใจก็กังวลว่าจะถูกปฏิเสธอย่างที่เซโครโดนรึเปล่า
ขนาดเซโครยังทำให้เล่าไม่ได้แล้วผมจะทำได้เหรอ
“ผมเจอกับซิมโบสปอนไดลัสตอนไปเดินเล่นแถวนั้น บนเกาะผมไม่เคยเจอไดโนเสาร์ตัวไหนอยู่ในน้ำเหมือนกันมาก่อนเลยค่อนข้างสนใจซิมโบสปอนไดลัส พอลองเข้าไปคุยดูก็สามารถสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเลยชอบไปว่ายน้ำเล่นด้วยกัน”เรื่องทั้งหมดถูกเล่าต่อจากสิ้นคำถามผมไปไม่ถึงวินาที
บรรยากาสทั้งห้องกลับมาเงียบกริบอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ปล่อยบรรยากาศแปลกๆออกมา
ที่ผมเงียบเพราะกำลังตกใจอยู่
เซโครบอกว่าลูก้าไม่ยอมเล่าแต่พอผมถามเขากลับเล่าในทันที
หรือว่าเซโครโกหก?
“ผมพูดถูกจริงด้วย...อย่างที่เราคิดเลยยูทาร์”เซโครเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนรักตัวเองพร้อมรอยยิ้ม
“อืม...ไม่แปลกที่ให้เจอใครตั้งมากมายกลับไม่มีคนที่สามารถเปิดใจเขาได้”
“ก็นะ...ผมบอกแล้วนี่ว่าทรีเป็นคนที่ลูก้าเชื่อใจมากที่สุดน่ะ”พอเห็นว่าผมกำลังจะอ้าปากถามก็ตอบใจสิ่งที่ต้องการกลับมา
“ลูก้า...เป็นอย่างที่เซโครพูดเหรอ”ผมหันไปสบกับดวงตาสีเงินอีกรอบ
“อืม...เชื่อใจสาม...เชื่อใจที่สุดแล้ว”
“จำที่ผมบอกเมื่อคืนได้ไหมทรี”เซโครพูดขึ้น
“เรื่องไหน”
“ที่บอกว่าการพาลูก้ากลับไปอาจเป็นสิ่งที่ผิดน่ะ”
“จำได้สิ...หมายความว่ายังไง”
“การที่จะให้เขาเติบโตขึ้นไม่ใช่เพียงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแต่ยังต้องมีคนที่เหมาะสมด้วย บนเกาะอาจมีสภาพแวดล้อมอันเหมาะสมแต่กับคนดูเหมือนคนจะไม่เหมาะ ไม่มีใครเหมาะจะดูแลเขาเท่ากับทรี”
“ถ้างั้นก็พาเขากลับมาหาผมแต่แรกสิ!”ผมตะโกนขึ้นเสียงดัง
ถ้าบอกว่าผมเหมาะสมก็พาลูก้ากลับมาสิ
จะให้รอไปเพื่ออะไร
“ผมก็อยากพากลับมาแต่เจ้าตัวบอกว่าไม่กลับ”
“ไม่กลับ?”
“เขาบอกว่าจะกลับมาหาทรีต่อเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่”
“ทำอะไรบ้าๆน่ะลูก้า รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงขนาดไหนน่ะ”ผมบ่นลูก้าเสียงดังด้วยความไม่พอใจ
ด้วยเหตุผลแค่นั้นมันไม่พอหรอก
ก็รู้ว่าลูก้าอยากโตพอที่จะสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง
แต่ตลอดเวลาผมมานั่งคิดถึง มานั่งกังวล
แต่ตอนนี้อะไร ทุกอย่างมันดูจบแบบแฮปปี้ไม่ใช่รึไง
“...ขอโทษ”
“อย่ามาทำหน้าเศร้านะ...เด็กบ้านี่”ผมเอื้อมมือทั้งสองข้างขึ้นไปขยี้เส้นผมสีฟ้าแซมแดงซอยสั้นนั่นแรงๆแทนการลงโทษ
“ผมโตแล้วนะ...ไม่ใช่เด็กแล้ว”ลูก้าตอบพลางหลบมือที่ขยี้เส้นผมไปมาอย่างคล่องแคล่ว
“เด็กสิ...อายุแค่สองปีห่างกับผมไม่รู้กี่รอบ”
