ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชายาวิปลาส

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่2 ราชโองการสะเทือนแผ่นดินผ(2/2)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 66


                 “มัดมือชก! แบบนี้มัดมือชกข้า...”

    อันเจี๋ยแหวร้องออกมาทันทีที่เข้ามาถึงห้องหนังสือของนาง นางกับรัชทายาทยังตกลงกันไม่เรียบร้อยดีเสียด้วยซ้ำ ทว่าอยู่ ๆ ก็มีคนมาเรียกนางออกไป ปรากฏว่ามีโองการสมรสมาให้นางเสียแล้ว

    ความคิดที่จะโวยวายหาความกับรัชทายาทและเยี่ยนเว่ยอ๋องเป็นอันต้องชะงักลงเมื่อ ในห้องปรากฏบุคคลที่สามที่ไม่ทราบว่ามาได้อย่างไร

    เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้น

    “นี่เจ้าใช้พี่ชายมากดดันข้าคนเดียวไม่พอ ยังใช้บิดามากดดันข้าด้วยหรือ หืม?”

    เจ้าลูกเต่าอัปลักษณ์!

    “น่า...ก็เห็น ๆ อยู่ว่าข้อแลกเปลี่ยนมันน่าสนใจ เจ้าก็ยอม ๆ แต่งกับข้าเถิด เจ้ามีแต่ได้กับได้” เยี่ยนเว่ยอ๋องเอ่ยขึ้นไม่สบตานาง แต่ขณะที่เอ่ยปากเสร็จแล้วแก้มใสนั้นพองลมอย่างน่ารัก

    ตัวนางที่เป็น “อันเจี๋ย” เลือกได้หรือ ในเมื่อประกาศโองการนั้นประกาศไปทั่วแล้ว

    ทั้งที่ยังตกลงกันไม่แล้วเสร็จดีเลยด้วยซ้ำ

    “แล้วเป็นอย่างไร ข้อตกลงที่รัชทายาทเสนอมันไม่ดีหรืออย่างไร เอ่อ...จากที่ข้าแอบฟังข้าว่ามันสมเหตุสมผลมากเลยทีเดียว หรือหากเจ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็ย่อมเรียกเพิ่มได้ทั้งนั้น ไม่เห็นว่าจะติดปัญหาอะไรเลยสักนิด” เยี่ยนหลงเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน

    “ติดสิเพคะ เวลาอย่างไรเล่าที่ไม่เหมาะสม”

    “ใจข้าอยากให้เจ้าแต่งเข้าจวนอาเว่ยวันนี้เลยด้วยซ้ำ”

    “ฝ่าบาท” นางเอ่ยออกมายากท้อแท้... คนบ้านนี้เวลาเอาแต่ใจแล้วยากจะคุยด้วยเหลือเกิน

    “เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว หากไม่แต่งยามนี้แล้วเจ้าจะแต่งยามใดกัน แค่นี้ชาวเมืองยังนินทาเจ้าไม่พอหรืออย่างไร ข้าว่ามันสมควรแก่เวลาแล้ว”

    “แต่ว่า”

    “หากมิยอมแต่งรู้หรือไม่ว่าอันเจี๋ยต้องตาย เพราะข้าประกาศโองการอย่างยิ่งใหญ่ไปแล้ว คนที่หนีได้มีแต่คนตายเท่านั้น”

    “โอย...ข้าตายมาตั้งสามครั้งแล้ว ตายอีกสักครั้งปลาคงไม่บินได้หรอกเพคะ”

    “เสี่ยวเจี๋ย” ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงท้อถอย

    “ต้องเก็บกวาดให้หมดจดอย่างถึงที่สุด เจ้าตายครั้งหนึ่งคนทั้งหมดของเจ้าก็ต้องหายไปด้วย ข้าลงแรงกับตระกูลอันไปเยอะ การจะลบตระกูลใหญ่ขนาดนั้นออกไปได้โดยไร้ข้อสงสัยมันเป็นไปไม่ได้ อีกอย่าง หลายคนเห็นใบหน้า ‘จริง’ ของเจ้าหมดแล้ว ต่อให้เจ้าตายอีกกี่ครั้งมันก็ไม่ช่วยอะไร เพราะพวก ‘มัน’ ต้องออกตามล่าเจ้าทุกทางแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นคนแก่เช่นพวกข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าจะปกป้องพวกเจ้าไว้ได้นานแค่ไหนเพราะในวังหลวงของข้าก็ส่อแววไม่ดีขึ้นมาแล้ว”

    ท่านอา!!...เหตุใดพูดเป็นลางแบบนั้นเล่า ท่านทำได้ตั้งสิบหกปี ก็ต้องทำได้สิ! ท่านเป็นฮ่องเต้นะเจ้าคะ!”

    “ใต้หล้านี้มิได้มีข้าเป็นฮ่องเต้เพียงหนึ่งนี่” .เยียนหลงฮ่องเต้เอ่ยอย่างไม่ยีระ ทั้งยังคงท่าทีเบาสบาย

    “ข้าต้องรีบหนีแล้วสินะ” นางพึมพำเบาๆ มิได้ใส่ใจ

    “ช้าก่อนสิ ข้าทำมิได้แต่บุตรชายข้าย่อมช่วยเจ้าได้นะ เสี่ยวเจี๋ยเอ๋ยเสี่ยวเจี๋ย ท่านอาน่ะนะเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเจ้าเสมอ เจ้าแต่งให้อาเว่ยรับรองเจ้ามีแต่ได้กับได้ หากเจ้าแต่งให้ลูกข้าสิ่งที่เจ้าปรารถนาทุกอย่างจะเป็นของเจ้า เพราะข้านะ.....” โอรสสรรค์พูดร่ายยาวเหยียดคล้ายกลัวเยี่ยนเว่ยอ๋องแต่งภรรยามิออก ทั้งยังยื่นข้อเสนอล่อตาล่อใจนางอีกมากมาย จนคล้ายว่านางจะไร้ข้อโต้แย้งได้

