ตอนที่ 10 : บทที่ ๒ : เด็กเสี่ย (๓)
บทที่ ๒ เด็กเสี่ย (๓)
“คุณเองก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคุณเหมือนฝัน หัวหน้าของคุณหรอก ผมเอือมพฤติกรรมหน้าซื่อตาใสแบบนี้เต็มทน ถ้าอยากทำงานที่นี่ต่อไป รีบรับเงินแล้วปิดปากให้สนิท เซีย คิงดอมส์เจอมรสุมมาหนักหนาพอแล้ว ไม่สมควรต้องมาด่างพร้อยเพราะผู้หญิงที่ซื้อได้ด้วยเงินอย่างพวกคุณอีก มันน่ารำคาญ”
ริ้วสีแดงพาดผ่านพวงแก้มของหญิงสาว ไม่รู้เป็นเพราะความโกรธหรือความอายกันแน่ อาจจะเป็นเพราะทั้งสองอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามตั้งสติและอธิบายกลับไป
“ไปกันใหญ่แล้ว คุณกำลังเข้าใจผิดทั้งหมดเลยนะคะ”
“เข้าใจผิด?”
“ใช่ค่ะ ฉันไม่ทราบหรอกนะว่าคุณไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน แต่ฉันไม่เคยมีอะไรกับคุณพ่อของคุณ ความสัมพันธ์ของฉันกับท่านคณินเป็นเพียงความเคารพนับถือที่ลูกน้องมีต่อเจ้านาย ฉันมองท่านเป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ไม่เคยคิดในแง่ชู้สาว และท่านเองก็ไม่เคยคิดเป็นอื่นเหมือนกัน เราพบกันแค่ผ่านๆ ไม่กี่ครั้ง ไม่ได้สนิทสนมอะไรเป็นพิเศษด้วยซ้ำ คุณจะมาหาว่าฉันเป็นเด็กเสี่ย เป็นอีหนูลับๆ ของท่าน แล้วใช้เงินฟาดหัวฉันแบบนี้ มันถูกต้องแล้วหรือคะ คราวนี้ฉันยกให้ จะไม่ถือสาว่าคุณดูถูกฉันแล้วกัน เพราะถือว่าคุณไม่รู้ แต่ถ้ามีคราวหน้าอีก ฉันไม่ยอมแน่ค่ะ หมดธุระแล้วใช่ไหมคะ ถ้าหมดแล้วฉันขอตัว ฉันต้องกลับไปทำงาน!”
หญิงสาวประกาศกร้าว ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง ก่อนจะก้มศีรษะเร็วๆ ให้ผู้เป็นนายและเดินเชิดหน้าออกไปทันที
ครั้นพอประชาสัมพันธ์สาวปึงปังจากไปแล้ว ไพบูลย์ก็เดินสวนเข้ามาพอดี คงจะเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีเขาจึงสอบถามความเรียบร้อยจากผู้เป็นนาย
“เธออารมณ์เสียน่าดู ตกลงกันไม่ได้หรือครับ”
“ผู้หญิงแพศยาพวกนั้นมีคนที่คุยได้ง่ายๆ ด้วยหรือ ก็แค่พวกชอบโก่งราคาค่าตัวอีกราย” ภีมพึมพำ ปรายตามองเช็คเงินสดซึ่งสาวเจ้าวางทิ้งไว้บนโต๊ะด้วยสายตาเหยียดหยัน หยิบปากกาจากในกระเป๋าเสื้อมาเซ็นเช็คเพิ่มอีกใบ
“วิธีรับมือกับผู้หญิงหน้าเงินแบบนี้น่ะไม่ยากหรอก ก็แค่ป้อนเงินเข้าปากเเสียให้พอ อิ่มเมื่อไร...” เขาตวัดเซ็นชื่อในเช็คอย่างงดงาม ก่อนจะยื่นส่งให้เลขานุการไปจัดการต่อ “เธอก็จะเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือเองนั่นละ”
ใครเล่าจะรู้ว่าภาพที่คนนอกมองเห็นของสาวมาดมั่นผู้ซึ่งเชิดหน้าใส่ท่านประธานแล้วเดินจากมาออกมาด้วยท่าทางสวยเริดนั่น จะมีเบื้องหลังที่น่าอนาถใจเพียงใด ครั้นพอเดินพ้นจากประตูห้องทำงานไม่ทันไร และสติเริ่มหลั่งไหลกลับคืนมาแล้ว ณดาก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม เข่าอ่อนทรุดทั้งยืน
ไม่! ไม่! ไม่! นี่เธอทำอะไรลงไป๊! บ้าไปแล้ว…เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้กล้าเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ใส่เจ้านายอย่างนั้น!
ณดาเดินตาลอยกลับมาทำงานที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
แย่ที่สุด ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวแล้วแท้ๆ เพราะอย่างไรภีมก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเธอไว้ แต่พอได้ฟังข้อกล่าวหาเรื่องเด็กเสี่ยเข้าไป เธอก็เกิดผีเข้า สติหลุดไปชั่วขณะ รู้ตัวอีกทีก็พูดอะไรไม่สมควรออกไปแล้ว ธงหายนะปลิวไสวอยู่กลางศีรษะ นอกจากโทษเก่าจะไม่ได้รับการลดหย่อนลง เธอคงจะได้รับการเพิ่มโทษเป็นทวีคูณแน่
ไล่ออก หรือโดนฆ่าทิ้ง เธอจะได้รับโทษแบบไหน หรือทั้งสองอย่าง?! ก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เธอควรจะรีบชิงลาออกแล้วหนีไปในที่ไกลแสนไกลเพื่อความปลอดภัยของตัวเองดีหรือเปล่านะ ในระหว่างที่กำลังคิดวุ่นวายอยู่นั่นเอง ณดาก็ไม่ทันสังเกตเลยว่า ‘เหมือนฝัน’ ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ได้เดินมาตรวจตราการทำงานของเธอแล้ว แม้เพื่อนพนักงานข้างๆ อุตส่าห์สะกิดเตือนล่วงหน้าแล้วแท้ๆ แต่เธอก็ไม่ได้รู้ตัวเลย กว่าจะรู้อีกทีก็เมื่อภัยมาถึงตัวแล้ว
ครั้นพอเห็นว่าลูกน้องกำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนฝันก็ตวาดแว๊ดทันที
“งานประชาสัมพันธ์เป็นงานบริการอย่างหนึ่ง ทำหน้าบึ้งแบบนั้น ใครจะอยากมาติดต่อ สอนไม่เคยจำ!”
คนหน้าบึ้งสะดุ้ง หลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อฝ่ามือขาวๆ แต่งเล็บยาวด้วยเพชรวิบวับฟาดเพียะลงบนเคาน์เตอร์อย่างแรง
นวตา
ณดาเอ๊ย ไหนๆ จะเชิดแล้วก็ต้องเชิดให้ตลอด อย่าแข้งขาสั่นสิลูกก เดี๋ยวเขาจับไต๋เราได้นะ 555 ว่าแต่บอสก็ดูท่าจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นะ เช่นเดียวกับการปรากฎตัวของเหมือนฝัน นางจะมาสายมารหรือสายนางฟ้า มาลุ้นกัน ><
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอนะครับ
มาส่งบอสตอนใหม่แล้วค่า
คงเจอผู้หญิงแบบนั้นมาก่อนมั้งก็เลยฝังใจ ไม่ได้เข้าข้างบอสนะ