“อายุแล้วไง ผมสูงกว่าสามละกัน”
“ว่าไงนะ...ลองพูดอีกทีสิ”
“ผมสูงกว่าสาม...สูงกว่าเยอะด้วย”
“ลูก้า”
“ผมโตกว่าสาม”
“ลูก้า”
“พอทั้งสองคนแหละ...ถ้าจะเล่นกันไว้หลังจากนี้ละกัน”
“เล่นที่ไหนกัน”ผมถูกกวนเห็นๆ แถมยังกล้าพูดเรื่องส่วนสูงอีก
น่าโมโห
“ขอเข้าเรื่องก่อน...จากนี้จะทำยังไงต่อ”ดวงตาสีเขียวอมฟ้าประสานกับดวงตาสีน้ำตาลของผมอย่างจริงจัง
“หมายถึงเรื่องลูก้าสินะ”
“ใช่...การทดสอบนี่ผมจัดเพื่อหวังว่าอาจมีสักคนที่สามารถทำให้ลูก้ายอมรับได้แต่พอเขามาบอกว่าอยากรีบมาหาทรีผมก็รู้ทันทีว่าการทดสอบนี่คงจะเปล่าประโยชน์”เซโครงบอกพลางส่ายหัวไปมา
“จะหาคู่หูคนใหม่ให้ลูก้าสินะ”ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ทุกคนจำเป็นต้องทำงานเป็นคู่เพื่อความปลอดภัยและความสำเร็จของงานนั้นๆ ไม่มีทางที่จะให้ลูก้าทำงานตามลำพังและถึงยอมผมนี่แหละที่จะค้าน
“ก็ไม่เชิง...ลูก้า อยากให้ผมลองหาคนที่เหมาะสมมาให้อีกครั้งรึเปล่า”คำถามของเซโครทำเอาผมเม้มปากแน่นด้วยหัวใจที่เต้นรัวขึ้น
ผมไม่อยากให้ลูก้าไปต่อสู้
แต่ถ้าเขาเลือกที่จะสู้ผมก็ไม่อาจทำอะไรได้
“ต่อให้หามาอีกกี่ครั้งผมก็ยอมรับพวกเขาไม่ได้หรอก”ลูก้าตอบเซโครกลับไป
“ไม่ใช่ไม่ยอมรับแต่ยอมรับไม่ได้สินะ”
“อืม...ถ้าจะต้อสู้โดยฝากชีวิตไว้กับใครสักคน คนคนนั้นนอกจากต้องเป็นคนที่มีทักษะในการดำน้ำและต่อสู้ในน้ำดีแล้วยังต้องเป็นคนที่ผมสามารถเชื่อได้อย่างหมดใจและพร้อมที่จะฝากชีวิตไว้กับคนคนนั้น รวมถึงสื่อสารกับผมได้โดยไม่ต้องใช้คำพูดด้วย”
“จะไปหาคนแบบนั้นได้ที่ไหนลูก้า...จะมีใครที่สามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ใช้คำพูดบ้างล่ะ”ผมพูดด้วยใบหน้ายุ่งๆ สำหรับข้ออื่นๆอาจไม่ใช่เรื่องยากแต่ข้อสุดท้ายนี่ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ
“...”ทั้งห้องต่างเงียบลงแล้วใช้สายตามองมายังผมเป็นตาเดียวไม่เว้นแม้แต่ลูก้า
“เดี๋ยวนะ...ไม่มีทาง...”จะบอกว่าเป็นผมงั้นเหรอ
“ทรีจบวิชาโทเป็นพฤติกรรมสัตว์น้ำนี่”
“มันไม่เกี่ยวกับการสื่อสารโดยไม่ใช้คำพูดสักหน่อย”ผมรีบเถียง
“การจะสื่อสารกันได้โดยไม่ใช้คำพูดนั้นถ้ามีความเชื่อใจและความรู้สึกที่เชื่อมกันเดี๋ยวก็ทำได้เอง เหมือนอย่างผมกับยูทาร์ไง”
“ไม่เหมือนสักนิด...พวกนายเป็นคนรักกัน การที่จะสื่อกันได้มันเป็นเรื่องปกติแต่ผมกับลูก้าไม่ใช่”
“ก็ไม่แน่นี่นะ”เซโครพูดยิ้มๆ
“อะไรไม่แน่”
“เปล่า”
“จะกวนกันรึไง”
“งั้นทรีอยากให้ลูก้าบาดเจ็บงั้นเหรอ”
“ไม่มีทาง”ผมไม่ต้องเสียเวลาคิดคำตอบสักนิด
“ในการต่อสู้ถ้าไม่สามารถสื่อกันได้จะมีอันรายแน่นอน”
“คำก็ต่อสู้ สองคำก็บาดเจ็บ”
“สาม...”