    ฟังไปฟังก็คล้ายจะเวียนหัวในที่สุด ก็ยอมเอ่ย “ก็ได้” ออกมา

    แต่งให้อาเว่ยนางก็ไม่ขาดทุนอะไร ฮองเฮากับไทเฮารึก็ใช่จะจัดการไม่ได้ นางยังได้สิ่งที่นางต้องการอีกมากมาย นั่นสิ...แต่งก็แต่ง

    วูบหนึ่งนางเห็นด้วย แต่วูบหนึ่งนางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

    แต่ที่ใดไม่ถูกต้องกันนะ...นางตอบไม่ได้

    น่าเสียดายที่นางมิทันได้หันไปเห็นเยี่ยนเว่ยอ๋องยกนิ้วและแอบส่งยิ้มสมใจให้กับบิดา มิเช่นนั้นนางอาจจะพอนึกออกว่าอะไรที่ไม่ถูกต้องนั้นคือสิ่งใด

     

     

    ฝากเหนือสุดของแผ่นดินต้าจง ด้านแคว้นจ้าวซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือสุดของแคว้นเยี่ยน

    ดินแดนแห่งนี้นับเป็นดินแดนที่ขึ้นชื่อในสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมโหดร้ายยิ่งนัก พื้นดินในแค้วนเต็มไปด้วยหน้าผาหินสูงชัน พื้นที่ทางการเกษตรน้อยนิด หนำซ้ำอากาศยังหนาวรุนแรง หากผู้คนของแคว้นนี้ล้วนเป็นผู้ที่มีความสามารถ ฉลาดหลักแหลม กำลังรบเข้มแข็งดุดัน ในอดีตเกิดการชิงดีชิงเด่นของกลุ่มอ๋องและเหล่าขุนนางอยู่ตลอดทำให้สถานการณ์ภายในแคว้นไม่ค่อยสงบสุขนัก จ้าวชิงฮ่องเต้ใช้เวลาทั้งชีวิตในการยุติปัญหาเหล่านี้ ในช่วงเวลานี้ปัญหาภายในแคว้นจึงลดลงไปมากนัก

    ตำหนักเลี่ยงหรงอันเป็นตำหนักใหญ่ที่ไม่ได้โอ่อ่า เป็นตำหนักที่เรียบง่ายทว่าแฝงกลิ่นอายความดุดันและทรงอำนาจดั่งเจ้าของตำหนัก

    ภายในตำหนัก ปรากฏคนสองผู้กำลังเดินหมากกันอย่างเคร่งเครียด หนึ่งเป็นชายสูงวัยในชุดสีดำคลิบแดงลายมังกรแม้จะชราทว่าคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของผู้อำนาจไม่เสื่อมคลาย

    เป็นจ้าวชิงฮ่องเต้แห่งแคว้นจ้าว ฝั่งตรงข้ามของพระองค์นั้นเป็นหญิงงามอายุยังน้อยนางหนึ่ง งามล้ำดั่งสามารถล่มแคว้นล่มชาติ องค์หญิงจ้าวซื่อผิง องค์หญิงขั้นหนึ่งของแคว้นจ้าวผู้นี้ฉายแววความงามล้ำตั้งแต่ยังเยาว์วัย ยามนี้อายุสิบเจ็ดปี เค้าความงามจึงฉายชัดบนใบหน้าของนาง

    องค์หญิงผู้นี้กำเนิดในองค์จ้าวหลัน ธิดาองค์เดียวของเต๋อฮองเฮา ด้วยมีเหตุให้พลัดพรากจากใอีกทั้งสิ้นมารดา เมื่อหวนคืนสู่ฐานะองค์หญิงน้อยจึงถูกเลี้ยงดูมาโดยเต๋อฮองเฮา และได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงลำดับที่หนึ่ง องค์หญิงผู้นี้เป็นที่รักของประชาชนเนื่องจาก ประการแรกองค์หญิงจ้าวหลันผู้ล่วงลับนั้นเป็นที่รักและเทิดทูนของประชาชนอยู่แต่เดิม ความเทิดทูนที่ประชาชนมีให้มารดาจึงเผื่อแผ่มาถึงบุตรด้วย ประการต่อมานอกจากความงามที่ยากจะมีผู้ใดเทียบองค์หญิงผู้นี้ยังนับเป็นยอดหญิงอย่างแท้จริง นางงดงามและยังฉลาดล้ำลึก กิริยางดงาม อ่อนโยนและใส่ใจในความทุกข์ยากของประชาชน องค์หญิงน้อยที่ติดตามพระอัยกาและปิตุลาทรงงานผู้นั้นบัดนี้เติบใหญ่เป็นหญิงสาวที่งดงามเพียบพร้อมถึงเพียงนี้ผู้คนต่างคาดเดาไปว่าบุรุษใดหนอจะได้เคียงคู่ยวนยาง

    ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ มีข่าวลือหนาหูคาดว่าองค์หญิงซื่อผิงจะต้องแต่งออกให้เยี่ยนเว่ยอ๋องแห่งแค้วนเยี่ยน ความงามเยี่ยนเว่ยอ๋องนั้นลือไกลนับพันลี้แปดทิศสิบสองแคว้น เมื่อข่าวว่าเช่นนั้นผู้คนแคว้นเยี่ยนต่างก็วาดหวังว่าจะได้เห็นงานอภิเษกระหว่างอ๋องต่างแคว้นและองค์หญิงอันเป็นที่รัก คงจะเป็นการอภิเษกที่ยิ่งใหญ่และเป็นเรื่องเล่าขานไปได้ชั่วลูกชั่วหลาน

    น่าเสียดาย ที่เรื่องราวเช่นนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเสียแล้ว

    ครานี้ราชโองการสมรสในแดนไกลที่ประกาศดังก้องไปทั่วหล้าราวจงใจให้ได้ยินทุกแว่นแคว้นแผ่นดินต้าจงนี้ตีแสกหน้าเหล่าผู้ที่มั่นใจนักหนาว่าเยี่ยนจ้าวจะได้เกี่ยวดองกัน

    จ้าวซื่อผิงขบริมฝีปากแน่น หมากที่กำลังเดินกับเสด็จปู่นี้นางเข้าตาจนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    เป็นหมากแคว้นเยี่ยน

    ดวงตาหงส์มีความดื้อดึง เผยความไม่ยินยอม เมื่อพิจารณาอย่างไรแล้วก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตนวางหมากผิดที่ใด เหตุใดการณ์จึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

    สาวงามทอดถอนใจจำนนด้วยไม่อาจชนะได้แล้ว

    “หลานยอมแล้วเพคะท่านตา”

    จ้าวชิงฮ่องเต้ระบายยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

    “สนุกนัก ฝีมือของหลานก็ยังคงน่าตื่นตาตื่นใจเสมอ”

    “ทรงชมหลานทั้งที่แพ้ราบคาบเช่นนับว่าไว้หน้าหลานแล้ว” ร่างแบบบางยิ้มน้อย ๆ มองดูอัยกาจิบชานิ่ง ๆ ก่อนเอ่ยถามขึ้นด้วยความอดสงสัยไม่ได้

    “หลานไม่เข้าใจว่าหลานวางหมากผิดที่ใด เหตุใดการณ์ถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้” โฉมงามครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ

    “หมาก ‘กระดานนี้’ ตาศึกษามาทั้งชีวิตยังไม่ค่อยเข้าใจนักเลย ไม่แปลกที่หลานจะไม่เข้าใจ”

    เรื่องราวของแคว้นเยี่ยนซับซ้อนยิ่งนัก บางครั้งคล้ายกำลังชมงิ้วโรงหนึ่ง เป็นเช่นนี้มาอย่างยาวนาน แต่เดิมตั้งแต่สมัยรวมแผ่นดิน แซ่เยี่ยนก็เป็นแซ่ที่ตระกูลใด ๆ ต่างให้เกียรติรทั้งสิ้น ผ่านช่วงเวลายาวนานหลายร้อยปี นับตั้งแต่ยุคสมัยต้าจงอันรุ่งเรือง ผ่านยุคสมัยของการแบ่งแยกดินแดนสิบราชวงศ์สิบสองแค้วน จนถึงปัจจุบันหลายตระกูลเริ่มตกต่ำจนถึงล่มสลาย แต่ตระกูลเยียนก็ยังคงอยู่ยืนยง แม้ไม่เติบโตไปมากว่านี้ ทว่าก็ยังคงอยู่อย่างได้รับเกียรติสูงสุดเสมอ

    บรรพบุรุษแค้วนจ้าวมีคำกล่าวถึงชนรุ่นหลังทุกยุคสมัยว่าคนแซ่เยี่ยนไม่อาจดูแคลน แคว้นเยี่ยนไม่อาจรุกราน ในคลาแรกเขารู้สึกเหยียดหยันบรรพบุรุษที่ประเมินค่าแคว้นเยี่ยนสูงส่งเกินไปเสียหน่อย พออยู่มาจนอายุปูนนี้แล้วเขาจึงคล้ายยอมรับคำกล่าวของบรรพบุรุษว่าถูกต้องอยู่บ้าง เป็นเรื่องจริงที่แคว้นเยียนเป็นแค้วนที่ยากจะรุกราน ทั้งทีการเมืองภายในวุ่นวายตลอดเวลาทว่าจะยุแยงให้แตกแยกจากภายในทำได้ยากเกินไปอย่างน่าเหลือเชื่อ เมือหลายสิบปีก่อน เจ้าเด็กอู่เหวินแห่งแคว้นอู่ต้องลงแรงไปมากทีเดียวกว่าจะทำให้แคว้นเยี่ยนระส่ำระสายได้ถึงเพียงนั้น

    ทว่าทันทีที่เตรียมจะเผด็จศึกแคว้นเยี่ยน แค้วนฉู่ที่เป็นแคว้นพันธมิตรหนี่งเดียวก็ถูกแคว้นข้างเคียงและพวกนอกด่านรุกรานพร้อมกันจนต้องถอนทัพกลับมาช่วยทางแค้วนแคว้นฉู่ต้านศึก เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ทว่าช่วงเวลาสั้น ๆ นั่นเองแค้วนเยี่ยนที่ง่อนแง่นก็สามารถกลับมาอย่างมั่งคง ทั้งยังสามารถทำให้ทุกแคว้นลงนามในสัญญาสงบศึกปิดประตูโอกาสการุกรานจากแค้วนอู่ไปแล้วทุกบาน หลังจากสงครามเหมยแดงในครั้งนั้นแค้วนเยี่ยนก็ไม่ปล่อยโอกาสให้แค้วนอื่นทราบความเป็นไปอันแท้จริงของแค้วนได้โดยง่าย และดูเหมือนว่าเยี่ยนหลงฮ่องเต้นั้นจะปรีชากว่าผู้เป็นบิดามาก นับตั้งแต่เยี่ยนหลงขึ้นครองราชย์ แคว้นเยี่ยนก็คล้ายปั่นประสาทแว่นแคว้นต่าง ๆ มิทราบว่าข่าวใดจริงข่าวใดลวงกันแน่

    “หลานคล้ายโดนปั่นหัว”

    “ใต้หล้าล้วนโดนคนบ้านนั้นปั่นหัวได้ทั้งนั้น” จ้าวชิงฮ่องเต้กล่าวกลั้วหัวเราะ

    “หลานแปลกใจนักว่าเหตุใดผู้คนถึงให้ความสนใจกับเยี่ยนเว่ยอ๋องมากกว่ารัชทายาทเสียอีก คราแรกคิดว่าการเมืองภายในต้องการปั่นป่วนเพื่อให้พี่น้องระแวงกันเอง แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเยี่ยนเว่ยอ๋องทำตัวเสมือนอยู่เหนือราชสำนัก แต่มองไปแล้วกลับไม่ใช่ คนผู้นี้นับเป็นหมาป่าห่มหนังแกะโดยแท้ คนเช่นนี้ควรจะแต่งให้กับคุณหนูตระกูลใหญ่หรือไม่ก็ควรจะเป็นองค์หญิงจากต่างแคว้น ยิ่งราชโองการนี้ยิ่งน่าสงสัยนักเว่ยอ๋องเป็นคนโปรดของทุกคน อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ควรได้แต่งชายาเอกเป็นคนธรรมดาเพียงนี้”