“นี่เซโคร”
“ว่ามาเลย”
“ตอนนี้ลูก้าเป็นคนของนายสินะ”ดวงตาสีน้ำตาลของผมเงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีเขียวอมฟ้าฝั่งตรงข้าม
“ก็ใช่”
“ขอลูก้าให้ผมได้ไหม”พอเอ่ยจบทั้งห้องก็เงียบลง ลูก้าที่อยู่ข้างๆยังหันมามองผมอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าผมให้ทรีต้องยอมเป็นคู่หูให้ลูก้านะ”
“ผมต่อสู้เก่งที่ไหนกัน”ผมยักไหล่ตอบไป
“หึ...ถ่อมตัวจังนะภาพตอนชนะแจ็คได้ยังติดตาผมอยู่เลย เบี่ยงตัวหมดหมัดที่พุ่งเข้าจู่โจมพร้อมทั้งเล็งหาจังหวะสวนกลับอย่างใจเย็น ปล่อยให้อีกฝ่ายเริ่มโมโหจนร้อนรนวิ่งเข้าใส่อย่างขาดสติพอรู้ตัวอีกทีร่างนั้นก็ถูกทุ่มลงไปกองบนพื้น ทักษะขนาดนั้นเรียกว่าไม่เก่งไม่ได้หรอกนะ”
คำพูดของเซโครทำเอาความทรงจำตอนเรียนปริญญาผุดขึ้นมา แจ็คที่พูดถึงเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนร่างยักษ์ที่มีนิสัยกวนโอ้ยไปมากสักหน่อย...ส่วนผมก็เป็นแค่นักเรียนธรรมดาคนหนึ่งที่ตัวเล็กไปนิดเมื่อเทียบกับคนอื่น และยิ่งเล็กเข้าไปอีกเมื่อเทียบกับคนฝรั่งเศส นั่นทำให้ผมค่อนข้างเป็นจุดสนใจสำหรับพวกเด็กเกอย่าแจ็ค
ช่วงแรกผมก็เลี่ยงไปได้แต่ไม่นานก็ถูอีกฝ่ายตามแกล้งอย่างตอนกินข้าวก็เทน้ำใส่หัว ตอนนั่งเรียนอยู่ก็ถูกเข้ามากวนไม่เว้นวัน แจ็คอายุน้อยกว่าผมประมาณ3ปีแถมมีอิทธิพลพสมควรทางมหาวิทยาลัยเลยทำอะไรได้ไม่มาก
ผมเองก็ไม่ใช่พวกใจเย็นนักพอโดนรังควานนานๆเข้าความอดทนที่มีก็ปะทุออก สิ่งที่ผมทำคือการท้าแจ็คสู้ตรงๆโดยไม่ใช่อาวุธ ข่าวที่ผมท้าสู้นั่นกระจายไปทั่วมหาวิทยาลัยและแน่นอนว่ามีแต่คนหัวเราะว่านักเรียนปริญญาเอกตัวเล็กๆจะไปชนะคนที่ตัวใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไง
ขนาดเซโครยังมาหาผมก่อนวันสู้อย่างห่วงๆเลย
ไม่ว่าใครต่างก็คาดผลการต่อสู้นี้ได้ในทันทีที่เห็นผมกับแจ็คยืนเผชิญหน้ากัน ผมเองก็คาดการณ์ได้เช่นกันแต่ไม่ใช่คำว่าแพ้อย่างที่ทุกคนคิด มันไม่ใช่ความบ้าหรือความมั่นใจแต่เพราะผมเรียนรู้พวกศิลปะป้องกันตัวมาแต่เด็ก
ถ้าถามว่าทำไมถึงเรียน
ก็เพราะมันยังมีเด็กเกอยู่ในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นชั้นอนุบาล ประถม มัธยมและยาวไปจนมหาลัยไงล่ะ
ยิ่งตัวผมดูโปร่งๆบางๆเหมือนขี้กางก็ยิ่งเป็นที่ต้องตาต้องใจเลยต้องมีศิลปะป้องกันตัวไว้เพื่อป้องกันตัวเองสักหน่อย
“เรื่องมันนานมาแล้ว”ตอนนี้ผมแทบไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายแข็งไปหมด
จะยกขาเตะยังไม่รู้จะทำได้รึเปล่าเลย
“เดี๋ยวยืดกล้ามเนื้อหน่อยก็เหมือนเดิมเองแหละ”เซโครยังคงหว่านล้อม
ผมเองก็ใช่จะไม่เข้าใจหรอกนะ
ลูก้าก็บอกว่ายอมรับคนอื่นไม่ได้
ถึงคำพูดของลูก้าจะทำให้ผมเบาใจแต่ก็หนักใจเหมือนกัน
ผมไม่อยากให้ลูก้าสู้
ไม่อยากเห็นเขาต้องบาดเจ็บ
แล้วผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเป็นคู่หูที่ต่อสู้ร่วมกันได้
ผมไม่ชอบการต่อสู้ ถึงจะเป็นก็ไม่อยากที่จะทำหรอก
แต่หากมันสามารถช่วยเป็นกำลังให้ลูก้าไม่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตามลำพังละก็...