    จ้าวชิงฮ่องเต้อมยิ้มน้อย ๆ หลานสาวกล่าวผิดแล้ว ทั่วทั้งแคว้นเยี่ยนจะควานหาสตรีใดที่มั่งคั่ง มากความสามารถเท่าอันเจี๋ยได้เล่า จะเสียก็แต่ฉาวโฉ่ไปเสียหน่อยเท่านั้นเอง

    ถึงแม้ในใจจะมีความคิดเช่นนั้น กลับตอบความหลานรักไปอีกอย่าง

    “ว่ากันว่างิ้วโรงใดก็ไม่สนุกและน่าชมเท่างิ้วตระกูลเยี่ยนอีกแล้ว หลานลองมองว่าแคว้นเยี่ยนเป็นงิ้วหนึ่งโรงเท่านั้นแล้วจะพบว่างิ้วโรงนี้สนุกนักเชียว”

    องค์หญิงซื่อผิงยังคงเม้มริมฝีปากแน่น

    “หลานยังมีเรื่องไม่เข้าใจอยู่มากรบกวนท่านตาช่วยไขข้อกระจ่างได้หรือไม่”

    “หลายรักลองว่ามาสิ”

    “หลานไม่เข้าใจในตัวสตรีนามอันเจี๋ยและเซียวจื่อเถิง...ท่านตาคิดว่าคนสองผู้นี้มีความสัมพันธ์กันหรือไม่”

    “ไม่แน่ใจนัก” คล้ายไม่อยากตอบนัก

    แท้จริงเป็นอย่างไรจ้าวชิงสามารถคาดเดาได้แปดถึงเก้าส่วนแล้ว จะตอบข้อข้องใจของหลานสาวไปเลยก็ย่อมได้ ทว่านางรู้ไปจะได้ประโยชน์อะไรเล่า อีกอย่างหนึ่งที่เขาหวาดกลัวมากที่สุด นั่นคือผู้ที่เข้าใกล้ความจริงข้อนี้ ไม่ว่าจะมีชาติกำเนิดสูงส่งเพียงใดล้วนมีจุดจบที่ไม่สู้ดีนัก แม้จะยังมีความเป็นไปได้บางอย่างที่ทั้งสองคนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันก็ไม่สามารถสืบหาเบาะแสไปได้มากกว่านี้แล้ว เพราะอย่างไรเสียความจริงที่ว่าเบื้องลึก เบื้องหลังของสตรีทั้งสองนางนี้ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่สามารถล่วงเกินได้ หลานสาวผู้แสนดีของเขาไม่ควรที่ต้องรับสารใดอันจะเป็นภัยแก่นาง

    “ฝ่าบาทคังอ๋องกับซื่อจื่อขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ” กงกงคนสนิทมารายงานบทสนทนาจึงได้ขาดตอนและหยุดชะงักไปเมื่อคังอ๋องโอรสองค์โตของจ้าวชิงฮ่องเต้และคังอ๋องซื่อจื่อจ้าวหยางโอสรของคังอ๋องเข้าเฝ้าด้วย

    “ถวายบังคมเสด็จพ่อ/ถวายบังคมเสด็จปู่”

    “ซื่อผิงคาระวะคังอ๋องและคังอ๋องซื่อจื่อเพคะ”

    “ตามสบายเถิด คนกันเองทั้งนั้น อย่าได้มากพิธี” เป็นจ้าวชิงฮ่องเต้ที่เอ่ย

    “ทูลเสด็จปู่ หลานขอยืมตัวผิงเอ๋อได้หรือไม่ เรือนเพาะชำกลางมีปัญหาขึ้นมาอยากให้น้องหญิงเข้าไปดูซักหน่อยพะยะค่ะ” องค์หญิงซื่อผิงมองพระพักตร์ฮ่องเต้ เมื่อพระองค์พยักหน้าอนุญาตจึงทูลลาออกไปพร้อมญาติผู้พี่ด้วยจิตใจที่ไม่แจ่มใสนัก

    ฟากคังอ๋องเมื่อหลานสาวและบุตรชายออกไปแล้วจึงนั่งลงข้างบิดา

    “หลงเยี่ยเดินหมากเด็ดขาดนัก จัดการให้สองคนนั้นแต่งกันนับว่าตัดเส้นทางทั้งขุนนางในแคว้นและคนต่างแคว้นได้ชะงัด” จ้าวชิงฮ่องเต้เอ่ยกับโอสรไร้แววอ่อนโยนดังเช่นอยู่กับหลานสาว

    “เป็นดังที่เสด็จพ่อกล่าว หลายวันก่อนหน่วยข่าวรายงานว่าแคว้นอู่และเฉินเตรียมสู่ขอพระราชทานสมรสจากแคว้นเยี่ยนคาดว่าน่าจะเป็นเว่ยอ๋องแคว้นเยี่ยนในงานรับรองราชทูตที่แคว้นเยี่ยนอีกสองเดือน แต่มีข่าวลือหลายวันก่อนเว่ยอ๋องปะทะเข้ากับคนของแคว้นอู่ที่ตามแกะรอยเรื่องของเซียวจื่อเถิงพะยะค่ะ”

    “อู่เหวินดูไม่ถอดใจจากคนตระกูลเซียวจริง ๆ น่าเวทนานัก” ฮ่องเต้แคว้นอู่ผู้นั้นยึดติดกับตระกูลเซียวนัก คนผู้นั้นต้องการครอบครองทุกอย่างที่เป็นของตระกูลเซียว การสูญเสียนางอันเป็นที่รักไปด้วยชะตาดอกท้อนั้นคือจุดเริ่มต้น ที่ทรมานที่กัดกร่อนหัวใจผู้คนนับพันนับหมื่นอย่างไม่รู้จบ

    “แว่วมาว่าคนแคว้นอู่สงสัยในตัวอันเจี๋ยและเซียวจื่อเถิงพวกเขาอาจจะขอสมรสพระราชทานอันเจี๋ยในงานรองรับราชทูตพระยะค่ะ”