“มาแลกเปลี่ยนกันเซโคร”ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะเปิดฉากการสนทนาอีกรอบ
“แลกเปลี่ยนอะไร”
“ผมจะยอมเป็นคู่หูให้ลูก้าแต่สิทธิ์ในการดูแลต้องเป็นของผม”
“ได้สิ ผมจะคุยกับคนข้างบนให้”
“มีอีกอย่างคือผมไม่อยากให้ลูก้าต่อสู้”
“สาม...”ลูก้าหันควับมามองทะนทีที่ได้ยิน
“ห่วงจริงๆนะ...เขาแข็งแกร่งนะทรี”
“ผมรู้ แค่มองก็รู้แล้วแต่ผมก็ไม่อยากให้เขาต้องได้รับอันตราย เพราะงั้นผมจะไม่รับภารกิจจากส่วนกลางเหมือนคู่อื่นๆ”
“งั้นจะรับจากใครล่ะ”
“จากนายไงเซโคร...แน่นอนว่าถึงนายจะบอกให้ไปทำแต่ถ้าผมเห็นว่ามันไม่คุ้มที่จะให้ลูก้าเสี่ยงผมก็จะไม่ทำ”
“แม้ว่าการไม่ทำจะทำให้หลายชีวิตต้องเสียไปอย่างงั้นเหรอ”
“...”คำพูดของเซโครทำเอาผมนิ่งไป
“สถานการณ์ของโลกในตอนนี้นายก็น่าจะเดาได้นะทรี...มนุษย์ตื่นตัวกับการกลับมาของสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธ์ไปซึ่งการกลับมานั่นแลกด้วยอันตรายระดับสูงที่หน่วยงานปกติไม่สามารถรับมือได้ เมื่อไดโนเสาร์หลุดพวกมันจะล่าและทำลายทุกอย่าง สิ่งเดียวที่สามารถยุดได้ก็มีเพียงไดโนเสาร์ด้วยกันเท่านั้น”
จริงอย่างที่เซโครว่า
สิ่งมีชีวิตเมื่อหลายพันล้านปีก่อนเป็นนักล่าโดยสมบูรณ์ ไม่มีทางฝึกให้เชื่องได้โดยง่าย
ถ้ามันหลุดทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากอง
แน่นอนว่ามีเพียงหน่วยปฏิบัติการพิเศษเท่านั้นที่สามารถจัดการพวกมันลงได้
ถึงจะจัดการได้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการสูญเสีย ข่าวที่ได้ยินมาตลอดหลายปีตั้งแต่ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตัวแรกถูกสร้างขึ้นคือข่าวบอกการจากไประหว่างต่อสู้ของพวกเขาและคู่หู
ไม่ว่าจะเก่งหรือมีความสามารถขนาดไหนก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าจะปลอดภัย
ทางเลือกที่มีคือจะหนีหรือสู้
และการหนีก็คงมีแต่ทำให้หลายคนต้องสูญเสียขยายวงกว้างขึ้นไปอีก
“...เข้าใจแล้วเซโครผมจะทำ...แต่การที่ผมเป็นคู่หูกับลูก้าไม่ได้แปลว่าผมต้องทิ้งงานที่ทำอยู่ไปนะ แน่นอนว่าผมไม่คิดจะไปอยู่ที่เกาะส่วนกลางนั่นด้วย”ผมบอกสิ่งที่ต้องการออกไป
“ทรีรักที่นี่ผมรู้อยู่แล้ว...ผมจะให้ทรีกับลูก้าเป็นคู่หูพิเศษ”
“พิเศษ?”หมายถึงยังไง
“ใช่...ทรีจะไม่ได้รับภารกิจจากส่วนกลางเหมือนคู่อื่นๆแต่จะได้จากผม แน่นอนว่าภารกิจที่ส่งให้จะเป็นภารกิจที่เหมาะกับการทำงานของพวกนายมากที่สุด ในระหว่างที่ไม่มีภารกิจก็สามารถทำงานได้ตามปกติ แบบนี้ใช้ได้ไหม”เซโครยื่นข้อเสนอมา
“อืม โอเค”
“งั้นเดี๋ยวไปส่งทรีที่ท่าเรือนะ ยูทาร์ออกไปบอกกัปตันให้หน่อยสิ”
“ได้”ยูทาร์พยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“แล้วลูก้าล่ะ”ผมถามออกไป
“ลูก้าทำไม?”
“จะไม่พาเขากลับไปด้วยใช่ไหม”
“ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะอยากกลับไปไหม”
“ลูก้า...จะไม่กลับไปใช่ไหม”ผมหันไปสบกับดวงตาสีเงินด้านข้างอย่างร้องขอ
พึ่งจะเจอกันก็จะไปอีกแล้วเหรอ
ผมรู้ว่าการทำเรื่องรับสิทธิ์ดูแลลูก้ามันไม่ใช่แค่วันสองวันถึงจะเสร็จ
“อยากให้ผมกลับไปเหรอ”
“ไม่อยาก...ครั้งที่แล้วผมไม่สามารถห้ามลูก้าได้ แต่ครั้งนี้ไม่เอาแล้ว...อย่ากลับไปนะลูก้า”
“อืม...จะอยู่กับสาม”ลูก้าพยักหน้าพร้อมส่งรอยยิ้มบางๆมาให้
“เป็นอันจบเนอะ...ขอฝากลูก้าด้วยล่ะ”เซโครบอกยิ้มๆ
“ไม่ต้องฝากก็จะดูแลอย่างดีอยู่แล้ว”ยังไงผมก็เป็นคนดูแลเขามาก่อนนะ