    จ้าวชิงฮ่องเต้ชะงักและครุ่นคิด

    “ขอไปก่อนหากใช่ก็นับว่าได้ประโยชน์ หากไม่ใช่ก็ไม่เสียหาย อย่างไรเสียก็ไม่คุณหนูที่บ้านเดิมร่ำรวยและยังพอจะมีความสามารถพอเชิดหน้าชูตาได้บ้าง แม้ว่าจะมีหลายอย่างที่ดูไม่สมตุสมผลนักแต่ก็นับว่าแคว้นอู่วางแผนได้ไม่เลวนักพะยะค่ะ”

    “เสียดายว่า ‘เยี่ยน’ รู้ตัวก่อน ‘อู่’ จึงพลาดไปเพียงนิดเดียว เหตุนี้เองกระมังหลงเยี่ยถึงได้ให้ขุนนางตัวเองกวนน้ำให้ขุ่นปั่นกระทั่งมารดาให้เร่งเรื่องการสมรสของเว่ยอ๋อง หึ...ยายเฒ่าสกุลเจียงเสียรู้แล้ว” ฮ่องเต้เอ่ยขึ้นมีรอยยิ้มสาแก่ใจ เมื่อนึกถึงอตีดสหายที่กลายเป็นอริแม้ตายไม่ขอพบหน้าอย่างเจียงหรานหรือเจียงไทเฮาแห่งแคว้นเยี่ยน

    “ทางด้านแคว้นหนานเล่า” ตระกูลหนานเป็นแค้วนพันธมิตรอันเหนียวแน่นมาหลายชั่วอายุคนของตระกูลเยี่ยน หากรู้ท่าทีของแคว้นหนานก็ย่อมสามารถพิจารณาสถานการณ์ได้ชัดเจนขึ้น

    “ไม่มีท่าทีอะไรเลยพะยะค่ะ”

    “หืม...” จ้าวชิงฮ่องเต้ประหลาดใจเล็กน้อย

    “แล้วเยว่อ๋องเล่า”

    “ทางด้านเยว่อ๋องก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยพ่ะยะค่ะ”

    “ประหลาดเกินไป” คนตระกูลหนานชอบตีโพยตีพายให้ทุกเรื่องเป็นเรื่องใหญ่เกินเหตุอยู่แล้ว ที่หนานอ๋องไม่มีท่าทีต่อเรื่องนี้ว่าชวนให้แปลกใจแล้ว การที่คนวิปริตอย่างเยว่อ๋องไม่มีท่าทีต่อเรื่องเลยต่างหากที่น่าประหลาดใจอย่างแท้จริง

    “ลูกก็คิดเช่นนั้น...เรื่องสมรสก็ยังไม่แจ้งแก่ใจนักว่าทั้งสองคนนั้นสมัครใจรึเปล่า เรื่องนี้มีมือที่มองไม่เห็นหลายมือนักพะยะค่ะ อีกทั้งมีเงื่อนไขอื่นที่เราก็ยังไม่ทราบชัด ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะทำไปเพื่ออะไรกันแน่”

    ฮ่องเต้ได้แต่ทอดถอนใจ โชคชะตาของผู้อื่นหาใช่เรื่องที่จะสอดมือได้ ‘อดีต’ ที่ผ่านไปล้วนบอกได้อย่างดีว่าผลของการยื่นมือเข้าไปพัวพันวาสนาของผู้อื่นนั้นนำมาซึ่งความสูญเสียอันใดบ้าง

    แต่ดูคล้ายหลายคนกลับไม่เข็ดขยาด

    “แต่ไม่ว่าอย่างไรคงต้องหาอะไร ‘ดี ๆ’ ไปอวยพรให้กับเจ้าเด็กสามหาวพวกนั้นเสียหน่อย”

    “ลูกทราบแล้ว” คังอ๋องย่อมทราบความนัยที่บิดากล่าว

    “งิ้วโรงนี้ควรมองอยู่ห่าง ๆ จะดีเสียกว่า หึ ๆ จะเซียวจื่อเถิงหรืออันเจี๋ยก็ล้วนเป็นปีศาจทั้งคู่ การหาเรื่องกับคนเช่นนี้มีแต่รังแต่จะหาเรื่องให้โดนถอนหงอกเท่านั้น ความนี้ไม่รู้ยายเฒ่าสกุลเจียงผู้นั้นจะคิดตกหรือไม่”

     

    เพล้ง!!

    เสียงเครื่องกระทบพื้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เครื่องเรือนวิจิตรมากมายถูกกวาดลงพื้นโดยผู้กระทำไม่ได้อาทรต่อคุณค่าและราคาของสิ่งของเหล่านั้นเท่าใดนัก เพียงเท่านั้นก็บ่งบอกได้แล้วว่าเจ้าของเรือนนั้นอยู่ในอารมณ์โกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง

    เจียงไทเฮา โกรธจนหน้าคล้ำ ก้อนความกริ้วโกรธจุกอยู่ที่อก หากไม่หาทางระบายออกไปพระนางคงอกแตกตาย

    “น่าชังนัก! ฮ่องเต้เห็นข้าเป็นตัวอะไร! เห็นคนแซ่เจียงเป็นตัวอะไร!”

    “ไทเฮา ทรงถนอมพระวรกายด้วย” นางกำนัลและขันทีต่างหมอบคลานไม่กล้าสบตาผู้เป็นนาย เจียงไทเฮาผู้นี้หน้าฉากเป็นผู้ทรงธรรมที่น่านับถือ ทว่าหลังฉากนั้นพระนางเป็นผู้หนึ่งที่อารมณ์ร้ายและเอาแต่ใจไม่แพ้ผู้ใด

    พระนางคาดหวังและลงทุนลงแรงกับการสมรสของเยี่ยนเว่ยอ๋องยิ่งนัก นางหรือสู้อุตส่าห์วางแผนการมาอย่างยาวนาน เตรียมการมาเป็นอย่างดี กว่าจะลงมือกดดันเรื่องนี้เข้าไปยังสภาขุนนางได้มิใช่เรื่องง่าย แต่ฮ่องเต้ลงมือเร็วนัก เพียงวันเดียวที่มีการเอ่ยถึงการแต่งงานของเว่ยอ๋องในท้องพระโรง พระราชโองการก็ถูกโยนไปที่จวนสกุลอันแล้ว แบบนี้มิเท่ากับรอจังหวะชิงลงมืออยู่แล้วหรอกหรือ