“นั่นสิ...ไว้จะติดต่อไป”
“อืม”
หลังจากนั้นเรือก็กลับมาเทียบท่าอีกครั้ง เซโครบอกลาพลางกระซิบว่า ‘เดือนหน้าให้ระวังตัวไว้’ ก่อนเรือสีขาวแกมเทาจะแล่นออกจาฝั่งไปปล่อยให้ผมยืนงงอยู่โดยมีลูก้าหันมามองหน้า
“มีอะไร”ลูก้าถามพลางขมวดคิ้ว
“ก็ไม่รู้สิ...”ผมพึมพำแล้วเดินไปยังจักยานสีดำที่จอดไว้เมื่อหลายชั่วโมงก่อน
“จะไม่รู้ได้ยังไง”ลูก้าวิ่งตามมาพูด
“ก็ไม่รู้จริงๆนี่”ให้ระวังตัวคืออะไร
จะบอกว่าลูก้าจะกลับร่างแล้วกินผมรึไง
หึ...บอกเลยว่าไม่มีทาง
“นี่ผมโตแล้วนะ เลิกปิดบังผมสักที”
“ไม่ได้ปิดสักหน่อย”ก็บอกว่าไม่รู้ไงเล่า
“สาม”
“กลับได้แล้ว”
“สาม”
“ไม่ต้องเรียกรู้แล้วว่าชื่ออะไร”ผมกวนกลับไป
“ไม่ต้องมากวนเลยนะ”
“ใครกวน”
“สาม”
“ครับลูก้า”
“นิสัยไม่ได้เปลี่ยนเลยสักนิด”ลูก้าบ่นเสียงเบาด้วยใบหน้าไม่พอใจ
“เหมือนกันแหละ”นิสัยชอบเถียงก็ยังเหมือนเดิมเป๊ะ
“เหมือนอะ...”เสียงทุ้มที่กำลังจะเอ่ยบางอย่างออกมาเงียบไปเมื่อผมเอื้อมมือขึ้นไปลูบใบหน้าคมคายนั่นเบาๆ
“โตขึ้นเยอะเลยนะ”เด็กน้อยในวันนั้นโตเร็วขนาดนี้เชียว
“...สาม”
“ยินดีต้อนรับกลับนะ”ผมบอกพร้อมส่งยิ้มไปให้ เป็นรอยยิ้มแห่งความดีใจที่ได้เจอกันอีก ลูก้าเองก็จ้องมายังผมด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนเช่นกัน
“กลับมาแล้ว”
คำพูดนั่นทำเอาหัวใจรู้สึกอุ่นวาบด้วยความยินดี ผมรู้ว่าไม่ใช่แค่ผมที่รู้สึกแบบนั้น สายตาที่มองมากับน้ำเสียงของลูก้าทำให้ผมรู้ว่าพวกเรารู้สึกแบบเดียวกัน
ทันทีที่มาถึงยังตึกสำหรับพักผ่อนผมก็จัดการทำเรื่องให้ลูก้ามีห้องเป็นของตัวเอง แต่เพราะต้องใช้เวลาคุยเลยบอกให้ลูก้าขึ้นไปก่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะไม่ยอมง่ายๆไม่เหมือนตอนนี้ที่พยักหน้าแล้วรับคีย์การ์ดผมไปโดยดี
ระยะเวลาแค่ปีเดียวทำให้เด็กคนนึงโตได้ขนาดนี้เลยสินะ
การทำเรื่องดูจะใช้เวลามากกว่าที่คิดผมเลยต้องจำใจโทรไปบอกยุให้จัดการงานทดลองต่อเลยถ้าวิจัยเสร็จแล้ว วันนี้ผมคงไม่เข้าไปทำงานแล้วล่ะ
กว่าจะเคลียร์เรื่องห้องได้ก็เสียเวลาไปหลายชั่วโมงอยู่
ไม่รู้ว่าจะอะไรนักกับแค่ขอห้องให้ลูก้าอยู่
“นี่ค่ะคีย์การ์ด”พนักงานสาวยื่นคีย์การ์ดส่งมาให้ผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ไม่สั่นก็แปลกล่ะ...หน้าผมตอนนี้เหมือนยักษ์ดีๆนี่เอง
“ขอบคุณ”พูดจบก็รีบลุกเดินออกจากห้องนี่ก่อนจะเผลอบ่นชุดใหญ่ใส่ไป
ทำงานชักช้าแถมยังมีการบอกขอเวลาพักไปเบรกด้วย
เมื่อลิฟต์หยุดลงยังชั้น14ผมก็เดินเข้าไปที่ห้องของตัวเองแล้วมองไปรอบๆเพื่อหาคนที่น่าจะอยู่ข้างในแต่เดินมาจนถึงเตียงก็ยังไม่เจอแม้แต่วี่แววว่าจะมีคนอยู่
“หรือว่า...”ผมนึกพร้อมกับก้าวเดินไปยังบานประตูห้องน้ำ
มีเพียงที่เดียวเท่านั้นแหละที่ลูก้าจะอยู่น่ะ
แกร็ก
“ลูก้าผม...เฮ้ย”เสียงสบถดังขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้าไปเห็นร่างกายเปลือยเปล่ากำลังลุกขึ้นมาจากน้ำ ทั้งแผ่นอก หน้าท้อง แขนหรือแม้แต่ขาต่างมีกล้ามเนื้อของคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำต่างจากผมที่นอกจากจะไม่มีกล้ามเนื้อแบบนั้นแล้วยังมีไขมันจากการไม่ได้ออกกำลังมาแรมปี
หนึ่งปีนี่ทำให้คนเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ
น่าตกใจเกินไป
แล้วก็น่าอิจฉาเกินไปด้วย
แค่ปีเดียวทำไมถึงมีกล้ามท้องขนาดนั้น
ผมนี่เมื่อก่อนออกกำลังตลอดกับพี่ชายตลอดแต่ผลที่ได้น่ะเหรอ
หึ...
“จะมองอีกนานไหมสาม”
“...ชิ”ผมเบือนหน้าหนีอย่างเคืองๆ ความจริงผมควรตกใจที่เปิดประตูมาเห็นอะไรแบบนี้แต่จะให้ตกใจมันก็ออกจะแปลกไปหน่อย ยังไงเราก็ผู้ชายเหมือนกันจะให้ไปตกใจอะไรล่ะ
ถ้าเป็นผู้หญิงค่อยว่ากัน
“ไม่พอใจอะไร”ลูก้าถามต่อ
“เปล่านี่”
“ให้ผมเดาไหม”
“คิดว่าจะเดาถูกรึไง”ผมหันหน้ากลับไปมองอีกฝ่ายตรงๆ
“อิจฉาหุ่นผมล่ะสิ”
ฉึก
ลูกศรที่มีหัวอันแหลมคมพุ่งทะลวงแผ่นหลังผมทะลุยันหน้าท้องเลยทีเดียว
จะพูดตรงเกินไปแล้ว
“ไม่ใช่”ถึงจะเดาถูกแบบเป๊ะๆแต่มีเหรอที่ผมจะยอมแพ้ง่ายๆ
“เวลาสามโกหกมักจะหันหน้าไปทางซ้ายตอนพูด”
“...เดาผิดแล้ว”ผมรีบสะบัดหน้ามาด้านขวาเมื่อได้ยินประโยคนั่น
พึ่งจะรู้ว่าตัวเองมีนิสัยแบบนั้นด้วย
แบบนี้ต้องรีบแก้
“ที่พูดไปผมโกหกน่ะ”
“ลูก้า”ผมตะโกนใส่คนที่ยกยิ้มขึ้นด้วยความโมโห
กวนได้กวนดีจริงๆ
“ครับสาม”
“...กวนโอ๊ย”ผมกัดฟันแน่นกับท่าทางยียวนของลูก้า
“ทีสามล่ะ”
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”ยังไม่ได้กวนเลยสักนิด
“เข้ามาโดยไม่เคาะประตูแบบนี้คิดจะลวนลามผมล่ะสิ”พูดจบลูก้าก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าอกตัวเอง
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“แปลว่าอยากมาอาบน้ำด้วยกันแน่ๆ”
“อย่าคิดเองเออสิ...ไม่ได้อยากอาบสักนิด”
“เมื่อก่อนอาบด้วยกันแท้ๆ”
“นั่นมันตอนนายอายุยังน้อยนี่ ขืนผมให้อาบเองเกิดจมน้ำขึ้นมาจะทำยังไง”ผมอธิบาย ช่วงแรกที่ลูก้ามาอยู่ด้วยผมต้องเข้ามาอาบน้ำด้วยตลอดเพราะกลัวอีกฝ่ายจะจมหรือเป็นอะไร
ถึงจะอาบน้ำด้วยกันแต่ผมก็ใส่เสื้อผ้าเถอะ ไม่ได้เปลือยสักหน่อย
“ผมเป็นไดโนเสาร์น้ำนะ จะจมน้ำได้ยังไง”ลูก้าพูดเสียงนิ่ง
“จมได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่วันแรกที่เจอกันนายก็จมน้ำจนผมต้องฝายปอดให้อยู่นานเลย”นึกถึงเหตุการณ์นั้นก็ยังตกใจไม่หาย ร่างไดโนเสาร์ที่เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์แถมยังจมน้ำอีก
“...ผมจมน้ำ?...สามฝายปอด?”หน้าของลูก้าเหมือนกำลังจะบอกว่าสิ่งที่ได้ยินไม่เป็นความจริง
“ใช่...ถูกต้องแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น ไม่มีการดัดแปลงใดๆทั้งสิ้น”
“...หมายถึงสามจูบผมสินะ”
“ไม่ใช่จูบ ผายปอดต่างหาก”
“ก็เหมือนกันนี่...”
“ไม่เหมือน”เรียกผิดนิดเดียวความหมายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหนังมือเลยนะ
“ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน ว่าแต่จะยืนคุยกันแบบนี้อีกนานไหม...ถ้านานผมจะได้ลงไปแช่ต่อ”
“ไปใส่เสื้อผ้าซะ...แล้วออกไปคุยกันข้างนอก”ผมรีบหันหลังกลับวิ่งออกจากห้องน้ำด้วยความแสง ด้วยความที่ผิวเป็นสีออกน้ำผึ้งทำให้มองเห็นอารมณ์ยากแต่ถึงไม่เห็นผมก็สามารถสัมผัสถึงความร้อนที่มารวมกันบริเวณผิวหน้าได้อย่างชัดเจน
อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนแล้ว
จะบอกว่าเป็นความผิดผมก็ไม่ได้นะ ใครให้ลูก้ามากวนก่อนเล่า
ถ้าไม่กวนคงจบมาตั้งนานแล้วไม่ต้องมายืนมองร่างกาย...