    “ลูกชั่ว!” เจียงไทเฮาหลุดปากผรุสวาทออกมาหนึ่งคำทำให้ทั่วทั้งตำหนักตะลึงลาน ขันทีและนางกำนัลต่างเร่งคุกเข่าโขกศีรษะลงพื้นคล้ายไม่กลัวเจ็บ

    “ไทเฮา ระงับโทสะด้วย! ระงับโทสะด้วย”

    คำกล่าวที่ถูกเล่าลือไปไกลนับหมื่นลี้ อันความว่า งิ้วโรงใดจะสนุกเท่างิ้วสกุลเยี่ยน ความนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงต่อยอย่างใด เบื้องหน้าไทเฮาและฮ่องเต้เป็นบุตรและมารดาที่รักใคร่ ทว่าความจริงไม่คล้ายจะเป็นเช่นนั้น แต่เดิมเจียงไทเฮาผู้นี้ดำรงศักดิ์เป็นเจียงกุ้ยเฟย นางเป็นที่รักของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ทั้งชีวิตพัวพันในวังวนของอำนาจอันไม่จบสิ้น ขณะที่องค์ชายหลงเยี่ยเป็นองค์ชายเจ้าสำราญที่ไม่ได้ใส่ใจในบัลลังก์มังกรทอง ทรงใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีนอกวังหลวง ท่องไปทั่วหล้า เป็นเหตุให้พระองค์ได้พบกับคนแซ่ เถียน แซ่เซียว แซ่อัน แซ่อู่ แซ่หนาน และคนแซ่เว่ยผู้หนึ่งที่เป็นอย่างพระองค์

    น่าขันที่โชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตผู้คนเหลือเกิน ผู้ที่ไม่เคยสนใจในบัลลังก์วันหนึ่งกลับต้องมานั่งบนบัลลังก์ทอง แบกรับภาระอันหนักอึ้งที่ไม่เคยปรารถนาแม้เพียงนิด

    เพื่อให้โอรสได้บัลลังก์ทองแล้ว ยามนั้น ‘เจียงกุ้ยเฟย’ ลงทุนลงแรงไปไม่น้อย สารพัดเล่ห์กลถูกนำมาใช้เพื่อให้โอสรของตนกลายเป็นโอสรที่มีน้ำหนักในพระทัยฮ่องเต้พระองค์ก่อน อีกทั้ง ‘กำจัด’ ขวากหนามที่ขวางทางโอสรของพระองค์ในปีที่เยี่ยนหลงฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์นั้นเกิดจลาจลครั้งใหญ่ขึ้นภายในแคว้น เชื้อพระวงศ์ที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดล้วนเป็นหลักฐานของความสูญเสียได้เป็นอย่างดี

    สิ่งที่ผิดพลาดในยามนั้นของเจียงกุ้ยเฟยคือการที่ไม่ได้กำจัดคุณหนูสกุลเถียน นามเมิ่งผู้นั้น

    นางนึกไม่ถึงว่า เพื่อต่อต้านนาง โอรสเพียงคนเดียวของนางจะกล้าถึงขั้นใช้หมากพิสดารอย่างหมากตระกูลเถียน

    และก็เป็นนางเองที่ประมาทความสามารถของเถียนเมิ่ง เพียงกะพริบตาเถียงเมิ่งก็กลายเป็นสตรีที่ยากจะกำจัด นางแพศยานั่นกลายหนามยอกอกที่คอยทิ่มแทงและสร้างปัญหาให้กับพระนางมาได้จนถึงปัจจุบัน

    ภายหลังไม่กี่ปีหลังเยี่ยนหลงฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ เพื่อให้บัลลังก์ของฮ่องเต้มั่นคง สิ่งที่ถูกมองว่าเป็น ‘ขวากหนาม’ และ ‘ภัยคุกคาม’ ล้วนต้องถูกกำจัด การสอดมือของเจียงไทเฮาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สกุลเซียวทั้งสกุลต้องล่มสลาย เรื่องราวในปีนั้น ยังถูกเล่าขานในนาม ‘สงครามเหมยแดงทิศบูรพา’ ภายหลังที่สงครามอันลือเลื่องสิ้นสุด ฮ่องเต้ที่เอาใจออกหากจากมารดาตั้งแต่ยังเป็นองค์ชายผู้หนึ่งก็ยิ่งห่างเหินดั่งกลายเป็นคนอื่น

    การล่มสลายของคนแซ่เซียวคือชนวนสำคัญที่สร้างความร้าวฉานไม่อาจประสานของสองแม่ลูกคู่นี้

    ยิ่งคิดพระนางยิ่งคั่งแค้น นางลงทุนไปมากเท่าไหร่ ทำเพื่อเจ้าลูกไม่ได้ความผู้นั้นมีวันนี้ นอกจากจะไม่สำนึก สิ่งที่มอบให้นางยังมีแต่ความหมางเมิน ยามที่ฮ่องเต้แสดงความห่วงใยนางต่อหน้าผู้อื่นมากเพียงใด ใจนางดั่งมีไฟโหมอยู่ภายใน เพราะทราบดีว่านั่นคือร่องรอยของความเกลียดชังที่ถูกกลบซ่อนเอาไว้

    เบื้องหน้ากตัญญูรู้คุณ ห่วงใยมารดา เบื้องหลังลอบเด็ดปีก หักแขนขาของนางจนแทบหมดสิ้น

    ไม่เรียกลูกชั่วแล้วจะให้เรียกว่าอะไร!