บ้าเอ้ย แล้วผมจะไปมองร่างลูก้าทำบ้าอะไรเล่า
“บ้าเอ้ย”ผมตะโกนพร้อมขยี้เส้นผมสีดำของตัวเองจนยุ่งไปหมด
“อย่าตะโกนเสียงดังสิ”
“โอ๊ะ...โทษที...ลืมไปว่าประสาทสัมผัสของลูก้ามันดีกว่ามนุษย์ทั่วไป”ตะโกนเสียงดังขนาดนั้นอาจทำให้ปวดหัวได้เลย ยิ่งถ้าได้ยินในระยะใกล้คงมึนไปชั่วขณะ
“แล้วมีเรื่องสำคัญอะไรที่ถึงขนาดบุกเข้าไปในห้องน้ำแบบนั้น”
“อย่าเรียกว่าบุกสิ...แค่หาตัวไม่เจอเลยเป็นห่วงเท่านั้นเอง”ผมพูดประโยคสุดท้ายเสียงเบาหวิว จะว่าไปลูก้าก็โตพอแล้วที่จะทำอะไรด้วยตัวเองแต่ผมก็คิดว่าเขาเป็นเด็กเสมอ
“ขอบคุณ”
“...ลูก้า”คำขอบคุณเบานั่นทำเอาผมไปไม่ถูก
มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาขอบคุณกันเลย
“ตอนนี้ผมรู้สึกง่วงมาก...ขอนอนสักพักนะ ถ้าจะไปกินข้าวเมื่อไหร่ก็ปลุกผมด้วย”
“เรื่องที่ผมจะบอกก็เรื่องนี้แหละ”
“เรื่องอะไร”ลูก้าขมวดคิ้วพร้อมมองมางงๆ
“ผมไปจัดการห้องให้ลูก้าแล้วนะ...ตอนแรกจะเลือกชั้นที่สูงกว่านี้เพราะวิวตอนกลางคืนจะดีกว่าแต่คิดว่าลูก้าพึ่งมาถึงอาจมีหลายอย่างที่ไม่สะดวกเลยเลือกห้องข้างๆผมให้แทน เวลามีเรื่องอะไรก็จะได้มาหาได้ทันที”ผมบอกแล้วยื่นคีย์การ์ดไปตรงหน้าลูก้า
“...”ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาสีเงินที่หรี่ลงอย่างไม่พอใจ
“...ลูก้า”
“สามไล่ผมเหรอ”ลูก้าที่เงียบไปถามขึ้น
“ไม่ได้ไล่นะ”ทำไมถึงคิดว่าเป็นการไล่ล่ะ
“เพราะผมกวนสามเหรอ”
“ลูก้า...”
“หรือเพราะผมไม่ได้ตัวเล็กน่ารักเหมือนเมื่อก่อน”
“นี่...”
“ไม่แน่ว่าอาจเพราะ...”
“เงียบแล้วฟังผมลูก้า”ผมตัดสินใจเดินเข้าไปแตะตัวอีกฝ่ายเบาๆเป็นการเรียกสติ
“...”ลูก้าทำตามที่ผมบอกโดยการเงียบแล้วพยักหน้าตอบมา
“ผมไม่ได้ไล่ลูก้า...”
“แต่สามให้ผมไปอยู่ที่อื่น”
“ฟังให้จบก่อนสิ อย่าพึ่งพูดขัด”ผมทำหน้าเคืองเมื่อถูกขัดการพูดหลายต่อหลายครั้ง
ถ้ามีครั้งต่อไปผมจะเอาสก๊อตเทปปิดปากซะ
“...อืม”
“ที่ผมให้ลูก้าไปอยู่อีกห้องไม่ใช่เพราะไล่แต่มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว...เห็นใช่ไหมเตียงนั่นขนาด5ฟุต จริงอยู่ว่าเมื่อก่อนเราสามารถนอนด้วยกันได้แต่ตอนนี้มันคงจะเบียดเกินไป อีกอย่างลูก้าเองก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวอย่างการแช่น้ำสบายๆโดยไม่มีผมมาบอกว่าเลิกแช่ ลูก้าโตพอที่จะทำอะไรด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีผมคอยบ่นอีกแล้ว นั่นคือสาเหตุที่ผมให้ลูก้าไปอยู่อีกห้อง”ผมรู้สึกดีใจที่ครั้งไม่ถูกขัดจังหวะพูดอีก
ทุกอย่างที่คิดได้พูดออกไปแล้ว
เมื่อเขาโตก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง
อีกอย่างคือการให้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งหลังจากกันเป็นปีมันไม่ง่ายเท่าไหร่
ผมไม่ค่อยชอบนอนร่วมกับใครแต่ตอนนั้นลูก้ายังเด็กอยู่ถ้าให้แยกนอนผมก็ห่วง
ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับลูก้าว่าจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อมากขนาดไหน
“ผมไม่ไป”คำตอบที่ดังขึ้นทำเอาคนฟังอย่างผมนิ่งเพื่อประมวลสิ่งที่ได้ยิน
เดี๋ยวนะ...พูดว่าไม่ไปงั้นเหรอ
“ลูก้า”ที่พูดไปทั้งหมดนี่ไม่ได้ทำความเข้าใจเลยรึไง
“เตียงจะเล็กก็ช่างสิ...สามเปลี่ยนอันที่ใหญ่กว่าก็ได้”ลูก้าพูดพร้อมกับขาที่ก้าวไปยังเตียง เมื่อถึงก็ทิ้งตัวลงนอนโดยไม่ขอเจ้าของห้องอย่างผมสักคำ
“ลุกขึ้นเลยลูก้า นอนที่นี่ไม่ได้นะ...เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็จะมีเตียงกว้างๆให้นอนไม่ต้องมาเบียดกันให้อึดอัดแบบนี้”ผมพยายามกล่อม
“ผมชอบเวลาที่นอนเบียดกับสาม”
“...”ประโยคนั่นทำเอามือที่หมายจะเอื้อมไปดึงแขนอีกฝ่ายชะงักทันที
“ผมชอบเวลาที่สามบ่นตอนผมแช่น้ำนานเกินไป...การที่สามบ่นมันหมายถึงสามเป็นห่วงเพราะงั้นผมถึงชอบแช่น้ำนานๆจนกว่าจะได้ยินเสียงนั่น”
“...”ก็ว่าอยู่ว่าทำไมถึงแช่น้ำนานทั้งที่ผมก็บ่นอยู่ทุกวัน
“ผมไม่ต้องการความสะดวกสบายหรือพื้นที่ส่วนตัว”
“ลูก้า...”
“ผมต้องการแค่สาม...ต้องการแค่อยู่กับสาม”ดวงตาสีเงินที่เงยขึ้นมาสบทำเอาผมถอนหายใจออกมาดังๆแล้วนั่งลงตรงขอบเตียง
“ให้แค่อาทิตย์เดียว”ผมบอกเสียงเบา
“อะไรอาทิตย์เดียว”
“ที่จะนอนด้วยกัน...”
“ไม่”เป็นอีกครั้งที่ผมยังพูดไม่จบประโยคก็โดนขัด
“ลูก้าทำไมดื้อ”
“สามแหละดื้อ...ผมบอกแล้วไงว่าไม่ไป”ลูก้าย้ำด้วยน้ำเสียงชัดเจน
“ผมก็บอกลูก้าแล้วไงว่าเตียงมันเล็กน่ะ”
“เปลี่ยนใหม่ตามที่ผมเสนอก็หมดเรื่องแล้ว”
“มันไม่ได้อยากเปลี่ยนก็จะเปลี่ยนได้นะ”รู้ไหมว่าขั้นตอนการยื่นเรื่องกว่าจะผ่านการอนุมัติมันรอนานขนาดไหน
“สามทำได้อยู่แล้ว”
“ทำไม่ได้เฟ้ย”อย่ามาคิดเอาเองนะ
“ไม่รู้ด้วยล่ะ...ยังไงก็ไม่ไปนอนที่อื่นแน่”พูดจบลุก้าก็ซุกหน้าลงที่หมอนแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย
ส่วนผมที่นั่งอยู่ข้างๆก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ มีคำพูดมากมายที่อยากจะบ่นแต่ก็รู้ดีว่าถึงบ่นไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนอยู่ดี
ลูก้าเป็นเด็กที่บทจะดื้อก็จะดื้อแบบสุดๆ
ให้ตายสิ
แล้วผมจะเสียเวลาไปหลายชั่วโมงเพื่อคีย์การ์ดที่ไม่ได้ใช้นี่ไปทำไมกัน!!
........................................................................
สวัสดีค่ะ
อย่างแรกเลยต้อง happy valentine's day นะคะ
อัพแบบยาวๆ (รึเปล่าไม่ได้นับหน้า) ถือเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ให้แก่นักอ่านทุกคนค่ะ
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ปีนี้อาจไม่ได้อัพตอนพิเศษอะไรเนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ 555
สำหรับตอนนี้รู้สึกสนุกแบบแปลกๆ ที่ได้แต่งฉากทะเลาะกันระหว่างสามและลูก้า
ขนาดแต่งฉากทะเลาะเรายังแต่งไปยิ้มไป(บ้าไปแล้ว)
หวังว่าทุกคนจะถูกใจกันนะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
บ๊ายบาย
ปล.วันนี้ไม่มีมุมให้ความรู้นะคะเพราะยังไม่มีไดโนเสาร์ตัวใหม่ออกมาเลย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
แบบ///พี่จะอยู่///555+
ตามอ่านตั้งแต่ภาคแรกจบใหม่ๆ ยังไม่ขึ้นภาคสอง รู้สึกจังหวะรับส่งบทของตัวละครกับภาษาดูดีขึ้นนะคะ ภาคก่อนดูแปลกๆไปหน่อย สู้ค่ะ รออ่านต่ออยู่นะคะ <3