    “ท ไทเฮา คุณหนูเจียงซู่ขอเข้าเฝ้าพระยะค่ะ” กงกงหน้าตำหนักเอ่ยขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

    “ให้นางกลับไปก่อน ข้ายังไม่อยากพบใครทั้งนั้น!” เจียงไทเฮาโบกมือไล่

    “ร รับพระบัญชาพระยะค่ะ”

    นึกถึงคนตระกูลเจียงที่มาหาพระนางแล้ว โทสะที่ทำท่าจะลดลงก็คล้ายจะโหมกระพือขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะกล่าวว่าฮ่องเต้ผู้นี้รักมารดายิ่งแล้วใครจะใคร่เชื่อ ในเมื่อในตำหนักในของฮ่องเต้ไม่มีคนแซ่เจียงอยู่เลยแม้เพียงผู้เดียว แม้แต่บรรดาชายาของรัชทยาทก็ไม่มีเช่นนั้น ทั้งที่นางพยายามส่งเสริมอย่างออกนอกหน้า สตรีแพศยาตำหนักในของฮ่องเต้ก็หาเรื่องมาขัดแย้งได้ตลอด น่าโมโหนัก ไม่รู้ว่าเจ้าลูกผู้นี้ไปสรรหาหญิงยากรับมือสี่นางนั้นมาจากที่ใด พวกนางไม่ถูกกันก็จริง แต่กลับไม่ยอมให้อำนาจสายใดสายหนึ่งหายไปอย่างง่าย ๆ ยากจัดการให้ตายตกตามกันยิ่งนัก ขนาดโดนเนรเทศออกนอกวังไปแล้วยังเสนอหน้ากลับมาได้อีกเช่นนั้น ยิ่งคิดยิ่งชวนให้ชิงชัง

    ครานี้พระนางลงทุนเรื่องการสมรสของเยี่ยนเว่ยอ๋องนักด้วยหวังว่าจะยัดคนสกุลเจียงให้เกี่ยวดองกับราชวงศ์อีกครั้ง เว่ยอ๋องแม้เป็นโอสรในฮองเฮาแต่อำนาจในราชสำนักไม่โดดเด่น ความสามารถก็ไม่ปรีชา ทั้งร่างกายอ่อนแอ ไม่อาจขึ้นครองราชย์ อย่างไรก็ไม่เป็นภัยแก่รัชทายาทที่ปรีชาสามารถไร้กังขาอยู่แล้ว การจะให้คนสกุลเจียงแต่งเข้าก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องไม่สมควรและไม่เป็นที่เพ่งเล็ง หากใช้เส้นสายกลในที่นางยังเหลืออยู่อีกทั้งอ้างความเจ็บป่วยของนางต่อหน้าสาธารณะชนกดดันฮ่องเต้ ย่อยต้องได้ผล

    คาดไม่ถึง เพื่อหักหน้านาง ฮ่องเต้ถึงกับให้เยี่ยนเว่ย แต่งกับนางเด็กสารเลวอันเจี๋ย!

    มีผู้ใดไม่แจ้งแก่ใจบ้างว่านางลงทุนทุกอย่างนี้เพื่อให้คนสกุลเจียงหรือคนของนางได้แต่เข้าราชวงศ์!

    เป็นผู้ใดไม่เป็น แต่เป็นอันเจี๋ย!

    นางเด็กจองหองที่มีสายเลือดชั่วไหลเวียนในกายนางนั้น!

    ‘วาสนาของผู้อื่นหาใช่เรื่องที่ไทเฮาต้องยื่นมือ…’ ถ้อยคำสามหาว ไม่กลัวตายของเด็กผู้หนึ่งลอยขึ้นมาในหัวของนางไม่ขาดสาย

    สามปีก่อนนางพยายามแต่งคนสกุลเจียงให้กับรัชทายาท แต่นางเด็กไม่กลัวตายผู้นี้กลับบริพาษนางอย่างรุนแรง โทษที่สมควรโดนประหารเก้าชั่วโคตรตของนางถูกละเว้นเพียงกักบริเวณในจวนเป็นเวลา สามปีเท่านั้น เท่านี้ก็รู้แล้วว่านางเป็นคนของฮ่องเต้อย่างแท้จริง และไม่แน่ว่าคนที่สั่งนางเด็กนั่งมาต่อว่านางอาจจะเป็นฮ่องเต้ก็เป็นได้

    คิดถึงดวงหน้าของอันเจี๋ย เจียงไทเฮายิ่งเกิดความชิงชังในจิตใจ ดวงตาไม่ยอมคนคู่นั้น จมูกรั้น ริมฝีปากเชิดสูงอย่างถือดี อีกทั้งกิริยาหยิ่ง ทะนงตัวของนาง นางเกลียดทั้งหมด เจียงไทเฮาเกลียดทุก ๆ อย่างของสตรีนางนั้น ฮ่องเต้เลือกนางเข้าราชวงศ์แทนที่จะเป็นคนแซ่เจียงของนางเช่นนี้เท่ากับว่าไม่เห็นแก่ความเป็นบุตรเป็นมารดา ไม่เห็นความดีแต่หนหลังของสกุลเจียงที่ทำเพื่อเขามากมาย

    เช่นนี้ก็ไม่ต้องทนแล้ว!

    ข้าสู้ทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าได้ไปยืนบนจุดสูงสุด แต่เจ้ากลับไม่เห็นหัวข้าเลยซักนิด เช่นนี้ ข้าก็จะลากเจ้าลงต่ำ ข้าส่งเสริมเจ้าได้ก็ทำลายเจ้าได้เช่นกัน

    เจียงไทเฮาครุ่นคิดอย่างมาดหมาย ความแค้นชิงชังที่ฉายชัดในดวงตา ชวนให้หวนนึกถึงคืนวันก่อนหลัง คืนวันที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของแว่นแคว้นและประชาชน คืนวันเหล่านั้นจะวนกลับมาอีกครั้งด้วยโทสะของคนผู้นี้และคลื่นใต้น้ำที่ทำทีสงบนิ่งมาอย่างยาวนาน กว่าจะถึงการนั้นย่อมมีผู้รอจังหวะช่วงชิงและตักตวง

    ผลพวงของการประกาศโองการสมรสนี้สะเทือนไปทั่วหล้าและจุดชนวนให้คนเหล่าเบี้ยบริวารฝักฝ่ายต่าง ๆ เริ่มขยับตัว แม้ไม่ใช่เพื่ออำนาจ แต่ภายภาคหน้าก็ไม่แน่ว่าจะส่งผลกระทบใหญ่เพียงใดขึ้น

     

    อีกด้านหนึ่ง ไกลสุดถึงชายแดนทางใต้ สตรีโฉมงามนางนึงแม้ใบหน้าจะเฉยชา ทว่ามือเรียวงามของนางกำแน่นจนข้อนิ้วขาว ใบหน้าเฉยเมยเหมือนรูปปั้นนั้นหากพิศมองดี ๆ จะเห็นว่าซีดเผือดไร้สีเลือดเพียงใด

    ข่าวสมรสพระราชทานของเว่ยอ๋องและคุณหนูใหญ่แซ่อันเป็นดั่งมีดเล่มสุดท้ายที่เฉือนหัวใจน้อย ๆ ที่แต่เดิมขาดวิ่นของนางให้แหลกละละเอียดไม่เป็นชิ้นดี

    “พระชายา” เสี่ยวฉามองพระชายาหลิวด้วยความสงสารสุดหัวใจ คุณหนูของนางชื่นชมเว่ยอ๋องสุดหัวใจ แต่ชะตากลับต้องแต่งให้กับรัชทายาทที่ไม่ได้รัก แต่งให้กับคนที่ไม่ได้รักก็ว่าเจ็บปวดแล้ว แต่การที่ได้แต่เฝ้ามองคนที่มีใจในฐานะน้องสามีนั่นต่างหากคือความทุกข์แสนสาหัส และคล้ายสวรรค์ชิงชังคุณหนูของนางนักถึงให้บุรุษผู้เป็นที่รักแต่งกับสตรีที่เป็นหนามตำใจของนางอย่างอันเจี๋ย

    “ข้าไม่เป็นไร... เดิมทีวาสนาของข้าและคนผู้นั้นก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” นางกัดฟันเอ่ยอย่างยากลำบาก ใช่แล้ว...เดิมก็ไม่มีหวัง

    ทั้งชีวิตของนางไม่เคยกล้าวาดหวังเกี่ยวกับเว่ยอ๋องอยู่แล้ว แม้ว่าในใจจะบังเกิดความรู้สึกอยากเอื้อนเอ่ยถามออกไปว่า ‘ท่านจดจำข้าได้บ้างหรือไม่มาก’ เพียงใดก็ตาม

    ยิ่งหลังจากที่นางแต่งเข้าตำหนักรัชทายาทแล้ว คอยปรนนิบัติสวามีที่แสนเย็นชาและไร้เยื่อใยต่อนางตามหน้าที่ นางใช้ทั้งลมหายใจเข้าออก ย้ำเตือนกับตนเองเสมอให้ปล่อยวางเรื่องราวแต่หนหลังแล้วเพ่งมองไปข้างหน้าได้แล้ว

    ทั้งที่ย้ำเตือนตนเองทุกเช้าค่ำถึงเพียงนั้น ทั้งที่คิดว่าปล่อยวางไปได้นานแล้วแท้ ๆ

    เพียงแต่เมื่อได้ยินว่าคนผู้นั้นต้องแต่งให้กับผู้อื่น ใจของนางก็ยังคงกระตุกวูบ ยิ่งวูบหวิวไปทั้งใจเมื่อคนผู้นั้นคืออันเจี๋ย

    ‘เยี่ยนเว่ยเป็นของข้า ข้าไม่ยกเขาให้ใครทั้งนั้น’ น้ำเสียงเอาแต่ใจและถือดีนั้นยังคงกระจ่างชัดในใจของนางคล้ายพึ่งผ่านไปไม่นานทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเรื่องราวเมื่อนางยังเป็นเด็กอายุเพียงสิบขวบปีเท่านั้น

    อันเจี๋ยเป็นสตรีที่นางเกลียดและมากกว่าความเกลียดที่มีมันคือความชื่นชมเพราะอันเจี๋ยที่เป็นเช่นนั้น...คือคนที่ทั้งชีวิตนางก็ไม่อาจะเป็นได้

    นางอยากเอ่ยอย่างกล้าหาญว่าไม่อยากยกคนสำคัญให้ผู้อื่นได้เช่นนางบ้าง

    น่าขันนักที่ตนเองมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ

    “เตรียมตัวเก็บของเถิด เราต้องเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงให้ทันงานมงคลของท่านอ๋อง”

    “แต่ว่ารัชทายาท...”

    “รัชทายาทแจ้งว่าเดินทางออกไปแล้ว เจ้าอย่าใส่ใจเลย” นางเม้นริมฝีปากแน่น ก่อนถอนหายใจ

    “ได้อย่างไรกันเพคะ!” พระชายาหลิวรู้สึกโดนเหยียบย่ำความรู้สึกซ้ำ ๆ จนคล้ายคนไร้ความรู้สึกไปแล้ว

    ตั้งแต่แต่งให้กับรัชทายาทก็เป็นเวลาสามปีแล้ว คนผู้นั้นเสมอต้นเสมอปลายยิ่ง....

    ก็คือ...ไม่ดีต่อนางอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

    นอกจากจะไม่รัก ไม่เสน่หา ยังใจร้ายกับนาง เย็นชาต่อนาง และยามนี้ยังเป็นสามีที่ทอดทิ้งนางให้เดินทางจากแดนใต้กลับเมืองหลวงเพียงลำพัง...

    ไม่รู้ว่าจะเหยียบย่ำนางไปถึงเมื่อไหร่

    แต่เอาเถอะ

    เรื่องที่เจ็บปวดมากกว่านี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยพานพบ อย่างไรเสียชีวิตนี้นางก็พบกับความผิดหวัง ความเสียใจมากมายจนด้านชาไปแล้ว กับแค่เรื่องชายที่ชื่นชมกำลังมีงานมงคลกับสตรที่นางไม่ชอบหน้า ขณะที่นางโดนสามีทอดทิ้งให้เดินทางพันลี้กลับบ้านเพียงลำพัง

    เศร้าอยู่บ้าง..แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าโศกสลดจนทำใจไม่ได้หรอก

     

    ……………………………………………………………………………………………………………….

    อห…. มีคนอกหักเยอะเลอ… (แต่จะมีเยอะกว่านี้อีก…ก็คนน่าหน้าดี ถูกใจสาวๆ เป็นธรรมดา)

    อีกทีตอนดึกๆ เช่นเคยค่ะ

     


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×